'พิมเเก้ว' ลูกสาวออกญาชื่อดังจากกรุงศรี เกิดวาร์ปมาที่ พ.ศ. 2564 เพื่อกลายมาเป็นนางบำเรอของมาเฟียฮอตเนิร์ดอย่าง 'สามก๊ก' "ชายผู้นี้ประหลาดนัก ดุดันป่าเถื่อนสิ้นดี ใจเเม่พิมก็มีเเค่นี้เองหนาออเจ้า"
View More‘ออพิมแก้ว’ กำลังกรองมาลัยอยู่ที่สวนดอกลำดวน บ่าวทั้งสองนำขนมพระพายมาวางบนพานให้นางรับประทาน เนื่องจากคุณพิมแก้วนั้นชอบรับประทานขนมไทยยิ่ง
“ขอบใจจ้ะ จิต จวน” เธอพูดกับบ่าวทั้งสองที่คอยเคียงบ่าเคียงไหล่เธออยู่เสมอมา ทั้งสองนั่งพับเพียบอยู่ใต้ถุนศาลา มองแม่นายคนสวยที่กรองมาลัยอย่างกุลสตรี
พิมแก้วนั้นเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของออกญาชื่อดังในยุคสมัยกรุงศรีอโยธยา นางเป็นกุลสตรีครบทุกส่วน มีแต่บุตรของคนมีอำนาจในยุคนี้มาสนใจใคร่รักในตัวนางออกมาก แลต้องการสู่ขอหลายต่อหลายคน แต่พิมแก้วก็มินึกสนใจในชายใดเป็นพิเศษ
วันๆ ของเธอคือการนั่งกรองมาลัย ออดอ้อนเจ้าคุณพ่อที่แสนดุแต่อบอุ่นกับลูกสาวเพียงคนเดียว ออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดแลหวงลูกสาวมาก เนื่องจากภรรยาคนเดียวตายไปตั้งแต่พิมแก้วยังเล็ก ท่านจึงพยายามประคบประหงมบุตรีของตนอย่างดีที่สุด ถ้าไม่มีผู้ใดที่เขามองว่าเหมาะสมกับพิมแก้วลูกรักของเขา ก็จักมิให้ลูกแต่งงานอย่างเด็ดขาด
ออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อว่ารักเดียวใจเดียวยิ่ง ทั้งชีวิตนั้นมีเพียงแต่คุณแม่ จนกระทั่งแม่เสียชีวาก็ยังมิมีใครอื่น นั่นยิ่งทำให้พิมแก้วรู้สึกว่า... ถ้าจักหาใครสักคนมาเข้าเรือนหอด้วย ก็ต้องหาคนที่นิสัยเหมือนเจ้าคุณพ่อถึงจักดี
“ขนมพระพายที่ฉันชอบ ขอบใจนะ” เมื่อหยุดกรองมาลัยที่สวยงามลงบนพานทอง นางจึงหันมาเห็นขนมพระพายที่ปั้นเป็นก้อนกลมจากข้าวเหนียวแลตกแต่งสีด้วยดอกอัญชัน ใบเตย แลแก่นฝางจนกลายเป็นสีสันหลากหลายน่าดูชม พร้อมกับราดกะทิด้านบนให้ดูน่าทานยิ่งขึ้น
นางใช้ไม้เหลาเล็กๆ จิ้มลูกพระพายขึ้นมา ป้อนเข้าปากของตนเอง เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย พอลูกแรกยังไม่อิ่มหนำ ก็จิ้มลูกสอง ลูกสาม
แต่ทว่า
“อึก แค่กๆ!” เพราะรับประทานด้วยความรีบเร่ง จึงทำให้ขนมพระพายลูกแดงชิ้นสุดท้ายนั้นติดคอของเธอ เจ้าตัวเล็กไอค่อกแค่ก ชักดิ้นชักงอต่อหน้าบ่าวทั้งสองที่ปรี่เข้ามาดูเธออย่างตกใจเมื่อเห็นว่าแม่นายของตนนั้นล้มลงไปดิ้นน้ำลายฟูมปากอยู่ที่พื้นศาลา
“แค่กๆๆๆ”
“แม่นาย! แม่นายเจ้าคะ แม่นายเป็นกระไรไปเจ้าคะ!”
สิ้นเสียงของจวนบ่าวรับใช้ข้างกาย พิมแก้วก็ชะงักค้าง และสลบไปจากความทรมานของขนมไทยที่ติดคอในเพลานั้น
บรืนนน
นานพอดูที่นางหมดสติไป หญิงสาวปรือตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงดังอันแปลกประหลาด เสียงเหมือนอะไรสักอย่างเคลื่อนตัวไปมาไม่น่าชินหู กับเสียงเหมือนช้างร้องแปร๊นๆ ดังมาจากตรงนั้น เจ้าตัวเล็กปรือตาขึ้นมา หันรีหันขวาง ก่อนจะได้กลิ่นเหม็นโฉ่ของถังขยะสาธารณะข้างกาย พร้อมกับถุงดำที่กองพะเนินเทินทึกรอบข้างหล่อน
“กระไรกันนี่ เหม็นเชียว” เพราะความเป็นกุลสตรีจึงทำได้เพียงเอานิ้วเรียวมาบีบจมูกไว้ บิดสะโพกเล็กน้อยแสดงท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์แบบผู้ดี จนรู้สึกเหมือนมีชายในชุดสีดำตัวใหญ่กำลังยืนจ้องเธออยู่ด้านหลังจนต้องสะดุ้งตกใจ
“แม่นี่คือคนที่เมาในคลับจนถูกลากมาที่นี่อย่างงั้นเหรอ” ชายในแว่นดำคนนึงเอ่ยกับชายชุดดำหัวโล้นตัวกำยำอีกคน หรี่ตาลงมองเธอที่นั่งพับเพียบอยู่กลางกองขยะอย่างฉงน
“กูคิดว่าอย่างนั้น แต่มันแต่งชุดไทย”
“หน้าสวยขนาดนี้ ระดับดาราก็หาไม่ได้ ตรงไทป์ที่นายชอบ”
“ถึงจะดูบ้าๆ บอๆ แต่ลองจับแต่งตัวหน่อยก็คงสวย”
“งั้นลากมันไปด้วยกัน”
“ดี”
“ประเดี๋ยวก่อน พวกท่านเป็นใครกัน มาจับแขนเราทำไม” พิมแก้วตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อตนเองนั้นถูกหิ้วปีกด้วยฝ่ามือหนาของชายชุดดำปริศนาทั้งสองคน ลากทึ้งเธอไปยังรถคันโก้ที่อยู่ตรงต้นซอยแคบ เธอมองวัตถุขนาดใหญ่นั้นอย่างตกตะลึง
ทำไมเกวียนรูปทรงแปลกๆ นี้ถึงไม่มีม้าเทียมเกวียนกันล่ะ!?
ที่นี่มันที่ไหนกันแน่
ภายในรถนั้นเงียบสงัดจนน่าอึดอัด แม่กุลสตรีไทยแท้พยายามสงบปากสงบคำนั่งเงียบจนถึงที่สุด เนื่องด้วยชายชุดดำทั้งสองคนนั่งขนาบข้างเธอ แถมตัวเธอเองก็เหม็นโฉ่ไปด้วยกลิ่นขยะจนพวกเขาพากันหันหน้าหนีไปคนละทาง
อะ... อายเหลือเกิน
จนเกวียนคันนี้เคลื่อนตัวมาจนถึงเรือนอันใหญ่โต ที่ทำมาจากวัสดุที่ไม่คุ้นเคย (ปรกติที่เห็นจักเป็นไม้สักเสียส่วนใหญ่) มันดูเหมือนฉาบด้วยอะไรที่หนาและแข็งมากๆ เรือนก็หลังใหญ่อย่างกับวังขององค์เจ้าเหนือหัวที่เจ้าคุณพ่อเคยมาเล่าให้ฟังหลังเข้าเฝ้าเสด็จท่านด้วย
ไม่มีโอกาสได้ถามอะไรมากนัก พิมแก้วถูกบ่าวรับใช้ที่แต่งตัวแปลกประหลาดลากทึ้งเข้ามาจับแต่งตัวอาบน้ำชำระร่างกายจนหมดจด แถมพวกเธอยังพูดคำว่า ‘นี่คงเป็นนางบำเรอคนใหม่ของคุณสามแน่ๆ’ พร้อมกับจับเธอแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดที่แสนจะวาบหวิว ราวกับเป็นหญิงสาวในโคมเขียวก็มิปาน
เจ้าคุณพ่อ หนูกลัว
พิมแก้วประนมมือไหว้ เริ่มหวาดหวั่นขึ้นมาหลังจากถูกจับแต่งหน้าแต่งตัวทำผมจนหอมฟุ้ง นางก็ถูกรับไม้ต่อด้วยชายชุดดำทั้งสองคนนั้น พาเธอเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่อู้ฟู่ มีการตกแต่งที่ดูประหลาดตาและเป็นสีทึบทั้งหมด ท่ามกลางเก้าอี้หนังที่บุอย่างดีนั้น มีชายผู้หนึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่
“นายครับ ผมพานางบำเรอมาให้นายแล้ว ไม่ทราบว่าถูกใจรึเปล่าครับ” ชายชุดดำคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาตอนที่ผลักหลังเนียนของพิมแก้วให้เดินมาด้านหน้า เธอจึงได้สำรวจบุรุษปริศนาผู้นั้นอย่างชัดเจน
เขาเป็นผู้ชายที่มีดวงหน้าคมคาย ซ่อนความดุดันไว้ภายใต้แว่นสายตาเฉียบบาง ที่หางคิ้วไปจนถึงใต้ตาด้านขวามีรอยบากราวกับถูกของมีคมกรีดจนเป็นแผลเป็นเป็นทางยาว ดวงตาสีดำทมิฬนั้นจ้องมองเธอเขม็ง พิจารณาเธออย่างละเอียดถี่ถ้วน
“สวย” ประโยคแรกที่ออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ทำเอาเธอสะท้านด้วยความหวาดหวั่นต่อท่าทางอันตรายนั้น “รูปร่างดี ไปเก็บมาจากไหน?”
“ที่คลับคุณจินครับ”
“เหรอ”
“...”
“เธอชื่ออะไร” เงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่ความอันตรายนั้นจักมาเยือนเธอ ชายหนุ่มคมคายผู้นั้นจ้องเธออย่างจาบจ้วงทั้งๆ ที่ท่าทางยังคงสงบนิ่งไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิด เขาเอ่ยถามแม่สาวงามตรงหน้า เนื่องด้วยอยากรู้นามของหล่อน
พิมแก้วกลั้นลมหายใจ คิดว่านี่คงเป็นทางเดียวที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นบุตรีของใคร และถ้ารู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของผู้มีอำนาจในกรุงศรีอโยธยา คงยอมปล่อยตัวไปเป็นแน่
ดังนั้นหล่อนจึงสูดลมหายใจ โพล่งแนะนำตัวเองขึ้นมาอย่างมั่นใจทันที
“เราชื่อพิมเเก้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของออกญาศรีภิบาล ว่าเเต่ท่านจับเรามาทำไมกันหรือ”
แต่จะไปนึกถึงแม่งทำไม นึกให้หงุดหงิดใจเปล่าๆชายร่างใหญ่ทิ้งตัวลงข้างๆ ร่างเล็กที่หอบหายใจยั่วยวน อยากต่ออีกรอบนะแต่ร่างกายเธอคงบอบช้ำแทบตาย เพราะไม่เคยด้วยนี่สิ สามก๊กรวบเธอเข้ามากอดเอาไว้แน่น มือหนากุมฝ่ามือเล็กประสานมืออย่างนุ่มนวลราวกับต้องการปลอบประโลมเป่าความเมื่อยล้าพิมแก้วนั้นสับสนเหลือเกิน ราวกับถูกรังแก แต่เธอไร้สติอีกต่อไป เด็กสาวหลับปุ๋ยไปทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน และโดนตระกองกอดด้วยกายใหญ่ของอีกคนอยู่ตลอดทั้งค่ำคืนเช้าวันต่อมา แสงแดดจากบานหน้าต่างกระจกใสจนเห็นวิวทิวทัศน์ของตึกรามบ้านช่องสาดเข้าตาจนเด็กสาวในเรือนกายเปลือยเปล่าปรือตาขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นออพิมแก้วหยัดกายลุกขึ้นด้วยความง่วงงุน เธอรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยอยู่นิดหน่อย คิดว่าระดูคงมาแน่ๆ เลยพยายามจะเรียกหาบ่าวไพร่ให้เตรียมของให้สำหรับกันระดู แต่เมื่อเหลียวไปมองข้างๆ ก็เห็นชายตัวใหญ่ที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ แผ่นหลังกำยำที่มีรอยสักรูปมังกรและปลาคาร์ฟอยู่ด้านหลังทำให้เธอตื่นตะลึงมานั่งทบทวนกับตนเอง ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่เมืองอื่นที่ไม่ใช่กรุงศรีอโยธยานี่นาแถม... ตอนนี้เธอเองก็เปลือยเปล่าล่อนจ้
“อื้อ... นายท่าน” เสียงหวานล้ำหลุดรอดออกมาจากกลีบปากบางที่บัดนี้เปื้อนลิปสติกเป็นปื้นจากการโดนจูบที่รุนแรง ทรวงอกทั้งสองข้างที่หนาวเหน็บถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหยักของมาเฟียหนุ่ม สร้างความอบอุ่นและเสียดเสียวให้เด็กสาว แอ่นกายอย่างทรมานเมื่อถูกตรึงข้อมือทั้งสองข้างไม่ให้ดิ้นหนีความเมามาย ส่งผลให้สติสัมปชัญญะของเธอหลุดลอยไป ในเวลานี้เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ สอดแทรกเข้ามาตลอดระยะเท่านั้น“อ๊ะ” เมื่อเรียวขางามถูกเปิดออกกว้าง สาวน้อยก็สะดุ้งโหยง ปลายนิ้วของอีกฝ่ายครอบครองส่วนเกสรดอกลำดวนหวานของเธอ ที่บัดนี้ชุ่มชื้นผ่านชั้นในตัวบาง มันถูกแหวกข้างและปลายนิ้วก็เข้าไปตรวจสอบด้านในที่นุ่มหยุ่น“ไม่ต้องเกร็ง พิมแก้ว” ริมฝีปากที่ครอบครองความอ่อนนุ่มที่แปรเปลี่ยนมาชูชันของเธอผละออกเพื่อประโลมเด็กสาว ที่บัดนี้เมื่อปลายนิ้วใหญ่สอดเข้าไป กลับสร้างความเจ็บให้เธอ จนต้องนอนหลับตาปี๋ตัวเกร็งสั่นอย่างน่าสงสาร“นะ... นายท่าน ทำเราเบาๆ หน่อย เรา... เจ็บ”ความอบอุ่นครอบครองอยู่รอบทรวงอกเล็ก เด็กสาวนอนหอบหายใจ ควานหาออกซิเจนอย่างหนักหน่วง ความอ่อนโยนนุ่มนวลแต่กลับร้อนแรงของมาเฟียหนุ่มกำลังทำให้เธอเป็นบ้า เธอ
ด้วยความเชื่อใจ สามก๊กไม่ได้สนใจตรวจดูว่ามียาปลุกกำหนัดในวิสกี้หรือเปล่า มารู้สึกตัวอีกทีตัวเองก็แทบไปไม่เป็น เมื่อพาสาวเจ้าที่เมามายเข้ามาภายในห้องรับรองที่หรูหรา มาเฟียหนุ่มถึงกับกุมขมับ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำภายในตัว วักน้ำสาดหน้าตนเองให้สร่าง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองตัวเอง จึงเห็นความหวามไหวในสีหน้าพอก้มลงมองเป้ากางเกง ก็เห็นว่ามันคับเด่นตุงแน่นอย่างชัดเจน“เวร” ชายหนุ่มสบถเสียงพร่า เขาหอบหายใจหนักหน่วง อาการเริ่มชัดเจนหลังจากผ่านมาร่วมหนึ่งชั่วโมง หลังจากให้การ์ดพยุงสาวเจ้าไปนอนบนเตียง เธอครางอ้อแอ้อยู่บนนั้นอยู่สักพัก พร่ำเพ้อละเมอไปเรื่อย ในขณะที่สามก๊กได้แต่นั่งสงบสติอารมณ์ เพื่อตรวจดูความผิดปกติของตัวเองความคับแน่นที่ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากช่วยตัวเองภายในห้องน้ำกว้าง มาเฟียหนุ่มในชุดสูทที่เริ่มไม่เรียบร้อยเหมือนเก่าถึงกับไปไม่เป็น เมื่อเสร็จไปสามน้ำ แต่กลับไม่ทำให้ความกำหนัดที่แล่นพล่านในกายนั้นลดลงเลย“บ้าเอ้ย ไอ้จิน” เขาสบถชื่อเพื่อนของตนเองออกมา จิณพรตนั้นถูกขนานนามว่าเป็นหมาบ้าแห่งเอเชีย เพราะมันเป็นคนที่มีประวัติดำมืด คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ ภายนอกดูเหมือนเป็นมิตรขี้เล่น ใจดี
“ไอ้เหี้ยสาม กูรู้ว่ามึงเป็นพ่อพระ แต่ไม่ต้องมาพูดกับกู ถ้าไม่รีบกินก็ยกให้กู กูชอบ กูอยากได้ เท่าไหร่ก็ยอมจ่าย” สีหน้าของจิณพรตมีแววแห่งความหื่นกระหาย กระลิ้มกระเหลี่ยเด็กสาวที่ไม่บรรลุนิติภาวะอย่างออกนอกหน้า ขอถอนคำพูดที่ว่าไม่กินของเพื่อนแล้วกัน ถ้าเพื่อนให้ก็ยินดีเปิดอกรับ ไม่แปลกเพราะในเรื่องผู้หญิงจิณพรตนั้นเลือดเย็นไม่มีความเอ็นดูเมตตาใดๆ เคยถึงขั้นจับไปค้าประเวณีที่ต่างแดน คนที่จับงานพวกนี้ มีแต่คนใจแข็ง ใจเหี้ยมทั้งนั้นคงมีแต่สามก๊ก ที่ยังคงมั่นคงในอุดมการณ์ของตัวเอง ที่อยากจะธุดงค์ในป่า เป็นพระอาจารย์ที่เปี่ยมคุณธรรมเขารู้สึกไม่ชอบสายตาล่วงเกินของอีกฝ่ายที่มองเด็กสาว ไม่รู้เพราะความรู้สึกแบบไหน จึงล้วงปืนในกระเป๋ากางเกง แล้ววางใกล้ๆ มือของตนเองเป็นการขู่ใจ ในขณะที่บาร์เทนดี้หัวเราะคิกคัก ส่งแก้ววิสกี้ให้เขา“จะลองดูก็ได้” ออพิมแก้วไม่ได้รู้เรื่องราวที่ชายกำยำสองคนเขม่นกัน แต่ดูเหมือนว่าจิณพรตก็จะเกรงอกเกรงใจสามก๊กอยู่ในที เพราะถึงมันจะเป็นพ่อพระเข้าเส้น บ้าสวดมนต์จนถึงขนาดสวมสร้อยองค์ท้าวเวสสุวรรณ 100 ปีที่ผ่านพิธีปลุกเสกไปทำงานด้วย แต่เวลาที่ลงโทษหนอนก็โหดเหี้ยมเอาเรื่องเ
“เท้าคุณหนูไซส์ 35 หารองเท้าไซส์นี้ยากมากเลยค่ะคุณท่าน”“งั้นไว้ไปซื้อใหม่ ขึ้นมา” เขาหันไปออกคำสั่งกับพิมแก้วด้วยน้ำเสียงห้วนจัดตามนิสัย เด็กสาวเม้มกลีบปาก ก่อนที่จะยืนเหรอหราอยู่ตรงนั้น จนแม็คกี้ต้องเดินไปเปิดประตูรถอีกฝั่งให้“ขึ้นทางนี้ครับคุณหนู” ออพิมแก้วพยักหน้ารับพร้อมกับค่อยๆ เข้าไปในรถอย่างทุลักทุเล ประตูรถถูกปิดลงอย่างเรียบร้อย ในขณะที่สามก๊กเคลื่อนตัวรถออกไปอย่างรวดเร็วไม่นานนักก็มาถึงที่หมาย ทั้งสองคนนั่งไม่พูดไม่จากันตลอดทาง เพราะออพิมมัวแต่สนใจวิวข้างนอกที่แปลกตา ส่วนสามก๊กก็เอาแต่ท้าวคางบังคับพวงมาลัยข้างเดียวเคร่งเครียดอะไรเรื่อยเปื่อยบรรยากาศของคลับในช่วงเย็นนั้นยังคงไม่ค่อยมีใครเข้ามา สามก๊กไม่ได้ต้องการอินบรรยากาศ แค่ปรารถนาจะจิบแอลกอฮอล์ย้อมใจก็เท่านั้น ตรงหน้าคลับของจิณพรต เพื่อนของเขานั้นเต็มไปด้วยการ์ดคุมนับสิบด้านหน้า ซึ่งพอรถของสามก๊กขับมาจอดด้านหน้า พวกเขาก็พร้อมใจกันโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียง“ผมขับให้ครับท่าน” การ์ดคนหนึ่งเข้ามาเคาะกระจกเบาๆ เพื่อจะบริการขับรถไปจอดในที่จอดรถ Vip ให้เขา สามก๊กพยักหน้ารับ กำชับแว่นสายตาตอนที่เปิดประตูรถแหงนขึ้น แล้วการ์ดดำอ
คราวนี้เอมมิกาหน้าแตกดังเพล้ง ทั้งที่เด็กสาวคนนี้มีดีแค่ความสวยซึ่งอาจไม่มากไปกว่าเธอสักเท่าไหร่ แต่สามก๊กกลับหยามหน้ากันถึงขนาดนี้ ไม่อยากกลับมาควงหล่อนถึงขนาดต้องดึงคนบ้ามามีอะไรด้วย ตั้งตนให้มันแล้วเรียกว่าเมีย ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ“แล้วสามจะต้องเสียใจ ที่คิดหักหน้าเอมด้วยอีเด็กสติไม่ดีนี่” เธอปรามาสอย่างฉุนเฉียว หมดมาดแม่ชีไปไหนทันใด ยิ่งเห็นว่าแม่เด็กสาวคนนั้นทำท่าจะหนีไปแต่กลับถูกสามก๊กรั้งเอวคอดกิ่วกลับมาทันควัน ก็ทำเอาหึงหวงหน้ามืดตามัวแทบควันออกหูทั้งที่สามเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของเธอมาตลอดแท้ๆจำเอาไว้เถอะ นังพิมแก้ว!หลังจากพ้นจากหลังเอมมิกาไป สามก๊กก็ทรุดตัวลงไปนั่งบนโซฟา ทั้งๆ ที่ยังรั้งเอวคอดของพิมแก้วอยู่ จนทั้งคู่ล้มลงไปด้วยกัน“นี่ท่าน!” เธอทำท่าจะปรามาส หากแต่ฝ่ามือที่สั่นเทาของผู้ชายที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งและน่ากลัวกลับทำให้เจ้าหล่อนชะงัก “... ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่”คำพูดหวังปรามาส จึงแปรเปลี่ยนไปเป็นเนื้อเสียงแห่งความเป็นห่วงแทน“เปล่า” เขาผละฝ่ามือออกจากเธอทันทีที่รู้สึกตัว ค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นไปถอดแว่นตาออกอย่างเหนื่อยล้า ตลอดหลายปีที่เอมมิกาตามมารังควานจนนางบ
เอมมิกาเป็นสาวสังคมระดับสูงที่ชุบตัวมาจากเด็กเสี่ยในอดีต เธอมีความทะเยอทะยานสูง อาชีพเด็กเสี่ยไม่มีใครผิด ทุกคนต้องการหาความสะดวกสบายให้ชีวิตตัวเอง หากแต่เอมมิกานั้นกลับเปลี่ยนผู้ชายไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ถูกขัดใจ สามก๊กคืออดีตเพื่อนของเธอก่อนที่จะกลายเป็นสามีเก่าที่เคยมีลูกด้วยกันเอมมิกาทำแท้งเนื่องจากเธอไม่อยากมีลูก แต่พอพลาดท้องกับสามก๊ก เธอไตร่ตรองแล้วว่าไม่สามารถเป็นแม่คนได้จริงๆ จึงตัดสินใจกินยาขับเลือดตอนตั้งครรภ์ จนสามก๊กที่ถึงกับเล่นใหญ่ซื้อห้องให้ลูกคนแรกของเธอกับเขาถึงกับจมอยู่กับความเจ็บปวด เขาไม่ทำงานทำการและยึดติดกับลูกคนนี้มาก จึงทำให้ชีวิตในช่วงนั้นของสามก๊กตกต่ำ เอมมิกาจึงตีปีกไปจากเขาอย่างรวดเร็วสามก๊กเคยให้สัญญากับเธอว่า ไม่ว่าเธอกับเขาจะตกอยู่ในสถานะแบบไหน ความเป็นเพื่อนก็ยังอยู่เหมือนเดิม เขาเป็นคนที่อบอุ่นกับคนรัก แต่เพราะเธอไม่รู้จักพอ เอมมิกาจึงอยากมาขอโทษแต่เธอใช้วิธีขอโทษที่ผิดไปหน่อย เนื่องจากตัวเองมีความเอาแต่ใจจากการโดนเอาใจสูง ยิ่งกับสามก๊กที่เคยรักเธอแล้วด้วย เธอคิดว่าไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แค่เห็นเธอเขาก็คงจะมานอนจูบแทบเท้าเธอแล้วก็สามก๊กน่ะเป็นสุนัขผู้
ชายหนุ่มส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่เดินเข้าไปหลบที่หลังม่านที่อยู่ใกล้บานหน้าต่างใหญ่ที่มองลงไปด้านล่างได้ถนัด เขาคิดว่าหล่อนคงไม่ก้าวเข้ามาก็ต่อเมื่อตนนั้นก้าวเข้าไปเอง จึงตัดสินใจขยับรองเท้าหนังจระเข้มันวาวเข้าใกล้หล่อนที่อยู่หลังผ้าม่าน“เฮือก!” เจ้าตัวเล็กสะดุ้งโหยง เอาหน้ามุดผ้าม่านหนาที่แทบจะปิดตัวเองไม่มิด จนโดนฝ่ามือหนาของสามก๊กดึงมันออก ปรากฏความงดงามเต็มตา ท่ามกลางแสงแดดจ้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านบานหน้าต่างเด็กสาวนั้นสวยจนแทบปฏิเสธไม่ได้ว่ากระตุ้นโสตประสาทความรับรู้ทางเรื่องเพศให้ตื่นได้ดี เธอในชุดสายเดี่ยวคอเสื้อแหวกต่ำ ผ่าหน้าผ่าหลัง ผ่าขานั้นสวยจนไม่มีที่ติ พาลทำให้กายแกร่งของสามก๊กนั้นเกร็งเครียดการถุกกระตุ้นโดยที่รู้ตัวว่ามันจะไม่สำเร็จดั่งใจหวัง มันช่างทรมานเหลือเกินปึง!“อ๊ะ!” เสียงหวานหวีดร้องในลำคอเมื่อคนตัวใหญ่กว่ายันและดันเธอจนไปชิดกับบานหน้าต่างใหญ่ดังปึง แดดร้อนลามไล้แผ่นหลังนวลเนียนจนเธอหยีตา คุณสามหรี่ตาลงมองใบหน้าของหล่อนที่แต่งเติมเมคอัพไปเพียงน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูสวยพิฆาตสิ้นดี“อย่ามาว่ากูโหดร้ายแล้วกัน ในเมื่อเธอยั่วยวนกูก่อน” ริมฝีปากหยักลึกข
“สัตตบรรณไม่ต้อนรับมึงอีกต่อไปแล้วพิศุทธิ์” เขาพูดกับชายวัยกลางคนตรงหน้า ที่ถึงจะเคยมีศักดิ์เป็นอดีตคู่ค้าที่แสนดี แต่ถ้าหักหลังกันเมื่อไหร่ ความเป็นมิตรนั้นจะถูกพังทลาย เขาจะทรมานมันทุกทางเท่าที่จะทำได้ฝ่ามือนั้นกดมีดลงพร้อมเสียงกรีดร้องโหยหวนของพิศุทธิ์ แต่ก่อนที่ส่วนแหลมคมของมีดพกจะกดลงที่นิ้วชี้หยาบอ้วนของเขา เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นรัวๆ สามครั้ง จนสามก๊กต้องหยุดมีดไว้กลางอากาศ โดยที่เกือบจะเฉียดเนื้อของชายผู้นั้นไปแค่เพียงไม่กี่เซน“วิลลี่ โทรศัพท์” เขาหันไปออกคำสั่งกับมือขวา ชายหนุ่มกำยำหัวโล้นส่งสมาร์ทโฟนราคาแพงให้นายตัวเอง ก่อนที่สามก๊กจะเลื่อนสลับหน้าจอทัชสกรีนเป็นรูปหน้ากล่องแชทไลน์แต่ก็แทบจะผงะไป ใจกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อเด็กสาวที่หายไปร่วมสิบห้านาที กลับส่งรูปภาพวาบหวิวขยี้ใจมายั่วยวนเขาในเวลาสำคัญเสียนี่!รูปแรก นั้นเป็นรูปที่พอเร่งระดับเลือดลมให้สูบฉีดประมาณหนึ่ง เป็นรูปที่เธอยกกล้องเซลฟี่ถ่ายด้วยมือตัวเอง รอยยิ้มโก๊ะๆ ถูกเผยออกมา พร้อมกับหน้าอกหน้าใจที่ทะลักจากชุดวาบหวิวที่สามก๊กโปรดปรานราวกับจงใจรูปที่สอง เป็นรูปที่ทรวงอกกลมโตหกลงจากขอบเสื้อคอกว้างมากขึ้น ความข
Comments