‘ออพิมแก้ว’ กำลังกรองมาลัยอยู่ที่สวนดอกลำดวน บ่าวทั้งสองนำขนมพระพายมาวางบนพานให้นางรับประทาน เนื่องจากคุณพิมแก้วนั้นชอบรับประทานขนมไทยยิ่ง
“ขอบใจจ้ะ จิต จวน” เธอพูดกับบ่าวทั้งสองที่คอยเคียงบ่าเคียงไหล่เธออยู่เสมอมา ทั้งสองนั่งพับเพียบอยู่ใต้ถุนศาลา มองแม่นายคนสวยที่กรองมาลัยอย่างกุลสตรี
พิมแก้วนั้นเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของออกญาชื่อดังในยุคสมัยกรุงศรีอโยธยา นางเป็นกุลสตรีครบทุกส่วน มีแต่บุตรของคนมีอำนาจในยุคนี้มาสนใจใคร่รักในตัวนางออกมาก แลต้องการสู่ขอหลายต่อหลายคน แต่พิมแก้วก็มินึกสนใจในชายใดเป็นพิเศษ
วันๆ ของเธอคือการนั่งกรองมาลัย ออดอ้อนเจ้าคุณพ่อที่แสนดุแต่อบอุ่นกับลูกสาวเพียงคนเดียว ออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดแลหวงลูกสาวมาก เนื่องจากภรรยาคนเดียวตายไปตั้งแต่พิมแก้วยังเล็ก ท่านจึงพยายามประคบประหงมบุตรีของตนอย่างดีที่สุด ถ้าไม่มีผู้ใดที่เขามองว่าเหมาะสมกับพิมแก้วลูกรักของเขา ก็จักมิให้ลูกแต่งงานอย่างเด็ดขาด
ออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อว่ารักเดียวใจเดียวยิ่ง ทั้งชีวิตนั้นมีเพียงแต่คุณแม่ จนกระทั่งแม่เสียชีวาก็ยังมิมีใครอื่น นั่นยิ่งทำให้พิมแก้วรู้สึกว่า... ถ้าจักหาใครสักคนมาเข้าเรือนหอด้วย ก็ต้องหาคนที่นิสัยเหมือนเจ้าคุณพ่อถึงจักดี
“ขนมพระพายที่ฉันชอบ ขอบใจนะ” เมื่อหยุดกรองมาลัยที่สวยงามลงบนพานทอง นางจึงหันมาเห็นขนมพระพายที่ปั้นเป็นก้อนกลมจากข้าวเหนียวแลตกแต่งสีด้วยดอกอัญชัน ใบเตย แลแก่นฝางจนกลายเป็นสีสันหลากหลายน่าดูชม พร้อมกับราดกะทิด้านบนให้ดูน่าทานยิ่งขึ้น
นางใช้ไม้เหลาเล็กๆ จิ้มลูกพระพายขึ้นมา ป้อนเข้าปากของตนเอง เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย พอลูกแรกยังไม่อิ่มหนำ ก็จิ้มลูกสอง ลูกสาม
แต่ทว่า
“อึก แค่กๆ!” เพราะรับประทานด้วยความรีบเร่ง จึงทำให้ขนมพระพายลูกแดงชิ้นสุดท้ายนั้นติดคอของเธอ เจ้าตัวเล็กไอค่อกแค่ก ชักดิ้นชักงอต่อหน้าบ่าวทั้งสองที่ปรี่เข้ามาดูเธออย่างตกใจเมื่อเห็นว่าแม่นายของตนนั้นล้มลงไปดิ้นน้ำลายฟูมปากอยู่ที่พื้นศาลา
“แค่กๆๆๆ”
“แม่นาย! แม่นายเจ้าคะ แม่นายเป็นกระไรไปเจ้าคะ!”
สิ้นเสียงของจวนบ่าวรับใช้ข้างกาย พิมแก้วก็ชะงักค้าง และสลบไปจากความทรมานของขนมไทยที่ติดคอในเพลานั้น
บรืนนน
นานพอดูที่นางหมดสติไป หญิงสาวปรือตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงดังอันแปลกประหลาด เสียงเหมือนอะไรสักอย่างเคลื่อนตัวไปมาไม่น่าชินหู กับเสียงเหมือนช้างร้องแปร๊นๆ ดังมาจากตรงนั้น เจ้าตัวเล็กปรือตาขึ้นมา หันรีหันขวาง ก่อนจะได้กลิ่นเหม็นโฉ่ของถังขยะสาธารณะข้างกาย พร้อมกับถุงดำที่กองพะเนินเทินทึกรอบข้างหล่อน
“กระไรกันนี่ เหม็นเชียว” เพราะความเป็นกุลสตรีจึงทำได้เพียงเอานิ้วเรียวมาบีบจมูกไว้ บิดสะโพกเล็กน้อยแสดงท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์แบบผู้ดี จนรู้สึกเหมือนมีชายในชุดสีดำตัวใหญ่กำลังยืนจ้องเธออยู่ด้านหลังจนต้องสะดุ้งตกใจ
“แม่นี่คือคนที่เมาในคลับจนถูกลากมาที่นี่อย่างงั้นเหรอ” ชายในแว่นดำคนนึงเอ่ยกับชายชุดดำหัวโล้นตัวกำยำอีกคน หรี่ตาลงมองเธอที่นั่งพับเพียบอยู่กลางกองขยะอย่างฉงน
“กูคิดว่าอย่างนั้น แต่มันแต่งชุดไทย”
“หน้าสวยขนาดนี้ ระดับดาราก็หาไม่ได้ ตรงไทป์ที่นายชอบ”
“ถึงจะดูบ้าๆ บอๆ แต่ลองจับแต่งตัวหน่อยก็คงสวย”
“งั้นลากมันไปด้วยกัน”
“ดี”
“ประเดี๋ยวก่อน พวกท่านเป็นใครกัน มาจับแขนเราทำไม” พิมแก้วตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อตนเองนั้นถูกหิ้วปีกด้วยฝ่ามือหนาของชายชุดดำปริศนาทั้งสองคน ลากทึ้งเธอไปยังรถคันโก้ที่อยู่ตรงต้นซอยแคบ เธอมองวัตถุขนาดใหญ่นั้นอย่างตกตะลึง
ทำไมเกวียนรูปทรงแปลกๆ นี้ถึงไม่มีม้าเทียมเกวียนกันล่ะ!?
ที่นี่มันที่ไหนกันแน่
ภายในรถนั้นเงียบสงัดจนน่าอึดอัด แม่กุลสตรีไทยแท้พยายามสงบปากสงบคำนั่งเงียบจนถึงที่สุด เนื่องด้วยชายชุดดำทั้งสองคนนั่งขนาบข้างเธอ แถมตัวเธอเองก็เหม็นโฉ่ไปด้วยกลิ่นขยะจนพวกเขาพากันหันหน้าหนีไปคนละทาง
อะ... อายเหลือเกิน
จนเกวียนคันนี้เคลื่อนตัวมาจนถึงเรือนอันใหญ่โต ที่ทำมาจากวัสดุที่ไม่คุ้นเคย (ปรกติที่เห็นจักเป็นไม้สักเสียส่วนใหญ่) มันดูเหมือนฉาบด้วยอะไรที่หนาและแข็งมากๆ เรือนก็หลังใหญ่อย่างกับวังขององค์เจ้าเหนือหัวที่เจ้าคุณพ่อเคยมาเล่าให้ฟังหลังเข้าเฝ้าเสด็จท่านด้วย
ไม่มีโอกาสได้ถามอะไรมากนัก พิมแก้วถูกบ่าวรับใช้ที่แต่งตัวแปลกประหลาดลากทึ้งเข้ามาจับแต่งตัวอาบน้ำชำระร่างกายจนหมดจด แถมพวกเธอยังพูดคำว่า ‘นี่คงเป็นนางบำเรอคนใหม่ของคุณสามแน่ๆ’ พร้อมกับจับเธอแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดที่แสนจะวาบหวิว ราวกับเป็นหญิงสาวในโคมเขียวก็มิปาน
เจ้าคุณพ่อ หนูกลัว
พิมแก้วประนมมือไหว้ เริ่มหวาดหวั่นขึ้นมาหลังจากถูกจับแต่งหน้าแต่งตัวทำผมจนหอมฟุ้ง นางก็ถูกรับไม้ต่อด้วยชายชุดดำทั้งสองคนนั้น พาเธอเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่อู้ฟู่ มีการตกแต่งที่ดูประหลาดตาและเป็นสีทึบทั้งหมด ท่ามกลางเก้าอี้หนังที่บุอย่างดีนั้น มีชายผู้หนึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่
“นายครับ ผมพานางบำเรอมาให้นายแล้ว ไม่ทราบว่าถูกใจรึเปล่าครับ” ชายชุดดำคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาตอนที่ผลักหลังเนียนของพิมแก้วให้เดินมาด้านหน้า เธอจึงได้สำรวจบุรุษปริศนาผู้นั้นอย่างชัดเจน
เขาเป็นผู้ชายที่มีดวงหน้าคมคาย ซ่อนความดุดันไว้ภายใต้แว่นสายตาเฉียบบาง ที่หางคิ้วไปจนถึงใต้ตาด้านขวามีรอยบากราวกับถูกของมีคมกรีดจนเป็นแผลเป็นเป็นทางยาว ดวงตาสีดำทมิฬนั้นจ้องมองเธอเขม็ง พิจารณาเธออย่างละเอียดถี่ถ้วน
“สวย” ประโยคแรกที่ออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ทำเอาเธอสะท้านด้วยความหวาดหวั่นต่อท่าทางอันตรายนั้น “รูปร่างดี ไปเก็บมาจากไหน?”
“ที่คลับคุณจินครับ”
“เหรอ”
“...”
“เธอชื่ออะไร” เงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่ความอันตรายนั้นจักมาเยือนเธอ ชายหนุ่มคมคายผู้นั้นจ้องเธออย่างจาบจ้วงทั้งๆ ที่ท่าทางยังคงสงบนิ่งไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิด เขาเอ่ยถามแม่สาวงามตรงหน้า เนื่องด้วยอยากรู้นามของหล่อน
พิมแก้วกลั้นลมหายใจ คิดว่านี่คงเป็นทางเดียวที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นบุตรีของใคร และถ้ารู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของผู้มีอำนาจในกรุงศรีอโยธยา คงยอมปล่อยตัวไปเป็นแน่
ดังนั้นหล่อนจึงสูดลมหายใจ โพล่งแนะนำตัวเองขึ้นมาอย่างมั่นใจทันที
“เราชื่อพิมเเก้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของออกญาศรีภิบาล ว่าเเต่ท่านจับเรามาทำไมกันหรือ”
“เราชื่อพิมเเก้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของออกญาศรีภิบาล ว่าเเต่ท่านจับเรามาทำไมกันหรือ”‘สามก๊ก’ หรี่ตามองแม่สาวสวยตรงหน้า ที่ราวกับแม่พันธุ์ชั้นดี หน้าอกเอย ทรวดทรงองค์เอวเอย งดงามสมจะมาเป็นนางบำเรอราคะชั่วคราวของเขามากแต่ทำไมถึงพูดจาประหลาด เหมือนหลุดมาจากละครจักรๆ วงศ์ๆชายหนุ่มนิ่งสงบ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย หญิงสาวสวยจึงโพล่งขึ้นมาอย่างลนลานอีกครั้ง“ที่เรือนเจ้าคุณพ่อมีเงินพดด้วงแลเบี้ยมากมาย ถ้าท่านต้องการแลกกับการพาเรากลับไปหาเจ้าคุณพ่อ เรายอมยกให้หลายถุงเลย”“วิลลี่ มึงพาคนบ้ามาเหรอไง ไปเอาคนใหม่มา” พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูท่าจะเป็นหญิงสาวสวยที่สติสตังไม่ค่อยดี เขาเลยลูบหัวคิ้วตัวเองพลางปัดมือไล่ให้ลูกน้องลากเธอออกไปวิลลี่ หรือชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่ยืนหัวโล้นอยู่ข้างหลังเธอ จึงก้าวตรงเข้ามาเพื่อป้องปากกระซิบข้างหูนายใหญ่ของตน“แต่นายครับ สวยขนาดนี้ หายากมากนะครับ ระดับดาราก็ไม่มีสวยแบบราคาดีขนาดนี้”“กูรู้ แต่นี่มันคนสติไม่ดี” สามก๊กแสนจะหงุดหงิดใจ ถึงจะถูกใจหน้าตารูปร่างอยู่มาก แถมยังอยากได้คนตรงหน้ามาเป็นนางบำเรอก็จริง แต่จะให้มามีเซ็กซ์กับคนบ้า ก็คงจะไม่ไหว“ให้ผม
“ระ... เราเป็นถึงลูกสาวของออกญาศรีภิบาลเทียวนะ ท่านจักข้ามขั้นตอนมิได้นะเจ้าคะ จริงๆ แล้วท่านต้องมาสู่ขอเราพอเป็นพิธีก่อน แล้วเมื่อเรารับรักท่าน ท่านถึงจักแตะต้องเราได้ในฐานะผัวเมียตามแต่พึงใจ” พิมแก้วว่าพลางพยายามบิดสะโพกอ่อนออกจากความแข็งขืนตรงกลางกายของบุรุษ นางหน้าแดงก่ำไปด้วยความขวยเขิน รูปทรงที่ไม่ธรรมดานั้นแนบชิดตรงก้นกบจนเกร็งตัวสติไม่สมประกอบแล้วยังจะเล่นตัว น่ารำคาญจริง สามก๊กคิดในใจ พลางดันนางลงจากตัก พอสาวเจ้าเห็นท่าว่าจะรอด กลับถูกริดรอนด้วยการผลักไหล่มนลงไปนอนบนฟูกนุ่ม ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันของชายหนุ่มจะเลื่อนขึ้นมาทาบทับชุดที่แปลกตา ดูเหมือนชุดของชาวต่างแดนที่มักเห็นมาทำการค้าที่พระนครถูกปลดออกด้วยความร้อนรุ่มของคนตัวใหญ่ ชวนให้เห็นแผงอกกำยำเย้ายวนตาเย้ายวนจิต ที่ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดงก่ำไปถึงกกหูเจ้าคุณพ่อไม่อนุญาต ห้ามมองนะออพิม!นางคิดในใจพลางเอามือทั้งสองข้างมาปิดตาของตัวเอง แต่ปลายนิ้วเจ้ากรรมกลับแยกแง่งนิ้วน้อยๆ เพื่อสำรวจความรูปงามของชายตรงหน้าอย่างชัดเจน พอเห็นความขาวผ่อง แลลายสักอักขระโบราณ เป็นรูปเสือแลอักษรแปลกๆ นางก็หน้าแดงสุกปลั่งยิ่งกว่าเก่า“โด
ฝ่ายพิมแก้วนั้นที่ตรงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำอันหรูหรา เพิ่งสังเกตได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในชุดแปลกตาที่แสนบางเบา ผ้าแพรที่มีลายดอกไม้ถักมือวิจิตรนั้นดูดีถ้าเกิดเนื้อผ้าไม่บางราวกับผ้าแพรเช่นนี้ เสื้อผ้าที่ดูไม่คุ้นตาแต่แสนจะบัดสีบัดเถลิงเหลือเกิน ราวกับหญิงสาวในย่านโคมเขียวก็มิปานเจ้าคุณพ่อมาเห็นแบบนี้ มีหวังจับเราเฆี่ยนจนหลังหักเป็นแน่นางคิดแล้วซับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาบนดวงตากลมโตเนื่องด้วยอยู่ดีๆ ตนเองก็ต้องมาเจอกับที่ที่ไม่เคยอยู่ มันกะทันหันจนตั้งตัวมิทัน สาวเจ้าทำใจอยู่นาน ก่อนที่จะสวมชุดคลุมอาบน้ำทับผ้าแพรด้านนอกที่แทบจะปิดสรีระไม่มิดนั่น พยายามดูอยู่หลายครั้งจึงรู้ว่าต้องผูกสายตรงสะบั้นเอวให้แนบชิดติดกับสะโพกผายแกรกเมื่อแต่งตัวอย่างมิดชิดสำเร็จ เจ้าตัวเล็กจึงค่อยๆ แง้มประตูไม้สักทองเปิดออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางสอดส่องไปยังภายในห้องนอนโทนสีหม่นทึบ จึงเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังใช้มวนยาสูบที่บ่าวไพร่มักใช้กันพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ด้านนอกระเบียง“เอ่อ... คือเราต้องทำเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะ” เธอละล้าละหลังอยู่นานจึงตัดสินใจโพล่งถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดน่าอึดอัดและกลิ่นม่านควัน ชายหนุ่มในแว่นส
ประวัติของเธอ ไม่ว่าจะคร่าวๆ หรือโดยละเอียดไม่มีปรากฎอยู่เลยสักนิด ราวกับเธอคือบุคคลสาปสูญลึกลับโดยสมบูรณ์ ด้วยความสนใจต่อเด็กสาวอย่างแรงกล้า สามก๊กตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเธอไว้ในสถานะเด็กเลี้ยงที่อนาคตเมื่ออายุบรรลุนิติภาวะจะผันตัวมาเป็นนางบำเรอ มอบคำสั่งให้เมดรับใช้ส่งเด็กสาวเข้านอนที่ห้องที่เขาหวงแหนใช่ เพราะห้องนั้นที่จัดให้เธอนอน เป็นห้องที่ถูกจัดมาเพื่อ ‘ลูกสาวคนแรก’ ของเขา ที่บัดนี้ได้เสียชีวิตไปแล้วฝ่ายพิมแก้วยังคงนั่งอยู่ภายในห้องนอนโดยเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน เธอถูกสามก๊กส่งมายังห้องใหญ่เทียบเท่ากับห้องนอนเจ้าคุณพ่อ แต่มีเครื่องนอนและการตบแต่งผิดแผกไปจากที่ที่เธอเคยอยู่เด็กสาวยังนั่งนึกถึงคำพูดของสามก๊กคนนั้น ที่บอกชื่อสถานที่แห่งนี้ที่เธอกำลังอยู่“ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสี ที่มีแต่กลิ่นควัน มลพิษ อีกอย่าง... กูก็ไม่ใช่คนปกติที่เดินอยู่บนถนนข้างล่างนั่น”กรุงเทพมหานคร ชื่อคล้ายๆ พระนคร แต่ทำไมไม่คุ้นเคยเลย“หรือเราจักต้องหลบหนีออกไปหาเจ้าคุณพ่อด้วยตนเอง ชายผู้นั้นอาจจักเป็นแขกขาว หรือเขมรเมืองมอญมาจับเราไปเป็นเชลยก็เป็นได้” เนื่องด้วยข่าวเรื่องการรบรากับเขมรทำ
ออพิมแก้วนั้นอายแสนอาย บุรุษตรงหน้าต้องการเกี้ยวพาราสีหล่อนหรืออย่างไร ถึงได้มาป้อนสำรับกับข้าวใส่ถึงปากเช่นนี้ แต่ถ้าหล่อนจะเป็นเชลยก็ไม่แปลก ด้วยความที่เป็นผู้หญิง พอมีศักดิ์เป็นเชลยศึก เขาจะต้มยำทำแกงอะไรเราก็ย่อมได้ด้วยความที่ตกเป็นรองชายเถื่อนตรงหน้าอยู่มากโข เด็กสาวที่หน้าแดงก่ำเลยอ้าปากเพื่องับข้าวบดอุ่นๆ ในช้อนสแตนเลสตรงหน้า แต่กลับตะลึงพรึงเพริด รสมือแม่ครัวของเขาช่างถึงเครื่องนัก หล่อนทำตาโต ดวงตากลมโตสุกใสมีแววเจือประกาย“โจ๊กหมูหรือ ทำอย่างไรเจ้าคะ” ชิมไปคำแรกก็ถามคนตรงหน้าที่ไม่เคยแม้แต่จะจับมีดทำครัวมาก่อนนอกจากมีดที่ไว้ป้องกันตัว สามก๊กตีสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ตอบอะไรแล้วตักโจ๊กอีกคำมาเป่าพลางยกชิดกลีบปากนวล ถือคติที่ว่าถ้าไม่รู้จะไม่ตอบสาวเจ้าหน้าเสียที่เห็นว่าบุรุษตรงหน้าช่างเย็นชาน่าหวั่นกลัว คราวนี้เลยสงบปากสงบคำ กินเอาๆ ตามจังหวะที่เขายกป้อนจนหมดถ้วยนางอิ่มแปล้ อร่อยเหลือเกิน ผู้หญิงในชุดกระโปรงใส่ผ้าคลุมขาวคนเมื่อกี้น่าจะเป็นแม่ครัวสินะถ้าถามอะไรจากคุณสามคนนี้ไม่ได้ เราจะไปถามจากแม่ครัว“เอ่อ...” เธอโพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสาวเจ้ากินเกลี้ยง สามก๊กจึงโทรศัพท์ให้แม
Sk : ถ่ายรูปเขาส่งมาอีกแล้ว ข้อความนั้นแม้จะเป็นแค่ตัวอักษรแต่ใจความห้วนสั้นก็กดดันเด็กสาวได้ดี เธอเริ่มเลิ่กลั่ก นั่งครุ่นคิดในห้องนอนของตนอยู่นาน จนสุดท้ายจึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องก็อกๆๆ“ว่ายังไงครับ” เสียงทุ้มของการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าประตูสำรวจความเรียบร้อยของเด็กเลี้ยงคุณสามดังขึ้นมา ชวนให้เด็กสาวตัวสั่นที่ไม่ใช่เสียงคุณเมดอย่างที่คิดเอาไว้ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือถามออกไป“ท่านรู้จักการ ‘ถ่ายรูป’ หรือไม่เจ้าคะ”บุรุษหนุ่มในชุดดำตรงหน้าขมวดคิ้วจนพันเป็นปม เพิ่งเคยเห็นคนในสมัยดิจิตอลไม่รู้จักคำว่าถ่ายรูปมาก่อน จึงทวนคำถามเพื่อความแน่ใจ“อะไรนะครับ”“ท่านรู้จักการถ่ายรูปหรือไม่เจ้าคะ” คำถามยังคงเป็นคำถามเดิม ชายหนุ่มผงะไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะกุมขมับ“คุณหนูรู้จัก ‘กล้องถ่ายรูป’ มั้ยครับ”พิมแก้วที่ยืนอยู่อีกฝั่งของบานประตูไม้สักทองเอียงคอฉงน เธอส่ายหน้าทั้งที่เขาไม่เห็น พร้อมกับตอบฉะฉาน“กล้องถ่ายรูปคือกระไรหรือเจ้าคะ”เอาล่ะ สงสัยต้องเข้าไปด้านใน และอธิบายให้สาวเจ้าได้รู้จักกับคำว่า ‘กล้องถ่ายรูป’ เสียก่อน‘แม็คกี้’ ลูกน้องที่ผ่านร้อนผ่านหนาวของสามก๊กมานับสามปี เปิดประตูเข้าไปในห้องนอ
“สัตตบรรณไม่ต้อนรับมึงอีกต่อไปแล้วพิศุทธิ์” เขาพูดกับชายวัยกลางคนตรงหน้า ที่ถึงจะเคยมีศักดิ์เป็นอดีตคู่ค้าที่แสนดี แต่ถ้าหักหลังกันเมื่อไหร่ ความเป็นมิตรนั้นจะถูกพังทลาย เขาจะทรมานมันทุกทางเท่าที่จะทำได้ฝ่ามือนั้นกดมีดลงพร้อมเสียงกรีดร้องโหยหวนของพิศุทธิ์ แต่ก่อนที่ส่วนแหลมคมของมีดพกจะกดลงที่นิ้วชี้หยาบอ้วนของเขา เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นรัวๆ สามครั้ง จนสามก๊กต้องหยุดมีดไว้กลางอากาศ โดยที่เกือบจะเฉียดเนื้อของชายผู้นั้นไปแค่เพียงไม่กี่เซน“วิลลี่ โทรศัพท์” เขาหันไปออกคำสั่งกับมือขวา ชายหนุ่มกำยำหัวโล้นส่งสมาร์ทโฟนราคาแพงให้นายตัวเอง ก่อนที่สามก๊กจะเลื่อนสลับหน้าจอทัชสกรีนเป็นรูปหน้ากล่องแชทไลน์แต่ก็แทบจะผงะไป ใจกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อเด็กสาวที่หายไปร่วมสิบห้านาที กลับส่งรูปภาพวาบหวิวขยี้ใจมายั่วยวนเขาในเวลาสำคัญเสียนี่!รูปแรก นั้นเป็นรูปที่พอเร่งระดับเลือดลมให้สูบฉีดประมาณหนึ่ง เป็นรูปที่เธอยกกล้องเซลฟี่ถ่ายด้วยมือตัวเอง รอยยิ้มโก๊ะๆ ถูกเผยออกมา พร้อมกับหน้าอกหน้าใจที่ทะลักจากชุดวาบหวิวที่สามก๊กโปรดปรานราวกับจงใจรูปที่สอง เป็นรูปที่ทรวงอกกลมโตหกลงจากขอบเสื้อคอกว้างมากขึ้น ความข
ชายหนุ่มส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่เดินเข้าไปหลบที่หลังม่านที่อยู่ใกล้บานหน้าต่างใหญ่ที่มองลงไปด้านล่างได้ถนัด เขาคิดว่าหล่อนคงไม่ก้าวเข้ามาก็ต่อเมื่อตนนั้นก้าวเข้าไปเอง จึงตัดสินใจขยับรองเท้าหนังจระเข้มันวาวเข้าใกล้หล่อนที่อยู่หลังผ้าม่าน“เฮือก!” เจ้าตัวเล็กสะดุ้งโหยง เอาหน้ามุดผ้าม่านหนาที่แทบจะปิดตัวเองไม่มิด จนโดนฝ่ามือหนาของสามก๊กดึงมันออก ปรากฏความงดงามเต็มตา ท่ามกลางแสงแดดจ้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านบานหน้าต่างเด็กสาวนั้นสวยจนแทบปฏิเสธไม่ได้ว่ากระตุ้นโสตประสาทความรับรู้ทางเรื่องเพศให้ตื่นได้ดี เธอในชุดสายเดี่ยวคอเสื้อแหวกต่ำ ผ่าหน้าผ่าหลัง ผ่าขานั้นสวยจนไม่มีที่ติ พาลทำให้กายแกร่งของสามก๊กนั้นเกร็งเครียดการถุกกระตุ้นโดยที่รู้ตัวว่ามันจะไม่สำเร็จดั่งใจหวัง มันช่างทรมานเหลือเกินปึง!“อ๊ะ!” เสียงหวานหวีดร้องในลำคอเมื่อคนตัวใหญ่กว่ายันและดันเธอจนไปชิดกับบานหน้าต่างใหญ่ดังปึง แดดร้อนลามไล้แผ่นหลังนวลเนียนจนเธอหยีตา คุณสามหรี่ตาลงมองใบหน้าของหล่อนที่แต่งเติมเมคอัพไปเพียงน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูสวยพิฆาตสิ้นดี“อย่ามาว่ากูโหดร้ายแล้วกัน ในเมื่อเธอยั่วยวนกูก่อน” ริมฝีปากหยักลึกข
เอมมิกาเป็นสาวสังคมระดับสูงที่ชุบตัวมาจากเด็กเสี่ยในอดีต เธอมีความทะเยอทะยานสูง อาชีพเด็กเสี่ยไม่มีใครผิด ทุกคนต้องการหาความสะดวกสบายให้ชีวิตตัวเอง หากแต่เอมมิกานั้นกลับเปลี่ยนผู้ชายไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ถูกขัดใจ สามก๊กคืออดีตเพื่อนของเธอก่อนที่จะกลายเป็นสามีเก่าที่เคยมีลูกด้วยกันเอมมิกาทำแท้งเนื่องจากเธอไม่อยากมีลูก แต่พอพลาดท้องกับสามก๊ก เธอไตร่ตรองแล้วว่าไม่สามารถเป็นแม่คนได้จริงๆ จึงตัดสินใจกินยาขับเลือดตอนตั้งครรภ์ จนสามก๊กที่ถึงกับเล่นใหญ่ซื้อห้องให้ลูกคนแรกของเธอกับเขาถึงกับจมอยู่กับความเจ็บปวด เขาไม่ทำงานทำการและยึดติดกับลูกคนนี้มาก จึงทำให้ชีวิตในช่วงนั้นของสามก๊กตกต่ำ เอมมิกาจึงตีปีกไปจากเขาอย่างรวดเร็วสามก๊กเคยให้สัญญากับเธอว่า ไม่ว่าเธอกับเขาจะตกอยู่ในสถานะแบบไหน ความเป็นเพื่อนก็ยังอยู่เหมือนเดิม เขาเป็นคนที่อบอุ่นกับคนรัก แต่เพราะเธอไม่รู้จักพอ เอมมิกาจึงอยากมาขอโทษแต่เธอใช้วิธีขอโทษที่ผิดไปหน่อย เนื่องจากตัวเองมีความเอาแต่ใจจากการโดนเอาใจสูง ยิ่งกับสามก๊กที่เคยรักเธอแล้วด้วย เธอคิดว่าไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แค่เห็นเธอเขาก็คงจะมานอนจูบแทบเท้าเธอแล้วก็สามก๊กน่ะเป็นสุนัขผู้
ชายหนุ่มส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่เดินเข้าไปหลบที่หลังม่านที่อยู่ใกล้บานหน้าต่างใหญ่ที่มองลงไปด้านล่างได้ถนัด เขาคิดว่าหล่อนคงไม่ก้าวเข้ามาก็ต่อเมื่อตนนั้นก้าวเข้าไปเอง จึงตัดสินใจขยับรองเท้าหนังจระเข้มันวาวเข้าใกล้หล่อนที่อยู่หลังผ้าม่าน“เฮือก!” เจ้าตัวเล็กสะดุ้งโหยง เอาหน้ามุดผ้าม่านหนาที่แทบจะปิดตัวเองไม่มิด จนโดนฝ่ามือหนาของสามก๊กดึงมันออก ปรากฏความงดงามเต็มตา ท่ามกลางแสงแดดจ้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านบานหน้าต่างเด็กสาวนั้นสวยจนแทบปฏิเสธไม่ได้ว่ากระตุ้นโสตประสาทความรับรู้ทางเรื่องเพศให้ตื่นได้ดี เธอในชุดสายเดี่ยวคอเสื้อแหวกต่ำ ผ่าหน้าผ่าหลัง ผ่าขานั้นสวยจนไม่มีที่ติ พาลทำให้กายแกร่งของสามก๊กนั้นเกร็งเครียดการถุกกระตุ้นโดยที่รู้ตัวว่ามันจะไม่สำเร็จดั่งใจหวัง มันช่างทรมานเหลือเกินปึง!“อ๊ะ!” เสียงหวานหวีดร้องในลำคอเมื่อคนตัวใหญ่กว่ายันและดันเธอจนไปชิดกับบานหน้าต่างใหญ่ดังปึง แดดร้อนลามไล้แผ่นหลังนวลเนียนจนเธอหยีตา คุณสามหรี่ตาลงมองใบหน้าของหล่อนที่แต่งเติมเมคอัพไปเพียงน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูสวยพิฆาตสิ้นดี“อย่ามาว่ากูโหดร้ายแล้วกัน ในเมื่อเธอยั่วยวนกูก่อน” ริมฝีปากหยักลึกข
“สัตตบรรณไม่ต้อนรับมึงอีกต่อไปแล้วพิศุทธิ์” เขาพูดกับชายวัยกลางคนตรงหน้า ที่ถึงจะเคยมีศักดิ์เป็นอดีตคู่ค้าที่แสนดี แต่ถ้าหักหลังกันเมื่อไหร่ ความเป็นมิตรนั้นจะถูกพังทลาย เขาจะทรมานมันทุกทางเท่าที่จะทำได้ฝ่ามือนั้นกดมีดลงพร้อมเสียงกรีดร้องโหยหวนของพิศุทธิ์ แต่ก่อนที่ส่วนแหลมคมของมีดพกจะกดลงที่นิ้วชี้หยาบอ้วนของเขา เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นรัวๆ สามครั้ง จนสามก๊กต้องหยุดมีดไว้กลางอากาศ โดยที่เกือบจะเฉียดเนื้อของชายผู้นั้นไปแค่เพียงไม่กี่เซน“วิลลี่ โทรศัพท์” เขาหันไปออกคำสั่งกับมือขวา ชายหนุ่มกำยำหัวโล้นส่งสมาร์ทโฟนราคาแพงให้นายตัวเอง ก่อนที่สามก๊กจะเลื่อนสลับหน้าจอทัชสกรีนเป็นรูปหน้ากล่องแชทไลน์แต่ก็แทบจะผงะไป ใจกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อเด็กสาวที่หายไปร่วมสิบห้านาที กลับส่งรูปภาพวาบหวิวขยี้ใจมายั่วยวนเขาในเวลาสำคัญเสียนี่!รูปแรก นั้นเป็นรูปที่พอเร่งระดับเลือดลมให้สูบฉีดประมาณหนึ่ง เป็นรูปที่เธอยกกล้องเซลฟี่ถ่ายด้วยมือตัวเอง รอยยิ้มโก๊ะๆ ถูกเผยออกมา พร้อมกับหน้าอกหน้าใจที่ทะลักจากชุดวาบหวิวที่สามก๊กโปรดปรานราวกับจงใจรูปที่สอง เป็นรูปที่ทรวงอกกลมโตหกลงจากขอบเสื้อคอกว้างมากขึ้น ความข
Sk : ถ่ายรูปเขาส่งมาอีกแล้ว ข้อความนั้นแม้จะเป็นแค่ตัวอักษรแต่ใจความห้วนสั้นก็กดดันเด็กสาวได้ดี เธอเริ่มเลิ่กลั่ก นั่งครุ่นคิดในห้องนอนของตนอยู่นาน จนสุดท้ายจึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องก็อกๆๆ“ว่ายังไงครับ” เสียงทุ้มของการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าประตูสำรวจความเรียบร้อยของเด็กเลี้ยงคุณสามดังขึ้นมา ชวนให้เด็กสาวตัวสั่นที่ไม่ใช่เสียงคุณเมดอย่างที่คิดเอาไว้ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือถามออกไป“ท่านรู้จักการ ‘ถ่ายรูป’ หรือไม่เจ้าคะ”บุรุษหนุ่มในชุดดำตรงหน้าขมวดคิ้วจนพันเป็นปม เพิ่งเคยเห็นคนในสมัยดิจิตอลไม่รู้จักคำว่าถ่ายรูปมาก่อน จึงทวนคำถามเพื่อความแน่ใจ“อะไรนะครับ”“ท่านรู้จักการถ่ายรูปหรือไม่เจ้าคะ” คำถามยังคงเป็นคำถามเดิม ชายหนุ่มผงะไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะกุมขมับ“คุณหนูรู้จัก ‘กล้องถ่ายรูป’ มั้ยครับ”พิมแก้วที่ยืนอยู่อีกฝั่งของบานประตูไม้สักทองเอียงคอฉงน เธอส่ายหน้าทั้งที่เขาไม่เห็น พร้อมกับตอบฉะฉาน“กล้องถ่ายรูปคือกระไรหรือเจ้าคะ”เอาล่ะ สงสัยต้องเข้าไปด้านใน และอธิบายให้สาวเจ้าได้รู้จักกับคำว่า ‘กล้องถ่ายรูป’ เสียก่อน‘แม็คกี้’ ลูกน้องที่ผ่านร้อนผ่านหนาวของสามก๊กมานับสามปี เปิดประตูเข้าไปในห้องนอ
ออพิมแก้วนั้นอายแสนอาย บุรุษตรงหน้าต้องการเกี้ยวพาราสีหล่อนหรืออย่างไร ถึงได้มาป้อนสำรับกับข้าวใส่ถึงปากเช่นนี้ แต่ถ้าหล่อนจะเป็นเชลยก็ไม่แปลก ด้วยความที่เป็นผู้หญิง พอมีศักดิ์เป็นเชลยศึก เขาจะต้มยำทำแกงอะไรเราก็ย่อมได้ด้วยความที่ตกเป็นรองชายเถื่อนตรงหน้าอยู่มากโข เด็กสาวที่หน้าแดงก่ำเลยอ้าปากเพื่องับข้าวบดอุ่นๆ ในช้อนสแตนเลสตรงหน้า แต่กลับตะลึงพรึงเพริด รสมือแม่ครัวของเขาช่างถึงเครื่องนัก หล่อนทำตาโต ดวงตากลมโตสุกใสมีแววเจือประกาย“โจ๊กหมูหรือ ทำอย่างไรเจ้าคะ” ชิมไปคำแรกก็ถามคนตรงหน้าที่ไม่เคยแม้แต่จะจับมีดทำครัวมาก่อนนอกจากมีดที่ไว้ป้องกันตัว สามก๊กตีสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ตอบอะไรแล้วตักโจ๊กอีกคำมาเป่าพลางยกชิดกลีบปากนวล ถือคติที่ว่าถ้าไม่รู้จะไม่ตอบสาวเจ้าหน้าเสียที่เห็นว่าบุรุษตรงหน้าช่างเย็นชาน่าหวั่นกลัว คราวนี้เลยสงบปากสงบคำ กินเอาๆ ตามจังหวะที่เขายกป้อนจนหมดถ้วยนางอิ่มแปล้ อร่อยเหลือเกิน ผู้หญิงในชุดกระโปรงใส่ผ้าคลุมขาวคนเมื่อกี้น่าจะเป็นแม่ครัวสินะถ้าถามอะไรจากคุณสามคนนี้ไม่ได้ เราจะไปถามจากแม่ครัว“เอ่อ...” เธอโพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสาวเจ้ากินเกลี้ยง สามก๊กจึงโทรศัพท์ให้แม
ประวัติของเธอ ไม่ว่าจะคร่าวๆ หรือโดยละเอียดไม่มีปรากฎอยู่เลยสักนิด ราวกับเธอคือบุคคลสาปสูญลึกลับโดยสมบูรณ์ ด้วยความสนใจต่อเด็กสาวอย่างแรงกล้า สามก๊กตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเธอไว้ในสถานะเด็กเลี้ยงที่อนาคตเมื่ออายุบรรลุนิติภาวะจะผันตัวมาเป็นนางบำเรอ มอบคำสั่งให้เมดรับใช้ส่งเด็กสาวเข้านอนที่ห้องที่เขาหวงแหนใช่ เพราะห้องนั้นที่จัดให้เธอนอน เป็นห้องที่ถูกจัดมาเพื่อ ‘ลูกสาวคนแรก’ ของเขา ที่บัดนี้ได้เสียชีวิตไปแล้วฝ่ายพิมแก้วยังคงนั่งอยู่ภายในห้องนอนโดยเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน เธอถูกสามก๊กส่งมายังห้องใหญ่เทียบเท่ากับห้องนอนเจ้าคุณพ่อ แต่มีเครื่องนอนและการตบแต่งผิดแผกไปจากที่ที่เธอเคยอยู่เด็กสาวยังนั่งนึกถึงคำพูดของสามก๊กคนนั้น ที่บอกชื่อสถานที่แห่งนี้ที่เธอกำลังอยู่“ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสี ที่มีแต่กลิ่นควัน มลพิษ อีกอย่าง... กูก็ไม่ใช่คนปกติที่เดินอยู่บนถนนข้างล่างนั่น”กรุงเทพมหานคร ชื่อคล้ายๆ พระนคร แต่ทำไมไม่คุ้นเคยเลย“หรือเราจักต้องหลบหนีออกไปหาเจ้าคุณพ่อด้วยตนเอง ชายผู้นั้นอาจจักเป็นแขกขาว หรือเขมรเมืองมอญมาจับเราไปเป็นเชลยก็เป็นได้” เนื่องด้วยข่าวเรื่องการรบรากับเขมรทำ
ฝ่ายพิมแก้วนั้นที่ตรงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำอันหรูหรา เพิ่งสังเกตได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในชุดแปลกตาที่แสนบางเบา ผ้าแพรที่มีลายดอกไม้ถักมือวิจิตรนั้นดูดีถ้าเกิดเนื้อผ้าไม่บางราวกับผ้าแพรเช่นนี้ เสื้อผ้าที่ดูไม่คุ้นตาแต่แสนจะบัดสีบัดเถลิงเหลือเกิน ราวกับหญิงสาวในย่านโคมเขียวก็มิปานเจ้าคุณพ่อมาเห็นแบบนี้ มีหวังจับเราเฆี่ยนจนหลังหักเป็นแน่นางคิดแล้วซับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาบนดวงตากลมโตเนื่องด้วยอยู่ดีๆ ตนเองก็ต้องมาเจอกับที่ที่ไม่เคยอยู่ มันกะทันหันจนตั้งตัวมิทัน สาวเจ้าทำใจอยู่นาน ก่อนที่จะสวมชุดคลุมอาบน้ำทับผ้าแพรด้านนอกที่แทบจะปิดสรีระไม่มิดนั่น พยายามดูอยู่หลายครั้งจึงรู้ว่าต้องผูกสายตรงสะบั้นเอวให้แนบชิดติดกับสะโพกผายแกรกเมื่อแต่งตัวอย่างมิดชิดสำเร็จ เจ้าตัวเล็กจึงค่อยๆ แง้มประตูไม้สักทองเปิดออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางสอดส่องไปยังภายในห้องนอนโทนสีหม่นทึบ จึงเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังใช้มวนยาสูบที่บ่าวไพร่มักใช้กันพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ด้านนอกระเบียง“เอ่อ... คือเราต้องทำเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะ” เธอละล้าละหลังอยู่นานจึงตัดสินใจโพล่งถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดน่าอึดอัดและกลิ่นม่านควัน ชายหนุ่มในแว่นส
“ระ... เราเป็นถึงลูกสาวของออกญาศรีภิบาลเทียวนะ ท่านจักข้ามขั้นตอนมิได้นะเจ้าคะ จริงๆ แล้วท่านต้องมาสู่ขอเราพอเป็นพิธีก่อน แล้วเมื่อเรารับรักท่าน ท่านถึงจักแตะต้องเราได้ในฐานะผัวเมียตามแต่พึงใจ” พิมแก้วว่าพลางพยายามบิดสะโพกอ่อนออกจากความแข็งขืนตรงกลางกายของบุรุษ นางหน้าแดงก่ำไปด้วยความขวยเขิน รูปทรงที่ไม่ธรรมดานั้นแนบชิดตรงก้นกบจนเกร็งตัวสติไม่สมประกอบแล้วยังจะเล่นตัว น่ารำคาญจริง สามก๊กคิดในใจ พลางดันนางลงจากตัก พอสาวเจ้าเห็นท่าว่าจะรอด กลับถูกริดรอนด้วยการผลักไหล่มนลงไปนอนบนฟูกนุ่ม ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันของชายหนุ่มจะเลื่อนขึ้นมาทาบทับชุดที่แปลกตา ดูเหมือนชุดของชาวต่างแดนที่มักเห็นมาทำการค้าที่พระนครถูกปลดออกด้วยความร้อนรุ่มของคนตัวใหญ่ ชวนให้เห็นแผงอกกำยำเย้ายวนตาเย้ายวนจิต ที่ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดงก่ำไปถึงกกหูเจ้าคุณพ่อไม่อนุญาต ห้ามมองนะออพิม!นางคิดในใจพลางเอามือทั้งสองข้างมาปิดตาของตัวเอง แต่ปลายนิ้วเจ้ากรรมกลับแยกแง่งนิ้วน้อยๆ เพื่อสำรวจความรูปงามของชายตรงหน้าอย่างชัดเจน พอเห็นความขาวผ่อง แลลายสักอักขระโบราณ เป็นรูปเสือแลอักษรแปลกๆ นางก็หน้าแดงสุกปลั่งยิ่งกว่าเก่า“โด
“เราชื่อพิมเเก้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของออกญาศรีภิบาล ว่าเเต่ท่านจับเรามาทำไมกันหรือ”‘สามก๊ก’ หรี่ตามองแม่สาวสวยตรงหน้า ที่ราวกับแม่พันธุ์ชั้นดี หน้าอกเอย ทรวดทรงองค์เอวเอย งดงามสมจะมาเป็นนางบำเรอราคะชั่วคราวของเขามากแต่ทำไมถึงพูดจาประหลาด เหมือนหลุดมาจากละครจักรๆ วงศ์ๆชายหนุ่มนิ่งสงบ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย หญิงสาวสวยจึงโพล่งขึ้นมาอย่างลนลานอีกครั้ง“ที่เรือนเจ้าคุณพ่อมีเงินพดด้วงแลเบี้ยมากมาย ถ้าท่านต้องการแลกกับการพาเรากลับไปหาเจ้าคุณพ่อ เรายอมยกให้หลายถุงเลย”“วิลลี่ มึงพาคนบ้ามาเหรอไง ไปเอาคนใหม่มา” พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูท่าจะเป็นหญิงสาวสวยที่สติสตังไม่ค่อยดี เขาเลยลูบหัวคิ้วตัวเองพลางปัดมือไล่ให้ลูกน้องลากเธอออกไปวิลลี่ หรือชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่ยืนหัวโล้นอยู่ข้างหลังเธอ จึงก้าวตรงเข้ามาเพื่อป้องปากกระซิบข้างหูนายใหญ่ของตน“แต่นายครับ สวยขนาดนี้ หายากมากนะครับ ระดับดาราก็ไม่มีสวยแบบราคาดีขนาดนี้”“กูรู้ แต่นี่มันคนสติไม่ดี” สามก๊กแสนจะหงุดหงิดใจ ถึงจะถูกใจหน้าตารูปร่างอยู่มาก แถมยังอยากได้คนตรงหน้ามาเป็นนางบำเรอก็จริง แต่จะให้มามีเซ็กซ์กับคนบ้า ก็คงจะไม่ไหว“ให้ผม