“พวกท่านนี้ก็แปลกเสียจริง หากพระชายาของเราไม่ตั้งครรภ์พวกท่านก็จะให้เราแต่งชายารอง ตอนนี้นางตั้งครรภ์พวกท่านก็ยังจะให้เราแต่งชายารองอีก ตกลงพวกท่านต้องการอย่างไรกันแน่ หรือเพราะพวกท่านเพียงอยากส่งบุตรสาวของพวกท่านมาแต่งกับข้าจึงได้หาข้ออ้างให้ข้าแต่งชายารองใช่หรือไม่”ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปชั่วหนึ่งจนอัครเสนาบดีฉินกระแอมดังขึ้นมา ขุนนางชราที่ยืนอยู่ข้างอัครเสนาบดีฉินก็รีบเอ่ยขึ้น“ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมหาได้คิดดังเช่นองค์รัชทายาทตรัสไม่ เพียงแต่ข่าวลือหนาหูยิ่งนักว่าองค์รัชทายาททรงยอมปิดหน้าปิดตาสวมใส่หน้ากากเพื่อจะได้อยู่ใกล้กับพระชายา พวกกระหม่อมเลยคิดจะหาคนมาปรนนิบัติองค์รัชทายาท เพื่อไม่ให้องค์รัชทายาททรงต้องลำบากเพื่อไปหาพระชายาให้คอยปรนนิบัติ”“ขอบคุณเหล่าขุนนางทุกท่านที่เป็นห่วงเราจากใจ แต่เราไม่ได้มีความลำบากอย่างที่พวกท่านคิด เราไม่รู้ว่าภรรยาของพวกท่านไร้ความสามารถที่จะคอยดูแลปรนนิบัติพวกท่าน หรือเป็นที่พวกท่านมักมากกันแน่ แต่เพราะพระชายาเราดูแลเราดีมากพอ และเราก็หาใช่บุรุษที่มักมากแค่เพียงภรรยาตั้งครรภ์ก็ต้องหาสตรีอื่นมาปรนนิบัติ เช่นนั้นเราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีชายาเพิ่มเช่น
เฟยห้าวเทียนได้ยินคำพูดของนางก็แทบจะอดกลั้นอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ไหว เขาพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อระงับความตื่นตัวของแก่นกายที่ตอนนี้ไม่รับฟังคำสั่งของเขาเสียเลยแต่เขากลับต้องสะดุ้งจนขนตามตัวลุกชันเมื่อมีมือน้อยๆสัมผัสโดนสิ่งที่พองโตอยู่ด้านล่าง เขารีบคว้ามือน้อยนั้นไว้ทันทีเพราะหากลูบคลำไปมากกว่านี้เขาเองคงต้านความปรารถนาไว้ไม่ไหว“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า แต่เพราะข้ากลัวจะทำรุนแรงเกินไปจนเป็นอันตรายต่อเจ้าและลูกได้”เยว่ลี่อิงกลับไม่สนใจฟังคำที่เขาเอ่ย เพราะนางรู้ดีว่าที่ผ่านมาเขาอดกลั้นมาตลอดเวลาที่นอนอยู่เคียงข้างนาง และวันนี้นางก็ได้ศึกษาและได้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์บวกกับนางได้ตรวจร่างกายมาเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่ได้คิดเป็นกังวลเรื่องอันใดอีก“พระองค์รู้หรือไม่เพคะ ว่าสตรีที่ตั้งครรภ์ในบางช่วงจะมีความต้องการในเรื่องแบบนี้สูง และหากไม่ได้ปลดปล่อยจะทำให้หงุดหงิดซึ่งไม่เป็นผลดีนัก”เฟยห้าวเทียนถึงกับอึ้งนิ่งไป และปล่อยมือออกจากมือของนางเมื่อได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ย“เจ้าแน่ใจแน่แล้วใช่หรือไม่”“เพคะ หม่อมฉันแน่ใจ พระองค์เพียงปล่อยให้หม่อมฉันเป็นคนจัดการเองก็พอ”“เช่นนั้
4 ปีต่อมาเขานั่งมองบุตรชายที่วิ่งเล่นไปมากับเฟยห้าวเทียนก่อนที่จะหันมาหาภรรยาเพื่อจะชวนนางให้ออกไปจากอุทยานด้วยกันสองคน เพราะตั้งแต่เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยลืมตาดูโลกเขากับนางก็แทบจะไม่ได้ร่วมหอกันเลยช่วงแรกๆเป็นเพราะนางอยากให้นมบุตรด้วยตนเองจึงเอาลูกเข้านอนด้วย ช่วงนั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งกับการจัดการตระกูลฉินจึงไม่มีเวลามาคอยดูแลนางมากนัก เมื่อกลับมาเห็นนางอ่อนเพลียเขาจึงไม่กล้ารบกวนนาง ต่อมาเมื่อลูกชายโตขึ้นก็เริ่มติดแม่จนไม่ยอมออกห่างแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพอมีเวลาที่บุตรชายหลับในการออดอ้อนนางบ้าง แต่ปีกว่าๆมานี้ลูกชายของเขาไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้นางเลย แม้แต่เขาจะโดนเนื้อต้องตัวนางก็ยังยากต้องรอให้บุตรชายของเขาไม่เห็นเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ไม่ว่าเขาจะปะเหลาะบุตรชายอย่างไร เขาก็ไม่สามารถแตะต้องตัวภรรยาของเขาได้เสียที หากบุตรของเขาเห็นว่าเขาโดนเนื้อตัวมารดาก็มักจะร้องไห้ไม่หยุดไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ต้องหาวิธีปลอบใจอยู่นานถึงจะยอมเงียบได้“เสด็จแม่ ท่านจะไปไหน” เสียงเด็กน้อยดังขึ้น เมื่อเห็นเยว่ลี่อิงกำลังจะลุกจากตั่งนั่งเฟยห้าวเทียนได้แต่ถอนหายใจยาว เมื่อได้ยินเสียงบุตรชายเอ่ยเรียกภรรย
เหล่านางกำนัลที่อยู่ด้านนอกพยายามห้ามเฟยห้าวซุนแล้วแต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะทุกคนต่างรู้ว่าหากเฟยห้าวซุนได้ร้องไห้แล้วจะไม่หยุดง่ายๆ พวกเขาจึงไม่กล้าขัดใจมากนัก เฟยห้าวซุนเมื่อเห็นบิดาเปิดประตูให้ก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที เยว่ลี่อิงเห็นบุตรชายวิ่งมาด้วยน้ำตาก็รีบเข้าโอบกอดบุตรชายไว้แน่น แต่นางกลับต้องแปลกใจเพราะครั้งนี้บุตรชายของนางกลับไม่ร้องไห้โวยวายนานเท่ากับครั้งที่ผ่านๆมาเฟยห้าวซุนลูบท้องมารดาเบาๆอยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งทำหน้าทำตาราวกับมีความสงสัยอยากถามแต่ไม่ยอมเอ่ย นางจึงเป็นคนเอ่ยถามบุตรชายก่อน“เจ้าลูบท้องแม่เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ”“ท่านอาฟางซินให้ลูกลูบท้องตอนน้องดิ้น ลูกเลยมาลองลูบท้องเสด็จแม่บ้าง เพื่อน้องจะดิ้น”เยว่ลี่อิงอดเอ็นดูในความใสซื่อของบุตรชายไม่ได้ จึงส่งยิ้มหวานให้เขา“ในท้องของแม่ไม่มีน้องอยู่ แล้วน้องจะดิ้นได้อย่างไร” นางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่บุตรชายกลับร้องไห้เสียงดังขึ้นมา ทำเอานางถึงกับตกใจเฟยห้าวเทียนรีบเข้ามาหาบุตรชายของตนเมื่อได้ยินคำสนทนาของแม่ลูก เขาใช้มือลูบหัวลูกชายเบาๆ แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดร้อง“เจ้าอยากมีน้องอย่างนั้นหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ค
ตำหนักคุนหนิง“ฮองเฮาเพคะอย่าไปเลยนะเพคะ” อี้หงนางกำนัลเอ่ยขึ้นเย่วลี่อิงหรือเย่วฮองเฮาหันมามองด้วยสายตาที่ไม่พึงพอใจ ทำเอาเหล่าขันทีและนางกำนัลคนอื่นๆ ขนหลังลุกชัน ต่างก้มหน้าก้มตาตัวสั่นเทาด้วยความกลัว“เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าคือคนที่สนิทกับข้าแล้วจะปากมากได้ ข้าจะไปใครกล้าห้าม ถ้ามันผู้ใดกล้าห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งโบยมันผู้นั้นให้ตาย”สิ้นคำพูดของเย่วลี่อิงทุกคนต่างนิ่งเงียบ นางสะบัดหน้าเดินออกจากตำหนัก เดินทางไปตำหนักกุ้ยเฟยเพื่อมอบของขวัญให้เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของหลี่ฟางซินหรือสนมหลี่กุ้ยเฟยคงมีแต่สนมหลี่กุ้ยเฟยเท่านั้นที่ได้รับความเมตตาจากเย่วฮองเฮา เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ นอกนั้นไม่มีสนมคนใดที่ได้รับความเมตตาจากเฟยห้าวเทียนหรือห้าวเทียนฮ่องเต้แล้วจะอยู่ได้อย่างเป็นสุขตำหนักกุ้ยเฟยเมื่อมาถึงตำหนักกุ้ยเฟย นางกำนัลประจำตำหนักรีบเข้ามาทำความเคารพเย่วลี่อิงทันที“ถวายพระพรฮองเฮา”หญิงสูงศักดิ์ยกมือขึ้นใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากเบาๆ เพื่อไม่ให้นางกำนัลและขันทีส่งเสียงดัง ก่อนเดินเข้าไปในตำหนักหวังจะทำให้หลี่ฟางซินแปลกใจที่ตนมาโดยไม่ได้แจ้ง ตอนแรกนางคิดจะจัดงานวั
“ฟางซิน นางแพศยาน่ารังเกียจ เจ้ากล้าดีเช่นไรถึงกล้าอ่อยคนของข้าลับหลังข้า 3ปี 3ปีอย่างนั้นหรือ”เย่วลี่อิงไม่เพียงแต่ด่าทอหลี่ฟางซินเท่านั้น ยังใช้มือขย้ำมวยผมและกระชากจนตัวปลิวลงไปกองกับพื้น ก่อนจะง้างมือตบใบหน้าหลี่ฟางซินอย่างเต็มแรงจนหน้าหัน เสียงตบนั่นทำให้เฟยห้าวเทียนที่มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สติ ลุกขึ้นจับข้อมือของเย่วลี่อิงที่กำลังจะทุบตีสนมรักของตน“เย่วฮองเฮาเจ้าบ้าไปแล้วหรือ”เย่วลี่อิงเงยหน้ามองสามีที่จับมือตนด้วยสายตาโกรธเคืองดวงตาแดงก่ำแต่กลับมีน้ำใสๆ คลออยู่บ่งบอกถึงความโกรธเกลียดปนความเสียใจจนยากจะบรรยาย“ใช่เพคะ หม่อมฉันบ้าไปแล้วที่คบฟางซินนางอสรพิษเป็นเพื่อน”เมื่อพูดจบเย่วลี่อิงสะบัดมือของสามีอันเป็นที่รักออกหมายจะเข้าไปตบตีหลี่ฟางซิน เฟยห้าวเทียนพยายามจับตัวนางไว้ไม่ให้เข้าไปทำร้ายสนมที่ตนรักได้อีก แต่ด้วยแรงแห่งความโกรธของเย่วลี่อิงมือไม้ที่ปัดแกว่งไปทั่ว จนเฟยห้าวเทียนหมดความอดทนจึงผลักนางล้มก้นกระแทกกับพื้นแล้วหยิบจอกสุราขึ้นมาเทลงบนศีรษะของนาง“ข้าว่าสุรานี้คงทำให้ฮองเฮาได้สติขึ้นบ้าง”เย่วลี่อิงอ้าปากจะกรีดร้องโวยวายออกมาแต่กลับชะงักเมื่อนางนึกถึงบ้างสิ
เฟยห้าวเทียนย่อตัวลงก่อนจะจับหัวไหล่ทั้งสองของหญิงสาวที่กำลังนั่งก้มหน้าร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัว ในใจยิ่งรู้สึกสงสาร รู้สึกผิดต่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้า และรู้สึกโกรธ เกลียด รังเกียจหญิงสาวที่ทำร้ายนางมากขึ้นกว่าเดิม แต่กลับไม่รู้เลยว่าร่างกายที่สั่นเทานั้น มิได้มาจากความหวาดกลัวแต่มาจากความคับแค้นใจ“ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้” เฟยห้าวเทียนตะโกนบอกเหล่าบริพารที่อยู่ด้านนอก“เจ้าเจ็บมากหรือไม่ สนมรักของข้า”เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากสนมที่ตนรักเฟยห้าวเทียนใช้มือจับปลายคางของสนมรักให้เงยหน้าขึ้น แต่นางกลับเบือนหน้าหนีไปแล้วหลับตาลง เพื่อไม่อยากให้เฟยห้าวเทียนได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจ“เจ้าโกรธข้ามากใช่หรือไม่ที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าและให้ความเป็นธรรมกับเจ้าได้”หญิงสาวได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่ตอบสิ่งใด ปล่อยให้น้ำตาแห่งความคับแค้นไหลลงมาจนอาบแก้มโอรสสวรรค์เช่นเขาเมื่อเห็นหญิงที่ตนมีใจรักหลั่งน้ำตาก็ยิ่งนึกโมโหสตรีชั่วช้า แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ หากนางอาละวาดมากกว่านี้อีกสักหน่อย เขาก็คิดจะลงโทษนางให้อับอายคนในวังหลังอยู่บ้าง รวมไปถึงลงโทษพ่อของนางด้วยที่ไม่สั่งสอนบุตรสาวให้ดีตอ
ตำหนักคุนหนิงเย่วลี่อิงเดินออกมาจากตำหนักกุ้ยเฟยด้วยสภาพที่ผมเผ้าเปียกเสื้อผ้าอาภรณ์ยุ่งเหยิง กลิ่นสุราฟุ้งคละคลุ้ง เมื่อเหล่าข้าราชบริพารเห็นก็รีบก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้ามามอง ทุกคนต่างคาดเดาเรื่องราวด้านในกันไปต่างๆ นานา จากเสียงที่ดังออกมา และสภาพผู้เป็นนายหญิงแห่งวังหลังที่เดินออกจากประตูตลอดทางที่เดินทางกลับมาจนถึงตำหนักคุนหนิงเย่วลี่อิงไม่ได้กล่าวสิ่งใดและไม่มีท่าทางโมโหหรืออารมณ์เกรี้ยวกราดให้เหล่าขันทีและนางกำนัลได้เห็น แตกต่างจากทุกครั้งที่มีการลงไม้ลงมือหรือลงโทษนางสนม เพราะถึงจะลงโทษไปแล้วแต่เย่วลี่อิงก็ยังอารมณ์ขุ่นมัวไม่หาย ต่างจากวันนี้ที่มีท่าทีสงบเงียบทั้งที่ตนมีสภาพราวถูกทำร้ายมาเสียเองเมื่อมาถึงตำหนักคุนหนิงเย่วลี่อิงก็สั่งให้เหล่านางกำนัลเตรียมน้ำอุ่น เพื่อชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุรา อี้หงเข้ามาช่วยปลดเครื่องประดับและถอดเสื้อผ้าให้เย่วลี่อิงหลังจากที่เหล่านางกำนัลทั้งหมดออกจากห้องไป ผู้ที่เห็นเรือนร่างของเย่วลี่อิงมีเพียงอี้หงคนเดียวเท่านั้น นอกนั้นเย่วลี่อิงไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาปรนนิบัตินางเป็นการส่วนตัวอี้หงนางกำนัลที่ติดตามมาตั้งแต่ตระกูลเย่วเห็นทางท่
เหล่านางกำนัลที่อยู่ด้านนอกพยายามห้ามเฟยห้าวซุนแล้วแต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะทุกคนต่างรู้ว่าหากเฟยห้าวซุนได้ร้องไห้แล้วจะไม่หยุดง่ายๆ พวกเขาจึงไม่กล้าขัดใจมากนัก เฟยห้าวซุนเมื่อเห็นบิดาเปิดประตูให้ก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที เยว่ลี่อิงเห็นบุตรชายวิ่งมาด้วยน้ำตาก็รีบเข้าโอบกอดบุตรชายไว้แน่น แต่นางกลับต้องแปลกใจเพราะครั้งนี้บุตรชายของนางกลับไม่ร้องไห้โวยวายนานเท่ากับครั้งที่ผ่านๆมาเฟยห้าวซุนลูบท้องมารดาเบาๆอยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งทำหน้าทำตาราวกับมีความสงสัยอยากถามแต่ไม่ยอมเอ่ย นางจึงเป็นคนเอ่ยถามบุตรชายก่อน“เจ้าลูบท้องแม่เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ”“ท่านอาฟางซินให้ลูกลูบท้องตอนน้องดิ้น ลูกเลยมาลองลูบท้องเสด็จแม่บ้าง เพื่อน้องจะดิ้น”เยว่ลี่อิงอดเอ็นดูในความใสซื่อของบุตรชายไม่ได้ จึงส่งยิ้มหวานให้เขา“ในท้องของแม่ไม่มีน้องอยู่ แล้วน้องจะดิ้นได้อย่างไร” นางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่บุตรชายกลับร้องไห้เสียงดังขึ้นมา ทำเอานางถึงกับตกใจเฟยห้าวเทียนรีบเข้ามาหาบุตรชายของตนเมื่อได้ยินคำสนทนาของแม่ลูก เขาใช้มือลูบหัวลูกชายเบาๆ แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดร้อง“เจ้าอยากมีน้องอย่างนั้นหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ค
4 ปีต่อมาเขานั่งมองบุตรชายที่วิ่งเล่นไปมากับเฟยห้าวเทียนก่อนที่จะหันมาหาภรรยาเพื่อจะชวนนางให้ออกไปจากอุทยานด้วยกันสองคน เพราะตั้งแต่เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยลืมตาดูโลกเขากับนางก็แทบจะไม่ได้ร่วมหอกันเลยช่วงแรกๆเป็นเพราะนางอยากให้นมบุตรด้วยตนเองจึงเอาลูกเข้านอนด้วย ช่วงนั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งกับการจัดการตระกูลฉินจึงไม่มีเวลามาคอยดูแลนางมากนัก เมื่อกลับมาเห็นนางอ่อนเพลียเขาจึงไม่กล้ารบกวนนาง ต่อมาเมื่อลูกชายโตขึ้นก็เริ่มติดแม่จนไม่ยอมออกห่างแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพอมีเวลาที่บุตรชายหลับในการออดอ้อนนางบ้าง แต่ปีกว่าๆมานี้ลูกชายของเขาไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้นางเลย แม้แต่เขาจะโดนเนื้อต้องตัวนางก็ยังยากต้องรอให้บุตรชายของเขาไม่เห็นเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ไม่ว่าเขาจะปะเหลาะบุตรชายอย่างไร เขาก็ไม่สามารถแตะต้องตัวภรรยาของเขาได้เสียที หากบุตรของเขาเห็นว่าเขาโดนเนื้อตัวมารดาก็มักจะร้องไห้ไม่หยุดไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ต้องหาวิธีปลอบใจอยู่นานถึงจะยอมเงียบได้“เสด็จแม่ ท่านจะไปไหน” เสียงเด็กน้อยดังขึ้น เมื่อเห็นเยว่ลี่อิงกำลังจะลุกจากตั่งนั่งเฟยห้าวเทียนได้แต่ถอนหายใจยาว เมื่อได้ยินเสียงบุตรชายเอ่ยเรียกภรรย
เฟยห้าวเทียนได้ยินคำพูดของนางก็แทบจะอดกลั้นอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ไหว เขาพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อระงับความตื่นตัวของแก่นกายที่ตอนนี้ไม่รับฟังคำสั่งของเขาเสียเลยแต่เขากลับต้องสะดุ้งจนขนตามตัวลุกชันเมื่อมีมือน้อยๆสัมผัสโดนสิ่งที่พองโตอยู่ด้านล่าง เขารีบคว้ามือน้อยนั้นไว้ทันทีเพราะหากลูบคลำไปมากกว่านี้เขาเองคงต้านความปรารถนาไว้ไม่ไหว“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า แต่เพราะข้ากลัวจะทำรุนแรงเกินไปจนเป็นอันตรายต่อเจ้าและลูกได้”เยว่ลี่อิงกลับไม่สนใจฟังคำที่เขาเอ่ย เพราะนางรู้ดีว่าที่ผ่านมาเขาอดกลั้นมาตลอดเวลาที่นอนอยู่เคียงข้างนาง และวันนี้นางก็ได้ศึกษาและได้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์บวกกับนางได้ตรวจร่างกายมาเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่ได้คิดเป็นกังวลเรื่องอันใดอีก“พระองค์รู้หรือไม่เพคะ ว่าสตรีที่ตั้งครรภ์ในบางช่วงจะมีความต้องการในเรื่องแบบนี้สูง และหากไม่ได้ปลดปล่อยจะทำให้หงุดหงิดซึ่งไม่เป็นผลดีนัก”เฟยห้าวเทียนถึงกับอึ้งนิ่งไป และปล่อยมือออกจากมือของนางเมื่อได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ย“เจ้าแน่ใจแน่แล้วใช่หรือไม่”“เพคะ หม่อมฉันแน่ใจ พระองค์เพียงปล่อยให้หม่อมฉันเป็นคนจัดการเองก็พอ”“เช่นนั้
“พวกท่านนี้ก็แปลกเสียจริง หากพระชายาของเราไม่ตั้งครรภ์พวกท่านก็จะให้เราแต่งชายารอง ตอนนี้นางตั้งครรภ์พวกท่านก็ยังจะให้เราแต่งชายารองอีก ตกลงพวกท่านต้องการอย่างไรกันแน่ หรือเพราะพวกท่านเพียงอยากส่งบุตรสาวของพวกท่านมาแต่งกับข้าจึงได้หาข้ออ้างให้ข้าแต่งชายารองใช่หรือไม่”ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปชั่วหนึ่งจนอัครเสนาบดีฉินกระแอมดังขึ้นมา ขุนนางชราที่ยืนอยู่ข้างอัครเสนาบดีฉินก็รีบเอ่ยขึ้น“ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมหาได้คิดดังเช่นองค์รัชทายาทตรัสไม่ เพียงแต่ข่าวลือหนาหูยิ่งนักว่าองค์รัชทายาททรงยอมปิดหน้าปิดตาสวมใส่หน้ากากเพื่อจะได้อยู่ใกล้กับพระชายา พวกกระหม่อมเลยคิดจะหาคนมาปรนนิบัติองค์รัชทายาท เพื่อไม่ให้องค์รัชทายาททรงต้องลำบากเพื่อไปหาพระชายาให้คอยปรนนิบัติ”“ขอบคุณเหล่าขุนนางทุกท่านที่เป็นห่วงเราจากใจ แต่เราไม่ได้มีความลำบากอย่างที่พวกท่านคิด เราไม่รู้ว่าภรรยาของพวกท่านไร้ความสามารถที่จะคอยดูแลปรนนิบัติพวกท่าน หรือเป็นที่พวกท่านมักมากกันแน่ แต่เพราะพระชายาเราดูแลเราดีมากพอ และเราก็หาใช่บุรุษที่มักมากแค่เพียงภรรยาตั้งครรภ์ก็ต้องหาสตรีอื่นมาปรนนิบัติ เช่นนั้นเราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีชายาเพิ่มเช่น
ตำหนักบูรพาเมื่อกลับมาถึงตำหนักเฟยห้าวเทียนก็ให้หมอหลวงตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิง เพราะระหว่างทางกลับมานางมีอาการแพ้ท้องมาตลอดทาง ไม่รู้ว่าเหตุใดยิ่งเขาเข้าใกล้นาง นางก็ยิ่งอาการหนักขึ้นจนนางต้องไล่เขาออกไปไกลๆ แต่พอให้คนอื่นมาพยุงนางกลับไม่เป็นอันใดเสียอย่างนั้น ทำให้เขารู้สึกลังเลใจเป็นอย่างมาก ว่าที่นางเป็นอยู่นี้นางเป็นจริงหรืออยากกลั่นแกล้งเอาคืนที่เขาเคยเฉยเมยต่อนาง“กราบทูลองค์รัชทายาทพระชายามีพระวรกายแข็งแรงดีไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ส่วนอาการคลื่นไส้ อาเจียนก็เป็นเรื่องธรรมดาของสตรีมีครรภ์เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นทำไมถึงมีอาการแพ้เพียงตอนเราเข้าใกล้ แต่ทีกับคนอื่นกลับไม่เป็นอันใด” เฟยห้าวเทียนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลและสงสัยหมอหลวงอึ้งไปพักหนึ่งเพราะเขารู้ดีว่าองค์รัชทายาทย่อมรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถเขาใกล้พระชายาของตนได้ แต่ยังโชคดีที่เขาเคยเห็นสตรีที่มีอาการแพ้ท้องสามีของตนเองมาก่อนจึงพอรู้วิธีแก้อยู่บ้าง แต่จะให้บอกสาเหตุเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้“กระหม่อมไม่ทราบสาเหตุพ่ะย่ะค่ะ เพราะสตรีที่ตั้งครรภ์แต่ละคนจะแพ้ท้องไม่เหมือนกัน แต่กระหม่อมเคยพบเจอคนแพ้ท้องที่มีอาการแ
เมื่อได้ยินข้อแม้ของบิดาเฟยห้าวหลานหันมามองพี่ชายของตนด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด“รอให้เสด็จพี่มีบุตร ลูกว่าเสด็จพ่อให้ลูกแต่งเข้าสกุลกงแล้วให้ลูกมีหลานให้เสด็จพ่อยังจะเร็วเสียกว่า ลูกจะไปถามหรงเอ๋อร์ว่าลูกคนแรกของเรายกให้ตระกูลเฟยได้หรือไม่”เฟยห้าวเทียนถึงกับตบโต๊ะเสียงดัง และชี้นิ้วไปยังน้องชายของเขา เฟยห้าวเทียนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกบิดาเล่นงานด้วยเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่น่าโมโหเท่ากับคำพูดของน้องชาย“เจ้าช่างกล้าดูถูกข้ายิ่งนัก”สองสามีภรรยาที่นั่งดูบุตรชายทั้งสองอยู่กลับหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะเขารู้ดีว่าที่บุตรชายคนเล็กเอ่ยนั้นไม่ได้คิดจะดูถูกพี่ชายเพียงแต่จะกระตุ้นพี่ชายให้มีบุตรไวๆเท่านั้นเยว่ลี่อิงเห็นสามีกำลังโกรธน้องชายก็เอื้อมมือมาจับมือเขาและลูบหลังมือของเขาเบาๆเพื่อให้เขาใจเย็นลง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เขา เฟยห้าวเทียนเมื่อหันมามองหน้าภรรยาก็ยิ่งนึกโกรธเพราะหลายวันมานี้นางไม่ยินยอมให้เขาค้างที่เรือนนอนด้วยยังไม่พอ ยังคอยหลบหน้าหลบตาเขาอีกด้วย แถมวันนี้น้องชายยังมาดูถูกเขาอีก และที่สำคัญตอนนี้นางทำเหมือนราวกับจะอาเจียนเมื่อมองหน้าเขา เขาจึงทำหน้าไม่พอใจใส่น
เฟยห้าวหลานได้ยินเสียงบิดาตวาดขึ้นมาก็นึกได้ว่าตนเผลอตัวไปเสียแล้ว จึงรีบเอ่ยขอโทษบิดาก่อนที่จะหาข้ออ้างแก้ตัวให้กับตนเอง“เสด็จพ่อลูกขอโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงแค่ได้ยินเรื่องน้องสาวของพี่สะใภ้แล้วรู้สึกเป็นห่วงนางจึงอุทานดังไปหน่อยเท่านั้น ไม่ได้เจตนาจะทำให้เสด็จพ่อต้องตกใจ”“เจ้าเป็นห่วงอันใดอย่างนั้นหรือ น้องชายของข้า” เฟยห้าวเทียนรีบเอ่ยถามเพื่อเย้าแหย่ผู้เป็นน้อง แต่น้องชายกับกล่าวอย่างจริงจังกลับมา“เสด็จพี่ลองคิดดูสิพ่ะย่ะค่ะว่าตระกูลชนชั้นสูงหรือเหล่าขุนนางใดที่จะยอมให้บุตรชายของตนไปแต่งเข้าบ้านสตรี หากจะมีก็น้อยยิ่งนัก ส่วนมากก็จะเป็นเพียงตระกูลของชาวบ้านธรรมดา และอีกอย่างข้ากลัวน้องสาวของพี่สะใภ้จะถูกผู้ชายไม่ดีคิดหวังในทรัพย์สมบัติมาหลอกลวง”“นั้นสินะ ก็จริงอย่างเจ้าว่า เสด็จพ่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะถ้าเป็นพระองค์จะยินยอมให้หลานเอ๋อร์แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฟยห้าวเทียนเอ่ยเห็นดีเห็นงามกับน้องชายก่อนที่จะหันไปถามบิดามารดาเพื่อหยั่งเชิงแทนน้องชายเฟยห้าวเทียนเหลือบสายตาดูน้องชายหลังจากที่เขาถามบิดามารดาเสร็จ ก็เห็นว่าน้องชายของเขาใจจดใจจ่ออยู่กับการรอฟังคำตอบเป็นอย
ตำหนักบูรพาตั้งแต่ที่เฟยห้าวเทียนได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเขาก็เริ่มจัดการทุกอย่างที่เขาได้เห็นในฝัน เพื่อเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมและไม่อยากให้เหตุการณ์ที่ไม่ดีอย่างเช่นในฝันนั้นเกิดขึ้นเฟยห้าวเทียนขอฮ่องเต้เป็นผู้คุมสอบขุนนางและขอเป็นผู้ออกข้อสอบด้วยตนเอง ทำให้ขุนนางทั้งหลายไม่สามารถใช้เส้นสายในการโกงข้อสอบได้ และไม่สามารถฝากลูกหลานตนเองเข้ามาเป็นขุนนางได้ ทำให้ถังป๋อเหวินสามารถสอบขุนนางติดและกล้าไปเอ่ยขอเหอฟางหรงกับเสนาบดีกรมคลังเหอ ถึงตอนนี้เสนาบดีกรมคลังเหอจะยังไม่ยินยอม แต่เขาก็รับรู้แล้วว่าบุตรสาวมีคนที่อยู่ในใจแล้วส่วนตัวเฟยห้าวเทียนกับหลี่ฟางซินถึงจะพบหน้ากันยามที่นางมาหาเยว่ลี่อิงแต่เขาก็ไม่ได้คิดอันใดต่อนางอีกแล้ว ส่วนนางเองก็ดูเหมือนจะเสียใจอยู่พักหนึ่งจากที่เยว่ลี่อิงเล่าให้เขาฟัง เพราะในที่สุดหลี่ฟางซินก็บอกความจริงแก่เยว่ลี่อิงทุกเรื่อง แต่เยว่ลี่อิงก็ให้อภัยหลี่ฟางซินถึงตอนแรกจะโกรธแต่พอได้ต่อว่าไปบวกกับหลี่ฟางซินคอยแวะมาง้ออยู่สองสามครั้ง ทั้งสองก็กลับมาสนิทกันเหมือนเดิมราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้นส่วนตัวเขาเองก็ชดเชยที่หมางเมินต่อเยว่ลี่อิงมาตลอด ด้วยการดูแลเ
หลังจากเสร็จพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาท เฟยห้าวเทียนก็รีบไปหาหลี่ฟางซินตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้“ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ” หลี่ฟางซินเอ่ยพร้อมทำความเคารพเฟยห้าวเทียนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยท่าทางและน้ำเสียงหยอกล้อแต่เฟยห้าวเทียนกับนิ่งเงียบไม่ตอบโต้นางเหมือนเช่นที่ผ่านๆ มา เพราะปกติแล้วเขาจะต้องหัวเราะและเอ่ยตอบนาง เมื่อเห็นท่าทางที่นางเย้าแหย่เขา แต่บัดนี้หน้าตาเขาเรียบเฉยราวมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น“เกิดอันใดขึ้นหรือเพคะ ทำไมวันนี้พระองค์ดูเคร่งเครียดเหลือเกิน หรือพระชายาทำอะไรให้ไม่พอพระทัยมาอย่างนั้นหรือเพคะ”เฟยห้าวเทียนถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ เพราะหลังจากที่เขารับตำแหน่งองค์รัชทายาทเสร็จเขาก็ลองตรวจสอบว่าสิ่งที่เขาฝันนั้นส่วนมากเป็นเรื่องจริงมากน้อยเพียงใดโดยเริ่มถามเสด็จพ่อเป็นคนแรกเรื่องเกี่ยวกับองครักษ์เงาที่ส่งมาคอยดูแลเขาว่าเป็นของคนที่ตระกูลเยว่ฝึกมาหรือไม่ และยังแอบกระซิบถามแม่ทัพเยว่เรื่องการใช้ความดีความชอบมาขออภิเษกระหว่างเขากับเยว่ลี่อิงอีกด้วยในเมื่อทั้งหมดมันตรงกับความฝันที่เขาได้ฝันถึง เขาจึงคิดจะยุติทุกอย่างเพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายมันเกิดขึ้นตามที