เถ้าแก่หงเรียกหลงจู๊ของร้านมาสั่งการ ให้นำน้ำยาปรับผ้านุ่มนี้ส่งไปที่ร้านค้าผ้าสักสามสาขา แล้วแบ่งขายเป็นขวดขนาดกลาง ดูผลตอบรับจากลูกค้าก่อนที่จะตัดสินใจว่า จะร่วมทำการค้านี้หรือไม่
ทางด้านลู่ชิงและครอบครัว เดินมาตามทางที่เถ้าแก่หงแนะนำ ตอนนี้ทุกคนมายืนอยู่หน้าร้านขายสมุนไพร กึ่งโรงหมอเรียบร้อยแล้วคนป่วยที่มาต่อแถวเพื่อรักษา ส่วนมากเป็นชาวบ้านที่มีรายได้น้อย
แต่เท่าที่มองดูผู้ช่วยหมอที่พูดคุย และสอบถามอาการของคนป่วย ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าที่นี่ดูแลคนป่วยด้วยใจจริง ๆ
ลู่เวินจึงตัดสินใจเดินเข้าไปทักผู้ช่วยหมอ ที่กำลังตรวจคัดคนป่วยเบื้องต้นอยู่“เอ่อ น้องชายข้าขอรบกวนเวลาเจ้าสักประเดี๋ยวได้หรือไม่” ลู่เวินทักทายผู้ช่วยหมอเพื่อจะสอบถามเรื่องท่านหมอเกา
“พี่ชายจะสอบถามเรื่องอันใดหรือขอรับ” ผู้ช่วยหมอได้ยินเสียงจากด้านหลัง จึงหยุดการตรวจคัดกรองคนป่วย และหันมาถามลู่เวินแทน
“ข้าอยากจะขอพบท่านหมอเกา พอดีว่าครอบครัวข้ามีเรื่องยาสมุนไพร จะมาพูดคุยกับท่านหมอเกาน่ะ” ลู่เวินบอกกับผู้ช่วยท่านหมอเกาไปตามตรง
“ตอนนี้ท่านหมอเกากำลังตรวจอาการคนป่วยอยู่ แต่ว่าเหลืออีกไม่กี่คนก็จะได้พักแล้วขอรับ ไม่ทราบว่าพี่ชายรอได้หรือไม่” ตอนนี้มีคนป่วยรอตรวจไม่มากจากนั้นท่านหมอเกาก็ว่างแล้ว
“รอได้ ๆ เช่นนั้นรบกวนน้องชายแจ้งท่านหมอไว้ก่อนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวข้ากับครอบครัวจะนั่งรออยู่ตรงหน้าร้านนี้แหละ” เพื่อการค้าทำไมเขาจะรอไม่ได้กันล่ะ เมื่อก่อนลำบากกว่านี้ยังผ่านมาได้
“ขอรับ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปแจ้งท่านหมอเกาเอาไว้ก่อน” ผู้ช่วยหมอพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องที่ใช้สำหรับตรวจคนป่วย
“พวกเรานั่งรอกันสักประเดี๋ยวเถิด ท่านหมอเหลือตรวจคนป่วยอีกไม่กี่คนก็จะว่างแล้ว” ลู่เวินเดินกลับมาบอกกับทุกคน ให้นั่งรอบริเวณด้านหน้าร้าน
ทุกคนจึงหาที่นั่งใกล้ ๆ หน้าร้านสมุนไพร พูดคุยเรื่องการค้าว่าใครอยากทำอะไร อยากเอาสินค้าอะไรออกมาขายในครั้งหน้า จนเวลาผ่านไปเกือบสองเค่อ ผู้ช่วยหมอก็เดินมาบอกพวกเขาว่า ท่านหมอเกาเชิญเข้าไปด้านในห้องทำงานจะสะดวกกว่า
“พี่ชาย ท่านหมอเกาให้ข้ามาเชิญพวกท่านไปที่ห้องทำงานขอรับ”
“ขอบใจเจ้ามากนะ พวกเราไปพบท่านหมอกันเถิด” จากนั้นลู่เวินกับครอบครัว ก็เดินเข้าไปที่ห้องทำงานของท่านหมอเกาพร้อมกัน
“คารวะท่านหมอเกาขอรับ/เจ้าค่ะ” พวกเขาทำความเคารพท่านหมอเกาพร้อม ๆ กัน
“เชิญนั่ง ๆ ๆ ดื่มชากันก่อน ต้องขออภัยพวกเจ้าจริง ๆ ที่ปล่อยให้นั่งรออยู่นาน” หมอเกาเอ่ยขออภัยกับลู่เวินและครอบครัว เนื่องจากมีคนป่วยที่อาการไม่ค่อยดีเท่าใดนักมาให้ตนทำการรักษา
“ไม่เป็นอันใดขอรับ เป็นพวกข้ามารบกวนท่านหมอ ตอนที่กำลังตรวจรักษาคนป่วยเองต่างหากขอรับ” ลู่เวินกล่าวตอบท่านหมอเกาอย่างนอบน้อม
“จงเหวินบอกกับข้าว่า พวกเจ้าอยากมาคุยเรื่องการค้ากับข้างั้นรึ เหตุใดพวกเจ้าไม่ไปติดต่อร้านยาสมุนไพรใหญ่ ๆ เหล่านั้น ทำการค้ากับพวกเขาอาจจะดีกว่ามาที่ร้านของข้าก็เป็นได้” จงเหวินเดินเข้ามาบอกเขาก่อนหน้านี้ว่า มีคนมาขอพบเพราะต้องการคุยเรื่องการค้า
“ท่านตาเจ้าคะ แม้ร้านยาสมุนไพรเหล่านั้นจะใหญ่โต แต่พวกเราไม่อยากทำการค้ากับคนเห็นแก่ตัวเช่นนั้นเจ้าค่ะ จริงอยู่ทำการค้าย่อมหวังกำไร แต่ต้องไม่เอาเปรียบลูกค้าจนเกินไป แรก ๆ อาจจะค้าขายดีพอลูกค้าเริ่มผิดสังเกต ว่าตนถูกเอาเปรียบพวกเขาจะค่อย ๆ ถอยห่างออกไป ไม่กลับมาซื้อซ้ำอีกเจ้าค่ะ ที่ครอบครัวข้าเลือกร้านสมุนไพรของท่านตา เพราะว่าท่านตารักษาคนป่วยด้วยจิตวิญญาณของคนเป็นหมอ
มิใช่รักษาเพื่อให้ได้เงินเพียงอย่างเดียว การได้ช่วยเหลือผู้ที่ลำบาก ก็ถือเป็นการทำความดีอย่างหนึ่งเช่นกันนะเจ้าคะ” ลู่ชิงพูดทีเดียวจนท่านหมอเกาไม่กล้าพูดแทรก
“อืม เจ้าช่างเป็นคนที่มองความจริงของจิตใจมนุษย์ได้ดีมาก ๆ เอาล่ะลองบอกตามาสิว่าการค้าของพวกเจ้า เกี่ยวกับอะไรพอจะอธิบายให้ตาฟังได้หรือไม่” เขาชักจะถูกชะตากับเด็กคนนี้เสียแล้วสิ แม้นางจะอายุยังน้อย แต่รู้จักพูดเกี่ยวกับนิสัยใจคอของคนได้อย่างถ่องแท้
“ข้าจะอธิบายให้ท่านตาฟังอย่างละเอียดเลยเจ้าค่ะ การค้าของครอบครัวข้าครั้งนี้เกี่ยวกับยาสมุนไพร ที่ช่วยเรื่องลดไข้
แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสียและยาน้ำสมุนไพรสำหรับสตรีเจ้าค่ะ” อธิบายทีละอย่างน่าจะเข้าใจง่ายกว่ามากตอนนี้ท่านหมอเกากำลังตกตะลึง และนึกทึ่งกับประโยชน์ของยาหลากหลายชนิดไปแล้ว จึงไม่มีคำถามอะไรเกี่ยวกับยา ที่ลู่ชิงเพิ่งพูดให้ฟังเหล่านี้สักเท่าใดนัก เนื่องจากท่านหมอเกากำลังคิดอยู่ว่าตัวของท่านหมอเกาเอง กว่าจะสกัดตัวยาได้แต่ละอย่าง ช่างเหน็ดเหนื่อยเสียเหลือเกิน แต่เด็กสาวตรงหน้าของตน กลับพูดประหนึ่งว่าการสกัดยาจากสมุนไพร เป็นเรื่องที่แสนจะง่ายดายสำหรับนางยิ่งนัก
“ท่านตาเจ้าคะ”
“จะ จะ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาของพวกเจ้ามันล้ำค่ามาก ยาทั้งหมดนี้ล้วนมีประโยชน์มากมาย คนที่ป่วยเป็นไข้หวัด ปวดท้องหรือมีโรคสำหรับสตรี คนไข้ของข้าคงจะเจ็บป่วยได้น้อยลงกว่านี้มาก แม้สมุนไพรบางอย่างจะหาได้บนภูเขา แต่ไม่ได้รักษาโรคได้ทั้งหมด ต้องขอบคุณพวกเจ้าจริง ๆ ที่คิดค้นยาพวกนี้ได้” ท่านหมอเกาแม้จะมีความรู้เรื่องสมุนไพร แต่ไม่มีเวลาคิดค้นการทำยาเพราะคนไข้ที่มาล้วนมีฐานะยากจน
ลู่ชิงเห็นด้วยกับคำพูดของท่านตา “ที่ท่านตาพูดมาก็ถูกเจ้าค่ะ แต่คนเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ควรดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างเพียงแค่นี้ก็ห่างไกลจากโรคได้ไม่มากก็น้อยเจ้าค่ะ”
“ข้าเองก็คิดว่ามันต้องช่วยผู้คน ลดอาการเจ็บป่วยไปได้เยอะทีเดียว เอาล่ะพวกเจ้าบอกมาสิว่าจะทำการค้าอย่างไร” ท่านหมอเกาเองก็คิดอยู่เช่นกันว่า การค้านี้คงมีประโยชน์ที่ดีกับผู้คนไม่น้อยเลย
“ท่านตาเจ้าคะเอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ยาที่ข้านำมาวันนี้จะมอบให้กับท่านไว้ และท่านตาก็ลองให้คนป่วยทานยาพวกนี้ หากพวกเขามีอาการดีขึ้นจนหายป่วย ค่อยตัดสินใจเรื่องการค้าอีกครั้งดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าคิดว่าเพียงแค่คำพูด ไม่สามารถยืนยันสรรพคุณของยาตามที่ข้าบอกได้ นอกจากจะใช้มันรักษาผู้ป่วยจริง ๆ เท่านั้นถึงจะรู้ว่าคนที่เจ็บป่วยหายได้จากการทานยาเหล่านี้
เมื่อท่านตาได้เห็นผลการรักษา ด้วยยาสมุนไพรที่มอบไว้ให้เหล่านี้แล้ว ค่อยมาทำสัญญาการค้าร่วมกันก็ยังทันถมเถเจ้าค่ะ เพราะส่วนแบ่งการค้าของยาทั้งหมด ข้าจะขอแบ่งกำไรเพียงสามส่วน โดยครอบครัวของข้าจะจัดส่งยามาให้ท่านตาทุกสิบห้าวันเจ้าค่ะ” ลู่ชิงบอกความต้องการและเงื่อนไข การส่งยาสมุนไพรให้กับท่านหมอเกาได้ทราบ
ท่านหมอเการู้สึกดีใจมากที่จะมียาดี ๆ ที่ออกฤทธิ์รักษาโรคได้รวดเร็วกว่ายาสมุนไพรต้ม แต่เขาคงต้องลองทำตามที่ลู่ชิงบอก โดยขายยาตามอาการของคนป่วย ไม่อาจขายสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด
“ข้ารู้ว่าท่านตาเป็นห่วงชาวบ้านที่มีรายได้ไม่มาก อยากให้พวกเขามียารักษาดี ๆ บ้าง แต่ท่านตาจะช่วยทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะเป็นท่านตาที่ต้องลำบากนะเจ้าคะ ถึงกระนั้นก็ไม่อาจโทษชาวบ้านได้เช่นกัน ด้วยอาชีพของชาวบ้านที่มีรายได้น้อย ข้าและคนในครอบครัวคิดว่า อีกไม่นานทุกอย่างต้องดีขึ้นได้แน่เจ้าค่ะ” หากตำบลหย่งฝูมีผู้คนเดินทางเข้ามามากขึ้น ชาวบ้านคงมีงานให้ทำหรือจะทำการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอจะมีความเป็นไปได้เช่นกัน
“นั่นก็จริงอย่างที่เจ้าว่ามานะนางหนู หวังว่าเร็ว ๆ นี้สถานการณ์ที่ตำบลหย่งฝูจะดีขึ้น เช่นนั้นตาจะทำตามวิธีการของเจ้านะ ยาสมุนไพรที่นำมาวันนี้จะจัดให้คนป่วยนำกลับไปทานที่บ้าน อีกสองสามวันตาจะให้จงเหวินไปแจ้งข่าวกับเจ้าว่าได้ผลเป็นอย่างไร”
“ตกลงเจ้าค่ะ วันนี้ข้านำยามาทั้งหมดอย่างละยี่สิบขวดใหญ่ ท่านตาลองให้คนป่วยทานดูก่อนนะเจ้าคะ หลังจากเปิดใช้แล้วต้องเก็บยาปิดฝาให้มิดชิดอย่าให้ถูกแสงแดด มิเช่นนั้นยาอาจจะเสื่อมคุณภาพได้เจ้าค่ะ” ลู่ชิงไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องสำคัญกับท่านหมอเกาอีกครั้ง
“อืม ตาไม่ลืมอย่างแน่นอน เดี๋ยวตาจะให้จงเหวินช่วยเขียนวิธีกินยาและการเก็บรักษา แปะไว้ที่ขวดคงจะช่วยเตือนได้อีกทางหนึ่ง” เขาจะให้จงเหวินเขียนรายละเอียดสำคัญ แปะไว้ที่ขวดเพื่อความสะดวกของคนป่วย และญาติที่ต้องคอยดูแลเรื่องนี้
“เช่นนั้นพวกเราจะรอฟังผล อีกสามวันหลังจากนี้นะเจ้าคะ ถ้าหากว่ามีเรื่องเร่งด่วน หรือสถานการณ์ที่ยาสมุนไพรไม่เพียงพอ ท่านตาให้ท่านน้าจงเหวินไปหาพวกเรา ที่แผงขายอาหารในตลาดได้เลย แต่หากขายดีท่านตาอย่าลืม หาคนมาช่วยดูแลความปลอดภัยที่ร้านด้วยนะเจ้าคะ กันไว้ดีกว่าแก้ทีหลังเพราะคนขี้อิจฉาไว้ใจไม่ได้เจ้าค่ะ” ลู่ชิงเตือนท่านตาหมออีกครั้ง อย่างไรก็ตามถ้าพวกร้านสมุนไพรใหญ่ ๆ รู้เรื่องนี้เข้า คงไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ยิ่งเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คนที่มีจิตใจละโมบโลภมาก จะทนไหวได้อย่างไร
“ได้ ๆ ๆ ตาจะทำตามคำแนะนำของเจ้าเป็นอย่างดี ต้องขอบใจพวกเจ้ามากจริง ๆ ที่ต้องการทำการค้ากับร้านสมุนไพรแห่งนี้” เขามั่นใจในยาสมุนไพรของลู่ชิง แต่คุณภาพของยาจะดีมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องลองใช้เองและให้คนป่วยได้ใช้จริง ๆ เสียก่อนถึงจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ
“เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเราขอตัวกลับก่อนนะขอรับท่านลุง เอาไว้พวกเราจะรอฟังผลในอีกสามวัน รับรองว่ายาสมุนไพรเหล่านี้จะเป็นที่น่าพอใจแน่นอนขอรับ” ลู่เวินกล่าวลากับท่านหมอเกา
เมื่อท่านหมอเกาส่งครอบครัวสวีเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกจงเหวินเข้ามาหาในห้องทำงาน และให้เขาดูยาสมุนไพรหลากหลายชนิดที่จะนำมาขาย พร้อมอธิบายรายละเอียดให้จงเหวินฟังไม่มีตกหล่น
จงเหวินเองได้ฟังสรรพคุณของยาเหล่านี้ ก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ หมายความว่าเขายังได้ทำงานอยู่ที่นี่ต่อ และมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวเหมือนเดิม เขานั่งลงคุกเข่ายกมือขึ้นกล่าวขอบคุณกับสวรรค์ ที่ได้ส่งครอบครัวสวีมาช่วยต่อชีวิตของเขากับครอบครัว
และเป็นเพราะยาที่มีสรรพคุณดีมาก เนื่องจากมันผ่านกรรมวิธีที่สะอาดจากอีกโลกหนึ่ง ผู้คนจึงหลั่งไหลมาซื้อยาที่ร้านสมุนไพรของหมอเกามากขึ้น หลังจากครบสามวันลู่ชิงจึงได้ทำสัญญาการค้ากับท่านหมอเกา เมื่อเสียงเล่าลือเรื่องยาสมุนไพรถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง ความโลภและอยากได้ยานั่นมาครอบครอง เพื่อนำมาขายในราคาที่สูงจึงมีคนเริ่มวางแผนอย่างเงียบ ๆ เกี่ยวกับการกำจัดร้านยาสมุนไพรของท่านหมอเกา
ด้านเซียวหนิงหลงกับผู้ติดตาม ที่เดินทางจากตำบลหย่งฝูใช้เวลาเดินทางครั้งนี้เกือบหนึ่งเดือน เพราะพวกเขาต้องใช้รถม้า นำตัวสายลับพวกนี้กลับไปด้วย ทำให้การเดินทางล่าช้าไปบ้าง ยังโชคดีที่ระหว่างทางไม่เกิดปัญหา มิเช่นนั้นอาจจะถึงเมืองหลวงช้ากว่านี้อย่างแน่นอนเมื่อเข้าใกล้เขตเมืองหลวง เซียวหนิงหลงได้นำตัวสายลับไปคุมขังไว้ที่คุกใต้ดิน ทางด้านทิศตะวันออกห่างจากกำแพงเมืองหลวงประมาณสิบลี้ บริเวณนี้คล้ายหมู่บ้านเล็ก ๆ มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่กี่ครัวเรือน สิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชาวบ้าน ที่อยู่รอบนอกกำแพงเมือง แต่อันที่จริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นหน่วยลับของเซียวชินอ๋อง ที่แสร้งมาสร้างบ้านอยู่กันเป็นครอบครัวบดบังคุกใต้ดินที่อยู่ที่นี่“ตันเจียง ชุนชาน พวกเจ้าเอาตัวสายลับพวกนี้ไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน จากนั้นกำชับคนของเราให้จับตาดูไว้ อย่าให้คลาดสายตาหากไม่มีคำสั่ง ห้ามปลดโซ่ออกจากมือและเท้าเด็ดขาด ข้าจะกลับไปรายงานเสด็จพ่อส่วนพวกเจ้าค่อยตามไปทีหลัง” เขาสั่งงานทั้งสองคนเสร็จก็ควบม้าออกจากทันที เพราะต้องการให้ครอบครัวของตน โดยเฉพาะบิดาได้ดื่มน้ำสมุนไพรนี้ของลู่ชิง ในเมื่อมันสามารถช่วยให้ตนบรรลุขั้นพลังยุทธ์ได
ฮ่องเต้เซียวถิงเฟิงที่ทรงทอดพระเนตรมองอนุชา และหลานชายของพระองค์ ต่างจ้องหน้ากันด้วยสีหน้าที่ดูกังวล จึงทรงคิดว่าอาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวของพระองค์อย่างแน่นอน“เสด็จพี่ กระหม่อมกับอาหลงสองคนสงสัยว่า อาการที่พระองค์ทรงตรัสออกมากับกระหม่อมเมื่อครู่นั้น เป็นอาการเริ่มแรกของคนที่ถูกวางยาพิษมาสักระยะหนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องเซียวไม่ปิดบังพูดเรื่องที่ตนและบุตรชายสงสัยออกไปทันที“เจ้าพูดว่าอะไรนะชินอ๋อง!! เจิ้นถูกวางยาพิษเช่นนั้นรึ แต่ว่าก่อนที่จะทานอะไร จ้าวกงกงจะทดสอบพิษด้วยเข็มเงินทุกครั้ง จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จะตรวจไม่พบยาพิษในอาหาร” ฮ่องเต้เซียวถิงเฟิงตกพระทัยไม่น้อย ที่ได้ยินอนุชาของพระองค์พูดเช่นนั้น“ตุบ! ท่านอ๋องบ่าวได้ทดสอบด้วยตนเองทุกครั้งจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่ไม่พบว่ามียาพิษปะปนอยู่ในอาหารเหล่านั้นเลย” จ้าวกงกงยืนยันว่าได้ตรวจสอบด้วยตนเองทุกครั้ง“เปิ่นหวางรู้ว่าจ้าวกงกงย่อมทำหน้าที่ตรวจสอบด้วยตนเอง แต่ยาพิษบางชนิดไร้สีไร้กลิ่น และไม่อาจจะใช้เข็มเงินในการตรวจได้ เจ้าจึงไม่รู้ว่ายาพิษนั้นอยู่ในอาหารชนิดใดต่างหาก” ท่านอ๋องไขความกระจ่างให้กับจ้าวกงกง“เสด็จลุงหลานไม่ขอปิ
ด้านลู่ชิงกับครอบครัว หลังจากที่นำน้ำยาปรับผ้านุ่ม ไปเสนอทำการค้ากับเถ้าแก่หง ยามเช้าของวันที่สองยังไม่ถึงกำหนดวัน ที่นัดเจอกันไว้กลับกลายเป็นว่า เถ้าแก่หงมาหาพวกเขาถึงแผงขายอาหาร เพราะต้องการมาให้คำตอบว่า ตนตกลงทำการค้าตามข้อเสนอของลู่ชิง โดยให้นำหนังสือสัญญาการค้า ไปให้เขาลงชื่อที่ร้านหลังจากลู่ชิงขายของหมดเรียบร้อยแล้วเถ้าแก่หงที่ได้รับรายงานจากหลงจู๊ของร้านผ้า ทั้งสามสาขาที่ให้ลองเอาน้ำยาปรับผ้านุ่มนี้ไปทดลองขาย เพียงแค่วันเดียวลูกค้ากลับมาถามถึงน้ำยาชนิดนี้มากมาย จนหลงจู๊ของร้านต้องยอมให้พวกเขาลงชื่อจองสินค้าไว้ก่อน เมื่อสินค้าส่งไปแล้วทางร้านจะแจ้งให้ลูกค้ามารับตามลำดับการจอง ซึ่งลูกค้าทุกคนที่ลงชื่อจองไว้ ได้จ่ายค่ามัดจำครึ่งหนึ่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ว่าตนเองจะได้รับสินค้าแน่นอน ถึงจะทำเช่นนั้นแต่พวกเขาก็เชื่อใจร้านค้าของเถ้าแก่หงอยู่แล้วลู่ชิงจึงให้บิดากับลู่จื้อถือหนังสือสัญญา ไปพบเถ้าแก่หงพร้อมนำสินค้าไปส่งจำนวนสองร้อยห้าสิบขวด ซึ่งเป็นขวดใบใหญ่ทั้งสิ้น นอกจากนี้เถ้าแก่หงยังได้แบ่งกำไร จากสินค้าทดลองขายฝากมากับบิดาถึงห้าสิบตำลึงทอง ลู่ชิงจึงมอบให้มารดาเก็บไว้ ต่อไปก็แค่รอร
ยามสายของวันนี้ครอบครัวของลู่ชิง จะย้ายไปพักอยู่ที่ร้านอาหารเป็นการชั่วคราว ซึ่งเมื่อวานลู่ชิงได้แจ้งกับลูกค้าทุกคน ที่มาซื้ออาหารที่แผงไว้แล้วว่า จะหยุดขายอาหารที่แผงตรงนี้ โดยจะเปิดขายอาหารอีกครั้งที่ร้านอาหารของครอบครัวทุกคนสามารถตามไปซื้อ หรือนั่งทานอาหารที่ร้านได้ และยังได้บอกกับลูกค้าอีกว่า จะมีน้ำหลากสีที่ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นมาขายที่ร้านด้วย ลูกค้าที่ได้ฟังต่างก็เฝ้ารอ ให้ถึงวันเปิดร้านอาหารของครอบครัวลู่ชิง พวกเขาอยากไปชิมอาหารรายการที่จะมีเพิ่ม และน้ำหลากหลายสีที่เถ้าแก่น้อยได้บอกไว้เสียทีทุกคนช่วยกันขนของ ที่เป็นหีบใส่เสื้อผ้าเสียส่วนใหญ่ขึ้นเกวียน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วลู่เวินก็เป็นคนบังคับเกวียน เดินทางเข้าตำบลหย่งฝูใช้เวลาเพียงสองเค่อ พวกเขาก็มาถึงร้านแล้ว พี่ชายสองคนช่วยกันยกหีบใบขนาดกลางสองสามหีบ ลงจากเกวียนเพื่อที่ท่านพ่อจะได้นำเกวียนไปจอดด้านหลังร้านลู่ชิงปล่อยให้บุรุษทั้งสามยกหีบขึ้นไปเก็บบนชั้นสอง ส่วนตนเองและมารดาเข้ามาอยู่ด้านในห้องครัว เพื่อจะนำเอาโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมขนาดนั่งได้สี่คน และเก้าอี้ไม้แบบมีพนักพิงออกมาจากมิติ รอบิดาและพี่ชายลงมาสมทบค่อยยกออกไปจัดวางด้
บนที่นอนเก่า ๆ มีร่างของเด็กสาวอายุสิบสองหนาวที่นอนป่วยติดต่อกันมาห้าวันแล้วกำลังขยับตัว ร่างผอมบางแทบจะปลิวหากถูกลมแรง ๆ พัดมา จนลืมตาขึ้นมาได้ก็รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวไปหมด เมื่อปรับสายตาได้จึงมองสำรวจรอบ ๆ ก็แปลกใจว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เข็มขาวจำได้ว่าเธอถูกรถชนอย่างแรง และตายไปแล้วแต่ตอนนี้ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังใส่ชุดเหมือนคนจีนโบราณเมื่อนั่งทบทวนเรื่องราวอยู่จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างแรงและมีความทรงจำของร่างนี้ มันกำลังหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอจนต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่เกือบหนึ่งเค่อ อาการปวดหัวเหล่านั้นจึงเริ่มดีขึ้น เธอเรียบเรียงความทรงจำของร่างนี้ ก็พบว่าร่างที่เธอเข้ามาอยู่นั้นมีชื่อว่าสวีลู่ชิงอายุสิบสองหนาว ท่านพ่อของนางถูกท่านปู่แท้ ๆ ไล่ออกจากตระกูล เพราะมีคนสร้างหลักฐานเท็จใส่ร้ายว่า ท่านพ่อทำบัญชีปลอมเพื่อโกงเงินร้านค้าผ้าเมื่อมีหลักฐานชี้ชัดก็ไม่อาจก้ตัวอะไรได้ ท่านพ่อจึงพาทุกคนเดินทางมาบ้านเดิมของท่านย่าที่หมู่บ้านอันผิง ยามออกจากจวนพวกเขาไม่อาจหยิบของมีค่าติดตัวมาได้ โชคดีที่ท่านแม่แอบนำตั๋วเงิน มาเย็บไว้ในเสื้อผ้าของลู่ชิงจึงพอมีเงินจ่ายค่าเดินทาง จากพ่
ลู่ชิงนอนหลับสนิทอยู่สักพัก แต่กลับถูกรบกวนด้วยเสียงใครบางคน ที่พยายามเรียกตนเองให้ตื่น ทั้งที่กำลังนอนหลับสบาย จากอาการป่วยจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงมานาน เมื่อทนการรบเร้านี้ไม่ไหว จึงได้ลืมตาตื่นมองไปรอบ ๆ ที่ยามนี้ไม่ใช่เตียงนอนเก่า ๆ อีกแล้ว แต่เป็นสถานที่หนึ่งกับชายชราผมขาว ที่ยืนถือไม้เท้าลักษณะแปลก ๆ มองมาที่ลู่ชิงอย่างเหนื่อยใจ“นางหนู ๆ ๆ ตื่นได้แล้วกระมัง จะนอนกินบ้านกินเมืองหรืออย่างไร โลกโน้นทำเจ้าอดหลับอดนอน พอข้ามมายังโลกนี้ก็ยังต้องมาเหนื่อยอีกงั้นรึ” ชายแก่ผมขาวในมือยังถือไม้เท้า พยายามปลุกร่างบางที่ยังนอนหลับอยู่“อืม ขอนอนต่ออีกสักหน่อยนะเจ้าคะ” ลู่ชิงยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้นางไม่ได้อยู่บนเตียงนอนในบ้านของตนเอง“ถ้าเจ้ายังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียทีละก็ ข้าจะไม่ให้ของดีกับเจ้านะนางหนู” ชายแก่ยังไม่ยอมแพ้ที่จะปลุกนาง“พรึ่บ!! หือ! ที่นี่คือที่ไหน ไม่ใช่ห้องนอนในบ้านนี่ แล้วเมื่อกี้เสียงใครปลุกข้าให้ตื่นกันล่ะ” ข้ารู้สึกแปลกใจที่มีคนมาปลุก และพูดว่าจะให้ของดีอีกพอหันไปด้านหลัง ก็เจอกับชายแก่ผมขาวที่ดูใจดีคนหนึ่งยืนอยู่เงียบ ๆ“ท่านตาเป็นใครหรือเจ้าคะ แล้วที่นี่คือที่ไหน หรือว่าข้า
เมื่อถึงปลายยามโหย่ว หลังจากที่ทุกคนทานมื้อเย็นเสร็จ และเก็บจานชามไปทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมารวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะทานข้าวอีกครั้ง และเป็นท่านพ่อที่เอ่ยถาม เรื่องที่ลู่ชิงอยากจะพูดคุยกับพวกเขาขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ สำหรับทุกคนในครอบครัวอย่างมาก เพราะเมื่อก่อนลู่ชิงจะพูดน้อยและทำตัวเงียบ ๆ หากไม่มีผู้ใดถามนาง ก็จะทำงานของตนไม่เคยมีข้อสงสัยใด ๆ“ชิงเอ๋อร์ ท่านแม่ของเจ้าบอกพ่อว่า เจ้ามีเรื่องอยากจะพูดคุยกับพวกเราเช่นนั้นหรือ” ลู่เวินเอ่ยถามบุตรสาว“เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้ามีเรื่องสำคัญมาก อยากจะบอกความจริงบางอย่างกับพวกท่านทุกคน ก่อนที่จะเล่าข้าอยากขอให้พวกท่านตั้งสติและทำความเข้าใจกับสิ่งที่จะได้ยิน เพราะเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้อาจจะเหลือเชื่อจนเกินไป หรือจะเรียกว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติก็ว่าได้ แต่มันเกี่ยวข้องกับบุตรสาวคนนี้ของท่าน รวมถึงน้องสาวของพวกท่านสองคนด้วยเจ้าค่ะ” ที่ลู่ชิงพูดเช่นนั้นเพราะอยากให้พวกเขามีสติ กับความจริงที่นางกำลังจะพูดออกไป“เอาเถอะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร พวกเราทุกคนยินดีที่จะรับฟังทั้งสิ้น เจ้าพูดมันออกมาได้เลยนะชิงเอ๋อร์” เขาอยากจะรู้ว่าบุตรสาวมีเรื่
ลู่ชิงตื่นขึ้นมายามเหม่าของอีกวัน จึงรีบเข้าไปในมิติเพื่อหยิบพวกเนื้อสัตว์และผักที่จะใช้ทำเป็นมื้อเช้าวันนี้ โดยไม่ลืมที่เดินไปหยิบเอาพวกแปรงสีฟันและยาสีฟัน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ทำความสะอาดช่องปากลู่ชิงกลัวว่าแค่บ้วนปากด้วยเกลือมัน จะไม่สะอาดในเมื่อมีของให้ใช้ เราก็ต้องใช้จะปล่อยให้เสียของได้อย่างไร เช้านี้ลู่ชิงอาสาเป็นคนปรุงอาหารเอง โดยนางจะทำข้าวต้มกุ้งให้ทุกคนได้ทาน ขณะที่กำลังเตรียมของอยู่ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของนางฟางซินตื่นมาก็เห็นบุตรสาว กำลังเตรียมวัตถุดิบทำมื้อเช้าอยู่ เมื่อนางได้พูดคุยกับสามี ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับชิงเอ๋อร์ คงเป็นลิขิตของสวรรค์นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จะให้ขับไล่นางออกไปสตรีคนนั้นก็ไม่ได้ทำผิด นางไม่ได้เข้ามาอยู่ในร่างของชิงเอ๋อร์เองแต่เป็นท่านเทพที่พานางมา เพื่อใช้ชีวิตที่เหลือแทนชิงเอ๋อร์ของนางต่างหาก ฟางซินจึงคิดว่าค่อย ๆ เรียนรู้กันไปต่อจากนี้ก็แล้วกัน“ทำไมถึงได้ตื่นมาแต่เช้าเช่นนี้เล่า นี่กำลังเตรียมทำมื้อเช้าอยู่หรือ มีอะไรให้ช่วยไหม”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเองก็ชอบทำอาหารเหมือนกันมื้อเช้านี้จะลงมือปรุงเอง ท่านแม่คอยเป็นผู้ช่วยให้ข้า
ยามสายของวันนี้ครอบครัวของลู่ชิง จะย้ายไปพักอยู่ที่ร้านอาหารเป็นการชั่วคราว ซึ่งเมื่อวานลู่ชิงได้แจ้งกับลูกค้าทุกคน ที่มาซื้ออาหารที่แผงไว้แล้วว่า จะหยุดขายอาหารที่แผงตรงนี้ โดยจะเปิดขายอาหารอีกครั้งที่ร้านอาหารของครอบครัวทุกคนสามารถตามไปซื้อ หรือนั่งทานอาหารที่ร้านได้ และยังได้บอกกับลูกค้าอีกว่า จะมีน้ำหลากสีที่ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นมาขายที่ร้านด้วย ลูกค้าที่ได้ฟังต่างก็เฝ้ารอ ให้ถึงวันเปิดร้านอาหารของครอบครัวลู่ชิง พวกเขาอยากไปชิมอาหารรายการที่จะมีเพิ่ม และน้ำหลากหลายสีที่เถ้าแก่น้อยได้บอกไว้เสียทีทุกคนช่วยกันขนของ ที่เป็นหีบใส่เสื้อผ้าเสียส่วนใหญ่ขึ้นเกวียน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วลู่เวินก็เป็นคนบังคับเกวียน เดินทางเข้าตำบลหย่งฝูใช้เวลาเพียงสองเค่อ พวกเขาก็มาถึงร้านแล้ว พี่ชายสองคนช่วยกันยกหีบใบขนาดกลางสองสามหีบ ลงจากเกวียนเพื่อที่ท่านพ่อจะได้นำเกวียนไปจอดด้านหลังร้านลู่ชิงปล่อยให้บุรุษทั้งสามยกหีบขึ้นไปเก็บบนชั้นสอง ส่วนตนเองและมารดาเข้ามาอยู่ด้านในห้องครัว เพื่อจะนำเอาโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมขนาดนั่งได้สี่คน และเก้าอี้ไม้แบบมีพนักพิงออกมาจากมิติ รอบิดาและพี่ชายลงมาสมทบค่อยยกออกไปจัดวางด้
ด้านลู่ชิงกับครอบครัว หลังจากที่นำน้ำยาปรับผ้านุ่ม ไปเสนอทำการค้ากับเถ้าแก่หง ยามเช้าของวันที่สองยังไม่ถึงกำหนดวัน ที่นัดเจอกันไว้กลับกลายเป็นว่า เถ้าแก่หงมาหาพวกเขาถึงแผงขายอาหาร เพราะต้องการมาให้คำตอบว่า ตนตกลงทำการค้าตามข้อเสนอของลู่ชิง โดยให้นำหนังสือสัญญาการค้า ไปให้เขาลงชื่อที่ร้านหลังจากลู่ชิงขายของหมดเรียบร้อยแล้วเถ้าแก่หงที่ได้รับรายงานจากหลงจู๊ของร้านผ้า ทั้งสามสาขาที่ให้ลองเอาน้ำยาปรับผ้านุ่มนี้ไปทดลองขาย เพียงแค่วันเดียวลูกค้ากลับมาถามถึงน้ำยาชนิดนี้มากมาย จนหลงจู๊ของร้านต้องยอมให้พวกเขาลงชื่อจองสินค้าไว้ก่อน เมื่อสินค้าส่งไปแล้วทางร้านจะแจ้งให้ลูกค้ามารับตามลำดับการจอง ซึ่งลูกค้าทุกคนที่ลงชื่อจองไว้ ได้จ่ายค่ามัดจำครึ่งหนึ่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ว่าตนเองจะได้รับสินค้าแน่นอน ถึงจะทำเช่นนั้นแต่พวกเขาก็เชื่อใจร้านค้าของเถ้าแก่หงอยู่แล้วลู่ชิงจึงให้บิดากับลู่จื้อถือหนังสือสัญญา ไปพบเถ้าแก่หงพร้อมนำสินค้าไปส่งจำนวนสองร้อยห้าสิบขวด ซึ่งเป็นขวดใบใหญ่ทั้งสิ้น นอกจากนี้เถ้าแก่หงยังได้แบ่งกำไร จากสินค้าทดลองขายฝากมากับบิดาถึงห้าสิบตำลึงทอง ลู่ชิงจึงมอบให้มารดาเก็บไว้ ต่อไปก็แค่รอร
ฮ่องเต้เซียวถิงเฟิงที่ทรงทอดพระเนตรมองอนุชา และหลานชายของพระองค์ ต่างจ้องหน้ากันด้วยสีหน้าที่ดูกังวล จึงทรงคิดว่าอาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวของพระองค์อย่างแน่นอน“เสด็จพี่ กระหม่อมกับอาหลงสองคนสงสัยว่า อาการที่พระองค์ทรงตรัสออกมากับกระหม่อมเมื่อครู่นั้น เป็นอาการเริ่มแรกของคนที่ถูกวางยาพิษมาสักระยะหนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องเซียวไม่ปิดบังพูดเรื่องที่ตนและบุตรชายสงสัยออกไปทันที“เจ้าพูดว่าอะไรนะชินอ๋อง!! เจิ้นถูกวางยาพิษเช่นนั้นรึ แต่ว่าก่อนที่จะทานอะไร จ้าวกงกงจะทดสอบพิษด้วยเข็มเงินทุกครั้ง จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จะตรวจไม่พบยาพิษในอาหาร” ฮ่องเต้เซียวถิงเฟิงตกพระทัยไม่น้อย ที่ได้ยินอนุชาของพระองค์พูดเช่นนั้น“ตุบ! ท่านอ๋องบ่าวได้ทดสอบด้วยตนเองทุกครั้งจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่ไม่พบว่ามียาพิษปะปนอยู่ในอาหารเหล่านั้นเลย” จ้าวกงกงยืนยันว่าได้ตรวจสอบด้วยตนเองทุกครั้ง“เปิ่นหวางรู้ว่าจ้าวกงกงย่อมทำหน้าที่ตรวจสอบด้วยตนเอง แต่ยาพิษบางชนิดไร้สีไร้กลิ่น และไม่อาจจะใช้เข็มเงินในการตรวจได้ เจ้าจึงไม่รู้ว่ายาพิษนั้นอยู่ในอาหารชนิดใดต่างหาก” ท่านอ๋องไขความกระจ่างให้กับจ้าวกงกง“เสด็จลุงหลานไม่ขอปิ
ด้านเซียวหนิงหลงกับผู้ติดตาม ที่เดินทางจากตำบลหย่งฝูใช้เวลาเดินทางครั้งนี้เกือบหนึ่งเดือน เพราะพวกเขาต้องใช้รถม้า นำตัวสายลับพวกนี้กลับไปด้วย ทำให้การเดินทางล่าช้าไปบ้าง ยังโชคดีที่ระหว่างทางไม่เกิดปัญหา มิเช่นนั้นอาจจะถึงเมืองหลวงช้ากว่านี้อย่างแน่นอนเมื่อเข้าใกล้เขตเมืองหลวง เซียวหนิงหลงได้นำตัวสายลับไปคุมขังไว้ที่คุกใต้ดิน ทางด้านทิศตะวันออกห่างจากกำแพงเมืองหลวงประมาณสิบลี้ บริเวณนี้คล้ายหมู่บ้านเล็ก ๆ มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่กี่ครัวเรือน สิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชาวบ้าน ที่อยู่รอบนอกกำแพงเมือง แต่อันที่จริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นหน่วยลับของเซียวชินอ๋อง ที่แสร้งมาสร้างบ้านอยู่กันเป็นครอบครัวบดบังคุกใต้ดินที่อยู่ที่นี่“ตันเจียง ชุนชาน พวกเจ้าเอาตัวสายลับพวกนี้ไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน จากนั้นกำชับคนของเราให้จับตาดูไว้ อย่าให้คลาดสายตาหากไม่มีคำสั่ง ห้ามปลดโซ่ออกจากมือและเท้าเด็ดขาด ข้าจะกลับไปรายงานเสด็จพ่อส่วนพวกเจ้าค่อยตามไปทีหลัง” เขาสั่งงานทั้งสองคนเสร็จก็ควบม้าออกจากทันที เพราะต้องการให้ครอบครัวของตน โดยเฉพาะบิดาได้ดื่มน้ำสมุนไพรนี้ของลู่ชิง ในเมื่อมันสามารถช่วยให้ตนบรรลุขั้นพลังยุทธ์ได
เถ้าแก่หงเรียกหลงจู๊ของร้านมาสั่งการ ให้นำน้ำยาปรับผ้านุ่มนี้ส่งไปที่ร้านค้าผ้าสักสามสาขา แล้วแบ่งขายเป็นขวดขนาดกลาง ดูผลตอบรับจากลูกค้าก่อนที่จะตัดสินใจว่า จะร่วมทำการค้านี้หรือไม่ทางด้านลู่ชิงและครอบครัว เดินมาตามทางที่เถ้าแก่หงแนะนำ ตอนนี้ทุกคนมายืนอยู่หน้าร้านขายสมุนไพร กึ่งโรงหมอเรียบร้อยแล้วคนป่วยที่มาต่อแถวเพื่อรักษา ส่วนมากเป็นชาวบ้านที่มีรายได้น้อยแต่เท่าที่มองดูผู้ช่วยหมอที่พูดคุย และสอบถามอาการของคนป่วย ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าที่นี่ดูแลคนป่วยด้วยใจจริง ๆ ลู่เวินจึงตัดสินใจเดินเข้าไปทักผู้ช่วยหมอ ที่กำลังตรวจคัดคนป่วยเบื้องต้นอยู่“เอ่อ น้องชายข้าขอรบกวนเวลาเจ้าสักประเดี๋ยวได้หรือไม่” ลู่เวินทักทายผู้ช่วยหมอเพื่อจะสอบถามเรื่องท่านหมอเกา“พี่ชายจะสอบถามเรื่องอันใดหรือขอรับ” ผู้ช่วยหมอได้ยินเสียงจากด้านหลัง จึงหยุดการตรวจคัดกรองคนป่วย และหันมาถามลู่เวินแทน“ข้าอยากจะขอพบท่านหมอเกา พอดีว่าครอบครัวข้ามีเรื่องยาสมุนไพร จะมาพูดคุยกับท่านหมอเกาน่ะ” ลู่เวินบอกกับผู้ช่วยท่านหมอเกาไปตามตรง“ตอนนี้ท่านหมอเกากำลังตรวจอาการคนป่วยอยู่ แต่ว่าเหลืออีกไม่กี่คนก็จะได้พักแล้วขอรับ ไม่ทราบว่า
สินค้าที่ครอบครัวสวีรับซื้อมาจากชาวบ้าน ลู่ชิงเอาไปเก็บไว้ในมิติก่อน เพราะร้านค้ายังปรับปรุงไม่เสร็จ และเย็นวันเดียวกันทุกคนก็เข้าไปช่วยกันทำอาหาร สำหรับงานเลี้ยงให้ลูกค้า ซึ่งได้นัดเวลากันไว้ในยามเช้าของวันพรุ่งนี้หลังจากทุกคนช่วยกันทำอาหารให้ลูกค้าเสร็จ ลู่ชิงก็เดินไปที่ช่องสินค้าที่เป็นยาสมุนไพรต่าง ๆ ทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ มียาสำหรับเด็กรวมถึงยาบำรุงภายในของสตรี ลู่ชิงจะลองเอาไปเสนอขายที่ร้านขายยาสมุนไพรดู เผื่อจะได้คู่ค้าเพิ่มอีกสักราย ลู่ชิงจึงเดินไปหาทุกคนที่กำลังนั่งเล่นกันอยู่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้า“ท่านพ่อท่านแม่เจ้าคะ ข้ามีเรื่องอยากจะถามพวกท่านหน่อยได้หรือไม่ พี่ใหญ่กับพี่รองด้วยนะเจ้าคะ” ลู่ชิงต้องรีบคุย ถ้าทุกคนเห็นด้วยกับนางจะได้เตรียมของไว้ในมิติไปเลยทีเดียว“ชิงเอ๋อร์มีเรื่องอะไรจะถามพวกเราหรือลูก?” ลู่เวินถามขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวเหมือนอยากจะทำอะไรสักอย่าง“ข้าอยากจะถามพวกท่าน เกี่ยวกับยารักษาโรคจำพวกสมุนไพร ถ้าจะลองนำไปเสนอขายให้กับร้านสมุนไพร หรือโรงหมอจะเห็นด้วยหรือไม่เจ้าคะ” ลู่ชิงลุ้นกับคำตอบของทุกคนมาก ๆ หากนำไปขายได้ อย่างน้อยก็มีประโยชน์กับคนที่เจ็บป่วย“ยารัก
เช้าวันนี้เป็นวันหยุดประจำของครอบครัวลู่ชิง ทุกคนล้วนไม่เร่งรีบไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืด วันหยุดทุกคนจะตื่นปลายยามเหม่ากัน ซึ่งก็เป็นลู่ชิงที่ตั้งกฏนี้ขึ้นมาอีกเช่นเคย นางแค่อยากให้พวกเขาได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตอนนี้ครอบครัวของนางก็เริ่มจะมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้างแล้ว บำรุงอีกสักเดือนคงจะกลับมาสมบูรณ์ปกติกันเช่นเดิมและวันนี้จะเป็นวันแรก ที่ลู่ชิงจะเปิดรับซื้อผลิตภัณฑ์ของชาวบ้าน หลังทานมื้อเช้ากันเรียบร้อย ทุกคนต่างก็เตรียมเหรียญอีแปะใส่กระปุกไม้เอาไว้พร้อมแล้ว ลู่ชิงได้ให้บิดาไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านไว้ว่า จะขอใช้พื้นที่ลานอเนกประสงค์ของหมู่บ้านในการรับซื้อผลิตภัณฑ์ เมื่อใช้พื้นที่ตรงนี้เสร็จแล้ว จะจ่ายค่าบำรุงให้กับหัวหน้าหมู่บ้านทุกครั้ง เพื่อให้หัวหน้าหมู่บ้านนำเงินส่วนนี้ไว้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน จากภัยแล้งหรือภัยหนาวก็สามารถใช้เงินส่วนนี้ได้ โดยไม่ต้องรอเงินช่วยเหลือจากทางการ“วันนี้เราจะเปิดรับซื้อผลิตภัณฑ์จากชาวบ้านเป็นวันแรก ทุกคนพร้อมกันหรือยังเจ้าคะ” ลู่ชิงรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก เพราะที่ร้านอาหารของนางจำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้“น้องเล็กเจ้ายังจะถามอีกรึ พวกเรามาตั้งโต๊ะรอ
เซียวหนิงหลงใช้เวลาเดินทาง ออกจากเมืองหย่งจินมาแล้วสองชั่วยาม ในตอนนี้เขาและผู้ติดตามกำลังพักอยู่ใกล้ริมลำธาร เพื่อให้ม้าได้ดื่มน้ำกินหญ้า ในส่วนของคนก็ต้องทานอาหารเช่นกันเขานึกถึงคำพูดของลู่ชิงที่บอกให้ลองดื่มน้ำสมุนไพร เมื่อออกจากเมืองหย่งจินมาระยะหนึ่งแล้วจะได้รับคำตอบ ไม่รอช้าเซียวหนิงหลงหยิบถุงหนังใส่น้ำสมุนไพรขึ้นมาดื่ม ทันทีที่น้ำสมุนไพรเข้าไปในร่างกาย เขาก็รู้สึกโล่งเบาสบายเป็นอย่างมากอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการขี่ม้าก็หายไป นอกจากนี้เขายังสัมผัสถึงลมปราณที่วิ่งไปยังจุดต่าง ๆ ในร่างกาย เหมือนกับว่าเขากำลังจะบรรลุวรยุทธ์ขั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์ ไม่แปลกใจที่ชิงเอ๋อร์กำชับเอาไว้ว่า อย่าแบ่งน้ำสมุนไพรนี้ให้กับใครพร่ำเพรื่อเด็ดขาด เซียวหนิงหลงถือถุงหนังใส่น้ำสมุนไพรเดินไปหาตันเจียงกับชุนชาน เพื่อแบ่งให้พวกเขาสองคนได้ดื่ม และจะเก็บไว้ให้กับครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน“ตันเจียง ชุนชาน พวกเจ้าแยกมาด้านนี้สักประเดี๋ยว” เขาเรียกผู้ติดตามทั้งสองคนให้เดินมาหาอีกทางหนึ่ง เพื่อป้องกันพวกสายลับจะได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังจะพูดคุยกัน“ไม่ทราบว่าซื่อจื่อมีอะไรจะสั่งการพวกเราหรือขอรับ” ตันเจียงเ
ตันเจียงที่เห็นว่านายน้อยของตน เอาแต่จ้องหน้าคุณหนูลู่ชิงจึงกระแอมกระไอเสียงดัง เพื่อเรียกสติเจ้านายเสียหน่อย ประเดี๋ยวจะออกเดินทางล่าช้าได้ หากปล่อยให้อยู่ในอาการของคนตกหลุมรักเด็กสาวตรงหน้า“อะแฮ่ม ๆ ไม่ทราบว่าคุณหนูลู่ชิงจะไปที่ใดหรือ ถึงได้เดินมาทางนี้เพียงลำพังน่ะขอรับ” ตันเจียงเป็นคนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ“อ้อ ข้ากำลังจะไปดูนายช่างหาน ที่มาปรับปรุงร้านเป็นวันแรกเจ้าค่ะ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน คงต้องเอาไว้ค่อยมาดูพรุ่งนี้กับท่านพ่อแทนแล้วล่ะเจ้าค่ะ” พรุ่งนี้ค่อยชวนทุกคนมาดูพร้อมกันน่าจะดีกว่า“นายช่างได้บอกหรือไม่ว่าใช้เวลากี่วัน ถึงจะปรับปรุงร้านค้าของเจ้าเสร็จ” เซียวหนิงหลงเอ่ยถามกับลู่ชิงบ้าง“บอกเจ้าค่ะใช้เวลาไม่เกินยี่สิบวัน เพราะต้องต่อเติมด้านบนชั้นสองทำเป็นห้องพักสองห้อง จากนั้นครอบครัวข้าจะย้ายมาพักที่นี่ชั่วคราว และให้นายช่างหานไปสร้างบ้านต่อที่หมู่บ้านอันผิงเจ้าค่ะ” ลู่ชิงตอบด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ แถมยังส่งยิ้มให้กับเซียวหนิงหลงอีกด้วย“หากพี่จะฝากคนให้มาเป็นลูกจ้างของร้านเจ้า สักสามสี่คนจะได้หรือไม่ พวกเขาเป็นกำพร้าแต่เด็กไม่มีครอบครัว เจ้าพอจะรับไว้ได้ไหม” เขาต้อ