เฟยห้าวเทียนย่อตัวลงก่อนจะจับหัวไหล่ทั้งสองของหญิงสาวที่กำลังนั่งก้มหน้าร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัว ในใจยิ่งรู้สึกสงสาร รู้สึกผิดต่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้า และรู้สึกโกรธ เกลียด รังเกียจหญิงสาวที่ทำร้ายนางมากขึ้นกว่าเดิม แต่กลับไม่รู้เลยว่าร่างกายที่สั่นเทานั้น มิได้มาจากความหวาดกลัวแต่มาจากความคับแค้นใจ
“ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้” เฟยห้าวเทียนตะโกนบอกเหล่าบริพารที่อยู่ด้านนอก
“เจ้าเจ็บมากหรือไม่ สนมรักของข้า”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากสนมที่ตนรักเฟยห้าวเทียนใช้มือจับปลายคางของสนมรักให้เงยหน้าขึ้น แต่นางกลับเบือนหน้าหนีไปแล้วหลับตาลง เพื่อไม่อยากให้เฟยห้าวเทียนได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจ
“เจ้าโกรธข้ามากใช่หรือไม่ที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าและให้ความเป็นธรรมกับเจ้าได้”
หญิงสาวได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่ตอบสิ่งใด ปล่อยให้น้ำตาแห่งความคับแค้นไหลลงมาจนอาบแก้ม
โอรสสวรรค์เช่นเขาเมื่อเห็นหญิงที่ตนมีใจรักหลั่งน้ำตาก็ยิ่งนึกโมโหสตรีชั่วช้า แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ หากนางอาละวาดมากกว่านี้อีกสักหน่อย เขาก็คิดจะลงโทษนางให้อับอายคนในวังหลังอยู่บ้าง รวมไปถึงลงโทษพ่อของนางด้วยที่ไม่สั่งสอนบุตรสาวให้ดี
ตอนนี้จะลงโทษนางก็ได้อยู่ แต่อย่างไรไทเฮาก็จะเข้ามาช่วยนางอยู่ดี และเขาเองก็ต้องยอมทำตามผู้เป็นแม่โดยไม่กล้าขัดขืน จากที่จะลดอำนาจนางกลับทำให้คนยิ่งต้องกลัวเกรงนางมากขึ้นเพราะแม้แต่เขาที่เป็นโอรสสวรรค์ก็ยังไม่สามารถลงโทษนางได้
เขาอุ้มสตรีที่นั่งเงียบอยู่ตรงหน้าขึ้นไปวางไว้บนเตียงรอหมอหลวงมาตรวจดูร่างกาย เมื่อหมอหลวงมาตรวจก็พบว่าไม่เป็นไรมาก ให้เพียงยาทาและยาสงบจิตเพื่อให้นางหลับสบายไม่ต้องผวาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
ก่อนจะไล่หมอหลวงขันทีและเหล่านางกำนัลออกไปเฟยห้าวเทียนทรงสั่งกำชับให้ทุกคนห้ามแพร่งพรายเรื่องวันนี้ออกไปโดยเด็ดขาด
เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้วเฟยห้าวเทียนก็ขึ้นเตียงไปนอนข้างสนมรักก่อนจะโอบเอวบางเข้ามากอดไว้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเขาเห็นว่าตั้งแต่เกิดเรื่องนางยังไม่ยอมเอ่ยสิ่งใดออกมาเลยจึงรู้สึกว้าวุ่นใจไม่น้อย เขาจับคางน้อยให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม”
หญิงสาวนิ่งเงียบ ได้แต่น้ำตาคลอ ใบหน้าและแววตาของนางในตอนนี้ไม่ว่าใครเห็นก็สงสารจับใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุรุษที่อยู่ตรงหน้า
“กุ้ยเฟย สนมรักของข้า เจ้ารอข้าอีกหน่อย ข้าจะทำให้เจ้าอยู่เหนือนางให้จงได้”
หลังจากพูดจบเขาก็จุมพิตเบาๆ บนเปลือกตาของหญิงสาวที่รักอย่างอ่อนโยนราวกับกลัวว่าจะแตกสลายก่อนจะใช้มือแตะตรงแก้มที่มีรอยมือนูนแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อหลี่ฟางซินได้ยินก็รู้สึกว่าการถูกตบครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบเสียทีเดียว อย่างน้อยยังเรียกความรักความเมตตาและเพิ่มความเกลียดชังในใจของเฟยห้าวเทียนที่มีต่อเย่วลี่อิงได้อีกด้วย
“เจ้าคงจะเจ็บมากเลยสินะ ข้าจะประทานขอขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้าเพื่อปลอบใจดีหรือไม่”
หลี่ฟางซินนิ่งเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด แต่ตากลับมองนันย์ตาของบุรุษที่อยู่ด้านหน้าอย่างอ่อนโยน เมื่อบุรุษเห็นว่าสนมรักมีการตอบสนองเขาแล้ว จึงเอ่ยอย่างแผ่วเบาที่ข้างใบหูของนาง
หญิงสาวตาเป็นประกายเมื่อได้ยินของขวัญอันล้ำค่า แต่นางยังไม่สามารถยกยิ้มได้เพราะความปวดระบมที่แก้ม แต่ในใจกลับชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก ‘เย่วลี่อิงตบนี้ของเจ้าช่างมีราคาตอบแทนสูงจริงๆ’ เมื่อนางคิดได้แบบนี้ใจของนางก็ค่อยๆ เย็นลง
“เจ้าไม่ต้องการของขวัญที่ข้าจะประทานให้หรอกหรือ” เฟยห้าวเทียนเห็นว่าสนมรักของตนไม่ตอบสนองจึงเอ่ยถาม
“ต้องการเพคะ” หลี่ฟางซินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมพยักหน้าตอบรับ
เสียงหวานแผ่วเบาที่ดังออกมาทำให้เฟยห้าวเทียนใจชื้นขึ้นมา เขารับรู้ได้ว่านางยังคงเจ็บอยู่ไม่น้อยจึงไม่ได้คิดจะเอ่ยถามต่อ เพียงแค่เห็นแววตาและสีหน้าที่พอใจของนาง เขาเองก็ดีใจมากแล้ว
“อย่างนั้นวันนี้เจ้าพักผ่อนเถอะนะ ข้าจะนอนอยู่ข้างๆ เจ้าไม่ไปไหน”
ตำหนักคุนหนิงเย่วลี่อิงเดินออกมาจากตำหนักกุ้ยเฟยด้วยสภาพที่ผมเผ้าเปียกเสื้อผ้าอาภรณ์ยุ่งเหยิง กลิ่นสุราฟุ้งคละคลุ้ง เมื่อเหล่าข้าราชบริพารเห็นก็รีบก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้ามามอง ทุกคนต่างคาดเดาเรื่องราวด้านในกันไปต่างๆ นานา จากเสียงที่ดังออกมา และสภาพผู้เป็นนายหญิงแห่งวังหลังที่เดินออกจากประตูตลอดทางที่เดินทางกลับมาจนถึงตำหนักคุนหนิงเย่วลี่อิงไม่ได้กล่าวสิ่งใดและไม่มีท่าทางโมโหหรืออารมณ์เกรี้ยวกราดให้เหล่าขันทีและนางกำนัลได้เห็น แตกต่างจากทุกครั้งที่มีการลงไม้ลงมือหรือลงโทษนางสนม เพราะถึงจะลงโทษไปแล้วแต่เย่วลี่อิงก็ยังอารมณ์ขุ่นมัวไม่หาย ต่างจากวันนี้ที่มีท่าทีสงบเงียบทั้งที่ตนมีสภาพราวถูกทำร้ายมาเสียเองเมื่อมาถึงตำหนักคุนหนิงเย่วลี่อิงก็สั่งให้เหล่านางกำนัลเตรียมน้ำอุ่น เพื่อชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุรา อี้หงเข้ามาช่วยปลดเครื่องประดับและถอดเสื้อผ้าให้เย่วลี่อิงหลังจากที่เหล่านางกำนัลทั้งหมดออกจากห้องไป ผู้ที่เห็นเรือนร่างของเย่วลี่อิงมีเพียงอี้หงคนเดียวเท่านั้น นอกนั้นเย่วลี่อิงไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาปรนนิบัตินางเป็นการส่วนตัวอี้หงนางกำนัลที่ติดตามมาตั้งแต่ตระกูลเย่วเห็นทางท่
เช้าวันต่อมาเย่วลี่อิงนั่งบนบัลลังตั่งทองเพื่อต้อนรับเหล่าพระสนมที่มาเข้าเฝ้าเพื่อถวายพระพรตามธรรมเนียมปฏิบัติ ถึงนางจะไม่ชอบเพราะนางรู้ดีว่าภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวานคำพูดแสนดีของสตรีงดงามเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งหาความจริงใจไม่ได้ และอีกอย่างพวกนางล้วนเป็นสตรีที่มาแย่งความรักของเฟยห้าวเทียนไปจากนางเย่วลี่อิงมักจะยกเลิกให้เหล่าสนมมาเข้าเฝ้ายามเช้าอยู่บ่อยครั้ง ต่างจากวันนี้นางกลับอยากให้สนมทุกคนมาเข้าเฝ้า เหตุผลเดียวที่นางมานั่งรอแต่เช้าเพียงเพราะอยากเจอเพื่อนสนิทที่ทรยศนางเท่านั้นเหล่าสนมที่ทยอยมาเข้าเฝ้ายืนรออยู่หน้าตำหนักรอเวลาที่จะเข้าไปพร้อมกัน เมื่อสตรีรวมตัวกันก็เป็นธรรมดาที่จะพูดนินทาเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นแม้กระทั่งในวังก็ไม่ละเว้น“พวกเจ้ารู้เรื่องเมื่อคืนที่ตำหนักหลี่กุ้ยเฟยหรือไม่”เมื่อมีคนเริ่มเรื่องมีหรือจะไม่มีผู้สนใจ โดยเฉพาะเรื่องของสนมหลี่กุ้ยเฟยเพราะนางเป็นสนมเพียงคนเดียวที่เย่วฮองเฮาไม่แสดงทีท่าหึงหวงถึงแม้ห้าวเทียนฮ่องเต้จะเสด็จไปตำหนักของนางบ่อยกว่าทุกคน บ้างเดือนเสด็จไปหาสนมหลี่กุ้ยเฟยมากกว่าเหล่าสนมทุกคนรวมกันเสียอีก หากเป็นสนมคนอื่นเพียงห้าวเทียนฮ่องเ
ตำหนักกุ้ยเฟยหลี่ฟางซินเป็นเพื่อนกับเย่วลี่อิงมาตั้งแต่วัยเยาว์ไหนเลยจะไม่รู้ว่านิสัยใจคอของเย่วลี่อิงเป็นอย่างไร หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่นางเป็นเพียงเย่วลี่อิงที่เป็นลูกสาวของแม่ทัพ หากนางรู้ว่าหลี่ฟางซินคิดทรยศนาง เย่วลี่อิงก็คงมาเจรจาถามถึงเรื่องราวให้แน่ชัด หลังจากนั้นก็ตัดความสัมพันธ์ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่นับตั้งแต่นางได้ขึ้นเป็นฮองเฮาก็เปลี่ยนไป เย่วฮองเฮาต้องด่าว่าลงไม้ลงมือกับนางเป็นแน่ แต่หลี่ฟางซินก็ไม่ได้แปลกใจเพราะอำนาจทำให้คนเปลี่ยนไปได้เสมอแน่นอนหลี่ฟางซินย่อมต้องว่างแผนเพื่อรับมือกับเย่วลี่อิงไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทูตขอฝ่าบาทไม่ไปทำความเคารพเย่วฮองเฮายามเช้า รวมถึงข่าวลือที่เย่วฮองเฮาโดนห้าวเทียนฮ่องเต้ทำร้ายเพื่อปกป้องนาง และแผนการต่อจากนี้ก็เช่นกัน มีหรือนางจะปล่อยโอกาสดีๆ นี้ไปหลี่ฟางซินนั่งจิบชาชมดอกไม้อยู่ในศาลาข้างตำหนัก และเป็นจริงตามที่นางคาดไว้ ไม่นานขันทีที่อยู่นอกตำหนักก็มารายงานหลี่ฟางซินว่าเย่วลี่อิงเสด็จมา เพียงหลี่ฟางซินโบกมือให้ขันทีออกไป เย่วลี่อิงก็มายืนอยู่ในสวนดอกไม้ของนางแล้ว นางลุกขึ้นแล้วเดินลงจากศาลาไปคอบกายทำความเคารพและเชิญเย่วลี่อ
“หม่อมฉันต้องขอบคุณฮองเฮามากนะเพคะที่ทรงตบหม่อมฉันเมื่อวานนี้ เพราะพระองค์เลยฝ่าบาทจึงประทานของขวัญปลอบใจให้หม่อมฉัน พระองค์รู้หรือไม่ว่าคืออะไร...”หลี่ฟางซินเห็นเย่วลี่อิงกำหมัดแน่นจึงหยุดพูด เพราะหากเย่วลี่อิงลงมือตอนนี้นางคงเจ็บหนักเป็นแน่อี้หงเห็นสีหน้าของเย่วฮองเฮาก็รู้ได้ว่าทรงบันดาลโทสะอย่างที่สุดแล้ว หากสนมหลี่กุ้ยเฟยพูดอันใดกระตุ้นอีกครั้ง ใบหน้าในตอนนี้ที่ยังมีรอยช้ำอยู่คงได้บวมแดงขึ้นมาอีกรอบเป็นแน่แต่นั่นไม่สำคัญกับนาง ที่สำคัญคือหากฮองเฮาของนางลงมือกับสนมหลี่กุ้ยเฟยตอนนี้ ห้าวเทียนฮ่องเต้ต้องสั่งลงโทษฮองเฮาเป็นแน่“ฮองเฮาเพคะ อย่าตกหลุมพรางของสนมหลี่กุ้ยเฟยนะเพคะ พระองค์จะหาเรื่องลงโทษนางเมื่อไรก็ได้ แต่วันนี้ทรงปล่อยไปก่อนเถอะนะเพคะ” อี้หงยกมือขึ้นป้องก่อนจะกระซิบกระซาบข้างหูนายของตนเย่วลี่อิงได้ยินนางกำนัลคนสนิทกล่าวเตือนสติถึงจะเป็นความจริงแต่ในใจนางก็ยังร้อนเป็นไฟ นางเองก็รู้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันที่สมควรลงมือ เพราะเมื่อวานนางได้ตบหลี่ฟางซินไปแล้วหากวันนี้ทำอีกย่อมไม่ส่งผลดีกับนาง นางพยายามสูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ“ข้าไม่อยากรู้ วันนี้ข้าเพียงอยากฟังบางอย่างจากเจ้าแล
“พวกเจ้าทั้งหมดถอยออกไป10ก้าว”คนของตำหนักคุณหนิงถอยหลังทันทีที่ได้ยินเย่วฮองเฮาออกคำสั่ง ต่างจากคนของตำหนักกุ้ยเฟยกลับมองหน้ากันไปมา เพราะสนมหลี่กุ้ยเฟยนายของตนได้สั่งไว้ ถึงนี่จะเป็นคำสั่งของเย่วฮองเฮาแต่เจ้านายของพวกนางได้รับปากไว้ว่าจะทูลขอความเป็นธรรมจากห้าวเทียนฮ่องเต้ให้ อย่าได้สนใจคำสั่งของเย่วฮองเฮาให้รับฟังคำสั่งจากหลี่กุ้ยเฟยเพียงคนเดียว และด้วยสภาพที่เย่วฮองเฮาออกจากตำหนักกุ้ยเฟยเมื่อวานนี้ ทำให้ทุกคนเชื่อว่าสนมหลี่กุ้ยเฟยต้องปกป้องพวกเขาได้เป็นแน่หลี่ฟางซินเมื่อได้ยินคำสั่งของสตรีที่สูงศักดิ์กว่าก็ตกใจไม่น้อย เพราะคิดว่าสตรีผู้นี้จะต้องลงไม้ลงมือกับตนเป็นแน่ แต่ยังโชคดีที่นางได้กำชับคนของตนไว้ไม่ให้ออกห่างจากนางหากห้าวเทียนฮ่องเต้ยังไม่เสด็จมา“พวกเจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ไม่ได้ยินที่ฮองเฮารับสั่งหรืออย่างไร”อี้หงตวาดใส่เหล่าขันทีและนางกำนัลของตำหนักกุ้ยเฟย เมื่อเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ทำตามคำสั่งของเย่วฮองเฮาเย่วลี่อิงโบกมือให้นางกำนัลคนสนิทหยุดกล่าวไว้เพียงเท่านี้ หญิงสาวเจ้าของตำหนักคุนหนิงหันมองไปรอบๆ เมื่อเห็นท่าทางนางกำนัลและขันทีของตำหนักกุ้ยเฟยมีท่าทีแข็งขืนไม่เก
“ฝ่าบาททรงทำเยี่ยงนี้กับเย่วฮองเฮาได้อย่างไร” ไทเฮาหันมาตรัสกับบุตรชาย“กระหม่อมทนนางไม่ไหวแล้วเสด็จแม่ ที่ผ่านมากระหม่อมยอมปิดตาข้างหนึ่งมาตลอด แต่บัดนี้กระหม่อมจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว”“ที่ฝ่าบาททนไม่ได้เพราะหลี่กุ้ยเฟยใช่หรือไม่”“เสด็จแม่ก็รู้ว่าลูกมีใจต่อหลี่กุ้ยเฟยมาก่อน หากไม่ใช่คำสั่งของเสด็จพ่อ ลูกไม่มีวันแต่งงานกับสตรีผู้นี้เด็ดขาด ทั้งที่เย่วฮองเฮากับหลี่กุ้ยเฟยเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งที่นางรู้ว่ากระหม่อมคือคนรักของเพื่อนสนิทของนาง แต่สตรีนางนี้ยังขอให้พ่อของนางใช้ความดีความชอบมาแลกกับการแต่งงานกับกระหม่อม สตรีเช่นนี้ลูกรังเกียจเป็นที่สุด”คำพูดของเฟยห้าวเทียนราวเข็มปักอกที่ทำให้เย่วลี่อิงเจ็บปวด นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าเหตุใดชายผู้นี้ถึงไม่ชอบนาง วันนี้นางได้รู้สาเหตุแล้ว และทำให้เย่วลี่อิงรู้สึกเกลียดชังหลี่ฟางซินมากขึ้น เพราะหลี่ฟางซินนางเพื่อนทรยศคนเดียวทำให้ชายที่นางรักหมดใจรังเกียจนางได้ถึงเพียงนี้ครั้นจะให้นางเล่าความจริงให้เขาฟัง ชายที่รังเกียจเกลียดนางถึงเพียงนี้ก็คงไม่มีวันเชื่อ คงคิดเพียงว่านางใส่ร้ายป้ายสีหญิงที่ตนรักก็เท่านั้นไทเฮาหันมองหญิงสาวที่ใบหน้ามักยิ้มแย้มให้เธ
"ไทเฮาเพคะ หมอหลวงมาถึงแล้วเพคะ" นางกำนัลของไทเฮารีบเข้ามารายงาน“ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันขอกลับไปให้หมอหลวงตรวจที่ตำหนักนะเพคะ”“ได้สิ เราจะไปกับเจ้าด้วย” หญิงชราเอ่ยพร้อมยิ้มเฟยห้าวเทียนเห็นท่าทีมารดาของตนหมายจะเสด็จไปพร้อมเย่วลี่อิงจึงรีบเอ่ยถามขึ้น ถึงอย่างไรหากมารดาจะลงโทษหลี่ฟางซิน เขาก็ยังอยู่เพื่อขอลดโทษให้ได้ แต่หากมารดาทรงไตร่สวนภายหลัง และออกเป็นราชโองการเขาจะช่วยเหลือหลี่ฟางซินก็คงยากแล้ว“เสด็จแม่ แล้วพระองค์จะลงโทษหลี่กุ้ยเฟยอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”เย่วลี่อิงหันมองบุรุษที่ตนทุ่มเทใจรักและทำทุกอย่างเพื่อเขา แม้ยามนี้เขายังไม่รู้แน่ชัดว่าใครตบใครแต่เขาก็ไม่ได้สนใจและตัดสินใจไปแล้วว่าอย่างไรสตรีที่แสนดีของเขาย่อมไม่มีทางทำร้ายผู้อื่นเป็นแน่ นอกจากจะไม่คิดสอบถามถึงที่มาที่ไปของเรื่องราว เขากลับสนใจเพียงสตรีหนึ่งเดียวในใจที่ตนรักจะโดนลงทัณฑ์เช่นไรเท่านั้นเมื่อคืนเย่วลี่อิงฝันว่าตนตบหน้าของหลี่กุ้ยเฟย แล้วเฟยห้าวเทียนเข้ามาเห็น เขาจึงตบหน้าของเธอพร้อมสั่งองครักษ์โบยเธอ10ไม้ ถึงจะสั่งโบยไม่มากนักแต่องครักษ์ที่โบยมีวรยุทธสูงส่ง ครั้นโบยอย่างไม่เต็มแรงก็ทำเอานางสลบไปหลายวัน หลังจากฟื้นหมอห
นางรู้ดีว่าหากนางโกหกว่าหลี่ฟางซินตบตีนางจริง ไทเฮาและเฟยห้าวหลานย่อมเข้าข้างนาง และจะจัดการหลี่ฟางซินให้นางเป็นแน่ ถ้าหากความผิดนี้จบลงที่หลี่ฟางซินเพียงผู้เดียวนางก็อยากให้เพื่อนทรยศผู้นี้โดยลงทัณฑ์สักครา หลี่ฟางซินจะได้รับรู้ว่าการถูกใส่ร้ายจนได้รับโทษในสิ่งที่ตนไม่ได้กระทำนั้นรู้สึกเยี่ยงไร เหมือนที่นางโดนฮ่องเต้เกลียดทั้งที่นางไม่ได้ทำอันใดผิดเลยแต่นางรู้ดีว่าโทษที่ตบตีภรรยาเอกนั้นหนักหนาเพียงใดยิ่งในราชวงศ์แล้วโทษนี้หนี้ไม่พ้นความตาย ยิ่งนางเป็นถึงฮองเฮาแม่แห่งแผ่นดินโทษทัณฑ์นี้แม้แต่คนในครอบครัวก็หนี้ความตายไม่พ้น ถึงอย่างไรคนในตระกูลหลี่ก็ดีกับนางไม่น้อย นางเองก็ไม่ควรเอาความแค้นนี้ไปลงกับพวกเขาเหล่านั้นหากนับในฐานะสตรีที่รักบุรุษผู้หนึ่งย่อมไม่อยากให้เขาลำบาก และในฐานะฮองเฮาก็ไม่ควรสร้างเรื่องจนเดือดร้อนไปถึงท้องพระโรง ถึงครั้งนี้จะเป็นการล้างแค้นได้ดี แต่ผลกระทบเป็นวงกว้าง ถือเสียว่าตบทั้งสองครั้งที่ได้รับในวันนี้ซื้อความโง่งมและเอาไว้เตือนสติตนเองแล้วกัน“ได้ ในเมื่อท่านอ๋องอยากรู้ข้าก็จะบอก ใช่ข้าตบหน้าตัวเอง ท่านอ๋องพอพระทัยหรือไม่ ถ้าพอพระทัยแล้วพี่สะใภ้ขอตัวกลับตำหนัก
เหล่านางกำนัลที่อยู่ด้านนอกพยายามห้ามเฟยห้าวซุนแล้วแต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะทุกคนต่างรู้ว่าหากเฟยห้าวซุนได้ร้องไห้แล้วจะไม่หยุดง่ายๆ พวกเขาจึงไม่กล้าขัดใจมากนัก เฟยห้าวซุนเมื่อเห็นบิดาเปิดประตูให้ก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที เยว่ลี่อิงเห็นบุตรชายวิ่งมาด้วยน้ำตาก็รีบเข้าโอบกอดบุตรชายไว้แน่น แต่นางกลับต้องแปลกใจเพราะครั้งนี้บุตรชายของนางกลับไม่ร้องไห้โวยวายนานเท่ากับครั้งที่ผ่านๆมาเฟยห้าวซุนลูบท้องมารดาเบาๆอยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งทำหน้าทำตาราวกับมีความสงสัยอยากถามแต่ไม่ยอมเอ่ย นางจึงเป็นคนเอ่ยถามบุตรชายก่อน“เจ้าลูบท้องแม่เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ”“ท่านอาฟางซินให้ลูกลูบท้องตอนน้องดิ้น ลูกเลยมาลองลูบท้องเสด็จแม่บ้าง เพื่อน้องจะดิ้น”เยว่ลี่อิงอดเอ็นดูในความใสซื่อของบุตรชายไม่ได้ จึงส่งยิ้มหวานให้เขา“ในท้องของแม่ไม่มีน้องอยู่ แล้วน้องจะดิ้นได้อย่างไร” นางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่บุตรชายกลับร้องไห้เสียงดังขึ้นมา ทำเอานางถึงกับตกใจเฟยห้าวเทียนรีบเข้ามาหาบุตรชายของตนเมื่อได้ยินคำสนทนาของแม่ลูก เขาใช้มือลูบหัวลูกชายเบาๆ แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดร้อง“เจ้าอยากมีน้องอย่างนั้นหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ค
4 ปีต่อมาเขานั่งมองบุตรชายที่วิ่งเล่นไปมากับเฟยห้าวเทียนก่อนที่จะหันมาหาภรรยาเพื่อจะชวนนางให้ออกไปจากอุทยานด้วยกันสองคน เพราะตั้งแต่เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยลืมตาดูโลกเขากับนางก็แทบจะไม่ได้ร่วมหอกันเลยช่วงแรกๆเป็นเพราะนางอยากให้นมบุตรด้วยตนเองจึงเอาลูกเข้านอนด้วย ช่วงนั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งกับการจัดการตระกูลฉินจึงไม่มีเวลามาคอยดูแลนางมากนัก เมื่อกลับมาเห็นนางอ่อนเพลียเขาจึงไม่กล้ารบกวนนาง ต่อมาเมื่อลูกชายโตขึ้นก็เริ่มติดแม่จนไม่ยอมออกห่างแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพอมีเวลาที่บุตรชายหลับในการออดอ้อนนางบ้าง แต่ปีกว่าๆมานี้ลูกชายของเขาไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้นางเลย แม้แต่เขาจะโดนเนื้อต้องตัวนางก็ยังยากต้องรอให้บุตรชายของเขาไม่เห็นเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ไม่ว่าเขาจะปะเหลาะบุตรชายอย่างไร เขาก็ไม่สามารถแตะต้องตัวภรรยาของเขาได้เสียที หากบุตรของเขาเห็นว่าเขาโดนเนื้อตัวมารดาก็มักจะร้องไห้ไม่หยุดไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ต้องหาวิธีปลอบใจอยู่นานถึงจะยอมเงียบได้“เสด็จแม่ ท่านจะไปไหน” เสียงเด็กน้อยดังขึ้น เมื่อเห็นเยว่ลี่อิงกำลังจะลุกจากตั่งนั่งเฟยห้าวเทียนได้แต่ถอนหายใจยาว เมื่อได้ยินเสียงบุตรชายเอ่ยเรียกภรรย
เฟยห้าวเทียนได้ยินคำพูดของนางก็แทบจะอดกลั้นอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ไหว เขาพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อระงับความตื่นตัวของแก่นกายที่ตอนนี้ไม่รับฟังคำสั่งของเขาเสียเลยแต่เขากลับต้องสะดุ้งจนขนตามตัวลุกชันเมื่อมีมือน้อยๆสัมผัสโดนสิ่งที่พองโตอยู่ด้านล่าง เขารีบคว้ามือน้อยนั้นไว้ทันทีเพราะหากลูบคลำไปมากกว่านี้เขาเองคงต้านความปรารถนาไว้ไม่ไหว“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า แต่เพราะข้ากลัวจะทำรุนแรงเกินไปจนเป็นอันตรายต่อเจ้าและลูกได้”เยว่ลี่อิงกลับไม่สนใจฟังคำที่เขาเอ่ย เพราะนางรู้ดีว่าที่ผ่านมาเขาอดกลั้นมาตลอดเวลาที่นอนอยู่เคียงข้างนาง และวันนี้นางก็ได้ศึกษาและได้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์บวกกับนางได้ตรวจร่างกายมาเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่ได้คิดเป็นกังวลเรื่องอันใดอีก“พระองค์รู้หรือไม่เพคะ ว่าสตรีที่ตั้งครรภ์ในบางช่วงจะมีความต้องการในเรื่องแบบนี้สูง และหากไม่ได้ปลดปล่อยจะทำให้หงุดหงิดซึ่งไม่เป็นผลดีนัก”เฟยห้าวเทียนถึงกับอึ้งนิ่งไป และปล่อยมือออกจากมือของนางเมื่อได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ย“เจ้าแน่ใจแน่แล้วใช่หรือไม่”“เพคะ หม่อมฉันแน่ใจ พระองค์เพียงปล่อยให้หม่อมฉันเป็นคนจัดการเองก็พอ”“เช่นนั้
“พวกท่านนี้ก็แปลกเสียจริง หากพระชายาของเราไม่ตั้งครรภ์พวกท่านก็จะให้เราแต่งชายารอง ตอนนี้นางตั้งครรภ์พวกท่านก็ยังจะให้เราแต่งชายารองอีก ตกลงพวกท่านต้องการอย่างไรกันแน่ หรือเพราะพวกท่านเพียงอยากส่งบุตรสาวของพวกท่านมาแต่งกับข้าจึงได้หาข้ออ้างให้ข้าแต่งชายารองใช่หรือไม่”ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปชั่วหนึ่งจนอัครเสนาบดีฉินกระแอมดังขึ้นมา ขุนนางชราที่ยืนอยู่ข้างอัครเสนาบดีฉินก็รีบเอ่ยขึ้น“ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมหาได้คิดดังเช่นองค์รัชทายาทตรัสไม่ เพียงแต่ข่าวลือหนาหูยิ่งนักว่าองค์รัชทายาททรงยอมปิดหน้าปิดตาสวมใส่หน้ากากเพื่อจะได้อยู่ใกล้กับพระชายา พวกกระหม่อมเลยคิดจะหาคนมาปรนนิบัติองค์รัชทายาท เพื่อไม่ให้องค์รัชทายาททรงต้องลำบากเพื่อไปหาพระชายาให้คอยปรนนิบัติ”“ขอบคุณเหล่าขุนนางทุกท่านที่เป็นห่วงเราจากใจ แต่เราไม่ได้มีความลำบากอย่างที่พวกท่านคิด เราไม่รู้ว่าภรรยาของพวกท่านไร้ความสามารถที่จะคอยดูแลปรนนิบัติพวกท่าน หรือเป็นที่พวกท่านมักมากกันแน่ แต่เพราะพระชายาเราดูแลเราดีมากพอ และเราก็หาใช่บุรุษที่มักมากแค่เพียงภรรยาตั้งครรภ์ก็ต้องหาสตรีอื่นมาปรนนิบัติ เช่นนั้นเราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีชายาเพิ่มเช่น
ตำหนักบูรพาเมื่อกลับมาถึงตำหนักเฟยห้าวเทียนก็ให้หมอหลวงตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิง เพราะระหว่างทางกลับมานางมีอาการแพ้ท้องมาตลอดทาง ไม่รู้ว่าเหตุใดยิ่งเขาเข้าใกล้นาง นางก็ยิ่งอาการหนักขึ้นจนนางต้องไล่เขาออกไปไกลๆ แต่พอให้คนอื่นมาพยุงนางกลับไม่เป็นอันใดเสียอย่างนั้น ทำให้เขารู้สึกลังเลใจเป็นอย่างมาก ว่าที่นางเป็นอยู่นี้นางเป็นจริงหรืออยากกลั่นแกล้งเอาคืนที่เขาเคยเฉยเมยต่อนาง“กราบทูลองค์รัชทายาทพระชายามีพระวรกายแข็งแรงดีไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ส่วนอาการคลื่นไส้ อาเจียนก็เป็นเรื่องธรรมดาของสตรีมีครรภ์เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นทำไมถึงมีอาการแพ้เพียงตอนเราเข้าใกล้ แต่ทีกับคนอื่นกลับไม่เป็นอันใด” เฟยห้าวเทียนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลและสงสัยหมอหลวงอึ้งไปพักหนึ่งเพราะเขารู้ดีว่าองค์รัชทายาทย่อมรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถเขาใกล้พระชายาของตนได้ แต่ยังโชคดีที่เขาเคยเห็นสตรีที่มีอาการแพ้ท้องสามีของตนเองมาก่อนจึงพอรู้วิธีแก้อยู่บ้าง แต่จะให้บอกสาเหตุเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้“กระหม่อมไม่ทราบสาเหตุพ่ะย่ะค่ะ เพราะสตรีที่ตั้งครรภ์แต่ละคนจะแพ้ท้องไม่เหมือนกัน แต่กระหม่อมเคยพบเจอคนแพ้ท้องที่มีอาการแ
เมื่อได้ยินข้อแม้ของบิดาเฟยห้าวหลานหันมามองพี่ชายของตนด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด“รอให้เสด็จพี่มีบุตร ลูกว่าเสด็จพ่อให้ลูกแต่งเข้าสกุลกงแล้วให้ลูกมีหลานให้เสด็จพ่อยังจะเร็วเสียกว่า ลูกจะไปถามหรงเอ๋อร์ว่าลูกคนแรกของเรายกให้ตระกูลเฟยได้หรือไม่”เฟยห้าวเทียนถึงกับตบโต๊ะเสียงดัง และชี้นิ้วไปยังน้องชายของเขา เฟยห้าวเทียนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกบิดาเล่นงานด้วยเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่น่าโมโหเท่ากับคำพูดของน้องชาย“เจ้าช่างกล้าดูถูกข้ายิ่งนัก”สองสามีภรรยาที่นั่งดูบุตรชายทั้งสองอยู่กลับหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะเขารู้ดีว่าที่บุตรชายคนเล็กเอ่ยนั้นไม่ได้คิดจะดูถูกพี่ชายเพียงแต่จะกระตุ้นพี่ชายให้มีบุตรไวๆเท่านั้นเยว่ลี่อิงเห็นสามีกำลังโกรธน้องชายก็เอื้อมมือมาจับมือเขาและลูบหลังมือของเขาเบาๆเพื่อให้เขาใจเย็นลง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เขา เฟยห้าวเทียนเมื่อหันมามองหน้าภรรยาก็ยิ่งนึกโกรธเพราะหลายวันมานี้นางไม่ยินยอมให้เขาค้างที่เรือนนอนด้วยยังไม่พอ ยังคอยหลบหน้าหลบตาเขาอีกด้วย แถมวันนี้น้องชายยังมาดูถูกเขาอีก และที่สำคัญตอนนี้นางทำเหมือนราวกับจะอาเจียนเมื่อมองหน้าเขา เขาจึงทำหน้าไม่พอใจใส่น
เฟยห้าวหลานได้ยินเสียงบิดาตวาดขึ้นมาก็นึกได้ว่าตนเผลอตัวไปเสียแล้ว จึงรีบเอ่ยขอโทษบิดาก่อนที่จะหาข้ออ้างแก้ตัวให้กับตนเอง“เสด็จพ่อลูกขอโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงแค่ได้ยินเรื่องน้องสาวของพี่สะใภ้แล้วรู้สึกเป็นห่วงนางจึงอุทานดังไปหน่อยเท่านั้น ไม่ได้เจตนาจะทำให้เสด็จพ่อต้องตกใจ”“เจ้าเป็นห่วงอันใดอย่างนั้นหรือ น้องชายของข้า” เฟยห้าวเทียนรีบเอ่ยถามเพื่อเย้าแหย่ผู้เป็นน้อง แต่น้องชายกับกล่าวอย่างจริงจังกลับมา“เสด็จพี่ลองคิดดูสิพ่ะย่ะค่ะว่าตระกูลชนชั้นสูงหรือเหล่าขุนนางใดที่จะยอมให้บุตรชายของตนไปแต่งเข้าบ้านสตรี หากจะมีก็น้อยยิ่งนัก ส่วนมากก็จะเป็นเพียงตระกูลของชาวบ้านธรรมดา และอีกอย่างข้ากลัวน้องสาวของพี่สะใภ้จะถูกผู้ชายไม่ดีคิดหวังในทรัพย์สมบัติมาหลอกลวง”“นั้นสินะ ก็จริงอย่างเจ้าว่า เสด็จพ่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะถ้าเป็นพระองค์จะยินยอมให้หลานเอ๋อร์แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฟยห้าวเทียนเอ่ยเห็นดีเห็นงามกับน้องชายก่อนที่จะหันไปถามบิดามารดาเพื่อหยั่งเชิงแทนน้องชายเฟยห้าวเทียนเหลือบสายตาดูน้องชายหลังจากที่เขาถามบิดามารดาเสร็จ ก็เห็นว่าน้องชายของเขาใจจดใจจ่ออยู่กับการรอฟังคำตอบเป็นอย
ตำหนักบูรพาตั้งแต่ที่เฟยห้าวเทียนได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเขาก็เริ่มจัดการทุกอย่างที่เขาได้เห็นในฝัน เพื่อเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมและไม่อยากให้เหตุการณ์ที่ไม่ดีอย่างเช่นในฝันนั้นเกิดขึ้นเฟยห้าวเทียนขอฮ่องเต้เป็นผู้คุมสอบขุนนางและขอเป็นผู้ออกข้อสอบด้วยตนเอง ทำให้ขุนนางทั้งหลายไม่สามารถใช้เส้นสายในการโกงข้อสอบได้ และไม่สามารถฝากลูกหลานตนเองเข้ามาเป็นขุนนางได้ ทำให้ถังป๋อเหวินสามารถสอบขุนนางติดและกล้าไปเอ่ยขอเหอฟางหรงกับเสนาบดีกรมคลังเหอ ถึงตอนนี้เสนาบดีกรมคลังเหอจะยังไม่ยินยอม แต่เขาก็รับรู้แล้วว่าบุตรสาวมีคนที่อยู่ในใจแล้วส่วนตัวเฟยห้าวเทียนกับหลี่ฟางซินถึงจะพบหน้ากันยามที่นางมาหาเยว่ลี่อิงแต่เขาก็ไม่ได้คิดอันใดต่อนางอีกแล้ว ส่วนนางเองก็ดูเหมือนจะเสียใจอยู่พักหนึ่งจากที่เยว่ลี่อิงเล่าให้เขาฟัง เพราะในที่สุดหลี่ฟางซินก็บอกความจริงแก่เยว่ลี่อิงทุกเรื่อง แต่เยว่ลี่อิงก็ให้อภัยหลี่ฟางซินถึงตอนแรกจะโกรธแต่พอได้ต่อว่าไปบวกกับหลี่ฟางซินคอยแวะมาง้ออยู่สองสามครั้ง ทั้งสองก็กลับมาสนิทกันเหมือนเดิมราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้นส่วนตัวเขาเองก็ชดเชยที่หมางเมินต่อเยว่ลี่อิงมาตลอด ด้วยการดูแลเ
หลังจากเสร็จพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาท เฟยห้าวเทียนก็รีบไปหาหลี่ฟางซินตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้“ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ” หลี่ฟางซินเอ่ยพร้อมทำความเคารพเฟยห้าวเทียนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยท่าทางและน้ำเสียงหยอกล้อแต่เฟยห้าวเทียนกับนิ่งเงียบไม่ตอบโต้นางเหมือนเช่นที่ผ่านๆ มา เพราะปกติแล้วเขาจะต้องหัวเราะและเอ่ยตอบนาง เมื่อเห็นท่าทางที่นางเย้าแหย่เขา แต่บัดนี้หน้าตาเขาเรียบเฉยราวมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น“เกิดอันใดขึ้นหรือเพคะ ทำไมวันนี้พระองค์ดูเคร่งเครียดเหลือเกิน หรือพระชายาทำอะไรให้ไม่พอพระทัยมาอย่างนั้นหรือเพคะ”เฟยห้าวเทียนถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ เพราะหลังจากที่เขารับตำแหน่งองค์รัชทายาทเสร็จเขาก็ลองตรวจสอบว่าสิ่งที่เขาฝันนั้นส่วนมากเป็นเรื่องจริงมากน้อยเพียงใดโดยเริ่มถามเสด็จพ่อเป็นคนแรกเรื่องเกี่ยวกับองครักษ์เงาที่ส่งมาคอยดูแลเขาว่าเป็นของคนที่ตระกูลเยว่ฝึกมาหรือไม่ และยังแอบกระซิบถามแม่ทัพเยว่เรื่องการใช้ความดีความชอบมาขออภิเษกระหว่างเขากับเยว่ลี่อิงอีกด้วยในเมื่อทั้งหมดมันตรงกับความฝันที่เขาได้ฝันถึง เขาจึงคิดจะยุติทุกอย่างเพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายมันเกิดขึ้นตามที