Share

บทที่ 2 หยิบยื่นความตาย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-05 19:53:58

บทที่ 2 หยิบยื่นความตาย

ล่วงเวลามาจนยามเย็น เย่จิ้นหยางก็กลับมาที่จวนอ๋อง เขาตรงมาหาจางเสวี่ยฮุ่ยที่เรือนใหญ่ในทันที จางเสวี่ยฮุ่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ดูแลปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางจึงเอ่ยกับเย่จิ้นหยางอย่างอ่อนโยน

"ท่านอ๋องเพคะ นางมาแล้วเพคะ หม่อมฉันจัดให้นางอยู่ที่เรือนเล็กที่ท่านอ๋องเตรียมไว้ให้แล้วเพคะ"

เย่จิ้นหยางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหันมาเอ่ยถามจางเสวี่ยฮุ่ยด้วยความสงสัย

"เสวี่ยเอ๋อร์ นางที่เจ้าหมายถึงคือผู้ใดกัน?"

จางเสวี่ยฮุ่ยที่ได้ยินเช่นนั้น จึงยิ้มให้เขาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ

"ฟางเมี่ยวอย่างไรเล่าเพคะ นางมาถึงตั้งแต่ยามเช้าแล้ว"

เย่จิ้นหยางที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าที่อ่อนโยนเมื่อครู่นี้ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาขึ้นมาหลายส่วน เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่านางจะต้องเข้าจวนอ๋องวันนี้ เขาเพียงให้คนนำเกี้ยวไปรับนางอย่างส่งๆ ไม่ได้สนใจไยดีนางเลยแม้แต่น้อย นางจะมาเช่นไร จะทนอยู่ได้หรือไม่ เขาไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาเกลียดนางยิ่งนัก!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงยื่นมือของตนไปจับมือของจางเสวี่ยฮุ่ยเอาไว้

"เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าทำให้เจ้าลำบากใจใช่หรือไม่?"

จางเสวี่ยฮุ่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มให้เขา พลางส่ายหน้าไปมา

"ไม่เลยเพคะ การมีภรรยาหลายคนย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ท่านอ๋องอย่าทรงตำหนิตนเองเลยนะเพคะ"

"เจ้าช่างดียิ่งนัก เสวี่ยเอ๋อร์ หากฟางเมี่ยวมาหาเรื่องเจ้า เจ้าก็จัดการสั่งสอนนางให้หลาบจำเสีย ข้าไม่สนใจหรอก หากนางกล้าทำร้ายเจ้า ข้าจะสั่งสอนนางเอง"

"ท่านอ๋อง นางจะทำอันใดหม่อมฉันได้กันเพคะ"

จางเสวี่ยฮุ่ยเอ่ยด้วยท่าทีขบขัน ก่อนจะให้สาวใช้นำน้ำอุ่นเข้ามาและปรนนิบัติเย่จิ้นหยางอาบน้ำ แล้วจึงทำเรื่องอย่างที่สามีภรรยาควรกระทำกันภายในห้องนอนของคนทั้งสอง

ด้านฟางเมี่ยวที่ส่งลู่ชิงไปสืบความ เมื่อได้ทราบว่าเย่จิ้นหยางยามนี้กำลังร่วมอภิรมย์กับจางเสวี่ยฮุ่ย นางก็โมโหจนพาลมาลงกับสาวใช้ในจวน ก่อนจะคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้

"ลู่ชิง ไปแจ้งท่านอ๋อง ว่าข้าปวดท้องหนักมาก ให้เขามาหาข้า"

"แต่ว่าพระชายารองเพคะ!!!"

เพียะ!!!

"ฮือ พระชายารองเพคะ!!!"

"จำใส่หัวของเจ้าเอาไว้ อย่ามาเสนอหน้าถามข้า ข้าสั่งให้ไปทำสิ่งใดก็จงไปทำ ไสหัวไป!!!"

"เพคะ"

เย่จิ้นหยางที่ได้ยินลู่ชิงมาแจ้งว่าฟางเมี่ยวยามนี้กำลังปวดท้องหนักมาก ก็ไล่คนให้ไปตามหมอ แต่ทว่าลู่ชิงกลับหน้าด้านไม่ยอมไป จางเสวี่ยฮุ่ยเกรงว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นในจวน นางจึงโน้มน้าวให้เย่จิ้นหยางไปดูฟางเมี่ยวเสียหน่อย เขาจึงยอมทำตามแต่โดยดี

เมื่อเขามาถึงก็พบว่าฟางเมี่ยวกำลังนั่งจิบชาอย่างอารมณ์ดี เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าสตรีนางนี้สร้างเรื่องเสแสร้งหลอกให้เขามาหานาง เย่จิ้นหยางจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

"หากเจ้าจะไปเสแสร้งก็จงไปที่อื่น ไสหัวไปซะ"

"ท่านอ๋อง!!! เมี่ยวเอ๋อร์รักพระองค์มากนะเพคะ รักมากเหลือเกิน"

ฟางเมี่ยวโผเข้ามาโอบกอดรอบเอวของเย่จิ้นหยางอย่างหน้าไม่อาย เย่จิ้นหยางขยะแขยงนางเต็มทน เขาจึงผลักนางจนล้มลงไปกองกับพื้น ฟางเมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขาทันที

"ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำเช่นนี้เพคะ หม่อมฉันก็เป็นภรรยาของพระองค์เช่นกันนะเพคะ!!"

"ข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นชายารองของข้าเลยแม้แต่น้อย เจ้าก็แค่เศษสวะ เป็นเพียงปลิงที่คอยเกาะหวังจะกอบโกยอำนาจจากข้า เจ้ามันเจ้าเล่ห์ เสแสร้ง ไร้ยางอาย หน้าด้านหน้าทน!!!"

"ท่านอ๋อง!! หม่อมฉันไม่ดีตรงที่ใดเพคะ หม่อมฉันสู้นังหน้าขาวนั่นไม่ได้ที่ใดกัน"

"หุบปาก!!! อย่ามาเอ่ยถึงจางเสวี่ยเอ๋อร์เช่นนี้ นางดีกว่าเจ้ามากนัก ไม่ใช่สตรีที่ทำตัวไร้ยางอายไปวันๆ เช่นเจ้า"

"ท่านอ๋อง!!! กลับมานะเพคะ กลับมา!!!"

ฟางเมี่ยวกรีดร้องด้วยความโมโห นางร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เหตุใดบุรุษที่นางรักจึงเอ่ยวาจาหยาบคายเช่นนี้กับนางกันนะ

ช่างใจร้ายนัก!!! คิดว่านางจะยอมแพ้หรือ ไม่มีทางเสียหรอก!!!

นับแต่นั้นมา ฟางเมี่ยวก็วางแผนการทำร้ายจางเสวี่ยฮุ่ยอยู่ตลอดเวลา แต่นางก็พ่ายแพ้ทุกคราไป หนักสุดคือนางลอบวางยาไม่ให้จางเสวี่ยฮุ่ยตั้งครรภ์ได้ นางจึงถูกเย่จิ้นหยางสั่งโบยจนล้มป่วย นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ นางทรมานเหลือเกิน

เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันที่ฮ่องเต้จะทรงเสด็จออกไปล่าสัตว์ที่นอกเมืองหลวงต้าอู๋ ครั้งนี้นางได้ตามเสด็จไปด้วย การได้ไปครั้งนี้ก็มาจากจางเสวี่ยฮุ่ยที่เกลี้ยกล่อมเย่จิ้นหยางให้พานางมาด้วย นางไม่ได้ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อย กลับเกลียดสตรีนางนั้นเข้ากระดูกดำ

เมื่อมาถึงเหล่าบ่าวไพร่ก็ช่วยกันจัดเตรียมที่พัก ต่างพักเอาแรงสองวัน จึงเริ่มออกไปล่าสัตว์

เมืองต้าอู๋เปิดกว้าง สตรีล้วนขี่ม้าฟันดาบได้ ฟางเมี่ยวเองก็ชื่นชอบการขี่ม้าเช่นกัน ซึ่งจางเสวี่ยฮุ่ยนั้นก็สามารถขี่ม้าได้เช่นเดียวกัน ทั้งสองค่อยๆ ควบม้าไปเรื่อยๆ จวบจนถึงจุดชมทิวทัศน์ที่หน้าผา

แต่ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีเหล่านักฆ่าชุดดำหลายคนปรากฏตัวขึ้น และเข้ามาล้อมนางเอาไว้ ฟางเมี่ยวมึนงงไปชั่วขณะ นางกระโดดลงมาจากหลังม้า พลางจ้องมองเย่จิ้นหยางที่วิ่งเข้ามาโอบกอดจางเสวี่ยฮุ่ยด้วยแววตาที่สับสน

"ท่านอ๋อง!!! ช่วยเมี่ยวเอ๋อร์ด้วยเพคะ"

ฟางเมี่ยวส่งเสียงร้องเรียกให้เย่จิ้นหยางช่วยเหลือ แต่ทว่าเขากลับยกยิ้มเย็นชา ก่อนจะเอ่ย

"ขออภัยด้วยนะฟางเมี่ยว ข้าจำเป็นต้องจัดการเจ้าเพื่อไม่ให้เจ้ามาสร้างความลำบากให้ข้าและเสวี่ยเอ๋อร์อีก หากเจ้าตายไปแล้ว ข้าจะดูแลบิดาและพี่ชายของเจ้าเอง ไม่ให้พวกเขาต้องทนลำบากใจเพราะมีบุตรีชั่วช้าเช่นเจ้า สังหารนางเสีย!!!"

ฟางเมี่ยวอ้าปากค้าง นางยังคงตั้งสติไม่ได้ แต่ทว่าเมื่อเรียบเรียงความคิดได้แล้ว นางก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่งพลางหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

นี่เขาเกลียดนางถึงกับต้องส่งคนมาฆ่านางเลยหรือ?

ยามนี้นางไร้อาวุธในมือที่จะป้องกันตนเองได้ เขาฉวยโอกาสตอนที่นางไม่ทันระวังตน นางมีวรยุทธ์ หากยามนี้นางมีอาวุธในมือย่อมไม่ตกเป็นรองเช่นนี้แน่นอน

จางเสวี่ยฮุ่ยตื่นตระหนกยิ่งนัก นางรีบเอ่ยกับเย่จิ้นหยางทันที

"ท่านอ๋อง!! จะไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือเพคะ?"

เย่จิ้นหยางไม่ตอบ เขาโบกมือคราหนึ่ง นักฆ่าก็ยิงธนูเข้ามาทันที ธนูดอกหนึ่งปักทะลุกลางหน้าอกของฟางเมี่ยวอย่างรวดเร็ว นางไม่ทันได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ มีเพียงโลหิตที่ไหลซึมออกมาจากริมฝีปากบางสวยของนางอย่างช้าๆ

เรื่องราวเริ่มชุลมุนมากขึ้น เมื่อมีนักฆ่าอีกกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมา เป้าหมายคือสังหารเย่จิ้นหยาง

เย่จิ้นหยางรีบคุ้มกันพาจางเสวี่ยเอ๋อร์หนีไปทันที ก่อนจะหันไปมองฟางเมี่ยวที่เดินโงนเงนไปที่หน้าผา นางหันมาจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เจ็บปวดและตัดพ้อ ที่มุมปากมีโลหิตไหลเป็นทางยาว

"ฟางเมี่ยว!!!"

ไม่นานนักทหารองครักษ์ก็มาถึงและช่วยเหลือเย่จิ้นหยางและจางเสวี่ยฮุ่ยเอาไว้ได้ทัน ส่วนนักฆ่าที่สังหารฟางเมี่ยวซึ่งเป็นคนของเย่จิ้นหยางก็รีบแยกย้ายหนีหายไปทันที ยามนี้จึงเหลือเพียงนักฆ่าชุดดำกลุ่มใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวเพื่อหวังสังหารเย่จิ้นหยาง

ฟางเมี่ยวมองคนทั้งสองเดินจากไปด้วยแววตาที่สิ้นหวัง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ร่างบางระหงร่วงตกลงไปที่หน้าผา แต่ยังไม่ทันที่นางจะร่วงตกลงไปในเหวลึก พลันมีมือของบุรุษผู้หนึ่งคว้าจับมือของนางเอาไว้ได้ทัน

"ฟางเมี่ยว!! เจ้าห้ามตายนะ ได้ยินหรือไม่ สตรีหน้าโง่ เจ้ามันชั่วช้า เสแสร้ง!!!"

ฟางเมี่ยวใช้แรงเฮือกสุดท้ายเงยหน้าขึ้นไปมองบุรุษผู้นั้น แววตาของนางวูบไหว ริมฝีปากของนางขยับอย่างเชื่องช้า

"หลี่เยี่ยนเฉิน"

ข้าขอโทษ หลี่เยี่ยนเฉิน ข้ารู้ดีชั่วแล้ว แต่มันสายเกินไป มันสายเกินไปเสียแล้ว หากมีชาติหน้า ข้าขอชดใช้คืนให้เจ้าทั้งหมด

ฟางเมี่ยวรู้สึกว่าร่างตนเองกำลังจะแตกละเอียด ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวลงไปทุกขณะ นางกระอักโลหิตออกมาอีกครา ก่อนที่จะสิ้นใจตายต่อหน้าต่อตาหลี่เยี่ยนเฉิน

"ฟางเมี่ยว!!! ฟางเมี่ยว!!! อ๊ะ!!!"

หลี่เยี่ยนเฉินรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่นหลัง เขาหันไปมองก่อนจะพบว่ามีนักฆ่าชุดดำผู้หนึ่งใช้ดาบยาวแทงมาที่ด้านหลังของเขา เขากระอักโลหิตออกมาคราหนึ่ง ก่อนที่เขาจะร่วงหล่นไปพร้อมกับฟางเมี่ยว ร่างของคนทั้งสองลอยละลิ่วลงไปสู่เบื้องล่างที่เวิ้งว้างไม่มีที่สิ้นสุด ใบหน้าหลี่เยี่ยนเฉินปรากฏรอยยิ้มสิ้นหวัง เขายอมรับโชคชะตาตนเองแล้วอย่างไรเสียเขาย่อมไม่รอด เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงก้มลงไปมองฟางเมี่ยวที่สิ้นใจตายไปก่อนหน้านี้ เขาไม่ยอมปล่อยมือจากนางจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาตระกองกอดนางเอาไว้พลางมองนางอีกคราด้วยแววตาที่เจ็บปวด

ชาตินี้เจ้าติดค้างข้า เจ้าหลอกข้า ทำร้ายจิตใจข้า ชาติหน้าข้าไม่ขอพบเจอเจ้าอีกแล้วฟางเมี่ยว!!!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 3 กลับมาอีกครา

    บทที่ 3 กลับมาอีกคราแคว้นต้าอู๋รัชศกหมิงหล่างฮ่องเต้นามเย่หมิงหล่าง"คุณหนู ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ!!!"เสียงของสาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นนายของตนฟื้นแล้ว เสียงเอะอะโวยวายนี้ทำให้ฟางเมี่ยวถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะของตนเอง ความรู้สึกปวดหนึบไหลเวียนไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ศีรษะของนางราวกับถูกบีบรัดอย่างไรอย่างนั้น"ปวดหัวยิ่งนัก!!!""คุณหนู บ่าวจะไปตามหมอนะเจ้าคะ!!"เสียงที่คุ้นเคยทำให้ฟางเมี่ยวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติ และเงยหน้าไปมองสาวใช้น้อยนางนั้นทันทีลู่ชิง!!!"ลู่ชิง เจ้า...""เอ? เป็นบ่าวเองเจ้าค่ะ คุณหนูคิดว่าเป็นผู้ใดกันเจ้าคะ รอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปเรียนนายท่านว่าคุณหนูได้สติแล้ว"ลู่ชิงลนลานลุกขึ้นยืนหวังจะไปบอกคนในจวน แต่ทว่าฟางเมี่ยวกลับร้องเรียกนางเอาไว้เสียก่อน"ช้าก่อน"ลู่ชิงยังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปก็ถูกฟางเมี่ยวรั้งตัวเอาไว้ นางจึงหันมามองนายตนด้วยความงุนงง“คุณหนู?”"ข้ายังไม่ตายหรือ?"ลู่ชิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"ตายอันใดกันเจ้าคะ!!!""เช่นนั้นข้ามาอยู่ที่จวนได้เช่นไร หรือว่าข้ายังไม

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 4 ตรวจสอบบัญชี

    บทที่ 4 ตรวจสอบบัญชียามเช้าของวันต่อมาฟางเหลียนออกจากจวนไปร่วมประชุมเช้าที่วังหลวง หลังจากเสร็จสิ้นจึงกลับมาที่จวน ก็พบว่ายามนี้บ่าวไพร่กำลังวุ่นวายอยู่ในจวน เดินขวักไขว่กันไปมา เมื่อมองไปก็เห็นฟางเมี่ยวบุตรสาวของเขาที่กำลังยืนชี้นิ้วสั่งงานเหล่าบ่าวไพร่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเขาขยี้ตาตนคราหนึ่ง นี่บุตรสาวเขาเสียใจที่มารดานางตายจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว?ยามนี้มิใช่ว่านางต้องออกนอกจวนไปผลาญเงินเขาเล่นหรอกหรือ?เอาเถิด เป็นเช่นนี้ก็ดีมิใช่หรือ?เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงเดินตรงไปหาบุตรสาวตนทันที"เมี่ยวเอ๋อร์""ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ลู่ชิง ยกน้ำชามาให้ท่านพ่อดื่มดับกระหาย"บริการน้ำชาด้วย!!!เสนาบดีฟางเหลียนคล้ายไม่คุ้นชินกับท่าทางเอาอกเอาใจเช่นนี้ของฟางเมี่ยวเอาเสียเลย เขารับถ้วยชามาดื่มจนหมดจอก ก่อนจะเอ่ย"เมี่ยวเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?""อ้อ ลูกกำลังจัดการจวนใหม่เจ้าค่ะ อีกไม่นานพี่ใหญ่ก็จะกลับมาที่จวนแล้ว นี่พวกเจ้า!! ตัดต้นสาลี่ต้นนั้นออกด้วย"เสนาบดีฟางเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยทันที"ไม่ได้นะ สาลี่ต้นนี้แม่เล็กซางของเจ้าชอบมาก"ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นจึง

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 5 วาสนา(ด้ายแดง)ขนมเปี๊ยะ

    บทที่ 5 วาสนา (ด้ายแดง) ขนมเปี๊ยะหลังจากที่อนุซางถูกขับออกจากจวน บรรดาอนุทั้งหลายในจวนตระกูลฟางต่างก็ไม่กล้าเสนอหน้าหรือมีปากเสียงใดอีกแม้เพียงสักคน อีกทั้งยังสวมชุดสีอ่อนเพื่อไว้ทุกข์ให้อดีตฮูหยินอย่างว่าง่ายอีกด้วยเช้านี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ ฟางเมี่ยวที่อาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ยามนี้นางกำลังจ้องมองอาภรณ์ในหีบที่มีอยู่ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับลู่ชิง"ลู่ชิง เจ้าจงไปหาช่างฝีมือดีมาหลายคนหน่อย ข้าจะตัดชุดใหม่ ชุดพวกนี้สีสันฉูดฉาดเกินไป ข้าไม่อยากใส่"ลู่ชิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย"เอ? ปกติคุณหนูชื่นชอบเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดนี่เจ้าคะ คุณหนูบอกว่ายิ่งสีชัดยิ่งดี คุณหนูจะได้เป็นที่จับตามองของเหล่าบุรุษ จะได้เด่นเกินหน้าเกินตาผู้อื่นอย่างไรเล่าเจ้าคะ!!"ฟางเมี่ยวหลับตาลงพลางยกมือนวดขมับ นางอยากจะยกเท้าถีบกลางหน้าอกของสาวใช้บัดซบผู้นี้เสียจริง!!แต่ช่างเถิด นางจะปรับเปลี่ยนตนเองใหม่ นางจะไม่เจ้าอารมณ์อีกเมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงหันไปเอ่ยกับลู่ชิงอย่างมีความอดทน"ข้าสั่งให้เจ้าไป เจ้าก็ไป ไม่ต้องมาย้อนถามข้า""เจ้าค่ะคุณหน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 6 พบกันอีกครา

    บทที่ 6 พบกันอีกคราฟางเมี่ยวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้เห็นท่าทีที่ต่างไปจากเดิมของหลี่เยี่ยนเฉิน แววตาของเขาที่มองนางดูคล้ายไม่เหมือนเดิม ทุกคราที่ได้พบกัน แววตาของเขาช่างกระจ่างใสและบริสุทธิ์ เป็นแววตาของเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสา มีทั้งความอบอุ่นและอ่อนโยนมอบให้แก่นางแต่เหตุใดครั้งนี้นางจึงรู้สึกว่าแววตาของเขาดูเย็นชาและตัดพ้อนางในคราเดียวกันแต่ทว่าเมื่อหันไปมองอีกคราก็พบว่าหลี่เยี่ยนเฉินได้จากไปพร้อมกับขบวนกองทัพแล้ว เขาไม่แม้แต่จะส่งยิ้มทักทายให้นางเลยแม้แต่น้อยฟางเมี่ยวคร้านจะคิดสิ่งใดให้มากความอีก บางทีหลี่เยี่ยนเฉินอาจจะเดินทางเหนื่อยจึงไม่มีเวลาทักทายนาง หรือบางคราการเดินทางกลับอาจจะต้องรีบเร่งตามคำสั่งของฮ่องเต้ เขาจึงไม่มีเวลาส่งจดหมายมาบอกนาง แค่นางต้องสะสางเรื่องในจวนก็เหนื่อยมากพอแล้ว นางไม่มีเวลามาคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกเอาเถิด อย่างไรเขากับนางย่อมต้องได้พบเจอกันอีกเป็นแน่ฟางเมี่ยวหยิบผ้าที่วางอยู่ขึ้นมาเช็ดมือ ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง นางกวาดสายตามองไปโดยรอบคราหนึ่ง ยามนี้โรงน้ำชาค่อนข้างคึกคักไม่น้อยแล้ว ผู้คนต่างแวะเวียนเข้ามาลองชิมชาชั้นดีและขนมเลิศรสที่โรงน้ำชาของนางนั

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 7 ตำราคุณธรรมหญิง

    บทที่ 7 ตำราคุณธรรมหญิงหลี่เยี่ยนเฉินละสายตาจากรถม้าของฟางเมี่ยว ก่อนจะมุ่งหน้ากลับจวนของตน เดิมทีที่เขามีเวลาออกมาดูนางได้นั้น เป็นเพราะต้องรอให้ฝ่าบาททรงเรียกตัวเข้าวังหลวง แม้จะมีความดีความชอบ แต่ยามนี้เป็นเวลาที่ฮ่องเต้และชินอ๋องผู้เป็นหลานชายต้องการสนทนาเรื่องราวบางอย่างกันตามลำพัง และให้เขาและท่านพ่อได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้าเฝ้าในเช้าวันพรุ่งนี้เมื่อกลับมาถึงจวน เขาก็พบว่ายามนี้ท่านแม่กำลังปรนนิบัติดูแลท่านพ่อเป็นอย่างดี ออกรบครานี้ครอบครัวไม่อยู่พร้อมหน้ากันเป็นเวลาร่วมหนึ่งปี เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูล เป็นที่รักของท่านพ่อท่านแม่อย่างมากหลี่เย่ แม่ทัพใหญ่กำลังมองบุตรชายของตนคราหนึ่ง ก่อนที่หลี่ฮูหยินที่เห็นว่าบุตรชายของตนกลับมาถึงจวนแล้วก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง"เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว""ท่านแม่""เหนื่อยหรือไม่ แม่สั่งให้เหล่าสาวใช้ทำอาหารมารอเจ้าแล้ว""ขอบคุณท่านแม่มากขอรับ""รีบไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด แล้วรีบมากินอาหาร""ขอรับ"หลี่เยี่ยนเฉินพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของตน แล้วจึงจัดการให้ตงหยาง บ่าวรับใช้คนสนิท นำน้ำร้อนมาผสม

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 8 จัดการอนุ

    บทที่ 8 จัดการอนุวันต่อมาฟางเมี่ยวตื่นสายไปเสียหน่อย เนื่องจากนางมัวแต่อ่านตำราจนถึงยามดึก ลู่ชิงที่เห็นว่านายตนตื่นแล้ว จึงเข้ามาปรนนิบัติล้างหน้า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฟางเมี่ยวจึงหันไปเอ่ยกับลู่ชิง"ข้าจะไปกินอาหารเช้ากับท่านพ่อที่เรือนใหญ่""เอ่อ ปกติบ่าวเห็นว่าคุณหนูไม่ชอบกินอาหารร่วมกับผู้ใดนี่เจ้าคะ""ก็ตอนนี้ข้าชอบกินกับผู้อื่นแล้วอย่างไรเล่า เจ้าจะถามไปทำไมให้มากความกัน ปากเจ้านี่หัดเงียบบ้างจะได้หรือไม่!!!""บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ"ฟางเมี่ยวคร้านจะสนใจลู่ชิงอีก นางจึงมุ่งหน้าไปที่เรือนใหญ่ในทันที เมื่อมาถึงที่หน้าเรือนก็พบว่ามีเสียงหัวเราะหวานใสของสตรีหลายนางและเสียงหัวเราะของท่านพ่อดังแว่วมาจากในเรือนใหญ่ฟางเมี่ยวยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง งานศพท่านแม่เพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นาน ท่านพ่อก็รื่นเริงเสียแล้วนางหันไปจ้องมองสาวใช้ที่เฝ้าหน้าประตูทางเข้าเป็นเชิงว่าห้ามส่งเสียง ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปด้านในทันที"แหมๆๆๆ ท่านพ่อนี่ดูรื่นรมย์เสียจริงนะเจ้าคะ งานศพท่านแม่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเลยด้วยซ้ำ"เสนาบดีฟางเหลียนสะดุ้งโหยงก่อนจะหันมามองฟางเมี่ยวคราหนึ่งบัดซบ!! บุตรสาวตัวดีของเขามาที่นี่ทำไมกั

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 9 งานเลี้ยงจวนตระกูลหลี่

    บทที่ 9 งานเลี้ยงจวนตระกูลหลี่ผ่านมาร่วมสองวันจวนตระกูลหลี่ก็ส่งเทียบเชิญมาที่จวนตระกูลฟาง ฟางเมี่ยวจ้องมองเทียบเชิญฉบับนั้นอย่างเงียบๆ ในใจของนางรู้สึกเต้นระรัวอย่างรุนแรงนางบอกไม่ถูกว่ามันเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ที่ทำให้จิตใจของนางไม่สงบได้ถึงเพียงนี้ คล้ายว่านางรอคอยที่จะได้พบกับเขาและเฝ้ารอให้เขาพูดประโยคบอกรักนั้นกับนางอีกคราหากครานี้เขาพูดกับนางอีกครา นางจะตอบตกลงเขาอย่างไม่รีรอ นางจะแต่งกับเขา จะดูแลเขาให้ดีที่สุดฟางเมี่ยวละสายตาจากเทียบเชิญฉบับนั้น ก่อนจะสั่งให้ลู่ชิงช่วยนางเลือกชุดที่จะสวมใส่ไปที่จวนตระกูลหลี่ในอีกสองวันข้างหน้านางจำได้ว่าในชาติก่อนนั้น นางรู้ว่าในงานเลี้ยงครั้งนี้เย่จิ้นหยางจะมาร่วมด้วยเช่นกัน เพราะสนิทสนมกับหลี่เยี่ยนเฉินมาก นางจึงบรรจงแต่งกายสีสันฉูดฉาดไป เพื่อยั่วยวนเย่จิ้นหยาง โดยไม่สนใจหลี่เยี่ยนเฉินเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังหลอกใช้เขาฟางเมี่ยวไล่ความคิดเหล่านี้ออกไป นางมองดูชุดที่ตนเองจะสวมใส่ก่อนจะยิ้มออกมาคราหนึ่งสองวันต่อมางานเลี้ยงจวนตระกูลหลี่ยามนี้ภายในจวนตระกูลหลี่ค่อนข้างคึกคักเป็นอย่างมาก ขุนนางชั้นสูงจากทั่วทั้งเมืองหลวงต่างมาร่วมยินดีด้ว

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 10 บรรยากาศแปลกไป

    บทที่ 10 บรรยากาศแปลกไป"ถวายพระพรท่านอ๋องเพคะ"จางเสวี่ยฮุ่ยลุกขึ้นทำความเคารพเย่จิ้นหยางอย่างนอบน้อมและเขินอาย ฟางเมี่ยวที่หาทางปลีกกายออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงลุกขึ้นยืนทำความเคารพเขาเช่นเดียวกันให้ตายสิ!! กระโดดถีบแทนได้หรือไม่เย่จิ้นหยางละสายตาจากจางเสวี่ยฮุ่ย ก่อนจะจ้องมองมาที่ฟางเมี่ยวคราหนึ่ง ฟางเมี่ยวมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย ทำให้เย่จิ้นหยางขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเอ่ยถาม"แม่นาง ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ชอบใจข้าเท่าใดนัก"ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมาจ้องมองเย่จิ้นหยางคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา แต่ทว่ารอยยิ้มของนางดูเย็นชาไม่น้อย"ท่านอ๋องทรงคิดมากไปแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่เคยพบเจอท่านอ๋องมาก่อน จะไม่ชอบใจพระองค์เรื่องใดกัน""นั่นสินะ ข้าคงคิดมากไป ว่าแต่เจ้าคงจะเป็นสหายของเสวี่ยเอ๋อร์สินะ"เย่จิ้นหยางเอ่ยถามนาง ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้จางเสวี่ยฮุ่ย ฟางเมี่ยวไม่ตอบเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้นคนบัดซบเช่นนี้ นางไม่อาจทำใจรักษากฎระเบียบใดกับเขาได้ แม้ยามนี้นางจะบอกตนเองเสมอว่าไม่ให้แค้นเคืองเขาในเรื่องเก่าก่อน แต่นางกลับรู้สึกว่าตนขัดหูขัดตาเขาไม่น้อย นี่แปลว่านางยังแค้นเขาใช่หร

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05

Bab terbaru

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง1-4

    หลายเดือนต่อมา เจียงซูซูมาส่งใบลาให้เสิ่นจื่อหลาง บอกเพียงว่านางต้องติดตามท่านพ่อท่านแม่ไปจัดการธุระที่บ้านเดิมซึ่งอยู่นอกเมืองหลวงเสิ่นจื่อหลางให้นางลาสามวัน และบอกให้นางรีบกลับระหว่างทางที่มุ่งหน้ากลับบ้านเดิมนั้นไม่มีปัญหา จนกระทั่งยามที่นางและครอบครัวกำลังจะเดินทางกลับ กลับมีโจรบุกเข้ามาปล้นชิงครอบครัวของนาง พวกมันจับตัวพวกนางเอาไว้ เจียงซูซูหวาดกลัวไม่น้อย แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีเอาไว้นางไม่รู้ว่าพวกมันจับตัวนางมาไว้ที่ใด ได้ยินเพียงพวกมันบอกว่าจะสังหารท่านพ่อท่านแม่ของนางและส่งนางไปขายที่หอนางโลมเจียงซูซูพลันนึกถึงเสิ่นจื่อหลางขึ้นมา จู่ๆ ขอบตาของนางก็ร้อนผ่าว เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านางกับเขาชาตินี้อาจะไม่ได้เจอนางอีก นางสัญญากับเขาเอาไว้แล้วว่าจะกลับไปอยู่เคียงข้างเขาเขาเป็นถึงฮ่องเต้ผู้สูงส่งแต่นางเป็นเพียงขุนนางหญิงต่ำต้อย กลับอาจหาญที่จะไปหลงรักเขาภายใต้ใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขามันซ่อนความอบอุ่นเอาไว้ เขาไม่เคยตำหนินาง ไม่เคยลงโทษนาง อีกทั้งยังไม่ถือตัวกับนาง นางชอบทุกอย่างที่เป็นเขา รักทุกอย่างของเขาจู่ๆ เจียงซูซูที่เข้มแข็ง น้อยครั้งนักที่นางจะร้องไห้ แต่ทว่ายามนี้นางกลับ

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง 1-3

    วันเวลาเช่นนี้ผ่านไปวันแล้ววันเล่าเดือนแล้วเดือนเล่าจนล่วงมาเป็นปี เขาไม่ทันรู้ตัวว่าเปิดรับนางเข้ามาในใจตั้งแต่ยามใด รู้ตัวอีกคราสายตาของเขาก็เอาแต่มองหานางเสียแล้ว“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”เสิ่นจื่อหลางที่กำลังนั่งอ่านตำราพลันเงยหน้าขึ้นไปมองโจวกุ้ยเฟยที่กำลังเดินเข้ามาโจวกุ้ยเฟย นามเดิม โจวเย่หลัน นางเป็นหลานสาวของนายท่านโจว เป็นทายาทที่เกิดจากบุตรชายเพียงคนเดียวของโจวชิงเหยา บุตรชายของนายท่านโจวเขารับนางเข้ามาเป็นสนมได้ร่วมสองปีแล้ว นิสัยของนางค่อนข้างอ่อนหวาน เอาอกเอาใจ และมีเมตตาแต่ทว่าเขารู้ดีว่านี่คือเปลือกนอกที่นางแสดงให้เขาดูเพียงเท่านั้นสตรีวังหลังมีผู้ใดบ้างไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ หากไม่สนอำนาจเช่นนั้นจะเข้าวังหลวงมาทำไมกัน ไปบวชชีคงเหมาะเสียกว่า!!“โจวกุ้ยเฟย เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ?”โจวกุ้ยเฟยฉีกยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ย“ทูลฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันคิดค้นสูตรอาหารขึ้นมาใหม่ จึงอยากมาชวนพระองค์ไปลองชิมที่ตำหนักเพคะ”“อืม ไว้มีเวลาข้าจะไป”“ฝ่าบาทเพคะ”เสิ่นจื่อหลางที่ได้ยินว่าโจวกุ้ยเฟยเอาแต่เรียกเขา ก็เงยหน้าไปมองนางด้วยแววตาที่เย็นชาจนนางลนลานหวาดกลัวไม่น้อย“เอ่อ หม่อมฉันขอทูล

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง 1-2

    วังหลวงท้องพระโรงยามนี้เจียงซูซูอยากจะมุดแผ่นดินหนีหรือไม่ก็แทรกตัวเข้าไปหลบในเสาต้นใดต้นหนึ่งยิ่งนักบุรุษที่นางยืนด่าฉอดๆ เมื่อไม่นานมานี้ แท้จริงเขาคือฮ่องเต้ของต้าอู๋พระนามเสิ่นจื่อหลางเจียงซูซูเบะปากทำท่าคล้ายคนจะร้องไห้ เห็นทีตำแหน่งขุนนางหญิงที่นางใฝ่ฝันคงจะจบเห่แล้ว!!!เสิ่นจื่อหลางปรายตามองเจียงซูซูคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองสตรีอีกสองนางที่สอบได้ลำดับรองลงไป สตรีที่ได้อันดับสองมาจากจวนตระกูลหาน ได้ยินว่านางเก่งกาจด้านการใช้อาวุธ เขาจึงมอบตำแหน่งองค์รักษ์หญิงให้แก่นาง ส่วนสตรีอีกนางมาจากจวนตระกูลสวี ได้ยินว่านางรอบรู้ อีกทั้งยังช่างสังเกต เขาจึงให้นางไปเรียนรู้การทำงานที่ศาลต้าหลี่ ดูว่านางมีความสามารถเหมาะกับตำแหน่งใดในศาลต้าหลี่แล้วค่อยมอบตำแหน่งนั้นให้นางส่วนผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่ง เขาตั้งใจที่จะให้นางทำงานอยู่ข้างกายเขา เขาไปที่ใดนางต้องไปตามคอยเป็นหูเป็นตาแทนเขา สามารถเป็นตัวแทนเขาในการทำงานต่างๆ ได้ สตรีมักจะทำงานรอบคอบและละเอียดมากกว่าบุรุษสตรีน้อยสองนางออกไปแล้ว ยามนี้เหลือเพียงเจียงซูซู เสิ่นจื่อหลางโบกมือให้คนอื่นๆ ออกไป ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหานาง เจียงซูซูที่เห็นเช

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   ตอนพิเศษ เสิ่นจื่อหลาง 1-1

    (เรื่องราวเกิดขึ้นหลังขึ้นครองราชย์6ปี)“ฝ่าบาท จะออกไปจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีคนสนิทเอ่ยถามเสิ่นจื่อหลางอย่างร้อนรน ได้ยินว่าวันนี้ฝ่าบาทจะออกไปชิมอาหารที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์อีกแล้ว“ไม่ต้องตามข้า ข้าเพียงไปพบสหายเท่านั้น”เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะปลอมตัวเป็นองค์รักษ์เสื้อแพรออกไปที่นอกวังหลวงยามนี้อาอวี้รั้งตำแหน่งผู้บัญชาการองค์รักษ์เสื้อแพร อีกทั้งยังตงฉิน ทำงานอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง มันทำให้เขามองเห็นตนเองเมื่อสมัยก่อนปีนี้เขามีอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ครองราชย์มาก็หลายปี แต่ทว่ายังคงไม่มีทายาทสืบทอดวันนี้เขามีนัดกับฟางเมี่ยวที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์ นางบอกมีสูตรอาหารแปลกใหม่อยากให้เขาได้ลิ้มลองเมื่อมาถึงเขาก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉิน น่าแปลกที่ยามนี้เขากับหลี่เยี่ยนเฉินกลายเป้นสหายสนิทกันไปเสียแล้ว“อาจื่อ เจ้าว่างมากหรือ จึงนัดพวกข้ามาพบ”“แน่นอนสิ ข้าไม่มีสิ่งใดทำ”“เหอะ”“เหอะอันใด รีบสั่งอาหารมาสิ แล้วนี่เมี่ยวเมี่ยวเล่า นางไปที่ใด?”“มาถึงก็เรียกหาภรรยาผู้อื่นเช่นนี้ใช้ได้หรือ กลับไปหาสนมเจ้าสิ!!!”“เจ้าหึงหวงหรือ ช่วยไม่ได้ เมี่ยวเมี่ยวสนิทกับข้านี่เจ้าก็รู้”“อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทุบ

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   ตอนพิเศษ หลี่เยี่ยนเฉินและฟางเมี่ยว

    เขาจำได้ดีว่าในปีนั้นเป็นช่วงฤดูร้อน ฮ่องเต้เย่หมิงหล่างมีรับสั่งให้เหล่าขุนนางตามออกไปล่าสัตว์อีกครา หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น่ากลัวที่เหล่านักฆ่าลอบสังหาร ก็มีการเพิ่มกำลังการคุ้มกันแน่นหนาขึ้น“วันนี้พี่เยี่ยนช่างรูปงามยิ่งนัก”หลี่เยี่ยนเฉินปรายตามองฟางเมี่ยวคราหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี นางตามมาเกี้ยวพาเขาอีกแล้วฟางเมี่ยวจ้องมองหลี่เยี่ยนเฉินด้วยท่าทีหยอกเย้า ไม่ได้ใส่ใจท่าทีที่เอือมระอาของเขาเลยแม้แต่น้อย“พี่เยี่ยน”“หยุดเรียกข้าสักที”เขารีบควบม้าหนีนางไปทันที ฟางเมี่ยวไม่ยอมลดละรีบควบม้าตามเขาไปอย่างรวดเร็วแต่ทว่าม้าของนางกลับพยศ มันวิ่งเข้าป่าไม่หยุดจนเกือบจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ หลี่เยี่ยนเฉินตื่นตระหนกยิ่ง รีบกระโดดเข้ามาคว้าตัวนางลงจากหลังม้า ก่อนที่คนทั้งสองจะกลิ้งตกลงเขาไปด้วยกันฮ่องเต้เย่หมิงหล่างสั่งให้คนออกตามหาพวกเขาทั้งสองคนแต่กลับไม่พบฟางเมี่ยวขยับกายเล็กน้อย นางรู้สึกปวดไปทั้งตัว แต่ว่าเมื่อได้มองเห็นหลี่เยี่ยนเฉินที่นอนสลบอยู่ ก็ตกใจไม่น้อย บนหน้าผากของเขามีเลือดไหลซึมออกมา คาดว่าอาจจะถูกกิ่งไม้แหลมขูดหน้าผาก ฟางเมี่ยวรีบใช้ผ้าสะอาดที่นางนำติดมาด้วยซับเลือดให้เขา

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 56 บทสรุป

    รัชศกจื่อหลางปีที่ 1ยามนี้เสิ่นจื่อหลางขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้หนึ่งปีแล้ว นับแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์นั้นนับว่าเป็นช่วงที่รุ่งเรืองไม่น้อย แคว้นต่างๆ ยอมศิโรราบ แคว้นใดคิดเป็นกบฏจะถูกสังหารอย่างไม่ละเว้น ผู้ทำผิดถูกลงโทษไม่เว้นว่าจะเกิดในตระกูลใด เด็กๆ ที่ยากจนได้มีสถานที่เรียน ซึ่งทางราชสำนักเป็นคนต่อตั้งขึ้นสำหรับครอบครัวที่ยากจนสามปีต่อมาอาอวี้ที่มีอายุจะครบสิบห้าปีแล้วสามารถสอบเป็นจอหงวนได้สำเร็จ หลังจากนั้นอีกหลายปี เพราะความสามารถของเขาที่เก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊ จึงได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ทำงานรับใช้ฝ่าบาทอย่างใกล้ชิดฟางเจี๋ยพี่ชายของนางได้รับตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหม ส่วนท่านพ่อนั้นก็ออกมาพักผ่อนและเลี้ยงลูกๆ ของฟางเจี๋ยและหลิวจืออยู่ที่จวนส่วนหลี่เยี่ยนเฉินนั้นยามนี้สงครามสงบ ไม่มีสิ่งใดให้ต้องทำ เขาจึงติดตามภรรยาไปค้าขายต่างแคว้นอย่างมีความสุข ทั้งคู่ยังไม่มีบุตรจนหลี่ฮูหยินร้อนใจ สั่งให้ฟางเมี่ยวห้ามออกจากจวนไปทำงาน อยู่ทำลูกกับหลี่เยี่ยนเฉินทุกวันยามที่มีเวลาว่าง ฟางเมี่ยวมักจะไปที่หลุมศพของจางเสวี่ยฮุ่ย บอกเรื่องราวความเป็นไปในแต่ละช่วงเวลาให้นางฟังฟางเมี่ยวเชื

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 55 ความฝันของเย่จิ้นหยาง

    ฟางเมี่ยวเมื่อกลับมาถึงจวนก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉินที่กำลังยืนรดน้ำดอกกุหลาบอยู่ ฟางเมี่ยวที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามเขาทันที“ท่านพี่ เหตุใดจึงทำเอง บ่าวไพร่ไปที่ใดหมดเจ้าคะ?”หลี่เยี่ยนเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้ฟางเมี่ยว ก่อนจะเช็ดมือให้สะอาดแล้วเดินเข้ามาหาฟางเมี่ยว แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้นางอย่างใส่ใจ“ดอกไม้เหล่านี้เมี่ยวเอ๋อร์ของข้าชอบมากที่สุด ข้าย่อมต้องดูแลเองไม่อาจวางใจให้ผู้อื่นดูแลได้ ไหนมาให้ข้าซับเหงื่อให้ เจ้าเหนื่อยหรือไม่?”“ไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ ท่านพี่ข้าพบสวีเซียวเหยา นางสารภาพมาเองว่าเคยส่งคนมาฉุดข้า”ฟางเมี่ยวคล้ายจะลืมตัวว่าตนเอ่ยสิ่งใดออกไป นางไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับหลี่เยี่ยนเฉินเพราะเกรงว่าเขาจะเป็นห่วงและคิดมาก อีกอย่างนางก็ปลอดภัยดีจึงไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอันใด หลี่เยี่ยนเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถามทันที“นี่เจ้าถูกนางส่งคนมาฉุดเช่นนั้นหรือ?”“เอ่อ...”“ตอบมา!!!”“ท่านพี่ เรื่องมันนานมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าเองไม่อยากให้ท่านกังวล นับว่าโชคยังดีที่ข้าปลอดภัย สหายเสิ่นไปช่วยข้าเอาไว้ได้ทันเวลา”สหายเสิ่นอีกแล้ว?หลี่เยี่ยนเฉินหรี่ตามองฟางเมี่ยว ก่อนจะมี

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 54 ที่พึ่งพิงชั่วชีวิต

    รัชศกจิ้นหยางปีที่ 1เย่จิ้นหยางขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นต้าอู๋ นับตั้งแต่เขาได้สติกลับคืนมาก็ตั้งใจทำเพื่อบ้านเมืองอย่างสุดกำลัง เขากวาดล้างเหล่าขุนนางโลภออกไปจากราชสำนักได้ไม่น้อย อีกทั้งยังลดภาษีให้กับราษฎรอีกด้วย ไม่กี่ปีต่อมาแคว้นต้าอู๋ก็กลับมางดงามและยิ่งใหญ่เช่นเดิมเขานึกถึงคำเตือนของเสิ่นจื่อหลางได้ไม่ลืม อีกทั้งยังชื่นชมเสิ่นจื่อหลางอีกด้วย เขาไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเสด็จลุงจึงไว้วางใจเสิ่นจื่อหลางถึงเพียงนี้นับตั้งแต่เริ่มแผนการที่ท่านลุงวางไว้ แผนการนั้นจะไม่สำเร็จและแยบยลเลย หากไม่มีขุนนางที่ตงฉินและไว้ใจได้ และยอมทำงานถวายชีวิตเช่นเสิ่นจื่อหลางที่ผ่านมาเสด็จลุงส่งเสิ่นจื่อหลางมาคอยจับตาดูเขาและขุนนางทุกคน สุดท้ายเสด็จลุงไว้วางใจที่จะมอบแผ่นดินนี้ให้กับเขา เขาเองก็จะไม่ทำให้ความไว้วางใจนั้นของเสด็จลุงต้องสูญเปล่ายามนี้ต้าอู๋นับว่าคึกคักไม่น้อยเลย ฟางเมี่ยวกลับมาเปิดกิจการใหม่อีกครา อีกทั้งรายได้ครึ่งหนึ่งของการค้าขาย นางก็จะบริจาคเข้าคลังหลวงเพื่อช่วยราชสำนักทุกเดือน ระยะหลังมานี้กิจการของนางได้ส่งออกไปขายต่างแคว้น นับว่าได้กำไรงามไม่น้อยตั้งแต่แคว้นเห

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 53 เสียสติ

    ฟางเมี่ยวเดินออกจากจวนอ๋องมาพร้อมกับหลิวจือ ยามนี้เย่จิ้นหยางเสียใจอย่างหนัก ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้ร่างของจางเสวี่ยฮุ่ย เขาเอาแต่กอดร่างไร้ลมหายใจของนางเอาไว้เช่นนั้นไม่ยอมปล่อย ปากก็พร่ำเพ้อว่ายามนี้นางกำลังนอนพักผ่อน ห้ามผู้ใดรบกวนนางฟางเมี่ยวทนมองภาพที่น่าสลดใจเช่นนี้ไม่ไหว นางจึงรีบขอตัวกลับจวนตนทันทีหลิวจือนั้นขอตัวกลับจวนของตนเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องจัดการ ส่วนฟางเมี่ยวนั้นยามนี้ก็กำลังนั่งรถม้ามุ่งหน้ากลับจวนตระกูลหลี่เช่นเดียวกันเมื่อกลับมาถึงจวน นางก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉินที่กำลังนั่งรอนางอยู่ในเรือน เขาได้ยินข่าวที่จางเสวี่ยฮุ่ยจากแล้ว ในใจก็นึกเวทนาไม่น้อย ข่าวการตายของจางเสวี่ยฮุ่ยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปถึงในวังหลวงเมื่อเห็นว่าฟางเมี่ยวกลับมาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหานางทันที ก่อนจะพบว่ายามนี้ใบหน้าของฟางเมี่ยวเปรอะเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือหลี่เยี่ยนเฉิน ฟางเมี่ยวก็โผเข้ากอดเขาทันที ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกครา“ฮืออ หลี่เยี่ยนเฉิน จางเสวี่ยฮุ่ยตายแล้ว ข้าช่วยนางไม่ได้ ฮือ ข้าช่วยนางไม่ได้ ข้าไม่อยากให้นางตาย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status