หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกเดินทางด้วยการวิ่งให้ถึงจุดหมายที่ยายชราได้บอกเอาไว้ แต่ดูจากระยะทางแล้วยังไงก็ไปไม่ถึงเป็นแน่ ระหว่างที่นางวิ่งอยู่นั้นนางก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่และค่อยๆหยุดวิ่งรั้งทั้งสองคนไว้บอกกล่าวทั้งสอง ว่าอย่าเพิ่งรีบไปหนิงหลง " ช้าก่อน " อันอัน " มีอะไรหรือคุณหนูใหญ่เหตุใดถึงหยุดกะทันหัน " อันอันกับจื่อหานเริ่มไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เมื่อหนิงหลงหยุดวิ่งกะทันหันเช่นนี้ จื่อหานขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมดวงตาจ้องมองอย่างพินิจวิเคราะห์ริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังพยายามจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างจื่อหาน " ภรรยาเจ้ามีแผนอะไร " อันอัน " นั่นสิคุณหนูใหญ่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ "ในขณะนั้นหนิงหลงจึงได้ขอพรพลังวิเศษเพื่ออำพรางตัวไม่ให้ปีศาจนั้นเห็นตัวตนจนกว่าจะถึงที่หมาย หนิงหลง " วิ่งไปต่อ " หนิงหลงตบไหล่อันๆพร้อมคำปลอบใจที่สั้นๆ จนอันๆยืนตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้างเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก หนิงหลง " เหตุใดที่ยังไม่เดินตามข้ามาเร็วเถิด " หนิงหลงเดินนำหน้าไป สิบเก้า แล้วแต่อันๆยังยืนตัวเเข็งทื่อไม่ขยับไปไหนนางจึงเดินวนกลับมาถามอันๆอีกครั้ง อันอ
นักออกแบบสาววัย20ปี เธอมีชื่อว่า ต้าหนิง วันนี่เป็นวันขึ้นรับรางวัลนักออกแบบเครื่องเพชรอันดับหนึ่งของจีน ด้วยความสามารถที่เหลือล้นทำผู้คนในเมืองจีนไม่มีใครไม่รู้จักเธอเลย ทั้งนักแสดงผู้มีอำนาจทางการเมือง ต่าง ๆ ต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดีในความสำเร็จของเธอ และตอนนี่ก็ได้เวลาแล้วที่เธอจะออกมายังหน้าเวทีพร้อมถ่ายทอดสดให้ทุกคนได้ชมไปพร้อม ๆ กัน พิธีกร “ และตอนนี่ก็ได้เวลาพบกับ นักออกแบบที่ทุกคนเฝ้ารอ..ขอเชิญคุณต้าหนิงออกมายังเวที” เสียงตบมือลุกขึ้นฮือดังสนั่นอย่างล้นหลาม ออร่าแห่งนักออกแบบเบอร์หนึ่งได้สะกดสายตาทุกคนไว้จนไม่กระพริบตา การสวมใส่ชุดเดรสสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงที่มีเพชรราคาหลายล้านข้างขอบส้นสูงและกวาดสายตามองไปยังหน้ากล้องที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ในขณะนี่ แต่ทว่าเธอนั้นกำลังจะเดินไปจับไมค์เพื่อจะกล่าวทักทายเป็นครั้งแรก จู่ ๆ ก็ได้มีโคมไฟดวงใหญ่หลายดวงตกลงมาพร้อมกันทำให้เธอนั้นไม่ทันได้มีโอกาสหนีออกมา เธอจึงโดนโคมไฟตกใส่ศีรษะจนอาการสาหัส ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันตื่นตระหนกจนตากล้องต้องปิดการไลฟ์สดกะทันหัน ข่าวนี่ได้ดังไปทั่วประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเฝ้าดูอยู่ แต่
หนิงหลง “ ขอบใจท่านผู้คุมที่หวังดีกล่าวตักเตือนข้า งั้นข้าลา “ ผู้คุมได้ยินเช่นนั้นก็โมโหจนหน้าสั่นและได้ระบายอารมณ์ใส่นักโทษด้วยการเฆี่ยนตี หนิงหลง “แล้วข้าจะเดินทางกลับยังไงกว่าที่ถึงเมืองหลวงคงเป็นลมก่อน “ ในขณะที่หนิงหลงกำลังจะหมดแรงในการเดินทาง จู่ ๆ ก็มีเสียงม้าขององค์รักมือขวาขององค์ชายได้มุ่งหน้ามาหาหนิงหลงอย่างรวดเร็ว องค์รักษ์ “ วันนี้คือวันพ้นโทษของท่าน องค์ชายให้ข้ามารับท่านกลับเข้าวัง “ หนิงหลง “ต้องใช่แน่ ๆ ชายผู้นี่คือสามีเจ้าของร่างเดิม เอาเถิดอย่างไรเสียให้กลับถึงวังได้เสียก่อน ส่วนเรื่องที่ต้องรับมือต่อจากนี่ค่อยคิดหาวิธีทีหลัง (คิดในใจ ) “ หนิงหลงได้ยืนนิ่งเงียบอยู่สักพักเพื่อทบทวนให้รอบคอบก่อนที่จะขึ้นรถม้ากลับวังหลวง การกลับมาของหนิงหลงครั้งนี้ทำให้องค์รักษ์รู้สึกได้ถึงความเด็ดเดี่ยวและเยือกเย็น บางครั้งแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น จนองค์รักษ์เดาใจไม่ถูกเพราะนางไม่เหมือนเมื่อก่อน องค์รักษ์เลยคิดว่านางนั้นเหมือนไม่ใช่คนคนเดียวกันที่ตนนั้นเคยรู้จัก ในขณะนั้นหนิงหลงก็ตัดสินใจขึ้นไปในรถม้าทันที หนิงหลง “ ออกเดินทางได้ “ น้ำเสียงนิ่งและแข็งแกร่งกำลังสั่งอ
อี้เฉิน “ เจ้าไม่ใช่คนผิด อย่าได้โทษตัวเองเลย “ คุณหนูเฟยจู บุตรสาวคนเดียวของขุนนางชั้นสูง นางไม่ใช่สตรีที่อ่อนหวานอย่างที่ทุกคนข้าใจ แต่นางคือนางมารร้าย ที่พร้อมจะทำลายหนิงหลงให้จมดิน เฟยจู “ แล้วพี่สาวข้าไม่ออกมาหาท่านพี่รึ “ อี้เฉิน “ เจ้าลองเข้าไปหาก็ได้ มีข้าอยุ่ทั้งคนนางคงไม่กล้าทำอะไรเจ้า “ ทันใดนั้นอี้เฉินก็พาเฟยจูเดินเข้าไปในจวน ส่วนหนิงหลงนั้นกำลังนั่งพับผ้าอยู่เงียบ ๆ แม้ว่านางก็รู้ว่าทั้งสองคนเข้ามาแล้ว แต่นางก็ยังไม่สนใจ เฟยจู “พี่สาว ข้าทำอาหารอร่อย ๆ มาให้ท่าน พี่สาวยังโกรธข้อยู่รึ “ เฟยจูแสดงสีหน้าเศร้าใจต่อหน้าอี้เฉินทันทีเมื่อหนิงหลงไม่คุยด้วย อี้เฉิน “ เหตุใดถึงไม่ยอมพูด หากเจ้าไม่ได้พ่อกับแม่นางรับเจ้าเป็นพี่สาวบุญธรรมเจ้าคิดรึว่าเจ้านั้นอยู่ที่นี่ได้ “ หนิงหลงได้ฟังเช่นนั้นก็หยุดพับผ้าทันที หนิงหลง “ ที่น้องสาวพูดก็มีส่วนที่ถูก แต่เจ้าอย่าลืมนะว่าข้ามาอยู่ที่นี่แล้วกลายเป็นนักโทษทั้ง ๆ ที่ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดพ่อแม่ของนางต้องมีบุญคุณกับข้า “ คำพูดของหนิงหลง อี้เฉินฟังแล้วรู้สึกไม่เข้าหูสักเท่าไร อี้เฉินเลยยื่นมือเข้ามาบีบคอหนิงหลง แล้วพูดจาดูถูกสารพัด
จวนเฟยจู เฟยจู “เพลานี่บ่าวของข้าคงจัดการนาง เสร็จแล้ว ดูสิว่านางยังจะกล้าแข็งข้อกับข้าอีกหรือไม่ “ ก๊อก ๆ .... เสียงเคาะประตูจากบ่าวทั้งสอง เฟยจู “ พวกเจ้ากลับมาแล้วรึ ไหนเล่าให้ข้าฟังที่ว่าสีหน้าของนางนั้นเป็นเช่นไร “ เฟยจูยืนหันหลังให้บ่าวทั้งสองโดยไม่รู้ว่าทั้งสองนั้นสภาพยับเยินไปหมดแล้ว เฟยจูเห็นว่าพวกนางนั่งเงียบไม่ยอมตอบเสียที ในขณะนั้นนางจึงหันมาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่แล้วนางต้องเบิกตาโพรงมองดูบ่าวทั้งสองที่เต็มไปด้วยเลือด เฟยจู “ เหตุใดพวกเจ้าถึงบาดเจ็บสาหัสเช่นนี่ “ เฟยจูใจหายทันทีเมื่อเห็นบ่าวรับใช้เจ็บหนักเช่นนี่ บ่าวรับใช้ “ เป็นฝีมือของพระชายาเพคะ “ เฟยจู “นางรึ นางจะกล้าทำกับพวกเจ้าถึงเพียงนี่เชียวรึ “ เฟยจูไม่อยากจะเชื่อว่าหนิงหลงจะกล้าลงไม้ลงมือกับบ่าวไพร่อย่างโหดเหี้ยม เพราะเมื่อก่อนหนิงหลงเป็นคนไม่สู้คน เฟยจู “ พวกเจ้ากลับไปรักษาตัวก่อน ส่วนข้าจะออกไปจวนพี่สาว “ เฟยจูได้นำทหารสองนายไปจวนหนิงหลงเพื่อจะจัดการนาง เฟยจู “ พวกเจ้าเข้าไปลากตัวพี่สาวที่แสนดีของข้าออกมา “ ตอนนี่นางเดินทางมาถึงหน้าจวนแล้ว เฟยจูรีบสั่งทหารอย่างร้อนใจ ทหาร “ พระชายาขอเชิญท่านออกจา
หนิงหลง “ คำนับองค์ชาย “อี้เฉิน “ เจ้ายังกล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีกรึ “หนิงหลง “ องค์ชายขอข้าเข้าไปดูอาการฮองเฮาได้หรือไม่ “ อี้เฉินกระดกน้ำลายลงคอแล้วชายตามองหนิงหลงด้วยสายตาที่เย็นชาจู่ ๆ อี้เฉินก็ดึงกระชากแขนนางเข้าไปในตำหนัก จากนั้นอี้เฉินก็เหวี่ยงหนิงหลงล้มหัวฟาดขอบเตียงหนิงหลง “ โอ๊ย? เลือด “ อันอันสะดุ้งตกใจรีบวิ่งเข้ามาพยุงหนิงหลงลุกขึ้นยืนทันทีอี้เฉิน “ แค่นี่มันยังน้อยไป “ หนิงหลงยังทรงตัวได้ไม่ทันไร อี้เฉินก็ผลักนางล้มฟาดขอบเตียงอีกครั้ง จนอันอันต้องคุกเข่าขอร้องให้อี้เฉินหยุดทำร้ายพระชายา เจ็บตัวครั้งนี่ทำให้หนิงหลงเริ่มชังน้ำหน้าอี้เฉิน แม้แต่เห็นแค่เงานางก็ยังไม่อยากจะหันมามองหนิงหลง “ องค์ชาย ช่วยตามหมอหลวงมาให้ข้าที “อี้เฉิน “ หึ หมอที่ไหนก็รักษาไม่ได้ อย่าโอ้อวดไปหน่อยเลย “หนิงหลง “ แล้วถ้าหากข้ารักษาได้ ท่านจะหย่ากับข้าหรือไม่ “ อี้เฉินฉุนคำพูดของหนิงหลงอย่างมาก ตนจึงยื่นมือมาบีบค้างน้อย ๆ ที่กำลังรอคำตอบอีกฝ่ายอย่างจริงจังอี้เฉิน “ ได้ หากเจ้ามีปัญญา แต่ถ้าหากเจ้าทำไม่
หนิงหลง “เป็นคนไม่มีเหตุผล ไม่สมกับเป็นองค์ชาย “ ทันใดนั้นองค์รักษ์ก็หิ้วถังน้ำมาพอดี อี้เฉินใจร้อนรนจึงรีบสาดน้ำใส่หนิงลงจนตัวเปียกปอนไปหมดหนิงหลง “ พอใจท่านหรือยัง “ หลังจากนั้นอี้เฉินก็เดินเข้าไปในจวนฮองเฮาด้วยความสะใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป16.30 ครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว อี้เฉินที่คอยนั่งเฝ้าดูอยู่จนเวลาผ่านไปสิบห้านาทีก็ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ตนนั้นเกิดโทษะ เลยสั่งให้ทหารนำตัวหนิงหลงไปยังลานประหารอี้เฉิน “ นำตัวนางไปยังลานประหาร “ หนิงหลงได้แต่บอกอี้เฉินว่าให้รออีกประเดี๋ยวแต่อี้เฉินนั้นไม่ยอมฟังอะไรเลย ในขณะนี่หนิงหลงได้อยู่ที่ลานประหารแล้วส่วนอี้เฉินนั้นไม่ได้ไปดูหนิงหลงและไม่สนใจในสิ่งที่ตนเองตัดสินไปแล้วอี้เฉิน “นางกล้าหลอกข้า “องค์รักษ์ “ ฮองเฮา? “ องค์รักษ์ตกใจจนเอ่ยอย่างตื่นตระหนกอี้เฉิน “ เจ้าจะเสียงดังไปทำไมกัน “ องค์รักษ์สะกิดไหล่องค์ชายต่อเนื่องจนอี้เฉินรำคาญอี้เฉิน “อะไรของเจ้า “ สีหน้าที่บูดบึ่งกำลังหันมาหาองค์รักษ์ด้วยความรำคาญ แต่เมื่อลองมองข้ามองค์รักษ์ จู่ ๆ ฮองเฮาก็ลุกขึ้นนั่ง
จวนฮองเฮา อันอัน “ องค์ชายคุณหนูหนิงหลงอาการแย่มาก ได้โปรดส่งหมอหลวงมาให้หม่อมฉันเถิด “ อี้เฉิน “ เจ้าไม่ลืมตาดูให้ดี ๆ ว่าหมอหลวงนั้นไม่วาง โดนโบยแค่นี่คงไม่ถึงกับตาย “ อันอัน “ องค์ชายเหตุใดทรงเอ่ยเช่นนี่ “ คำพูดของอี้เฉินทำใหอันอัน เอื้อมระอาจนไม่อยากจะเอ่ยขอเรื่องต่อไปแล้ว อันอัน “ได้ ข้าจะทูลเข้าเฝ้าฮองเฮา “ ส่วนอองเฮาที่นอนอยู่ในจวนได้ยินเสียงเหมือนมีคนจะขอเข้าเฝ้า ฮองเฮาเลยลุกขึ้นออกจากเตียงทั้ง ๆ ที่กำลังจะนอนพักร่างกายหลังจากที่หมอหลวงดูอาการให้ ฮองเฮา “ เกิดอะไรขึ้น ผู้ใดอยากพบข้า “ ทันใดที่อี้เฉินได้ยินเสียงมารดากล่าวออกมา ตนก็รีบเดินไปประคองร่างกายที่อ่อนแอทันที อี้เฉิน “ ท่านแม่ ร่างกายท่านยังอ่อนแอนัก “ ฮองเฮา “เมื่อครู่เจ้าขัดขวางผู้ใดไม่ให้เข้ามาพบข้า “ อันอัน “ คำนับฮองเฮา คุณหนูเฟยจูกล่าวหาว่าคุณหนูหนิงหลงทำโทษบ่าวไพร่ในจวนของนางทั้งหมด แล้วองค์ชายก็เชื่อจึงสั่งให้ทหาร
หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกเดินทางด้วยการวิ่งให้ถึงจุดหมายที่ยายชราได้บอกเอาไว้ แต่ดูจากระยะทางแล้วยังไงก็ไปไม่ถึงเป็นแน่ ระหว่างที่นางวิ่งอยู่นั้นนางก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่และค่อยๆหยุดวิ่งรั้งทั้งสองคนไว้บอกกล่าวทั้งสอง ว่าอย่าเพิ่งรีบไปหนิงหลง " ช้าก่อน " อันอัน " มีอะไรหรือคุณหนูใหญ่เหตุใดถึงหยุดกะทันหัน " อันอันกับจื่อหานเริ่มไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เมื่อหนิงหลงหยุดวิ่งกะทันหันเช่นนี้ จื่อหานขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมดวงตาจ้องมองอย่างพินิจวิเคราะห์ริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังพยายามจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างจื่อหาน " ภรรยาเจ้ามีแผนอะไร " อันอัน " นั่นสิคุณหนูใหญ่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ "ในขณะนั้นหนิงหลงจึงได้ขอพรพลังวิเศษเพื่ออำพรางตัวไม่ให้ปีศาจนั้นเห็นตัวตนจนกว่าจะถึงที่หมาย หนิงหลง " วิ่งไปต่อ " หนิงหลงตบไหล่อันๆพร้อมคำปลอบใจที่สั้นๆ จนอันๆยืนตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้างเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก หนิงหลง " เหตุใดที่ยังไม่เดินตามข้ามาเร็วเถิด " หนิงหลงเดินนำหน้าไป สิบเก้า แล้วแต่อันๆยังยืนตัวเเข็งทื่อไม่ขยับไปไหนนางจึงเดินวนกลับมาถามอันๆอีกครั้ง อันอ
หนิงหลง " ยายแก่ชราผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นคนปกติ ข้าจำได้ว่ายายสบตาข้า " ปัง " มีดเล่มใหญ่กำลังหั่นลงที่เนื่อหมูสด ๆ ที่อยู่บนเขียงจนเสียงดังกระหน่ำเศษเลือดสาดกระจายใส่หน้าพ่อค้า อย่างต่อเนื่องอันอัน " คุณหนูข้าไม่อยากกินแล้ว กลับเถิด " น้ำเสียงที่สั่นเครือจนควบคุมไม่ได้ จึงสติแตกไปชั่วขณะ หนิงหลง " เงียบ ๆ เล่นไปตามเกมส์ " อันอัน " ข้าฉี่จะราดลงพื้นแล้ว ฮือ ๆ " นางกลัวจนใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดเริ่มหายใจถี่ราวกับจะขาดอากาศหายใจ ในขณะที่อันอันตื่นตระหนกแต่จื่อหานกลับทำตัวปกติ นั่งพูดอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขจื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่นเหมือนพ่อค้าบ้าง " เมื่อหนิงหลงได้ฟังในสิ่งที่จื่อหานนั้นอยากเล่น นั้นก็คือสับเนื้อหมู อันอัน " องค์ชายนั้นไม่ใช่ของเล่นนะ " อันอันเวียนหัวจะเป็นลมลงไปกับพื้น แต่จื่อหานลากอันอันไปหาพ่อค้า แล้วกล่าวบอกพ่อค้าอย่างใจเย็น จื่อหาน " ท่านพ่อค้าข้าอยากลองบ้าง " จื่อหานใช้มือทั้งสองข้างเข้าไปบีบไหล่พ่อค้าอย่างไม่ตื่นกลัว ในระหว่างนั้นอันอันก็ไม่ไหวแล้ว จึงฉี่ราดอีกครั้งทั้งลำตัวสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อนหนิงหลง " จื่อหานรีบออกจากที่นี่ มากับข้า " หนิ
ชายหนุ่มนั้นได้ตกไปยังอีกหนึ่งมิติ เป็นคุกวิญญานที่ขังวิญญานชั่วร้ายไว้หลายพันปี เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั้นได้มานอนอยู่ในถ่ำที่มีแม่น้ำภูเขาไฟล้อมลอบอยู่ เจ้าปีศาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์จึงส่งการสื่อการทางกระแสจิตให้ชายหนุ่มได้รับรู้ " เจ้ามนุษย์คนที่201 ได้ตกลงมาที่นี่อีกแล้ว " ชายหนุ่ม " เสียงใคร ออกมาประเดี๋ยวนี้ " ชายหนุ่มขานรับแล้วเดินทางออกอย่างใจจดใจจอจนเหงื่อเย็นไหลซึม " ดูเหมือนเจ้าคงอยากจะแก้แค้น หากเจ้าช่วยข้า ข้าอาจจะทำให้เจ้าสมหวัง ฮ่า ๆ " ชายหนุ่ม " เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน " น้ำเสียงที่ท้าทายกำลังข่มขวัญให้ปีศาจตนนั้นเผยตัวออกมา " ข้าอยู่ในนี่ หากเจ้าอยากให้ข้าออกไปเจ้าต้องสังเวยสตรีบริสุทธ์ให้ข้า " ชายหนุ่ม " เจ้าจะข้าฆ่าคนรึ ไม่ข้าไม่ทำ " คำพูดกิริยาแปลก ๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงลาน" เจ้าไม่อยากแก้แค้นรึ " ชายหนุ่มได้คิดทบทวนอีกครั้งยังมีความลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อโอกาศมาถึงแล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ ทำให้ยิ่งเป็นแรงผลักดันมากขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่ม " ได้ ข้าตกลง แค่ฆ่าสตรีบริสุทธิ์แค่นั้น
ในทางคดเคี้ยวที่เริ่มแคบลงและบรรยากาศรอบๆที่ดูวังเวงหากพ้นผ่านตรงนี้ไปได้สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือทิวทัศน์สวยงาม แต่เส้นทางที่นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนักไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ป่าร้องออกมาแม้แต่ตัวเดียว ทั้งสามคนนั่งไประแวงไปจนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดหน้าต่างบานข้างขวาออกมาดู ก็พบเจอเข้ากับแหล่งน้ำลำธารที่เก่าแก่แต่ว่าสีของน้ำนั้นกลับเป็นสีดำทมิฬ หนิงหลงเห็นเช่นนั้นจึงตกใจเล็กน้อยรีบปิดหน้าต่างเข้ามานั่งที่เดิมจนเหงื่อแตกพลั่กเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่ อันอัน " คุณหนูข้างนอกมีอะไรหรือเหตุใดสีหน้าท่านถึงดูไม่สู้ดีเลย " หนิงหลง " เปล่าไม่มีอะไรข้าแค่คิดว่าเมื่อไหร่จะเดินทางถึงจุดหมาย "หนิงหลงไม่อยากให้อันอันนั้นเป็นกังวลใจเลยต้องโกหกในสิ่งที่นานเจอแต่การกระทำนั้นทำให้อันๆสงสัยไม่หายจึงอยากเปิดประตูออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่กลับถูกหนิงหลงสกัดกั้นไว้ได้ทันเวลาหนิงหลง " อย่าเปิดข้างนอกไม่มีอะไรปกติดี " น้ำเสียงที่หนักแน่นทำให้อันอันอัน นั้นไม่อยากจะรู้ต่อไปแล้วจนนางคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก จื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่านิทานให้ท่านฟังเผื่อท่านจะได้ไม่คิดมากในระหว่างการเดินทาง
.หนิงหลง " เลือดกำเดาไม่ไหลแล้ว ต่อไปก็ระวังให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่ " ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความหวังดีจื่อหานฟังแล้วยิ้มเยาะพลางย้อนถามจื่อหาน " ท่านช่างเอาใจใส่ข้าเหลือเกิน.." หนิงหลงเบิกตากลมโตมองจื่อหานที่กำลังโน้มตัวเข้ามาจูบหน้าผากนาง ในขณะนั้นจื่อหาน สังเกตเห็นใบหน้าหนิงหลงที่กำลังตื่นตระหนกเล็กน้อย หนิงหลง " ผู้ใดสอนเจ้าให้ทำเช่นนี้ " จื่อหาน " ข้าเคยเห็นคู่รักอยู่ด้วยกันสองคนแล้วเล่นสนุกอย่างสุขใจ " ในระหว่างที่ฟังคำตอบของจื่อหานอยู่นั้น ความรู้สึกลุ้นระทึกทำให้แทบกลั้นหายใจ หนิงหลง " พอแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอะไร ห้ามทำตามเป็นอันขาด " จื่อหาน " ข้าจะไม่ทำตาม ข้าจะทำแค่กับภรรยา " ได้ยินคำนี่จากปากจื่อหาน ก็รู้สึกจะอาเจียนออกมา นางจึงสั่งให้อันอัน พาองค์ชายจื่อหานออกไปเล่นที่ลานกลางตำหนักสักพัก แล้วค่อยกลับเข้ามา หนิงหลง " คนบ้ายังรู้เรื่องพวกนี้ " หนิงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นจากที่นั่งออกจากตำหนักไปยังลานกลางตำหนัก ลานกลางแจ้งที่เงียบและไร้เสียงผู้คนมานาน บัดนี่จื่อหานมาทำให้มันมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงหัวเราะที่ดังสนั่นทำให้ผู้คนที่เดินผ่านหน้าตำหนักต้องหยุด
อินทรีส่งข่าว ตำหนักอันกว้างใหญ่ในห้องชั้นหนังสือส่วนตัวกำลังนั่งขาพาดโต๊ะจดบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ในเวลานั้นเจ้านกอินทรีได้ล่องเดินทางมาเพื่อส่งข่าว จื่อหานได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ตนนั้นรีบไปหลังตำหนักทันที จื่อหาน " มาแล้ว " ดวงตาและสัญญาณการตอบรับประสาททั้งห้ารีบเดินไปยังหลังตำหนัก เพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัย จื่อหาน" เจ้ากลับไปได้ " เจ้านกได้บินมาเกาะที่รั้วประตูหลังตำหนักอย่างเงียบ ๆ จื่อหานรีบเอากระดาษที่ผูกกับข้อขาเจ้านกออกมาไว้กับตัวทันที จากนั้นจึงสั่งให้เจ้านกรีบบินกลับไป ( ข้อความในกระดาษ )คืนนี่พวกมันจะนำตัวสตรีทั้งหมดไปที่หุบเขาห่างจากราชศวงค์ซางไปประมาณห้าลี้ ทางเทือกเขาอันตราย กระหม่อมจะลงมือคืนนี่ นัดเจอกันที่เดิมขอรับ จื่อหาน " ข้าต้องหาข้ออ้างบอกหนิงหลงว่าจะพักที่ตำหนักตัวเอง " อันอัน " องค์ชายท่านอยู่ที่ใด หม่อมฉันนำของว่างมาให้ท่าน " จื่อหาน " ข้ารู้แล้วข้ากำลังจะออกไปเจ้าไม่ต้องเข้ามา " ท่าทางเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสากำลังยืนชี้ไปบนท้องฟ้าพร้อมเปิดประตูออกมารอรับของว่างอย่างอารมณ์ดีอันอัน " องค์ชายคืนนี้ท่านจะนอนที่นี่รึ"จื่อหาน " ฮ่าๆๆใช่ๆข้าจะลองนอนที่น
ตำหนักลั่วเอ๋อร์ลั่วเอ๋อร์ " ออกไปให้หมด จะเยาะเย้ยข้ารึ " สองแม่ลูกได้โวยวายให้นางกำนัลโดยไม่มีเหตุผล ด่าทอบ่าวทั้งหลายจนหน้าและลำตัวสั่นเทาไปหมดแล้ว ฟางหรง " ท่านแม่ ใจเย็น ๆ ก่อน หากเรื่องนี่รู้ถึงท่านพ่อ ท่านพ่อจะยิ่งสงสัยในตัวท่านแม่มากขึ้น หากจะแก้แค้นเอาคืนนางหนิงหลงคงยากมากกว่าเดิม " เมื่อได้ฟังลูกสาวกล่าวเช่นนี่ลั่วเอ๋อร์จึงควบคุมสติ นางพยายามถอนหายใจเข้าออกด้วยความหงุดหงิดรู้สึกเหมือนมีเสียงแมลงหวี่ในหัวตลอดเวลา แต่ถึงกะนั้น เมื่อสงบสติความบ้าคลั่งยังไม่ถึงสองนาที หนิงหลงก็เดินเข้ามาที่นี่พอดี ในจังหวะนั้นฟางหรง ได้สะกิดลำแขนลั่วเอ๋อร์อย่างตื่นตระหนกฟางหรง " ท่านแม่ นางมาที่นี่ " ลั่วเอ๋อร์ที่กำลังนั่งหันหลังเอาฝ่ามือกุมขมับแน่น พอได้ยินลูกสาวบอกกล่าวยิ่งทำให้ความร้อนรุมในตัวเริ่มปะทุขี้นมาอีกครั้ง ลั่วเอ๋อร์ " มาสมน้ำหน้าข้ารึ นางสาระเลว " น้ำเสียงที่คับแค้นใจกำลังกำมัดแน่นจนอยากจะหยิบมีดในที่ซ่อนออกมาฆ่าหนิงหลงให้รู้แล้วรู้รอด หนิงหลง " เป็นอย่างไรบ้าง พระชายา " ลั่วเอ๋อร์ค่อย ๆหันหน้ามาเล็กน้อย นางยังคงเก็บสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ในใจนั้นแทบจะไม่ไหว
จากหลังที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร้จแล้วต่างคนต่างคิดเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ หนิงหลงจึงนึกขึ้นได้ว่าต้องตัดเย็ยกางเกงในเก็บชุดชั้นในใหม่อีกรอบ นางจึงสั่งให้อันอัน นำผ้าไหมชั้นดีมาให้นาง อันอัน " คุณหนู ผ้าไหมเหล่านี่ราคาสุงยิ่งนัก ท่านไม่เสียดายรึ " หนิงหลง " อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้เอาตัดเล่น " อันอัน " แล้วคุณหนูจะเอามาทำอะไรเจ้าค่ะ " หนิงหลง " ข้าจะนำมาัีีคุณตัดเย็บเสื้อชั้นในและกางเกงใน " อันอันยังยืนงงอยู่ชั่วขณะ เพราะไม่เข้าใจว่าคุณหนูจะทำอะไรจึงได้แต่ไปนำผ้าไหมมาให้หนิงหลงตามที่นางสั่งเอาไว้ อันอัน " ว่าแต่อะไร คือชั้นใน " อันอันเกาหัวยิก ๆ แล้วเดินส่ายหน้าด้วยความสับสน จื่อหาน " นั้นมันบ่าวรับใช้ของคุณหนูหนิงหลง " จื่อหานบังเอิญเดินผ่านมายังหน้าร้านผ้าไหมพอดี จึงหยุดฝีเท้าเพื่อมองดูว่าบ่าวรับใช้เหตุใดถึงมาที่นี่ จื่อหาน " ผ้าไหมงั้นรึ " .ในขณะที่ยืนแอบดูอยู่นั้นความสงสัยสัยทำให้จื่อหานตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมา จื่อหาน " คุณหนูใหญ่จะเอาผ้าไหมไปทำอะไร แต่ดูไปแล้วเนื้อผ้าเช่นนี่มันช่างคุ้นตายิ่งนัก " ทันใดนั้นจท่อหานก็นึกออกทันที ว่าเนื้อลายผ้ามันคล้ายกับ
.จื่อหานได้ใช้จอกเหล้าสกัดกั้นมีดเล่มเล็กในมือของฟางหรงไว้ได้ทันเวลา หากช้ามากกว่านี่หนิงหลงคงไม่รอด จื่อหาน " นางหญิงชั่ว ? ออกไป " จื่อหานผลักฟางหรงลงพื้นอย่างง่ายดายเหมือนโยนนุ่นขึ้นอากาศ หนิงหลง " ทหารจับตัวนางไว้ นำทั้งสองแม่ลูกไปกักขังบริเวณ จนกว่าจะมีรับสั่งให้ออกมา " อันอัน " เหตุใดคุณหนูถึงยอมปล่อยสองแม่ลูกไปง่าย ๆ " อันอัน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่แน่ใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนิงหลง " เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ที่ข้าทำเช่นนี่เพราะว่าเรื่องชั่วช้าของสองแม่ลูกมันยังเปิดเผยไม่หมด " อันอันได้ฟังคำตอบแล้วก็เข้าใจมันที หลังจากนั้นหนิงหลง จึงสั่งให้เหล่าขุนนางทั้งหลายไม่ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ และให้เหล่าขุนนางนั้นอยู่ฉลองต่อไป ส่วนชุ่ยเหรินดูท่าทางแล้วจะไม่ไหว หนิงหลงจึงสั่งให้ขันทีพาฝ่าบาทกลับตำหนักทันที เมื่อสถาณการณ์กลับมาปกติอีกครั้งความโล่งใจหลังจากผ่านพ้นปัญหา หนิงหลงถอนหายใจอย่างโล่งอกเหมือนปลดปล่อยจากภาระหนัก หนิงหลง " อันอัน ๆ อาหารเหล่านี่เหล่าขุนนางคงกินไม่หมด เจ้าจงนำไปให้นางกำนัลทุกคน ให้มารับอาหารที่นี่ " อันอัน " เจ้าค่ะ " จื่อหาน " ขนไ