มีเสียงเคาะประตูห้อง อุษาไปเปิดประตู พบว่าเป็นแพทริค เธอถอนหายใจใส่เขา…
“ถอนหายใจใส่ผมเลยนะ ไม่คิดจะเชิญผมเข้าไปหน่อยล่ะ ยืนเมื่อยตั้งนานแล้ว”
“เชิญ คุณแพทริค”
อุษารอให้เขานั่ง แต่เธอยืนสำรวม มือจับประสานกันเรียบร้อยตามสถานะที่เธอเป็นอยู่ ตั้งใจไม่ปิดประตู แต่แพทริคดันประตูให้ปิด
“ตัดผมใหม่คุณดูน่ารักมาก ตอนเที่ยงที่ร้านอาหารไทยกับตอนนี้เป็นคนละสไตล์เลยนะ”
“ค่าอาหารเท่าไหร่คุณแพทริค? ได้โปรดให้ฉันได้คืนให้คุณ มันทำให้ฉันลำบากใจรวมถึงดอกไม้นั่นด้วย”
แพทริคทำหน้าตาเศร้าลงทันที
ทำหน้าแบบนี้อีกละ..ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ....
“ผมไม่อยากได้เงินคุณ ผมก็..ไม่รู้สิ แค่อยากเทคแคร์คุณ เพราะคุณไม่ใช่คนที่นี่ เป็นพนักงานของผมด้วย ผมเองก็จ่ายให้เพื่อนคุณด้วยนะ ไม่ใช่แค่คุณสักหน่อย”
“เพื่อนฉันก็พนักงานของคุณเหมือนกัน”
“แล้วเมื่อเช้าคนมาส่งคุณ เจ้าของสุนัขน่ะ ชื่ออะไรอยู่แถวนี้เหรอ?”
นี่มันอะไรเนี่ย..ได้เวลาที่ต้องทำงาน แต่ต้องมาโดนเจ้านายถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ไม่เกี่ยวกับงาน
“ครอบครัวควินน์ บ้านของเขาอยู่หัวมุม Pearl Street คนจ้างฉันเค้าชื่อ คุณฮาร์วี่ แต่ฉันไม่ได้ทำให้งานหลักเสียนะ”
“อุษา..นอกเวลางานเรา..เป็นเพื่อนกันได้มั้ย?”
“ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถเป็นเพื่อนกับนายจ้างได้ ยิ่งพึ่งมาทำงาน ได้โปรดปล่อยให้ฉันทำงานได้อย่างราบรื่นด้วย คุณแพทริค ฉันขอไปทำงานเพราะทุกคนรออยู่”
อุษายกมือไหว้เขาพร้อมกับเดินออกไป ด้วยหน้าตาที่ซีเรียส แพทริคมองตามเธอไปโดยไม่ทำอะไร ทั้งที่ในใจเขาอยากคว้าแขนเธอไว้
แค่พึ่งรู้จักไม่กี่วัน ทำไมความรู้สึกถึงรุนแรงขนาดนี้ ความหลง? อยากเอาชนะ? รักแรกพบ?
เธอไม่ขึ้นมาที่ห้องทำงานอีกเลย วนเวียนอยู่ล็อบบี้และฟร้อนท์ ทำให้นิโคล่าและเอมี่อึดอัดที่อุษามาอยู่ใกล้พวกเธอ แต่เมื่อนิโคล่าเลิกงาน ก็เป็นไซม่อนที่มาทำงานต่อ
มีข้อความเด้งขึ้นมาจากโรสมาเรีย
“เธอเจอคุณแพทริคมั้ย? ได้คืนเงินให้เขาหรือยัง? ฉันจะช่วยแชร์ด้วย”
“เจอตอนเอมิเลียกำลังจะบีบคอคุณแพทริคพอดี”
อุษาหยอกเพื่อน แต่โรสมาเรียโทรเข้ามาทันที
“อุษา แล้วเธออยู่ในเหตุการณ์ เป็นไงมั่งนะ เอมิเลียว่าอะไรเธอมั้ย?”
“บ้า ฉันล้อเล่น ฉันเจอแค่ตอนที่เค้ายืนคุยกันแต่ไม่รู้เรื่องอะไร ส่วนเรื่องคืนเงิน ฉันถามคืนให้แต่เค้าเฉไฉไปเรื่องอื่น”
“วันนี้ฉันจะรอเธอเลิกงาน โทรหาฉันนะ ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเธอ”
“เลิกงานแล้วฉันจะโทรไปโรส”
อุษาทำงานอยู่แถวล็อบบี้ตลอด จนกระทั่งเธอเห็นแพทริคพาแม่ของเขาไปทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารของโรงแรม โดยที่เขาไม่มองเธอเลย
ก็ดีแล้ว..พูดแรงกับเขาขนาดนั้น เขาคงไม่อยากมองหน้าหรอก เป็นเจ้านายลูกน้องน่ะ ดีที่สุด
จนกระทั่งเวลาสามทุ่มครึ่ง เจนนภัสส่งข้อความว่า อยู่ตรงยามให้ออกมาหาเพราะไม่กล้าเข้าไป อุษาที่นั่งอยู่ล็อบบี้ กำลังดูรายงานการทำงานของช่วงกลางวัน เลยเอาเอกสารพักไว้ไปฝากที่ไซม่อน แล้วเดินออกไป...
แพทริคอยู่ชั้นสองนั่งดื่มบรั่นดี ดูวิวทะเล ท้องถนนยามค่ำคืน พอเห็นอุษาเดินออกไป เค้าถึงกับวางแก้ว แล้วยืนดูว่าเธอออกไปไหนหรือใครมาหาเธอ จนเขาเห็นว่านั่นคือ เจนนภัส ไม่รู้อะไรดลใจให้เค้าลงไปหาพวกเธอ
อุษาพาเจนนกัสมานั่งที่ม้านั่งสวนเล็กๆข้างโรงแรม เพื่อไม่ให้น่าเกลียดเพราะเธอยังอยู่ในเวลางาน
“อ่ะ อูฐ เอาขนมมาให้ จากร้านฉันเลย ราฟาเอลพอรู้ว่าจะมาหาเธอเลยนำเสนอสุดๆ เค้าเรียกว่า ฟลาน เป็นคัสตาร์ดหน้าซอสคาราเมล”
“ขอบใจนะ อยากกินขนมอยู่เลยเนี่ย”
อุษากำลังหยิบขนมในถุงออกมาชื่นชม อยู่ๆเจนนภัสก็ลุกขึ้น “คุณแพทริค”
แพทริคที่กำลังจะเดินไปที่พนักงานรักษาความปลอดภัยหันกลับมาที่เจนนภัสแล้วยิ้มให้
อุษาถึงกับเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินเจนนภัสเรียกชื่อเขา คิดหาวิธีไปให้พ้นจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว เธอได้ยินเสียงเดินใกล้เข้ามา จึงรีบลุกยืนขึ้น เมื่อเสียงเดินมาหยุดตรงที่พวกเธออยู่พอดี
“เอ้อ..ฉันเอาขนมไปเก็บก่อนนะ เธอออกมา กว่าจะถึงนี่ ขนมจะเสียก่อน”
“บ้า ขนมนี่นะจะเสีย พึ่งทำตอนเย็นนี่เอง เอ่อ คุณแพทริคยังไม่เลิกงานเหมือนกันเหรอ?”
“คุยกันไปก่อน เจน ถ้ามีอะไรข้อความมานะ”
อุษารีบหิ้วถุงขนมจะเดินหนีไป โดยไม่มองหน้าเขา แพทริคจับแขนเธอไว้
“เราบอกความจริงให้เพื่อนคุณก็ได้ แต่ไม่ใช่มาทิ้งผมไว้ตรงนี้”
เจนนภัสเลิกตาโต มองทั้งคู่สลับไปมา
“ฉันไม่เกี่ยวด้วยในสิ่งที่คุณพูดไว้กับเพื่อนฉัน ฉันเป็นแค่ผู้ฟัง”
“งั้นคุณก็เป็นผู้ฟังอีกทีคงไม่เป็นไร”
เสียงของเขาไม่ใจดีกับเธออีกแล้ว เจนนภัสก็ยัง งง ที่สองคนนี้พูด ได้แต่มองทั้งคู่ อุษากระตุกแขนออกจากมือของเขา
“จริงๆผมไม่ใช่เพื่อนของอุษา ผมเป็นเจ้านายเธอ เป็นลูกชายเจ้าของที่นี่ ผมพูดจริงที่โสด แต่ผมพูดไม่จริงที่บอกว่า อยากอยู่คนเดียว ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ที่นี่ต้อนรับคุณเสมอเจน คุณมาหาอุษาเพื่อนคุณได้ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องมานั่งหลบตรงนี้ ส่วนอุษา คุณควรดูแลเพื่อนแสนสวยของคุณให้ดีกว่านี้นะ..”
“คุณอยากไปนั่งคุยกันที่ล็อบบี้มั้ย? เจน”
เจนนภัสยิ้มให้แพทริค แต่ในใจนั้นเธอโกรธอุษานิดหน่อยที่พามานั่งหลบตรงนี้ ที่แท้เพื่อไม่ให้เธอเจอแพทริคนี่เอง ถ้าแพทริคไม่ลงมาเห็นเธอ คงคลาดไม่เจอกันสินะ
“เธอทำงานเถอะ อูฐ ฉันไม่กวนเธอแล้ว กินขนมให้อร่อยนะ”
“เชิญทางนี้เจน”
พวกเขาเดินไปแล้ว อุษาจึงนำขนมไปเก็บไว้ที่ห้องพัก เธอไม่โกรธเจนนภัส แต่ก็ยอมรับกับตัวเองว่ารู้สึกแย่หน่อยๆ อีกหนึ่งชั่วโมงนิดๆถึงจะเลิกงาน เธอเดินกลับไปที่ห้องทำงานที่ชั้นสองเพื่อดูว่าต้องซื้ออะไรในวันพรุ่งนี้บ้าง เธอสนใจเรื่องน้ำหอมที่ต้องการเปลี่ยนกลิ่นพอดี
ที่ล็อบบี้ เจนนภัสคุยเจื้อยแจ้วไม่หยุด ถามนั่นถามนี่เรื่องไร้สาระในความคิดของแพทริค เจนนภัสพยายามสัมผัสตัวเขาบ่อยมากเวลาที่พูด ไม่รู้ตั้งใจหรือลืมตัว แต่เขาค่อนข้างที่จะไม่ค่อยชอบเอามากๆ ไซม่อนสังเกตดู เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงเอเชียคนนี้มาก่อน แต่งตัวก็ธรรมดา กิริยามารยาทก็แปลก พูดไปหัวเราะไปทั้งที่มันไม่ขำอะไร แปลกที่มารู้จักคนแบบเจ้านายเขาได้ แต่แล้วไซม่อนก็เลิกสนใจ ไม่ใช่เรื่องของเขา
อุษาไปไหนเนี่ย?..ทำไมไปที่ห้องนานขนาดนี้ ไม่คิดจะทำงานหรือไงนะ?
แพทริคคิดแล้ว จึงขอตัวจากเจนนภัสสักครู่ แล้วตรงไปที่ไซม่อน
“หัวหน้าฟร้อนท์ไปไหนรู้มั้ย”
“คุณแพทริคต้องการอะไร? ผมจะช่วยดูแลให้ เพราะคุณอุษาทำงานที่ชั้นสอง เธอแจ้งผมไว้แบบนั้น”
“โอเค ไม่มีอะไร”
เขาตรงไปหาเจนนภัสพร้อมบอกว่ามีนัดกับเพื่อนกะทันหัน เขาจะเรียกแท็กซี่ให้เธอพร้อมจ่ายค่าแท็กซี่ให้ เจนนภัสก็เข้าใจด้วยดี เธอมีความสุขมาก คิดไม่ผิดที่มาที่โรงแรมในวันนี้
ระหว่างที่แพทริคเดินไปส่งเจนนภัสที่แท็กซี่ เจนนภัสก็อ้อนเขา
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย?”
“ไว้ผมว่างจะไปที่ร้านคุณ”
“เราแลกเบอร์กันไว้ก็ได้ ถ้าคุณเข้าไปบางทีฉันทำงานอยู่”
“แท็กซี่มาแล้ว รีบกลับเถอะ ดึกแล้ว เพื่อนผมก็รอเหมือนกันตอนนี้”
เขารีบเปิดประตูให้เธอ พร้อมชำระค่าแท็กซี่ให้พร้อมทิป พอแท็กซี่ขับออกไป เขาถอนหายใจอย่างแรง
อุษา เธอคิดจะหนีหน้าฉัน ได้สิ ยิ่งหนีจะยิ่งให้เธอต้องเห็นหน้าฉันบ่อยๆ...
แพทริคไปชั้นสองที่ห้องอุษา เขาเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะประตู อุษาตกใจยืนขึ้น ดูว่าใคร เพราะคอมพิวเตอร์บังอยู่ พอเห็นเป็นแพทริค ใจเธอหล่นวูบ นี่มันดึกแล้ว ไม่มีใครที่ชั้นสองเลย มีแค่เธอกับเขา แล้วเขาเข้ามาไม่เคาะประตูด้วย เธอหยิบปากกาด้ามนึงไว้ในมือ กำไว้แน่น
อุษาเม้มปากสนิท ไม่มีคำพูดใดๆ สายตาเธอดูไม่ไว้ใจเขา เธอไม่ออกมาจากโต๊ะแต่จ้องเขาเหมือนระวังตัวเอามากๆ นี่เขาน่ากลัวในสายตาเธอขนาดนี้เลยเหรอ?
“อุษา ทำไมคุณไร้มารยาทกับเพื่อนคุณ เจนมาหาคุณแต่คุณทิ้งเธอไว้กับผม จนผมต้องส่งเธอขึ้นรถกลับไปเอง”
ใจอุษาเต้นแรงมาก เลือดสูบฉีดขึ้นหน้า เธอไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องอยู่กับผุ้ชายที่กำลังไม่พอใจเธอสองต่อสองและกำลังต่อว่าเธออยู่
“ตอนแรกเจนอาจจะอยากมาหาฉัน แต่พอเจอคุณ ฉันก็ไม่จำเป็น คุณอาจจะดูเพื่อนฉันไม่ออก แต่เจนเป็นเพื่อนฉันมานาน ฉันจะยินดีที่คุณและเพื่อนฉันเข้ากันได้ดี ก็เลยอยากให้พวกคุณได้คุยกันเป็นการส่วนตัว”
เขาสังเกตได้ว่าเสียงเธอสั่น แพทริคเดินมาที่หน้าโต๊ะและเห็นเธอกำปากกาไว้แน่นในลักษณะที่แทงเขาได้ทันที เขาเองพอจะรู้เรื่องทางจิตวิทยามาบ้าง คนเราเมื่อความกลัวและความกดดันมาถึงที่สุด จะกล้าทำในสิ่งที่ไม่คิดจะทำมาก่อนเพื่อปกป้องตนเองตามสัญชาตญาณ
“เกลียดผมมากจนถึงขนาดอยากแทงผม?”
อุษาก้มหน้า ค่อยๆเอามือที่กำปากกาซ่อนไว้ข้างหลัง แล้วพูดโดยไม่มองหน้าเขา
“นี่จะห้าทุ่มแล้ว ใกล้เวลาเลิกงาน ฉันขอให้คุณปล่อยฉันไป ถ้ามีอะไรต้องคุยเรื่องงาน ขอเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ย?”
“โอเค งั้นขอปากกาให้ผม”
อุษาหน้าแดงมากๆ เธอหายใจแรง แต่ไม่ใช่เพราะเขินเขาแน่นอน เธอกำลังโกรธและกลัว แต่พยายามฝืนเอาไว้ อุษาวางปากกา แล้วเบี่ยงตัววิ่งออกจากโต๊ะเพื่อให้พ้นเขา ตอนนั้นในหัวสมองของเธออยากไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
แต่เขาคว้าเธอไว้ทันก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องและกอดเธอไว้ เธอดิ้นอยู่ในอ้อมกอดอันแข็งแรง เล็บทุกนิ้วจิกลงบนอกเสื้อ ตัวเธอสูงเท่าคางเขาเท่านั้น ตัวเล็กและหอม น่าทะนุถนอมเอามากๆ แพทริคก้มลงจูบแก้มเธอ แล้วก้มลงไปซุกไซร้ซอกคอเธออีก เสียงอุษาอู้อี้ เขาเองก็หูอื้อ ไม่ได้ยินหรือสนใจเสียงอะไรอีกแล้ว
“ฉันต้องบอกคุณแม่คุณ ฉันจะบอกแน่นอน”
เสียงอุษาดังขึ้นมา เธอหายใจแรงในอ้อมกอดเขาและน้ำตาคลอหน่วย
“ก็บอกสิ ผมอ่านเรซูเม่ของคุณ เหตุผลที่อยากมาทำงานที่นี่ ไม่อยากทำตามความฝันแล้วเหรอ?”
“คุณแม่คุณจะให้ความยุติธรรมกับฉัน แต่ถ้าไม่ ฉันก็แค่กลับบ้าน ปล่อยฉัน”
เธอเริ่มกระฟัดกระเฟียด เป็นแมวน้อยขู่ฟอดๆไปแล้วตอนนี้ ทำให้เขายิ่งเอ็นดูเธอไปอีก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์อุษาก็ดังขึ้น โรสมาเรียโทรมานั่นเอง
“เพื่อนฉันโทรมา ปล่อยฉันสิ”
อุษาเงยหน้าจ้องตาเขาด้วยความโกรธ เขาถือโอกาสตอนนี้จูบเธออย่างแนบแน่น เธอหนีไม่พ้นเพราะโดนกอดจนขยับตัวไม่ได้ เขาจูบเธอเหมือนกำลังชิมลิ้มรสจูบเธออยู่ และเริ่มเอาลิ้นเข้าไปในปากเธอ จนเธอสะบัดหน้าหนี แล้วร้องไห้เสียงดังเพราะความกลัว แพทริคเลยปล่อยเพราะเขาเองก็ตกใจที่อุษาร้องไห้ เขาคงทำเกินไปจริงๆ เธอคว้าโทรศัพท์แล้ววิ่งออกไป แพทริคยืนตะลึงตั้งสติอยู่ตรงนั้นไม่ได้ตามไป อุษาเลือกลงบันไดทางหนีไฟเพื่อลงไปยังห้องพัก ไม่ต้องการให้ใครเห็นเธอร้องไห้
เธอสับสนเมื่อไปถึงห้อง รีบอาบน้ำ ล็อกประตูอย่างแน่นหนา ทำตัวปกติคุยโทรศัพท์กับพ่อและแม่ เวลาที่ไทยคือ บ่ายสอง พอวางสาย ก็เริ่มตั้งสติ ถ้าปกป้องตัวเองไม่ได้แล้วจะปกป้องความฝันได้ยังไง? แพทริคคือชนชั้นพรีวิลเลจ เขามีอำนาจทุกอย่างที่จะทำร้ายเธอได้ ที่นี่เธอเป็นแค่คนต่างด้าวเท่านั้น อุษาร้องไห้จนหลับไปด้วยควาหวาดระแวงและเหนื่อยอ่อน
เช้ามาเธอรีบตื่นแต่เช้า ส่งข้อความขอโทษโรสมาเรียทิ้งไว้ อ้างว่างานเยอะมากจนนอนสลบ แล้วรีบไปที่บ้านฮาร์วี่เพื่อไปรับสุนัขทั้งสองตัว แม่บ้านมาเปิดประตูให้ เธอส่งข้อความหาฮาร์วี่ว่ามารับเด็กๆไปเดิน ไม่นานนัก เขาก็มาหา แต่ไม่ทันได้พูดอะไรเพราะเห็นหน้าอุษา เธอตาบวม
“อุษา วันนี้คุณไม่สบายหรือเปล่า?”
“ไม่ ฉันสบายดี ฉันจะพาเด็กๆไปเดินและจะกลับมาเวลาเดิม วันนี้ฉันไม่โดนลากลงทะเลอีกแน่นอน”
อุษาพูดแล้วยิ้มเล็กๆแต่ฮาร์วี่รู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจที่ปิดบัง เขาเรียกแม่บ้านมานำทั้งสองตัวไปที่โซนที่อยู่ของสุนัขตามเดิม
“เอ่อ ฉันทำได้ ทำไมเอาเด็กๆไปเก็บ”
ไม่นะ…เธอไม่อยากเสียงานนี้ วันนี้เธอหวังให้แจสเปอร์และเชสเตอร์ช่วยฮีลใจเธออีกต่างหาก
“ไปนั่งคุยกันที่สวนมั้ย? ผมจะเคลียร์กับเอเจนซี่เอง วันนี้คุณไม่ต้องทำหรอก”
เสียงเขาอ่อนโยนมาก จนเธอน้ำตาจะไหล ฮาร์วี่โอบเธอพาไปนั่ง
“ขอโทษนะอุษา คุณตาบวม ร้องไห้มาเมื่อคืนสินะ? คุณมาทำงานที่นี่ มีอะไรไม่สบายใจระบายให้ฟังได้ ถ้าผมพอช่วยเหลืออะไรคุณได้”
“ฉันพึ่งทำงานนี้ได้วันเดียว ฉันไม่อยากมีปัญหา ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องมาเคลียร์ให้ฉันเลย”
ฮาร์วี่สังเกตว่าเธอตัดผมใหม่ ทำให้เธอดูเด็กลงและน่ารัก
“ใครที่โรงแรมแกล้งคุณ?”
อุษามองสบตาเขาแต่ไม่กล้าพูด เธอจะพูดยังไงดี
“ฉันเข้างานถึงห้าทุ่มอาทิตย์ละสามวัน เมื่อวานวันแรก ฉันรู้สึกกลัวมาก”
“ผู้หญิงทำงานกะดึกๆแล้วมุมอับของโรงแรมมีมากมาย ผมได้รับเคสโดนล่วงละเมิดค่อนข้างเยอะ ส่วนมากเหยื่อจะกลัวหรืออาย จนไม่กล้าเอาเรื่อง เพราะคนล่วงละเมิดมักเป็นคนที่มีฐานะทางสังคมสูง หลายคนเป็นถึงเจ้าของกิจการก็มี”
หลังเขาพูดจบ อุษาหายใจถี่และถอนหายใจยาวแม้จะพยายามเก็บอาการ แต่ฮาร์วี่ที่คลุกคลีกับคดีความมากมายจนเข้าใจอาการแบบนี้ดี เขาเริ่มสงสารเธอขึ้นมา
“คุณกลัวอะไรเมื่อคืนนี้ถึงร้องไห้?”
“ฉันกลัวคน ฉันทำงานชั้นสองคนเดียว เพราะมันห้าทุ่ม มีคนพยายามเข้าหาฉัน ฉันพึ่งมาทำงานได้ไม่กี่วันเท่านั้น”
“ใครที่พยายามเข้าหาคุณ อุษา แล้วเค้าทำอะไรคุณมั้ย”
“เขาไม่ได้ทำ…”
อุษาเริ่มโกหก สมองของเธอเริ่มคิดว่าเธอจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงดี โดยที่ทุกอย่างต้องไม่พังเอาตอนนี้ ชีวิตใหม่พึ่งจะเริ่มแท้ๆ
“จะบอกว่าคุณร้องไห้เพราะความกลัวจนจินตนาการไปเอง?”
“ก็อาจเป็นได้ ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่เห็นมีคนขึ้นมาชั้นสอง ฉันกลัวมากเลยวิ่งลงบันไดหนีไฟไป”
เธอโกหกไม่เก่งจริงๆ ฮาร์วี่คิด เพราะคำพูดกับสีหน้าและแววตาไม่ไปทางเดียวกันเลย
“ถ้าคุณยังไม่ไว้ใจผมและยังไม่พร้อม ไม่เป็นไรนะ ผมเข้าใจ วันนี้คุณกลับไปพักก่อน ผมอยากช่วยคุณโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรทั้งนั้น ลองไปคิดดู”
อุษาเดินกลับมาที่โรงแรม เธอไม่ไปกินข้าวเช้า เก็บตัวในห้อง โรสมาเรียส่งข้อความมาชวนไปกินข้าว แต่เธอบอกว่าไม่ค่อยสบายปวดหัวนิดหน่อย และพอมีอาหารแห้งที่ซื้อไว้ในห้อง
แพทริคเองนอนไม่ค่อยหลับเพราะเสียงร้องไห้และใบหน้าที่มีน้ำตายังติดตา เสียงร้องไห้ดังของเธอยังอยู่ในสมอง แต่ริมฝีปากที่แสนหวานนั้น เขาเองยังจำรสชาตินั้นได้อยู่ ตอนนี้อุษาจะทำอะไรอยู่นะ?..เขารู้สึกระบม เลยลูบคลำไปที่หน้าอก ที่มีรอยฟกซ้ำและถลอกจากเล็บทั้งสิบนิ้วของเธอที่จิกลงบนเนื้อของเขา ถ้าไม่มีเสื้อ เนื้อเขาของหลุดติดเล็บเธอไปแน่ๆ
แพทริคลงมาที่ฟร้อนท์ตอนสิบโมง แกล้งถามเดเนียลเรื่องทั่วไปจนถามเรื่องอุษา
“หัวหน้าฟร้อนท์เข้างานกี่โมง ทำไมยังไม่มาทำงาน?”
“เธอเข้างานบ่ายสาม ช่วงเวลานี้ผมดูแลอยู่”
อุษาไม่ออกมาจากห้องเลยจนใกล้เวลางาน ส่วนแพทริคดูแลแม่ของเขาให้คนขับรถพาไปทำธุระที่ดาวน์ทาวน์ เขากระวนกระวายอยู่ในห้องทำงานและสั่งไม่ให้ใครรบกวน จนเวลาจะบ่ายสาม อุษามาที่ฟร้อนท์พร้อมกับสั่งงาน และเอาเอกสารไปนั่งดูที่ล็อบบี้แทนที่จะไปชั้นสอง ข้อความเจนนภัสก็เข้ามา
“วันนี้ฉันจะไปที่โรงแรมนะ ว่าจะเอาของกินไปฝากคุณแพทริคด้วย”
“เธอมาได้เลย ติดต่อที่เคาน์เตอร์ให้เค้าโทรหาคุณแพทริคนะ”
“ไม่ต้องทำเสียงเศร้า ฉันไม่โกรธเธอหรอกอูฐ คนเรามันชอบคนๆเดียวกันได้ อยู่ที่เขาจะเลือกใคร เท่านั้นเอง
“ฉันไม่ได้ชอบเขาแบบนั้นเลย ไม่ว่าแบบไหนทั้งนั้น มีแค่เจ้านายกับลูกน้อง อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ ขอร้องเถอะ”
แพทริคลงมาที่ล็อบบี้ เขานัดเพื่อนให้มาหา เจออุษานั่งดูเอกสารมากมายบนโต๊ะ เขาทำใจดีสู้เสือเข้ามาถามเธอ “อุษา..”
แค่เอ่ยชื่อยังไม่ทันพูดอะไร เธอรวบเอกสารทุกอย่าง ยกมือไหว้แล้วขอตัวไป โดยก้มหน้ามองพื้นเท่านั้น แพทริคไม่ได้มองตามเธอ แต่นั่งลงที่เก้าอี้เงียบๆ จริงๆเธอจะบอกแม่เขาก็ได้เช้านี้ แต่กลับไม่ทำ เขาเองก็พร้อมถ้าเธอบอก อยากรับผิดชอบเธออยู่แล้วเหมือนกัน
อุษาขึ้นไปทำงานที่ชั้นสองโดยล็อกประตูตลอดเวลา ตอนนี้สองทุ่ม เธอคิดว่าเวลาเดินช้ามาก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์จากไซม่อนก็ดังขึ้นมา
“คุณอุษา มีแขกมารอพบคุณ ชื่อ คุณฮาร์วี่”
“หะ..เอ่อ โอเค ฉันกำลังจะลงไป”
อุษาลงไปที่ล็อบบี้ เจอกับแพทริคกับกลุ่มเพื่อน โดยที่ฮาร์วี่นั่งรอเธออยู่ห่างกันไม่เท่าไหร่ อุษาเดินไปหาฮาร์วี่ โดยอยู่ในสายตาของแพทริคที่จ้องมองฮาร์วี่อยู่ด้วยความสงสัย
“สวัสดี คุณฮาร์วี่มีอะไรให้ฉันช่วยเหลือมั้ย?”
“ผมไม่ได้มาหาห้องพัก ผมแค่มาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ผมเอาโน้ตบุ๊คมา กะมาทำงานที่นี่ คุณคงไม่ว่า ผมสั่งเครื่องดื่มได้มั้ย? น้ำผลไม้สดอะไรก็ได้ รบกวนคุณเลือกให้ผม คุณเลิกงานห้าทุ่ม เราเอาเด็กๆออกมาเดินเล่นก็ดีนะ เปลี่ยนบรรยากาศ”
เขาจิตใจดีและน่ารักมากเหมือนหน้าตาจริงๆ....
“ผมจ่ายค่าจูงสุนัขไปที่เอเจนซี่ เหมือนว่าคุณมาทำงานตามปกติ แล้วบอกว่าคุณไม่ได้ส่งรายงานให้เพราะเด็กๆของผมลากคุณลงทะเลเลยไม่สบาย”
อุษาพนมมือไหว้เขา แล้วลุกไปเพื่อเอาเครื่องดื่มมาให้
ฮาร์วี่เริ่มเปิดโน้ตบุ๊คและทำงาน ทุกอย่างอยู่ในสายตาของแพทริคที่มองอยู่โดยตลอด จึงเดินไปหาเขาแล้วแกล้งถาม
“สวัสดี เอ่อ คุณมารอเช็คอินหรือเปล่า? มีอะไรให้ทางโรงแรมเราบริการบอกทางฟร้อนท์ได้เลยนะ”
“ผมมารอเพื่อนเฉยๆ พอดีเธอทำงานที่นี่ ผมสั่งเครื่องดื่มไปแล้ว ขอบคุณมาก”
ฮาร์วี่ยิ้มอย่างมีมารยาท แพทริคต้องฝืนยิ้มไปด้วย
“ผมแพทริค สมิธ เป็นเจ้าของที่นี่ ยินดีที่รู้จัก แล้วคุณอยู่แถวนี้เหรอ?”
“ยินดีที่รู้จักเช่นกัน ผมฮาร์วี่ ผมอยู่ไม่ไกล เดินแป๊ปเดียวก็ถึง อยู่ใกล้ Darlington House”
“อ้อ ด้านหลังของ Lamborghini San Diego นี่เอง พอดีผมถอยรถจากตัวแทนที่นี่”
อุษาเดินยกเครื่องดื่มมา เธอรู้สึกไม่ดีอีกครั้งที่เห็นแพทริคนั่งคุยกับฮาร์วี่ แต่ก็กลั้นใจเอาไปวางที่โต๊ะ โดยไม่มองที่แพทริคเลย อุษาฝืนยิ้มให้ฮาร์วี่
“คุณฮาร์วี่ น้ำผักผลไม้รวมปั่น ไม่มีน้ำตาล ฉันขอไปทำงานต่อก่อน ถ้าต้องการอะไรแจ้งพนักงานได้”
ฮาร์วี่ยิ้มให้เธอ เขารู้สึกได้ว่า คนระดับเจ้าของนั่งอยู่ แต่อุษาไม่แม้แต่จะมองหรือพูดคุยอะไร ส่วนแพทริค สายตาที่เขามองเธอ ผู้ชายด้วยกันย่อมดูออก.. จนแพทริคขอตัวกลับไปหาเพื่อนๆที่โต๊ะ
ฮาร์วี่ชำเลืองมองอุษาเป็นครั้งคราว เวลาที่เธอเดินไปเดินมาทักทายลูกค้าหรือคุยกับไซม่อน เขารู้สึกว่าเธอใส่ชุดทำงานแบบเดรสได้สวย ทรงผมใหม่ทำให้ดูมีเสน่ห์ แล้วเขาก็ก้มทำงานหรือคุยโทรศัพท์บ้าง ตรงกันข้ามกับแพทริค เขาเริ่มไม่มีสมาธิ จนไม่ได้ฟังว่าเพื่อนพูดคุยอะไรกัน
“แพทริค นายเป็นอะไร อยู่ๆก็เงียบ”
“พวกนายอยู่ต่อได้นะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ปวดหัวหน่อย ขอไปนอนพักสักพัก ถ้าดีขึ้นจะลงมา ถ้าพวกนายยังไม่ไป”
แพทริคเดินไปที่ไซม่อน ฝากดูแลเพื่อนๆที่อยู่ล็อบบี้ เขามองอุษาที่นั่งดูเอกสารอยู่ในเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เธอทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
“อุษา ผมขอคุยด้วยหน่อย”
อุษาเงยหน้าแล้วลุกขึ้นยืน มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน เธอเงียบรอเขาพูดจนแพทริครู้สึกอึดอัด
“ขอคุยเป็นการส่วนตัว”
“ฉันเกรงว่าจะไม่เหมาะ คุยกันที่นี่ก็ได้ คุณแพทริค”
“ก็ได้” แพทริคถอนหายใจ
“คุณคงอยากให้มีคนอื่นเป็นพยานด้วยสินะ เรื่องของเรา”
อุษาเริ่มอยู่ไม่สุขกับสิ่งที่เขาพูด จ้องเขาเขม็ง
“คุณรู้มั้ยว่า ผู้ชายที่มารอฉันคนนั้นเค้าเป็นทนายความ”
“ผมยินดีรับทุกข้อกล่าวหาเลย”
ไซม่อนถึงกับขอตัวออกไปจากตรงนั้น เขาเริ่มคิดว่ามันน่ากลัวเกินไปที่จะฟังเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ฮาร์วี่เห็นที่แพทริคยืนคุยกับอุษา เขาเริ่มสนใจมองดู ส่วนอุษาที่รู้แล้วว่าไซม่อนได้ยินแบบนี้อาจคิดไปไกลแล้ว พรุ่งนี้เธอต้องรับมือกับอะไรอีกนะ
“คุณแพทริค จะทำอะไรต้องนึกถึงคุณแม่คุณและชื่อเสียงของตัวคุณเองด้วย”
“แน่สิ คุณมันคนเก่ง ตกผู้ชายอย่างผมได้ แล้วยังตกทนายไฮโซนั่นด้วย โรงแรมผมมันก็แค่ที่นัดพบ”
“ช่วยมีมารยาทกับฉันด้วย คุณแพทริค”
ก่อนที่อะไรจะแย่ไปกว่านี้ อุษามองข้ามไหล่เขา เห็นเจนนภัสเข้ามา นั่นไงตัวช่วยมาพอดี
“สวัสดีคุณแพทริค ไงอุษา?”
“ไปข้างบนกันมั้ย? ผมมีไวน์ดีๆอยากให้คุณชิม”
เขาต้องการประชดอุษา คิดไปเองว่าเผื่อเธอจะหวงเขาบ้าง แต่เธอไม่สนใจ นั่งลงทำงานต่อ เจนนภัสทำท่าดีใจ ไม่สนใจอุษาอีก ถือกล่องขนมแล้วเดินตามเขาไป อุษามองตาม รู้สึกเป็นห่วงเพื่อน แต่ห่วงไปก็เท่านั้น ไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว จนเวลาเลิกงาน เพื่อนของแพทริคกลับไปก่อนหมดแล้ว เจนนภัสและเขาก็ยังไม่ลงมากัน เธอจึงไปหาฮาร์วี่
“คุณฮาร์วี่ รบกวนคุณมากเลย แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว ห้องพักฉันอยู่ข้างหลังนี่เอง ฉันเหนื่อยจริงๆ พรุ่งนี้จะรีบไปรับเด็กๆไปเดินออกกำลังกายตามเดิม”
“ผมเดินไปส่งที่ห้องนะ จะได้รู้ว่าคุณปลอดภัยจริงๆ”
ทั้งคู่เดินไปด้วยกันจนถึงหน้าตึกห้องพัก อุษารู้สึกปลอดภัยเมื่อฮาร์วี่อยู่ด้วยในคืนนี้ เธอกล่าวขอบคุณและมองแผ่นหลังของเขาที่เดินกลับไปจนลับตา
แพทริคอยู่กับเจนนภัสสองต่อสองในห้องพักชั้นบนสุด เขาจูบกับเจนภัสอย่างเร่าร้อน แต่ในใจเขากลับนึกถึงอุษา นึกถึงตอนที่เขาจูบกับเธอ แต่พอนึกถึงตอนเธอร้องไห้ เขาก็ผลักเจนนภัสออก แต่เจนนภัสไม่ยอม เธอรุกเขาทั้งจูบทั้งลูบไล้ตรงนั้นของเขาเพื่อให้เขามีอารมณ์มากขึ้น แต่แพทริคกลับรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่ เขาจับไหล่เธอผลักออกอีกครั้ง
“พอเถอะเจน ผมว่าเราเลยเถิดเกินไปหน่อย”
“แต่คุณก็ต้องการ ร่างกายคุณบอกแบบนั้น”
“คุณไม่อยากไปหาอุษาเพื่อนคุณสักหน่อยหรอ?” แพทริคเริ่มพูดเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันรู้สึกไปเองมั้ง ว่าอุษาอาจจะอิจฉาฉันมาตลอด เมื่อวานถึงขนาดไม่อยากให้ฉันเจอคุณ ขนาดถามเรื่องคุณ อุษายังบอกว่าคุณไม่มีรถขับ บ้านก็เช่า จงใจพูดให้ฉันเข้าใจแบบนั้น เห็นฉันมาอเมริกา ก็อยากมาบ้าง ฉันเลือกอยู่เมืองนี้ ก็อยากจะอยู่บ้าง เพราะย่านนี้คนรวยๆเยอะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสังคม พอเห็นฉันมีเพื่อนเยอะก็เริ่มใช้ของมียี่ห้อ เพื่ออยากให้มีคนคบ”
“หยุดพูดแบบนั้น นั่นเพื่อนคุณนะ ผมไม่ชอบฟังอะไรแบบนี้ ถ้าคุณว่าเธออีกครั้ง คุณจะไม่มีทางได้มาที่นี่อีก”
แพทริคทำเสียงดุใส่เจน จนเจนนภัสตกใจ เมื่อวานเขายังตำหนิอุษาอยู่เลยที่ดูแลเธอไม่ดีให้ไปนั่งข้างนอกโรงแรม เจนนภัสทำหน้าจะร้องไห้และไปเข้าห้องน้ำ
เขาดูเวลา นี่อุษาเลิกงานแล้ว จึงสั่งให้คนขับรถไปส่งเจนนภัสกลับ เธอสับสนและหน้าเสียมากที่เขาชวนมาที่ห้องแต่กลับไล่กลับเสียอย่างนั้น
แพทริคไปถามไซม่อนว่าอุษาออกไปกับใครไหม ไซม่อนตอบแค่ว่าเธอเดินออกไปกับแขกที่นั่งอยู่ล็อบบี้หลายชั่วโมงคนนั้น ทำเอาแพทริคนั่งไม่ติด เขาโทรหาเอมิเลีย
“เอาเบอร์อุษาให้ผมหน่อย”
“คุณจะโทรหาเธอทำไม? นี่มันดึกแล้ว เธอน่าจะเลิกงานแล้ว”
“ผมสั่ง ไม่ต้องถามหรือแสดงความเห็น”
เอมิเลียส่งเบอร์อุษาให้ทางข้อความ หลังจากนั้นเธอยืนเหม่อที่หน้าต่างด้วยสายตาที่เศร้า แพทริคเมื่อได้เบอร์ เขารีบกดโทรทันที อุษากำลังอาบน้ำได้ยินเสียงสายเข้า เธอคิดว่าใครคงมีเรื่องด่วน จึงใส่ผ้าเช็ดตัวออกมา เบอร์ใครนะ?
“ฮัลโหล”
“อุษา คุณอยู่ไหนตอนนี้?”
อุษาตกใจกับเสียงปลายสายนี้ เธอเงียบ
“อยู่ไหนบอกผมมา อยู่กับเค้าคนนั้นใช่มั้ย?”
“ฉันอาบน้ำอยู่ ขอโทษนะ”
อุษาวางสายแล้วไปอาบน้ำต่อ พลางคิดว่าใครเป็นคนเอาเบอร์ให้เขา มีแค่เอมิเลียกับโรสและฮาร์วี่ที่มีเบอร์ฉัน
เมื่อเธออาบน้ำเสร็จ มีสายไม่ได้รับมากกว่า30สาย และโทรเข้ามาอีก จนเธอต้องกดรับ
“คุณแพทริค พอเถอะ ได้โปรด นี่มันเวลาส่วนตัวของฉัน”
“ตอบยากมากหรือไงว่าอยู่ที่ไหน?”
“ฉันอยู่ห้อง จะให้ไปอยู่ที่ไหน?”
“คุณโกหก ไซม่อนบอกคุณออกไปกับคนที่มารอคุณเลิกงาน”
“แล้วคุณจะเอายังไงกับฉัน ฉันเป็นลูกจ้างแต่ไม่ใช่ทาสนะ มันจะเกินไปแล้ว”
“งั้นคุณออกมาจากห้อง ผมจะได้รู้ว่าคุณโกหกมั้ย ผมอยู่หน้าตึก”
นี่มันคุกคามกันชัดๆ ถ้าพนักงานคนอื่นที่นี่เห็นเขามาที่นี่ คงพูดกันไปทั้งโรงแรม
“ฉันจะออกไป แล้วคุณกลับไปได้เลยนะ ตอบมาก่อน”
“ได้ ออกมาสิ”
อุษาเดินออกไป เธออยู่ชั้นสอง แพทริคเห็นเธอใส่ชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวผ้าซาติน ทีนี้เขารู้แล้วว่าเธออยู่ห้องไหน
“แค่นี้นะ คุณแพทริค”
เธอพูดในโทรศัพท์ สายตามองที่เขาเหมือนเป็นตัวน่ารำคาญ
“ผมแค่ไม่อยากให้คุณไปกับเขา”
อุษาส่ายหน้า เธอทำหน้าระอาเขาอย่างชัดเจน
นี่มันบ้าไปแล้ว แค่ไม่กี่วันเนี่ยนะ ทำไมเจ้ากี้เจ้าการฉันขนาดนี้ นี่เค้าอายุ 34 จริงหรือเปล่า?
“คุณไปกับใครก็ได้แม้แต่กับเพื่อนฉัน ฉันก็เหมือนกัน คุณแพทริค ราตรีสวัสดิ์”
เธอกดวางสายแล้วเข้าห้องไป แพทริคไม่มีทางเลือกจึงเดินกลับไปที่ห้อง เขากดโทรหาเธออีกแต่เธอปิดโทรศัพท์ อย่างน้อยเขาก็ใจเย็นลงที่รู้ว่าเธออยู่ห้อง ไม่ได้ไปกับผู้ชายคนนั้น
เจนนภัสเมื่อกลับไปที่ห้อง เจอราฟาเอลนอนกรนสนั่น
“ฉันจะไม่ทนอยู่สภาพนี้ไปอีกนานนักหรอก ส่วนแพทริคที่ต่อว่าฉันแต่ปกป้องอุษา มันจะไม่จบแค่นี้แน่ อย่าคิดจะมาล้อเล่นกับความรู้สึกกับคนอย่างฉัน”
เช้านี้อุษารีบไปบ้านของฮาร์วี่ แม่บ้านรอเธออยู่แล้ว แจสเปอร์กับเชสเตอร์กระดิกหางดีใจที่เจอเธอเช่นกัน อุษาสวมกอดทั้งสองทีละตัว ก่อนบอกลาแม่บ้าน พร้อมส่งข้อความหาฮาร์วี่ เขาโทรหาเธอทันที อุษาจูงทั้งสองพร้อมคุยโทรศัพท์ไปด้วย“หลับสบายมั้ยเมื่อคืน คุณเลิกงานดึกด้วย มีใครทำให้คุณกลัวอีกไหม?”เสียงทุ้มนุ่ม ทำให้อุษาใจฟู“หลับสบายดี ฉันเลิกกลัวแล้วล่ะ คุณมีพลังงานด้านบวกทำให้คนที่อยู่ใกล้ รู้สึกดีได้ ขอบคุณนะฮาร์วี่”“เดินระมัดระวังรถด้วยนะ ผมจะไปทำคดีให้ลูกค้าก่อน อย่าลืมว่าเราคุยเรื่องที่ประเทศคุณค้างเอาไว้”อุษายิ้ม เขาวางสายไปแล้ว แน่นอน..ฉันอยากคุยเรื่องลิงหรืออะไรก็ได้ เมื่อพาทั้งสองเดินจนเกือบครบตามเวลา เธอแวะซื้อไอศครีมที่ร้าน Baskin-Robbins อยู่ด้านหลังบ้านของฮาร์วี่ ให้พวกเขาทั้งสองด้วย“อร่อยละสิ แทนคำขอโทษที่เมื่อวานฉันอ่อนแอไปหน่อย จนไม่ได้พาพวกเธอมาเดินเที่ยวน่ะนะ”เธอนำทั้งสองไปคืนให้ที่บ้านควินน์ กอดเพื่อนตัวโตทั้งสองของเธอ แล้วเดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อไปพักผ่อนสักนิดก่อนจะมื้อเที่ยง เมื่อถึงห้องเธอได้โทรหาโรสมาเรีย“ฮัลโหล อุษา ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย? เมื่อวานฉันอดเป็นห่วงไม่ได้
“เฮ้อ เสร็จสักที” หญิงสาวถอนหายใจ พลางหันไปรอบห้อง ก็เหลือแค่ตัวเองคนเดียว แทบจะเป็นปกติแบบนี้ทุกวัน โดนรับน้องมาตลอดสามปี จนต้องกลับช้ากว่าทุกคนอยู่เสมอ แต่อุษาคิดว่าเธอเป็นพนักงานที่มาทีหลัง จึงต้องเรียนรู้งานมากกว่าคนอยู่มาก่อน จึงไม่คิดอะไรมากนัก เริ่มมืดแล้ว เธอรีบเดินกลับห้องพัก ที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน ทำอาหารง่ายๆกินเอง อาบน้ำอาบท่าแล้วก็นั่งไถโทรศัพท์ ไลน์ที่คุ้นเคยก็เตือนขึ้นมา “อูฐ ทำไรอยู่? ฉันตื่นเช้ามาเดินเล่น ที่นี่อากาศดีสุดๆ”“จะนอนแล้วสิ ชอบทักมาตอนใกล้จะหลับทุกที”“อีกสามชั่วโมง ถึงจะเข้างาน ช่วงนี้ราฟาเอลดีกับฉันมาก เหนื่อยก็ให้พัก ถ้าทิปได้น้อย ก็ยังแอบให้ค่าแรงเพิ่ม ชิลๆได้” ไม่ทันที่อุษาจะพิมพ์ตอบ เจนรีบส่งข้อความต่อทันที“งั้นเธอนอนเถอะ อยากให้เธอมาอยู่ที่นี่กับฉันจริงๆ ฉันเห็นใจเธอนะ โดนเอาเปรียบตลอด ได้ไปเที่ยวไหนบ้างมั้ยเนี่ย”“ไม่มีเวลาหรอกเจน วันหยุดฉันก็อยากพักผ่อนนอนทั้งวัน อากาศข้างนอกก็แย่ ประหยัดเงินด้วย งั้นฉันนอนก่อน สี่ทุ่มกว่าละ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าอูฐสักที”“ฝันดี เลิกงานวันนี้ราฟาเอลชวนฉันไปแฮงค์เอ้าท์หลังเลิกงาน จะเที่ยวเผื่อเธอนะ จุ้บ” อุษาไ
อุษาจึงเดินตรงไปเลือกตักอาหาร 2-3 อย่าง และน้ำผลไม้ เธอเลือกนั่งใกล้กับผู้หญิงคนหนึ่ง มีผิวสีแทนเข้ม ผมสีดำขลับของเธอ ดูสีเข้มกว่าอุษาไปอีก “ขอโทษนะ ฉันขอนั่งตรงนี้จะได้ไหม”“ทำไมจะไม่ได้ คุณนั่งได้ทุกที่ ที่คุณอยากนั่ง โดยไม่ต้องขอ” สาวผิวเข้มตอบ พลางกินต่อ อุษานั่งทานแบบเงียบๆ…โทรศัพท์ของอุษาก็สั่นขึ้นมา พ่อนั้นเอง…“ฮัลโหล ป๊า หนูไม่กล้าโทรหาตอนนั้น เห็นมันดึกอยู่ ตอนนี้หนูอยู่ที่โรงแรม กำลังกินข้าวในห้องอาหาร คุยเสียงดังไม่ได้”“ป๊าพึ่งเห็นข้อความที่ส่งมา เมื่อตอนตื่นนอนนี่เอง ใช้ไลน์โทรได้นี่ดีมากเลย ประหยัดเงิน ป๊าจะได้โทรหาได้บ่อย” “ค่ะป๊า แล้วแม่ละ” “แม่เค้าอาบน้ำอยู่ แต่ป๊าบอกละว่าจะโทรหาลูก สัญญาณลูกไม่ค่อยดีเลยนะ”“ที่นี่ wi-fi อาจไม่ค่อยดีมั้งค่ะป๊า ส่งข้อความเอาก็ได้ถ้ามีอะไร รักป๊ากับแม่นะ บอกแม่ด้วย”“โอเค ป๊ากับแม่ก็จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน” หลังวางสาย สาวผิวเข้ม ก็พูดกับอุษาว่า“ห้องอาหารที่นี่ มีเวลากำหนดนะ รีบกินก่อนจะหมดเวลา” “พอดีฉันพึ่งมาอเมริกาครั้งแรก รู้สึกสับสนนิดหน่อย เหมือนหิวแต่ก็กินได้น้อย”สาวผิวเข้ม มองอุษาแล้วเริ่มแนะนำตัว“ฉันชื่อ โรสมาเรีย เป็นค
อุษาเลือกวันหยุดให้ตัวเองทุกวันศุกร์ ทำงานจันทร์ถึงพุธ 15.00-23.00 น. พฤหัสบดีและเสาร์-อาทิตย์ 7.00-16.00 น. แต่ถ้างานมีปัญหา ต้องพร้อมแก้ปัญหา สามารถทำงานนอกเวลาได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช้าวันเสาร์กับงานวันแรก อุษามาทำงานก่อนเวลา เพื่อมาคุยงานกับทุกคนที่ฟร้อนท์ ซึ่งเธอจะมีพนักงานใต้บังคับบัญชาอยู่ห้าคน คือ เดเนียล ผู้ช่วยผู้จัดการควบตำแหน่งหัวหน้าพนักงานต้อนรับ นิโคล่า,ไซม่อน,โซเฟีย เป็นพนักงานต้อนรับ เอมี่เป็นพนักงานรับโทรศัพท์เหลือแค่ไซม่อน ที่เข้างานในช่วงเย็น อุษาจึงไม่ได้เจอตอนนี้ เธอคิดว่าไว้ตอนสี่โมงเย็น ค่อยไปเจอเขา ส่วนโซเฟียที่เข้างานกะดึกมาทั้งคืน พออุษาคุยเรื่องงานจบ ก็ได้เวลาเลิกงานไปพักผ่อนเมื่อคืนเอมิเลียเทรนงานให้เธอผ่านออนไลน์อย่างละเอียดดีพอสมควร พร้อมกำชับให้จำไว้เสมอว่า“ลูกค้าอยู่ด้านขวาเสมอ” เท่ากับ “The customer is always right”เธอเข้าใจดี ว่าต้องเจอกับลูกค้าทุกรูปแบบ ฉะนั้นไม่มีเวลามาอ่อนแอหรือทำไม่ได้ทุกคนดูยังไม่ค่อยเปิดใจให้อุษา แค่ไม่มีใครพูดจาโต้แย้งอะไรกับเธอ แต่อุษารู้สึกได้ อาจเพราะเธอเป็นคนมาใหม่ ในตำแหน่งหัวหน้าและดันเป็นคนเอเชีย อายุก็แค่ 27 ซึ่งทุ
จะเที่ยงคืนแล้ว อุษาขอตัวกลับเพราะต้องตื่นหกโมงเช้า แพทริคเลยจะขอตัวกลับด้วย แต่อุษากลัวเขากลับกับเธอ จึงบอกให้เขาอยู่ต่อเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องตื่นเช้าแบบเธอ แต่แพทริคก็พูดเหตุผลสารพัดที่จะกลับเหมือนกัน เจนนภัสจึงถือโอกาสเดินมาส่งอุษากับแพทริคที่รอ Uber มารับ“อูฐมานี่ได้แค่สามวันได้เพื่อนใหม่ละ ก็ดีนะ เธอยิ่งไม่ค่อยมีเพื่อนอยู่”พูดจบก็โอบอุษาพร้อมกับลูบหลัง“ว่าแต่ คุณแพทริคกลับดึกแบบนี้ แฟนไม่ว่าเหรอ”เจนนภัสเจื้อยแจ้ว อุษารู้อยู่แล้วว่า เจนนภัสต้องการอะไร อุษาทำได้แค่ส่ายหน้าขำๆ“ผมโสดนะ เลิกไปหลายคนแล้ว เงินเดือนผมน้อย รถก็ไม่มีขับ บ้านก็เช่า ใครจะมาสนใจ แต่ก็สบายดี อย่างมากก็แค่เหงา”“คุณมีไอจีมั้ย คุณแพทริค”“ไม่มี ผมเป็นพวก introvert”อุษากลั้นขำสุดๆ เนียนจริงๆคนนี้ “ถ้าเหงาไม่มีเพื่อน มาร้านที่ฉันทำงานได้นะ ฉันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านที่ Rafael Bistro คุณเล่น WhatsApp มั้ย?”เป็นไงล่ะ? เจอซะบ้าง โดนต้อนโดนตื้อ จะได้เข้าใจความรู้สึกฉันมั่ง อุษาแอบเยาะเย้ยในใจ“รถมาแล้ว ผมง่วงมากเลยตอนนี้ ลาก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่” แพทริคตัดบทรีบชิ่งขึ้นรถ กวักมือเรียกอุษาให้ไว เธอบอกลาเจนนภัสก
อุษาจูงทั้งสองเดินออกจาก Pearl Street มุ่งไปทางถนน Coast Blvd เส้นเดียวกับทางไปโรงแรม ลา ฮอยย่า ซีวิว เพราะเธออยากให้ทั้งสองได้รับแดดอ่อนๆ และเห็นชายหาดไปด้วย เธอสังเกตว่าสายจูงและปลอกคอเหล่าลูกรักของฮาร์วี่เป็นแบรนด์เนม ด้วยความอยากรู้ เธอจึงหาที่นั่งแล้วออกคำสั่งให้ทั้งสองตัวนั่งลง ซึ่งทำตามคำสั่งได้อย่างเรียบร้อยสมกับที่เข้าโรงเรียนฝึกมาแล้ว“ไหนมาดูหน่อย พวกเธอใช้ยี่ห้ออะไรกันบ้าง?”เธอจัดการถ่ายรูปปลอกคอจากทั้งสองตัวแล้วค้นหาจากรูปถ่ายจาก Google “ว้าว Hermes Rocabar Dog Collar สองหมื่นกว่าบาท! ไหนส่องสายจูงสิ ลายนี้ไม่เคยเห็นแหะ”อุษาอุทานพร้อมพูดกับเจ้าตัวโตทั้งสองตัว ที่มองอุษาด้วยความสงสัย“โอ้ว สายจูงของ Hermes ด้วย 37,000 บาท โอ้วแม่เจ้า พวกเธอนี่คุณภาพชีวิตดีจนฉันอิจฉานะเนี่ย กระเป๋าที่แพงที่สุดของฉันยังราคาไม่เท่าสายจูงพวกเธอเลย”อุษาพูดพร้อมกับขยี้หัวทั้งสองด้วยความเอ็นดู คนที่ผ่านไปผ่านมาพากันมองที่เธอนั่งคุยกับสุนัข นั่นเพราะสุนัขตัวโต ผู้คนเลยสนใจ“เอาล่ะ พร้อมเดินหรือยัง เดินสักสิบห้านาที ฉันจะให้น้ำแล้วก็ถ้าพวกเธออึ ฉันเตรียมถุงมาเก็บแล้ว หวังว่าอย่าอึเลยนะ พลีสส”เ