19:00น.
พรึบ “เสือ!!!”เสียงทุ้มดังตะโกนขึ้นอย่างคนที่ตกใจสุดขีด ผมที่นอนหลับกำลังฝันดีก็เผลอสะดุ้งสุดตัวผวาตื่นไปด้วยอย่างตกใจทคนที่นอนกอดผมและผมก็นอนกอดมันอยู่ทั้งวันผุดลุกนั่งขึ้นอย่างรวดเร็วผมก็งัวเงียๆและก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งตามคนร่างเล็กไป ขอเรียกมันว่าร่างเล็กล่ะกันถึงมันจะเป็นผู้ชายที่ร่างกายเต็มไปด้วยหมัดกล้ามแต่มันก็ตัวเล็กกว่าผมอยู่ดี เหงื่อโทรมกายจนเปียกชุ่มจนลามมาถึงร่างกายของผมเองก็ด้วย พรึบ “หะเห้ย!”เเรงสะบัดพร้อมกับตัวสั่นเทาด้วยความกลัวจัดของคนตรงหน้าผมที่ผมยื่นมือไปจะจับไหล่เขาแต่ถูกเขากลับสะบัดมือผมออก “ตั้งสติ…”ผมเอ่ยขึ้นบอกคนร่างหนาที่เล็กกว่าผมที่นั่งตัวสั่นเทาด้วยความกลัวดูเหมือนเขาจะขาดสติหลุดไปแล้ว เพราะการตกใจสุดขีดของเขาที่เห็นไอ้พรายสมิงมันฆ่าคนตายต่อหน้าต่อตาเขา ทำให้เขาตกใจสุดขีดและสติหลุด ผมคงต้องเรียกสติให้เขา พรึบ ตุ๊บ ผมยันตัวนั่งคุกเข่าและทำการใช้เล็บจิกลงไปบนนิ้วชี้ของตัวเองให้เลือดสีแดงสดไหลรินออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปจับคนร่างหนาตรงหน้าของผมยึดไว้อย่างแรงและจัดการดันร่างของเขาให้ติดกับฝาไม้ด้านหลังและกดปลายนิ้วชี้ที่มีเลือดของผมจี้ลงไปบนกลางหน้าผากของเขาและบริกรรมคาถาออกมาด้วยจิตรที่แข็งกร้าว “{%%^**€#**#&฿¥}”ผมบริกรรมคาถาอยู่สักพักร่างที่สั่นเทาก็ค่อยๆคลายลงจนในที่สุดก็หยุดนิ่งสนิทลง ผมก็ยกมือออกมาจากหน้าผากของผมและเอื้อมมือไปจับโครงหน้าหล่อของเขาแทนพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าไปจ้องใบหน้าหล่อของเขา ที่ตอนนี้สายตาคู่สวยกำลังจับจ้องมองผมอยู่ด้วยสายตาที่เอื่อยเฉื่อยและร่องรอย พรึบ พรีบ พรึบ “แปะๆๆๆๆๆ”ผมตบแก้มของเขาอย่างเบาๆสองสามครั้งเพื่อเรียกสติคนตรงหน้าให้กลับมา “เฮือก!!”จนในที่สุดเขาก็ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับสะดุ้งสุดตัวและก็หลับตาลงหมดสติไปในที่สุด พรึบ ร่างหนาเอนลงมาซบอกผม ผมก็ส่ายศีรษะไปมาก่อนจะจัดการนำพาร่างของเขาให้นอนกลับลงไปบนเตียงนอนที่ทำจากไม้ไผ่ของผมอย่างเเผ่วเบาอย่างเบามือที่สุด พรุ่งนี้เขาจะหายจากอาการตกใจสุดขีดและกลับไปเป็นปกติเหมือนเดิม….อย่างแน่นอน โดยฝีมือพรานที่เก่งที่สุดและหล่อที่สุดในหมู่บ้านภูดาวแห่งนี้แน่นอนภูดาว…..คือชื่อหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ใจกลางระหว่างภูเขาสองลูกที่มีชื่อว่า ภูเขาภูและภูเขาดาวที่มีรูปร่างคล้ายดาวห้าแฉก ชาวบ้านจึงเรียกขานภูเขาสองลูกที่อยู่ใกล้กันว่าภูเขาภูดาว ที่หมู่บ้านแห่งนั่นร่ำลือกันว่ามีนายพรานเก่งกาจอยู่หลายนับสิบคน แต่นายพรานพวกนั้นไม่มีใครสามารถฆ่าเสือสมิงใหญ่ตัวนั้นได้เลยสักคน……ยิ่งมันได้กินนายพรานที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามากเข้าไปเพียงใด วิชาอาคมในตัวมันก็จะแกร่งกล้ามากขึ้นเท่านั้น…เสือสมิง…เสืออาคม คือคนที่เล่นของคาถาอาคม ทั้งไสยเวท ไสยศาสตร์ มนต์ดำ คุณไสย ทำผิดครูและผิดกฏต้องห้ามจนวิชาเหล่านั้นเข้าตัวทำให้กลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน มันจะปลอมแปลงเป็นมนุษย์ที่มันฆ่าได้ทุกคน มันจะกัดกินเลือดกินเนื้อของมนุษย์เพื่อเพิ่ม พละกำลังและพละกำลังคุณเวชของมันที่อยู่ในตัวให้แกร่งกล้าขึ้น กระสุนธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้ มันไม่ตาย เพราะหนังมันเหนียว มันมีของต่ำมากมายอยู่ในตัวสองสิ่งที่จะฆ่ามันได้ก็คือ….กระสุนปลุกเสกจากคนที่มีคาถาอาคมแกร่งกล้า และมีดหมอปลุกเสกนั่นเอง…………………………………………..พุทธศักราช2466เช้าวันต่อมาหมู่บ้านภูดาวบ้านของพรานเข้มดาวเหนือ…..“อืมมมม…”ผมครวญครางออกมาก่
“เป็นอะไรไหม?”เสียงทุ้มเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมที่รับรู้ได้ว่าผมกำลังอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของเจ้าของเสียงที่เอ่ยถามผมก็ค่อยๆลืมตามามองหน้าผู้ชายคนตรงหน้าใบหน้าเรียวเล็กหน้าตาคมเข้มนัยน์ตาสีดำแต่แวบหนึ่งเหมือนเป็นสีเหลือง จมูกโด่งใบหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันมาก มากจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่กำลังเป่ารินรดใบหน้าของผมอยู่ลมหายใจของเขา หอมดีจังเราสองคนเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเหมือนหยุดแน่นิ่งไปเหมือนเวลาหยุด เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างหยุดหมดแต่สิ่งที่กำลังเต้นรัวเร็วอยู่ในตอนนี้คือ หัวใจของผมและของเขาคนนี้ พรึบ“เอ่อ…เอ็งไม่เป็นไรใช่ไหม?”เหมือนคนร่างหนาจะได้สติก่อนผมเขาดันร่างของผมให้ลุกขึ้นยืนและเอ่ยถามผมเสียงเข้มพร้อมกับเสมองไปทางอื่นใบหน้าแดงก่ำอย่างคนที่กำลังเขินอายทำให้ผมยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้นมา คนนี้แหละที่เป็นเจ้าของอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดผมในตอนที่ผมกำลังฝันร้ายอยู่เมื่อคืนนี้“ข้าว่าเอ็งไปนอนพักก่อนเถอะ…จะรีบออกมาทำไม…”“พอดี…ผมหิวน้ำและก็หิวข้าวนะครับ…”ผมเอ่่ยบอกเขาไป เขาก็มองหน้าผมแต่ก็แค่แวบเดียวก่อนจะแปรเปลี่ยนมองไปทางอื่น“งั้นก็ไปนั่งรอที่เอ็งนอนก่
“เสือเย็น”เป็นวิชากลายร่างจากมนุษย์แปลงเป็น เสือ ตำนานสมิงร้ายแห่งล้านนาที่อยู่คู่กับเรื่องเล่าของชาวบ้านมานาน“เสือเย็น" วิชากลายร่างจากมนุษย์แปลงเป็น "เสือ" ถึงวิชาคล้ายกับ "เสือสมิง" เสือเย็น จะเป็นวิชาอาคมที่ใช้แปลงร่างเป็นเสือ แต่สามารถควบคุมสติของตนเองและไม่อาละวาดฆ่าคนได้ แต่ถ้าเป็นเสือสมิงจะไม่สามารถควบคุมสติของตนเองได้เมื่อกลายร่าง……………………………………………… ดาวเหนือ….ต่อ…พรึบ“แผลเอ็งพรุ่งนี้ก็น่าจะหายแล้ว…”พี่เข้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาใส่ยาสมุนไพรให้ผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็นั่งมองพี่เข้มสุดหล่อตาไม่กระพริบด้วยความปลื้มปริ่มใจยังไงบอกไม่ถูก นี่ผมกำลังชอบเขาคนนี้แล้วใช่ไหม?พี่เข้มใช้ผ้าผืนใหม่พันรอบๆเอวผมเพื่อปิดบาดแผลผมให้อย่างนุ่มนวลและเบามือ ผมก็จ้องมองพี่เข้มตลอดระยะเวลาที่เขาทำแผลให้ผม แต่น่าแปลกใจว่าผมนึกว่าจะโดนยิงจนตัวพุนซะอีกทีไหนได้โดนแค่นัดเดียวแต่ก็น่าแปลกอีกว่าทำไมเวลาแค่สามวันแผลผมถึงได้หายเร็วอย่างนี้ เพราะมันเกือบปิดจนสนิทแล้ว แผลสมานกันจนจะหายอยู่แล้วหรืออาจจะเป็นเพราะยาสมุนไพรของพี่เข้มก็ได้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเขาคนนี้ มันคืออะไรกันนะ“เรา…เคยเจอกันมาก่อ
“อ้าว…เป็นยังไงบ้างล่ะพ่อหนุ่ม?”เสียงเข้มทุ้มอย่างคนมีอายุของผู้ชายเอ่ยทักทายผม ผมที่กำลังมองซ้ายมองขวาเพื่อหาร่างของพี่เข้มอยู่ก็ต้องหันกลับไปมองยังต้นเสียงของผู้ชายนั้นทันที“คุณลุง?”ผมเอ่ยขึ้นเรียกเขาไปที่น่าพอจะเป็นคุณลุงได้แล้ว เพราะเขาก็อายุอานามน่าจะปาเข้าไปเลขเจ็ดแล้วล่ะมองท่า เขานั่งอยู่บนแคร่ด้านหน้าบ้านหลังติดๆกับพี่เข้มนี่เอง โดยที่เขาสวมใส่เสื้อม่อฮ้อมสีซีดกำลังนั่งเคี้ยวหมากอยู่ในปากของเขาอย่างเพลิดเพลินที่ผมรู้ว่าเขากำลังกินหมากอยู่นั้นเพราะผมเห็นเขาห่อหมากน่ะ“มานี่สิ….”เขาเอ่ยเชื้อชวนพร้อมกับกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหาเขา ผมก็คลี่ยิ้มบางๆให้เขาก่อนจะเดินไปหาชายคนนั้น ที่จะว่าชราภาพก็ไม่น่าใช่เพราะเขายังคงดูแข็งแรงอยู่เลยนะ“สวัสดีครับ…”ผมยกมือไหว้คุณลุงไปอย่างสุภาพอ่อนน้อมเขาก็ยิ้มอย่างใจดีให้ผมก่อนจะยกมือรับไหว้ผม“ไหว้พระๆๆเถอะ…นั่งลงสิ…”“ขอบคุณครับ…”ผมเอ่ยขอบคุณเขาไปพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงบนแคร่หน้าบ้านของคุณลุงเขาโดยยิ้มแหยๆให้เขาไปเขาก็ผมจ้องมองผมด้วยสายตาเอ็นดู ใช่สายตาเอ็นดูแน่นอน ผมเป็นตำรวจ ผมจับผิดนักโทษบ่อยผมมั่นใจว่าผมมองคนไม่ผิดแน่“แผลขอ
ประตูเมืองภูดาว….หรือประตูมิติที่ชาวบ้านแถวบ้านไร่สวนนฤมลเรียกขาน ประตูมิติภูดาวจะเปิดต้อนรับพวกคนไม่ดี ที่คิดร้ายกับป่า คิดร้ายกับสัตว์สงวน พวกที่ชอบตัดไม้ทำลายป่าแต่แท้ที่จริงแล้ว….มันไม่ใช่ประตูมิติภูดาวกลืนกินคนใจบาปอย่างที่ถูกเล่าขานกันต่อๆมา แต่มันคือประตูมรณะที่พรายเสือสมิงร่ายมนตร์สร้างประตูนี้ขึ้นมาเพื่อหาเหยื่อมาให้มันกลืนกินนั่นเอง…..ประตูมิตินี้จะถูกเปิดออกเฉพาะวันพระใหญ่เท่านั้น นั่นคือวันขึ้น15ค่ำและแรม15ค่ำ โดยในวันพระใหญนั่นต้องมีวันสำคัญทางศาสนาประกอบอยู่ด้วย ได้แก่ วันมาฆบูชา, วันวิสาขบูชา, วันอาสาฬหบูชา, วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษาหนึ่งปี 365วันหรือ366วัน ประตูมิติจะถูกเปิดออกและถูกปิดแค่5ครั้งต่อหนึ่งปีเท่านั้น……และประตูมิติภพนี่จะถูกทำลายและสูญสิ้นไปก็ต่อเมื่อ คนที่ร่ายมนต์เปิดประตูมิติภพได้ตายลงไปแล้ว….…………………………………………………“ไอ้เข้มมันออกไปล่าสัตว์…เย็นๆค่ำๆนู้นถึงจะกลับมา…”“เอ็งก็อยู่ที่บ้านกับข้านี่แหละ…”“อย่าเที่ยวออกไปเดินเพ่นพ่าน…”“ถ้าไม่อยากโดนเสือขย้ำตาย…”สิ้นเสียงขำขันอย่างทีเล่นทีจริงของลุงสิงห์ผมก็ยิ้มแหยๆให้เขาไปและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เขาพูดมาเมื
เหมือนผมเป็นพวกสิ่งแปลกประหลาดที่ผิดแปลกไปจากพวกเขาอย่างงั้นแหละผมก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มแหยๆให้เขากลับไปและรีบเดินออกไปทางป่าไม้ที่เป็นแปลงผักสวนครัวของชาวบ้านที่นี่อยู่หลายแปลงอย่างรวดเร็วชาวบ้านที่นี่ก็แปลกเหมือนกันนะ ใช้ชีวิตเหมือนคนหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน ใช้ม้าใช้เกวียนเป็นยานพาหนะแทนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในสมัยนี้หรือว่าหมู่บ้านนี่จะเป็นหมู่บ้านที่ตกสำรวจจริงๆ ว่าแต่ที่หมู่บ้านนี่มันอยู่ตรงส่วนไหนของภูมิประเทศกันล่ะกลับไปคราวนี้ผมจะสืบดูและให้ทางการเข้ามานำพาความเจริญให้คนพวกนี้เพราะที่นี่ไม่มีน้ำไฟฟ้าเข้าถึงเลย“หรือว่า…คนพวกนี้จะเป็นชาวบ้านที่หนีเข้าประเทศ?”ผมพึมพำออกมาอย่างสงสัย เพราะถ้าเป็นพวกที่ลับลอบเข้าประเทศของผมผิดกฏหมายและคนพวกนี้จะต้องโดนทางการจับและส่งตัวกลับประเทศของพวกเขาเป็นแน่แต่พี่เข้มกับลุงสิงห์พวกเขาใจดีอุตส่าห์ช่วยชีวิตผมให้รอดพ้นจากเสือใหญ่ตัวนั้น ผมจะทรยศพวกเขาได้เหรอพรึบซ่าาาาาาาาาา“น้ำตก?”ผมพึมพำออกมาก่อนจะหยุดมองภาพเบื้องหน้าอย่างตกตะลึงให้ความสวย น้ำตกที่ไหลรินลงมาจากยอดภูเขาสองลูกที่อยู่ติดกันลงสู่พื้นน้ำหนองด้านล่างน้ำสีใสมองเห็นตัวปลา ทำให้ผมละสายต
“รักมานานแล้ว…”เสียงหวานของเธอเปล่งออกมาพร้อมกับร่างเล็กที่อวบอั๋นที่ขาวโพลนของเธอเดินไปซ้อนหลังของพี่เข้มพลางใช้หน้าอกที่ใหญ่โตของเธอถูเสียดสีไปกับแผ่นหลังกว้างของพี่เข้ม ทำไมผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจแบบนี้ ทำไมผมรู้สึกหวงพี่เข้มอย่างงั้นเหรอ “อีเดือน…เอ็งอย่าทำแบบนี้…” “ทำไมล่ะจ้ะ…ฉันยินดีที่จะเป็นเมียของพี่…” “ยอมเป็นของพี่เข้มแค่คนเดียว…” ร่างเล็กใช้หน้าอกของเธอถูเสียดสีไปกับร่างเปลือยท่อนบนของพี่เข้มไปอย่างยั่วยวนพร้อมครวญครางเสียงกระเส่านั่นออกมา ผมรีบหันหลังให้สองคนนั้นอย่างไว ผมทำใจดูแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว…. ผมเจ็บ ผมเจ็บเหลือเกิน…. เมื่อหลายสิบปีก่อน ก่อนที่จะมีบ้านปูนบ้านไม้สองชั้น ตึกรามบ้านช่อง โรงแรม คอนโดหรูหราหลายสิบชั้นเหมือนเช่นทุกวันนี้ เคยมีป่ารกทึบต้นไม้ใบเขียวขึ้นเต็มต้นไม้ใหญ่มีอายุยืนยาวหลายร้อยปี มีบ้านเรือนมีหมู่บ้านที่สุขสงบ คนสมัยก่อน ใช้การเดินท้าวและเกวียนในการขนย้ายสัมภาระและการเดินทางไปยังที่ไกล ใช้ม้าวัวควายเป็นยานพาหนะ แต่ปัจจุบันมองไปทางไหนก็มีแต่บ้านเมือง ตึกสูงถนนคอนกรีต รถเหล็กวิ่งตามราง รถยนต์ที่ใช้น้ำมันในการเดินเครื่องทั่วทั้งป
“ใครกัน…ที่บังอาจมาแย่งพี่เข้มไปจากข้า!!!”แสงเดือนหญิงสาวชาวบ้านวัยยี่สิบห้าปีเศษยืนดีดดิ้นอยู่ในน้ำลำธารสีใสอย่างไม่พอใจ ที่ชายคนที่สาวชาวบ้านทุกคนหมายตาหมายปองกลับปฏิเสธรักกับเธอแถมเขายังปฏิเสธร่างกายของเธออีก เขาเป็นใครกันถึงกล้าปฏิเสธลูกสาวผู้ใหญ่บ้านอย่างเธอได้!!“เอ็งไม่ต้องฟูมฟายไปหรอก…”เสียงเข้มของชายร่างสูงกำยำที่เรือนร่างเต็มไปด้วยหมัดกล้ามที่แข็งแกร่งร่างกายบึกบึนกำลังยืนกอดอกมองร่างเปลือยของหญิงสาวอยู่บนโขนหินเหนือที่หญิงสาวยืนอยู่“เอ็งเป็นใคร!!”แสงเดือนแผดเสียงใส่ชายผู้มาใหม่ที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าอย่างไม่พอใจพร้อมกับยกมือเล็กของเธอขึ้นมาปิดของสงวนของเธอไว้อย่างหวงแหนที่เธอเฝ้าเก็บรักษามันไว้อย่างดีเพื่อให้พรานหนุ่มเข้มได้เชยชมเพียงคนเดียว“หึ…ข้าเป็นใครไม่สำคัญ…มันสำคัญแค่ว่า…”“เอ็งชอบไอ้เข้ม…และอยากได้มันเป็นผัวใช่หรือไม่!”เสียงเหี้ยมเปล่งออกมาจากริมฝีปากดำคล่ำทำให้แสงเดือนขมวดคิ้วอย่างสงสัยและแอบหวาดกลัวกับชายแปลกหน้าตรงหน้าเธอคนนี้เพราะเธอไม่เคยเห็นเขามาก่อน เขาไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี่เป็นแน่ เพราะหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆเราอยู่กันแบบพี่น้องรู้จักมักจี่กันทุ
“แถมมันยังเอาลูกของนางไปทำเป็นลูกกรอกเป็นกุมารพรายดำที่มีฤทธิ์เดชร้ายแรงกว่ากุมารทั่วๆไปเสียอีก…”พี่เข้มว่าเสียงเเข็งหน้าตาของแกดูโกรธเกรี้ยวไอ้พรายสมิงมาก“แต่ข้าไม่อยากให้นางทำบาปจึงอยากจะช่วยเหลือนาง….จึงไปทำการปลดปล่อยนางจากการเป็นทาสของไอ้พรายสมิง…”“จนนางได้มาอยู่กับข้า…ถึงทุกวันนี้…”“แต่วิญญาณของนางกลับไปเกิดใหม่ไม่ได้…เพราะผลกรรมที่นางทำมาทำให้นางต้องคอยจำศีลภาวนาจวบจนกรรมของนางจะทยอยลดน้อยลง….”ผมนั่งฟังพี่เข้มอยู่อย่างเงียบๆเพื่อฟังเรื่องของเมียงเร หญิงสาวที่ตกเป็นแพะรับบาปทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำความผิดแถมยังต้องมาตายให้คุกอีกตั้งหากแถมยังต้องมาสูญเสียลูกไปอีก….น่าสงสารเธอจัง…”“เมียงเรมาอยู่กับข้า…นางจะทำร้ายคนที่ไม่ดีเท่านั้น…”“ส่วนคนที่คิดดีทำดี…นางจะไม่ทำอันตรายใดๆคนผู้นั้น…”พี่เข้มว่าต่อ ผมก็ค่อยๆคลายอ้อมกอดออกจากพี่เข้ม ความกลัวที่ผมกลัวเมียงเรก่อนหน้านี้ได้ลดหายไปหมดสิ้นแล้วหลงเหลือไว้แต่เพียงความสงสารและความเห็นใจที่ผมมีให้กับเธอเสียมากกว่า“แล้วเอ็งล่ะ…เป็นคนดีหรือเปล่า…?”พี่เข้มเอ่ยถามผมเสียงใส ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เข้มที่เขาเองก็จ้องมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้
ซู่ๆๆๆๆพรึบ“เจ้ามาทำไมกัน…?”พี่เข้มเอ่ยเสียงเข้มอย่างสงสัยพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองยังปลายเตียงนอนที่เราสองคนกำลังนั่งกันอยู่ในขณะนี้ผมก็ค่อยๆชะโงกหน้าขึ้นไปมองบ้างว่าพี่เข้มคุยอยู่กับใครและก็ต้องถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังพี่เข้มตอนนี้ก็คือผู้หญิงผมยาวสีดำคนนั้น ผมว่าถ้าเธอสวมใส่ชุดสีขาวจะเหมือนผีชุดขาวในหนังเรื่องเดอะริงเลยนะ น่ากลัวเป็นบ้า“ช่วงนี้ใกล้จะเข้าพรรษาเจ้าจำศีลภาวนาไม่ใช่เหรอ?”พี่เข้มเอ่ยถามหญิงสาวคนนั้นที่เธอกำลังก้มหน้ามองพื้นโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่เข้ม ผมนี่ก็กอดเอวสอบของพี่เข้มแน่นเลยชายชาติตำรวจกลัวผี รู้ถึงไหนอายถึงนั้นเลยนะ“ใช่….แต่ข้าเป็นห่วงนายท่าน….”เสียงเยือกเย็นเอ่ยขึ้นพร้อมกับความหนาวที่เย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้ง “เป็นห่วงข้า?”พี่เข้มทวนคำพูดไปอย่างงุนงง ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เข้มอย่างสงสัยและงุนงงเช่นกัน“เมื่อวันก่อน…ข้าเห็น…ไอ้พรายสมิงมันปลอมแปลงจำแลงกายเป็นชายหนุ่มที่น้ำตก…ตอนที่นายท่านไปหาปลา…”หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้นยาวเยียดด้วยน้ำเสียงโทนปกติเหมือนคนอื่นเขาพูดกัน พูดดีๆก็เป็นแล้วจะพูดยานครางไปเพื่อ?ผมก็ได
ผมก็หันไปคลี่ยิ้มบางๆให้พี่เข้มพี่เข้มก็ยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าเขินอายก่อนจะหลบสายตาผมกลับไปให้ความสนใจกับกองไฟของเขาต่อ ที่ในตอนนี้เขากำลังนำมีดปลายแหลมเล่มยาวคล้ายๆดาบลนไฟอยู่น่ะ เห็นเขาพูดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเข้าป่าไปล่าสัตว์ผมก็มองพี่เข้มด้วยแววตาหวานเยิ้มและหลงใหลใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นผมคงจะหลงรักเขาไปแล้วล่ะครับตึกๆๆพรึบๆๆแอดดดดดผมเดินขึ้นบันไดห้องพี่เข้มมาอย่างช้าๆเหมือนเดิมเพราะผมยังไม่หายเจ็บระบมรูทวารหนักของผม เมื่อผมเข้ามาถึงหน้าประตูเข้าบ้านผมก็เปิดประตูไม้ระเเนงที่ถูกตอกด้วยตะปูเรียงตัวสวยเข้าไปตัวด้านในของบ้านที่ผมมุ่งตรงไปยังเตียงนอนไม้ไผ่ที่นอนของผมด้วยความเหนื่อยล้า ที่ห้องนี้ให้ความสว่างโดยแสงไฟจากตะเกียง ซึ่งเป็นตะเกียงที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเขาเรียกขานกันว่า ตะเกียงเจ้าพายุ ซึ่งผมเคยเห็นตามงานประมูลของโบราณสมัยรัชกาลที่6อยู่เป็นประจำของมันตั้งเป็นร้อยปีมาแล้วหนิเนอะ“เป็นร้อยปีมาแล้ว…?”ผมพึมพำออกมาก่อนจะเดินไปดูตะเกียงใกล้ๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมาจากที่โต๊ะไม้ที่ทำจากไม้ไผ่ขึ้นมาดูก็เห็นความมันเงาและอายุการใช้งานของมันได้ว่าตะเกียงเข้าพายุอันนี้ไม่ม
เวลาหัวค่ำบ้านพรานเข้ม….พรึบ“วันนี้ผมขอไม่ดื่มเหล้าด้วยนะครับ…”ผมว่าเสียงอ่อนพร้อมกับทำหน้าแหยๆให้ลุงสิงห์ไป ลุงสิงห์ที่ล้างมือเสร็จเพราะเราเพิ่งจะกินข้าวเย็นกันเสร็จโดยกับข้าวเย็นฝีมือพี่เข้มตามเดิมก็หันกลับมามองหน้าผมโดยยิ้มเยาะผม“ทำไม….เหล้าต้มของข้ามันไม่ถูกปากเอ็งเหรอไง?”ลุงสิงห์เอ่ยถามผมพร้อมกับหยิบไหใบเล็กขึ้นมากระดกดื่ม ผมว่าแล้ว กิจวัตรประจำวันของลุงสิงห์กับพี่เข้มคือ พอตอนเย็นกินข้าวเสร็จก็ต้องดื่มเหล้ากันต่อแบบนี้เป็นประจำทุกวัน แต่วันนี้ผมขอบายดีกว่า…รู้สึกเพลียๆยังไงไม่รู้และผมไม่ชอบดื่มเหล้าด้วย“คือผม…เป็นคนไม่ค่อยชอบดื่มเหล้าสักเท่าไหร่นะครับ…”ผมบอกลุงสิงห์ไปพร้อมกับยิ้มบางๆให้แกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบต้นแขนทั้งสองข้างของตัวเองที่มันรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาวันนี้อากาศดูเย็นๆหนาวๆกว่าเมื่อวานนะ“นั่นไง…ข้าบอกแล้วว่าให้ดื่มนี่แก้ร้อน…”ลุงสิงห์ว่าพร้อมกับยื่นไหใบเดียวกันกับแกส่งมาให้ผมแต่ผมก็ยกมือโบกไปมาเป็นการปฏิเสธแก“ไม่กินก็ได้…แล้วแต่..ของอร่อยๆๆ…อึกๆๆ”ลุงสิงห์พลางยกไหกลับกระดกดื่มเองอีกหลายอึก ผมก็หันไปมองพี่เข้มที่กำลังนั่งก่อกองไฟให้เราสองคนอยู่ ใช่วันนี้อากาศหนา
“ข้าไม่รับรองความปลอดภัย…..”พี่เข้มว่าพลางหรี่ตามองต่ำลงไปที่ด้านหลังของผม นั่นคือก้นงอนที่อวบอั๋นของผมนั่นเอง“กะก็ได้…ผมจะไปรอพี่ที่บ้าน….”ผมจำใจบอกพี่เข้มไปพลางทำหน้าเบะอย่างอิดออดใจที่ไม่ยอมรับในคำสั่งห้ามของพี่เข้ม“เข้าใจข้าเถอะ…วันนี้มันไม่ดี….”พี่เข้มว่าพร้อมกับจ้องมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง“ก็ได้ครับ…..”ผมเอ่ยต่อเสียงอ่อนก่อนจะทำท่าหันหลังให้พี่เข้มแต่ก็โดนพี่เข้มคว้าข้อมือของผมไว้ซะก่อนพรึบทำให้ผมต้องหันหน้ากลับไปเผชิญหน้ากับพี่เข้มตามเดิมพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาสงสัย หรือเขาจะเปลี่ยนใจให้ผมตามไปเล่นน้ำตกด้วยแล้ว“ไม่ต้องยิ้มกริ่มขนาดนี้…ข้าพูดแล้ว..ไม่มีวันเปลี่ยนใจ…”พี่เข้มว่าเสียงเข้มพร้อมกับทำหน้าตาจริงจังใส่ผม ผมก็หน้าสลดลงทันที “แล้วรั้งผมไว้ทำไม?”ผมถามเขาเสียงเข้มพร้อมเบะปากใส่เขา พี่เข้มก็มองหน้าผมก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองข้างของเขาไปปลดสร้อยเชือกเทียนถักมือเส้นสีดำที่ผมเห็นเขาใส่ติดตัวไว้ตลอดตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเขาพรึบพี่เข้มปลดสร้อยเชือกเทียนถักเส้นก็ยื่นมันส่งมาให้ผม ผมก็มองหน้าพี่เข้มกับสร้อยเชือกสลับกับอย่างสงสัย“ข้าจิตใจพะว้าพะวัง…เป็นห่วงเอ็งยังไงชอบกล”พี่เข้ม
“มันไม่หายไปไหนหรอก…จ้องขนาดนั้น….”ลุงสิงห์เลยขึ้น ทำให้ผมหันกลับมามองหน้าแกอย่างเขินอาย ที่เขารู้ทันผม แกก็ลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้ไม่ชี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เข้มเดินถือสากกระเบือกลับมายื่นส่วให้ลุงสิงห์พอดี “พี่เข้มกินข้าวแล้วเหรอครับ?”ผมเอ่ยถามพี่เข้มเสียงอ่อน พี่เข้มก็นั่งลงข้างๆผมก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเป็นคำตอบว่าเขายังไม่ได้กินข้าวผมก็ขมวดคิ้วมองแกอย่างสงสัย ว่าทำไมเขายังไม่กินอีก ทั้งๆที่เขาออกจากบ้านมาก่อนผมอีกน่ะ “มันจะกินได้ยังไง…ก็มันรอเอ็งอยู่น่ะสิ…”ลุงสิงห์เอ่ยขึ้นมาทำให้ผมมองหน้าพี่เข้มอย่างเค้นคั้นเอาคำตอบว่าที่ลุงสิงห์พูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ที่ว่าพี่เข้มรอกินข้าวพร้อมผมน่ะ “ไปๆๆไปยกสำรับข้าวมากินไป๊…ข้าหิวแล้ว..”ลุงสิงห์ว่าเสียงเข้มพลางโบกมือไล่พี่เข้ม พี่เข้มที่หน้าแกแดงก่ำก็รีบหลบสายตาผมอย่างเขินอายหันไปก้มศีรษะหงึกๆเป็นคำตอบให้ลุงสิงห์ก่อนที่แกจะลุงขึ้นยืนและเดินซอยเท้าถี่รัวออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว พรึบ “ข้าจะบอกกับคนในหมู่บ้านว่าเอ็งเป็นหลานของข้าแล้วกัน….” “ส่วนเอ็งก็แสร้งทำเป็นหลานชายข้าที่มาจากในเมืองไปก่อนล่ะกัน…”ลุงสิงห์ว่าในขณะที่แผ่นหลังของพี่เข
บ่ายวันเดียวกันบ้านพรานเข้ม…. พรึบ“โอ้ยยย….!”ผมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดที่ด้านหลังในก้นของผมที่รับรู้ได้ถึงความระบมจากการที่ผมโดนพี่เข้มจัดเต็มไปเมื่อคืนและยังต่อด้วยเมื่อเช้านี่อีกยกหนึ่งรูทวารผมคงจะระบมหนักเกินไปแล้ว ก็แน่ล่ะ ของพี่เข้มแกเล็กๆซะที่ไหนกัน ใหญ่กว่าของผมที่ผมก็คิดว่าใหญ่เกินมาตรฐานของชายไทยมากแล้ว แต่กลับเจอของพี่เข้มใหญ่กว่าของผมอีกอ่ะและตอนนี้ผมก็กำลังพยายามเดินอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนรูทวารหนักของผมจนมากเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะมันจะได้ไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้ครั้งแรกมันเจ็บก็รู้แต่ครั้งสองนี้กลับสมยอมให้เขาอีกซะอย่างงั้น ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันพรึบ“เป็นอะไรของเอ็งล่ะ…เดินแปลกๆชอบกล…?”เสียงสงสัยดังมาจากลุงสิงห์ที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งที่แคร่ไม้หน้าบ้านแกเช่นเดิมมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมก็ยิ้มแหยๆให้เขา โดยไม่รู้จะตอบอะไรเขา จะให้บอกไปตรงๆว่าลูกชายแกเป็นคนทำก็ไม่ใช่เรื่อง พรึบ“หึ…”เสียงแค่นหัวเราะจากผู้ชายที่กำลังนั่งใช้ขวานผ่าไม้เพื่อจะนำไปทำฟืนอยู่ข้างบ้านถัดจากตีนบันไดบ้านดังมาทำให้ผมหันขวับกลับไปมองค้อนเขาอย่างเอาเรื่อง ตัวเองเป็นคนทำแท้ๆยังจะมีหน
“มานะ…มาให้เห็นข้ากลืนกินเอ็งเสียดีๆ…”พี่เข้มบอกผมเสียงเข้มพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากก่อนที่เขาจะจับเอวสอบของผมให้นั่งทาบทับลงไปบนตัวเขาโดยที่ผมนั่งยองๆบนตักเขาเพื่อจะทำการสอดใส่ลำกายใหญ่ของเขาเข้ามาในประตูหลังของผม“อื้ออออ…”“เบาๆนะครับ….ผมเจ็บ…”ผมเอ่ยบอกพี่เข้มไปเสียงกระเส่า…พี่เข้มก็ไม่ตอบอะไรผมกลับยื่นใบหน้าเข้มของเขามาบดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็วและมอบจุมพิตที่เร้าร้อนให้ผมจนผมลืมเรื่องท่อนล่างไปเลย“อื้อออออ…”ผมครางอื้ออึงในลำคอเมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่กำลังค่อยๆคลืบคลานเข้ามาในช่องทางรักที่คับแน่นประตูหลังของผมอย่างช้าๆทำให้ผมจิกเล็บลงไปบนไหล่กว้างของพี่เข้มเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดลง หลับตาปี๋เพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดเเล่นเข้ามาในร่องสวาทของผมทำให้ร่างกายของผมสั่นระริกไปทั้งร่าง“อ๊าาาาาาาห์….”พี่เข้มขู่คำรามออกมาอย่างเสียวซ่านและสุขสมใบหน้าเหยเกพอๆกับผม เพราะด้านหล้งของผมมันยังคงคับแน่นและตอดรัดลำกายใหญ่ที่ใหญ่โตของพี่เข้มถี่รัวทำให้ร่างของพี่เข้มเองก็สั่นระริกไม่ต่าวจากผม“ปวดคว….”พี่เข้มเอ่ยบอกผมเสียงสั่นขาดหาย ผมก็มองหน้าเขาเขม่น ตัวเองเจ็บแค่ลำกายผมนี่เจ็บตู
“มันยังเป็นรูโบ๋อยู่เลย….”พี่เข้มเอ่ยออกมาเสียงเรียบก่อนจะเงยหน้าจากร่องก้นของผมมามองหน้าผม ผมก็มองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยความเขินอายพี่เข้มจ้องมองหน้าผมด้วยสีหน้าที่สื่อว่าเขาเห็นใจผมและสงสารผม ผมจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของพี่เข้ม“แล้วพี่มีความสุขไหมครับ….กับเรื่องเมื่อคืนนี้ของเรา…”ผมเอ่ยถามพี่เข้มเสียงกระเส่าพร้อมกับกดปลายจมูกโด่งของตัวเองแนบลงไปบนแก้มนวลของพี่เข้มที่ไร้สิวแต่กลับเนียนเรียบจนน่าตกใจ“แล้ว…เอ็งล่ะ…มีความสุขไหม…?”พี่เข้มไม่ตอบผมแต่กลับเอ่ยถามผมต่อโดยที่เขายื่นริมฝีปากมาคลอเคลียที่ริมฝีปากของผม ผมก็กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาก่อนกดริมฝีปากหนักๆลงแนบไปบนริมฝีปากของพี่เข้ม พี่เข้มเองก็กดทับริมฝีปากของผมกลับมาก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายผละออกมาจากใบหน้าเข้มของเขาแทน“ผม…มีความสุขมากครับ…ที่ได้ตกเป็นของพี่เข้ม…”ผมเอ่ยออกไปพร้อมกับยื่นมือไปลูบไล้ต้นคอของพี่เข้มขยับเลื่อนลงมาที่หน้าอกแกร่งของเขาพร้อมกับลูบไล้อย่างลุ่มหลง ผมไม่เคยตกเป็นของใครและผมเองก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนด้วยมีอะไรกับผู้หญิงก็อาจจะมีบ้าง เวลาเหงา แต่ผมรู้ใจตัวเองดี….ว่าพวกเธอไม่ใช