“ฝ่าบาททรงทำเยี่ยงนี้กับเย่วฮองเฮาได้อย่างไร” ไทเฮาหันมาตรัสกับบุตรชาย“กระหม่อมทนนางไม่ไหวแล้วเสด็จแม่ ที่ผ่านมากระหม่อมยอมปิดตาข้างหนึ่งมาตลอด แต่บัดนี้กระหม่อมจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว”“ที่ฝ่าบาททนไม่ได้เพราะหลี่กุ้ยเฟยใช่หรือไม่”“เสด็จแม่ก็รู้ว่าลูกมีใจต่อหลี่กุ้ยเฟยมาก่อน หากไม่ใช่คำสั่งของเสด็จพ่อ ลูกไม่มีวันแต่งงานกับสตรีผู้นี้เด็ดขาด ทั้งที่เย่วฮองเฮากับหลี่กุ้ยเฟยเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งที่นางรู้ว่ากระหม่อมคือคนรักของเพื่อนสนิทของนาง แต่สตรีนางนี้ยังขอให้พ่อของนางใช้ความดีความชอบมาแลกกับการแต่งงานกับกระหม่อม สตรีเช่นนี้ลูกรังเกียจเป็นที่สุด”คำพูดของเฟยห้าวเทียนราวเข็มปักอกที่ทำให้เย่วลี่อิงเจ็บปวด นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าเหตุใดชายผู้นี้ถึงไม่ชอบนาง วันนี้นางได้รู้สาเหตุแล้ว และทำให้เย่วลี่อิงรู้สึกเกลียดชังหลี่ฟางซินมากขึ้น เพราะหลี่ฟางซินนางเพื่อนทรยศคนเดียวทำให้ชายที่นางรักหมดใจรังเกียจนางได้ถึงเพียงนี้ครั้นจะให้นางเล่าความจริงให้เขาฟัง ชายที่รังเกียจเกลียดนางถึงเพียงนี้ก็คงไม่มีวันเชื่อ คงคิดเพียงว่านางใส่ร้ายป้ายสีหญิงที่ตนรักก็เท่านั้นไทเฮาหันมองหญิงสาวที่ใบหน้ามักยิ้มแย้มให้เธ
"ไทเฮาเพคะ หมอหลวงมาถึงแล้วเพคะ" นางกำนัลของไทเฮารีบเข้ามารายงาน“ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันขอกลับไปให้หมอหลวงตรวจที่ตำหนักนะเพคะ”“ได้สิ เราจะไปกับเจ้าด้วย” หญิงชราเอ่ยพร้อมยิ้มเฟยห้าวเทียนเห็นท่าทีมารดาของตนหมายจะเสด็จไปพร้อมเย่วลี่อิงจึงรีบเอ่ยถามขึ้น ถึงอย่างไรหากมารดาจะลงโทษหลี่ฟางซิน เขาก็ยังอยู่เพื่อขอลดโทษให้ได้ แต่หากมารดาทรงไตร่สวนภายหลัง และออกเป็นราชโองการเขาจะช่วยเหลือหลี่ฟางซินก็คงยากแล้ว“เสด็จแม่ แล้วพระองค์จะลงโทษหลี่กุ้ยเฟยอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”เย่วลี่อิงหันมองบุรุษที่ตนทุ่มเทใจรักและทำทุกอย่างเพื่อเขา แม้ยามนี้เขายังไม่รู้แน่ชัดว่าใครตบใครแต่เขาก็ไม่ได้สนใจและตัดสินใจไปแล้วว่าอย่างไรสตรีที่แสนดีของเขาย่อมไม่มีทางทำร้ายผู้อื่นเป็นแน่ นอกจากจะไม่คิดสอบถามถึงที่มาที่ไปของเรื่องราว เขากลับสนใจเพียงสตรีหนึ่งเดียวในใจที่ตนรักจะโดนลงทัณฑ์เช่นไรเท่านั้นเมื่อคืนเย่วลี่อิงฝันว่าตนตบหน้าของหลี่กุ้ยเฟย แล้วเฟยห้าวเทียนเข้ามาเห็น เขาจึงตบหน้าของเธอพร้อมสั่งองครักษ์โบยเธอ10ไม้ ถึงจะสั่งโบยไม่มากนักแต่องครักษ์ที่โบยมีวรยุทธสูงส่ง ครั้นโบยอย่างไม่เต็มแรงก็ทำเอานางสลบไปหลายวัน หลังจากฟื้นหมอห
นางรู้ดีว่าหากนางโกหกว่าหลี่ฟางซินตบตีนางจริง ไทเฮาและเฟยห้าวหลานย่อมเข้าข้างนาง และจะจัดการหลี่ฟางซินให้นางเป็นแน่ ถ้าหากความผิดนี้จบลงที่หลี่ฟางซินเพียงผู้เดียวนางก็อยากให้เพื่อนทรยศผู้นี้โดยลงทัณฑ์สักครา หลี่ฟางซินจะได้รับรู้ว่าการถูกใส่ร้ายจนได้รับโทษในสิ่งที่ตนไม่ได้กระทำนั้นรู้สึกเยี่ยงไร เหมือนที่นางโดนฮ่องเต้เกลียดทั้งที่นางไม่ได้ทำอันใดผิดเลยแต่นางรู้ดีว่าโทษที่ตบตีภรรยาเอกนั้นหนักหนาเพียงใดยิ่งในราชวงศ์แล้วโทษนี้หนี้ไม่พ้นความตาย ยิ่งนางเป็นถึงฮองเฮาแม่แห่งแผ่นดินโทษทัณฑ์นี้แม้แต่คนในครอบครัวก็หนี้ความตายไม่พ้น ถึงอย่างไรคนในตระกูลหลี่ก็ดีกับนางไม่น้อย นางเองก็ไม่ควรเอาความแค้นนี้ไปลงกับพวกเขาเหล่านั้นหากนับในฐานะสตรีที่รักบุรุษผู้หนึ่งย่อมไม่อยากให้เขาลำบาก และในฐานะฮองเฮาก็ไม่ควรสร้างเรื่องจนเดือดร้อนไปถึงท้องพระโรง ถึงครั้งนี้จะเป็นการล้างแค้นได้ดี แต่ผลกระทบเป็นวงกว้าง ถือเสียว่าตบทั้งสองครั้งที่ได้รับในวันนี้ซื้อความโง่งมและเอาไว้เตือนสติตนเองแล้วกัน“ได้ ในเมื่อท่านอ๋องอยากรู้ข้าก็จะบอก ใช่ข้าตบหน้าตัวเอง ท่านอ๋องพอพระทัยหรือไม่ ถ้าพอพระทัยแล้วพี่สะใภ้ขอตัวกลับตำหนัก
เมื่อหลี่ฟางซินเห็นว่าเยว่ลี่อิงเดินจากไป ก็รู้สึกเบิกบานที่ตนนั้นกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องถูกลงโทษ แถมเยว่ลี่อิงยังถูกลงโทษอีกด้วย ครั้งนี้ถือว่านางคุ้มค่ามากทีเดียว ‘ต่อไปเพียงข้าปล่อยข่าวว่าเยว่ลี่อิงตบหน้าตนเองเพื่อใส่ร้ายป้ายสีข้า แต่กลับโดนเฟยห้าวเทียนตบหลังจากนี้วังหลังก็จะไม่มีใครกล้าข่มเหงข้า’หลี่ฟางซินมั่วแต่ดีใจจนลืมเก็บอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกถึงความดีใจและแววตาที่แฝงไปด้วยเล่ห์อุบายอย่างเห็นได้ชัด จนไม่ทันสังเกตว่าเฟยห้าวหลานกำลังยืนมองอยู่ เมื่อเงยหน้าสายตาที่ปะทะกับเฟยห้าวหลานก็ทำเอาหลี่ฟางซินใบหน้าซีดเผือดเฟยห้าวเทียนเห็นเฟยห้าวหลานมองหลี่ฟางซินก็นึกขึ้นมาได้ จึงย่อตัวลงจับไหล่ของสตรีให้ลุกขึ้น“ต้องขอบคุณห้าวหลานมากที่ช่วยล้างมลทินให้กับสนมหลี่กุ้ยเฟย ไม่อย่างนั้นทั้งข้าและหลี่กุ้ยเฟยคงตกที่นั่งลำบากแล้ว”“หม่อมฉันขอบพระทัยเพคะ” เยว่ลี่อิงยิ้มอ่อนหวานน้ำเสียงสดใส พร้อมย่อกายให้เฟยห้าวหลาน“เสด็จพี่ พระสนมหลี่กุ้ยเฟยอย่าได้ขอบคุณข้าเลย ข้าเพียงทำไปเพื่อเสด็จแม่เท่านั้น ไม่ใช่เพียงเยว่ฮองเฮาที่ทำผิด พระสนมหลี่กุ้ยเฟยท่านเองก็ทำผิดเช่นกัน”หลี่ฟางซินใบหน้าซีดจางนัยน์
“วันนี้ทั้งเสด็จแม่และเสด็จพี่ต่างเหนื่อยกันมามากแล้ว วันหน้าค่อยลงโทษก็ไม่ถือว่าช้าไป เสด็จแม่ว่าดีหรือไม่”“จริงของเจ้า วันนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว ข้าจะกลับไปคิดให้ดีว่าสมควรลงโทษเสด็จพี่ของเจ้าเช่นไร อย่างไรเสียเสด็จพี่ของเจ้าก็เป็นถึงฮ่องเต้ หากไทเฮาอย่างข้าสั่งตีหรือโบยก็เห็นว่าจะไม่ควร”“เสด็จแม่ตรัสถูกทุกอย่าง ไม่ว่าเสด็จแม่จะลงโทษลูกเช่นไร ลูกย่อมน้อมรับอย่างเต็มใจ”“ฝ่าบาท...พระองค์ทรงจำคำของพระองค์ไว้ให้ดี ฮ่องเต้ตรัสแล้ว ย่อมไม่คืนคำ อย่าคิดแต่จะทำให้มารดาแก่ๆ คนนี้หายโกรธแล้วรับปากออกมาง่ายๆ”“กระหม่อมจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร กระหม่อมมิกล้าโป้ปดเสด็จแม่”เฟยห้าวหลานมองดูพี่ชายตนที่ยอมให้มารดาลงโทษตัวเองเพื่อไม่ให้มารดาโกรธ แล้วหันมาเพิ่มโทษสนมหลี่กุ้ยเฟยแทน แต่หารู้ไม่ว่ากำลังตกหลุมพรางของมารดาแล้ว เสด็จแม่มีหรือจะยอมลงโทษสนมหลี่กุ้ยเฟยเท่านี้เพียงเพราะเสด็จพี่ยอมรับผิด หากไม่มีแผนการอื่นเฟยห้าวหลานรู้ดีว่าคนที่บุพการีของตนไม่คิดจะลงโทษแม้แต่น้อยก็คงจะมีเพียงเยว่ฮองเฮาเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่ว่ามารดาจะไม่รักพี่ชายของตนแต่เพราะรักมากจึงอยากให้พี่ชายมีสตรีที่รักบุตรชายของตนด้วยใจจ
ตำหนักคุนหนิงตลอดทางที่กลับมายังตำหนักเยว่ลี่อิงไม่ได้เอ่ยอันใด แต่มีบางเสี้ยวที่หันไปมองสตรีข้างกาย นางรับรู้ได้ว่าอี้หงคงคับแค้นใจมากเพราะตลอดทางที่มาแววตาของนางกำนัลคนสนิทเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแต่กลับไร้เสียงสะอื้น และโชคดีที่หวังกงกงขันทีของไทเฮามาช่วยจัดการผู้คนที่อยู่ระหว่างทางให้ ทำให้ตลอดทางที่กลับมาไม่มีใครได้เห็นสภาพน่าเวทนาของเยว่ฮองเฮาเมื่อมาถึงตำหนักหมอหลวงก็ตรวจดูอาการบาดเจ็บของเยว่ฮองเฮาอย่างละเอียดก่อนจะจัดยากินและยาทาให้เยว่ฮองเฮา แต่อี้หงกลับสังเกตว่าระหว่างตรวจหมอหลวงจางมีสีหน้าฉายแววตื่นตระหนก คล้ายมีอะไรแต่ก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใดออกมา“ท่านหมอหลวงจาง ไม่ทราบว่าพระวรกายของฮองเฮามีอันใดผิดปกติหรือไม่” อี้หงคร้านจะเก็บความสงสัยจึงเอ่ยถามออกมาตรงๆ“ไม่มีอันใดผิดปกติ นั้นชาอะไรอย่างนั้นหรือ ทำไมกลิ่นแปลกๆ” หมอหลวงจางกล่าวปฏิเสธก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา“นี้คือน้ำชารางจืดผสมน้ำผึ้งมะนาวเจ้าค่ะ” อี้หงเอ่ยตอบหมอหลวง“รางจืดอย่างนั้นหรือ” หวังกงกงที่ยืนอยู่หลังที่บังลมเอ่ยถามหวังกงกงไม่ได้เพียงมาส่งเยว่ฮองเฮาแต่หน้าที่ของเขาคือต้องอยู่รอให้หมอหลวงตรวจพระวรกายของเยว่ฮอ
“หลานเอ๋อร์ แม่รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงนาง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าควรระวังกิริยาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น วังหลังแห่งนี้ล้วนอันตรายการกระทำบางอย่างต่อให้เจ้าไม่คิด แต่คนอื่นอาจคิด เจ้าเข้าใจหรือไม่”“ลูกจะจำคำสอนของเสด็จแม่ไว้ ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ตักเตือน”เฟยห้าวหลานที่ยังรั้งรออยู่ในตำหนักเล่อโซ่วถางไม่ยอมกลับเพราะรอหวังกงกงมารายงานการตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิงแต่เมื่อได้ยินว่าเยว่ลี่อิงอาจโดนวางยาก็รู้สึกตกใจปนความโมโหที่มีคนบังอาจทำร้ายพี่สะใภ้ของเขาจนเผลอแสดงการกระทำที่ไม่ควรออกมา แต่ยังดีที่มารดาไล่นางกำนัลออกไปเมื่อหวังกงกงบอกมีเรื่องสำคัญต้องทูล จึงมีเพียงหวังกงกงผู้เดียวที่เห็นเหตุการณ์เมื่อหมอหลวงจางเดินเข้ามาก็รายงานการตรวจร่างกายภายนอกของเยว่ฮองเฮาตามความจริง เว้นไว้แต่ผลตรวจจากภายในร่างกายที่เขายังไม่กล้าเอ่ยเพราะเขายังไม่แน่ใจว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว หากเขารีบรายงานโดยไม่ยั้งคิด คนที่อยู่เบื้องหลังย่อมไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่“หมอหลวงจาง นอกจากอาการบาดเจ็บในวันนี้ร่างกายของฮองเฮาแข็งแรงดีหรือไม่” ไทเฮาเอ่ยถามเสียงราบเร
“ท่านหมอหลวงจาง ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าใครเป็นคนวางยา” เฟยห้าวหลานใช้น้ำเสียงและสายตาคาดคั้นเอาคำตอบจากหมอหลวงจาง“เรียนท่านอ๋องตามตรง กระหม่อมไม่แน่ใจว่าใครคือผู้บงการ แต่ผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ กระหม่อมแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“อย่างนั้นเจ้าบอกมามันเป็นใคร”เฟยห้าวหลานจับจ้องหมอหลวงจางเพื่อรอคำตอบ“หมอหลวงหลิวพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงชรารีบเอ่ยตอบอย่างไม่รอรีคำตอบนี้ทุกคนไม่ได้ติดใจ และไม่ต้องการเห็นผลมาสนับสนุนเพราะหมอหลวงหลิวเป็นหมอประจำตัวเยว่ฮองเฮาที่ห้าวเทียนฮ่องเต้ทรงเป็นผู้เลือกให้เยว่ฮองเฮาด้วยตนเอง ในเมื่อหมอหลวงจางตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิงเพียงครั้งเดียว ก็ยังสามารถตรวจเจอความผิดปกติในครั้งนี้ได้ มีหรือหมอหลวงหลิวที่ตรวจร่างกายของนางมาตลอดจะไม่พบเจอ ยกเว้นแต่เขาเป็นผู้กระทำหรือไม่ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด“ที่เจ้าว่าไม่แน่ใจ...เช่นนั้นเจ้าย่อมมีคนที่คาดว่าจะเป็นผู้บงการอยู่แล้วใช่หรือไม่” ไทเฮาเอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบ“คนที่กระหม่อมสงสัยอยู่ในใจมีอยู่สองคนพ่ะย่ะค่ะ คนแรกคือสนมฉินหวงกุ้ยเฟย ส่วนอีกคน....อืม...เอ่อ..คือ” หมอหลวงจางอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าเอ่ย“เจ้าตอบมาตามที่เจ้าคิดก็พอ ไม่ว่าผู้นั้นเป็นใคร
เหล่านางกำนัลที่อยู่ด้านนอกพยายามห้ามเฟยห้าวซุนแล้วแต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะทุกคนต่างรู้ว่าหากเฟยห้าวซุนได้ร้องไห้แล้วจะไม่หยุดง่ายๆ พวกเขาจึงไม่กล้าขัดใจมากนัก เฟยห้าวซุนเมื่อเห็นบิดาเปิดประตูให้ก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที เยว่ลี่อิงเห็นบุตรชายวิ่งมาด้วยน้ำตาก็รีบเข้าโอบกอดบุตรชายไว้แน่น แต่นางกลับต้องแปลกใจเพราะครั้งนี้บุตรชายของนางกลับไม่ร้องไห้โวยวายนานเท่ากับครั้งที่ผ่านๆมาเฟยห้าวซุนลูบท้องมารดาเบาๆอยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งทำหน้าทำตาราวกับมีความสงสัยอยากถามแต่ไม่ยอมเอ่ย นางจึงเป็นคนเอ่ยถามบุตรชายก่อน“เจ้าลูบท้องแม่เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ”“ท่านอาฟางซินให้ลูกลูบท้องตอนน้องดิ้น ลูกเลยมาลองลูบท้องเสด็จแม่บ้าง เพื่อน้องจะดิ้น”เยว่ลี่อิงอดเอ็นดูในความใสซื่อของบุตรชายไม่ได้ จึงส่งยิ้มหวานให้เขา“ในท้องของแม่ไม่มีน้องอยู่ แล้วน้องจะดิ้นได้อย่างไร” นางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่บุตรชายกลับร้องไห้เสียงดังขึ้นมา ทำเอานางถึงกับตกใจเฟยห้าวเทียนรีบเข้ามาหาบุตรชายของตนเมื่อได้ยินคำสนทนาของแม่ลูก เขาใช้มือลูบหัวลูกชายเบาๆ แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดร้อง“เจ้าอยากมีน้องอย่างนั้นหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ค
4 ปีต่อมาเขานั่งมองบุตรชายที่วิ่งเล่นไปมากับเฟยห้าวเทียนก่อนที่จะหันมาหาภรรยาเพื่อจะชวนนางให้ออกไปจากอุทยานด้วยกันสองคน เพราะตั้งแต่เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยลืมตาดูโลกเขากับนางก็แทบจะไม่ได้ร่วมหอกันเลยช่วงแรกๆเป็นเพราะนางอยากให้นมบุตรด้วยตนเองจึงเอาลูกเข้านอนด้วย ช่วงนั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งกับการจัดการตระกูลฉินจึงไม่มีเวลามาคอยดูแลนางมากนัก เมื่อกลับมาเห็นนางอ่อนเพลียเขาจึงไม่กล้ารบกวนนาง ต่อมาเมื่อลูกชายโตขึ้นก็เริ่มติดแม่จนไม่ยอมออกห่างแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพอมีเวลาที่บุตรชายหลับในการออดอ้อนนางบ้าง แต่ปีกว่าๆมานี้ลูกชายของเขาไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้นางเลย แม้แต่เขาจะโดนเนื้อต้องตัวนางก็ยังยากต้องรอให้บุตรชายของเขาไม่เห็นเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ไม่ว่าเขาจะปะเหลาะบุตรชายอย่างไร เขาก็ไม่สามารถแตะต้องตัวภรรยาของเขาได้เสียที หากบุตรของเขาเห็นว่าเขาโดนเนื้อตัวมารดาก็มักจะร้องไห้ไม่หยุดไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ต้องหาวิธีปลอบใจอยู่นานถึงจะยอมเงียบได้“เสด็จแม่ ท่านจะไปไหน” เสียงเด็กน้อยดังขึ้น เมื่อเห็นเยว่ลี่อิงกำลังจะลุกจากตั่งนั่งเฟยห้าวเทียนได้แต่ถอนหายใจยาว เมื่อได้ยินเสียงบุตรชายเอ่ยเรียกภรรย
เฟยห้าวเทียนได้ยินคำพูดของนางก็แทบจะอดกลั้นอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ไหว เขาพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อระงับความตื่นตัวของแก่นกายที่ตอนนี้ไม่รับฟังคำสั่งของเขาเสียเลยแต่เขากลับต้องสะดุ้งจนขนตามตัวลุกชันเมื่อมีมือน้อยๆสัมผัสโดนสิ่งที่พองโตอยู่ด้านล่าง เขารีบคว้ามือน้อยนั้นไว้ทันทีเพราะหากลูบคลำไปมากกว่านี้เขาเองคงต้านความปรารถนาไว้ไม่ไหว“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า แต่เพราะข้ากลัวจะทำรุนแรงเกินไปจนเป็นอันตรายต่อเจ้าและลูกได้”เยว่ลี่อิงกลับไม่สนใจฟังคำที่เขาเอ่ย เพราะนางรู้ดีว่าที่ผ่านมาเขาอดกลั้นมาตลอดเวลาที่นอนอยู่เคียงข้างนาง และวันนี้นางก็ได้ศึกษาและได้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์บวกกับนางได้ตรวจร่างกายมาเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่ได้คิดเป็นกังวลเรื่องอันใดอีก“พระองค์รู้หรือไม่เพคะ ว่าสตรีที่ตั้งครรภ์ในบางช่วงจะมีความต้องการในเรื่องแบบนี้สูง และหากไม่ได้ปลดปล่อยจะทำให้หงุดหงิดซึ่งไม่เป็นผลดีนัก”เฟยห้าวเทียนถึงกับอึ้งนิ่งไป และปล่อยมือออกจากมือของนางเมื่อได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ย“เจ้าแน่ใจแน่แล้วใช่หรือไม่”“เพคะ หม่อมฉันแน่ใจ พระองค์เพียงปล่อยให้หม่อมฉันเป็นคนจัดการเองก็พอ”“เช่นนั้
“พวกท่านนี้ก็แปลกเสียจริง หากพระชายาของเราไม่ตั้งครรภ์พวกท่านก็จะให้เราแต่งชายารอง ตอนนี้นางตั้งครรภ์พวกท่านก็ยังจะให้เราแต่งชายารองอีก ตกลงพวกท่านต้องการอย่างไรกันแน่ หรือเพราะพวกท่านเพียงอยากส่งบุตรสาวของพวกท่านมาแต่งกับข้าจึงได้หาข้ออ้างให้ข้าแต่งชายารองใช่หรือไม่”ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปชั่วหนึ่งจนอัครเสนาบดีฉินกระแอมดังขึ้นมา ขุนนางชราที่ยืนอยู่ข้างอัครเสนาบดีฉินก็รีบเอ่ยขึ้น“ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมหาได้คิดดังเช่นองค์รัชทายาทตรัสไม่ เพียงแต่ข่าวลือหนาหูยิ่งนักว่าองค์รัชทายาททรงยอมปิดหน้าปิดตาสวมใส่หน้ากากเพื่อจะได้อยู่ใกล้กับพระชายา พวกกระหม่อมเลยคิดจะหาคนมาปรนนิบัติองค์รัชทายาท เพื่อไม่ให้องค์รัชทายาททรงต้องลำบากเพื่อไปหาพระชายาให้คอยปรนนิบัติ”“ขอบคุณเหล่าขุนนางทุกท่านที่เป็นห่วงเราจากใจ แต่เราไม่ได้มีความลำบากอย่างที่พวกท่านคิด เราไม่รู้ว่าภรรยาของพวกท่านไร้ความสามารถที่จะคอยดูแลปรนนิบัติพวกท่าน หรือเป็นที่พวกท่านมักมากกันแน่ แต่เพราะพระชายาเราดูแลเราดีมากพอ และเราก็หาใช่บุรุษที่มักมากแค่เพียงภรรยาตั้งครรภ์ก็ต้องหาสตรีอื่นมาปรนนิบัติ เช่นนั้นเราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีชายาเพิ่มเช่น
ตำหนักบูรพาเมื่อกลับมาถึงตำหนักเฟยห้าวเทียนก็ให้หมอหลวงตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิง เพราะระหว่างทางกลับมานางมีอาการแพ้ท้องมาตลอดทาง ไม่รู้ว่าเหตุใดยิ่งเขาเข้าใกล้นาง นางก็ยิ่งอาการหนักขึ้นจนนางต้องไล่เขาออกไปไกลๆ แต่พอให้คนอื่นมาพยุงนางกลับไม่เป็นอันใดเสียอย่างนั้น ทำให้เขารู้สึกลังเลใจเป็นอย่างมาก ว่าที่นางเป็นอยู่นี้นางเป็นจริงหรืออยากกลั่นแกล้งเอาคืนที่เขาเคยเฉยเมยต่อนาง“กราบทูลองค์รัชทายาทพระชายามีพระวรกายแข็งแรงดีไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ส่วนอาการคลื่นไส้ อาเจียนก็เป็นเรื่องธรรมดาของสตรีมีครรภ์เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นทำไมถึงมีอาการแพ้เพียงตอนเราเข้าใกล้ แต่ทีกับคนอื่นกลับไม่เป็นอันใด” เฟยห้าวเทียนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลและสงสัยหมอหลวงอึ้งไปพักหนึ่งเพราะเขารู้ดีว่าองค์รัชทายาทย่อมรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถเขาใกล้พระชายาของตนได้ แต่ยังโชคดีที่เขาเคยเห็นสตรีที่มีอาการแพ้ท้องสามีของตนเองมาก่อนจึงพอรู้วิธีแก้อยู่บ้าง แต่จะให้บอกสาเหตุเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้“กระหม่อมไม่ทราบสาเหตุพ่ะย่ะค่ะ เพราะสตรีที่ตั้งครรภ์แต่ละคนจะแพ้ท้องไม่เหมือนกัน แต่กระหม่อมเคยพบเจอคนแพ้ท้องที่มีอาการแ
เมื่อได้ยินข้อแม้ของบิดาเฟยห้าวหลานหันมามองพี่ชายของตนด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด“รอให้เสด็จพี่มีบุตร ลูกว่าเสด็จพ่อให้ลูกแต่งเข้าสกุลกงแล้วให้ลูกมีหลานให้เสด็จพ่อยังจะเร็วเสียกว่า ลูกจะไปถามหรงเอ๋อร์ว่าลูกคนแรกของเรายกให้ตระกูลเฟยได้หรือไม่”เฟยห้าวเทียนถึงกับตบโต๊ะเสียงดัง และชี้นิ้วไปยังน้องชายของเขา เฟยห้าวเทียนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกบิดาเล่นงานด้วยเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่น่าโมโหเท่ากับคำพูดของน้องชาย“เจ้าช่างกล้าดูถูกข้ายิ่งนัก”สองสามีภรรยาที่นั่งดูบุตรชายทั้งสองอยู่กลับหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะเขารู้ดีว่าที่บุตรชายคนเล็กเอ่ยนั้นไม่ได้คิดจะดูถูกพี่ชายเพียงแต่จะกระตุ้นพี่ชายให้มีบุตรไวๆเท่านั้นเยว่ลี่อิงเห็นสามีกำลังโกรธน้องชายก็เอื้อมมือมาจับมือเขาและลูบหลังมือของเขาเบาๆเพื่อให้เขาใจเย็นลง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เขา เฟยห้าวเทียนเมื่อหันมามองหน้าภรรยาก็ยิ่งนึกโกรธเพราะหลายวันมานี้นางไม่ยินยอมให้เขาค้างที่เรือนนอนด้วยยังไม่พอ ยังคอยหลบหน้าหลบตาเขาอีกด้วย แถมวันนี้น้องชายยังมาดูถูกเขาอีก และที่สำคัญตอนนี้นางทำเหมือนราวกับจะอาเจียนเมื่อมองหน้าเขา เขาจึงทำหน้าไม่พอใจใส่น
เฟยห้าวหลานได้ยินเสียงบิดาตวาดขึ้นมาก็นึกได้ว่าตนเผลอตัวไปเสียแล้ว จึงรีบเอ่ยขอโทษบิดาก่อนที่จะหาข้ออ้างแก้ตัวให้กับตนเอง“เสด็จพ่อลูกขอโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงแค่ได้ยินเรื่องน้องสาวของพี่สะใภ้แล้วรู้สึกเป็นห่วงนางจึงอุทานดังไปหน่อยเท่านั้น ไม่ได้เจตนาจะทำให้เสด็จพ่อต้องตกใจ”“เจ้าเป็นห่วงอันใดอย่างนั้นหรือ น้องชายของข้า” เฟยห้าวเทียนรีบเอ่ยถามเพื่อเย้าแหย่ผู้เป็นน้อง แต่น้องชายกับกล่าวอย่างจริงจังกลับมา“เสด็จพี่ลองคิดดูสิพ่ะย่ะค่ะว่าตระกูลชนชั้นสูงหรือเหล่าขุนนางใดที่จะยอมให้บุตรชายของตนไปแต่งเข้าบ้านสตรี หากจะมีก็น้อยยิ่งนัก ส่วนมากก็จะเป็นเพียงตระกูลของชาวบ้านธรรมดา และอีกอย่างข้ากลัวน้องสาวของพี่สะใภ้จะถูกผู้ชายไม่ดีคิดหวังในทรัพย์สมบัติมาหลอกลวง”“นั้นสินะ ก็จริงอย่างเจ้าว่า เสด็จพ่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะถ้าเป็นพระองค์จะยินยอมให้หลานเอ๋อร์แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฟยห้าวเทียนเอ่ยเห็นดีเห็นงามกับน้องชายก่อนที่จะหันไปถามบิดามารดาเพื่อหยั่งเชิงแทนน้องชายเฟยห้าวเทียนเหลือบสายตาดูน้องชายหลังจากที่เขาถามบิดามารดาเสร็จ ก็เห็นว่าน้องชายของเขาใจจดใจจ่ออยู่กับการรอฟังคำตอบเป็นอย
ตำหนักบูรพาตั้งแต่ที่เฟยห้าวเทียนได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเขาก็เริ่มจัดการทุกอย่างที่เขาได้เห็นในฝัน เพื่อเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมและไม่อยากให้เหตุการณ์ที่ไม่ดีอย่างเช่นในฝันนั้นเกิดขึ้นเฟยห้าวเทียนขอฮ่องเต้เป็นผู้คุมสอบขุนนางและขอเป็นผู้ออกข้อสอบด้วยตนเอง ทำให้ขุนนางทั้งหลายไม่สามารถใช้เส้นสายในการโกงข้อสอบได้ และไม่สามารถฝากลูกหลานตนเองเข้ามาเป็นขุนนางได้ ทำให้ถังป๋อเหวินสามารถสอบขุนนางติดและกล้าไปเอ่ยขอเหอฟางหรงกับเสนาบดีกรมคลังเหอ ถึงตอนนี้เสนาบดีกรมคลังเหอจะยังไม่ยินยอม แต่เขาก็รับรู้แล้วว่าบุตรสาวมีคนที่อยู่ในใจแล้วส่วนตัวเฟยห้าวเทียนกับหลี่ฟางซินถึงจะพบหน้ากันยามที่นางมาหาเยว่ลี่อิงแต่เขาก็ไม่ได้คิดอันใดต่อนางอีกแล้ว ส่วนนางเองก็ดูเหมือนจะเสียใจอยู่พักหนึ่งจากที่เยว่ลี่อิงเล่าให้เขาฟัง เพราะในที่สุดหลี่ฟางซินก็บอกความจริงแก่เยว่ลี่อิงทุกเรื่อง แต่เยว่ลี่อิงก็ให้อภัยหลี่ฟางซินถึงตอนแรกจะโกรธแต่พอได้ต่อว่าไปบวกกับหลี่ฟางซินคอยแวะมาง้ออยู่สองสามครั้ง ทั้งสองก็กลับมาสนิทกันเหมือนเดิมราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้นส่วนตัวเขาเองก็ชดเชยที่หมางเมินต่อเยว่ลี่อิงมาตลอด ด้วยการดูแลเ
หลังจากเสร็จพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาท เฟยห้าวเทียนก็รีบไปหาหลี่ฟางซินตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้“ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ” หลี่ฟางซินเอ่ยพร้อมทำความเคารพเฟยห้าวเทียนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยท่าทางและน้ำเสียงหยอกล้อแต่เฟยห้าวเทียนกับนิ่งเงียบไม่ตอบโต้นางเหมือนเช่นที่ผ่านๆ มา เพราะปกติแล้วเขาจะต้องหัวเราะและเอ่ยตอบนาง เมื่อเห็นท่าทางที่นางเย้าแหย่เขา แต่บัดนี้หน้าตาเขาเรียบเฉยราวมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น“เกิดอันใดขึ้นหรือเพคะ ทำไมวันนี้พระองค์ดูเคร่งเครียดเหลือเกิน หรือพระชายาทำอะไรให้ไม่พอพระทัยมาอย่างนั้นหรือเพคะ”เฟยห้าวเทียนถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ เพราะหลังจากที่เขารับตำแหน่งองค์รัชทายาทเสร็จเขาก็ลองตรวจสอบว่าสิ่งที่เขาฝันนั้นส่วนมากเป็นเรื่องจริงมากน้อยเพียงใดโดยเริ่มถามเสด็จพ่อเป็นคนแรกเรื่องเกี่ยวกับองครักษ์เงาที่ส่งมาคอยดูแลเขาว่าเป็นของคนที่ตระกูลเยว่ฝึกมาหรือไม่ และยังแอบกระซิบถามแม่ทัพเยว่เรื่องการใช้ความดีความชอบมาขออภิเษกระหว่างเขากับเยว่ลี่อิงอีกด้วยในเมื่อทั้งหมดมันตรงกับความฝันที่เขาได้ฝันถึง เขาจึงคิดจะยุติทุกอย่างเพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายมันเกิดขึ้นตามที