ห้องส่วนตัว
ลู่เหม่ยหลินที่เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ในห้องมีทั้งพ่อแม่ของเธอและผู้ใหญ่อีกสองคนซึ่งเป็นผู้หญิงหน้าตายิ้มแย้มใจดีและผู้ชายที่ดุอีกคนหนึ่ง ซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเขาคือนายพลเฉินพ่อของคุณชายเฉินคนนั้นอย่างแน่นอน
“อ้าวอาหลินมาแล้วเหรอ มาทักทายคุณลุงคุณป้าเร็ว ๆ เข้า”
เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างเรียบร้อยจนแม้แต่นายพลเฉินเองก็คิดว่าเธอแสร้งทำ เขาแสยะยิ้มนิดหน่อยเพราะไม่ได้ชอบพอเธอแต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าไม่ชอบเมื่อเธอหันมาโค้งทักทายพวกเขา
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า ลู่เหม่ยหลินค่ะขอโทษด้วยนะคะที่ให้คุณลุงกับคุณป้าต้องรอนาน”
ของนายพลเฉินถึงกับนิ่งไปเมื่อได้ยินลู่เหม่ยหลินที่ยืนทักทายและเอ่ยปากขอโทษพวกเขาเพียงแค่เดินเข้ามาช้า หรือนี่จะเป็นท่าทีใหม่ที่บ้านตระกูลลู่อบรมลูกสาวมางั้นเหรอ
“ไม่เป็นไรหรอกเราเองก็พึ่งมา นั่งก่อนสิลูกชายผมต่างหากที่เสียมารยาทจนป่านนี้ก็ยังมาไม่ถึงเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
นายพลเฉินต้องตกใจอีกครั้งเมื่อลู่เหม่ยหลินเอ่ยขอบคุณที่เขาเชิญเธอนั่ง ไวน์ขาวในมือแกว่งไปมาพร้อมกับมองท่าทางที่เปลี่ยนไปจากคนหยิ่งจองหองไม่เห็นหัวผู้ใหญ่อย่างเธอ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วันกลับกลายเป็นคนรู้มารยาทขนาดนี้นับว่าตระกูลลู่เก่งมากจริง ๆ แม้แต่ “อวี้หลิงเฟย” ภรรยาของเขายังมองเธอด้วยสายตาที่ชื่นชม
“นึกไม่ถึงเลยว่าไม่ได้เจอหนูเหม่ยหลินไม่นานแต่กลับโตได้ขนาดนี้ วันนี้หนูสวยมากเลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า คุณป้าเองก็สวยมาก ๆ เช่นกันค่ะ”
“ตายจริงดูเด็กคนนี้สิ เข้าใจพูดจริง ๆ”
“คุณป้ายังไม่แก่สักหน่อยค่ะ ลิปสติกสีนี้ทาแล้วทำให้คุณป้าดูเด็กลงด้วยนะคะ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นสีพีชอ่อน ๆ คาดว่าคุณลุงคงจะเหมือนได้ภรรยาใหม่ค่ะ”
“หึหึ งั้นเหรอ”
แม้แต่นายพลเฉินที่ตามปกติจะชอบให้เธอเรียกเขาว่านายพลมากกว่าก็เผลอไปกับรอยยิ้มและคำพูดเอาใจของลู่เหม่ยหลินนี้เข้าเสียแล้ว จากเดิมที่เขาไม่ชอบหน้าเด็กคนนี้แต่ตอนนี้ดูเหมือนบุคลิกและท่าทางเธอจะเหมือนดูน่ารักและรู้ความมากขึ้น อีกทั้งวิธีการพูดก็ดูเหมือนผู้ดีกับเขาขึ้นมากแล้ว
“ทำไมต้าเว่ยยังไม่มาอีก”
“เอ่อ…”
ไม่นานประตูก็เปิดออกมา ผู้ชายสองคนที่เธอเดินชนเมื่อครู่นี้แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าชัด ๆ เธอก็จำได้ว่าเป็นเขา หรือว่าเธอจะเจอตอเข้าเสียแล้ว เมื่อทั้งสองถอดเสื้อโค้ตออกและมาทักทายพ่อแม่ของเธอ เหม่ยหลินก็รู้ทันทีว่าไม่ผิดแน่ เขาก็คือ “เฉินต้าเว่ย”
“สวัสดีครับคุณน้าทั้งสอง วันนี้ก็ยังสวยเหมือนเดิมนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณชายสามคุณก็ยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะคะ”
“สวัสดีครับคุณหนูลู่พบกันอีกแล้วนะครับ”
เขาเอ่ยทักทายเธอ เมื่อกี้นี้แม่เธอพูดกับเขาว่าอะไรนะ คุณชายสามงั้นเหรอ
“สวัสดีค่ะคุณชายสาม ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะที่เดินชนพวกคุณพอดีฉันรีบไปหน่อยน่ะค่ะ”
นายพลเฉินหันมามองหน้าลูกชายสองคนและภรรยา ดูเหมือนว่าทั้งสามเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทำไมลู่เหม่ยหลินในวันนี้เปลี่ยนคำเรียกไป
“เหม่ยหลิน วันนี้ไม่สบายหรือเปล่าทำไมเรียกเสียห่างเหินแบบนี้ล่ะ ปกติเรียกว่า “พี่หยวนลี่" ไม่ใช่เหรอ"
ท่าทางยิ้มนิ่ง ๆ ของเธอทำให้คนทั้งโต๊ะเริ่มสงสัย เพราะนอกจากเธอจะเปลี่ยนมาเรียก “เฉินหยวนลี่” คุณชายสามตระกูลเฉินด้วยคำห่างเหินแล้วยังไม่สนใจที่จะทักทาย “เฉินต้าเว่ย” ที่เธอคลั่งไคล้เลยอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยกับความแปลกไปของลู่เหม่ยหลิน
“ขอโทษนะครับที่มาสาย พี่รองติดงานที่โรงพยาบาลนิดหน่อยก็เลยมาช้า”
เหม่ยหลินทำแค่หันไปดื่มน้ำแก้เขินเท่านั้นก่อนที่แม่ของเธอจะสะกิดให้เธอทักทายว่าที่คู่หมั้น
“คะ”
“ทักทายพี่ต้าเว่ยสิ”
“เอ่อ… สวัสดีค่ะคุณชายรองต้าเว่ย”
ความกระอักกระอ่วนนี้ทำให้เธอรู้ทันทีว่าเธอพลาดไปแล้วเพราะโดยปกติเหม่ยหลินคงไม่เรียกเขาแบบนี้แน่แต่เพราะแม่ของเธอเรียกเธอจึงรีบเอ่ยทักทาย
“คือว่า พี่… ต้าเว่ย คือว่าขอโทษทีค่ะพอดีวันนี้ฉันนอนมากไปหน่อยก็เลย...”
“เอ่อ คือว่าอาหลินไม่ค่อยสบายน่ะค่ะก็เลยให้นอนพักนี่พึ่งจะดีขึ้นอย่าถือสาแกเลยนะคะ”
“อ้อ แล้วเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ กินอะไรอ่อน ๆ สักหน่อยดีกว่า ให้ป้าสั่งข้าวต้มให้ดีไหมนี่ต้าเว่ยตรวจให้น้องสักหน่อยสิ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าหนูก็แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยค่ะได้ดื่มอะไรเย็น ๆ ก็ดีขึ้นค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นน้องเหม่ยหลิน มาดวลไวน์กันไหมเผื่อว่าจะสดชื่นขึ้น”
“ขอโทษค่ะพี่... หยวนลี่ คือว่าฉันแพ้แอลกอฮอล์ค่ะ”
“ห๊ะ! อ้อ ได้ ๆ ถ้าอย่างนั้นเอาน้ำผลไม้ก็แล้วกันดีไหม”
“ค่ะ รบกวนขอน้ำส้มคั้นบีบมะนาวหนึ่งซีกหยดน้ำผึ้งลงไปหน่อยและโรยเกลือขอบแก้วใส่ใบสะระแหน่มาด้วยนะคะ”
“ว้าว..พี่รองดูท่าพี่คงจะต้องคิดใหม่แล้วล่ะ นี่เธอถึงกับไม่ดื่มเหล้าแต่เปลี่ยนไปดื่มน้ำผลไม้ ดูท่าพระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตกแล้ว”
หมอเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเองก็ทำแค่สังเกตเธอเงียบ ๆ จะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะแพ้แอลกอฮอล์ ใคร ๆ ในเมืองต่างก็รู้ว่าลู่เหม่ยหลินดื่มเก่งมากขนาดไหน วันนี้คงอยากจะแต่เพราะท่าทางที่แปลกไปทำเอาคนทั้งโต๊ะแทบจะทำตัวไม่ถูกเช่นกัน แม้ว่าจะดูเป็นการทานอาหารร่วมกันแต่เมื่อเริ่มสนทนาเข้าเรื่องงานหมั้น น้ำส้มที่เธอสั่งก็ดื่มเกือบหมดแก้วอีกทั้งอาหารก็เริ่มทยอยหมด
“คุณป้าลองกินอันนี้นะคะ เปลี่ยนจากโรสแมร์รี่ลองกินกับพาสลี่นี่ดูค่ะ รสชาติจะเข้ากันและเหมือนละลายในปากได้เลยค่ะ”
นอกจากเธอจะไม่ดื่มไวน์แล้วยังรู้เรื่องการกินอาหารแบบตะวันตกหลายอย่างซึ่งแม่ของเขาเมื่อลองดินที่เธอบอกก็รู้สึกว่าอาหารนั้นอร่อยขึ้นจริง ๆ
“ทีนี้คุณป้าลองกินมะเขือเทศตามและจิบไวน์ค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ”
“อื้ม อร่อยจริง ๆ ด้วยคุณลองดูสิคะ”
พ่อแม่ของลู่เหม่ยหลินรู้สึกได้ว่าครั้งนี้ลูกสาวไม่ทำให้ขายหน้าเหมือนทุกครั้งที่เอาแต่สนใจเฉินต้าเว่ยจนไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเพราะเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเธอคือเขา
แต่มาวันนี้เธอแทบจะไม่คุยกับเขาเลยซึ่งนั่นทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เมื่อพวกผู้ใหญ่เริ่มคุยกันเรื่องหมั้นหมายและเงื่อนไขความช่วยเหลือเธอก็แค่ฟังนิ่ง ๆ เหมือนกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
“เดือนเก้านี้มีฤกษ์ดี เราจัดงานหมั้นเอาไว้ก่อนว่ายังไงคะคุณลู่”
“ครับ ทางผมยังไงก็ได้ครับส่วนเรื่องชุดและยาที่จะส่งให้กองทัพผมจะจัดเตรียมให้อยู่แล้ว แต่เรื่องยาอาจจะต้องทยอยส่งไปบางส่วนก่อนเพราะอีกส่วนยังมาไม่ถึงท่าเรือ”
“นั่นไม่มีปัญหาครับ ต้าเว่ยลูกว่ายังไง”
“ครับ เมื่อไหร่ก็แจ้งวันผมอีกทีก็ได้ครับ แต่ว่าคุณพ่อแจ้งคุณย่าหรือยังครับ”
เมื่อต้าเว่ยพูดเรื่องนี้ขึ้นมาพ่อของเขาก็หันมามองหน้าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก่อนจะหันมามองลูกชาย
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก คุณย่าน่ะเข้าใจเหตุผลดี”
“แล้วคุณล่ะ ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยเหรอ”
เขาหันไปถามเธอที่กำลังฟังด้วยความสนใจแต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกเขาถามอีกทั้งยังมองมาด้วยสีหน้าดุ ๆ นั้นอีกด้วยซึ่งเธอไม่ชอบเลย แม้ว่าจะหล่อและหน้าตาดีไม่ต่างจากดาราหนุ่มที่เธอชอบแต่ก็ไม่ควรดุเธอแบบนี้สิ
“เรื่องนี้… ฉันพูดได้จริง ๆ เหรอคะ”
“ได้สิ เรื่องนี้เป็นงานหมั้นของคุณกับผม ถ้าคุณอยากพูดอยากถามอะไรก็ควรจะพูดออกมา สมัยนี้ชายหญิงเท่าเทียมกันแล้วไม่ต้องกลัวหรอก”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอถามได้ไหมคะ”
“อาหลินลูกอยากจะถามอะไร”
“ถ้าหมั้นหมายกันแล้วต่อไปพวกเราไปกันไม่ได้ สามารถถอนหมั้นได้ไหมคะ”
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกใจไปเล็กน้อย คุณนายเฉินถึงขึ้นยกมือทาบอกเพราะไม่เคยคิดว่าเหม่ยหลินจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา แม้ว่าเฉินต้าเว่ยจะมองเธอนิ่ง ๆ ก็ตาม“หนูก็แค่ถามดูเท่านั้นเอง”“ได้ ไม่ผิดหรอกยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ที่จริงการหมั้นหมายก็เป็นส่วนหนึ่งหากว่าในอนาคตเธอไม่ยินยอม ก็สามารถถอนหมั้นกับผมได้เลย”เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะแอบยิ้มออกมา นี่ยังไม่ทันหมั้นกับเขาก็นึกถึงเรื่องถอนหมั้นแล้วงั้นเหรอ เขาเป็นเพื่อนเล่นของเธอหรือไง ตลอดเวลาเอาแต่พูดถึงเขาตามงานสังคมและข่มขู่ผู้หญิงหลายคนที่คิดจะเข้าหาเขาแต่ทำไมมาวันนี้กลับอยากจะถอนหมั้นเองเสียอย่างนั้น“เอาเป็นว่าอย่าพึ่งพูดเรื่องนั้นเลยนะคะ คุณลู่คะฉันว่าเรามาคุยเรื่องจัดงานกันดีกว่าค่ะ แขกที่จะเชิญมามีแค่ญาติ ๆ..”หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อหันมามองตาดุ ๆ ของแม่เธอก็ทำให้เหม่ยหลินรู้สึกอึดอัดเธอจึงขอตัวออกไปเดินเล่นในสวนเพื่อลดความเครียดในวันนี้ ซึ่งเธอออกไปไม่นานเฉินต้าเว่ยก็ตามเธอออกไปสวนด้านนอก"ให้ตายเถอะ มีโอกาสเกิดมาเป็นลูกคนรวยสักทีก็อยากจะอยู่ใช้เงินสักหน่อยทำไมจะต้องรีบหมั้นแล้วมาแต่งงานกับอีตาหน้าตายนั่นด้วยล่ะ"เธอบ่นไปพร้อม
“ฟางหยง” เพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นมาจิบตามหลังจากที่เหม่ยหลินพูดตอกกลับสองแม่ลูกกลับไปโดยที่เธอไม่ต้องออกแรง คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของเธอจะโตขึ้นมากขนาดนี้ หว่านเจินเหมือนกับถูกน้ำกรดสาดหน้าก็ไม่ปาน แม้แต่รุ่ยถิงก็ยังรู้สึกได้ว่าลู่เหม่ยหลินรับมือได้ยากกว่าเดิม“ว่าแต่รุ่ยถิงเรียนบัญชีมาไม่ใช่เหรอ ดีดลูกคิดเป็นหรือยัง”“คือว่า... ก็พอได้ค่ะ”“แค่พอได้เหรอ แย่จังที่จริงจะอาศัยเครื่องคิดเลขสมัยใหม่มาช่วยคิดน่ะใคร ๆ ก็เรียนได้แต่ศิลปะการดีดลูกคิดลับสมองได้ดีกว่า นี่คงไม่บอกนะว่าสอบผ่านมาได้ด้วยการใช้เครื่องคิดเลขช่วยน่ะ”“แต่ว่า… อาจารย์ก็ไม่ได้ห้ามให้เอาเข้าไปสอบนี่คะ”“ไอหยา!! อะไรนะอาถิงนี่ยังดีดลูกคิดไม่เป็นงั้นเหรอ แต่ที่ร้านของเราใช้ดีดลูกคิดตลอด ถึงจะคิดเงินได้เร็วพ่อบอกแล้วไงว่าอย่าไปพึ่งเครื่องมือพวกนี้มากมันเชื่อถือไม่ได้ ไม่ได้เรื่องเลย รีบ ๆ เอาของไปเก็บเถอะไป”“คุณพ่อคะ...”“คุณพ่อคะบัญชีที่เอามาให้หนูตรวจเมื่อวันก่อนมีผิดอยู่สองหน้านะคะ พ่อจะเอาไปให้ลุงกวงตรวจก่อนก็ได้ค่ะ ดูเหมือนว่าจะมีเงินเกินอยู่สามหยวนที่หาที่มาไม่ได้ น่าจะคิดเงินลูกค้าเกินหรือไม่ก็ลุงกวงคงลืมลงรายการไว้ค่ะ”“งั้
“น้องรู้เรื่องยาจีนพวกนี้ด้วยเหรอ”“คือว่าตอนเรียนมหาลัยมีอาจารย์มาสอนก็ครูพักลักจำมานิดหน่อยค่ะ”“คิดไม่ถึงว่าจะรู้มากถึงขนาดซื้อตำรับยาได้แต่ว่ายานั่นก็ทำให้อาเซียงลดอาการแพ้ท้องลงไปได้จริง ๆ นะครับคุณแม่ อาเซียงยังบอกว่าดื่มยาทุกคืนก่อนนอนแล้วเหมือนหลับสนิทไปเลยตื่นเช้ามาก็สดชื่นไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากอาหลิน”“ลองชิมขนมสิ น้องทำเองเลยนะเอาไว้รอต้อนรับลูกกลับบ้าน”รุ่ยถิงนั่งนิ่งราวกับเป็นอากาศ หว่านเจินเองก็ไม่ต่างกันเมื่อทุกคนหันความสนใจไปที่ขนมและชารสเลิศที่ลู่เหม่ยหลินเป็นคนสรรหามาให้“จริงสิ พี่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อาหลินจะชอบอะไร พี่ก็เลยซื้อสร้อยมุกมาให้”“โอ้โหพี่รองได้สร้อยมุกเลยเหรอคะ”รุ่งอิงเผลอตัวพูดออกไปด้วยความน้อยใจซึ่งสำหรับเธอแล้วสร้อยมุกนั่นมันสวยมากและน่าจะดีกว่าลูกคิดที่เธอได้รับ“พี่รองคะ เมื่อกี้พี่บอกว่าลูกคิดของพี่เริ่มพังแล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่เอาสร้อยมุกนั่นมาแลกกับลูกคิดอันนี้ของฉันดีไหมคะ”เหม่ยหลินหันมาที่พี่ใหญ่ก่อนที่จะหันไปที่สายตาละโมบของรุ่ยถิงที่กำลังมองกล่องไข่มุกของเธอซึ่งเป็นของขวัญที่เย่าหยางตั้งใจซื้อมาให้ เหม่ยหลินปิดฝากล่องลงพร้อมกับความตกใจของรุ่ยถ
เจ้าสาวในชุดกี่เพ้าเต็มรูปแบบพิธีการสีแดงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแขกในงานที่รีบหันไปดูก่อนที่เฉินหยวนลี่จะเดินมาเปิดประตูให้กับเจ้าบ่าวลงมาจากรถทันทีที่หมอเฉินในชุดสูทสีดำเนคไทแดงติดเข็มกลัดเจ้าบ่าวกางเกงสีดำเดินลงมาก็สะกดทุกสายตาให้หันไปมองโดยเฉพาะ “ลู่รุ่ยถิง” ที่ตกตะลึงกับความหล่อของว่าที่พี่เขยในทันที“แม่… นั่นคือ”“หมอเฉินยังไงล่ะ เฉินต้าเว่ยคุณชายรองตระกูลเฉิน”“เขาหล่อจังเลย ที่จริงแล้วหนูก็แต่งกับเขาได้ใช่ไหมคะถ้าพี่รองยอมเพราะตามธรรมเนียมแล้วผู้ชายมีเมียหลายคนได้ไม่ใช่เรื่องแปลก”“จะบ้าเหรอคิดอะไรแบบนั้น”“ก็…. หนูว่าเขาดูดีออกนี่คะอีกอย่างเขาเป็นถึงคุณหมอและตระกูลเฉินก็ยังเป็นตระกูลทหารที่เก่าแก่มีชื่อเสียง”“อยากเป็นเมียน้อยเหมือนแม่เหรอ แกเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ นี้ไปได้เลยแม่ไม่มีทางยอมให้แกเป็นเบี้ยล่างนังลูกเมียใหญ่นั่นอีกหรอก”แต่ลู่รุ่ยถิงกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่น่ามองและมีเสน่ห์เท่ากับเฉินต้าเว่ยมาก่อนเลย เขาทั้งดูดี หล่อและดูเป็นผู้ใหญ่ เมื่อหยวนลี่ยื่นช่อดอกไม้ให้เฉินต้าเว่ยก็เดินเข้าไปข้างในตรงที่โต๊ะพิธีหมั้นที่มีเจ้าสาวของเขานั่งอยู่วัน
รุ่ยถิงหน้าชาเหมือนกับถูกลากมาตบจนไม่มีความรู้สึก เธอแทบจะควบคุมสติไม่อยู่เมื่อนายพลเฉินและภรรยาเดินไปขึ้นรถโดยมีเหม่ยหลินและพ่อกับแม่เดินไปส่ง พี่ใหญ่เย่าหยางหันมามองเธอด้วยสายตาที่เคยใช้กับเหม่ยหลินมาก่อน สายตาของความโมโหและสมเพช“พี่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำตัวแบบนี้ในวันสำคัญ อาถิงเธอโตแล้วนะการที่จะพูดอะไรควรจะคิดให้มากกว่านี้ แม่เล็กครับถ้าครั้งหน้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้อีกระวังนะครับว่าพวกคุณจะไม่ได้อะไรจากตระกูลลู่เลยแม้แต่อย่างเดียว”“พี่ใหญ่ลำเอียง พี่ใหญ่เข้าข้างแต่พี่รอง”เขาได้ยินคำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ครั้งนี้แค่เปลี่ยนจากเหม่ยหลินกลายเป็นรุ่ยถิงแทน“อาถิงลองกลับเอาไปคิดดูว่าสิ่งที่คุณพ่อลงโทษไป สิ่งที่พี่พูดผิดหรือเปล่า อีกอย่างคุณนายเฉินก็เป็นคนพูดออกมาแล้วเรื่องนี้ยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ แม่เล็กพาเธอกลับไปสงบสติอารมณ์เถอะครับ เรื่องการลงโทษคุณพ่อคงจะสั่งไปทีหลังช่วงนี้ก็งดมาที่ตึกใหญ่สักพักเถอะครับ”“อาหยาง คือว่าน้องยังเด็กอย่าถือสาแกเลย”“เธออายุยี่สิบสองแล้วนะครับ เรียนเกือบจะจบมหาลัยถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าแม่เล็กยังเอาแต่เหตุผลนี้มาอ้างผมว่าคนที่จะเดือดร้อนใ
เฉินต้าเว่ยเดินมาพร้อมกับแฟ้มในมือและใบหน้าที่ค่อนข้างบูดบึ้งนิดหน่อยเมื่อเดินเข้ามาหาเธอและโจเซฟที่กำลังจะเดินไปที่โต๊ะของเจ้าหน้าที่“คุณหมอเฉิน เอ่อ…. พี่ต้าเว่ย”“ต้าเว่ย คุณคือคุณหมอเฉินต้าเว่ย ผมโจเซฟหมอคนใหม่ที่จะมารายงานตัว”ต้าเว่ยหันมามองที่ฝรั่งตัวโตข้าง ๆ เธอ ที่ยื่นมือมาจับมือกับเขาก่อนจะถามไถ่อีกฝ่ายด้วยความดีใจด้วยภาษาอังกฤษเช่นกัน“คุณโจเซฟ ยินดีมากครับผมคิดว่าคุณจะมาถึงอีกสองวันข้างหน้าเสียอีก ไม่คิดว่าจะมาถึงก่อนกำหนด”“โอ้ว ผมคิดพิเรนทร์นิดหน่อยน่ะสิก็เลยเดินเล่นมาเรื่อย ๆ จนหลงทาง โชคดีที่เจอไมลี่ย์ระหว่างทางเธอเลยอาสามาส่งเธอน่ารักมาก ๆ ว่าแต่พวกคุณรู้จักกันมาก่อนเหรอครับ”“คือว่าตอนนี้คุณก็ได้พบกับคุณหมอแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะหมอโจว”“โอ้ ขอบใจมากไมลี่ย์”โจเซฟไม่รั้งรอเขายื่นมือออกไปให้เธอจับ เหม่ยหลินจับมือเขาก่อนที่จะหันไปมองต้าเว่ยที่มองเธอด้วยความตกใจเพราะเขาไม่คิดว่าเธอจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องถึงขนาดนี้“คือว่าออกมานานแล้ว ตอนนี้ทิ้งอาหงไว้ถ้าอย่างนั้น…”“คุณรอผมอยู่นี่เดี๋ยวผมมา นั่งรอตรงนั้นอย่าไปไหนเดี๋ยวผมจะเดินไปส่ง”“แต่ว่าฉันมากับอาหง”“ผมบอ
วันถัดมา “พอแล้วอาหง อันนี้ไม่เอาเยอะเกินไป อันนี้ก็ใหญ่ไป สวมสร้อยคอเล็ก ๆ ก็พอนี่มันงานเลี้ยงในบ้านนะ”“แต่ว่าคุณนายบอกว่าให้คุณหนูสวมเครื่องเพชรชุดนี้นะคะจะได้ไม่น้อยหน้าคนอื่น”“แค่ชุดขนเฟลอร์นี่ก็หนักจะตายอยู่แล้วอย่าเอาอะไรมาสวมให้มากเลย เอาต่างหูคู่เก่ามา”“แต่ชุดนี้เคยใส่ไปแล้วนะคะ”“ใส่แล้วก็ใส่ได้อีกทำไมล่ะ มันเบาที่สุดแล้ว”ไม่นานเสียงแตรรถยนต์ก็ดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน รถของเฉินต้าเว่ยค่อย ๆ ขับเข้ามาในบ้านเพื่อมารับเธอตามเวลานัด ที่จริงต้องบอกว่าวันนี้เขามาถึงก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง“ตานี่ก็รีบเกินไปแล้วนี่มันยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย เร็ว ๆ เข้าอาหงกระเป๋าฉันล่ะ กล่องนั่นด้วยอย่าลืมยกไป”“ได้ค่ะ ๆ”เหม่ยหลินส่องกระจกตรวจดูความเรียบร้อยก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป อาหงเดินไปเปิดประตูและเดินตามเธอลงไป หมอเฉินนั่งรออยู่ที่โซฟาชั้นล่างเมื่อเธอเดินลงมาเขาก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง ดูเหมือนว่าคู่หมั้นของเขาจะสวยขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่พบเธอ หรืออาจจะเป็นเพราะท่าทางที่นิ่งและดูสง่างามผิดกับเมื่อก่อนละมั้ง เธอเองก็มองมาที่เขาแล้วรู้สึกวูบวาบขึ้นมาที่หัวใจเหมือนกัน คุณหมอในชุดสูทสีดำเรี
เฉินต้าเว่ยหันมามองคุณย่าของเขา แม้ว่าจะเป็นหลานชายแต่เมื่อถูกเขามองเช่นนี้คุณย่าโจก็แอบหลบตาไปเหมือนกัน“จริงสิซีอิ๋งมาพอดีเลย ย่ากำลังจะดูของขวัญที่ตระกูลลู่นำมาให้หนูมานั่งใกล้ ๆ ย่าก่อนสิ ทักทายพี่เขาหน่อย”“หลิวซีอิ๋ง” หันมายิ้มให้กับเฉินต้าเว่ยและทักทายทันทีแม้ว่าเธอจะแอบเห็นว่าเขาจับมือกับลู่เหม่ยหลินอยู่ก็ตาม“สวัสดีค่ะพี่เว่ย ขอโทษทีนะคะที่ซีอิ๋งมาช้าพอดีว่าพึ่งจะกลับมาจากมหาลัยแต่คิดถึงคุณย่ามากไปหน่อยก็เลยเผลอเสียมารยาทไป สวัสดีค่ะคุณคือ….”“สวัสดีค่ะลู่เหม่ยหลินค่ะ”“สวัสดีค่ะคุณลู่ คุณย่าคะวันนี้ซีอิ๋งนำของขวัญมาให้คุณย่าด้วยเปิดได้เลยนะคะ”“โอ้ว แค่มาก็ดีแล้วยังจะลำบากหาของขวัญมาเอาใจคนแก่อีกเด็กคนนี้นี่ ไหน ๆ เอามา ๆ”“คุณย่าเปิดเลยนะคะ”“อะไรนะ จะดีเหรอให้เปิดเลยเหรอ”“เปิดเลยสิคะซีอิ๋งอยากให้คุณย่าดีใจค่ะ ซีอิ๋งตั้งใจเลือกมาด้วยตัวเองเลยนะคะ”“ได้สิ มา ๆ เปิดเลยก็แล้วกัน”ทุกคนต่างก็ลุ้นว่าสิ่งที่เธอนำมาเป็นของขวัญให้กับคุณย่าโจคืออะไรเมื่อเปิดออกมาก็พบว่ามันคือผ้าคลุมขนมิ้งค์ที่หายากและมีราคาค่อนข้างสูงแต่เรื่องความสวยงามแล้วไม่มีใครจะปฏิเสธได้จริง ๆ สิ่งนี้เรียกเสีย