แชร์

วางแผนการตลาด

ผู้เขียน: ป่าดอกท้อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-17 23:07:26

ไป๋เจินเจินตื่นมาทำอาหารเช้านางต้มข้าวต้มและหุงข้าวขาว จากนั้นเอาเนื้อหมูมาเคล้าเกลือซื้อพริกไทยมาจากหอโอสถห่อหนึ่งก็เอามาบดๆ คลุกเคล้ากันหมักเอาไว้ ไข่ไก่ถูกนำมาตีจนเนื้อไข่เนียน ไป๋เจินเจินเติมน้ำแล้วปรุงรสด้วยเกลือ เหยาะน้ำมันเล็กน้อยแล้วตีให้เข้ากันอีกที ช้อนฟองอากาศออกจนเนื้อที่ตีเนียน

หุงข้าวและต้มข้าวเสร็จแล้วไป๋เจินเจินก็เพิ่มฟืนแค่หนึ่งท่อน ตั้งกระทะจนน้ำเดือดนำชามไข่ตุ๋นวางลงไป เงินสามตำลึงพอซื้อเพียงกระทะใบไม่ใหญ่แต่ก็พอให้สองพ่อลูกทำอาหารกินได้ไม่ลำบาก 

ไป่เจินเจินมองไปยังทางบิดาของร่างเดิม เพราะมีคนปองร้ายรัชทายาท เขาเข้าช่วยเหลือ เว่ยซูหยางพี่ชายเว่ยซูถิงแอบอ้างเอาผลงานไป เพราะว่าไป๋จิ้งเจ็บหนักจากการที่ถูกคนร้ายลงมือ เขานอนพักรักษาตัวอยู่มาวันหนึ่งมีคนจากจวนเสนาบดีมาหาแล้วสั่งให้เขาปิดปากเงียบเรื่องวันนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตเขากับบุตรสาวจะไม่ปลอดภัย

ไป๋จิ้งมีเพียงร่างเดิมเป็นบุตรสาวคนเดียวเท่านั้น เขาจึงยอมกล้ำกลืนแต่ตระกูลเว่ยยังไม่หยุดรังควานสุดท้ายเขาต้องออกจากบ้านที่อยู่มาแต่เด็ก ถูกกลั่นแกล้งถูกบีบจนไม่เหลืออะไรเลย ในที่สุดก็เหลือเงินก้อนสุดท้ายมาเช่าบ้านที่ตรอกแห่งนี้

สหายของเขามือปราบที่มาไกล่เกลี่ยที่สำนักศึกษาเมื่อวานคือคนที่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่อย่างไรเล่าสกุลเว่ยมีอำนาจ เขาเองก็มีครอบครัวจึงทำได้เพียงฝากให้ร่างเดิมได้เข้าเรียนโรงเรียนของสำนักศึกษาหลวง เพื่อหวังว่าอย่างน้อยในอนาคตบุตรสาวจะได้คนดีๆ มาแต่งงานด้วย 

ไป๋เจินเจินถอนหายใจนางไม่อยากไปอยู่ในวังวนแก่งแย่งอำนาจ นางคิดแค่จะเลี้ยงดูบิดาเจ้าของร่างให้ดี รักษาเขาให้หายเพื่อตอบแทนน้ำใจไป๋เจินเจินที่เสียสละร่างกายให้นางได้เกิดใหม่

เมื่ออาหารเรียบร้อยไป๋เจินเจินก็ยกไปวางไว้ที่ห้องโถง นางเดินไปหาบิดาเรียกเขามากินข้าว ไป๋จิ้งแปลกใจที่บุตรสาวตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร ปกติเขาไม่ปลุกนางจะไม่ตื่น

ไป๋จิ้งมองบุตรสาวด้วยสายตารู้สึกผิดอีกทั้งเป็นห่วงเป็นใย ไป่เจินเจินให้รำคาญสายตาเช่นนี้จริง นางจึงจำเป็นต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง เขาเอาแต่ตามใจบุตรสาวจนอ่อนแอ มิเช่นนั้นร่างเดิมคงไม่จากไปเพราะถูกคนกลั่นแกล้งหรอก

“ท่านพ่อเจ้าคะ อาเจินโตแล้วต้องทำบางอย่างด้วยตนเองจะเอาแต่พึ่งท่านไม่ได้ ท่านพ่อเลิกทำสีหน้าสำนึกผิดเถอะเจ้าค่ะ”

“พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกสาวของพ่อลำบาก”

“ท่านพ่อ...หากวันนี้ท่านไม่ให้ข้าทำอันใดเลยอย่าหาว่าข้าเอ่ยวาจาอกตัญญูนะเจ้าคะ หากว่าวันข้างหน้าท่านเกิดจากไปแล้วข้าทำอันใดมิเป็น จะเอาชีวิตรอดเช่นไรกัน แม้ว่าอนาคตอาจได้แต่งงานกับบุรุษดีๆ สักคนที่มีฐานะเลี้ยงดูข้าได้ แต่หากนายหญิงของจวนไม่มีความสามารถสักด้านจะปกครองจวนกับบ่าวไพร่ได้อย่างไรกันเจ้าคะ”

ไป๋จิ้งคิดตามที่บุตรสาวเอ่ยมา จากนั้นก็น้ำตาไหลเขาก้มหน้าเขี่ยข้าวในถ้วย หยดน้ำตาหยดลบงที่ชามข้าว ไป๋เจินเจินได้แต่ลอบถอนหายใจ บุรุษผู้นี้นางต้องใช้ยาแรงมิเช่นนั้นเขาจะไม่สามารมองเห็นข้อเท็จจริงได้ แล้วเป็นนางนี่แหละที่จะใช้ชีวิตลำบาก

“พ่อขอโทษนะ ที่ผ่านมาพ่อคิดอ่านตื้นเขินเกินไป ยังเป็นเจ้าที่รู้ตัว” 

 

“ท่านพ่อ...ท่านมิได้ทำสิ่งใดผิดมิจำเป็นต้องขอโทษอันใด เพราะทุกอย่างที่ท่านทำเพื่อข้านั้นท่านทำเพราะความรัก แต่ท่านรักข้าเกินไปจนกลายเป็นรังแกข้า ทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ หากท่านรักและหวังดีกับข้าจริงๆ ท่านต้องยอมรักษาขา สองสามวันนี้ข้าจะคัดตำราให้อาจารย์หวง หลังจากรับเงินมาแล้วข้าจะพาท่านไปโรงหมอ ท่านพ่อหากรักข้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อข้านะเจ้าคะ”

บิดาพยักหน้า มือหยาบกร้านปาดน้ำตาก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดและสั่งน้ำมูก ไป่เจินเจินลอบถอนหายใจ เอาล่ะจากนี้ไปคือวางแผนหาเงิน ต้องทำการตลาดดีๆ จ้าวหย่งเฉิงฉลาดมากนัก มันคงจะดีกว่านี้หากเขาฉลาดอย่างเดียวสอนลูกศิษย์ไป แต่ที่น่าโมโหคือเจ้าบ้านั่นจ้องจับผิดนาง

“ท่านพ่อสายแล้วข้าต้องไปสำนักศึกษาแล้ว ข้าหุงข้าวสวยเอาไว้ให้มื้อเที่ยงไม่ต้องรอข้ากลับมากินนะเจ้าคะ ข้าจะคัดตำราที่โรงเรียนจะได้ส่งแล้วเบิกเงินโดยไว”

“อาเจินของพ่อ เจ้าเดินทางระวังตัวนะคนไม่ดีลูกต้องหลีกเลี่ยง และอย่าคบหาบัณฑิตหรือลูกศิษย์ที่เกฌรไม่ตั้งใจเรียนเหล่านั้นล่ะ”

“ท่านพ่อวางใจข้ารู้หนักเบา เอาล่ะท่านเข้าบ้านเถอะเจ้าค่ะ อย่าเดินไปเดินมาอีก เดี๋ยวจะหกล้มเช่นเมื่อวานได้”

ไป่เจินเจินที่ตอนนี้แต่งกายด้วยชุดบุรุษที่นางซื้อมาเมื่อวานก่อนจะเอาชุดนักเรียนของสำนักศึกษามาสวมทับ สะพายกระเป๋าผ้าที่นางลงทุนซื้อมาหนึ่งใบ จากนั้นก็เย็บเสริมด้วยตนเองมีช่องลับสองช่อง นางเดินไปทางสำนักศึกษา แต่เมื่อพ้นตรอกของบ้านเช่านางก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังเชิงเขาหลังโรงเรียนที่นัดกับคนเหล่านั้นไว้

 

เมื่อมาถึงไป๋เจินเจินก็นั่งรอพวกเขา ระหว่างรอก็ขีดเขียนๆ บางอย่างไปด้วย กระดาษที่เจ้าสามคนให้เงินมาซื้อเหลือเยอะมากนัก เพราะว่านางเขียนไม่เสียสักแผ่น ตอนนี้เงินตำลึงฌหลืออยู่เพียงหกร้อยอีแปะจากสามตำลึง ต้องหาทางใช้ไอ้สามคนนี้เป็นพีอาร์โฆษณาสิ่งที่อยู่ในมือของนางเสียแล้ว

ปลายยามเฉินทั้งสามคนก็มายังที่นัดหมายกันไว้ เมื่อมาถึงก็เห็นไป๋เจินเจินในชุดบุรุษอีกทั้งยังทำทรงผมคล้ายกับบุรุษ นางดูรูปงามหล่อเหลา หากพวกเขาไม่รู้ว่านางเป็นสตรีคงไม่พอใจเท่าไหร่ที่มีบุรุษรูปงามมานั่งเรียนอยู่ด้วย

ไป๋เจินเจินยืนรอพวกเขาที่ด้านป่าหลังโรงเรียน ทั้งสามคนรีบมาหานางก่อนจะเข้าเรียน ฟางอี้หลุนมาถึงก่อนเพราะนางบอกว่าให้มาทีละคน เมื่อมาถึงเขาก็อ่านดูงานของนางก่อนจะพอใจแล้วจ่ายเงินส่วนที่เหลือ

“ข้าได้ยินว่าบิดาเจ้าป่วย ขาเดินกะเผลกหรือเสี่ยวเจิน ขอโทษนะไหนๆ เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วเรียกแบบนี้ดูสนิทกันมากกว่า เจ้าเรียกข้าว่าอี้หลุนก็ได้ข้าอายุสิบเก้าแล้ว”

“อืม....ได้พี่อี้หลุนขอบคุณท่านมากที่ไถ่ถามนะ ข้าอยากหาเงินไปรักษาขาท่านพ่อน่ะ แต่เงินค่าหมอคงแพงมากแต่ข้าจะพยายาม”

“เจ้าไปเป็นเพื่อนเรียนข้าสิ เจ้าเก่งเพียงนี้ข้าให้เงินเดือนเจ้าเดือนหกสิบตำลึงเพิ่มจากสามสิบตำลึงดีหรือไม่”

ฝางอี้หลุนเอ่ยชวน บิดาเขาเป็นพ่อค้าวาณิช ไม่จำกัดการคบสหายเช่นลูกหลานขุนนาง ท่านปู่กับท่านพ่อเอ่ยกับเขาเสมอ พ่อค้ามิได้อยู่เพราะขุนนาง ส่วนมากขุนนางมักขอทานมากกว่าซื้อ ชาวบ้านต่างหากที่ซื้อและบุญคุณกับพ่อค้าอย่างพวกเรา

ฝางอี้หลุนที่เอ่ยออกไปมีคนไม่พอใจทันที สวีข่ายเหยียนกับจินเสี่ยวฟงเดินหน้างอมาเลยก่อนที่จินเสี่ยวฟงจะเอ่ย

“อี้หลุน..เจ้าจะตัดหน้าพวกข้าหรือเจ้าเอาอาเจินไปคนเดียวถึงเวลาพวกข้าต้องการความช่วยเหลือจะทำเช่นไรเล่า”

“ใช่ อี้หลุน   เสี่ยวฟงพูดถูก เราสามคนเป็นเพื่อนกันมานาน มาวันนี้เจ้าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวได้อย่างไรกัน”

สวีข่ายเหยียนเอ่ยอีกคน ไป๋เจินเจินต้องยกมือห้ามทัพก่อนจะเอ่ยกับทั้งสาม

“ข้าไม่ไปอยู่กับใครทั้งนั้นแหละ ข้ามีวิธีหาเงินที่ไม่ยาก อีกอย่างเรื่องนี้พวกเจ้าก็ได้ประโยชน์ด้วย”

“หืมเจ้ามีวิธีอะไร”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   ทำการตลาด

    ไป๋เจินเจินหยิบเอาสมุดเล่มเล็กๆ ที่นางตัดเองเป็นสมุดทำมือ นี่เป็นวิธีคำนวณหลักคณิตศาสตร์ของเด็กประถมปลายซึ่งในยุคนี้อาจารย์สำนักศึกษาที่เก่งๆ หลายคนยังคำนวณออกมาไม่ได้เลย คนในยุคสมัยนี้แม้ว่าจะเรียนหนังสือแต่หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขหรือคณิตศาสตร์นั้นพวกเขาแทบจะไม่รู้เรื่อง สวีข่ายเหยียนตาโตทันทีก่อนจะถามนางว่าเอามาจากที่ใดกัน“อาเจิน..บอกข้าทีไปเอามาจากไหน เอ่อเรียกข้าเหมือนอี้หลุนก็ได้”“พี่ข่ายเหยียน พี่อี้หลุน พี่เสี่ยวฟง บิดาของข้านับวันก็ป่วย ข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรบ่อยๆ จะไปที่ร้านโอสถข้าก็ไม่มีเงินตำลึงไปซื้อ วันหนึ่งข้าเจอกับผู้อาวุโสคนหนึ่งเขาถามข้าว่าทำไม่ไปเรียน คงเห็นว่าข้าใสชุดสำนักศึกษากระมัง”“แล้วต่อจากนั้นเล่า” ฝางอี้หลุนใจร้อนอยากฟังจนจินเสี่ยวฟงตบศรีษะของเขาให้ฟังเงียบๆ“จากนั้นข้าก็ตอบไปว่า ข้าไปก็ไร้ประโยชน์อาจารย์เหล่านั้นไม่เต็มใจสอนข้า เพราะข้ายากจนไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ข้าๆๆ ฮือๆๆ ข้าพูดแล้วก็สะท้อนใจนัก ฮือๆๆ ผู้อาวุโสท่านนั้นเห็นว่าข้าอัดอั้นเขาจึงให้ข้าไปเจอกับเขาทุกวันหลังยามเซิน ข้าเรียนกับเขาได้สองเดือนจนพอเกือบจะทันพวกท่านแต่ๆๆ กลับถูกคุณหนูเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   พวกเขาปกป้องนางหรือ นี่มันแปลกเกินไป

    ทางด้านสามคนที่กลับสำนักศึกษาเข้าห้องเรียนก็เดินผ่านคุณหนูทั้งหลายไปนั่งยังที่ประจำเพื่อรออาจารย์ เว่ยซูถิงไม่ได้อยากแต่งงานกับจินเสี่ยวฟงอยู่แล้ว นางแอบชอบรัชทายาทและนางอยากเป็นไท่จื่อเฟยมากกว่า พี่ชายได้ขึ้นชื่อว่ามีบุญคุณช่วยเหลือพระองค์ตอนที่ถูกลอบทำร้ายเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ไท่จื่อมักจะมาพูดคุยสนทนาที่จวนเสมอ นางขอท่านปู่ให้ถอนหมั้นนางกับจินเสี่ยวฟง แต่ท่านปู่ยังไม่รับปากเช่นนั้นนางจะหางทางเอง“หึ จนป่านนี้เพิ่งจะเข้าเรียน จ่ายเงินเข้ามาก็ยังเรียนไม่ได้น่าสงสารจริงๆ”“นี่เว่ยซูถิงสตรีปีศาจอย่างเจ้ากล้าต่อว่าคนอื่นหรือ หึ..อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ พี่ชายเจ้าพาเจ้าเข้ามาเรียนที่นี่ อาศัยแอบอ้างผลงานคนอื่นแล้วมาผยอง น่าสมเพช”“สวีข่ายเหยียน เจ้าพูดดีๆ นะใครแอบอ้าง พี่ชายข้าที่ผ่านมาไม่มีสิ่งใดให้ละอาย”“อ้อ..นี่เว่ยซูถิงข้าจินเสี่ยวฟงขอถามสักคำเถอะ พี่เจ้ากระบี่ยังตวัดสะเปะสะปะกลับบอกว่าคนเองเป็นวีรบุรุษอีกหรือ”“จินเสี่ยวฟง เจ้ามันขยะที่เรียนก็ไม่ได้เรื่องข้าจะถอนหมั้นเจ้า”“โย่ว..เจ้ารีบถอนเถอะ สตรีชั่วร้ายเช่นเจ้าใครได้ไปนับว่าชีวิตอัปมงคลยิ่งนัก”“เจ้าๆๆๆ”เว่ยซูถิงอับอายยิ่งนัก ยิ่งบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   ข้าจะรับนางเป็นศิษย์ส่วนตัว

    ไป่เจินเจินไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาคนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังกำลังถูกอาจารย์เจ้าระเบียบหมายหัวอีกต่างหาก นางวิ่งลัดเลาะไปทั่วเขา วางกับดักเอาไว้ หากได้สัตว์ป่าสักตัวนางจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อเนื้อหมูหรือซื้อไก่ สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีขาวๆแวบๆ"หืมนี่มันของดีนี่นา อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของท่านย่าพี่ข่ายเหยียนเอาไปให้เขาดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ใจกว้าง"ไป๋เจินเจินวางกับดัก คนที่ตามมาดูก็งงว่านางทำอะไรเพื่อจะกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินวางกับดักทั่วภูเขา ที่นางเดินผ่าน ไม่นานก็มีแต่กับดักเต็มไปหมด บุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์ไม่รู้ว่านนางกำลังทำอะไรเห็นนางก้มๆเงย หลังจากวางกับดักแล้วก็ใจเย็นนอนบนกิ่งไม้รอให้เหยื่อมาติดกับสวบ!!เสียงกับดักทำงานแต่ไป๋เจินเจินไม่ลงมาดู ไม่นานก็ได้ยินอีก สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!!มู่ถิงน้ำตาคลอนี่มันกับดักบ้าอะไร นังเด็กน้อยนี่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย หากเขาจัดการนางคุณชายเอาเรื่องเขาแน่ๆ ดูท่าทางจะสนใจปีศาจน้อยตัวนี้เสียด้วย มูาถิงเดินเขยกๆกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย"เหอะ นึกว่าจะแน่ไอ้คนไม่เอาไหนเอ้ย" จากนั้นก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   เหตุใดเขาถึงหวั่นไหวกับนาง

    จ้าวหย่งเฉิงเอ่ยลาบิดาของสาวน้อยก่อนจะเรียกให้นางตามไป ไป๋เจินเจินเดินตามเขามาด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ เมื่อขึ้นบนรถม้าก็นั่งห่างจากเขาราวกับรังเกียจเขานักหนา จ้าวหย่งเฉิงยกยิ้มมุมปาก เด็กคนนี้ต้องสั่งสอนจริงๆรถม้าออกจากตรอกมาได้ครึ่งทางจ้าวหย่งเฉิงนั่งเคาะนิ้วเล่นเบาที่เก้าอี้ก่อนจะลงลมปราณทำให้รถมาสั่นโคลงไปมาทำให้ไป๋เจินเจินถลามาหาเขากอดเขาเอาไว้ทันทีจ้าวหย่งเฉิงโอบแผ่นหลังนางไว้กระซิบข้างหูเบาๆ "ไหนว่าบุรุษน่ารังเกียจ กอดข้าแน่นเพียงนี้หรือว่าข้าเป็นข้อยกเว้น หื้ม""อาจารย์จ้าว ปะ ปล่อยศิษย์เถอะเจ้าค่ะ"มือที่โอบนางเอาไว้ปล่อยเอวบางข้างหนึ่ง ก่อนจะก้มลงช้อนข้อพับแล้วเอาร่างบางมานั่งบนตักตนเอง เขาแผ่ลมปราณให้รถม้าส่ายไปมาจนคนตัวเล็กต้องโอบรอบคอเขาไว้เพราะกลัวตก จ้าวหย่งเฉิงสูดกลิ่นหอมของเส้นผมที่สะอาดบวกกับดอกไม้ที่นางแซมผมเอาไว้ ไป่๋เจินเจินนั่งบนตักเขาจนถึงสำนักศึกษา เขาไม่ให้นางลงได้แต่สั่งคนขับรถม้า"เสี่ยวจง...ไปหาอาจารย์หยุนบอกเอาชุดนักเรียนสตรีมาสามชุด"เสี่ยวจงรับคำแล้วเข้าไปในสำนัก ไป่เจินเจินพยายามดิ้นลงจากตักเขาแต่จ้าวหย่งเฉิงกระซิบข้างหูนาง"นั่งดีๆสิ เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   มารับไปเรียนพิเศษ

    รถม้าเคลื่อนออกไปพร้อมกับมีบางคนที่มาถึงตรอกเช่นกัน บุรุษทั้งสองเดินสำรวจในตรอกจนมาถึงบ้านของไป๋จิ้ง หนึ่งในนั้นเคาะประตูเบาๆ ไป๋จิ้งเดินออกมาดูทันทีที่เห็นหน้าก็กำลังจะคุกเข่า แต่คนผู้นั้นกลับแตะข้อศอกไป๋จิ้งเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเรียก"ท่านอาจารย์......ศิษย์อกตัญญูทำท่านลำบากแล้ว""ไม่ลำบากๆแต่อย่างไร ฮึกๆ ในที่สุดก็ได้พบกัน"ไป๋จิ้งสะอื้นเล็กน้อยจากนั้นทั้งสามคนเดินเข้ามาในบ้าน ไป๋เจินเจินนั่งวาดรูปอยู่ด้านใน นางได้ยินเสียงบิดาจึงเอ่ยถาม"ท่านพ่อ..ต้องการอันใดหรือไม่เจ้าคะ ให้ลูกไปหยิบให้ท่านดีหรือไม่"พ่อไม่ได้ต้องการอันใดหรอก ลูกนอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสืออีก""พรุ่งนี้สำนักศึกษาหยุดเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้านอนก่อนแล้ว หากท่านพ่อประสงค์สิ่งใดก็ตะโกนเรียกลูกนะเจ้าคะ"ไป๋เจินเจินตะโกนกลับมา ไป๋จิ้งยิ้มให้กับประตูห้องของบุตรสาว เขาเดินเขยกๆไปยังโต๊ะกลางห้อง บุรุษมาใหม่ถอนหายใจทันที ไป๋จิ้งหันกลับมาก่อนจะส่ายหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่เป็นไร ทั้งสามคนสนทนากันในห้องเสียงเบามากนัก ไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะได้เวลาแล้วแยกย้ายกันไป หลังจากที่สองคนนั้นไปแล้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   ขอบคุณกับผีบรรพบบุรุษเจ้าสิ

    ไป๋จิ้งเอ่ยชวนเขา แต่คนตัวเล็กที่กำลังถือกับข้าวออกมาอีกสองอย่างยืนหน้างอ ใครให้เขากินด้วย ไป๋เจินเจินกำลังจะเอ่ยว่านางไม่ได้หุงเผื่อคนอื่นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาขอกินด้วย จ้าวหย่งเฉิงก็เอ่ยตัดหน้าเสียก่อน"รบกวนพี่ใหญ่จิ้งแต่เช้า อาหารที่ท่านทำช่างน่าทานเช่นนั้นข้าแซ่จ้าวคงไม่เกรงใจแล้ว""ฮ่าๆๆ...อาหารเหล่านี้มิใช่ข้าน้อยทำหรอกขอรับเป็นบุตรสาวน่ะ อาเจินเพิ่มถ้วยกับตะเกียบอีกคู่สิ อาจารย์ของเจ้าจะกินข้าวเช้ากับเราด้วย"ไป๋จิ้งหันไปหาบุตรสาวที่ยืนหน้างอง้ำราวกับขอเบ็ดตกปลา ไป๋เจินเจินมองหน้าเขาเอาเรื่องทันทีที่บิดาหันกลับไปสนทนากับเขาต่อ จ้าวหย่งเฉิงเป่าน้ำชาเบาทั้งที่ทันไม่ได้ร้อนสักนิด ก้มลงจิบก่อนยิ้มมุมปากจ้าวหย่งเฉิงกำลังขบขันนางในใจ("เด็กน้อยเจ้าต่อต้านข้าหรือตราบใดที่บิดาเจ้าให้ความสำคัญกับข้าดูสิว่าเจ้าจะไปไหนรอด")ไป๋เจินเจินยอมไปหยิบชามกับตะเกียบมาให้กับจ้าวหย่งเฉิง นางไม่อยากกินข้าวรวมกับเขาแต่บิดานั่งอยู่จะแสดงความไม่พอใจมิได้จึงทำได้แค่นั่งลงตรงกันข้ามกับเขาแล้วก็เริ่มตักอาหารเข้าปาก จ้าวหย่งเฉิงที่เดิมไม่ได้อยากกินเท่าไหร่นักที่เขาทำเพราะอยากแกล้งสาวน้อยตรงห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   ปฏิบัติหน้าที่ครั้งสุดท้าย

    “หน่วยวิถีเรียกวิหคเพลิง”“วิหคเพลิงรับทราบ”“วิหคเพลิง ขณะนี้มีไฟป่าบนภูเขา มีชาวบ้านติดอยูเราต้องการเฮลิคอปเตอร์ด่วน”“รับทราบหน่วยวิถี หน่วยวิหคเพลิงแสตนด์บายๆ” หวังอันหัวหน้าหน่วยวิถีรับทราบถึงไฟป่าที่กำลังลุกไหม้อยู่ในขณะนี้ และมีชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ของโครงการวิจัยติดอยู่ที่นั่นหลายสิบชีวิต “กัวชาง..เอาฮอขึ้นเราต้องไปขนย้ายชาวบ้านที่ติดอยู่บนเขาก่อนที่ไฟจะลามไปถึงพวกเขา”“หัวหน้าครับ..ฮอไปปฏิบัติงานหมดแล้วเพลือเพียงลำเดียว ที่สำคัญไม่มีใครขับลำนี้ได้เลยครับนอกจากเจินเจิน”“วิทยุไปเรียกเจินเจินมา ด่วนเลยนะเจชราต้องอพยพก่อนที่ทิศทางลงจะเปลี่ยน”“วันนี้อาเจินหยุดครับ”“หยุดนานก็โทรตามสิ ไวไวด้วย บ้านพักอาเจินนอยู่ไม่ไกลไม่ใชหรือ”“ครับๆๆ”กัวชางหรือหมูน้อยที่ไป๋เจินเจินตั้งให้รีบกดมือถือโทรหาเธอทันที เฮลิคอปเตอร์ลำที่เหลืออยู่มีเพียงไป๋เจินเจินเท่านั้นที่สามารถเอามันขึ้นฟ้าได้Rrrrrr. Rrrrr. Rrrrr.เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไป๋เจินเจินงัวเงียๆรีบสาย นี่มันตีสองนะใครโทรมา อีกอย่างคืนนี้เธอไม่ได้เข้าเวรนี่นา ก่อนจะหยิบมาดูก็เห็นเบอร์ของหมูน้อยโชว์หน้าจอ ไป๋เจินเจินกดรับสายท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   ไป๋เจินเจินที่น่าสงสาร

    แคว้นฮั่นสำนักศึกษาเทียนจุนบริเวณริมสระน้ำมีนักเรียนมากมายรุมล้อมสระน้ำอยู่ หนึ่งในนั้นคือเว่ยซูถิงหลานสาวเสนาบดีซูหยาง เสียงเพื่อๆโห่สตรีอีกคนที่อยู่ในน้ำ ไป๋เจินเจินที่ถุกเว่ยซูถิงถอดเสื้ออกไปแล้วผลักลงน้ำทำให้ไม่อาจขึ้นมายนผิวน้ำได้ ร่างกายนางบอบบางที่สำคัญเสื้อตัวในสีขาวยิ่งทำให้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น มีลุกศิษย์ชายต่างก็มาดูส่งเสียงโห่ร้อง พวกเขาอยากให้นางอับอายเพราะนางไม่ควรมาเรียนที่นี่แต่แรก ไปเจินเจินที่ตอนนี้อ่อนแรงเต็มทีนาวอยู่ที่นี่มาหนึ่งชั่วยามแล้ว“นี่ๆๆซูถิงให้นางขึ้นมาเถอะ เดี๋ยวมาตายกลายเป็นผีเฝ้าสำนักจะมาหลอกพวกเราได้นะ ฮ่าๆๆๆ”“ใช่ๆๆ นี่ขึ้นมาสิไป๋เจินเจิน จะอายอันใด เผื่อมีใครสักคนอยากได้เจ้าไปบำเรอจะได้มีเงินซื้อยาให้พ่อขาเป๋ของเจ้าไงฮ่าๆๆๆๆ”ไป๋เจินเจินหนาวสั่นจนไม่ไหว ไม่นานก็มีอาจารย์มาสามคน ลูกศิษย์ต่างกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ไป๋เจินเจินหนาวจนปากสั่น อาจารย์หญิงกล่าวออกมาต่อว่าเธอ“ก่อเรื่องอะไรอีก ทำไมไม่ขึ้นมา”“อาจารย์ซู คุณหนูเว่ยนางเอาเสื้อผ้าศิษย์ไปซ่อน ศิษย์ไม่อาจขึ้นจากน้ำได้เจ้าค่ะ”“คุณหนูเว่ยนางจะทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร เจ้าใส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17

บทล่าสุด

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   ขอบคุณกับผีบรรพบบุรุษเจ้าสิ

    ไป๋จิ้งเอ่ยชวนเขา แต่คนตัวเล็กที่กำลังถือกับข้าวออกมาอีกสองอย่างยืนหน้างอ ใครให้เขากินด้วย ไป๋เจินเจินกำลังจะเอ่ยว่านางไม่ได้หุงเผื่อคนอื่นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาขอกินด้วย จ้าวหย่งเฉิงก็เอ่ยตัดหน้าเสียก่อน"รบกวนพี่ใหญ่จิ้งแต่เช้า อาหารที่ท่านทำช่างน่าทานเช่นนั้นข้าแซ่จ้าวคงไม่เกรงใจแล้ว""ฮ่าๆๆ...อาหารเหล่านี้มิใช่ข้าน้อยทำหรอกขอรับเป็นบุตรสาวน่ะ อาเจินเพิ่มถ้วยกับตะเกียบอีกคู่สิ อาจารย์ของเจ้าจะกินข้าวเช้ากับเราด้วย"ไป๋จิ้งหันไปหาบุตรสาวที่ยืนหน้างอง้ำราวกับขอเบ็ดตกปลา ไป๋เจินเจินมองหน้าเขาเอาเรื่องทันทีที่บิดาหันกลับไปสนทนากับเขาต่อ จ้าวหย่งเฉิงเป่าน้ำชาเบาทั้งที่ทันไม่ได้ร้อนสักนิด ก้มลงจิบก่อนยิ้มมุมปากจ้าวหย่งเฉิงกำลังขบขันนางในใจ("เด็กน้อยเจ้าต่อต้านข้าหรือตราบใดที่บิดาเจ้าให้ความสำคัญกับข้าดูสิว่าเจ้าจะไปไหนรอด")ไป๋เจินเจินยอมไปหยิบชามกับตะเกียบมาให้กับจ้าวหย่งเฉิง นางไม่อยากกินข้าวรวมกับเขาแต่บิดานั่งอยู่จะแสดงความไม่พอใจมิได้จึงทำได้แค่นั่งลงตรงกันข้ามกับเขาแล้วก็เริ่มตักอาหารเข้าปาก จ้าวหย่งเฉิงที่เดิมไม่ได้อยากกินเท่าไหร่นักที่เขาทำเพราะอยากแกล้งสาวน้อยตรงห

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   มารับไปเรียนพิเศษ

    รถม้าเคลื่อนออกไปพร้อมกับมีบางคนที่มาถึงตรอกเช่นกัน บุรุษทั้งสองเดินสำรวจในตรอกจนมาถึงบ้านของไป๋จิ้ง หนึ่งในนั้นเคาะประตูเบาๆ ไป๋จิ้งเดินออกมาดูทันทีที่เห็นหน้าก็กำลังจะคุกเข่า แต่คนผู้นั้นกลับแตะข้อศอกไป๋จิ้งเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเรียก"ท่านอาจารย์......ศิษย์อกตัญญูทำท่านลำบากแล้ว""ไม่ลำบากๆแต่อย่างไร ฮึกๆ ในที่สุดก็ได้พบกัน"ไป๋จิ้งสะอื้นเล็กน้อยจากนั้นทั้งสามคนเดินเข้ามาในบ้าน ไป๋เจินเจินนั่งวาดรูปอยู่ด้านใน นางได้ยินเสียงบิดาจึงเอ่ยถาม"ท่านพ่อ..ต้องการอันใดหรือไม่เจ้าคะ ให้ลูกไปหยิบให้ท่านดีหรือไม่"พ่อไม่ได้ต้องการอันใดหรอก ลูกนอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสืออีก""พรุ่งนี้สำนักศึกษาหยุดเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้านอนก่อนแล้ว หากท่านพ่อประสงค์สิ่งใดก็ตะโกนเรียกลูกนะเจ้าคะ"ไป๋เจินเจินตะโกนกลับมา ไป๋จิ้งยิ้มให้กับประตูห้องของบุตรสาว เขาเดินเขยกๆไปยังโต๊ะกลางห้อง บุรุษมาใหม่ถอนหายใจทันที ไป๋จิ้งหันกลับมาก่อนจะส่ายหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่เป็นไร ทั้งสามคนสนทนากันในห้องเสียงเบามากนัก ไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะได้เวลาแล้วแยกย้ายกันไป หลังจากที่สองคนนั้นไปแล้ว

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   เหตุใดเขาถึงหวั่นไหวกับนาง

    จ้าวหย่งเฉิงเอ่ยลาบิดาของสาวน้อยก่อนจะเรียกให้นางตามไป ไป๋เจินเจินเดินตามเขามาด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ เมื่อขึ้นบนรถม้าก็นั่งห่างจากเขาราวกับรังเกียจเขานักหนา จ้าวหย่งเฉิงยกยิ้มมุมปาก เด็กคนนี้ต้องสั่งสอนจริงๆรถม้าออกจากตรอกมาได้ครึ่งทางจ้าวหย่งเฉิงนั่งเคาะนิ้วเล่นเบาที่เก้าอี้ก่อนจะลงลมปราณทำให้รถมาสั่นโคลงไปมาทำให้ไป๋เจินเจินถลามาหาเขากอดเขาเอาไว้ทันทีจ้าวหย่งเฉิงโอบแผ่นหลังนางไว้กระซิบข้างหูเบาๆ "ไหนว่าบุรุษน่ารังเกียจ กอดข้าแน่นเพียงนี้หรือว่าข้าเป็นข้อยกเว้น หื้ม""อาจารย์จ้าว ปะ ปล่อยศิษย์เถอะเจ้าค่ะ"มือที่โอบนางเอาไว้ปล่อยเอวบางข้างหนึ่ง ก่อนจะก้มลงช้อนข้อพับแล้วเอาร่างบางมานั่งบนตักตนเอง เขาแผ่ลมปราณให้รถม้าส่ายไปมาจนคนตัวเล็กต้องโอบรอบคอเขาไว้เพราะกลัวตก จ้าวหย่งเฉิงสูดกลิ่นหอมของเส้นผมที่สะอาดบวกกับดอกไม้ที่นางแซมผมเอาไว้ ไป่๋เจินเจินนั่งบนตักเขาจนถึงสำนักศึกษา เขาไม่ให้นางลงได้แต่สั่งคนขับรถม้า"เสี่ยวจง...ไปหาอาจารย์หยุนบอกเอาชุดนักเรียนสตรีมาสามชุด"เสี่ยวจงรับคำแล้วเข้าไปในสำนัก ไป่เจินเจินพยายามดิ้นลงจากตักเขาแต่จ้าวหย่งเฉิงกระซิบข้างหูนาง"นั่งดีๆสิ เ

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   ข้าจะรับนางเป็นศิษย์ส่วนตัว

    ไป่เจินเจินไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาคนกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งยังกำลังถูกอาจารย์เจ้าระเบียบหมายหัวอีกต่างหาก นางวิ่งลัดเลาะไปทั่วเขา วางกับดักเอาไว้ หากได้สัตว์ป่าสักตัวนางจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อเนื้อหมูหรือซื้อไก่ สายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีขาวๆแวบๆ"หืมนี่มันของดีนี่นา อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของท่านย่าพี่ข่ายเหยียนเอาไปให้เขาดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ใจกว้าง"ไป๋เจินเจินวางกับดัก คนที่ตามมาดูก็งงว่านางทำอะไรเพื่อจะกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินวางกับดักทั่วภูเขา ที่นางเดินผ่าน ไม่นานก็มีแต่กับดักเต็มไปหมด บุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์ไม่รู้ว่านนางกำลังทำอะไรเห็นนางก้มๆเงย หลังจากวางกับดักแล้วก็ใจเย็นนอนบนกิ่งไม้รอให้เหยื่อมาติดกับสวบ!!เสียงกับดักทำงานแต่ไป๋เจินเจินไม่ลงมาดู ไม่นานก็ได้ยินอีก สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!! สวบ!!มู่ถิงน้ำตาคลอนี่มันกับดักบ้าอะไร นังเด็กน้อยนี่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย หากเขาจัดการนางคุณชายเอาเรื่องเขาแน่ๆ ดูท่าทางจะสนใจปีศาจน้อยตัวนี้เสียด้วย มูาถิงเดินเขยกๆกลับไปรายงาน ไป๋เจินเจินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย"เหอะ นึกว่าจะแน่ไอ้คนไม่เอาไหนเอ้ย" จากนั้นก็

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   พวกเขาปกป้องนางหรือ นี่มันแปลกเกินไป

    ทางด้านสามคนที่กลับสำนักศึกษาเข้าห้องเรียนก็เดินผ่านคุณหนูทั้งหลายไปนั่งยังที่ประจำเพื่อรออาจารย์ เว่ยซูถิงไม่ได้อยากแต่งงานกับจินเสี่ยวฟงอยู่แล้ว นางแอบชอบรัชทายาทและนางอยากเป็นไท่จื่อเฟยมากกว่า พี่ชายได้ขึ้นชื่อว่ามีบุญคุณช่วยเหลือพระองค์ตอนที่ถูกลอบทำร้ายเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ไท่จื่อมักจะมาพูดคุยสนทนาที่จวนเสมอ นางขอท่านปู่ให้ถอนหมั้นนางกับจินเสี่ยวฟง แต่ท่านปู่ยังไม่รับปากเช่นนั้นนางจะหางทางเอง“หึ จนป่านนี้เพิ่งจะเข้าเรียน จ่ายเงินเข้ามาก็ยังเรียนไม่ได้น่าสงสารจริงๆ”“นี่เว่ยซูถิงสตรีปีศาจอย่างเจ้ากล้าต่อว่าคนอื่นหรือ หึ..อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ พี่ชายเจ้าพาเจ้าเข้ามาเรียนที่นี่ อาศัยแอบอ้างผลงานคนอื่นแล้วมาผยอง น่าสมเพช”“สวีข่ายเหยียน เจ้าพูดดีๆ นะใครแอบอ้าง พี่ชายข้าที่ผ่านมาไม่มีสิ่งใดให้ละอาย”“อ้อ..นี่เว่ยซูถิงข้าจินเสี่ยวฟงขอถามสักคำเถอะ พี่เจ้ากระบี่ยังตวัดสะเปะสะปะกลับบอกว่าคนเองเป็นวีรบุรุษอีกหรือ”“จินเสี่ยวฟง เจ้ามันขยะที่เรียนก็ไม่ได้เรื่องข้าจะถอนหมั้นเจ้า”“โย่ว..เจ้ารีบถอนเถอะ สตรีชั่วร้ายเช่นเจ้าใครได้ไปนับว่าชีวิตอัปมงคลยิ่งนัก”“เจ้าๆๆๆ”เว่ยซูถิงอับอายยิ่งนัก ยิ่งบ

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   ทำการตลาด

    ไป๋เจินเจินหยิบเอาสมุดเล่มเล็กๆ ที่นางตัดเองเป็นสมุดทำมือ นี่เป็นวิธีคำนวณหลักคณิตศาสตร์ของเด็กประถมปลายซึ่งในยุคนี้อาจารย์สำนักศึกษาที่เก่งๆ หลายคนยังคำนวณออกมาไม่ได้เลย คนในยุคสมัยนี้แม้ว่าจะเรียนหนังสือแต่หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขหรือคณิตศาสตร์นั้นพวกเขาแทบจะไม่รู้เรื่อง สวีข่ายเหยียนตาโตทันทีก่อนจะถามนางว่าเอามาจากที่ใดกัน“อาเจิน..บอกข้าทีไปเอามาจากไหน เอ่อเรียกข้าเหมือนอี้หลุนก็ได้”“พี่ข่ายเหยียน พี่อี้หลุน พี่เสี่ยวฟง บิดาของข้านับวันก็ป่วย ข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรบ่อยๆ จะไปที่ร้านโอสถข้าก็ไม่มีเงินตำลึงไปซื้อ วันหนึ่งข้าเจอกับผู้อาวุโสคนหนึ่งเขาถามข้าว่าทำไม่ไปเรียน คงเห็นว่าข้าใสชุดสำนักศึกษากระมัง”“แล้วต่อจากนั้นเล่า” ฝางอี้หลุนใจร้อนอยากฟังจนจินเสี่ยวฟงตบศรีษะของเขาให้ฟังเงียบๆ“จากนั้นข้าก็ตอบไปว่า ข้าไปก็ไร้ประโยชน์อาจารย์เหล่านั้นไม่เต็มใจสอนข้า เพราะข้ายากจนไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ข้าๆๆ ฮือๆๆ ข้าพูดแล้วก็สะท้อนใจนัก ฮือๆๆ ผู้อาวุโสท่านนั้นเห็นว่าข้าอัดอั้นเขาจึงให้ข้าไปเจอกับเขาทุกวันหลังยามเซิน ข้าเรียนกับเขาได้สองเดือนจนพอเกือบจะทันพวกท่านแต่ๆๆ กลับถูกคุณหนูเ

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   วางแผนการตลาด

    ไป๋เจินเจินตื่นมาทำอาหารเช้านางต้มข้าวต้มและหุงข้าวขาว จากนั้นเอาเนื้อหมูมาเคล้าเกลือซื้อพริกไทยมาจากหอโอสถห่อหนึ่งก็เอามาบดๆ คลุกเคล้ากันหมักเอาไว้ ไข่ไก่ถูกนำมาตีจนเนื้อไข่เนียน ไป๋เจินเจินเติมน้ำแล้วปรุงรสด้วยเกลือ เหยาะน้ำมันเล็กน้อยแล้วตีให้เข้ากันอีกที ช้อนฟองอากาศออกจนเนื้อที่ตีเนียนหุงข้าวและต้มข้าวเสร็จแล้วไป๋เจินเจินก็เพิ่มฟืนแค่หนึ่งท่อน ตั้งกระทะจนน้ำเดือดนำชามไข่ตุ๋นวางลงไป เงินสามตำลึงพอซื้อเพียงกระทะใบไม่ใหญ่แต่ก็พอให้สองพ่อลูกทำอาหารกินได้ไม่ลำบาก ไป่เจินเจินมองไปยังทางบิดาของร่างเดิม เพราะมีคนปองร้ายรัชทายาท เขาเข้าช่วยเหลือ เว่ยซูหยางพี่ชายเว่ยซูถิงแอบอ้างเอาผลงานไป เพราะว่าไป๋จิ้งเจ็บหนักจากการที่ถูกคนร้ายลงมือ เขานอนพักรักษาตัวอยู่มาวันหนึ่งมีคนจากจวนเสนาบดีมาหาแล้วสั่งให้เขาปิดปากเงียบเรื่องวันนั้น ไม่เช่นนั้นชีวิตเขากับบุตรสาวจะไม่ปลอดภัยไป๋จิ้งมีเพียงร่างเดิมเป็นบุตรสาวคนเดียวเท่านั้น เขาจึงยอมกล้ำกลืนแต่ตระกูลเว่ยยังไม่หยุดรังควานสุดท้ายเขาต้องออกจากบ้านที่อยู่มาแต่เด็ก ถูกกลั่นแกล้งถูกบีบจนไม่เหลืออะไรเลย ในที่สุดก็เหลือเงินก้อนสุดท้ายมาเช่าบ้านที่ตรอกแห่งน

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   สามจอมเสเพลแห่งเมืองหลวง

    เชิงเขาหลังสำนัก จินเสี่ยวเฟิง ฝางอี้หลุน สวีข่ายเหยียนกับเด็กรับใช้ยืนรอนางอยู่ เมื่อมาถึงพวกเขาก็รีบมาหานาง ได้เวลาจะเข้าเรียนแล้วนะ"นี่ๆๆ เจ้ายาจกรีบๆหน่อยไม่ได้หรือไง""คุณชายสวี หากเรียกข้าเช่นนั้นอีกคำข้าจะให้สวีข่ายเฉิงปู่ของเจ้าจำหน้าไม่ได้เลยคอยดู ฝนหมึกมา กระดาษด้วย"เมื่อทุกอย่างพร้อมไป่เจินเจินก็ลงมือเขียนกฎสำนักที่มีกว่าสองพันข้อให้พวกเขาคนละแผ่น จินเสี่ยวเฟิงตาโต"เหมือนไปแล้ว นี่ดูเผินหรือตั้งใจดูก็เป็นลายมือข้า ฮ่าๆข้าจ้างเจ้าข้าจ้างฮ่าๆๆ""ข้าด้วยๆ สองตำลึงหรือ นี่ไป่เจินเจินข้าให้เจ้าเดือนละยี่สิบตำลึง ทำการบ้านให้ข้าเจ้าจะว่าอย่างไร"ฝางอี้หลุนเป็นบุตรชายคหบดีในเมืองหลวงเขาร่ำรวยเงินทองมากมาย ยี่สิบตำลึงแคะฟันเขายังไม่เกลี้ยงเลย ไป๋เจินเจินเห็นโอกาสก็รีบค้าทันทีก่อนจะเอ่ย"ข้าไม่เก่งเรื่องอื่น แต่ถ้าคำนวณ วาดภาพ หรือแต่งกลอนข้าทำได้ ที่สำนักข้าไม่อยากเรียนเองนั่นแหละ มานี่ข้าจะแต่งบทกวีให้พวกเจ้าลองอ่านหนึ่งบท"จากนั้นไป่เจินเจินก็ลอกเอาบทกวีของหลี่ไป๋ นักกวีชื่อดังมาหนึ่งบทซึ่งเป็นบทไม่ได้ยากมากนัก ทั้งสามตาโตทันที ไป่เจินเจินจึงกลายเป

  • ข้านะหรือคือลูกศิษย์คนโปรดหรือเปล่า   สุนัขก็คือสุนัขชอบหมาหมู่

    จ้าวหย่งเฉินที่เห็นสีหน้าไม่สลดของนางก็ให้คนอื่นๆ ไปก่อน แล้วหันไปเอ่ยกับนาง“ไป๋เจินเจิน..ตามไปที่ห้องหนังสือของข้า เจ้ามีเรื่องต้องอบรมมากนัก”เขาสั่งให้นางไปพบที่ห้องทำงานของเขา ไป๋เจินเจินเกาหัวแกรกๆ อะไรของเขาวะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจ้าวหย่งเฉิงก็ไปรอตัวต้นเรื่องที่ห้องหนังสือ แต่ไป๋เจินเจินกลับไปขวางทางสวีข่ายเหยียน จินเสี่ยวฟงและฝางอี้หลุนเอาไว้ ทั้งสามคนมองหน้านาง ก่อนที่สวีข่ายเหยียนจะผลักไหล่ให้หลบไป แต่ไป๋เจินเจินจับมือของสวีข่ายเหยียนแล้วออกแรงบีบ เขาร้องทันที"เจ้าๆทำอะไรนังยาจก ปล่อยข้านะ""ปากดีอีกข้าจะหักมือเจ้า""นี่ไป๋เจินเจินปล่อยข่ายเหยียนนะ เจ้าต้องการอะไร"จินเสี่ยวฟงเอ่ยปากถามนาง ไป๋เจินเจินผลักสวี่ข่ายเหยียนไปอีกด้านก่อนจะเป่าปากแล้วเอ่ยขึ้น"คัดกฎสำนักห้าร้อยจบราคาสองตำลึง พวกเจ้าขี้เกียจข้ารู้ดี ได้เข้าเรียนก้เพราะเงินตำลึงที่แอบจ่ายใต้โต๊ะอาจารย์จอมละโมบพวกนั้น แต่ช่างเถอะเรืองนั้นไม่เกี่ยวกับข้า กฎสำนักที่ถูกลงโทษพวกเจ้าให้บ่าวช่วยเขียนคงไม่ได้หรอก ได้ยินว่าตาเฒ่าจ้างหย่งเฉิงราชครูคนนี้ฉลาดมากนัก ข้าเรียนไม่ได้เรื่อง แต่ถ้าเป็นเรื

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status