ไป๋เจินเจินตื่นมาทำอาหารเช้านางต้มข้าวต้มและหุงข้าวขาว จากนั้นเอาเนื้อหมูมาเคล้าเกลือซื้อพริกไทยมาจากหอโอสถห่อหนึ่งก็เอามาบดๆ คลุกเคล้ากันหมักเอาไว้ ไข่ไก่ถูกนำมาตีจนเนื้อไข่เนียน ไป๋เจินเจินเติมน้ำแล้วปรุงรสด้วยเกลือ เหยาะน้ำมันเล็กน้อยแล้วตีให้เข้ากันอีกที ช้อนฟองอากาศออกจนเนื้อที่ตีเนียน
หุงข้าวและต้มข้าวเสร็จแล้วไป๋เจินเจินก็เพิ่มฟืนแค่หนึ่งท่อน ตั้งกระทะจนน้ำเดือดนำชามไข่ตุ๋นวางลงไป เงินสามตำลึงพอซื้อเพียงกระทะใบไม่ใหญ่แต่ก็พอให้สองพ่อลูกทำอาหารกินได้ไม่ลำบาก
ไป่เจินเจินมองไปยังทางบิดาของร่างเดิม เพราะมีคนปองร้ายรัชทายาท เขาเข้าช่วยเหลือ เว่ยซูหยางพี่ชายเว่ยซูถิงแอบอ้างเอาผลงานไป เพราะว่าไป๋จิ้งเจ็บหนักจากการที่ถูกคนร้ายลงมือ เขานอนพักรักษาตัวอยู่มาวันหนึ่งมีคนจากจวนเสนาบดีมาหาแล้วสั่งให้เขาปิดปากเงียบเรื่องวันนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตเขากับบุตรสาวจะไม่ปลอดภัย
ไป๋จิ้งมีเพียงร่างเดิมเป็นบุตรสาวคนเดียวเท่านั้น เขาจึงยอมกล้ำกลืนแต่ตระกูลเว่ยยังไม่หยุดรังควานสุดท้ายเขาต้องออกจากบ้านที่อยู่มาแต่เด็ก ถูกกลั่นแกล้งถูกบีบจนไม่เหลืออะไรเลย ในที่สุดก็เหลือเงินก้อนสุดท้ายมาเช่าบ้านที่ตรอกแห่งนี้
สหายของเขามือปราบที่มาไกล่เกลี่ยที่สำนักศึกษาเมื่อวานคือคนที่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่อย่างไรเล่าสกุลเว่ยมีอำนาจ เขาเองก็มีครอบครัวจึงทำได้เพียงฝากให้ร่างเดิมได้เข้าเรียนโรงเรียนของสำนักศึกษาหลวง เพื่อหวังว่าอย่างน้อยในอนาคตบุตรสาวจะได้คนดีๆ มาแต่งงานด้วย
ไป๋เจินเจินถอนหายใจนางไม่อยากไปอยู่ในวังวนแก่งแย่งอำนาจ นางคิดแค่จะเลี้ยงดูบิดาเจ้าของร่างให้ดี รักษาเขาให้หายเพื่อตอบแทนน้ำใจไป๋เจินเจินที่เสียสละร่างกายให้นางได้เกิดใหม่
เมื่ออาหารเรียบร้อยไป๋เจินเจินก็ยกไปวางไว้ที่ห้องโถง นางเดินไปหาบิดาเรียกเขามากินข้าว ไป๋จิ้งแปลกใจที่บุตรสาวตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร ปกติเขาไม่ปลุกนางจะไม่ตื่น
ไป๋จิ้งมองบุตรสาวด้วยสายตารู้สึกผิดอีกทั้งเป็นห่วงเป็นใย ไป่เจินเจินให้รำคาญสายตาเช่นนี้จริง นางจึงจำเป็นต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง เขาเอาแต่ตามใจบุตรสาวจนอ่อนแอ มิเช่นนั้นร่างเดิมคงไม่จากไปเพราะถูกคนกลั่นแกล้งหรอก
“ท่านพ่อเจ้าคะ อาเจินโตแล้วต้องทำบางอย่างด้วยตนเองจะเอาแต่พึ่งท่านไม่ได้ ท่านพ่อเลิกทำสีหน้าสำนึกผิดเถอะเจ้าค่ะ”
“พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกสาวของพ่อลำบาก”
“ท่านพ่อ...หากวันนี้ท่านไม่ให้ข้าทำอันใดเลยอย่าหาว่าข้าเอ่ยวาจาอกตัญญูนะเจ้าคะ หากว่าวันข้างหน้าท่านเกิดจากไปแล้วข้าทำอันใดมิเป็น จะเอาชีวิตรอดเช่นไรกัน แม้ว่าอนาคตอาจได้แต่งงานกับบุรุษดีๆ สักคนที่มีฐานะเลี้ยงดูข้าได้ แต่หากนายหญิงของจวนไม่มีความสามารถสักด้านจะปกครองจวนกับบ่าวไพร่ได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
ไป๋จิ้งคิดตามที่บุตรสาวเอ่ยมา จากนั้นก็น้ำตาไหลเขาก้มหน้าเขี่ยข้าวในถ้วย หยดน้ำตาหยดลบงที่ชามข้าว ไป๋เจินเจินได้แต่ลอบถอนหายใจ บุรุษผู้นี้นางต้องใช้ยาแรงมิเช่นนั้นเขาจะไม่สามารมองเห็นข้อเท็จจริงได้ แล้วเป็นนางนี่แหละที่จะใช้ชีวิตลำบาก
“พ่อขอโทษนะ ที่ผ่านมาพ่อคิดอ่านตื้นเขินเกินไป ยังเป็นเจ้าที่รู้ตัว”
“ท่านพ่อ...ท่านมิได้ทำสิ่งใดผิดมิจำเป็นต้องขอโทษอันใด เพราะทุกอย่างที่ท่านทำเพื่อข้านั้นท่านทำเพราะความรัก แต่ท่านรักข้าเกินไปจนกลายเป็นรังแกข้า ทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ หากท่านรักและหวังดีกับข้าจริงๆ ท่านต้องยอมรักษาขา สองสามวันนี้ข้าจะคัดตำราให้อาจารย์หวง หลังจากรับเงินมาแล้วข้าจะพาท่านไปโรงหมอ ท่านพ่อหากรักข้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อข้านะเจ้าคะ”
บิดาพยักหน้า มือหยาบกร้านปาดน้ำตาก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดและสั่งน้ำมูก ไป่เจินเจินลอบถอนหายใจ เอาล่ะจากนี้ไปคือวางแผนหาเงิน ต้องทำการตลาดดีๆ จ้าวหย่งเฉิงฉลาดมากนัก มันคงจะดีกว่านี้หากเขาฉลาดอย่างเดียวสอนลูกศิษย์ไป แต่ที่น่าโมโหคือเจ้าบ้านั่นจ้องจับผิดนาง
“ท่านพ่อสายแล้วข้าต้องไปสำนักศึกษาแล้ว ข้าหุงข้าวสวยเอาไว้ให้มื้อเที่ยงไม่ต้องรอข้ากลับมากินนะเจ้าคะ ข้าจะคัดตำราที่โรงเรียนจะได้ส่งแล้วเบิกเงินโดยไว”
“อาเจินของพ่อ เจ้าเดินทางระวังตัวนะคนไม่ดีลูกต้องหลีกเลี่ยง และอย่าคบหาบัณฑิตหรือลูกศิษย์ที่เกฌรไม่ตั้งใจเรียนเหล่านั้นล่ะ”
“ท่านพ่อวางใจข้ารู้หนักเบา เอาล่ะท่านเข้าบ้านเถอะเจ้าค่ะ อย่าเดินไปเดินมาอีก เดี๋ยวจะหกล้มเช่นเมื่อวานได้”
ไป่เจินเจินที่ตอนนี้แต่งกายด้วยชุดบุรุษที่นางซื้อมาเมื่อวานก่อนจะเอาชุดนักเรียนของสำนักศึกษามาสวมทับ สะพายกระเป๋าผ้าที่นางลงทุนซื้อมาหนึ่งใบ จากนั้นก็เย็บเสริมด้วยตนเองมีช่องลับสองช่อง นางเดินไปทางสำนักศึกษา แต่เมื่อพ้นตรอกของบ้านเช่านางก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังเชิงเขาหลังโรงเรียนที่นัดกับคนเหล่านั้นไว้
เมื่อมาถึงไป๋เจินเจินก็นั่งรอพวกเขา ระหว่างรอก็ขีดเขียนๆ บางอย่างไปด้วย กระดาษที่เจ้าสามคนให้เงินมาซื้อเหลือเยอะมากนัก เพราะว่านางเขียนไม่เสียสักแผ่น ตอนนี้เงินตำลึงฌหลืออยู่เพียงหกร้อยอีแปะจากสามตำลึง ต้องหาทางใช้ไอ้สามคนนี้เป็นพีอาร์โฆษณาสิ่งที่อยู่ในมือของนางเสียแล้ว
ปลายยามเฉินทั้งสามคนก็มายังที่นัดหมายกันไว้ เมื่อมาถึงก็เห็นไป๋เจินเจินในชุดบุรุษอีกทั้งยังทำทรงผมคล้ายกับบุรุษ นางดูรูปงามหล่อเหลา หากพวกเขาไม่รู้ว่านางเป็นสตรีคงไม่พอใจเท่าไหร่ที่มีบุรุษรูปงามมานั่งเรียนอยู่ด้วย
ไป๋เจินเจินยืนรอพวกเขาที่ด้านป่าหลังโรงเรียน ทั้งสามคนรีบมาหานางก่อนจะเข้าเรียน ฟางอี้หลุนมาถึงก่อนเพราะนางบอกว่าให้มาทีละคน เมื่อมาถึงเขาก็อ่านดูงานของนางก่อนจะพอใจแล้วจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
“ข้าได้ยินว่าบิดาเจ้าป่วย ขาเดินกะเผลกหรือเสี่ยวเจิน ขอโทษนะไหนๆ เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วเรียกแบบนี้ดูสนิทกันมากกว่า เจ้าเรียกข้าว่าอี้หลุนก็ได้ข้าอายุสิบเก้าแล้ว”
“อืม....ได้พี่อี้หลุนขอบคุณท่านมากที่ไถ่ถามนะ ข้าอยากหาเงินไปรักษาขาท่านพ่อน่ะ แต่เงินค่าหมอคงแพงมากแต่ข้าจะพยายาม”
“เจ้าไปเป็นเพื่อนเรียนข้าสิ เจ้าเก่งเพียงนี้ข้าให้เงินเดือนเจ้าเดือนหกสิบตำลึงเพิ่มจากสามสิบตำลึงดีหรือไม่”
ฝางอี้หลุนเอ่ยชวน บิดาเขาเป็นพ่อค้าวาณิช ไม่จำกัดการคบสหายเช่นลูกหลานขุนนาง ท่านปู่กับท่านพ่อเอ่ยกับเขาเสมอ พ่อค้ามิได้อยู่เพราะขุนนาง ส่วนมากขุนนางมักขอทานมากกว่าซื้อ ชาวบ้านต่างหากที่ซื้อและบุญคุณกับพ่อค้าอย่างพวกเรา
ฝางอี้หลุนที่เอ่ยออกไปมีคนไม่พอใจทันที สวีข่ายเหยียนกับจินเสี่ยวฟงเดินหน้างอมาเลยก่อนที่จินเสี่ยวฟงจะเอ่ย
“อี้หลุน..เจ้าจะตัดหน้าพวกข้าหรือเจ้าเอาอาเจินไปคนเดียวถึงเวลาพวกข้าต้องการความช่วยเหลือจะทำเช่นไรเล่า”
“ใช่ อี้หลุน เสี่ยวฟงพูดถูก เราสามคนเป็นเพื่อนกันมานาน มาวันนี้เจ้าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวได้อย่างไรกัน”
สวีข่ายเหยียนเอ่ยอีกคน ไป๋เจินเจินต้องยกมือห้ามทัพก่อนจะเอ่ยกับทั้งสาม
“ข้าไม่ไปอยู่กับใครทั้งนั้นแหละ ข้ามีวิธีหาเงินที่ไม่ยาก อีกอย่างเรื่องนี้พวกเจ้าก็ได้ประโยชน์ด้วย”
“หืมเจ้ามีวิธีอะไร”
ไป๋เจินเจินหยิบเอาสมุดเล่มเล็กๆ ที่นางตัดเองเป็นสมุดทำมือ นี่เป็นวิธีคำนวณหลักคณิตศาสตร์ของเด็กประถมปลายซึ่งในยุคนี้อาจารย์สำนักศึกษาที่เก่งๆ หลายคนยังคำนวณออกมาไม่ได้เลย คนในยุคสมัยนี้แม้ว่าจะเรียนหนังสือแต่หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขหรือคณิตศาสตร์นั้นพวกเขาแทบจะไม่รู้เรื่อง สวีข่ายเหยียนตาโตทันทีก่อนจะถามนางว่าเอามาจากที่ใดกัน“อาเจิน..บอกข้าทีไปเอามาจากไหน เอ่อเรียกข้าเหมือนอี้หลุนก็ได้”“พี่ข่ายเหยียน พี่อี้หลุน พี่เสี่ยวฟง บิดาของข้านับวันก็ป่วย ข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรบ่อยๆ จะไปที่ร้านโอสถข้าก็ไม่มีเงินตำลึงไปซื้อ วันหนึ่งข้าเจอกับผู้อาวุโสคนหนึ่งเขาถามข้าว่าทำไม่ไปเรียน คงเห็นว่าข้าใสชุดสำนักศึกษากระมัง”“แล้วต่อจากนั้นเล่า” ฝางอี้หลุนใจร้อนอยากฟังจนจินเสี่ยวฟงตบศรีษะของเขาให้ฟังเงียบๆ“จากนั้นข้าก็ตอบไปว่า ข้าไปก็ไร้ประโยชน์อาจารย์เหล่านั้นไม่เต็มใจสอนข้า เพราะข้ายากจนไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ข้าๆๆ ฮือๆๆ ข้าพูดแล้วก็สะท้อนใจนัก ฮือๆๆ ผู้อาวุโสท่านนั้นเห็นว่าข้าอัดอั้นเขาจึงให้ข้าไปเจอกับเขาทุกวันหลังยามเซิน ข้าเรียนกับเขาได้สองเดือนจนพอเกือบจะทันพวกท่านแต่ๆๆ กลับถูกคุณหนูเ
ทางด้านสามคนที่กลับสำนักศึกษาเข้าห้องเรียนก็เดินผ่านคุณหนูทั้งหลายไปนั่งยังที่ประจำเพื่อรออาจารย์ เว่ยซูถิงไม่ได้อยากแต่งงานกับจินเสี่ยวฟงอยู่แล้ว นางแอบชอบรัชทายาทและนางอยากเป็นไท่จื่อเฟยมากกว่า พี่ชายได้ขึ้นชื่อว่ามีบุญคุณช่วยเหลือพระองค์ตอนที่ถูกลอบทำร้ายเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ไท่จื่อมักจะมาพูดคุยสนทนาที่จวนเสมอ นางขอท่านปู่ให้ถอนหมั้นนางกับจินเสี่ยวฟง แต่ท่านปู่ยังไม่รับปากเช่นนั้นนางจะหางทางเอง“หึ จนป่านนี้เพิ่งจะเข้าเรียน จ่ายเงินเข้ามาก็ยังเรียนไม่ได้น่าสงสารจริงๆ”“นี่เว่ยซูถิงสตรีปีศาจอย่างเจ้ากล้าต่อว่าคนอื่นหรือ หึ..อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ พี่ชายเจ้าพาเจ้าเข้ามาเรียนที่นี่ อาศัยแอบอ้างผลงานคนอื่นแล้วมาผยอง น่าสมเพช”“สวีข่ายเหยียน เจ้าพูดดีๆ นะใครแอบอ้าง พี่ชายข้าที่ผ่านมาไม่มีสิ่งใดให้ละอาย”“อ้อ..นี่เว่ยซูถิงข้าจินเสี่ยวฟงขอถามสักคำเถอะ พี่เจ้ากระบี่ยังตวัดสะเปะสะปะกลับบอกว่าคนเองเป็นวีรบุรุษอีกหรือ”“จินเสี่ยวฟง เจ้ามันขยะที่เรียนก็ไม่ได้เรื่องข้าจะถอนหมั้นเจ้า”“โย่ว..เจ้ารีบถอนเถอะ สตรีชั่วร้ายเช่นเจ้าใครได้ไปนับว่าชีวิตอัปมงคลยิ่งนัก”“เจ้าๆๆๆ”เว่ยซูถิงอับอายยิ่งนัก ยิ่งบ
ไป่เจินเจินไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาคนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังกำลังถูกอาจารย์เจ้าระเบียบหมายหัวอีกต่างหาก นางวิ่งลัดเลาะไปทั่วเขา วางกับดักเอาไว้ หากได้สัตว์ป่าสักตัวนางจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อเนื้อหมูหรือซื้อไก่ สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีขาวๆแวบๆ"หืมนี่มันของดีนี่นา อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของท่านย่าพี่ข่ายเหยียนเอาไปให้เขาดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ใจกว้าง"ไป๋เจินเจินวางกับดัก คนที่ตามมาดูก็งงว่านางทำอะไรเพื่อจะกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินวางกับดักทั่วภูเขา ที่นางเดินผ่าน ไม่นานก็มีแต่กับดักเต็มไปหมด บุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์ไม่รู้ว่านนางกำลังทำอะไรเห็นนางก้มๆเงย หลังจากวางกับดักแล้วก็ใจเย็นนอนบนกิ่งไม้รอให้เหยื่อมาติดกับสวบ!!เสียงกับดักทำงานแต่ไป๋เจินเจินไม่ลงมาดู ไม่นานก็ได้ยินอีก สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!!มู่ถิงน้ำตาคลอนี่มันกับดักบ้าอะไร นังเด็กน้อยนี่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย หากเขาจัดการนางคุณชายเอาเรื่องเขาแน่ๆ ดูท่าทางจะสนใจปีศาจน้อยตัวนี้เสียด้วย มูาถิงเดินเขยกๆกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย"เหอะ นึกว่าจะแน่ไอ้คนไม่เอาไหนเอ้ย" จากนั้นก็
จ้าวหย่งเฉิงเอ่ยลาบิดาของสาวน้อยก่อนจะเรียกให้นางตามไป ไป๋เจินเจินเดินตามเขามาด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ เมื่อขึ้นบนรถม้าก็นั่งห่างจากเขาราวกับรังเกียจเขานักหนา จ้าวหย่งเฉิงยกยิ้มมุมปาก เด็กคนนี้ต้องสั่งสอนจริงๆรถม้าออกจากตรอกมาได้ครึ่งทางจ้าวหย่งเฉิงนั่งเคาะนิ้วเล่นเบาที่เก้าอี้ก่อนจะลงลมปราณทำให้รถมาสั่นโคลงไปมาทำให้ไป๋เจินเจินถลามาหาเขากอดเขาเอาไว้ทันทีจ้าวหย่งเฉิงโอบแผ่นหลังนางไว้กระซิบข้างหูเบาๆ "ไหนว่าบุรุษน่ารังเกียจ กอดข้าแน่นเพียงนี้หรือว่าข้าเป็นข้อยกเว้น หื้ม""อาจารย์จ้าว ปะ ปล่อยศิษย์เถอะเจ้าค่ะ"มือที่โอบนางเอาไว้ปล่อยเอวบางข้างหนึ่ง ก่อนจะก้มลงช้อนข้อพับแล้วเอาร่างบางมานั่งบนตักตนเอง เขาแผ่ลมปราณให้รถม้าส่ายไปมาจนคนตัวเล็กต้องโอบรอบคอเขาไว้เพราะกลัวตก จ้าวหย่งเฉิงสูดกลิ่นหอมของเส้นผมที่สะอาดบวกกับดอกไม้ที่นางแซมผมเอาไว้ ไป่๋เจินเจินนั่งบนตักเขาจนถึงสำนักศึกษา เขาไม่ให้นางลงได้แต่สั่งคนขับรถม้า"เสี่ยวจง...ไปหาอาจารย์หยุนบอกเอาชุดนักเรียนสตรีมาสามชุด"เสี่ยวจงรับคำแล้วเข้าไปในสำนัก ไป่เจินเจินพยายามดิ้นลงจากตักเขาแต่จ้าวหย่งเฉิงกระซิบข้างหูนาง"นั่งดีๆสิ เ
รถม้าเคลื่อนออกไปพร้อมกับมีบางคนที่มาถึงตรอกเช่นกัน บุรุษทั้งสองเดินสำรวจในตรอกจนมาถึงบ้านของไป๋จิ้ง หนึ่งในนั้นเคาะประตูเบาๆ ไป๋จิ้งเดินออกมาดูทันทีที่เห็นหน้าก็กำลังจะคุกเข่า แต่คนผู้นั้นกลับแตะข้อศอกไป๋จิ้งเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเรียก"ท่านอาจารย์......ศิษย์อกตัญญูทำท่านลำบากแล้ว""ไม่ลำบากๆแต่อย่างไร ฮึกๆ ในที่สุดก็ได้พบกัน"ไป๋จิ้งสะอื้นเล็กน้อยจากนั้นทั้งสามคนเดินเข้ามาในบ้าน ไป๋เจินเจินนั่งวาดรูปอยู่ด้านใน นางได้ยินเสียงบิดาจึงเอ่ยถาม"ท่านพ่อ..ต้องการอันใดหรือไม่เจ้าคะ ให้ลูกไปหยิบให้ท่านดีหรือไม่"พ่อไม่ได้ต้องการอันใดหรอก ลูกนอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสืออีก""พรุ่งนี้สำนักศึกษาหยุดเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้านอนก่อนแล้ว หากท่านพ่อประสงค์สิ่งใดก็ตะโกนเรียกลูกนะเจ้าคะ"ไป๋เจินเจินตะโกนกลับมา ไป๋จิ้งยิ้มให้กับประตูห้องของบุตรสาว เขาเดินเขยกๆไปยังโต๊ะกลางห้อง บุรุษมาใหม่ถอนหายใจทันที ไป๋จิ้งหันกลับมาก่อนจะส่ายหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่เป็นไร ทั้งสามคนสนทนากันในห้องเสียงเบามากนัก ไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะได้เวลาแล้วแยกย้ายกันไป หลังจากที่สองคนนั้นไปแล้ว
ไป๋จิ้งเอ่ยชวนเขา แต่คนตัวเล็กที่กำลังถือกับข้าวออกมาอีกสองอย่างยืนหน้างอ ใครให้เขากินด้วย ไป๋เจินเจินกำลังจะเอ่ยว่านางไม่ได้หุงเผื่อคนอื่นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาขอกินด้วย จ้าวหย่งเฉิงก็เอ่ยตัดหน้าเสียก่อน"รบกวนพี่ใหญ่จิ้งแต่เช้า อาหารที่ท่านทำช่างน่าทานเช่นนั้นข้าแซ่จ้าวคงไม่เกรงใจแล้ว""ฮ่าๆๆ...อาหารเหล่านี้มิใช่ข้าน้อยทำหรอกขอรับเป็นบุตรสาวน่ะ อาเจินเพิ่มถ้วยกับตะเกียบอีกคู่สิ อาจารย์ของเจ้าจะกินข้าวเช้ากับเราด้วย"ไป๋จิ้งหันไปหาบุตรสาวที่ยืนหน้างอง้ำราวกับขอเบ็ดตกปลา ไป๋เจินเจินมองหน้าเขาเอาเรื่องทันทีที่บิดาหันกลับไปสนทนากับเขาต่อ จ้าวหย่งเฉิงเป่าน้ำชาเบาทั้งที่ทันไม่ได้ร้อนสักนิด ก้มลงจิบก่อนยิ้มมุมปากจ้าวหย่งเฉิงกำลังขบขันนางในใจ("เด็กน้อยเจ้าต่อต้านข้าหรือตราบใดที่บิดาเจ้าให้ความสำคัญกับข้าดูสิว่าเจ้าจะไปไหนรอด")ไป๋เจินเจินยอมไปหยิบชามกับตะเกียบมาให้กับจ้าวหย่งเฉิง นางไม่อยากกินข้าวรวมกับเขาแต่บิดานั่งอยู่จะแสดงความไม่พอใจมิได้จึงทำได้แค่นั่งลงตรงกันข้ามกับเขาแล้วก็เริ่มตักอาหารเข้าปาก จ้าวหย่งเฉิงที่เดิมไม่ได้อยากกินเท่าไหร่นักที่เขาทำเพราะอยากแกล้งสาวน้อยตรงห
ไป๋เจินเจินที่ตอนนี้เบื่อขี้หน้าอาจารย์เฒ่าของนางอย่างมาก ต้องไปบ้านพักนอกเมืองของเขาอีก หากไม่คิดว่าบิดาของร่างเดิมเป็นคนดีนะแม่จะวีนให้ฉ่ำเลย จะเกรงใจตาเฒ่านั่นทำไม่นักหนาก็ไม่รู้ นางเดินเข้าห้องก่อนจะเอาตะกร้าออกมา เมื่อเช้านางรีบไปตลาดหาซื้อเนื้อมาให้ตัวแม่มันได้อิ่มท้องเพราะต้องให้นมเจ้าลูกน้อย ไป๋เจินเจินเปิดตะกร้า เจ้าตัวพ่อขู่นางแต่ว่าตัวแม่ชูคอมาดูแล้วนอนต่อ ลูกพังพอนยังไม่ลืมตากำลังดูดนมแม่อยู่ ไป๋เจินเจินเอ่ยกับเจ้าตัวดีที่ขู่นาง"ข้าจะหาบ้านดีๆให้อยู่ อีกหน่อยหย่านมลูกเจ้าก็ต้องไปใช้ชีวิตเช่นลูกพังพอนตัวอื่น แต่หากไปอยู่กับทั้งสามคนพวกเขาจะเลี้ยงพวกเจ้าอย่างดี แล้ววันหนึ่งหากเจ้าเกิดทิ้งสัญชาตญาณสัตว์ป่าคิดถึงลูกก็ไปหาได้ข้าจะพาไป หากขู่ข้าอีกจะเอาเจ้าไปปล่อยบนเขาไม่ต้องเจอเมียอีกเลยดีไหม"เจ้าตัวดีส่งเสียงขู่เบาๆกลับมาไป๋เจินเจินเอ่ยกับมันอีกรอบ"หากเห็นพวกพี่ข่ายเหยียนห้ามทำตัวมีปัญหานะ ข้าจะให้เขาทำกรงให้พวกเจ้า จะได้อยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ไม่งั้นข้าจะเอาเจ้าไปขายเศรษฐีให้มีชีวิตอนาถายิ่งกว่าข้าในตอนนี้อีก เจ้าชื่อเสี่ยวป๋ายแล้วกันส่วนตัวเมียชื่อป๋ายฮูหยินฮ
สวีข่ายเหยียนถามนางเพื่อความแน่ใจ ไป่เจินเจินนับว่าใจกว้างมากนัก ให้ใครรู้ไม่ได้ว่านางมีพวกมันไว้ในครอบครองย่อมต้องมีคนแย่งชิง นางกับพ่อจะอันตรายเพราะว่าขนาดนายพรานเก่งๆยังล่าไม่ได้ยิ่งเป็นสีขาวด้วยยิ่งมีความศิริมลคล"อืม..พี่ข่ายเหยียน พี่อี้หลุน พี่เสี่ยวฟงพวกท่านช่วยข้าต่อกรงให้มันหน่อยได้ไหม ข้าต้องลำบากลากสังขารผอมๆราวกับคนขี้โรคไปนั่งหลังขดหลังแข็งขีดๆเขียนเรื่องไร้สาระสามวันนี้ไม่มีเวลาเลย"สามจอมเสเพลสะอึกทันที อาเจินอ่า..เจ้าจะด่าใครก็ควรให้พวกข้ากับก่อนสิแม่สหายตัวน้อย หน้าของอาจารย์จอมโหดยิ่งดำมืดลงเรื่อยๆ สวีข่ายเหยียนจึงรับปากว่าจะทำให้ ไป๋เจินเจินพยักหน้า สามหนุ่มจอมเสเพลกลับไปแล้ว ไป๋จิ้งดุบุตรสาวทันทีที่สหายของนางกลับไปหมด แต่เขาไม่อยากดุนางต่อหน้าจ้าวหย่งเฉิงจึงเรียกบุตรสาวเอาไว้ก่อน"อาจารย์จ้าว ขอคุยกับนางสักครู่ก่อนไปได้ไหมขอรับ""อืมตามสบายเถอะพี่ใหญ่จิ้ง ไป๋เจินเจินเจ้าเตรียมชุดด้วยค้างที่นั่นสามคืนกลับมาพร้อมข้าวันที่สำนักศึกษาเปิด ที่นั่นจะมีหมัวมัวมาสอนมารยาทให้เจ้า และข้ารู้ทันอย่าเอาบิดาเจ้ามาอ้างและอย่าเอ่ยถึงบิดาเจ้าอีกข้าให้หมอในจวนมาดู
"ท่านอา ข้าอยากไปเรียนกับอาเจิน เมื่อก่อนคนอื่นๆชอบดูถูกข้า หาว่าข้าไม่เอาไหนทั้งที่เป็นหลานสาวตระกูลบัณฑิต แต่ว่าข้าไม่ชอบคบค้ากับพวกเขานี่เจ้าคะ ตระกูลบัณฑิตจำต้องเก่งทุกคนหรือ อาเจินบอกว่าบางคนเกิดในตระกูลชาวนาทำนาไม่เป็นก็มี บางคนเกิดในตระกูลพ่อค้าขายของไม่เป็นก็มี"ทันทีที่หลานสาวพูดจบเขาก็หันมาหาคนตัวเล็กทันที ไป่เจินเจินพยักหน้าให้กับหายก่อนจะเอ่ยตอกย้ำ"ใช่เจ้าค่ะอาจารย์ ต้นไม้ยังมีตรงมีงอ คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งเหมือนกัน บัณฑิตไม่ยอมให้ลูกหลานค้าขายบังคับศึกษาเล่าเรียน แต่กลับกันก็กีดกันพ่อค้ามิให้บุตรหลานรับราชการ ส่วนพวกตนเรียนมาเสียเปล่าดูถูกผู้อื่น แต่ทำตัวยิ่งกว่าขอทานรีดไปเอาเงินพวกเขาเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ยังกล้าเรียกตนเองว่าวิญญูชน""อาเจิน อย่าเสียมารยาท"ไป๋จิ้งหยวนตำหนิบุตรสาว เพราะนอกจากอาจารย์จ้าวแล้วยังมีอีกคนที่เพิ่งเดินออกมา จ้าวหย่งเฉิงมองหน้านาง วาจาเช่นนี้หากคนในสำนักบัณฑิตได้ยินเข้าคงกระอักเลือดตายแน่นอน แต่น่าแปลกคนที่ตระหนักถึงหลักการ มิยอมให้ใครมาทำลายกฎเกณฑ์ที่สร้างมาอย่างเช่นท่านย่าของเขากลับยืนฟังนางเอื้อนเอ่ยสงบนิ่ง ไม่โมโหหรือตำหนิสักนิด จ้าวห
เมื่อเข้าเฝ้าเรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้ก็เสด็จกลับไปยังตำหนักคุณหนิง ไป๋จิ้งหยวนเองก็ตามเสด็จไปด้วย ซ่งหว่านเดินมาดัหน้าเขาก่อนจะเอ่ย"องครักษ์ไป๋ มิเจอกันเสียนานท่านสบายดีหรือ ได้ข่าวว่าปีก่อน ไท่จื่อถูกคนลอบทำร้าย มีองครักษ์ที่ทิ้งหน้าที่คนหนึ่ง""ดูเหมือนจะใช่ ชื่ออะไรนะ ซ่งเอ๋อร์ อืมนั่นมิใช่หลานชายของคุณชายรองบ้านท่านหรอกหรือใต้เท้าซ่ง""หึ...ไป๋จิ้งหยวน ได้ไปไหว้หลุมศพฮูหยินบ้างหรือเปล่า ได้ยินว่าบุตรสาวเพิ่งปักปิ่นมิใช่หรือ หากข้าอยากทาบทามให้หลานชายคนโตของข้า มิทราบว่าใต้เท้าไป๋คิดเห็นเช่นไร"ฮูหยินของเขาถูกพิษเรื่องนี้เขารู้ดี ที่ต้องทำเป็นคนขาเป๋ เป็นเพียงทหารหนีหน้าที่เพราะต้องปกป้องบุตรสาว แต่บัดนี้อาเจินมีคนปกป้องแล้ว สกุลซ่งพวกเจ้าไม่อยากอยู่ก็บอกข้าดีๆสิ"เรื่องเซ่นไหว้ภรรยาใต้เท้าซ่งมิต้องมากังวลหรอก ส่วนบุตรสาวข้านั้นนางมีคู่หมายแล้ว หรือท่านมิได้ฟังราชโองการสมรสพระราชทานของบุตรสาวข้ากับราชครูจ้าว อ้อซ่งหว่านหวังว่าจะไม่ทำให้ท่านเสียหน้าในเรื่องนี้ ต้องขอตัวก่อนดูเหมือนฝ่าบาทจะเรียกหาข้าแล้ว"ไป๋จิ้งหยวนเดินจากไปโดยที่ไม่มองกลับมายังชายชราที่ยืนกำมือแน่น เขาส่งคนไปเยี่ยมบ้
ส่วนซ่งหว่านรอคำตอบอยู่ เขาได้รับการยืนยันแล้วว่ารัชทายาทที่อยู่ในตำหนักบูรพาเป็นตัวปลอม ตัวจริงคงเสียชีวิตไปตั้งแต่เกือบสองปีก่อนแล้วหยางมู่เฉินเดินออกมาอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้ก่อนจะกราบทูล"ทูลฝ่าบาท เรื่องอาวุธมิได้หายไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ แต่เนื่องจากคุณภาพที่หลอมออกมานั้นย่ำแย่ กระหม่อมจึงได้หาวิธีหลอมออกมาใหม่ และยามนี้ก็ได้อาวุธที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมากนัก"ซ่งหว่านถึงกับส่ายหน้าก่อนจะเดินมาตรงหน้าเขาอย่างไม่เกรงใจ"ไท่จื่อ มิใช่กระหม่อมดูถูกพระองค์ อาวุธเหล่านี้สกุลซ่งของเราดูแลมาตลอด ทรงบอกว่าอาวุธที่มีคุณภาพย่ำแย่เช่นนั้นทรงกล้านำสิ่งที่หลอมใหม่มาเปรียบเทียบหรือไม่เล่าพ่ะย่ะค่ะ"หยางมู่เฉินหันไปทางที่ฮ่องเต้ประทับอยู่ก่อนจะเอ่ย"ฝ่าบาท ที่นี่ท้องพระโรงห้ามพกอาวุธ แต่ลังอาวุธอยู่ด้านนอก จะเสด็จทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น จ้าวหย่งเฉิงอารักขาทันที และคนที่ซ่งหว่านคิดไม่ถึงก็ยืนอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท ไป๋จิ้งหยวนมิใช่กลายเป็นไอ้คนพิการไปแล้วหรือ ก่อนจะเอ่ยอีกเรื่อง"ฝ่าบาท ไท่จื่อพระองค์นี้คือไท่จื่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ขุนนางฟังแล้วก็
ไป๋เจินเจินค่อนขอดในใจ คนบ้านี่เอานางมาทิ้งแล้วหายหัวไปสามวันแล้ว พวกนางกำลังขนไหผักดองไปเก็บก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อนางเป็นเสียงเรียกที่คุ้นเคย จากนั้นนางก็หันไป ดรุณีน้อยคนหนึ่งยืนยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงสวยขาวสะอาดจ้าวลู่ซินวิ่งมาหานางทันที ไป่เจินเจินเค้นความทรงจำเดิม นางคือเพื่อนสนิทของเจ้าของร่าง แต่เพราะขี้เกียจเรียนหนังสือ จึงถูกท่านย่าทวดของนางพาไปไหว้พระด้วยและเพิ่งกลับมา "อาเจิน ข้าได้ยินว่าท่านอาพาคนมาพักที่นี่ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้า""ท่านอาหรือ..อาจารย์เป็นบุตรชายคนเดียวของมหาราชครูจ้าวเหว่ย อาซินเจ้าเป็นญาติฝ่ายไหนตาแก่จ้าวกันหรือ"คนที่เพิ่งลงมาจากรถม้าถึงกับสะอึก ตาแก่จ้าวหรือ ว่าที่หลานสะใภ้นางนี่วาจาช่างร้ายกาจจริงๆ มิน่าเจ้าหลานบ้าถึงถูกใจ ชอบสตรีโลดโผนแบบนี้สินะ เฮ้อ"ซินเอ๋อร์..อย่าเสียมารยาท""เจ้าค่ะท่านย่าทวด อาเจินนี่ท่านย่าทวดของข้า อ้อท่านปู่จ้าวเหว่ยบิดาของท่านอาหย่งเฉิงเป็นพี่ชายของท่านปู่ข้าน่ะ"ไป๋เจินเจินยอบกายคารวะหญิงชราทันทีที่จ้าวลู่ซินเอ่ยจบ พร้อมกับอีกสามคนก็คำนับเช่นกัน"ข้าน้อยไป๋เจินเจินคารวะไท่ฮูหยิน ขอให้ไท่ฮูหยินมีสุขภาพแข
ไป๋เจินเจินยังคงอึ้งอยู่ ดูเหมือนการแต่งงานครั้งนี้มิใช่เรื่องปกติ ศัตรูของบิดามีอำนาจหรือ ยิ่งใหญ่แค่ไหนถึงกับต้องให้นางไปหลบภัยที่อื่น มิน่าเขาแปลกๆมาหลายวันแล้ว ส่วนจ้าวหย่งเฉิงเองก็คงอยากรับผิดชอบในวันนั้นที่เขาเห็นเรือนร่างนาง แต่งได้ก็หย่าได้ เอาเป็นว่าหาหลุมภัยก่อนแล้วกัน รอให้สืบแน่ชัดว่าศัตรูบิดาเป็นผู้ใดค่อยว่ากัน เรือมาถึงริมตลิ่ง จ้าวหย่งเฉิงก็ลุกขึ้นอุ้มนางแล้วดีดตัวขึ้นฝั่ง ไป๋เจินเจินขึ้นไปนั่งบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว มีกรงเพียงพอนอยู่บนรถม้า เสี่ยวจงกลับไปเอาเพียงพอนมาให้นางหรือ แปลว่าท่านพ่อคงจะไม่กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก แล้วสหายของนางอีกสามคนเล่ารถม้าเคลื่อนไปแล้ว จ้าวหย่งเฉิงรู้สึกว่าที่นางไม่โวยวายนั้นแปลกมาก ด้วยนิสัยของนางไม่น่าจะสงบ แปลว่านางกำลังหาทางรู้ความจริง ต้องไม่ให้นางสืบได้อะไร มิเช่นนั้นจะปกป้องนางลำบาก เขาจึงเอ่ยกับนาง"พี่รับสามคนนั้นเป็นลูกศิษย์ส่วนตัว พวกเขาจะมาพักที่เรือนไผ่ พวกเจ้าจะได้เรียนด้วยกัน ห้ามสนิทมากเกินไปพี่หึง""ใครเขาจะคิดอกุศลเช่นท่าน คนเอาแต่ใจ""มานี่ มานั่งตักดีๆอย่าดื้อ""เฮ้อ..ไม่หนักหรือข้าตัวใ
จ้าวหย่งเฉิงพายเรือมาจนถึงกลางบึง เขาเลี้ยวเข้าไปยังกลางดงที่มีใบบัวบังหนาแน่น เรือลำใหญ่พอให้เขาได้นอนเหยียดยาว จ้าวหย่งเฉิงกระเถิบมาหาคนตัวเล็กก่อนจะนอนหนุนตักนาง ไป๋เจินเจินทำอะไรไม่ถูก เมื่อวานก็จูบนาง วันนี้ก็จูบนาง ตอนนี้ยังมานอนหนุนตักอีก มือบางไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน นางเงอะงะไปหมด จ้าวหย่งเฉิงรวบมือสองข้างของนางมาจูบแล้วนำมาแนบกุมเอาไว้ที่หน้าอกตนเอง เขาหลับตาปล่อยให้เรือลอยไปเรื่อยๆตามกระแสน้ำเอื่อยๆ นี่เพิ่งจะยามซื่อ ใบบัวชูก้านสูงช่วยบังแดดได้ดี ไป๋เจินเจินเห็นเขาหายใจสม่ำเสมอ คนบ้านี่นอนหลับบนเรือจริงๆด้วย ไม่กลัวเรือล่มตกน้ำตกท่านหรือไงนะ จ้าวหย่งเฉิงไม่ได้หลับ เขารู้สึกถึงอารมณ์คนที่นั่งอยู่ นางกำลังเกร็งตัว เขาแอบอมยิ้ม ไปๆมาๆก็หลับไปจริงๆ เรือลอยมาจนถึงกอบัวหนาแน่นไปต่อไม่ได้มันจอดอยู่ตรงนั้น ไป๋เจินเจินหาวเหมือนกัน เมื่อคืนเหมือนนอนไม่อิ่มเลย นางนั่งสัปหงก จ้าวหย่งเฉิงลืมตามามองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"ง่วงหรืออาเจิน นอนกับพี่ไหม""อื้อ อาจารย์มันฟังดูแปลกๆนะเจ้าคะ เรียกท่านลุงยังพอฟังขึ้นบ้าง อื้อ"คนตัวโตรั้งนงมาจูบ เรือที่จอดอยู่โคลงทันที
เมื่อมื้อเช้าผ่านไปไป๋เจินเจินก็เดินกอดกระดานเลื่อนออกจากบ้าน จ้าวหย่งเฉิงให้นางไปก่อน เขารั้งอยู่เพื่อที่จะพูดคุยกับไป๋จิ้ง เมื่อบุตรสาวไปรอบนรถม้าแล้วทั้งคู่จึงได้สนทนากัน"ท่านราชครู..มีเรื่องอันใดหรือขอรับ""ใต้เท้าไป๋ สกุลหวงกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนจะวางแผนบางอย่าง รัชทายาทคนนั้นท่านพบหรือยัง""ข้าพบแล้วและได้แจ้งข่าวไปแล้ว อีกอย่างเมื่อคืนมีคนบุกรุกบ้านข้า ท่านราชครูข้าบอกตามตรงข้าเป็นห่วงอาเจิน หากนางแต่งงานกับท่านข้าจะได้หมดห่วง แต่นางเด็กเกินไปข้าเกรงว่าท่านจะปวดหัวกับนาง""ข้ารู้วิธีปราบพยศนาง แต่ท่านจงอย่าลืมหากแต่งงานกับข้าแล้วนางมิอาจแต่งกับใครได้อีก ท่านจะยอมใช้แผนนี้ปกป้องนางจริงๆหรือ""ขอเพียงท่านเมตตานาง หากเสร็จเรื่องสกุลหวง ข้าจะพานางไปอยู่ที่อื่น ไกลจากเมืองหลวงไร้คนรู้จัก หากนางอยากแต่งงานขอเพียงบุรุษนั้นเป็นคนดี รักนางจริงใจข้าก็ยินดี"จ้าวหย่งเฉิงพยักหน้า หย่านางหรืออย่าได้หวัง ในเมื่อท่านขอร้องให้ข้าช่วยคุ้มครองบุตรสาวท่าน ข้าก็เสนอเรื่องแต่งงาน ท่านรับปากยกนางให้ข้าเองนะไป๋จิ้งหยวน ไป๋เจินเจินสามีเจ้าคือข้า วันนี้วันหน้าเจ้าก็คือฮูหยินขอ
ยามไป๋เจินเจินตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อคืนคลับคล้ายคลับคลาว่าบิดาเหมือนจะเข้ามาในห้อง หอมหน้าผากนางอีกทั้งยังห่มผ้าให้อีกด้วย ก่อนหน้านั้นได้กลิ่นแปลกๆเหมือนเป็นกำยาน กระทั่งบิดาเดินมาเห็นบุตรสาวหยุดยืนมองที่พื้นบ้าน ไป๋เจินเจินสังเกตเห็นรอยคล้ายคราบรูปร่างของคนที่นอนอยู่ มันเหมือนกับเวลามีเหตฆาตกรรมหรือมีอุบัติเหตุจะมีการมาร์คจุดเอาไว้ แต่นี่มันเบาบางมาก แต่ก็คล้ายๆคนนอนตายอยู่ตรง"อาเจิน ลูกมองอะไรหรือ""เอ่อ อ้อ ท่านพ่อเมื่อคืนท่านได้ยินอะไรหรือไม่เจ้าคะ""อืม..พ่อเคยเป็นเจ้าหน้าที่มาก่อนน่ะ มีคนบุกรุกบ้านของเรา แต่ราชครูส่งคนมาคอยดูแลลูกกับพ่อจึงได้ปลอดภัย""อาจารย์จ้าวหรือเจ้าคะ เขารู้ได้อย่างไรว่าจะมีคนมาบุกรุกที่บ้านของเรา""ดูเหมือนเรื่องที่ลูกจับเพียงพอนมาได้น่าจะมีคนรู้เรื่อง อาเจินลูกอยากย้ายบ้านมาตลอด เช่นนั้นพ่อจะยอมย้าย หลังจากพิธีปักปิ่นแล้ว พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า""เรื่องอันใดเจ้าคะ อีกอย่างเราจะย้ายไปที่ใดกัน ท่านพ่อข้ามีเงินเก็บอยู่เอ่อ สามพันตำลึงหาบ้านดีๆไม่ต้องใหญ่อยู่นอกเมือง สงบๆดีไหมเจ้าคะ""อืม..ลูกไปเอาเงินมาจากไหนมากมายเพียงนั้น""ลูก
ไป๋จิ้งเดินออกมาข้างนอกก็เจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ เขาถอนหายใจก่อนจะเบี่ยงตัวให้อีกฝ่ายเข้ามาในบ้าน"เหตุใดทรงลงจากเขาพ่ะย่ะค่ะไท่จื่อ สกุลซ่งไม่นอนใจเรื่องครั้งนั้นว่ากระหม่อมรู้เห็นแผนการกบฏหรือไม่ อีกอย่างรัชทายาทตัวปลอมเองก็ไม่รู้เรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้น หากซ่งหว่านอยากพบปะพูดคุยกับพระองค์ เด็กคนนั้นจะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่""สกุลซ่งเป็นบ้านเดิมองค์ชายห้า เขาอยากให้หยางตงชิงขึ้นดำรงตำแหน่งรัชทายาทแทนข้า เพียงแต่มารดาของเขาเป็นเพียงเฟย ส่วนข้ามารดาคือฮองเฮาแผนการก่อกบฏ จึงดำเนินมาเรื่อยๆ""รัชทายาทที่ตำหนักบูรพาคนนั้นเก่งกาจไม่น้อย แม้จะถูกลอบฆ่าบ่อยครั้งแต่ยังคงรอดมาได้ เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่ระแคะระคายยังคงคิดว่าคนนั้นคือพระองค์อยู่""อืม..หานสุ่ยติดตามข้ามาตั้งแต่เขาห้าขวบยี่สิบปีมานี้เขาไว้ใจได้ เรื่องคุณหนูสกุลเว่ยคนนั้นที่มีเรื่องกับบุตรสาวท่านดูเหมือนจะพอใจในตัวหานสุ่ยไม่น้อยเลยนะท่านอาจารย์""ได้ยินว่านางหมั้นหมายอยู่กับคนสกุลจิน นางถูกเจ้าขับออกจากสำนักคงคิดแค้นแม่หนูน้อยอาเจินของข้าเสียแล้วล่ะ ราชครูจ้าว" "จินเสี่ยวฟงมิได้ชอบนาง ทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า