ประวัติของเธอ ไม่ว่าจะคร่าวๆ หรือโดยละเอียดไม่มีปรากฎอยู่เลยสักนิด ราวกับเธอคือบุคคลสาปสูญลึกลับโดยสมบูรณ์ ด้วยความสนใจต่อเด็กสาวอย่างแรงกล้า สามก๊กตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเธอไว้ในสถานะเด็กเลี้ยงที่อนาคตเมื่ออายุบรรลุนิติภาวะจะผันตัวมาเป็นนางบำเรอ มอบคำสั่งให้เมดรับใช้ส่งเด็กสาวเข้านอนที่ห้องที่เขาหวงแหน
ใช่ เพราะห้องนั้นที่จัดให้เธอนอน เป็นห้องที่ถูกจัดมาเพื่อ ‘ลูกสาวคนแรก’ ของเขา ที่บัดนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว
ฝ่ายพิมแก้วยังคงนั่งอยู่ภายในห้องนอนโดยเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน เธอถูกสามก๊กส่งมายังห้องใหญ่เทียบเท่ากับห้องนอนเจ้าคุณพ่อ แต่มีเครื่องนอนและการตบแต่งผิดแผกไปจากที่ที่เธอเคยอยู่
เด็กสาวยังนั่งนึกถึงคำพูดของสามก๊กคนนั้น ที่บอกชื่อสถานที่แห่งนี้ที่เธอกำลังอยู่
“ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสี ที่มีแต่กลิ่นควัน มลพิษ อีกอย่าง... กูก็ไม่ใช่คนปกติที่เดินอยู่บนถนนข้างล่างนั่น”
กรุงเทพมหานคร ชื่อคล้ายๆ พระนคร แต่ทำไมไม่คุ้นเคยเลย
“หรือเราจักต้องหลบหนีออกไปหาเจ้าคุณพ่อด้วยตนเอง ชายผู้นั้นอาจจักเป็นแขกขาว หรือเขมรเมืองมอญมาจับเราไปเป็นเชลยก็เป็นได้” เนื่องด้วยข่าวเรื่องการรบรากับเขมรทำให้พอรู้อยู่บ้างว่าระหว่างที่สลบไปจากขนมพระพายที่ติดคอ อาจมีศัตรูกับพระนครมาลักพาตัวนางไป เนื่องจากเจ้าคุณพ่อมักมีบทบาทสำคัญในการออกแบบการรบอยู่เสมอ
ไม่รู้ว่าถ้าตนหลบหนีไปจากเมืองแขก จะเป็นเช่นไร แต่คิดถึงเจ้าคุณพ่อเหลือเกิน จะต้องหนีไปให้ได้ เพื่อไปแจ้งเรื่องนี้แก่เจ้าคุณพ่อ ถึงจะต้องลี้ภัยทางเรือ ทางน้ำ หรือแม้แต่ต้องหนีไปทางบก ก็ไม่หวั่นทั้งนั้น
พิมแก้วคิดเช่นนั้นจึงค่อยๆ กำชับชุดคลุมอาบน้ำให้มิดชิดขึ้น พลางค่อยๆ เดินไปคว้าลูกบิดประตูที่ไม่คุ้นเคย เก้ๆ กังๆ อยู่นานจึงทราบว่าลูกบิดนั้นต้องหมุนไปทางด้านข้าง แต่เมื่อหมุนไปแล้ว กลับได้ยินเสียงแกร็ก เหมือนติดอะไรบางอย่าง และเปิดออกไม่ได้
กึก กึก กึก!
พิมแก้วพยายามหมุนลูกบิด ทั้งหมุนทั้งดึงสุดแรงให้บานประตูเปิดจนหมดแรง แต่ดูเหมือนว่ามันจะถูกล็อกจากด้านนอก นางเลยล้มตัวลงนั่งบนพื้น ร่ำไห้กระซิกๆ อย่างจนตรอก
หนทางหนีทางแรก สิ้นไปแล้ว
หล่อนสิ้นไร้ไม้ตอกโดยสิ้นเชิง
“ฮึก เจ้าคุณพ่อ ช่วยลูกด้วย”
วิลลี่กลับมาถึงคฤหาสถ์ในคืนนั้น แต่ไม่กล้าเข้าไปในห้องนอนของคุณสามก๊ก เพราะช่วงกลางคืนเขามักจะสวดมนต์เป็นเวลานานและไม่อยากให้ใครมาทำลายความเป็นส่วนตัว สามก๊กเข้านอนโดยที่ยังเต็มตื้นไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ในตัวเด็กสติไม่สมประกอบคนนั้น คิดไม่ตกอยู่จนฟ้าสาง
เมื่อถึงรุ่งเช้าประมาณเจ็ดโมง เมดนำสำรับอาหารเข้ามาให้เขา ช่วงเช้าสามก๊กจะชอบทานข้าว หรือโจ๊กหมูในช่วงเช้า เขาทานเผ็ดไม่ได้มากนักเนื่องจากปัญหาท้องไส้ และจัดสำรับเดียวกันส่งไปให้ฝั่งห้องนอนของเด็กสาวที่เพิ่งออกปากจะรับเลี้ยงดูเมื่อคืนนี้
โจ๊กหมูควันฉุยถูกเสิร์ฟท่ามกลางหญิงสาวที่หน้าหมองเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจากการร้องไห้คิดถึงบ้านมาทั้งคืน
“นี่คือกระไรหรือ” กลิ่นหอมน่าทาน หน้าตาก็ดูแปลกดี แต่อาหารของเมืองศัตรู จะไม่กินให้เสียรสหรอก เพราะอาจจะวางยาพิษในอาหารก็ได้
“โจ๊กหมูค่ะคุณหนู” เมดเรียกเธออย่างนอบน้อม มองเด็กสาวที่หรี่ตาลงมองถ้วยโจ๊กอย่างไม่ไว้วางใจนัก
“เรามิอยากทานกระไร เอากลับไปเถิด” เธอว่าเสียงค่อย ทั้งที่ท้องไส้เริ่มร้องโครกครากแสดงอาการหิว เนื่องจากค่อนคืนไม่ได้ทานอะไรเลย
“คุณสามให้จัดสำรับให้คุณหนูด้วยตัวเอง เป็นความหวังดีของคุณสามนะคะ”
คุณสามที่ว่าคงเป็นชื่อชายเถื่อนผู้นั้น ยิ่งได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งกลัวจนไม่กล้ากิน เธอส่ายหน้ารัวเร็ว
“เรามิทานอาหารของคุณสามของเจ้าดอก เขามิน่าไว้วางใจ เรามิทาน”
เมดสาวมีสีหน้าลำบากใจ เด็กสาวผู้นี้ช่างดื้อรั้นเหลือเกิน เท่าที่เห็นเวลาคุณสามรับเลี้ยงใครเป็นนางบำเรอ ผู้หญิงคนนั้นจะแทบระริกระรี้ดีใจ แถมยังจิกหัวใช้พวกเธอสารพัดสารเพราวกับได้ขึ้นเป็นนายหญิงไปเสียแล้ว จนต้องไปบอกคุณสามอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยแววตาบอดในความรักของคุณสาม พวกเธอมักไม่ได้รับการปกป้องเท่าไหร่นัก
ไปบอกคุณสามดีมั้ยเนี่ย ว่าเด็กบำเรอของเขาไม่ยอมทานข้าวเช้า
ไปบอกก็แล้วกัน ให้คุณเขามาจัดการด้วยตนเอง
เธอคิดในใจจึงเก็บสำรับไปวางไว้ที่หัวโต๊ะข้างเตียง เดินรุดหน้าเข้าไปในห้องของสามก๊กที่รับประทานอาหารเช้าจนเกลี้ยงถ้วย เขากำลังนำผ้าขาวมาเช็ดริมฝีปากที่เปื้อนคราบอาหารอย่างเรียบร้อย จนเห็นว่าเมดคนหนึ่งเดินทำสีหน้าอึดอัดใจเข้ามา
“มีอะไร” เขาถาม เมดคนนั้นรีบก้มหน้าตอบ
“คุณหนูพิมไม่ยอมทานโจ๊กค่ะ บอกว่าอาหารของนายท่านเธอจะไม่ทานเด็ดขาด”
สีหน้าของสามก๊กราบเรียบ เขาเกลียดเด็กที่ขัดใจไม่ยอมทำตามที่สั่งเป็นที่สุด นางบำเรอทุกคนที่ถูกรับเลี้ยงจะถูกเขาดูแลเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะแรกเริ่มด้วยความสนใจหรือความใคร่ก็ตาม แต่ถ้ามีใครสักคนไม่ทำตามคำสั่ง เขาเองก็คงต้องสั่งสอนโดยเบาะๆ เสียบ้าง
“งั้นกูจะไปจัดการเอง”
สามก๊กสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำทมิฬ พลางลุกขึ้นหยัดตัวเต็มความสูง ชายหนุ่มสวมแว่นตาตามปกติ เมดสาวจึงเก็บสำรับอาหารบนโต๊ะทานข้าวบนเตียงอย่างดี พร้อมกับยกไปเก็บในห้องครัวใหญ่
คนตัวสูงชะลูดหยุดยืนอยู่หน้าห้องที่เคยเป็นของลูกสาวคนแรกที่ตายตั้งแต่ในท้องเมียคนแรกที่เคยแต่งงานกับเขามาก่อน บัดนี้ผู้หญิงคนนั้นเฉดหัวเขาทิ้งพร้อมกับมีผัวใหม่เป็นนักธุรกิจที่ต่างประเทศ ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ชายคนนั้นทำงานที่ขาวสะอาดกว่า ไม่ต้องยืมมือใครเปื้อนเลือดเหมือนสามก๊ก
ดีนะที่ไม่พลั้งฆ่าเมียเก่าทิ้งเสียก่อน เพราะความใจดีเกินไปของเขานั่นเอง
สามก๊กข่มอารมณ์เคียดแค้นที่สุมอกลงไป พลางล้วงกุญแจทองมาปลดล็อกประตูห้อง ที่จงใจล็อกห้องไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะยัยเด็กนี่จะต้องหาทางหนีแน่นอน
แกรก
ประตูถูกเปิดออกจนเกิดเสียง ชายหนุ่มทอดสายตาไปเห็นว่าเด็กสาวยังคงนอนคุดคู้อยู่บนเตียงด้วยชุดเดิม นั่นคือชุดเซ็กซี่ที่วิลลี่จัดเตรียมให้ทับด้วยชุดคลุมอาบน้ำอีกชุดของเขา ถ้วยโจ๊กยังวางไว้บนโต๊ะไม้ข้างหัวเตียง โดยที่เธอไม่มีทีท่าจะแตะต้องมัน
“อะ... ท่าน” เมื่อได้ยินเสียงประตูที่เปิดออก สาวเจ้ารีบผงกศีรษะทุยเล็กหยัดตัวลุกขึ้นมองมาอย่างมีความหวัง แต่เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของสามก๊กที่ยืนอยู่หน้าบานประตู เธอก็มีสีหน้าสิ้นหวังทันที
“เมดของกูบอกว่าเธอไม่ทานข้าว” สามก๊กเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงห้วนจัด เขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งนัก พิมแก้วกระถดตัวไปจนชิดกับปลายเตียงอีกฝั่งอย่างระแวดระวังเมื่อชายหนุ่มเดินอาดๆ มาที่โต๊ะข้างหัวเตียง
“จักปล่อยเรากลับไปพระนครเมื่อใดกันเจ้าคะ” แต่สาวเจ้ากับพร่ำเพ้อถึงพระนครจักรๆ วงศ์ๆ ออกมาเหมือนเมื่อคืนไม่เปลี่ยน “เราคิดถึงเจ้าคุณพ่อ เรามิมีประโยชน์อันใดกับท่านดอก”
“ประวัติของเธอไม่มี กูจึงต้องเลี้ยงดูเธอไปก่อน”
“เราดูแลตนเองได้เจ้าค่ะ เพียงปล่อยเราไป”
“ไม่ได้ แถวนี้อันตราย มีแต่คลับเถื่อนและบ่อนการพนัน ถ้าออกไป ได้เสร็จเป็นเมียไอ้ชาติชั่วที่ไหนด้านนอกแน่”
“...”
“หรือจะลองมั้ยล่ะ”
พิมแก้วไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่พอเดาจากน้ำเสียงได้ว่าน่าจะหมายถึงเรื่องที่น่ากลัวเป็นแน่ ยิ่งประโยคที่ว่า ‘ถ้าออกไป ได้เสร็จเป็นเมียไอ้ชาติชั่วที่ไหนด้านนอกแน่’ ยิ่งทำให้เธอกลัวจนตัวสั่นมากขึ้น เหมือนว่าที่นี่จะไม่มีที่ปลอดภัยที่ไหนสำหรับเธอเลย
“งั้นท่านจักทำเช่นไรต่อไป จับเราเป็นเชลยก็มิมีประโยชน์ เรามิรู้กระไรเกี่ยวกับการรบเลยสักนิดนะเจ้าคะ”
สามก๊กส่ายหน้าเมื่อเธอเพ้อเจ้ออะไรออกมายืดยาวด้วยเสียงสั่นสะอื้น สงสัยยัยเด็กนี่คงจะหลอนนึกว่าตัวเองอยู่ในยุคสมัยกรุงศรีอโยธยากระมัง ไว้ถ้ามีเวลาว่างกว่านี้หน่อย อาจจะส่งเด็กคนนี้ไปอยู่ในความดูแลของหมอจิตเวชเดือนเว้นเดือน เผื่อจะช่วยให้เป็นผู้เป็นคนกว่านี้ได้บ้าง
ส่วนถ้วยโจ๊กนี่ ถึงจะน่ารำคาญ
แต่จะป้อนก็แล้วกัน
สามก๊กคิดได้แบบนั้นจึงไม่รอช้า ยกถ้วยโจ๊กขึ้นมาถือ ก่อนที่จะนั่งลงที่ข้างเตียงจนเด็กสาวต้องกระถดหนีไปแทบจะตกเตียง ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือถ้วยโจ๊กจึงเอื้อมมาคว้าข้อมือของเธอเพื่อรั้งไว้ให้กระเถิบมาใกล้ๆ
“ทะ... ท่านจักทำกระไรเรา” เสียงเธอสั่นระริก กลัวแสนกลัว ถ้าโดนคร่อมทับแบบเมื่อคืนคงทำอะไรไม่ถูกเป็นแน่
“กินข้าว” เขาโพล่งขึ้นมาเสียงเรียบเฉย ราวกับนี่คือเรื่องปรกติ มองเด็กสาวตรงหน้าไม่ต่างไปจากทารกที่ต้องป้อนข้าวให้ทุกเช้า เพราะกินข้าวเองไม่ได้อยู่แล้ว
“ระ... เราไม่ทาน อาหารนี้แปลกพิกล น่าอันตรายยิ่ง”
“แค่โจ๊กหมู อย่าเรื่องมากนัก กูรำคาญ” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความขุ่นมัวในน้ำเสียง ทำเอาออพิมกลัวจนกลั้นน้ำตาเอาไว้เกือบไม่ไหว เขาเห็นแบบนั้นจึงยกช้อนตักโจ๊กที่ถูกบดอย่างละเอียด ใส่หมูสับเป็นก้อนกลมสวย แถมยังปรุงรสอย่างกลมกล่อมขึ้นมาเป่า
ถึงจะดูดุดันโหดเหี้ยม แต่ถ้ารับปากว่าจะเลี้ยง ก็จะดูแลอย่างดี
เพราะแบบนี้ถึงเป็นมาเฟียที่อาภัพรักนัก
“กินซะ กูเป่าให้แล้ว” เขาว่า พลางยกช้อนที่คลายความร้อนลงระดับหนึ่งไปจ่อที่ริมฝีปากบางสวยสีชมพูสุขภาพดีของนาง ชายหนุ่มได้ทีสำรวจใบหน้าของเธอที่มีท่าทางอึกอักยึกยักไม่ยอมทาน
เด็กสาวคนนี้สวยจริงๆ สวยยิ่งกว่าดาราที่เคยดีลมานอนด้วยหลายเท่า
ไม่สิ ดารายังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ นางแบบดังยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เขาคิดในใจ ซ่อนความกำหนัดไว้ภายใต้แว่นตากรอบหนา ยังไงยัยเด็กนี่ก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คงต้องอดทนไว้ก่อน
“... ท่านมิได้วางยาพิษไว้ในอาหารใช่หรือไม่เจ้าคะ” ยึกยืออยู่นาน สาวเจ้าที่ท้องร้องโครกทนความหิวโหยไม่ไหวจึงโพล่งขึ้นด้วยตาปริบๆ
“จะใส่ยาพิษทำไม เพ้อเจ้อ กินๆ ไปซะ”
อดไม่ได้ต้องด่าไปอีกรอบด้วยสกิลปากเสียเป็นทุนเก่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้
ว่าถึงจะน่ารำคาญแค่ไหน แต่ก็สวยเหลือเกิน
‘ออพิมแก้ว’ กำลังกรองมาลัยอยู่ที่สวนดอกลำดวน บ่าวทั้งสองนำขนมพระพายมาวางบนพานให้นางรับประทาน เนื่องจากคุณพิมแก้วนั้นชอบรับประทานขนมไทยยิ่ง“ขอบใจจ้ะ จิต จวน” เธอพูดกับบ่าวทั้งสองที่คอยเคียงบ่าเคียงไหล่เธออยู่เสมอมา ทั้งสองนั่งพับเพียบอยู่ใต้ถุนศาลา มองแม่นายคนสวยที่กรองมาลัยอย่างกุลสตรีพิมแก้วนั้นเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของออกญาชื่อดังในยุคสมัยกรุงศรีอโยธยา นางเป็นกุลสตรีครบทุกส่วน มีแต่บุตรของคนมีอำนาจในยุคนี้มาสนใจใคร่รักในตัวนางออกมาก แลต้องการสู่ขอหลายต่อหลายคน แต่พิมแก้วก็มินึกสนใจในชายใดเป็นพิเศษวันๆ ของเธอคือการนั่งกรองมาลัย ออดอ้อนเจ้าคุณพ่อที่แสนดุแต่อบอุ่นกับลูกสาวเพียงคนเดียว ออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดแลหวงลูกสาวมาก เนื่องจากภรรยาคนเดียวตายไปตั้งแต่พิมแก้วยังเล็ก ท่านจึงพยายามประคบประหงมบุตรีของตนอย่างดีที่สุด ถ้าไม่มีผู้ใดที่เขามองว่าเหมาะสมกับพิมแก้วลูกรักของเขา ก็จักมิให้ลูกแต่งงานอย่างเด็ดขาดออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อว่ารักเดียวใจเดียวยิ่ง ทั้งชีวิตนั้นมีเพียงแต่คุณแม่ จนกระทั่งแม่เสียชีวาก็ยังมิมีใครอื่น นั่นยิ่งทำให้พิมแก้วรู้สึกว่า... ถ้าจักหาใครสักคนมาเข้
“เราชื่อพิมเเก้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของออกญาศรีภิบาล ว่าเเต่ท่านจับเรามาทำไมกันหรือ”‘สามก๊ก’ หรี่ตามองแม่สาวสวยตรงหน้า ที่ราวกับแม่พันธุ์ชั้นดี หน้าอกเอย ทรวดทรงองค์เอวเอย งดงามสมจะมาเป็นนางบำเรอราคะชั่วคราวของเขามากแต่ทำไมถึงพูดจาประหลาด เหมือนหลุดมาจากละครจักรๆ วงศ์ๆชายหนุ่มนิ่งสงบ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย หญิงสาวสวยจึงโพล่งขึ้นมาอย่างลนลานอีกครั้ง“ที่เรือนเจ้าคุณพ่อมีเงินพดด้วงแลเบี้ยมากมาย ถ้าท่านต้องการแลกกับการพาเรากลับไปหาเจ้าคุณพ่อ เรายอมยกให้หลายถุงเลย”“วิลลี่ มึงพาคนบ้ามาเหรอไง ไปเอาคนใหม่มา” พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูท่าจะเป็นหญิงสาวสวยที่สติสตังไม่ค่อยดี เขาเลยลูบหัวคิ้วตัวเองพลางปัดมือไล่ให้ลูกน้องลากเธอออกไปวิลลี่ หรือชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่ยืนหัวโล้นอยู่ข้างหลังเธอ จึงก้าวตรงเข้ามาเพื่อป้องปากกระซิบข้างหูนายใหญ่ของตน“แต่นายครับ สวยขนาดนี้ หายากมากนะครับ ระดับดาราก็ไม่มีสวยแบบราคาดีขนาดนี้”“กูรู้ แต่นี่มันคนสติไม่ดี” สามก๊กแสนจะหงุดหงิดใจ ถึงจะถูกใจหน้าตารูปร่างอยู่มาก แถมยังอยากได้คนตรงหน้ามาเป็นนางบำเรอก็จริง แต่จะให้มามีเซ็กซ์กับคนบ้า ก็คงจะไม่ไหว“ให้ผม
“ระ... เราเป็นถึงลูกสาวของออกญาศรีภิบาลเทียวนะ ท่านจักข้ามขั้นตอนมิได้นะเจ้าคะ จริงๆ แล้วท่านต้องมาสู่ขอเราพอเป็นพิธีก่อน แล้วเมื่อเรารับรักท่าน ท่านถึงจักแตะต้องเราได้ในฐานะผัวเมียตามแต่พึงใจ” พิมแก้วว่าพลางพยายามบิดสะโพกอ่อนออกจากความแข็งขืนตรงกลางกายของบุรุษ นางหน้าแดงก่ำไปด้วยความขวยเขิน รูปทรงที่ไม่ธรรมดานั้นแนบชิดตรงก้นกบจนเกร็งตัวสติไม่สมประกอบแล้วยังจะเล่นตัว น่ารำคาญจริง สามก๊กคิดในใจ พลางดันนางลงจากตัก พอสาวเจ้าเห็นท่าว่าจะรอด กลับถูกริดรอนด้วยการผลักไหล่มนลงไปนอนบนฟูกนุ่ม ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันของชายหนุ่มจะเลื่อนขึ้นมาทาบทับชุดที่แปลกตา ดูเหมือนชุดของชาวต่างแดนที่มักเห็นมาทำการค้าที่พระนครถูกปลดออกด้วยความร้อนรุ่มของคนตัวใหญ่ ชวนให้เห็นแผงอกกำยำเย้ายวนตาเย้ายวนจิต ที่ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดงก่ำไปถึงกกหูเจ้าคุณพ่อไม่อนุญาต ห้ามมองนะออพิม!นางคิดในใจพลางเอามือทั้งสองข้างมาปิดตาของตัวเอง แต่ปลายนิ้วเจ้ากรรมกลับแยกแง่งนิ้วน้อยๆ เพื่อสำรวจความรูปงามของชายตรงหน้าอย่างชัดเจน พอเห็นความขาวผ่อง แลลายสักอักขระโบราณ เป็นรูปเสือแลอักษรแปลกๆ นางก็หน้าแดงสุกปลั่งยิ่งกว่าเก่า“โด
ฝ่ายพิมแก้วนั้นที่ตรงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำอันหรูหรา เพิ่งสังเกตได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในชุดแปลกตาที่แสนบางเบา ผ้าแพรที่มีลายดอกไม้ถักมือวิจิตรนั้นดูดีถ้าเกิดเนื้อผ้าไม่บางราวกับผ้าแพรเช่นนี้ เสื้อผ้าที่ดูไม่คุ้นตาแต่แสนจะบัดสีบัดเถลิงเหลือเกิน ราวกับหญิงสาวในย่านโคมเขียวก็มิปานเจ้าคุณพ่อมาเห็นแบบนี้ มีหวังจับเราเฆี่ยนจนหลังหักเป็นแน่นางคิดแล้วซับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาบนดวงตากลมโตเนื่องด้วยอยู่ดีๆ ตนเองก็ต้องมาเจอกับที่ที่ไม่เคยอยู่ มันกะทันหันจนตั้งตัวมิทัน สาวเจ้าทำใจอยู่นาน ก่อนที่จะสวมชุดคลุมอาบน้ำทับผ้าแพรด้านนอกที่แทบจะปิดสรีระไม่มิดนั่น พยายามดูอยู่หลายครั้งจึงรู้ว่าต้องผูกสายตรงสะบั้นเอวให้แนบชิดติดกับสะโพกผายแกรกเมื่อแต่งตัวอย่างมิดชิดสำเร็จ เจ้าตัวเล็กจึงค่อยๆ แง้มประตูไม้สักทองเปิดออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางสอดส่องไปยังภายในห้องนอนโทนสีหม่นทึบ จึงเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังใช้มวนยาสูบที่บ่าวไพร่มักใช้กันพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ด้านนอกระเบียง“เอ่อ... คือเราต้องทำเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะ” เธอละล้าละหลังอยู่นานจึงตัดสินใจโพล่งถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดน่าอึดอัดและกลิ่นม่านควัน ชายหนุ่มในแว่นส
ประวัติของเธอ ไม่ว่าจะคร่าวๆ หรือโดยละเอียดไม่มีปรากฎอยู่เลยสักนิด ราวกับเธอคือบุคคลสาปสูญลึกลับโดยสมบูรณ์ ด้วยความสนใจต่อเด็กสาวอย่างแรงกล้า สามก๊กตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเธอไว้ในสถานะเด็กเลี้ยงที่อนาคตเมื่ออายุบรรลุนิติภาวะจะผันตัวมาเป็นนางบำเรอ มอบคำสั่งให้เมดรับใช้ส่งเด็กสาวเข้านอนที่ห้องที่เขาหวงแหนใช่ เพราะห้องนั้นที่จัดให้เธอนอน เป็นห้องที่ถูกจัดมาเพื่อ ‘ลูกสาวคนแรก’ ของเขา ที่บัดนี้ได้เสียชีวิตไปแล้วฝ่ายพิมแก้วยังคงนั่งอยู่ภายในห้องนอนโดยเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน เธอถูกสามก๊กส่งมายังห้องใหญ่เทียบเท่ากับห้องนอนเจ้าคุณพ่อ แต่มีเครื่องนอนและการตบแต่งผิดแผกไปจากที่ที่เธอเคยอยู่เด็กสาวยังนั่งนึกถึงคำพูดของสามก๊กคนนั้น ที่บอกชื่อสถานที่แห่งนี้ที่เธอกำลังอยู่“ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสี ที่มีแต่กลิ่นควัน มลพิษ อีกอย่าง... กูก็ไม่ใช่คนปกติที่เดินอยู่บนถนนข้างล่างนั่น”กรุงเทพมหานคร ชื่อคล้ายๆ พระนคร แต่ทำไมไม่คุ้นเคยเลย“หรือเราจักต้องหลบหนีออกไปหาเจ้าคุณพ่อด้วยตนเอง ชายผู้นั้นอาจจักเป็นแขกขาว หรือเขมรเมืองมอญมาจับเราไปเป็นเชลยก็เป็นได้” เนื่องด้วยข่าวเรื่องการรบรากับเขมรทำ
ฝ่ายพิมแก้วนั้นที่ตรงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำอันหรูหรา เพิ่งสังเกตได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในชุดแปลกตาที่แสนบางเบา ผ้าแพรที่มีลายดอกไม้ถักมือวิจิตรนั้นดูดีถ้าเกิดเนื้อผ้าไม่บางราวกับผ้าแพรเช่นนี้ เสื้อผ้าที่ดูไม่คุ้นตาแต่แสนจะบัดสีบัดเถลิงเหลือเกิน ราวกับหญิงสาวในย่านโคมเขียวก็มิปานเจ้าคุณพ่อมาเห็นแบบนี้ มีหวังจับเราเฆี่ยนจนหลังหักเป็นแน่นางคิดแล้วซับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาบนดวงตากลมโตเนื่องด้วยอยู่ดีๆ ตนเองก็ต้องมาเจอกับที่ที่ไม่เคยอยู่ มันกะทันหันจนตั้งตัวมิทัน สาวเจ้าทำใจอยู่นาน ก่อนที่จะสวมชุดคลุมอาบน้ำทับผ้าแพรด้านนอกที่แทบจะปิดสรีระไม่มิดนั่น พยายามดูอยู่หลายครั้งจึงรู้ว่าต้องผูกสายตรงสะบั้นเอวให้แนบชิดติดกับสะโพกผายแกรกเมื่อแต่งตัวอย่างมิดชิดสำเร็จ เจ้าตัวเล็กจึงค่อยๆ แง้มประตูไม้สักทองเปิดออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางสอดส่องไปยังภายในห้องนอนโทนสีหม่นทึบ จึงเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังใช้มวนยาสูบที่บ่าวไพร่มักใช้กันพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ด้านนอกระเบียง“เอ่อ... คือเราต้องทำเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะ” เธอละล้าละหลังอยู่นานจึงตัดสินใจโพล่งถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดน่าอึดอัดและกลิ่นม่านควัน ชายหนุ่มในแว่นส
“ระ... เราเป็นถึงลูกสาวของออกญาศรีภิบาลเทียวนะ ท่านจักข้ามขั้นตอนมิได้นะเจ้าคะ จริงๆ แล้วท่านต้องมาสู่ขอเราพอเป็นพิธีก่อน แล้วเมื่อเรารับรักท่าน ท่านถึงจักแตะต้องเราได้ในฐานะผัวเมียตามแต่พึงใจ” พิมแก้วว่าพลางพยายามบิดสะโพกอ่อนออกจากความแข็งขืนตรงกลางกายของบุรุษ นางหน้าแดงก่ำไปด้วยความขวยเขิน รูปทรงที่ไม่ธรรมดานั้นแนบชิดตรงก้นกบจนเกร็งตัวสติไม่สมประกอบแล้วยังจะเล่นตัว น่ารำคาญจริง สามก๊กคิดในใจ พลางดันนางลงจากตัก พอสาวเจ้าเห็นท่าว่าจะรอด กลับถูกริดรอนด้วยการผลักไหล่มนลงไปนอนบนฟูกนุ่ม ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันของชายหนุ่มจะเลื่อนขึ้นมาทาบทับชุดที่แปลกตา ดูเหมือนชุดของชาวต่างแดนที่มักเห็นมาทำการค้าที่พระนครถูกปลดออกด้วยความร้อนรุ่มของคนตัวใหญ่ ชวนให้เห็นแผงอกกำยำเย้ายวนตาเย้ายวนจิต ที่ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดงก่ำไปถึงกกหูเจ้าคุณพ่อไม่อนุญาต ห้ามมองนะออพิม!นางคิดในใจพลางเอามือทั้งสองข้างมาปิดตาของตัวเอง แต่ปลายนิ้วเจ้ากรรมกลับแยกแง่งนิ้วน้อยๆ เพื่อสำรวจความรูปงามของชายตรงหน้าอย่างชัดเจน พอเห็นความขาวผ่อง แลลายสักอักขระโบราณ เป็นรูปเสือแลอักษรแปลกๆ นางก็หน้าแดงสุกปลั่งยิ่งกว่าเก่า“โด
“เราชื่อพิมเเก้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของออกญาศรีภิบาล ว่าเเต่ท่านจับเรามาทำไมกันหรือ”‘สามก๊ก’ หรี่ตามองแม่สาวสวยตรงหน้า ที่ราวกับแม่พันธุ์ชั้นดี หน้าอกเอย ทรวดทรงองค์เอวเอย งดงามสมจะมาเป็นนางบำเรอราคะชั่วคราวของเขามากแต่ทำไมถึงพูดจาประหลาด เหมือนหลุดมาจากละครจักรๆ วงศ์ๆชายหนุ่มนิ่งสงบ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย หญิงสาวสวยจึงโพล่งขึ้นมาอย่างลนลานอีกครั้ง“ที่เรือนเจ้าคุณพ่อมีเงินพดด้วงแลเบี้ยมากมาย ถ้าท่านต้องการแลกกับการพาเรากลับไปหาเจ้าคุณพ่อ เรายอมยกให้หลายถุงเลย”“วิลลี่ มึงพาคนบ้ามาเหรอไง ไปเอาคนใหม่มา” พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูท่าจะเป็นหญิงสาวสวยที่สติสตังไม่ค่อยดี เขาเลยลูบหัวคิ้วตัวเองพลางปัดมือไล่ให้ลูกน้องลากเธอออกไปวิลลี่ หรือชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่ยืนหัวโล้นอยู่ข้างหลังเธอ จึงก้าวตรงเข้ามาเพื่อป้องปากกระซิบข้างหูนายใหญ่ของตน“แต่นายครับ สวยขนาดนี้ หายากมากนะครับ ระดับดาราก็ไม่มีสวยแบบราคาดีขนาดนี้”“กูรู้ แต่นี่มันคนสติไม่ดี” สามก๊กแสนจะหงุดหงิดใจ ถึงจะถูกใจหน้าตารูปร่างอยู่มาก แถมยังอยากได้คนตรงหน้ามาเป็นนางบำเรอก็จริง แต่จะให้มามีเซ็กซ์กับคนบ้า ก็คงจะไม่ไหว“ให้ผม
‘ออพิมแก้ว’ กำลังกรองมาลัยอยู่ที่สวนดอกลำดวน บ่าวทั้งสองนำขนมพระพายมาวางบนพานให้นางรับประทาน เนื่องจากคุณพิมแก้วนั้นชอบรับประทานขนมไทยยิ่ง“ขอบใจจ้ะ จิต จวน” เธอพูดกับบ่าวทั้งสองที่คอยเคียงบ่าเคียงไหล่เธออยู่เสมอมา ทั้งสองนั่งพับเพียบอยู่ใต้ถุนศาลา มองแม่นายคนสวยที่กรองมาลัยอย่างกุลสตรีพิมแก้วนั้นเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของออกญาชื่อดังในยุคสมัยกรุงศรีอโยธยา นางเป็นกุลสตรีครบทุกส่วน มีแต่บุตรของคนมีอำนาจในยุคนี้มาสนใจใคร่รักในตัวนางออกมาก แลต้องการสู่ขอหลายต่อหลายคน แต่พิมแก้วก็มินึกสนใจในชายใดเป็นพิเศษวันๆ ของเธอคือการนั่งกรองมาลัย ออดอ้อนเจ้าคุณพ่อที่แสนดุแต่อบอุ่นกับลูกสาวเพียงคนเดียว ออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดแลหวงลูกสาวมาก เนื่องจากภรรยาคนเดียวตายไปตั้งแต่พิมแก้วยังเล็ก ท่านจึงพยายามประคบประหงมบุตรีของตนอย่างดีที่สุด ถ้าไม่มีผู้ใดที่เขามองว่าเหมาะสมกับพิมแก้วลูกรักของเขา ก็จักมิให้ลูกแต่งงานอย่างเด็ดขาดออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อว่ารักเดียวใจเดียวยิ่ง ทั้งชีวิตนั้นมีเพียงแต่คุณแม่ จนกระทั่งแม่เสียชีวาก็ยังมิมีใครอื่น นั่นยิ่งทำให้พิมแก้วรู้สึกว่า... ถ้าจักหาใครสักคนมาเข้