ไป่เจินเจินไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาคนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังกำลังถูกอาจารย์เจ้าระเบียบหมายหัวอีกต่างหาก นางวิ่งลัดเลาะไปทั่วเขา วางกับดักเอาไว้ หากได้สัตว์ป่าสักตัวนางจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อเนื้อหมูหรือซื้อไก่ สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีขาวๆแวบๆ
"หืมนี่มันของดีนี่นา อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของท่านย่าพี่ข่ายเหยียนเอาไปให้เขาดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ใจกว้าง"
ไป๋เจินเจินวางกับดัก คนที่ตามมาดูก็งงว่านางทำอะไรเพื่อจะกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินวางกับดักทั่วภูเขา ที่นางเดินผ่าน ไม่นานก็มีแต่กับดักเต็มไปหมด บุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์ไม่รู้ว่านนางกำลังทำอะไรเห็นนางก้มๆเงย หลังจากวางกับดักแล้วก็ใจเย็นนอนบนกิ่งไม้รอให้เหยื่อมาติดกับ
สวบ!!เสียงกับดักทำงานแต่ไป๋เจินเจินไม่ลงมาดู ไม่นานก็ได้ยินอีก สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!!มู่ถิงน้ำตาคลอนี่มันกับดักบ้าอะไร นังเด็กน้อยนี่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย หากเขาจัดการนางคุณชายเอาเรื่องเขาแน่ๆ ดูท่าทางจะสนใจปีศาจน้อยตัวนี้เสียด้วย มูาถิงเดินเขยกๆกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
"เหอะ นึกว่าจะแน่ไอ้คนไม่เอาไหนเอ้ย"
จากนั้นก็วางกับดักต่อไป ไม่นานเจ้าตัวดีก็โผล่มา ไป่เจินเจินดักได้หนึ่งตัว กำลังจะจับอีกตัวปรากฏว่าตัวในตะกร้าก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เพียงพอนขาวอีกตัวก็รีบมาที่ตะกร้าพร้อมกับทำท่าจะกัดนางเช่นกัน ไป๋เจินเจิ่นเอาร่มฟางให้มันงับแทนจากนั้นก็เปิดตะกร้าดู ให้ตายสิพระเจ้ามันกำลังคลอดลูก ไป่เจินเจินเอาชุดนักเรียนของสำนักศึกษาวางให้มัน แม่เพียงพอนคลอดออกมาสามตัวเป็นสีขาวทั้งหมด
"แคว้นต้าเหลียงนับถือว่าเพียงพอนเป็นสัตว์มงคล ถ้าเช่นนั้นขายพวกเจ้าข้าก็รวยแล้ว"
แม่เพียงพอนกะพริบตามองมายังนาง ส่วนเจ้าตัวผู้ที่น่าจะเป็นพ่อของมันก็อาศัยความไวกระโดดลงไปในตะกร้า ก่อนจะดมเลียๆลูกๆทั้งสามตัว ไป่เจินเจินถอนหายใจ
"ไปอยู่กับข้าๆสัญญาว่าจะเลี้ยงดูตกลงไหม ตอนแรกจะให้เจ้ากับฮูหยินเฒ่าตระกูลสวี ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าวาดรูปสักใบไปให้นางก็ได้มาเถอะกลับบ้านกัน"
ไป๋เจินเจินเดินลงเขาพร้อมตะกร้าสะพายหลัง นางไม่รู้เลยว่าด้านหลังมีคนมองตามอยู่ ส่วนที่บ้านก็มีคนมารอเช่นกัน
"คุณชายแม่นางน้อยดูท่าคงรู้แต่แรกว่ามู่ถิงสะกดรอยตามนาง เพียงพอนเป็นสัตว์มงคลของแคว้น นายพรานเก่งๆยังล่าไม่ได้แต่นางกลับล่าได้"
"อืม...ช่างเป็นเด็กน้อยที่คาดเดายากจริงๆ เป็นอย่างไรบ้างเล่ามู่ถิง โชคเลือดมาเชียว"
"กับดักนางร้ายกาจมากนัก หากไม่แข็งแกร่งพอเป็นคนธรรมดาอาจเจาะลึกถึงกระดูกเลยขอรับ"
"ไปกันเถอะ ข้าอยากไปสำนักศึกษาสักหน่อยมีเรื่องจะคุยกับอาเฉิง"
ทั้งหมดพากันไปด้านที่ตั้งของสำนักศึกษา คนละด้านกับที่ดรุณีน้องเดินจากไป ไป๋เจินเจินมาถึงที่บ้านก็พยายามย่องเข้าบ้านให้เงียบที่สุด เพราะว่าตอนนี้นางสวมชุดบุรุษมิใช่ชุดของสำนักศึกษาเช่นเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าห้อง บิดาเคยเป็นองครักษ์มาก่อนเขารับรู้ตั้งแต่นางมาถึงแล้ว เพียงแต่คนที่นั่งอยู่ด้วยส่ายหน้าให้เขาไม่ต้องทัก
ไป๋เจินเจินรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที นางนำลูกเพียงพอนกับแม่ของมันไว้ในตะกร้า และปิดฝาอย่างเดิม ก่อนจะไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้ว่าเงินที่สามคนนั้นให้มาเมื่อวานจะไม่มากแต่ซื้อชุดใหม่ได้สองชุดเดี๋ยววันนี้ไปซื้อให้บิดาด้วยดีกว่า ไป๋เจินเจินถักเปียสองข้างหลวมแซมด้วยดอกไม้ป่าสีเหลืองสลับชมพูขาวตามร่องของรอยที่เปีย ตัดกับชุดสีฟ้าที่นางสวมใส่ ทันทีที่นางเดินออกมาจากในห้องคนที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบถึงกลับชะงักค้าง มือยังคงถือถ้วยชาไว้มิได้ยกดื่มแต่อย่างใด
("ไม่ยักรู้เจ้างามเพียงนี้แม่เด็กน้อย")
จ้าวหย่งเฉิงเก็บสีหน้าและอาการตกอยู่ในภวังค์กลับมาพร้อมกับที่ไป่เจินเจินเห็นเขานั่งอยู่กับบิดานางจึงเดินมาหา ไม่รู้ว่าตาเฒ่านี่มาถึงนานแค่ไหนแล้วฟ้องอะไรกับท่านพ่อไปบ้าง ไป๋เจินเจินเดินเข้าไปหาทั้งคู่ก่อนจะเอ่ยคำและเอ่ยทักทาย
"ศิษย์คารวะอาจารย์จ้าวเจ้าค่ะ...ท่านพ่อลูกกลับมาแล้ว"
"อืม..ไปเรียนวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง"
"เอ่อ...ก็ดีเจ้าค่ะท่านพ่อลูกขอตัวไปตลาดสักหน่อยนะเจ้าคะพอดีลูกอยากซื้อของใช้สตรีเจ้าค่ะ"
"อาเจินอ่า..พ่อมีบุตรสาวแค่คนเดียวก็หวังว่าลูกจะมีความรู้ไม่ถูกใครดูหมิ่นดูแคลนลูกเข้าใจหรือไม่"
ไป๋เจินเจินเดินมาข้างหน้าก่อนจะคุกเข่าลง มือสองข้างวางที่หัวเข่าบิดาแนบใบหน้างามลงไปก่อนจะเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
"ท่านพ่อ..ลูกขออภัยเจ้าค่ะ แต่ลูกไม่อยากเรียนแล้วลูกอยากหาเงินมารักษาขาของท่านมากกว่า"
"อาเจิน..พ่อแก่แล้วจะอยู่อีกกี่ปีก็ไม่รู้ หากอาจารย์จ้าวไม่มาพ่อก็ไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมาเจ้าไม่ได้เรียน เพราะพวกเขาไม่ยอมสอนตอนนี้อาจารย์จ้าวรับปากแล้วว่าจะให้เจ้าเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของท่าน อีกอย่างไม่มีบ้านเดิมสนับสนุนอย่างน้อยเจ้าก็มีความรู้"
"ใครอยากแต่งงานกัน บุรุษเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจที่สุดบนโลกใบนี้"
พรวด!!จ้าวหย่งเฉิงที่ได้ยินคำพูดของนางถึงกับสำลักน้ำชา เด็กคนนี้ไปเอาวาจาร้ายกาจเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน โลกนี้สตรีมิพึ่งพาบุรุษจะอยู่ได้หรือ ไป๋จิ้งลูบหัวบุตรสาวก่อนจะเอ่ยกับคนที่นั่งตรงข้าม
"ขออภัยอาจารย์จ้าว นางยังเด็กอาจพูดจาไร้ความคิดไปบ้างท่านอย่าถือสาเลยนะขอรับ"
"พี่ไป๋จิ้งอย่ากังวลข้ามิถือสาเด็กที่ยังไม่โตเช่นนางหรอก วันนี้มีโอกาสได้พบท่านนับว่ามาไม่เสียเที่ยว ท่านความรู้กว้างขวางวันหลังมีเวลาข้าจะมาสนทนาด้วยอีก ส่วนอาเจินไม่ว่าบทกวีหรือคัมภีร์ต่างๆข้าจะตั้งใจสอนจนกว่านางจะได้อักษรทุกตัวแน่นอน"
"ขอบคุณท่านราชครูแล้ว"
"ท่านเรียกข้าหย่งเฉิงก็พอ"
"ท่านพ่อข้าไม่มีชุดไปเรียนแล้วคงไปเรียนไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เงินที่มีต้องเอาไว้ซื้อเสบียง"
ไป๋เจินเจินหาข้ออ้างไปเรื่อยแต่คนตัวโตกับรู้ทันนางก่อนที่เขาจะเอ่ย
"ตามข้าไปสำนักเดี๋ยวจะให้คนเอาชุดให้เจ้าใหม่ แล้วค่อยให้คนกลับมาส่ง"
"ไปเถอะ..ใกล้จะปลายยามเซินแล้วเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน ทางกลับบ้านไกลนัก"
"เจ้าค่ะ ท่านพ่อข้าขอแวะตลาดสักแป๊บแล้วจะซื้อขนมมาฝากนะเจ้าคะ"
"อาเจินพ่อจะไม่ถามว่าลูกไปเอาเงินตำลึงมาจากที่ใด ในเมื่อลูกบอกว่าคัดอักษรทั้งที่อาจารย์บอกว่าลูกเรียนไม่ได้สักตัว แต่หวังว่ามันจะมีที่มาสะอาดโปร่งใส"
"ท่านพ่อ ลูกขึ้นเขาหาสมุนไพรบ่อยๆก็ไปขายมาบ้าง แต่ว่ายังไม่พอค่ารักษาของท่าน"
"อย่ากังวลเรื่องพ่อนักเลย"
"พี่ไป้จิ้งข้าขอตัวก่อน ไป๋เจินเจินไปกันได้แล้ว"
จ้าวหย่งเฉิงเอ่ยลาบิดาของสาวน้อยก่อนจะเรียกให้นางตามไป ไป๋เจินเจินเดินตามเขามาด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ เมื่อขึ้นบนรถม้าก็นั่งห่างจากเขาราวกับรังเกียจเขานักหนา จ้าวหย่งเฉิงยกยิ้มมุมปาก เด็กคนนี้ต้องสั่งสอนจริงๆรถม้าออกจากตรอกมาได้ครึ่งทางจ้าวหย่งเฉิงนั่งเคาะนิ้วเล่นเบาที่เก้าอี้ก่อนจะลงลมปราณทำให้รถมาสั่นโคลงไปมาทำให้ไป๋เจินเจินถลามาหาเขากอดเขาเอาไว้ทันทีจ้าวหย่งเฉิงโอบแผ่นหลังนางไว้กระซิบข้างหูเบาๆ "ไหนว่าบุรุษน่ารังเกียจ กอดข้าแน่นเพียงนี้หรือว่าข้าเป็นข้อยกเว้น หื้ม""อาจารย์จ้าว ปะ ปล่อยศิษย์เถอะเจ้าค่ะ"มือที่โอบนางเอาไว้ปล่อยเอวบางข้างหนึ่ง ก่อนจะก้มลงช้อนข้อพับแล้วเอาร่างบางมานั่งบนตักตนเอง เขาแผ่ลมปราณให้รถม้าส่ายไปมาจนคนตัวเล็กต้องโอบรอบคอเขาไว้เพราะกลัวตก จ้าวหย่งเฉิงสูดกลิ่นหอมของเส้นผมที่สะอาดบวกกับดอกไม้ที่นางแซมผมเอาไว้ ไป่๋เจินเจินนั่งบนตักเขาจนถึงสำนักศึกษา เขาไม่ให้นางลงได้แต่สั่งคนขับรถม้า"เสี่ยวจง...ไปหาอาจารย์หยุนบอกเอาชุดนักเรียนสตรีมาสามชุด"เสี่ยวจงรับคำแล้วเข้าไปในสำนัก ไป่เจินเจินพยายามดิ้นลงจากตักเขาแต่จ้าวหย่งเฉิงกระซิบข้างหูนาง"นั่งดีๆสิ เ
รถม้าเคลื่อนออกไปพร้อมกับมีบางคนที่มาถึงตรอกเช่นกัน บุรุษทั้งสองเดินสำรวจในตรอกจนมาถึงบ้านของไป๋จิ้ง หนึ่งในนั้นเคาะประตูเบาๆ ไป๋จิ้งเดินออกมาดูทันทีที่เห็นหน้าก็กำลังจะคุกเข่า แต่คนผู้นั้นกลับแตะข้อศอกไป๋จิ้งเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเรียก"ท่านอาจารย์......ศิษย์อกตัญญูทำท่านลำบากแล้ว""ไม่ลำบากๆแต่อย่างไร ฮึกๆ ในที่สุดก็ได้พบกัน"ไป๋จิ้งสะอื้นเล็กน้อยจากนั้นทั้งสามคนเดินเข้ามาในบ้าน ไป๋เจินเจินนั่งวาดรูปอยู่ด้านใน นางได้ยินเสียงบิดาจึงเอ่ยถาม"ท่านพ่อ..ต้องการอันใดหรือไม่เจ้าคะ ให้ลูกไปหยิบให้ท่านดีหรือไม่"พ่อไม่ได้ต้องการอันใดหรอก ลูกนอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสืออีก""พรุ่งนี้สำนักศึกษาหยุดเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้านอนก่อนแล้ว หากท่านพ่อประสงค์สิ่งใดก็ตะโกนเรียกลูกนะเจ้าคะ"ไป๋เจินเจินตะโกนกลับมา ไป๋จิ้งยิ้มให้กับประตูห้องของบุตรสาว เขาเดินเขยกๆไปยังโต๊ะกลางห้อง บุรุษมาใหม่ถอนหายใจทันที ไป๋จิ้งหันกลับมาก่อนจะส่ายหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่เป็นไร ทั้งสามคนสนทนากันในห้องเสียงเบามากนัก ไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะได้เวลาแล้วแยกย้ายกันไป หลังจากที่สองคนนั้นไปแล้ว
ไป๋จิ้งเอ่ยชวนเขา แต่คนตัวเล็กที่กำลังถือกับข้าวออกมาอีกสองอย่างยืนหน้างอ ใครให้เขากินด้วย ไป๋เจินเจินกำลังจะเอ่ยว่านางไม่ได้หุงเผื่อคนอื่นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาขอกินด้วย จ้าวหย่งเฉิงก็เอ่ยตัดหน้าเสียก่อน"รบกวนพี่ใหญ่จิ้งแต่เช้า อาหารที่ท่านทำช่างน่าทานเช่นนั้นข้าแซ่จ้าวคงไม่เกรงใจแล้ว""ฮ่าๆๆ...อาหารเหล่านี้มิใช่ข้าน้อยทำหรอกขอรับเป็นบุตรสาวน่ะ อาเจินเพิ่มถ้วยกับตะเกียบอีกคู่สิ อาจารย์ของเจ้าจะกินข้าวเช้ากับเราด้วย"ไป๋จิ้งหันไปหาบุตรสาวที่ยืนหน้างอง้ำราวกับขอเบ็ดตกปลา ไป๋เจินเจินมองหน้าเขาเอาเรื่องทันทีที่บิดาหันกลับไปสนทนากับเขาต่อ จ้าวหย่งเฉิงเป่าน้ำชาเบาทั้งที่ทันไม่ได้ร้อนสักนิด ก้มลงจิบก่อนยิ้มมุมปากจ้าวหย่งเฉิงกำลังขบขันนางในใจ("เด็กน้อยเจ้าต่อต้านข้าหรือตราบใดที่บิดาเจ้าให้ความสำคัญกับข้าดูสิว่าเจ้าจะไปไหนรอด")ไป๋เจินเจินยอมไปหยิบชามกับตะเกียบมาให้กับจ้าวหย่งเฉิง นางไม่อยากกินข้าวรวมกับเขาแต่บิดานั่งอยู่จะแสดงความไม่พอใจมิได้จึงทำได้แค่นั่งลงตรงกันข้ามกับเขาแล้วก็เริ่มตักอาหารเข้าปาก จ้าวหย่งเฉิงที่เดิมไม่ได้อยากกินเท่าไหร่นักที่เขาทำเพราะอยากแกล้งสาวน้อยตรงห
ไป๋เจินเจินที่ตอนนี้เบื่อขี้หน้าอาจารย์เฒ่าของนางอย่างมาก ต้องไปบ้านพักนอกเมืองของเขาอีก หากไม่คิดว่าบิดาของร่างเดิมเป็นคนดีนะแม่จะวีนให้ฉ่ำเลย จะเกรงใจตาเฒ่านั่นทำไม่นักหนาก็ไม่รู้ นางเดินเข้าห้องก่อนจะเอาตะกร้าออกมา เมื่อเช้านางรีบไปตลาดหาซื้อเนื้อมาให้ตัวแม่มันได้อิ่มท้องเพราะต้องให้นมเจ้าลูกน้อย ไป๋เจินเจินเปิดตะกร้า เจ้าตัวพ่อขู่นางแต่ว่าตัวแม่ชูคอมาดูแล้วนอนต่อ ลูกพังพอนยังไม่ลืมตากำลังดูดนมแม่อยู่ ไป๋เจินเจินเอ่ยกับเจ้าตัวดีที่ขู่นาง"ข้าจะหาบ้านดีๆให้อยู่ อีกหน่อยหย่านมลูกเจ้าก็ต้องไปใช้ชีวิตเช่นลูกพังพอนตัวอื่น แต่หากไปอยู่กับทั้งสามคนพวกเขาจะเลี้ยงพวกเจ้าอย่างดี แล้ววันหนึ่งหากเจ้าเกิดทิ้งสัญชาตญาณสัตว์ป่าคิดถึงลูกก็ไปหาได้ข้าจะพาไป หากขู่ข้าอีกจะเอาเจ้าไปปล่อยบนเขาไม่ต้องเจอเมียอีกเลยดีไหม"เจ้าตัวดีส่งเสียงขู่เบาๆกลับมาไป๋เจินเจินเอ่ยกับมันอีกรอบ"หากเห็นพวกพี่ข่ายเหยียนห้ามทำตัวมีปัญหานะ ข้าจะให้เขาทำกรงให้พวกเจ้า จะได้อยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ไม่งั้นข้าจะเอาเจ้าไปขายเศรษฐีให้มีชีวิตอนาถายิ่งกว่าข้าในตอนนี้อีก เจ้าชื่อเสี่ยวป๋ายแล้วกันส่วนตัวเมียชื่อป๋ายฮูหยินฮ
สวีข่ายเหยียนถามนางเพื่อความแน่ใจ ไป่เจินเจินนับว่าใจกว้างมากนัก ให้ใครรู้ไม่ได้ว่านางมีพวกมันไว้ในครอบครองย่อมต้องมีคนแย่งชิง นางกับพ่อจะอันตรายเพราะว่าขนาดนายพรานเก่งๆยังล่าไม่ได้ยิ่งเป็นสีขาวด้วยยิ่งมีความศิริมลคล"อืม..พี่ข่ายเหยียน พี่อี้หลุน พี่เสี่ยวฟงพวกท่านช่วยข้าต่อกรงให้มันหน่อยได้ไหม ข้าต้องลำบากลากสังขารผอมๆราวกับคนขี้โรคไปนั่งหลังขดหลังแข็งขีดๆเขียนเรื่องไร้สาระสามวันนี้ไม่มีเวลาเลย"สามจอมเสเพลสะอึกทันที อาเจินอ่า..เจ้าจะด่าใครก็ควรให้พวกข้ากับก่อนสิแม่สหายตัวน้อย หน้าของอาจารย์จอมโหดยิ่งดำมืดลงเรื่อยๆ สวีข่ายเหยียนจึงรับปากว่าจะทำให้ ไป๋เจินเจินพยักหน้า สามหนุ่มจอมเสเพลกลับไปแล้ว ไป๋จิ้งดุบุตรสาวทันทีที่สหายของนางกลับไปหมด แต่เขาไม่อยากดุนางต่อหน้าจ้าวหย่งเฉิงจึงเรียกบุตรสาวเอาไว้ก่อน"อาจารย์จ้าว ขอคุยกับนางสักครู่ก่อนไปได้ไหมขอรับ""อืมตามสบายเถอะพี่ใหญ่จิ้ง ไป๋เจินเจินเจ้าเตรียมชุดด้วยค้างที่นั่นสามคืนกลับมาพร้อมข้าวันที่สำนักศึกษาเปิด ที่นั่นจะมีหมัวมัวมาสอนมารยาทให้เจ้า และข้ารู้ทันอย่าเอาบิดาเจ้ามาอ้างและอย่าเอ่ยถึงบิดาเจ้าอีกข้าให้หมอในจวนมาดู
อากาศเริ่มเย็นลงเพราะบ้านพักอยู่บนเขา จ้าวหย่งเฉิงกำลังเขียนหนังสืออยู่ก็เริ่มรู้สึกว่าแสงตะวันเริ่มจะหมดไปทีละนิด หากให้นางนอนต่อไม่ปลุกเดี๋ยวคืนนี้จะนอนไม่หลับ จ้าวหย่งเฉิงจึงวางพู่กันแล้วเดินไปที่ห้องพักของแม่ตัวดีที่เขาอุ้มนางไปนอนเมื่อตอนบ่ายไป๋เจินเจินตื่นมานานแล้ว นางถูกคนอุ้มมานอนที่ห้องนี้ คงเป็นตาแก่จ้าวนั่นแหละจะมีใครอีกเล่า นางขี้เกียจไปเรียนต่อจึงหาเดินเล่นจนกระทั่งมาเจอบ่อน้ำร้อนของที่นี่ นางสำรวจจนทั่วแล้วคงมีเพียงท่านป้าคนหนึ่งที่ทำครัว กับท่านลุงที่กวาดลานกับเสี่ยวจงขับรถม้า"ท่านลุงๆ..ที่นี่มีกันแค่นี้หรือเจ้าคะ""อ้อ..ขอรับคุณหนู""อย่าเรียกข้าว่าคุณหนูเลย ข้าชื่อเจินเจินเจ้าค่ะ ไป๋เจินเจิน""อ้อ...แม่นางไป๋ที่นี่อยู่กันเพียงเท่านี้ขอรับ มีเพียงใต้เท้าเท่านั้นที่พักที่นี่ ส่วนคนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่มย่ามขอรับ""อ้อ....ข้าเดินเล่นได้ไหมเจ้าคะท่านลุง""ได้ขอรับแต่ทางนั้นห้ามไปนะขอรับ เห็นเขตหวงห้ามของที่นี่ นอกเสียจากใต้เท้าอนุญาต""อ่อๆๆ..ข้ารู้แล้วขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ"จากนั้นชายชราก็ไปกวาดลานบ้านต่อ ไป๋เจินเจินที่สำรวจไปทั่วก็มาหยุดที่
ไป๋เจินเจินนั่งเอาคางเกยกับโต๊ะหนังสือ มือน้อยๆเขี่ยเล่นไปมา อยากกลับบ้านเป็นห่วงท่านพ่อยิ่งนัก หากกลับตอนนี้ประตูเมืองก็ปิดแล้ว เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆ เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาแต่สาวน้อยไม่สนใจ จ้าวหย่งเฉิงเห็นความต่อต้านในตัวนางรุนแรงจริงๆ"ข้าจะเริ่มสอนเจ้าเขียนหนังสือ อันดับแรกเพื่อฝึกข้อมือเจ้ามานั่งข้างๆฝนหมึกให้ข้าก่อนแล้วคอยดูว่าข้าเขียนอะไรจับพู่กันอย่างไร"เคล้ง!!เคล้งๆๆๆ เสียงพู่กันหล่นตามด้วยเสียงแท่งหมึกหล่น จ้าวหย่งเฉิงกัดฟันเอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงดุเข้ม"ไป๋ เจิน เจิน อยากลองดีหรือข้าลงโทษเจ้าได้นะมานี่เลย"นางลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหา จ้าวหย่งเฉิงสั่งนางถกกระโปรงขึ้นให้เหลือเพียงกางเกงขายาวด้านใน"ถกชายกระโปรงเจ้าไว้ที่หัวเขา หันหลังมา""ท่านจะตีศิษย์หรือ ท่านอาจารย์บิดามารดาข้ายังไม่เคยตีเลยท่านเป็นใครกันจะมาลงไม้ลงมือ""เพราะเจ้าไม่มีคนสั่งสอนไงถึงเป็นเช่นนี้ อยากถูกหวดน่องหรือหวดก้นเจ้าเลือกเอง"ไป๋เจินเจินใจไม่ยอมแต่ทำอะไรไม่ได้สุดท้ายนางจึงยอมถกชายกระโปรงด้านหลังมาถึงข้อพับ จากนั้นก็ได้ยินเสียงไม้เรียวกระทบกับน่องของนางฟึ๋บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ร่างบางเจ็บไ
จวนปลูกติดกับเชิงเขา ยามดึกอากาศหนาวยิ่งนัก ไป๋เจินเจินซุกกายหาความอบอุ่นทันที จ้าวหย่งเฉิงรู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตขยับเขยื้อนก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองนอนที่ห้องลูกศิษย์จอมดื้อ เขากำลังจะลุกออกไปแต่นางกลับรั้งเขาเอาไว้แล้วกอดเอวเขาแน่น "อึ๊ย..หนาวชะมัดเลยอื้อออ"เสียงละเมอจากปากเล็กทำให้คนที่ถูกนางพันธนาการเอาไว้ถอนหายใจก่อนจะกอดตอบนางเพื่อให้ความอบอุ่น กลิ่นกายยั่วเย้าจนเขาต้องข่มตานอน สุดท้ายกว่าจะหลับได้ก็ยามอิ๋นไปแล้ว ยามเหมาจ้าวหย่งเฉิงตื่นขึ้นมาก่อนจะเอาแขนนางออกจากเอวหนา เขาต้องรีบกลับห้องหากนางตื่นขึ้นมาเดี๋ยวโวยวายอีก เด็กคนนี้ต้องปราบพยศให้ลงจริงๆ แต่เวลาเขาน้อยให้เสร็จเรื่องการออกข้อสอบเสียก่อน ร่างสูงลุกขึ้นเพื่อจะกลับห้อง เขาหันกลับมามองนางที่กำลังหลับอยู่ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเบาๆ"ข้าขอถอนคำพูดที่ว่าเจ้าแห้งแล้งนะ อืมไม่ยักรู้ว่าอวบอัดเพียงนี้ ไว้จะมานอนให้เจ้ากอดใหม่นะแม่ตัวดี"จากนั้นก็แอบหอมแก้มขาวเนียนแล้วเดินออกจากห้องไป รุ่งเช้าไป๋เจินเจินตื่นมาแต่เหมือนเมื่อคืนมีคนมากระซิบบางอย่างข้างหู แต่พูดอะไรนางจำไม่ได้ ท่านป้าจ้าวมาเคาะประตูก่อนจะบอกว่าเดี๋
"ท่านอา ข้าอยากไปเรียนกับอาเจิน เมื่อก่อนคนอื่นๆชอบดูถูกข้า หาว่าข้าไม่เอาไหนทั้งที่เป็นหลานสาวตระกูลบัณฑิต แต่ว่าข้าไม่ชอบคบค้ากับพวกเขานี่เจ้าคะ ตระกูลบัณฑิตจำต้องเก่งทุกคนหรือ อาเจินบอกว่าบางคนเกิดในตระกูลชาวนาทำนาไม่เป็นก็มี บางคนเกิดในตระกูลพ่อค้าขายของไม่เป็นก็มี"ทันทีที่หลานสาวพูดจบเขาก็หันมาหาคนตัวเล็กทันที ไป่เจินเจินพยักหน้าให้กับหายก่อนจะเอ่ยตอกย้ำ"ใช่เจ้าค่ะอาจารย์ ต้นไม้ยังมีตรงมีงอ คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งเหมือนกัน บัณฑิตไม่ยอมให้ลูกหลานค้าขายบังคับศึกษาเล่าเรียน แต่กลับกันก็กีดกันพ่อค้ามิให้บุตรหลานรับราชการ ส่วนพวกตนเรียนมาเสียเปล่าดูถูกผู้อื่น แต่ทำตัวยิ่งกว่าขอทานรีดไปเอาเงินพวกเขาเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ยังกล้าเรียกตนเองว่าวิญญูชน""อาเจิน อย่าเสียมารยาท"ไป๋จิ้งหยวนตำหนิบุตรสาว เพราะนอกจากอาจารย์จ้าวแล้วยังมีอีกคนที่เพิ่งเดินออกมา จ้าวหย่งเฉิงมองหน้านาง วาจาเช่นนี้หากคนในสำนักบัณฑิตได้ยินเข้าคงกระอักเลือดตายแน่นอน แต่น่าแปลกคนที่ตระหนักถึงหลักการ มิยอมให้ใครมาทำลายกฎเกณฑ์ที่สร้างมาอย่างเช่นท่านย่าของเขากลับยืนฟังนางเอื้อนเอ่ยสงบนิ่ง ไม่โมโหหรือตำหนิสักนิด จ้าวห
เมื่อเข้าเฝ้าเรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้ก็เสด็จกลับไปยังตำหนักคุณหนิง ไป๋จิ้งหยวนเองก็ตามเสด็จไปด้วย ซ่งหว่านเดินมาดัหน้าเขาก่อนจะเอ่ย"องครักษ์ไป๋ มิเจอกันเสียนานท่านสบายดีหรือ ได้ข่าวว่าปีก่อน ไท่จื่อถูกคนลอบทำร้าย มีองครักษ์ที่ทิ้งหน้าที่คนหนึ่ง""ดูเหมือนจะใช่ ชื่ออะไรนะ ซ่งเอ๋อร์ อืมนั่นมิใช่หลานชายของคุณชายรองบ้านท่านหรอกหรือใต้เท้าซ่ง""หึ...ไป๋จิ้งหยวน ได้ไปไหว้หลุมศพฮูหยินบ้างหรือเปล่า ได้ยินว่าบุตรสาวเพิ่งปักปิ่นมิใช่หรือ หากข้าอยากทาบทามให้หลานชายคนโตของข้า มิทราบว่าใต้เท้าไป๋คิดเห็นเช่นไร"ฮูหยินของเขาถูกพิษเรื่องนี้เขารู้ดี ที่ต้องทำเป็นคนขาเป๋ เป็นเพียงทหารหนีหน้าที่เพราะต้องปกป้องบุตรสาว แต่บัดนี้อาเจินมีคนปกป้องแล้ว สกุลซ่งพวกเจ้าไม่อยากอยู่ก็บอกข้าดีๆสิ"เรื่องเซ่นไหว้ภรรยาใต้เท้าซ่งมิต้องมากังวลหรอก ส่วนบุตรสาวข้านั้นนางมีคู่หมายแล้ว หรือท่านมิได้ฟังราชโองการสมรสพระราชทานของบุตรสาวข้ากับราชครูจ้าว อ้อซ่งหว่านหวังว่าจะไม่ทำให้ท่านเสียหน้าในเรื่องนี้ ต้องขอตัวก่อนดูเหมือนฝ่าบาทจะเรียกหาข้าแล้ว"ไป๋จิ้งหยวนเดินจากไปโดยที่ไม่มองกลับมายังชายชราที่ยืนกำมือแน่น เขาส่งคนไปเยี่ยมบ้
ส่วนซ่งหว่านรอคำตอบอยู่ เขาได้รับการยืนยันแล้วว่ารัชทายาทที่อยู่ในตำหนักบูรพาเป็นตัวปลอม ตัวจริงคงเสียชีวิตไปตั้งแต่เกือบสองปีก่อนแล้วหยางมู่เฉินเดินออกมาอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้ก่อนจะกราบทูล"ทูลฝ่าบาท เรื่องอาวุธมิได้หายไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ แต่เนื่องจากคุณภาพที่หลอมออกมานั้นย่ำแย่ กระหม่อมจึงได้หาวิธีหลอมออกมาใหม่ และยามนี้ก็ได้อาวุธที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมากนัก"ซ่งหว่านถึงกับส่ายหน้าก่อนจะเดินมาตรงหน้าเขาอย่างไม่เกรงใจ"ไท่จื่อ มิใช่กระหม่อมดูถูกพระองค์ อาวุธเหล่านี้สกุลซ่งของเราดูแลมาตลอด ทรงบอกว่าอาวุธที่มีคุณภาพย่ำแย่เช่นนั้นทรงกล้านำสิ่งที่หลอมใหม่มาเปรียบเทียบหรือไม่เล่าพ่ะย่ะค่ะ"หยางมู่เฉินหันไปทางที่ฮ่องเต้ประทับอยู่ก่อนจะเอ่ย"ฝ่าบาท ที่นี่ท้องพระโรงห้ามพกอาวุธ แต่ลังอาวุธอยู่ด้านนอก จะเสด็จทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น จ้าวหย่งเฉิงอารักขาทันที และคนที่ซ่งหว่านคิดไม่ถึงก็ยืนอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท ไป๋จิ้งหยวนมิใช่กลายเป็นไอ้คนพิการไปแล้วหรือ ก่อนจะเอ่ยอีกเรื่อง"ฝ่าบาท ไท่จื่อพระองค์นี้คือไท่จื่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ขุนนางฟังแล้วก็
ไป๋เจินเจินค่อนขอดในใจ คนบ้านี่เอานางมาทิ้งแล้วหายหัวไปสามวันแล้ว พวกนางกำลังขนไหผักดองไปเก็บก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อนางเป็นเสียงเรียกที่คุ้นเคย จากนั้นนางก็หันไป ดรุณีน้อยคนหนึ่งยืนยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงสวยขาวสะอาดจ้าวลู่ซินวิ่งมาหานางทันที ไป่เจินเจินเค้นความทรงจำเดิม นางคือเพื่อนสนิทของเจ้าของร่าง แต่เพราะขี้เกียจเรียนหนังสือ จึงถูกท่านย่าทวดของนางพาไปไหว้พระด้วยและเพิ่งกลับมา "อาเจิน ข้าได้ยินว่าท่านอาพาคนมาพักที่นี่ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้า""ท่านอาหรือ..อาจารย์เป็นบุตรชายคนเดียวของมหาราชครูจ้าวเหว่ย อาซินเจ้าเป็นญาติฝ่ายไหนตาแก่จ้าวกันหรือ"คนที่เพิ่งลงมาจากรถม้าถึงกับสะอึก ตาแก่จ้าวหรือ ว่าที่หลานสะใภ้นางนี่วาจาช่างร้ายกาจจริงๆ มิน่าเจ้าหลานบ้าถึงถูกใจ ชอบสตรีโลดโผนแบบนี้สินะ เฮ้อ"ซินเอ๋อร์..อย่าเสียมารยาท""เจ้าค่ะท่านย่าทวด อาเจินนี่ท่านย่าทวดของข้า อ้อท่านปู่จ้าวเหว่ยบิดาของท่านอาหย่งเฉิงเป็นพี่ชายของท่านปู่ข้าน่ะ"ไป๋เจินเจินยอบกายคารวะหญิงชราทันทีที่จ้าวลู่ซินเอ่ยจบ พร้อมกับอีกสามคนก็คำนับเช่นกัน"ข้าน้อยไป๋เจินเจินคารวะไท่ฮูหยิน ขอให้ไท่ฮูหยินมีสุขภาพแข
ไป๋เจินเจินยังคงอึ้งอยู่ ดูเหมือนการแต่งงานครั้งนี้มิใช่เรื่องปกติ ศัตรูของบิดามีอำนาจหรือ ยิ่งใหญ่แค่ไหนถึงกับต้องให้นางไปหลบภัยที่อื่น มิน่าเขาแปลกๆมาหลายวันแล้ว ส่วนจ้าวหย่งเฉิงเองก็คงอยากรับผิดชอบในวันนั้นที่เขาเห็นเรือนร่างนาง แต่งได้ก็หย่าได้ เอาเป็นว่าหาหลุมภัยก่อนแล้วกัน รอให้สืบแน่ชัดว่าศัตรูบิดาเป็นผู้ใดค่อยว่ากัน เรือมาถึงริมตลิ่ง จ้าวหย่งเฉิงก็ลุกขึ้นอุ้มนางแล้วดีดตัวขึ้นฝั่ง ไป๋เจินเจินขึ้นไปนั่งบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว มีกรงเพียงพอนอยู่บนรถม้า เสี่ยวจงกลับไปเอาเพียงพอนมาให้นางหรือ แปลว่าท่านพ่อคงจะไม่กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก แล้วสหายของนางอีกสามคนเล่ารถม้าเคลื่อนไปแล้ว จ้าวหย่งเฉิงรู้สึกว่าที่นางไม่โวยวายนั้นแปลกมาก ด้วยนิสัยของนางไม่น่าจะสงบ แปลว่านางกำลังหาทางรู้ความจริง ต้องไม่ให้นางสืบได้อะไร มิเช่นนั้นจะปกป้องนางลำบาก เขาจึงเอ่ยกับนาง"พี่รับสามคนนั้นเป็นลูกศิษย์ส่วนตัว พวกเขาจะมาพักที่เรือนไผ่ พวกเจ้าจะได้เรียนด้วยกัน ห้ามสนิทมากเกินไปพี่หึง""ใครเขาจะคิดอกุศลเช่นท่าน คนเอาแต่ใจ""มานี่ มานั่งตักดีๆอย่าดื้อ""เฮ้อ..ไม่หนักหรือข้าตัวใ
จ้าวหย่งเฉิงพายเรือมาจนถึงกลางบึง เขาเลี้ยวเข้าไปยังกลางดงที่มีใบบัวบังหนาแน่น เรือลำใหญ่พอให้เขาได้นอนเหยียดยาว จ้าวหย่งเฉิงกระเถิบมาหาคนตัวเล็กก่อนจะนอนหนุนตักนาง ไป๋เจินเจินทำอะไรไม่ถูก เมื่อวานก็จูบนาง วันนี้ก็จูบนาง ตอนนี้ยังมานอนหนุนตักอีก มือบางไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน นางเงอะงะไปหมด จ้าวหย่งเฉิงรวบมือสองข้างของนางมาจูบแล้วนำมาแนบกุมเอาไว้ที่หน้าอกตนเอง เขาหลับตาปล่อยให้เรือลอยไปเรื่อยๆตามกระแสน้ำเอื่อยๆ นี่เพิ่งจะยามซื่อ ใบบัวชูก้านสูงช่วยบังแดดได้ดี ไป๋เจินเจินเห็นเขาหายใจสม่ำเสมอ คนบ้านี่นอนหลับบนเรือจริงๆด้วย ไม่กลัวเรือล่มตกน้ำตกท่านหรือไงนะ จ้าวหย่งเฉิงไม่ได้หลับ เขารู้สึกถึงอารมณ์คนที่นั่งอยู่ นางกำลังเกร็งตัว เขาแอบอมยิ้ม ไปๆมาๆก็หลับไปจริงๆ เรือลอยมาจนถึงกอบัวหนาแน่นไปต่อไม่ได้มันจอดอยู่ตรงนั้น ไป๋เจินเจินหาวเหมือนกัน เมื่อคืนเหมือนนอนไม่อิ่มเลย นางนั่งสัปหงก จ้าวหย่งเฉิงลืมตามามองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"ง่วงหรืออาเจิน นอนกับพี่ไหม""อื้อ อาจารย์มันฟังดูแปลกๆนะเจ้าคะ เรียกท่านลุงยังพอฟังขึ้นบ้าง อื้อ"คนตัวโตรั้งนงมาจูบ เรือที่จอดอยู่โคลงทันที
เมื่อมื้อเช้าผ่านไปไป๋เจินเจินก็เดินกอดกระดานเลื่อนออกจากบ้าน จ้าวหย่งเฉิงให้นางไปก่อน เขารั้งอยู่เพื่อที่จะพูดคุยกับไป๋จิ้ง เมื่อบุตรสาวไปรอบนรถม้าแล้วทั้งคู่จึงได้สนทนากัน"ท่านราชครู..มีเรื่องอันใดหรือขอรับ""ใต้เท้าไป๋ สกุลหวงกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนจะวางแผนบางอย่าง รัชทายาทคนนั้นท่านพบหรือยัง""ข้าพบแล้วและได้แจ้งข่าวไปแล้ว อีกอย่างเมื่อคืนมีคนบุกรุกบ้านข้า ท่านราชครูข้าบอกตามตรงข้าเป็นห่วงอาเจิน หากนางแต่งงานกับท่านข้าจะได้หมดห่วง แต่นางเด็กเกินไปข้าเกรงว่าท่านจะปวดหัวกับนาง""ข้ารู้วิธีปราบพยศนาง แต่ท่านจงอย่าลืมหากแต่งงานกับข้าแล้วนางมิอาจแต่งกับใครได้อีก ท่านจะยอมใช้แผนนี้ปกป้องนางจริงๆหรือ""ขอเพียงท่านเมตตานาง หากเสร็จเรื่องสกุลหวง ข้าจะพานางไปอยู่ที่อื่น ไกลจากเมืองหลวงไร้คนรู้จัก หากนางอยากแต่งงานขอเพียงบุรุษนั้นเป็นคนดี รักนางจริงใจข้าก็ยินดี"จ้าวหย่งเฉิงพยักหน้า หย่านางหรืออย่าได้หวัง ในเมื่อท่านขอร้องให้ข้าช่วยคุ้มครองบุตรสาวท่าน ข้าก็เสนอเรื่องแต่งงาน ท่านรับปากยกนางให้ข้าเองนะไป๋จิ้งหยวน ไป๋เจินเจินสามีเจ้าคือข้า วันนี้วันหน้าเจ้าก็คือฮูหยินขอ
ยามไป๋เจินเจินตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อคืนคลับคล้ายคลับคลาว่าบิดาเหมือนจะเข้ามาในห้อง หอมหน้าผากนางอีกทั้งยังห่มผ้าให้อีกด้วย ก่อนหน้านั้นได้กลิ่นแปลกๆเหมือนเป็นกำยาน กระทั่งบิดาเดินมาเห็นบุตรสาวหยุดยืนมองที่พื้นบ้าน ไป๋เจินเจินสังเกตเห็นรอยคล้ายคราบรูปร่างของคนที่นอนอยู่ มันเหมือนกับเวลามีเหตฆาตกรรมหรือมีอุบัติเหตุจะมีการมาร์คจุดเอาไว้ แต่นี่มันเบาบางมาก แต่ก็คล้ายๆคนนอนตายอยู่ตรง"อาเจิน ลูกมองอะไรหรือ""เอ่อ อ้อ ท่านพ่อเมื่อคืนท่านได้ยินอะไรหรือไม่เจ้าคะ""อืม..พ่อเคยเป็นเจ้าหน้าที่มาก่อนน่ะ มีคนบุกรุกบ้านของเรา แต่ราชครูส่งคนมาคอยดูแลลูกกับพ่อจึงได้ปลอดภัย""อาจารย์จ้าวหรือเจ้าคะ เขารู้ได้อย่างไรว่าจะมีคนมาบุกรุกที่บ้านของเรา""ดูเหมือนเรื่องที่ลูกจับเพียงพอนมาได้น่าจะมีคนรู้เรื่อง อาเจินลูกอยากย้ายบ้านมาตลอด เช่นนั้นพ่อจะยอมย้าย หลังจากพิธีปักปิ่นแล้ว พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า""เรื่องอันใดเจ้าคะ อีกอย่างเราจะย้ายไปที่ใดกัน ท่านพ่อข้ามีเงินเก็บอยู่เอ่อ สามพันตำลึงหาบ้านดีๆไม่ต้องใหญ่อยู่นอกเมือง สงบๆดีไหมเจ้าคะ""อืม..ลูกไปเอาเงินมาจากไหนมากมายเพียงนั้น""ลูก
ไป๋จิ้งเดินออกมาข้างนอกก็เจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ เขาถอนหายใจก่อนจะเบี่ยงตัวให้อีกฝ่ายเข้ามาในบ้าน"เหตุใดทรงลงจากเขาพ่ะย่ะค่ะไท่จื่อ สกุลซ่งไม่นอนใจเรื่องครั้งนั้นว่ากระหม่อมรู้เห็นแผนการกบฏหรือไม่ อีกอย่างรัชทายาทตัวปลอมเองก็ไม่รู้เรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้น หากซ่งหว่านอยากพบปะพูดคุยกับพระองค์ เด็กคนนั้นจะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่""สกุลซ่งเป็นบ้านเดิมองค์ชายห้า เขาอยากให้หยางตงชิงขึ้นดำรงตำแหน่งรัชทายาทแทนข้า เพียงแต่มารดาของเขาเป็นเพียงเฟย ส่วนข้ามารดาคือฮองเฮาแผนการก่อกบฏ จึงดำเนินมาเรื่อยๆ""รัชทายาทที่ตำหนักบูรพาคนนั้นเก่งกาจไม่น้อย แม้จะถูกลอบฆ่าบ่อยครั้งแต่ยังคงรอดมาได้ เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่ระแคะระคายยังคงคิดว่าคนนั้นคือพระองค์อยู่""อืม..หานสุ่ยติดตามข้ามาตั้งแต่เขาห้าขวบยี่สิบปีมานี้เขาไว้ใจได้ เรื่องคุณหนูสกุลเว่ยคนนั้นที่มีเรื่องกับบุตรสาวท่านดูเหมือนจะพอใจในตัวหานสุ่ยไม่น้อยเลยนะท่านอาจารย์""ได้ยินว่านางหมั้นหมายอยู่กับคนสกุลจิน นางถูกเจ้าขับออกจากสำนักคงคิดแค้นแม่หนูน้อยอาเจินของข้าเสียแล้วล่ะ ราชครูจ้าว" "จินเสี่ยวฟงมิได้ชอบนาง ทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า