จ้าวหย่งเฉินที่เห็นสีหน้าไม่สลดของนางก็ให้คนอื่นๆ ไปก่อน แล้วหันไปเอ่ยกับนาง
“ไป๋เจินเจิน..ตามไปที่ห้องหนังสือของข้า เจ้ามีเรื่องต้องอบรมมากนัก”
เขาสั่งให้นางไปพบที่ห้องทำงานของเขา ไป๋เจินเจินเกาหัวแกรกๆ อะไรของเขาวะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจ้าวหย่งเฉิงก็ไปรอตัวต้นเรื่องที่ห้องหนังสือ แต่ไป๋เจินเจินกลับไปขวางทางสวีข่ายเหยียน จินเสี่ยวฟงและฝางอี้หลุนเอาไว้ ทั้งสามคนมองหน้านาง ก่อนที่สวีข่ายเหยียนจะผลักไหล่ให้หลบไป แต่ไป๋เจินเจินจับมือของสวีข่ายเหยียนแล้วออกแรงบีบ เขาร้องทันที
"เจ้าๆทำอะไรนังยาจก ปล่อยข้านะ"
"ปากดีอีกข้าจะหักมือเจ้า"
"นี่ไป๋เจินเจินปล่อยข่ายเหยียนนะ เจ้าต้องการอะไร"
จินเสี่ยวฟงเอ่ยปากถามนาง ไป๋เจินเจินผลักสวี่ข่ายเหยียนไปอีกด้านก่อนจะเป่าปากแล้วเอ่ยขึ้น
"คัดกฎสำนักห้าร้อยจบราคาสองตำลึง พวกเจ้าขี้เกียจข้ารู้ดี ได้เข้าเรียนก้เพราะเงินตำลึงที่แอบจ่ายใต้โต๊ะอาจารย์จอมละโมบพวกนั้น แต่ช่างเถอะเรืองนั้นไม่เกี่ยวกับข้า กฎสำนักที่ถูกลงโทษพวกเจ้าให้บ่าวช่วยเขียนคงไม่ได้หรอก ได้ยินว่าตาเฒ่าจ้างหย่งเฉิงราชครูคนนี้ฉลาดมากนัก ข้าเรียนไม่ได้เรื่อง แต่ถ้าเป็นเรื่องปลอมลายมือข้าเนียนมาก ว่าอย่างไรจ้างไม่จ้าง"
"หึสองตำลึง..แพงเพียงนี้จะปล้นข้าหรือไง"
"เหอๆๆๆ...คุณชายฝางบิดาเจ้าจ่ายถึงแปดพันตำลึงเพื่อให้ได้เข้าเรียน เจ้าอยากถูกไล่ออกไหม จ้าวหย่งเฉิงไม่ใช่ฉู่หวายที่จะเห็นแก่เงิน ได้ยินว่าสกุลจ้าวร่ำรวยกว่าท้องพระคลังเสียอีก เขาจะเอาเงินพวกเจ้าไปทำอะไร"
ทั้งสามคนมองหน้ากันลังเล ไป๋เจินเจินจึงเอ่ยต่อ
"ข้าไปพบตาเฒ่านั่นก่อน พวกเจ้าคิดดีๆไปรอข้าที่เชิงเขาหลังสำนัก เตรียมกระดาษพู่กันกับหมึกเอาไว้ ข้าจะลองเลียนแบบลายมือให้ดู จากนั้นพวกเจ้าค่อยตัดสินใจว่าจะจ้างข้าหรือไม่"
ไป๋เจินเจินไปแล้วนางมั่นใจว่าไอ้สามคนนี้ต้องจ้างนางแน่ๆ จอมขี้เกียจประจำสำนักเลยแหละ ถึงจะเกเรแต่นิสัยไม่เลวร้าย ไม่นานไป๋เจินเจินก็มาหยุดที่หน้าห้องทำงานของจ้าวหย่งเฉิง นางยกมือเคาะประตูสามที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
"เข้ามา" ไป๋เจินเจินเปิดประตูออกก่อนจะยกชายกระโปรงเดินเข้าไป ยายเด็กนี่คงมีแค่ชุดนักเรียนนี่แหละกระมังที่ใส่แล้วดูดีหน่อย จ้าวหย่งเฉิงกำลังวาดอักษรอยู่ ไป๋เจินเจินเบ้ปากใส่เขาก่อนจะทำหน้าเศร้าแล้วเดินไปหยุดตรงหน้า จ้าวหย่งเฉินนึกในใจ
"เจ้ายิ้มเยาะเบ้ปากให้ข้า แต่กลับตีสีหน้าเศร้าไวนัก ไป๋เจินเจินเจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่"
คนตัวเล็กไม่รู้ว่าเขาสังเกตตั้งแต่นางเดินเข้ามาแล้ว แต่นางประมวลผลได้อย่างหนึ่งจากความทรงจำ ไอ้หน้าอ่อนนี่เป็นคนส่งเสื้อคลุมให้ร่างเดิมเมื่อวานนี้ ไป๋เจินเจินหยุดยืนก่อนจะเอ่ยเบาๆ
"ศิษย์ไป๋เจินเจินคารวะอาจารย์จ้าวเจ้าค่ะ"
"อืม"
จ้างหย่งเฉิงยังคงวาดอักษรต่อ ไป๋เจินเจินยืนจนเมื่อยแล้ว นี่มันจะหนึ่งชั่วยามแล้วนะ ตาเฒ่าเอ๊ยจะพูดอะไรก็ไม่พูดวะ นางกำลังจะเอ่ยปากแต่เขากลับวางพู่กันในมือแล้วเอ่ยขึ้นมาก่อน
"เมื่อวานเจ้ายังอ่อนแต่ดั่งลูกนกตกลงไปในสระ มาวันนี้กลับผลัดขนเป็นนกเหยี่ยวล่าเหยื่อเสียแล้วหรือไป่เจินเจิน"
"ท่านอาจารย์ ศิษย์ต้องปกป้องตนเองเช่นกัน หากถูกรังแกทุกวันจะให้ทำเช่นไร แต่ท่านอย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ ศิษย์จะไม่ทำให้พวกท่านต้องหนักใจอีกแล้ว"
"หืม..เช่นนั้นรึ"
"เจ้าค่ะ..ท่านอาจารย์บิดาของศิษย์ป่วยอยู่ เลยมื้อเที่ยงแล้วขอกลับบ้านไปหาข้าวให้ท่านพ่อได้ไหมเจ้าคะ"
"บิดาเจ้าอยากให้เจ้าได้เรียนที่นี่ เรื่องลาออกที่อยู่ในใจเจ้าเลิกคิดซะ ไปได้แล้วอย่าให้เหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้นอีกนะ ไป๋ เจิน เจิน"
เขาย้ำชื่อนางเสียงเข้ม ไป่เจินเจินลอบถอนหายใจ รู้ความคิดนางได้อย่างไรกันนะ หลังจากสาวน้อยไปแล้วจ้าวหย่งเฉิงก็วางพู่กันลง นางมิได้อ่อนแอเช่นที่เห็นแน่ๆ เด็กคนนี้มีเรื่องให้น่าค้นหาเสียจริงๆ
"ตาแก่จ้าว..แม่คุณหนูนั่นหาเรื่องเจ๊แต่กลับมาโทษเจ๊หรือ ขุนนางมักเข้าข้างพวกเดียวกัน สุนัขก็คือสุนัขกัดตัวเดียวไม่ได้ต้องใช้วิธีหมาหมู่ เหอะ"
แม้นางจะอยู่ด้านนอกและเดินไปไกลแล้วแต่เขาได้ยินทุกคำ ด่าเขาเป็นตาแก่ ด่าเขาเป็นสุนัข เด็กคนนี้ต้องอบรมให้เข้มงวดเสียแล้ว เขาให้คนไปสืบจากมือปราบเถียนมา บิดาได้รับบาดเจ็บจนขากะเผลกเดินไม่ถนัด แต่อยากให้นางได้เรียนหนังสือจึงไปขอร้องเถียนหลงจนนางได้เข้าเรียน แต่กลับเรียนอะไรไม่ได้สักอย่าง
ดูเหมือนนางจะบอกว่านางมาเรียนเกือบปีแต่ไม่ได้อักษรสักตัว เช่นนั้นเขาจะสอนนางเองให้นางหัดเขียนจนกว่าจะเป็น ไม่ให้นางมาว่าได้ว่าสำนักศึกษาของตระกูลเขาไร้คุณธรรม ก่อนจะเรียกอาจารย์ใหญ่มาแล้วรื้อระบบการรับนักเรียนทันที อาจารย์คนไหนรับลูกศิษย์เพราะเงินถูกไล่ออกทันที มีอาจารย์ถูกไล่ออกถึงเจ็ดคน แต่จ้าวหย่งเฉิงไม่สนใจ เขามีลูกศิษย์ที่เป็นบัณฑิตมากมายนัก ให้คนเหล่านั้นมาสอนแทนย่อมมิใช่ปัญหา
ไป๋เจินเจินไม่รู้เลยว่านางสร้างคลื่นลมให้กับสำนักศึกษาใหญ่หลวงแค่ไหน นางไม่สนใจจ้าวหย่งเฉิงอีกต่อไปเรื่องสำคัญคือหาเงิน ช่างเถอะนางต้องไปพบเจ้าพวกนั้น หากเลยเวลามื้อเที่ยงพวกลูกเต่านั่นเข้าเรียนนางจะพบไม่ได้ ต้องหาเงินไปซื้อยาข้าวของเครื่องใช้ก่อน บิดาของร่างเดิมรักบุตรสาวเกินไปไม่ยอมให้แตะอะไรเลย บ้านจะเน่าอยู่แล้ว แต่งไปอยู่ที่อื่นจะอยู่อย่างไรทำอะไรก็ไม่เป็น เฮ้อรักลูกเกินไปจริงๆ
เชิงเขาหลังสำนัก จินเสี่ยวเฟิง ฝางอี้หลุน สวีข่ายเหยียนกับเด็กรับใช้ยืนรอนางอยู่ เมื่อมาถึงพวกเขาก็รีบมาหานาง ได้เวลาจะเข้าเรียนแล้วนะ"นี่ๆๆ เจ้ายาจกรีบๆหน่อยไม่ได้หรือไง""คุณชายสวี หากเรียกข้าเช่นนั้นอีกคำข้าจะให้สวีข่ายเฉิงปู่ของเจ้าจำหน้าไม่ได้เลยคอยดู ฝนหมึกมา กระดาษด้วย"เมื่อทุกอย่างพร้อมไป่เจินเจินก็ลงมือเขียนกฎสำนักที่มีกว่าสองพันข้อให้พวกเขาคนละแผ่น จินเสี่ยวเฟิงตาโต"เหมือนไปแล้ว นี่ดูเผินหรือตั้งใจดูก็เป็นลายมือข้า ฮ่าๆข้าจ้างเจ้าข้าจ้างฮ่าๆๆ""ข้าด้วยๆ สองตำลึงหรือ นี่ไป่เจินเจินข้าให้เจ้าเดือนละยี่สิบตำลึง ทำการบ้านให้ข้าเจ้าจะว่าอย่างไร"ฝางอี้หลุนเป็นบุตรชายคหบดีในเมืองหลวงเขาร่ำรวยเงินทองมากมาย ยี่สิบตำลึงแคะฟันเขายังไม่เกลี้ยงเลย ไป๋เจินเจินเห็นโอกาสก็รีบค้าทันทีก่อนจะเอ่ย"ข้าไม่เก่งเรื่องอื่น แต่ถ้าคำนวณ วาดภาพ หรือแต่งกลอนข้าทำได้ ที่สำนักข้าไม่อยากเรียนเองนั่นแหละ มานี่ข้าจะแต่งบทกวีให้พวกเจ้าลองอ่านหนึ่งบท"จากนั้นไป่เจินเจินก็ลอกเอาบทกวีของหลี่ไป๋ นักกวีชื่อดังมาหนึ่งบทซึ่งเป็นบทไม่ได้ยากมากนัก ทั้งสามตาโตทันที ไป่เจินเจินจึงกลายเป
ไป๋เจินเจินตื่นมาทำอาหารเช้านางต้มข้าวต้มและหุงข้าวขาว จากนั้นเอาเนื้อหมูมาเคล้าเกลือซื้อพริกไทยมาจากหอโอสถห่อหนึ่งก็เอามาบดๆ คลุกเคล้ากันหมักเอาไว้ ไข่ไก่ถูกนำมาตีจนเนื้อไข่เนียน ไป๋เจินเจินเติมน้ำแล้วปรุงรสด้วยเกลือ เหยาะน้ำมันเล็กน้อยแล้วตีให้เข้ากันอีกที ช้อนฟองอากาศออกจนเนื้อที่ตีเนียนหุงข้าวและต้มข้าวเสร็จแล้วไป๋เจินเจินก็เพิ่มฟืนแค่หนึ่งท่อน ตั้งกระทะจนน้ำเดือดนำชามไข่ตุ๋นวางลงไป เงินสามตำลึงพอซื้อเพียงกระทะใบไม่ใหญ่แต่ก็พอให้สองพ่อลูกทำอาหารกินได้ไม่ลำบาก ไป่เจินเจินมองไปยังทางบิดาของร่างเดิม เพราะมีคนปองร้ายรัชทายาท เขาเข้าช่วยเหลือ เว่ยซูหยางพี่ชายเว่ยซูถิงแอบอ้างเอาผลงานไป เพราะว่าไป๋จิ้งเจ็บหนักจากการที่ถูกคนร้ายลงมือ เขานอนพักรักษาตัวอยู่มาวันหนึ่งมีคนจากจวนเสนาบดีมาหาแล้วสั่งให้เขาปิดปากเงียบเรื่องวันนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตเขากับบุตรสาวจะไม่ปลอดภัยไป๋จิ้งมีเพียงร่างเดิมเป็นบุตรสาวคนเดียวเท่านั้น เขาจึงยอมกล้ำกลืนแต่ตระกูลเว่ยยังไม่หยุดรังควานสุดท้ายเขาต้องออกจากบ้านที่อยู่มาแต่เด็ก ถูกกลั่นแกล้งถูกบีบจนไม่เหลืออะไรเลย ในที่สุดก็เหลือเงินก้อนสุดท้ายมาเช่าบ้านที่ตรอกแห่งน
ไป๋เจินเจินหยิบเอาสมุดเล่มเล็กๆ ที่นางตัดเองเป็นสมุดทำมือ นี่เป็นวิธีคำนวณหลักคณิตศาสตร์ของเด็กประถมปลายซึ่งในยุคนี้อาจารย์สำนักศึกษาที่เก่งๆ หลายคนยังคำนวณออกมาไม่ได้เลย คนในยุคสมัยนี้แม้ว่าจะเรียนหนังสือแต่หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขหรือคณิตศาสตร์นั้นพวกเขาแทบจะไม่รู้เรื่อง สวีข่ายเหยียนตาโตทันทีก่อนจะถามนางว่าเอามาจากที่ใดกัน“อาเจิน..บอกข้าทีไปเอามาจากไหน เอ่อเรียกข้าเหมือนอี้หลุนก็ได้”“พี่ข่ายเหยียน พี่อี้หลุน พี่เสี่ยวฟง บิดาของข้านับวันก็ป่วย ข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรบ่อยๆ จะไปที่ร้านโอสถข้าก็ไม่มีเงินตำลึงไปซื้อ วันหนึ่งข้าเจอกับผู้อาวุโสคนหนึ่งเขาถามข้าว่าทำไม่ไปเรียน คงเห็นว่าข้าใสชุดสำนักศึกษากระมัง”“แล้วต่อจากนั้นเล่า” ฝางอี้หลุนใจร้อนอยากฟังจนจินเสี่ยวฟงตบศรีษะของเขาให้ฟังเงียบๆ“จากนั้นข้าก็ตอบไปว่า ข้าไปก็ไร้ประโยชน์อาจารย์เหล่านั้นไม่เต็มใจสอนข้า เพราะข้ายากจนไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ข้าๆๆ ฮือๆๆ ข้าพูดแล้วก็สะท้อนใจนัก ฮือๆๆ ผู้อาวุโสท่านนั้นเห็นว่าข้าอัดอั้นเขาจึงให้ข้าไปเจอกับเขาทุกวันหลังยามเซิน ข้าเรียนกับเขาได้สองเดือนจนพอเกือบจะทันพวกท่านแต่ๆๆ กลับถูกคุณหนูเ
ทางด้านสามคนที่กลับสำนักศึกษาเข้าห้องเรียนก็เดินผ่านคุณหนูทั้งหลายไปนั่งยังที่ประจำเพื่อรออาจารย์ เว่ยซูถิงไม่ได้อยากแต่งงานกับจินเสี่ยวฟงอยู่แล้ว นางแอบชอบรัชทายาทและนางอยากเป็นไท่จื่อเฟยมากกว่า พี่ชายได้ขึ้นชื่อว่ามีบุญคุณช่วยเหลือพระองค์ตอนที่ถูกลอบทำร้ายเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ไท่จื่อมักจะมาพูดคุยสนทนาที่จวนเสมอ นางขอท่านปู่ให้ถอนหมั้นนางกับจินเสี่ยวฟง แต่ท่านปู่ยังไม่รับปากเช่นนั้นนางจะหางทางเอง“หึ จนป่านนี้เพิ่งจะเข้าเรียน จ่ายเงินเข้ามาก็ยังเรียนไม่ได้น่าสงสารจริงๆ”“นี่เว่ยซูถิงสตรีปีศาจอย่างเจ้ากล้าต่อว่าคนอื่นหรือ หึ..อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ พี่ชายเจ้าพาเจ้าเข้ามาเรียนที่นี่ อาศัยแอบอ้างผลงานคนอื่นแล้วมาผยอง น่าสมเพช”“สวีข่ายเหยียน เจ้าพูดดีๆ นะใครแอบอ้าง พี่ชายข้าที่ผ่านมาไม่มีสิ่งใดให้ละอาย”“อ้อ..นี่เว่ยซูถิงข้าจินเสี่ยวฟงขอถามสักคำเถอะ พี่เจ้ากระบี่ยังตวัดสะเปะสะปะกลับบอกว่าคนเองเป็นวีรบุรุษอีกหรือ”“จินเสี่ยวฟง เจ้ามันขยะที่เรียนก็ไม่ได้เรื่องข้าจะถอนหมั้นเจ้า”“โย่ว..เจ้ารีบถอนเถอะ สตรีชั่วร้ายเช่นเจ้าใครได้ไปนับว่าชีวิตอัปมงคลยิ่งนัก”“เจ้าๆๆๆ”เว่ยซูถิงอับอายยิ่งนัก ยิ่งบ
ไป่เจินเจินไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาคนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังกำลังถูกอาจารย์เจ้าระเบียบหมายหัวอีกต่างหาก นางวิ่งลัดเลาะไปทั่วเขา วางกับดักเอาไว้ หากได้สัตว์ป่าสักตัวนางจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อเนื้อหมูหรือซื้อไก่ สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีขาวๆแวบๆ"หืมนี่มันของดีนี่นา อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของท่านย่าพี่ข่ายเหยียนเอาไปให้เขาดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ใจกว้าง"ไป๋เจินเจินวางกับดัก คนที่ตามมาดูก็งงว่านางทำอะไรเพื่อจะกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินวางกับดักทั่วภูเขา ที่นางเดินผ่าน ไม่นานก็มีแต่กับดักเต็มไปหมด บุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์ไม่รู้ว่านนางกำลังทำอะไรเห็นนางก้มๆเงย หลังจากวางกับดักแล้วก็ใจเย็นนอนบนกิ่งไม้รอให้เหยื่อมาติดกับสวบ!!เสียงกับดักทำงานแต่ไป๋เจินเจินไม่ลงมาดู ไม่นานก็ได้ยินอีก สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!!มู่ถิงน้ำตาคลอนี่มันกับดักบ้าอะไร นังเด็กน้อยนี่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย หากเขาจัดการนางคุณชายเอาเรื่องเขาแน่ๆ ดูท่าทางจะสนใจปีศาจน้อยตัวนี้เสียด้วย มูาถิงเดินเขยกๆกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย"เหอะ นึกว่าจะแน่ไอ้คนไม่เอาไหนเอ้ย" จากนั้นก็
จ้าวหย่งเฉิงเอ่ยลาบิดาของสาวน้อยก่อนจะเรียกให้นางตามไป ไป๋เจินเจินเดินตามเขามาด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ เมื่อขึ้นบนรถม้าก็นั่งห่างจากเขาราวกับรังเกียจเขานักหนา จ้าวหย่งเฉิงยกยิ้มมุมปาก เด็กคนนี้ต้องสั่งสอนจริงๆรถม้าออกจากตรอกมาได้ครึ่งทางจ้าวหย่งเฉิงนั่งเคาะนิ้วเล่นเบาที่เก้าอี้ก่อนจะลงลมปราณทำให้รถมาสั่นโคลงไปมาทำให้ไป๋เจินเจินถลามาหาเขากอดเขาเอาไว้ทันทีจ้าวหย่งเฉิงโอบแผ่นหลังนางไว้กระซิบข้างหูเบาๆ "ไหนว่าบุรุษน่ารังเกียจ กอดข้าแน่นเพียงนี้หรือว่าข้าเป็นข้อยกเว้น หื้ม""อาจารย์จ้าว ปะ ปล่อยศิษย์เถอะเจ้าค่ะ"มือที่โอบนางเอาไว้ปล่อยเอวบางข้างหนึ่ง ก่อนจะก้มลงช้อนข้อพับแล้วเอาร่างบางมานั่งบนตักตนเอง เขาแผ่ลมปราณให้รถม้าส่ายไปมาจนคนตัวเล็กต้องโอบรอบคอเขาไว้เพราะกลัวตก จ้าวหย่งเฉิงสูดกลิ่นหอมของเส้นผมที่สะอาดบวกกับดอกไม้ที่นางแซมผมเอาไว้ ไป่๋เจินเจินนั่งบนตักเขาจนถึงสำนักศึกษา เขาไม่ให้นางลงได้แต่สั่งคนขับรถม้า"เสี่ยวจง...ไปหาอาจารย์หยุนบอกเอาชุดนักเรียนสตรีมาสามชุด"เสี่ยวจงรับคำแล้วเข้าไปในสำนัก ไป่เจินเจินพยายามดิ้นลงจากตักเขาแต่จ้าวหย่งเฉิงกระซิบข้างหูนาง"นั่งดีๆสิ เ
รถม้าเคลื่อนออกไปพร้อมกับมีบางคนที่มาถึงตรอกเช่นกัน บุรุษทั้งสองเดินสำรวจในตรอกจนมาถึงบ้านของไป๋จิ้ง หนึ่งในนั้นเคาะประตูเบาๆ ไป๋จิ้งเดินออกมาดูทันทีที่เห็นหน้าก็กำลังจะคุกเข่า แต่คนผู้นั้นกลับแตะข้อศอกไป๋จิ้งเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเรียก"ท่านอาจารย์......ศิษย์อกตัญญูทำท่านลำบากแล้ว""ไม่ลำบากๆแต่อย่างไร ฮึกๆ ในที่สุดก็ได้พบกัน"ไป๋จิ้งสะอื้นเล็กน้อยจากนั้นทั้งสามคนเดินเข้ามาในบ้าน ไป๋เจินเจินนั่งวาดรูปอยู่ด้านใน นางได้ยินเสียงบิดาจึงเอ่ยถาม"ท่านพ่อ..ต้องการอันใดหรือไม่เจ้าคะ ให้ลูกไปหยิบให้ท่านดีหรือไม่"พ่อไม่ได้ต้องการอันใดหรอก ลูกนอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสืออีก""พรุ่งนี้สำนักศึกษาหยุดเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้านอนก่อนแล้ว หากท่านพ่อประสงค์สิ่งใดก็ตะโกนเรียกลูกนะเจ้าคะ"ไป๋เจินเจินตะโกนกลับมา ไป๋จิ้งยิ้มให้กับประตูห้องของบุตรสาว เขาเดินเขยกๆไปยังโต๊ะกลางห้อง บุรุษมาใหม่ถอนหายใจทันที ไป๋จิ้งหันกลับมาก่อนจะส่ายหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่เป็นไร ทั้งสามคนสนทนากันในห้องเสียงเบามากนัก ไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะได้เวลาแล้วแยกย้ายกันไป หลังจากที่สองคนนั้นไปแล้ว
ไป๋จิ้งเอ่ยชวนเขา แต่คนตัวเล็กที่กำลังถือกับข้าวออกมาอีกสองอย่างยืนหน้างอ ใครให้เขากินด้วย ไป๋เจินเจินกำลังจะเอ่ยว่านางไม่ได้หุงเผื่อคนอื่นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาขอกินด้วย จ้าวหย่งเฉิงก็เอ่ยตัดหน้าเสียก่อน"รบกวนพี่ใหญ่จิ้งแต่เช้า อาหารที่ท่านทำช่างน่าทานเช่นนั้นข้าแซ่จ้าวคงไม่เกรงใจแล้ว""ฮ่าๆๆ...อาหารเหล่านี้มิใช่ข้าน้อยทำหรอกขอรับเป็นบุตรสาวน่ะ อาเจินเพิ่มถ้วยกับตะเกียบอีกคู่สิ อาจารย์ของเจ้าจะกินข้าวเช้ากับเราด้วย"ไป๋จิ้งหันไปหาบุตรสาวที่ยืนหน้างอง้ำราวกับขอเบ็ดตกปลา ไป๋เจินเจินมองหน้าเขาเอาเรื่องทันทีที่บิดาหันกลับไปสนทนากับเขาต่อ จ้าวหย่งเฉิงเป่าน้ำชาเบาทั้งที่ทันไม่ได้ร้อนสักนิด ก้มลงจิบก่อนยิ้มมุมปากจ้าวหย่งเฉิงกำลังขบขันนางในใจ("เด็กน้อยเจ้าต่อต้านข้าหรือตราบใดที่บิดาเจ้าให้ความสำคัญกับข้าดูสิว่าเจ้าจะไปไหนรอด")ไป๋เจินเจินยอมไปหยิบชามกับตะเกียบมาให้กับจ้าวหย่งเฉิง นางไม่อยากกินข้าวรวมกับเขาแต่บิดานั่งอยู่จะแสดงความไม่พอใจมิได้จึงทำได้แค่นั่งลงตรงกันข้ามกับเขาแล้วก็เริ่มตักอาหารเข้าปาก จ้าวหย่งเฉิงที่เดิมไม่ได้อยากกินเท่าไหร่นักที่เขาทำเพราะอยากแกล้งสาวน้อยตรงห
ไป๋จิ้งเอ่ยชวนเขา แต่คนตัวเล็กที่กำลังถือกับข้าวออกมาอีกสองอย่างยืนหน้างอ ใครให้เขากินด้วย ไป๋เจินเจินกำลังจะเอ่ยว่านางไม่ได้หุงเผื่อคนอื่นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาขอกินด้วย จ้าวหย่งเฉิงก็เอ่ยตัดหน้าเสียก่อน"รบกวนพี่ใหญ่จิ้งแต่เช้า อาหารที่ท่านทำช่างน่าทานเช่นนั้นข้าแซ่จ้าวคงไม่เกรงใจแล้ว""ฮ่าๆๆ...อาหารเหล่านี้มิใช่ข้าน้อยทำหรอกขอรับเป็นบุตรสาวน่ะ อาเจินเพิ่มถ้วยกับตะเกียบอีกคู่สิ อาจารย์ของเจ้าจะกินข้าวเช้ากับเราด้วย"ไป๋จิ้งหันไปหาบุตรสาวที่ยืนหน้างอง้ำราวกับขอเบ็ดตกปลา ไป๋เจินเจินมองหน้าเขาเอาเรื่องทันทีที่บิดาหันกลับไปสนทนากับเขาต่อ จ้าวหย่งเฉิงเป่าน้ำชาเบาทั้งที่ทันไม่ได้ร้อนสักนิด ก้มลงจิบก่อนยิ้มมุมปากจ้าวหย่งเฉิงกำลังขบขันนางในใจ("เด็กน้อยเจ้าต่อต้านข้าหรือตราบใดที่บิดาเจ้าให้ความสำคัญกับข้าดูสิว่าเจ้าจะไปไหนรอด")ไป๋เจินเจินยอมไปหยิบชามกับตะเกียบมาให้กับจ้าวหย่งเฉิง นางไม่อยากกินข้าวรวมกับเขาแต่บิดานั่งอยู่จะแสดงความไม่พอใจมิได้จึงทำได้แค่นั่งลงตรงกันข้ามกับเขาแล้วก็เริ่มตักอาหารเข้าปาก จ้าวหย่งเฉิงที่เดิมไม่ได้อยากกินเท่าไหร่นักที่เขาทำเพราะอยากแกล้งสาวน้อยตรงห
รถม้าเคลื่อนออกไปพร้อมกับมีบางคนที่มาถึงตรอกเช่นกัน บุรุษทั้งสองเดินสำรวจในตรอกจนมาถึงบ้านของไป๋จิ้ง หนึ่งในนั้นเคาะประตูเบาๆ ไป๋จิ้งเดินออกมาดูทันทีที่เห็นหน้าก็กำลังจะคุกเข่า แต่คนผู้นั้นกลับแตะข้อศอกไป๋จิ้งเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเรียก"ท่านอาจารย์......ศิษย์อกตัญญูทำท่านลำบากแล้ว""ไม่ลำบากๆแต่อย่างไร ฮึกๆ ในที่สุดก็ได้พบกัน"ไป๋จิ้งสะอื้นเล็กน้อยจากนั้นทั้งสามคนเดินเข้ามาในบ้าน ไป๋เจินเจินนั่งวาดรูปอยู่ด้านใน นางได้ยินเสียงบิดาจึงเอ่ยถาม"ท่านพ่อ..ต้องการอันใดหรือไม่เจ้าคะ ให้ลูกไปหยิบให้ท่านดีหรือไม่"พ่อไม่ได้ต้องการอันใดหรอก ลูกนอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสืออีก""พรุ่งนี้สำนักศึกษาหยุดเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้านอนก่อนแล้ว หากท่านพ่อประสงค์สิ่งใดก็ตะโกนเรียกลูกนะเจ้าคะ"ไป๋เจินเจินตะโกนกลับมา ไป๋จิ้งยิ้มให้กับประตูห้องของบุตรสาว เขาเดินเขยกๆไปยังโต๊ะกลางห้อง บุรุษมาใหม่ถอนหายใจทันที ไป๋จิ้งหันกลับมาก่อนจะส่ายหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่เป็นไร ทั้งสามคนสนทนากันในห้องเสียงเบามากนัก ไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะได้เวลาแล้วแยกย้ายกันไป หลังจากที่สองคนนั้นไปแล้ว
จ้าวหย่งเฉิงเอ่ยลาบิดาของสาวน้อยก่อนจะเรียกให้นางตามไป ไป๋เจินเจินเดินตามเขามาด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ เมื่อขึ้นบนรถม้าก็นั่งห่างจากเขาราวกับรังเกียจเขานักหนา จ้าวหย่งเฉิงยกยิ้มมุมปาก เด็กคนนี้ต้องสั่งสอนจริงๆรถม้าออกจากตรอกมาได้ครึ่งทางจ้าวหย่งเฉิงนั่งเคาะนิ้วเล่นเบาที่เก้าอี้ก่อนจะลงลมปราณทำให้รถมาสั่นโคลงไปมาทำให้ไป๋เจินเจินถลามาหาเขากอดเขาเอาไว้ทันทีจ้าวหย่งเฉิงโอบแผ่นหลังนางไว้กระซิบข้างหูเบาๆ "ไหนว่าบุรุษน่ารังเกียจ กอดข้าแน่นเพียงนี้หรือว่าข้าเป็นข้อยกเว้น หื้ม""อาจารย์จ้าว ปะ ปล่อยศิษย์เถอะเจ้าค่ะ"มือที่โอบนางเอาไว้ปล่อยเอวบางข้างหนึ่ง ก่อนจะก้มลงช้อนข้อพับแล้วเอาร่างบางมานั่งบนตักตนเอง เขาแผ่ลมปราณให้รถม้าส่ายไปมาจนคนตัวเล็กต้องโอบรอบคอเขาไว้เพราะกลัวตก จ้าวหย่งเฉิงสูดกลิ่นหอมของเส้นผมที่สะอาดบวกกับดอกไม้ที่นางแซมผมเอาไว้ ไป่๋เจินเจินนั่งบนตักเขาจนถึงสำนักศึกษา เขาไม่ให้นางลงได้แต่สั่งคนขับรถม้า"เสี่ยวจง...ไปหาอาจารย์หยุนบอกเอาชุดนักเรียนสตรีมาสามชุด"เสี่ยวจงรับคำแล้วเข้าไปในสำนัก ไป่เจินเจินพยายามดิ้นลงจากตักเขาแต่จ้าวหย่งเฉิงกระซิบข้างหูนาง"นั่งดีๆสิ เ
ไป่เจินเจินไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาคนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังกำลังถูกอาจารย์เจ้าระเบียบหมายหัวอีกต่างหาก นางวิ่งลัดเลาะไปทั่วเขา วางกับดักเอาไว้ หากได้สัตว์ป่าสักตัวนางจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อเนื้อหมูหรือซื้อไก่ สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีขาวๆแวบๆ"หืมนี่มันของดีนี่นา อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของท่านย่าพี่ข่ายเหยียนเอาไปให้เขาดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ใจกว้าง"ไป๋เจินเจินวางกับดัก คนที่ตามมาดูก็งงว่านางทำอะไรเพื่อจะกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินวางกับดักทั่วภูเขา ที่นางเดินผ่าน ไม่นานก็มีแต่กับดักเต็มไปหมด บุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์ไม่รู้ว่านนางกำลังทำอะไรเห็นนางก้มๆเงย หลังจากวางกับดักแล้วก็ใจเย็นนอนบนกิ่งไม้รอให้เหยื่อมาติดกับสวบ!!เสียงกับดักทำงานแต่ไป๋เจินเจินไม่ลงมาดู ไม่นานก็ได้ยินอีก สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!!มู่ถิงน้ำตาคลอนี่มันกับดักบ้าอะไร นังเด็กน้อยนี่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย หากเขาจัดการนางคุณชายเอาเรื่องเขาแน่ๆ ดูท่าทางจะสนใจปีศาจน้อยตัวนี้เสียด้วย มูาถิงเดินเขยกๆกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย"เหอะ นึกว่าจะแน่ไอ้คนไม่เอาไหนเอ้ย" จากนั้นก็
ทางด้านสามคนที่กลับสำนักศึกษาเข้าห้องเรียนก็เดินผ่านคุณหนูทั้งหลายไปนั่งยังที่ประจำเพื่อรออาจารย์ เว่ยซูถิงไม่ได้อยากแต่งงานกับจินเสี่ยวฟงอยู่แล้ว นางแอบชอบรัชทายาทและนางอยากเป็นไท่จื่อเฟยมากกว่า พี่ชายได้ขึ้นชื่อว่ามีบุญคุณช่วยเหลือพระองค์ตอนที่ถูกลอบทำร้ายเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ไท่จื่อมักจะมาพูดคุยสนทนาที่จวนเสมอ นางขอท่านปู่ให้ถอนหมั้นนางกับจินเสี่ยวฟง แต่ท่านปู่ยังไม่รับปากเช่นนั้นนางจะหางทางเอง“หึ จนป่านนี้เพิ่งจะเข้าเรียน จ่ายเงินเข้ามาก็ยังเรียนไม่ได้น่าสงสารจริงๆ”“นี่เว่ยซูถิงสตรีปีศาจอย่างเจ้ากล้าต่อว่าคนอื่นหรือ หึ..อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ พี่ชายเจ้าพาเจ้าเข้ามาเรียนที่นี่ อาศัยแอบอ้างผลงานคนอื่นแล้วมาผยอง น่าสมเพช”“สวีข่ายเหยียน เจ้าพูดดีๆ นะใครแอบอ้าง พี่ชายข้าที่ผ่านมาไม่มีสิ่งใดให้ละอาย”“อ้อ..นี่เว่ยซูถิงข้าจินเสี่ยวฟงขอถามสักคำเถอะ พี่เจ้ากระบี่ยังตวัดสะเปะสะปะกลับบอกว่าคนเองเป็นวีรบุรุษอีกหรือ”“จินเสี่ยวฟง เจ้ามันขยะที่เรียนก็ไม่ได้เรื่องข้าจะถอนหมั้นเจ้า”“โย่ว..เจ้ารีบถอนเถอะ สตรีชั่วร้ายเช่นเจ้าใครได้ไปนับว่าชีวิตอัปมงคลยิ่งนัก”“เจ้าๆๆๆ”เว่ยซูถิงอับอายยิ่งนัก ยิ่งบ
ไป๋เจินเจินหยิบเอาสมุดเล่มเล็กๆ ที่นางตัดเองเป็นสมุดทำมือ นี่เป็นวิธีคำนวณหลักคณิตศาสตร์ของเด็กประถมปลายซึ่งในยุคนี้อาจารย์สำนักศึกษาที่เก่งๆ หลายคนยังคำนวณออกมาไม่ได้เลย คนในยุคสมัยนี้แม้ว่าจะเรียนหนังสือแต่หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขหรือคณิตศาสตร์นั้นพวกเขาแทบจะไม่รู้เรื่อง สวีข่ายเหยียนตาโตทันทีก่อนจะถามนางว่าเอามาจากที่ใดกัน“อาเจิน..บอกข้าทีไปเอามาจากไหน เอ่อเรียกข้าเหมือนอี้หลุนก็ได้”“พี่ข่ายเหยียน พี่อี้หลุน พี่เสี่ยวฟง บิดาของข้านับวันก็ป่วย ข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรบ่อยๆ จะไปที่ร้านโอสถข้าก็ไม่มีเงินตำลึงไปซื้อ วันหนึ่งข้าเจอกับผู้อาวุโสคนหนึ่งเขาถามข้าว่าทำไม่ไปเรียน คงเห็นว่าข้าใสชุดสำนักศึกษากระมัง”“แล้วต่อจากนั้นเล่า” ฝางอี้หลุนใจร้อนอยากฟังจนจินเสี่ยวฟงตบศรีษะของเขาให้ฟังเงียบๆ“จากนั้นข้าก็ตอบไปว่า ข้าไปก็ไร้ประโยชน์อาจารย์เหล่านั้นไม่เต็มใจสอนข้า เพราะข้ายากจนไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ข้าๆๆ ฮือๆๆ ข้าพูดแล้วก็สะท้อนใจนัก ฮือๆๆ ผู้อาวุโสท่านนั้นเห็นว่าข้าอัดอั้นเขาจึงให้ข้าไปเจอกับเขาทุกวันหลังยามเซิน ข้าเรียนกับเขาได้สองเดือนจนพอเกือบจะทันพวกท่านแต่ๆๆ กลับถูกคุณหนูเ
ไป๋เจินเจินตื่นมาทำอาหารเช้านางต้มข้าวต้มและหุงข้าวขาว จากนั้นเอาเนื้อหมูมาเคล้าเกลือซื้อพริกไทยมาจากหอโอสถห่อหนึ่งก็เอามาบดๆ คลุกเคล้ากันหมักเอาไว้ ไข่ไก่ถูกนำมาตีจนเนื้อไข่เนียน ไป๋เจินเจินเติมน้ำแล้วปรุงรสด้วยเกลือ เหยาะน้ำมันเล็กน้อยแล้วตีให้เข้ากันอีกที ช้อนฟองอากาศออกจนเนื้อที่ตีเนียนหุงข้าวและต้มข้าวเสร็จแล้วไป๋เจินเจินก็เพิ่มฟืนแค่หนึ่งท่อน ตั้งกระทะจนน้ำเดือดนำชามไข่ตุ๋นวางลงไป เงินสามตำลึงพอซื้อเพียงกระทะใบไม่ใหญ่แต่ก็พอให้สองพ่อลูกทำอาหารกินได้ไม่ลำบาก ไป่เจินเจินมองไปยังทางบิดาของร่างเดิม เพราะมีคนปองร้ายรัชทายาท เขาเข้าช่วยเหลือ เว่ยซูหยางพี่ชายเว่ยซูถิงแอบอ้างเอาผลงานไป เพราะว่าไป๋จิ้งเจ็บหนักจากการที่ถูกคนร้ายลงมือ เขานอนพักรักษาตัวอยู่มาวันหนึ่งมีคนจากจวนเสนาบดีมาหาแล้วสั่งให้เขาปิดปากเงียบเรื่องวันนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตเขากับบุตรสาวจะไม่ปลอดภัยไป๋จิ้งมีเพียงร่างเดิมเป็นบุตรสาวคนเดียวเท่านั้น เขาจึงยอมกล้ำกลืนแต่ตระกูลเว่ยยังไม่หยุดรังควานสุดท้ายเขาต้องออกจากบ้านที่อยู่มาแต่เด็ก ถูกกลั่นแกล้งถูกบีบจนไม่เหลืออะไรเลย ในที่สุดก็เหลือเงินก้อนสุดท้ายมาเช่าบ้านที่ตรอกแห่งน
เชิงเขาหลังสำนัก จินเสี่ยวเฟิง ฝางอี้หลุน สวีข่ายเหยียนกับเด็กรับใช้ยืนรอนางอยู่ เมื่อมาถึงพวกเขาก็รีบมาหานาง ได้เวลาจะเข้าเรียนแล้วนะ"นี่ๆๆ เจ้ายาจกรีบๆหน่อยไม่ได้หรือไง""คุณชายสวี หากเรียกข้าเช่นนั้นอีกคำข้าจะให้สวีข่ายเฉิงปู่ของเจ้าจำหน้าไม่ได้เลยคอยดู ฝนหมึกมา กระดาษด้วย"เมื่อทุกอย่างพร้อมไป่เจินเจินก็ลงมือเขียนกฎสำนักที่มีกว่าสองพันข้อให้พวกเขาคนละแผ่น จินเสี่ยวเฟิงตาโต"เหมือนไปแล้ว นี่ดูเผินหรือตั้งใจดูก็เป็นลายมือข้า ฮ่าๆข้าจ้างเจ้าข้าจ้างฮ่าๆๆ""ข้าด้วยๆ สองตำลึงหรือ นี่ไป่เจินเจินข้าให้เจ้าเดือนละยี่สิบตำลึง ทำการบ้านให้ข้าเจ้าจะว่าอย่างไร"ฝางอี้หลุนเป็นบุตรชายคหบดีในเมืองหลวงเขาร่ำรวยเงินทองมากมาย ยี่สิบตำลึงแคะฟันเขายังไม่เกลี้ยงเลย ไป๋เจินเจินเห็นโอกาสก็รีบค้าทันทีก่อนจะเอ่ย"ข้าไม่เก่งเรื่องอื่น แต่ถ้าคำนวณ วาดภาพ หรือแต่งกลอนข้าทำได้ ที่สำนักข้าไม่อยากเรียนเองนั่นแหละ มานี่ข้าจะแต่งบทกวีให้พวกเจ้าลองอ่านหนึ่งบท"จากนั้นไป่เจินเจินก็ลอกเอาบทกวีของหลี่ไป๋ นักกวีชื่อดังมาหนึ่งบทซึ่งเป็นบทไม่ได้ยากมากนัก ทั้งสามตาโตทันที ไป่เจินเจินจึงกลายเป
จ้าวหย่งเฉินที่เห็นสีหน้าไม่สลดของนางก็ให้คนอื่นๆ ไปก่อน แล้วหันไปเอ่ยกับนาง“ไป๋เจินเจิน..ตามไปที่ห้องหนังสือของข้า เจ้ามีเรื่องต้องอบรมมากนัก”เขาสั่งให้นางไปพบที่ห้องทำงานของเขา ไป๋เจินเจินเกาหัวแกรกๆ อะไรของเขาวะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจ้าวหย่งเฉิงก็ไปรอตัวต้นเรื่องที่ห้องหนังสือ แต่ไป๋เจินเจินกลับไปขวางทางสวีข่ายเหยียน จินเสี่ยวฟงและฝางอี้หลุนเอาไว้ ทั้งสามคนมองหน้านาง ก่อนที่สวีข่ายเหยียนจะผลักไหล่ให้หลบไป แต่ไป๋เจินเจินจับมือของสวีข่ายเหยียนแล้วออกแรงบีบ เขาร้องทันที"เจ้าๆทำอะไรนังยาจก ปล่อยข้านะ""ปากดีอีกข้าจะหักมือเจ้า""นี่ไป๋เจินเจินปล่อยข่ายเหยียนนะ เจ้าต้องการอะไร"จินเสี่ยวฟงเอ่ยปากถามนาง ไป๋เจินเจินผลักสวี่ข่ายเหยียนไปอีกด้านก่อนจะเป่าปากแล้วเอ่ยขึ้น"คัดกฎสำนักห้าร้อยจบราคาสองตำลึง พวกเจ้าขี้เกียจข้ารู้ดี ได้เข้าเรียนก้เพราะเงินตำลึงที่แอบจ่ายใต้โต๊ะอาจารย์จอมละโมบพวกนั้น แต่ช่างเถอะเรืองนั้นไม่เกี่ยวกับข้า กฎสำนักที่ถูกลงโทษพวกเจ้าให้บ่าวช่วยเขียนคงไม่ได้หรอก ได้ยินว่าตาเฒ่าจ้างหย่งเฉิงราชครูคนนี้ฉลาดมากนัก ข้าเรียนไม่ได้เรื่อง แต่ถ้าเป็นเรื