อันอัน “ หือ เจ้า...? “องค์รักษ์ “อย่า ๆ อย่าตีข้า “อันอันวิ่งไล่ตีองค์รักษ์ไปจนถึงหน้าประตูห้องนอนคุณหนูเฟยหลงในขณะนั้นทั้งสองบังเอิญได้เห็นคุณหนูหนิงหลงนั่งหันหลังให้องค์ชายอี้เฉินทายาให้อันอัน “ ออกมา “เสียงเน้นย้ำที่ลากเสียงจนพ้นออกจากหน้าประตูด้วยฝ่ามือน้อย ๆ ที่กำลังอุดปากไว้อย่างแน่นหนาองครักษ์ “ ปล่อย ๆ “อันอัน “ เมื่อครู่เจ้าเกือบส่งเสียงให้นายเจ้าได้ยิน “องค์รักษ์ “ ก็ข้าไม่เคยเห็นองค์ชายทำเช่นนี่ให้สตรีนางใด “อันอัน “ งั้นครั้งนี่เจ้าก็จำไว้ว่าเคยเห็นแล้ว จะได้ไม่ตกใจอีก “และหลังจากนั้นอี้เฉินก็เข้ามาเยี่ยมหนิงหลงทุกอาทิตย์ จนเฟยจูเริ่มอยู่ไม่นิ่ง สามสัปดาห์ต่อมาเช้าวันแรกของการเข้าท้องพระโรง วันนี่หนิงหลงแต่งตัวสวยงามเป็นพิเศษจากหน้าตาที่ตึงเครียดตอนนี่กลับมีสีหน้าที่สดใสอันอัน “ วันนี่คุณหนูสวยมาก “หนิงหลง “ จริงรึ “อันอัน “ จริงเจ้าค่ะ ในใต้หล้านี่ไม่มีผู้ใดมาเทียบท่านได้ “หนิงหลง “ เจ้าช่างปากหวาน “
ศาลากลางของวังหลวงช่างใหญ่โตยิ่งนัก หากผู้ใดได้พบเห็นแล้วเหมือนโดนสะกดจิตให้มองอยู่อย่างนั้น หนิงหลง " สวยมาก " อี้เฉิน " ไม่เคยเห็นรึ " หนิงหลง " ใช่ หนิงหลงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อิ่มเอมใจอย่างเห็นได้ชัด อี้เฉินเลยมองว่านางนั้นทำตัวแปลก ๆ อี้เฉิน " ตั้งแต่วันแรกที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ไม่เห็นเจ้าจะดีใจเช่นนี้ " หนิง " แล้วอย่างไรเล่า ก็ข้าดีใจ " ในขณะนี่หนิงหลงได้เดินทางถึงศาลากลางใหญ่แล้ว สะพานที่เดินข้ามไปยังแม่น้ำนั้นช่างกว้างใหญ่และแข็งแรงทนทานไม่คิดว่าจะสร้างศาลากลางใหญ่กลางหุบเขาเช่นนี้ ส่วนข้างล่างก็จะเป็นแม่น้ำที่ใสสะอาดรอบๆเต็มไปด้วยดอกไม้หลายสายพันธุ์มองไกลๆก็จะเห็นวิวสวย ๆ ถึงบางครั้งก็เหมือนดังเมืองสวรรค์บนดิน หนิงหลง " ว้าว อลังการมากไม่คิดว่าในยุคอดีตก็สง่าไม่แพ้ยุคปัจจุบัน ! " หลิงหลงเอาแต่สำรวจทุกอย่างในขณะที่เดินนำหน้าอี้เฉิน อี้เฉินจะเดินไปอีกทางแต่ถูกหนิงหลงดักทางไว้ จนไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี เพราะนางตื่นเต้นที่ได้เห็นอะไรแปลกใ
เฟยจู " พี่สาว ข้ายินดีกับท่านด้วย ที่ปรับความเข้าใจกันกับท่านพี่อี้เฉิน " เฟยจูยกน้ำชามา 1 จอกพร้อมกับคำอวยพรที่แปลกประหลาดแต่ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ ก้มคำนับอย่างรวดเร็วเพื่อถวายน้ำชาจอกนี้ เหยจู " พี่สาว ได้โปรดรับน้ำชาจากข้าเถิด " หนิงลงเห็นว่ามีผู้คนมองอยู่เลยต้องรับไว้ไม่เช่นนั้นต่อหน้าผู้อื่นจะหาว่านางใจแคบไม่เห็นหัวว่านางเป็นน้องสาว หญิงหลง " ขอบใจมาก น้องสาวข้า " หนิงหลงเเสร้งยิ้มปั้นหน้าสร้างละครให้ทุกคนได้ดูอย่างแนบเนียน เฟยจู " เห็นท่านพี่ยิ้มเช่นนี้ข้าก็สุขใจแล้ว " หลังจากนั้นนางก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมได้รอยยิ้มที่มีเลศนัย หนิงหลง " นี่ข้า มีตาที่ 3 สามารถมองเห็นพิษในเหล้าได้ด้วย หึ . นางคิดจะวางยาข้า " หนิงหลงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองนั้นมีตาที่ 3 สามารถมองทะลุผ่านไปได้และหากต้องการสิ่งใดขอแค่เอ่ยอธิษฐานสิ่งนั้นก็จะปรากฏในมือขึ้นมา หนิงหลง " ถ้าต้องการยาแก้พิษกู่ " ทันใดนั้นยาจากอนาคตก็ปรากฏในมือนางในขณะที่นางกำมือไว้อยู่เพื่อไม่ให้ผู้อื่นสงสัย หนิงหลง " เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นข้าก็ไม่ลำบากแล้ว " หนิงหลงจึงรีบกินยาแก้พิษในขณะนั้นเฟยจูได้จ้องนางตลอดเวลา ว่
ตำหนักร้าง เฟยจูรีบวิ่งมาดักหน้าฮองเฮาขอร้องอ้อนวอนคุกเข่า ว่าอย่าลงโทษพี่สาวของตนเลยนางอาจจะไม่ได้ตั้งใจ เฟยจู " ฮองเฮาได้โปรดปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้หรือไม่หากเรื่องนี้รู้ไปทั่ววังพี่ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน " อี้เฉิน " น้องหญิงลุกขึ้นเถิด " อี้เฉินรีบ จับบ่าไหลทั้งสองของนางพยุงลุกขึ้น อย่างเร่งรีบ อี้เฉิน " เข้าไปดูข้างในก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ " ร่างกายที่เร่งรีบกำลังเคลื่อนไหวด้วยความโทสะ อี้เฉินใช้ฝ่าเท้าถีบประตูเข้าไปด้านในอย่างร้อนใจ อี้เฉิน " หนิงหลงเจ้ามีชู้รึ " เสียงตะโกนถามตั้งแต่หน้าประตูจนเดินไปถึงยังนอนเก่าๆ ที่มีแค่บ่าวของเฟยจูกำลังนอนกอดกันอย่างไม่รู้สึกตัว อี้เฉิน " นี่มันอะไรกัน " เฟยจูที่รีบเดินตามมาด้านหลังด้วยความที่มั่นใจ แต่กลับต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อคนที่อยู่บนเตียงนั้นไม่ใช่หนิงหลงแต่เป็นคนของนางเอง เฟยจู " เป็นไปไม่ได้ ! " ในขณะนั้นฮองเฮาก็เดินเข้ามาตามหลังและเห็นว่าบนเตียงนั้นไม่ใช่หนิงหลงจึงโล่งใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้มีแต่เฟยจูที่แสดงอาการกระวนกระวายอย่างน่าสงสัย ฮองเฮา " เจ้าลุกลี้ลุกลนด้วยเรื่องอันใดที่เจ้าที่อยู่ไม่สุขเลย " เฟยจ
หมิงหลง" ขอบใจน้องสาวที่เป็นห่วงข้า อุตส่าห์หอบสังขารมาหาข้าถึงที่ตำหนักน้องสาวช่างจริงใจเหลือเกิน " เฟยจูหน้าตึงทันทีเจอคำพูดที่กดดันด่าทอทางอ้อมจึงได้แต่ฝืนยิ้มแล้วพูดจาดีๆให้หนิงหลงตายใจ เฟยจู " ถึงว่าท่านพี่จะไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ แต่อย่างไรเสียข้าก็ไม่อาจนิ่งดูดาย " ในขณะนั้นหนิงหลงกำลังเปิดกระปุกยาทาที่เฟยจู มอบให้ หนิงหลง " ยานี้ช่างหอมนัก " เฟยจูยืนมองหมิงหลงไม่ละสายตาคิดในใจว่าเมื่อไหร่นาง จะนำยามาทาผิวเสียที เฟยจู " ท่านพี่เปิดกระปุกแล้วต้องรีบทาไม่เช่นนั้นย่าอาจจะละลายได้ " ทันใดนั้นหนิงหลงก็เอาเศษผ้าที่สะอาดมาวางไว้บนเตียงนอนแล้วใช้แล้วไม้เขี่ยยาทาออกมาจะหมด เฟยจู เห็นการกระทำหนิงหลงที่แปลกๆจึงเผลอขึ้นเสียงเล็กน้อย เฟยจู " ท่านพี่ นี่เป็นยารักษาไข้ไม่ใช่ทาบำรุงผิวท่านจะเอามาเทเล่นเยี่ยงนี้ไม่ได้" หนิงหลงหยุดมือทันทีแล้วเอ่ยไปถามเฟยจูอย่างไม่รู้สึกรู้สา หนิงหลง " ข้าก็แค่อยากรู้ว่ามันเป็นเช่นไร " ทันใดนั้นหนิงหลงค่อยๆลุกขึ้นประคองยาทาอย่างระมัดระวัง นางจึงแสร้งสะดุดข้อเท้าตัวเอง แล้วนำยาที่ถืออยู่ในมือทาไปที่หน้าของเฟยจูแล้วเหวี่ยงแขนทาไปที่แขน ยังไม่พอแค่นั้นหน
15:00 อันอันตากเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ยืนบิดลำตัวไปมาก่อนที่จะเข้าก็ยังตำหนัก อันอัน " ปวดเมื่อยไปหมด ป่านนี้พระชายาต้องเตรียมอาหารรอแล้ว " หนิงหลง " เมื่อไรนางจะกลับมา " พูดยังไม่ทันขาดคำ อันอัน ก็มาถึงหน้าตำหนักพอดี อันอัน " มาแล้วเจ้าคะ " กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่ติดเสื้อผ้ามากับบ่าวรับใช้กำลังเดินเข้ามาในตำหนักดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อัน ๆ พระชายานี่อาหารอะไรหรือเหตุใดถึงน่ากินเช่นนี้ " อันๆเห็นอาหารแปลกตา ได้แต่กลืนน้ำลายไปหลายอึก หนิงหลง " มานั่งกินกับข้าสิ " อันอัน " พระชายาบ่าวไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านายได้ " หนิงหลง " แต่ข้าไม่ถือ " หนิงหลงจับแขนบ่าวรับใช้ให้มานั่งที่เก้าอี้โดยไม่รังเกียจนางเลยแม้แต่น้อย หนิงหลง "ลองดูแล้วเจ้าจะติดใจ " หนังเกรียมและเนื้อในอ่อนนุ่ม เมื่อสุกแล้วจะมีสีออกแดงเป็นมันวาววับและมีกลิ่นหอมพิเศษ เนื้อที่แล่เป็นชิ้นพอคำ จิ้มกับซอสหวาน หอมอร่อย อันอัน " พระชายา ข้าไม่เคยกินอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนมันช่างวิเศษมากๆ หนิงหลง " งั้นเจ้าก็กินเยอะ ๆ ไม่ต้องเกรงใจข้า " อันอัน " พระชายาแล้วเมื่อไหร่ท่านจะตามสืบเรื่องข
" แม่นาง ขอบใจที่ชื้อสิ้นค้าที่ไม่มีคุณภาพ " หนิงถอนหายใจรีบยื่นมือไปพยุงชายแก่ชราคนนั้นด้วยความเป็นห่วง หนิงหลง " ท่านรอดแล้วอย่าได้ตกใจไปเลย " หนิงหลงเห็นสีหน้าชายชราที่เศร้าหมองและหวาดกลัวไปหมดกว่าจะพูดออกมาแต่ละคำต้องค่อยๆถามอย่างระมัดระวัง หนิงหลง " ข้าจะพาท่านกลับวัง ข้ามาดีท่านอย่าได้กังวลใจไป " ตาเฒ่า " เหตุใดจึงได้ไถ่ตัวคนแก่อย่างข้า ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน " เสียงอันโดยรินกำลังเอื้องเอ่ยยังสงสัย หนิงหลง " ประเดี๋ยวท่านไปถึงวังท่านก็จะรู้.....อันๆพยุงชายชราผู้นี้ขึ้นไปบนรถม้า" หลังจากนั้นหมิงหลงก็เดินทางกลับพร้อมพยานสำคัญที่จะโค่นล้มเฟยจู นางคิดวางแผนเอาไว้ว่าจะเปิดโปงพร้อมวันแข่งขันประดิษฐ์เพชรพลอยซึ่งจะถึงในอีก 2 วันข้างหน้าหากนางชนะนางจะขอพรให้ฮองเฮานั้นอย่ากับองค์ชายอี้เฉินอีกครั้ง เพราะหัวใจของนางไม่เคยมีอี้เฉินอยู่ในใจเลย 10:00 ที่ตำหนักหนิงหลงเพลานี้นางได้จ้างหมอหลวงที่มีความสามารถอยู่ข้างนอกวังเข้ามารักษาในตำหนัก และจัดแจงที่พักให้ชายชราต่างหากโดยไม่มีผู้ใดสงสัย หนิงหลง " ปิดไปอีกเรื่องเรื่องต่อไปก็คือการประดิษฐ์เพชร " หนิงหลงน
หนิงหลง " ขุดไปให้ลึกๆกว่านี้ไม่มีแรงหรือไง " สายที่ตาขุ่นเคื่องแต่ไม่สามารถทำอะไรหนิงหลงได้ ในใจได้แต่อดกลั้นความรู้สึกที่ถูกดูหมิ่นเป็นครั้งแรก " พระชายา นี่ก็ลึกมากแล้วยังลึกไม่พออีกรึ " หนิงหลง " แค่นี่มันจะไปพออะไร " ทันใดนั้นหนิงหลงก็หยิบแซ่ขึ้นมาฟาดไปที่ตัวผู้คุมประมาณ สองสามครั้ง หนิงหลง " บังอาจ ข้าสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ " " พระชายาอย่าตีกระหม่อมเลย กระหม่อมกลัวแล้ว " เสียงขอร้องที่น่าสงสารกำลังก้มคำนับจนลำตัวสั่นไหว หนิงหลง " กลัวงั้นรึ เมื่อก่อนเจ้ายังตีข้าเยี่ยงหมาตัวหนึ่ง เหตุใดเจ้าถึงไม่นึกว่าที่ผ่านข้าต้องผ่านอะไรมาบ้าง " แววตาที่ยังไม่สำนึกผิดกำลังแสร้งรู้สึกผิดหวังในใจ หวังว่า หนิงหลงอาจจะใจอ่อน แต่สิ่งที่คิดกลับไปเป็นตามที่ตนหวัง แต่มันเริ่มรุนแรงมากกว่าเดิม หนิงหลง " ข้าว่า ข้าไม่เฆี่ยนตีเจ้าหรอก " ทันใดนั้นหนิงหลงจึงสั่ง อันอัน ให้ประกาศไปให้ทั่วเหมืองแร่ บอกกับเหล่าทาสทั้งหลาย ให้สามารถทำอะไรก็ได้กับผู้คุมงาน ผู้คุมงานได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที อันอัน " พระชายากลับไปนั่งพักในที่ร่มก่อนเถิด อยู่ข้างนอกนานอาจมีไข้ได้ " หนิงหลง " ด
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังค้นหาหนิงหลงจึงเดินเข้าไปในตำหนักเพื่อเย้ยถาม หนิงหลง" ว่าอย่างไรเจออะไรหรือไม่" ฟางหรง " หุบปากผู้ใดให้เจ้าเข้ามา " หนิงหลง "ที่นี่มันตำหนักของข้าเหตุใดข้าจะเข้ามาไม่ได้ " จากนั้นหนิงหลงก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ทหาร " ค้นจนทั่วแล้วไม่เห็นมีอะไรเลยข้าว่าคุณหนูใหญ่คงถูกใส่ความ " ทหารหลายสิบนายเห็นด้วยกันทุกคนว่าที่นี่ไม่มีตราประจำวังหลวงจึงเลิกค้นหาพร้อมกล่าวทูลฝ่าบาทอย่างมั่นใจ ทหาร " ฝ่าบาทตำหนักคุณหนูใหญ่ไม่มีอะไรเลยพวกกระหม่อมค้นหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอ " ชุ่ยเหรินจ้องมองที่สองแม่ลูกอย่างไม่พอใจพร้อมเอ่ยถามความจริงจากปากของทั้งสองคน ชุ่ยเหริน " ไหนเจ้าบอกว่าบุตรสาวของข้าเป็นผู้กบฏได้นำตราของวังหลวงมาซ่อนไว้ในตำหนักข้าอยากรู้ว่าเจ้าได้ข่าวเหล่านี้มาจากที่ใด " ลั่วเอ๋อร์ " ข้า.... ข้าได้ยินผ่านๆ หน้าตำหนัก " น้ำเสียงสั่นเครือพยายามแก้ตัวให้แนบเนียนที่สุด ฟางหรง " ใช่เพคะท่านพ่อลูกก็ได้ยินผ่านๆเช่นกัน " ชุ่นเหริน " หูของเจ้ามันทำให้ลูกสาวข้าเกือบถูกเข้าใจผิด....ทหารสั่งโบย 2 แม่ลูกคนละ 20 ไม้ " สองแม่ลูกรีบคุกเข่าขอร้องทันทีพร้อ
ฟางหรง " เจ้ามันตัวกาลกิณีของบ้านเมืองริอาจจะก่อกบฏ ยังจะมาทำหน้าซื่อตาใสแสดงให้ทุกคนเห็นอีกหรือ "ฟางหรงดักนางทุกทางเพื่อไม่ให้หนิงหลงได้แก้ตัวเลย หนิงหลง " ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ได้ทำอะไรผิด หากเจ้าอยากค้นเรือนข้าก็เชิญตามสบายเถิด " สองแม่ลูกได้ยินดังนั้นจึงสะใจและยิ้มหวานๆขึ้นมาทันที หนิงหลง " แต่ข้ามีข้อแม้ "ชุ่ยเหริน " ข้อแม้อะไรหรือลูกพ่อข้าเชื่อว่าลูกนั้นไม่ได้ทำเช่นนั้นเป็นแน่ " หนิงหลง " หากว่าเรือนข้าไม่มีสิ่งใดที่ผิดกฎหมายขอให้ท่านได้ลงโทษสองแม่ลูกคู่นี้อย่างเป็นธรรมข้อหาใส่ความว่าร้ายให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน " ลั่วเอ๋อร์ " คุณหนูใหญ่ท่านช่างมีอคติกับข้าเหลือเกิน " นางเอื้อนเอ่ยความจึงใจให้ฝ่าบาทนั้นได้ยินแสร้งทำหน้าเศร้าสร้อยเหงาหงอยและน่าสงสารในระหว่างการสนทนาชุ่นเหริน " จงเงียบปากเสียเถิดจะพูดมากไปไย " ลั่วเอ๋อร์โดนฝ่าบาทตักเตือนจึงสงบปากสงบคำไปชั่วคราว หนิงหลงจึงรีบสั่งให้ทหารนั้นไปค้นเรือนของตนปล่อยให้สองแม่ลูกนั้นได้ใจไปก่อน ในระหว่างเดินทางเข้าเรือนนั้นฟางหลงได้พูดเหน็บแนมหนิงหลงไม่หยุดหย่อน ฟางหรง " หากข่าวลือนี่แพร่ออกไปชาวบ้านคงสาปแช่งหลายภพหลายชาติก็ไม่
หนิงหลง " คนโง่รักษาแผลได้ดียิ่งกว่าคนปกติเสียอีก " หนิงหลงส่ายหน้าไปมาด้วยความอ่อนล้าจนแววตาเหม่อลอยเมื่อเดินทางไปสักพักรู้สึกว่าเส้นทางนั้นเริ่มจะไม่ปกติเหมือนล้อม้ากำลังเหยียบหลุมอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว เมื่อนางมองออกไปยังนอกหน้าต่างก็พบว่าเส้นทางที่กำลังเดินทางกลับนั้นกลับมีบ่อหลุมขนาดเล็กมากมายเต็มไปหมดหนิงหลง " ก่อนที่จะมาก็ไม่เห็นมีอะไรเลย " นางชะโงกหน้าออกหน้าต่างเพื่อตระโกนถามผู้คุมม้าพร้อมกับน้ำเสียงแฝงความจริงจังและไม่มั่นใจหนิงหลง " เหตุใดขากลับถึงมีบ่อหลุมเป็นทางไปหมด " ทหาร " คุณหนูใหญ่ตอนที่กระหม่อมมามันไม่มีทางแยกแต่พอขากลับมันกลับมีทางแยกกระหม่อมเลยเดินทางมาทางนี้"หนิงหลง" แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่หยุดก่อนค่อยคิดพิจารณาก็ควรจะไปทางใด "ทหาร " เส้นทางมันเหมือนกันมากขอรับ " ดังนั้นหนิงหลงเจอขอพรวิเศษอีกครั้งเพื่อดูว่าเส้นทางนี้ประวัติของมันนั้นเป็นมาอย่างไรในขณะนั้นภาพในหัวก็เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในสิ่งที่เห็นนั้นคือหากผู้ใดเดินทางมายังหุบเขาอันตรายแล้วออกมาได้ผู้นั้นก็จะเห็นทางแยก 2 ทาง ที่ปีศาจนั้นบังบดเอาไว้ ซึ่งเป็นเส้นทางลับไปยังราชวงศ์ซางในสมัยอดีต หนิงหลง "
หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกเดินทางด้วยการวิ่งให้ถึงจุดหมายที่ยายชราได้บอกเอาไว้ แต่ดูจากระยะทางแล้วยังไงก็ไปไม่ถึงเป็นแน่ ระหว่างที่นางวิ่งอยู่นั้นนางก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่และค่อยๆหยุดวิ่งรั้งทั้งสองคนไว้บอกกล่าวทั้งสอง ว่าอย่าเพิ่งรีบไปหนิงหลง " ช้าก่อน " อันอัน " มีอะไรหรือคุณหนูใหญ่เหตุใดถึงหยุดกะทันหัน " อันอันกับจื่อหานเริ่มไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เมื่อหนิงหลงหยุดวิ่งกะทันหันเช่นนี้ จื่อหานขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมดวงตาจ้องมองอย่างพินิจวิเคราะห์ริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังพยายามจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างจื่อหาน " ภรรยาเจ้ามีแผนอะไร " อันอัน " นั่นสิคุณหนูใหญ่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ "ในขณะนั้นหนิงหลงจึงได้ขอพรพลังวิเศษเพื่ออำพรางตัวไม่ให้ปีศาจนั้นเห็นตัวตนจนกว่าจะถึงที่หมาย หนิงหลง " วิ่งไปต่อ " หนิงหลงตบไหล่อันๆพร้อมคำปลอบใจที่สั้นๆ จนอันๆยืนตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้างเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก หนิงหลง " เหตุใดที่ยังไม่เดินตามข้ามาเร็วเถิด " หนิงหลงเดินนำหน้าไป สิบเก้า แล้วแต่อันๆยังยืนตัวเเข็งทื่อไม่ขยับไปไหนนางจึงเดินวนกลับมาถามอันๆอีกครั้ง อันอ
หนิงหลง " ยายแก่ชราผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นคนปกติ ข้าจำได้ว่ายายสบตาข้า " ปัง " มีดเล่มใหญ่กำลังหั่นลงที่เนื่อหมูสด ๆ ที่อยู่บนเขียงจนเสียงดังกระหน่ำเศษเลือดสาดกระจายใส่หน้าพ่อค้า อย่างต่อเนื่องอันอัน " คุณหนูข้าไม่อยากกินแล้ว กลับเถิด " น้ำเสียงที่สั่นเครือจนควบคุมไม่ได้ จึงสติแตกไปชั่วขณะ หนิงหลง " เงียบ ๆ เล่นไปตามเกมส์ " อันอัน " ข้าฉี่จะราดลงพื้นแล้ว ฮือ ๆ " นางกลัวจนใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดเริ่มหายใจถี่ราวกับจะขาดอากาศหายใจ ในขณะที่อันอันตื่นตระหนกแต่จื่อหานกลับทำตัวปกติ นั่งพูดอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขจื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่นเหมือนพ่อค้าบ้าง " เมื่อหนิงหลงได้ฟังในสิ่งที่จื่อหานนั้นอยากเล่น นั้นก็คือสับเนื้อหมู อันอัน " องค์ชายนั้นไม่ใช่ของเล่นนะ " อันอันเวียนหัวจะเป็นลมลงไปกับพื้น แต่จื่อหานลากอันอันไปหาพ่อค้า แล้วกล่าวบอกพ่อค้าอย่างใจเย็น จื่อหาน " ท่านพ่อค้าข้าอยากลองบ้าง " จื่อหานใช้มือทั้งสองข้างเข้าไปบีบไหล่พ่อค้าอย่างไม่ตื่นกลัว ในระหว่างนั้นอันอันก็ไม่ไหวแล้ว จึงฉี่ราดอีกครั้งทั้งลำตัวสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อนหนิงหลง " จื่อหานรีบออกจากที่นี่ มากับข้า " หนิ
ชายหนุ่มนั้นได้ตกไปยังอีกหนึ่งมิติ เป็นคุกวิญญานที่ขังวิญญานชั่วร้ายไว้หลายพันปี เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั้นได้มานอนอยู่ในถ่ำที่มีแม่น้ำภูเขาไฟล้อมลอบอยู่ เจ้าปีศาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์จึงส่งการสื่อการทางกระแสจิตให้ชายหนุ่มได้รับรู้ " เจ้ามนุษย์คนที่201 ได้ตกลงมาที่นี่อีกแล้ว " ชายหนุ่ม " เสียงใคร ออกมาประเดี๋ยวนี้ " ชายหนุ่มขานรับแล้วเดินทางออกอย่างใจจดใจจอจนเหงื่อเย็นไหลซึม " ดูเหมือนเจ้าคงอยากจะแก้แค้น หากเจ้าช่วยข้า ข้าอาจจะทำให้เจ้าสมหวัง ฮ่า ๆ " ชายหนุ่ม " เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน " น้ำเสียงที่ท้าทายกำลังข่มขวัญให้ปีศาจตนนั้นเผยตัวออกมา " ข้าอยู่ในนี่ หากเจ้าอยากให้ข้าออกไปเจ้าต้องสังเวยสตรีบริสุทธ์ให้ข้า " ชายหนุ่ม " เจ้าจะข้าฆ่าคนรึ ไม่ข้าไม่ทำ " คำพูดกิริยาแปลก ๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงลาน" เจ้าไม่อยากแก้แค้นรึ " ชายหนุ่มได้คิดทบทวนอีกครั้งยังมีความลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อโอกาศมาถึงแล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ ทำให้ยิ่งเป็นแรงผลักดันมากขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่ม " ได้ ข้าตกลง แค่ฆ่าสตรีบริสุทธิ์แค่นั้น
ในทางคดเคี้ยวที่เริ่มแคบลงและบรรยากาศรอบๆที่ดูวังเวงหากพ้นผ่านตรงนี้ไปได้สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือทิวทัศน์สวยงาม แต่เส้นทางที่นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนักไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ป่าร้องออกมาแม้แต่ตัวเดียว ทั้งสามคนนั่งไประแวงไปจนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดหน้าต่างบานข้างขวาออกมาดู ก็พบเจอเข้ากับแหล่งน้ำลำธารที่เก่าแก่แต่ว่าสีของน้ำนั้นกลับเป็นสีดำทมิฬ หนิงหลงเห็นเช่นนั้นจึงตกใจเล็กน้อยรีบปิดหน้าต่างเข้ามานั่งที่เดิมจนเหงื่อแตกพลั่กเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่ อันอัน " คุณหนูข้างนอกมีอะไรหรือเหตุใดสีหน้าท่านถึงดูไม่สู้ดีเลย " หนิงหลง " เปล่าไม่มีอะไรข้าแค่คิดว่าเมื่อไหร่จะเดินทางถึงจุดหมาย "หนิงหลงไม่อยากให้อันอันนั้นเป็นกังวลใจเลยต้องโกหกในสิ่งที่นานเจอแต่การกระทำนั้นทำให้อันๆสงสัยไม่หายจึงอยากเปิดประตูออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่กลับถูกหนิงหลงสกัดกั้นไว้ได้ทันเวลาหนิงหลง " อย่าเปิดข้างนอกไม่มีอะไรปกติดี " น้ำเสียงที่หนักแน่นทำให้อันอันอัน นั้นไม่อยากจะรู้ต่อไปแล้วจนนางคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก จื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่านิทานให้ท่านฟังเผื่อท่านจะได้ไม่คิดมากในระหว่างการเดินทาง
.หนิงหลง " เลือดกำเดาไม่ไหลแล้ว ต่อไปก็ระวังให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่ " ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความหวังดีจื่อหานฟังแล้วยิ้มเยาะพลางย้อนถามจื่อหาน " ท่านช่างเอาใจใส่ข้าเหลือเกิน.." หนิงหลงเบิกตากลมโตมองจื่อหานที่กำลังโน้มตัวเข้ามาจูบหน้าผากนาง ในขณะนั้นจื่อหาน สังเกตเห็นใบหน้าหนิงหลงที่กำลังตื่นตระหนกเล็กน้อย หนิงหลง " ผู้ใดสอนเจ้าให้ทำเช่นนี้ " จื่อหาน " ข้าเคยเห็นคู่รักอยู่ด้วยกันสองคนแล้วเล่นสนุกอย่างสุขใจ " ในระหว่างที่ฟังคำตอบของจื่อหานอยู่นั้น ความรู้สึกลุ้นระทึกทำให้แทบกลั้นหายใจ หนิงหลง " พอแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอะไร ห้ามทำตามเป็นอันขาด " จื่อหาน " ข้าจะไม่ทำตาม ข้าจะทำแค่กับภรรยา " ได้ยินคำนี่จากปากจื่อหาน ก็รู้สึกจะอาเจียนออกมา นางจึงสั่งให้อันอัน พาองค์ชายจื่อหานออกไปเล่นที่ลานกลางตำหนักสักพัก แล้วค่อยกลับเข้ามา หนิงหลง " คนบ้ายังรู้เรื่องพวกนี้ " หนิงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นจากที่นั่งออกจากตำหนักไปยังลานกลางตำหนัก ลานกลางแจ้งที่เงียบและไร้เสียงผู้คนมานาน บัดนี่จื่อหานมาทำให้มันมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงหัวเราะที่ดังสนั่นทำให้ผู้คนที่เดินผ่านหน้าตำหนักต้องหยุด
อินทรีส่งข่าว ตำหนักอันกว้างใหญ่ในห้องชั้นหนังสือส่วนตัวกำลังนั่งขาพาดโต๊ะจดบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ในเวลานั้นเจ้านกอินทรีได้ล่องเดินทางมาเพื่อส่งข่าว จื่อหานได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ตนนั้นรีบไปหลังตำหนักทันที จื่อหาน " มาแล้ว " ดวงตาและสัญญาณการตอบรับประสาททั้งห้ารีบเดินไปยังหลังตำหนัก เพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัย จื่อหาน" เจ้ากลับไปได้ " เจ้านกได้บินมาเกาะที่รั้วประตูหลังตำหนักอย่างเงียบ ๆ จื่อหานรีบเอากระดาษที่ผูกกับข้อขาเจ้านกออกมาไว้กับตัวทันที จากนั้นจึงสั่งให้เจ้านกรีบบินกลับไป ( ข้อความในกระดาษ )คืนนี่พวกมันจะนำตัวสตรีทั้งหมดไปที่หุบเขาห่างจากราชศวงค์ซางไปประมาณห้าลี้ ทางเทือกเขาอันตราย กระหม่อมจะลงมือคืนนี่ นัดเจอกันที่เดิมขอรับ จื่อหาน " ข้าต้องหาข้ออ้างบอกหนิงหลงว่าจะพักที่ตำหนักตัวเอง " อันอัน " องค์ชายท่านอยู่ที่ใด หม่อมฉันนำของว่างมาให้ท่าน " จื่อหาน " ข้ารู้แล้วข้ากำลังจะออกไปเจ้าไม่ต้องเข้ามา " ท่าทางเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสากำลังยืนชี้ไปบนท้องฟ้าพร้อมเปิดประตูออกมารอรับของว่างอย่างอารมณ์ดีอันอัน " องค์ชายคืนนี้ท่านจะนอนที่นี่รึ"จื่อหาน " ฮ่าๆๆใช่ๆข้าจะลองนอนที่น