“หลานเอ๋อร์ แม่รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงนาง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าควรระวังกิริยาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น วังหลังแห่งนี้ล้วนอันตรายการกระทำบางอย่างต่อให้เจ้าไม่คิด แต่คนอื่นอาจคิด เจ้าเข้าใจหรือไม่”“ลูกจะจำคำสอนของเสด็จแม่ไว้ ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ตักเตือน”เฟยห้าวหลานที่ยังรั้งรออยู่ในตำหนักเล่อโซ่วถางไม่ยอมกลับเพราะรอหวังกงกงมารายงานการตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิงแต่เมื่อได้ยินว่าเยว่ลี่อิงอาจโดนวางยาก็รู้สึกตกใจปนความโมโหที่มีคนบังอาจทำร้ายพี่สะใภ้ของเขาจนเผลอแสดงการกระทำที่ไม่ควรออกมา แต่ยังดีที่มารดาไล่นางกำนัลออกไปเมื่อหวังกงกงบอกมีเรื่องสำคัญต้องทูล จึงมีเพียงหวังกงกงผู้เดียวที่เห็นเหตุการณ์เมื่อหมอหลวงจางเดินเข้ามาก็รายงานการตรวจร่างกายภายนอกของเยว่ฮองเฮาตามความจริง เว้นไว้แต่ผลตรวจจากภายในร่างกายที่เขายังไม่กล้าเอ่ยเพราะเขายังไม่แน่ใจว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว หากเขารีบรายงานโดยไม่ยั้งคิด คนที่อยู่เบื้องหลังย่อมไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่“หมอหลวงจาง นอกจากอาการบาดเจ็บในวันนี้ร่างกายของฮองเฮาแข็งแรงดีหรือไม่” ไทเฮาเอ่ยถามเสียงราบเร
“ท่านหมอหลวงจาง ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าใครเป็นคนวางยา” เฟยห้าวหลานใช้น้ำเสียงและสายตาคาดคั้นเอาคำตอบจากหมอหลวงจาง“เรียนท่านอ๋องตามตรง กระหม่อมไม่แน่ใจว่าใครคือผู้บงการ แต่ผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ กระหม่อมแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“อย่างนั้นเจ้าบอกมามันเป็นใคร”เฟยห้าวหลานจับจ้องหมอหลวงจางเพื่อรอคำตอบ“หมอหลวงหลิวพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงชรารีบเอ่ยตอบอย่างไม่รอรีคำตอบนี้ทุกคนไม่ได้ติดใจ และไม่ต้องการเห็นผลมาสนับสนุนเพราะหมอหลวงหลิวเป็นหมอประจำตัวเยว่ฮองเฮาที่ห้าวเทียนฮ่องเต้ทรงเป็นผู้เลือกให้เยว่ฮองเฮาด้วยตนเอง ในเมื่อหมอหลวงจางตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิงเพียงครั้งเดียว ก็ยังสามารถตรวจเจอความผิดปกติในครั้งนี้ได้ มีหรือหมอหลวงหลิวที่ตรวจร่างกายของนางมาตลอดจะไม่พบเจอ ยกเว้นแต่เขาเป็นผู้กระทำหรือไม่ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด“ที่เจ้าว่าไม่แน่ใจ...เช่นนั้นเจ้าย่อมมีคนที่คาดว่าจะเป็นผู้บงการอยู่แล้วใช่หรือไม่” ไทเฮาเอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบ“คนที่กระหม่อมสงสัยอยู่ในใจมีอยู่สองคนพ่ะย่ะค่ะ คนแรกคือสนมฉินหวงกุ้ยเฟย ส่วนอีกคน....อืม...เอ่อ..คือ” หมอหลวงจางอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าเอ่ย“เจ้าตอบมาตามที่เจ้าคิดก็พอ ไม่ว่าผู้นั้นเป็นใคร
เมื่อไทเฮาตรัสแล้วว่าจะเป็นคนไปถามบุตรชายของตนเอง จึงสั่งให้หมอหลวงจางกลับไปได้ และยังกำชับว่าห้ามบอกเรื่องนี้แก่ใครหากมีผู้ใดถามถึงอาการของเยว่ฮองเฮา ก็ให้บอกไปว่าไม่เป็นไรมากเพียงแต่มีรอยถลอกและรอยฟกช้ำเท่านั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงการตรวจภายใน และหากมีผู้ใดมาถามยกเว้นหมอหลวงหลิวให้หมอหลวงจางรีบมารายนางได้ทันที เพราะหญิงชราเชื่อว่าหากไม่ใช่ฝีมือบุตรชายตนย่อมมีพวกวัวสันหลังหวะกลัวว่าจะมีผู้รู้การกระทำอันต่ำช้านี้ของตนเป็นแน่เมื่อหมอหลวงจางออกไปแล้วเฟยห้าวหลาน จึงเอ่ยอาสาไปเป็นเพื่อนมารดา แต่กลับถูกมารดาปฏิเสธ และไล่ให้กลับไปยังจวนนอกวังของตนเอง เฟยห้าวหลานเห็นสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของมารดาจึงไม่คิดฝืนใจต่อรอง“เสด็จแม่วันนี้ท่านเหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนก่อนเถิดถึงอย่างไรวันนี้เสด็จพี่ก็คงอยู่ตำหนักกุ้ยเฟย คงไม่สะดวกพูดคุยกับท่าน”เฟยห้าวหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงพะวง“นั้นสิ ข้าเองก็เหนื่อยมากจริงๆ วันนี้ งั้นเจ้ากลับไปเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปคุมการลงทัณฑ์สนมหลี่กุ้ยเฟยอีก”“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกขอทูลลา”เช้าวันต่อมา ณ ตำหนักคุนหนิงอี้หงตื่นนอนขึ้นมาเมื่อมองเห็นเยว่ฮองเฮายังไม่ตื่นก็ไม่คิดจะปลุกปล่อย
“แม่ขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ายังอยากให้นางตายอยู่หรือไม่”ไทเฮามองหน้าบุตรชาย นางหวังเพียงเขาจะเปลี่ยนใจ ถึงไม่รักไม่ชอบเยว่ฮองเฮาก็ขอแค่ไม่มีความคิดจะสังหารนางก็พอ“อยากพ่ะย่ะค่ะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหัวใจของไทเฮาเต้นไม่เป็นจังหวะ นางเอามือแตะที่หน้าอกพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ ห้าวเทียนฮ่องเต้เห็นมารดามีท่าทีผิดปกติก็ก้าวเท้าเข้าไปหา แต่กลับโดนไทเฮายกมือขึ้นห้าม เขาจึงหยุดฝีเท้าไว้แค่นั้น“หากเจ้าเกลียดเยว่ฮองเฮาเพราะนางใช้ความดีของพ่อนางแต่งกับเจ้า แล้วเยว่ฮองเฮาต่างอะไรกับสนมเหล่านั้นที่แต่งมาเป็นฐานอำนาจให้เจ้าเล่า ไม่ใช่เพราะอำนาจหรือความดีของตระกูลพวกนางหรือที่ได้มาเป็นสนมของเจ้า แต่ไยเจ้าจึงไม่รังเกียจพวกนางแม้แต่น้อย แต่กลับรังเกียจเยว่ฮองเฮามากถึงเพียงนี้” มารดามองหน้าบุตรที่ไม่กล่าวตอบจึงเอ่ยต่อ “หากเจ้าเกลียดเยว่ฮองเฮาเพราะนางรู้ว่าเจ้ากับเพื่อนรักของนางรักกัน แต่ก็ยังจะแต่งกับเจ้าอีก แล้วฐานะของเจ้าสามารถเลือกชายาเอกได้ตามใจที่ตนต้องการอย่างนั้นหรือ ในที่สุดไม่ว่าเยว่ลี่อิงจะแต่งเข้ามาในฐานะพระชายาเอกขององค์รัชทายาทหรือนางสนมก็ต้องแต่งเข้ามาเป็นฐานอำนาจให้เจ้าอยู่ดี ต้อง
เมื่อมารดาเห็นหน้าบุตรชายที่รู้สึกสลดไม่แข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้านี้ จึงรีบเอ่ยกล่าวถึงความสำคัญที่ต้องปกป้องเยว่ฮองเฮาเอาไว้ เพราะนางรู้ดีว่าการบังคับให้บุตรชายปกป้องเยว่ฮองเฮานั้นไม่ถาวร ไม่สู้ทำให้เขายินยอมด้วยใจที่จะปกป้องนางดีกว่า ถึงจะโน้มน้าวให้รักไม่ได้ แต่โน้มน้าวให้ปกป้องเยว่ฮองเฮาเพื่อผลประโยชน์ได้“เยว่ฮองเฮานางต่างจากแม่ นางมีบิดาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่มีกองกำลังเกือบสามแสนนายในกำมือ มีอำนาจที่ไม่มีใครสามารถยึดได้จากคำสั่งเสียของบิดาเจ้า และมีแม่ที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในวังนี้หนุนหลัง นี้คือเหตุผลที่อัครเสนาบดีหรือเสนาบดีกรมต่างๆ ไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับวังหลัง ต่อให้เยว่ฮองเฮาลงโทษบุตรสาวพวกเขามากน้อยเพียงใดเขาก็ไม่กล้ากล่าวทูลให้เจ้าปลดนาง เพราะเท่ากับขัดคำสั่งของฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีโทษเป็นกบฏ พวกเขาจึงต้องสั่งสอนบุตรให้เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่เสมอ”ไทเฮามองหน้าบุตรชายของตนยามนี้ก็รู้ดีว่าเขาอาจจะเริ่มใจอ่อนและเริ่มมองถึงผลประโยชน์ที่เยว่ฮองเฮาจะทำให้เขาขึ้นมาแล้วบ้างจึงเอ่ยต่อ“แต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะอยู่เฉย ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถใช้อำนาจข่มเหงเยว่ฮองเฮาและไม่สามารถปลดนางลงไ
“พี่สะใภ้ ทำไมไม่เข้าไปประคองเสด็จแม่เล่า”“นานทีฝ่าบาทจะมีเวลาว่างอยู่กับองค์ไทเฮา ปล่อยให้เสด็จพี่ของท่านได้ดูแลเถิด”เฟยห้าวเทียนมองหน้าสตรีที่มีท่าทีเปลี่ยนไป วันนี้นางดูแปลกตาไม่เหมือนวันก่อนๆ ที่แม้แต่ยามนอนก็ยังแต่งหน้าหนา ผิวนางขาวใสนวลเนียน ริมฝีปากอมชมพู ดวงตากลมโต ขนตายาวงอน คิ้วจมูกปากรับกันได้ดี ใบหน้านางได้รูปแต่กลับมีแก้มน้อยๆ น่าหยิกเฟยห้าวหลานมองหน้าเฟยห้าวเทียนสลับไปมากับเยว่ลี่อิงด้วยความสงสัย วันนี้ทำไมสองคนนี้ถึงได้สลับที่กัน ปกติเฟยห้าวเทียนไม่เคยชายตาแลเยว่ลี่อิงแต่วันนี้กลับจ้องใบหน้าของนางพร้อมเผยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก แต่กลับกันเยว่ลี่อิงไม่แม้แต่จะชำเลืองหางตาดูเฟยห้าวเทียนเลยสักนิด“เสด็จพี่ หน้าของพี่สะใภ้มีอันใดหรือ ทำไมท่านเอาแต่จ้องนาง”เฟยห้าวเทียนไม่หันมองเฟยห้าวหลานแต่กลับใช้หางตาดู ก่อนจะเอ่ยตอบ“ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดนางจึงไม่แต่งหน้าเหมือนปกติ หรือว่าใบหน้าเจ้ายังไม่หายดี” เขาเอ่ยตอบน้องชาย ส่วนประโยคหลังถามสตรีที่อยู่ข้างหน้าไทเฮา เยว่ลี่อิงและเฟยห้าวหลานต่างงวยงงกับเฟยห้าวเทียนที่วันนี้นอกจากมองหน้าเยว่ลี่อิงแล้ว ยังพูดคุยดีๆ กับนางโดยตรง แต่ทุกค
เฟยห้าวหลานที่นั่งอยู่ข้างมารดาเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนตรงหน้าจึงกระตุกแขนเสื้อของมารดา แล้วกระซิบเบาๆ“เสด็จแม่วันนั้นท่านตรัสอะไรกับเสด็จพี่ ทำไมวันนี้เขาดูแปลกไป”“แม่ก็แปลกใจเหมือนกัน” มารดากระซิบบอกเฟยห้าวหลานมองหน้ามารดาด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ หากมารดาไม่ได้พูดอะไรทำไมพี่ชายเขาถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าเสด็จแม่บังคับหรือใช้ข้ออ้างในการลงโทษเพื่อให้พี่ชายตนทำดีกับเยว่ลี่อิง สายตาและท่าทางคงไม่ใช่แบบนี้เป็นแน่ หรือพี่ชายตนทำดีกับเยว่ลี่อิงเพื่อประจบท่านแม่ แล้วจะทูลของลดโทษให้สนมหลี่กุ้ยเฟยภายหลัง แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงพี่ชายของตนก็เล่นละครได้เก่งจนเหมือนรักนางเข้าจริงๆ แล้วเยว่ลี่อิงที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ใกล้ไทเฮามีหรือจะไม่ได้ยินไทเฮากับเฟยห้าวหลานกระซิบคุยกัน ในเมื่อนางได้ยินว่าการกระทำนี้ไม่เกี่ยวกับไทเฮา ทำให้หัวใจนางเต้นรัว ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด ในใจเกิดความหวังว่าเฟยห้าวเทียนจะเริ่มมีใจให้นางแต่เมื่อนางใช้มือกุมหน้าอันร้อนผ่าวก็ทำให้นางนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นได้ ‘เยว่ลี่อิงนะเยว่ลี่อิง แค่เพียงเขาดีด้วยหน่อยหัวใจเจ้าก็เต้นรัวจนลืมเรื่องที่โ
ห้าวเทียนฮ่องเต้มองหน้าอี้หง ราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูด แต่ถ้าเยว่ลี่อิงจะปักลายนี้ได้ก็ไม่แปลก แต่ฝีเข็มจะเหมือนกันขนาดนี้เลยหรือ และยังกลิ่นในถุงหอมที่มันเจือจางพอๆ กับใบที่เขามี เขาจำได้ไม่ผิดแน่ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับถุงหอมใบที่หลี่กุ้ยเฟยให้เขามาเมื่อสามปีก่อนอี้หงเห็นห้าวเทียนฮ่องเต้เหมือนจะไม่เชื่อคำพูดของนาง จึงนึกขึ้นได้ว่าห้าวเทียนฮ่องเต้ต้องเคยเห็นถุงหอมอีกใบเป็นแน่ ถ้าอยากนั้นที่สนมหลี่กุ้ยเฟยพูดว่าทิ้งของที่เยว่ฮองเฮาทำให้ห้าวเทียนฮ่องเต้ก็ต้องเป็นเรื่องโกหก นางจึงลองหยั่งเชิงดู“ทำไมฝ่าบาทถึงไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของฮองเฮาล่ะเพคะ ในเมื่อถุงหอมอีกใบหนึ่งฮองเฮาทรงมอบให้พระองค์ ตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานกับพระองค์เสียด้วยซ้ำ”“มอบให้ข้าอย่างนั้นหรือ”“เพคะ ฮองเฮาทรงทำถุงหอมขึ้นมา2ใบจากผ้าผืนเดียวกัน และปักลายดอกเบญจมาศไว้บนถุงหอม ที่ฮองเฮามอบถุงหอมลายดอกเบญจมาศให้พระองค์เพื่อบอกพระองค์ว่านางคือหญิงสาวที่พระองค์เคยช่วยไว้จากโจรปล้นเครื่องหอมเพคะ”ฮ่องเต้ยืนนิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่อี้หงบอก เมื่อ4ปีก่อนเขาเคยช่วยขบวนรถสินค้าที่ขนเครื่องหอมมายังเมืองหลวงจากโจรที่ดักปล้นระหว่างทาง แ
ห้าวเทียนฮ่องเต้มองหน้าอี้หง ราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูด แต่ถ้าเยว่ลี่อิงจะปักลายนี้ได้ก็ไม่แปลก แต่ฝีเข็มจะเหมือนกันขนาดนี้เลยหรือ และยังกลิ่นในถุงหอมที่มันเจือจางพอๆ กับใบที่เขามี เขาจำได้ไม่ผิดแน่ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับถุงหอมใบที่หลี่กุ้ยเฟยให้เขามาเมื่อสามปีก่อนอี้หงเห็นห้าวเทียนฮ่องเต้เหมือนจะไม่เชื่อคำพูดของนาง จึงนึกขึ้นได้ว่าห้าวเทียนฮ่องเต้ต้องเคยเห็นถุงหอมอีกใบเป็นแน่ ถ้าอยากนั้นที่สนมหลี่กุ้ยเฟยพูดว่าทิ้งของที่เยว่ฮองเฮาทำให้ห้าวเทียนฮ่องเต้ก็ต้องเป็นเรื่องโกหก นางจึงลองหยั่งเชิงดู“ทำไมฝ่าบาทถึงไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของฮองเฮาล่ะเพคะ ในเมื่อถุงหอมอีกใบหนึ่งฮองเฮาทรงมอบให้พระองค์ ตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานกับพระองค์เสียด้วยซ้ำ”“มอบให้ข้าอย่างนั้นหรือ”“เพคะ ฮองเฮาทรงทำถุงหอมขึ้นมา2ใบจากผ้าผืนเดียวกัน และปักลายดอกเบญจมาศไว้บนถุงหอม ที่ฮองเฮามอบถุงหอมลายดอกเบญจมาศให้พระองค์เพื่อบอกพระองค์ว่านางคือหญิงสาวที่พระองค์เคยช่วยไว้จากโจรปล้นเครื่องหอมเพคะ”ฮ่องเต้ยืนนิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่อี้หงบอก เมื่อ4ปีก่อนเขาเคยช่วยขบวนรถสินค้าที่ขนเครื่องหอมมายังเมืองหลวงจากโจรที่ดักปล้นระหว่างทาง แ
เฟยห้าวหลานที่นั่งอยู่ข้างมารดาเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนตรงหน้าจึงกระตุกแขนเสื้อของมารดา แล้วกระซิบเบาๆ“เสด็จแม่วันนั้นท่านตรัสอะไรกับเสด็จพี่ ทำไมวันนี้เขาดูแปลกไป”“แม่ก็แปลกใจเหมือนกัน” มารดากระซิบบอกเฟยห้าวหลานมองหน้ามารดาด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ หากมารดาไม่ได้พูดอะไรทำไมพี่ชายเขาถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าเสด็จแม่บังคับหรือใช้ข้ออ้างในการลงโทษเพื่อให้พี่ชายตนทำดีกับเยว่ลี่อิง สายตาและท่าทางคงไม่ใช่แบบนี้เป็นแน่ หรือพี่ชายตนทำดีกับเยว่ลี่อิงเพื่อประจบท่านแม่ แล้วจะทูลของลดโทษให้สนมหลี่กุ้ยเฟยภายหลัง แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงพี่ชายของตนก็เล่นละครได้เก่งจนเหมือนรักนางเข้าจริงๆ แล้วเยว่ลี่อิงที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ใกล้ไทเฮามีหรือจะไม่ได้ยินไทเฮากับเฟยห้าวหลานกระซิบคุยกัน ในเมื่อนางได้ยินว่าการกระทำนี้ไม่เกี่ยวกับไทเฮา ทำให้หัวใจนางเต้นรัว ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด ในใจเกิดความหวังว่าเฟยห้าวเทียนจะเริ่มมีใจให้นางแต่เมื่อนางใช้มือกุมหน้าอันร้อนผ่าวก็ทำให้นางนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นได้ ‘เยว่ลี่อิงนะเยว่ลี่อิง แค่เพียงเขาดีด้วยหน่อยหัวใจเจ้าก็เต้นรัวจนลืมเรื่องที่โ
“พี่สะใภ้ ทำไมไม่เข้าไปประคองเสด็จแม่เล่า”“นานทีฝ่าบาทจะมีเวลาว่างอยู่กับองค์ไทเฮา ปล่อยให้เสด็จพี่ของท่านได้ดูแลเถิด”เฟยห้าวเทียนมองหน้าสตรีที่มีท่าทีเปลี่ยนไป วันนี้นางดูแปลกตาไม่เหมือนวันก่อนๆ ที่แม้แต่ยามนอนก็ยังแต่งหน้าหนา ผิวนางขาวใสนวลเนียน ริมฝีปากอมชมพู ดวงตากลมโต ขนตายาวงอน คิ้วจมูกปากรับกันได้ดี ใบหน้านางได้รูปแต่กลับมีแก้มน้อยๆ น่าหยิกเฟยห้าวหลานมองหน้าเฟยห้าวเทียนสลับไปมากับเยว่ลี่อิงด้วยความสงสัย วันนี้ทำไมสองคนนี้ถึงได้สลับที่กัน ปกติเฟยห้าวเทียนไม่เคยชายตาแลเยว่ลี่อิงแต่วันนี้กลับจ้องใบหน้าของนางพร้อมเผยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก แต่กลับกันเยว่ลี่อิงไม่แม้แต่จะชำเลืองหางตาดูเฟยห้าวเทียนเลยสักนิด“เสด็จพี่ หน้าของพี่สะใภ้มีอันใดหรือ ทำไมท่านเอาแต่จ้องนาง”เฟยห้าวเทียนไม่หันมองเฟยห้าวหลานแต่กลับใช้หางตาดู ก่อนจะเอ่ยตอบ“ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดนางจึงไม่แต่งหน้าเหมือนปกติ หรือว่าใบหน้าเจ้ายังไม่หายดี” เขาเอ่ยตอบน้องชาย ส่วนประโยคหลังถามสตรีที่อยู่ข้างหน้าไทเฮา เยว่ลี่อิงและเฟยห้าวหลานต่างงวยงงกับเฟยห้าวเทียนที่วันนี้นอกจากมองหน้าเยว่ลี่อิงแล้ว ยังพูดคุยดีๆ กับนางโดยตรง แต่ทุกค
เมื่อมารดาเห็นหน้าบุตรชายที่รู้สึกสลดไม่แข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้านี้ จึงรีบเอ่ยกล่าวถึงความสำคัญที่ต้องปกป้องเยว่ฮองเฮาเอาไว้ เพราะนางรู้ดีว่าการบังคับให้บุตรชายปกป้องเยว่ฮองเฮานั้นไม่ถาวร ไม่สู้ทำให้เขายินยอมด้วยใจที่จะปกป้องนางดีกว่า ถึงจะโน้มน้าวให้รักไม่ได้ แต่โน้มน้าวให้ปกป้องเยว่ฮองเฮาเพื่อผลประโยชน์ได้“เยว่ฮองเฮานางต่างจากแม่ นางมีบิดาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่มีกองกำลังเกือบสามแสนนายในกำมือ มีอำนาจที่ไม่มีใครสามารถยึดได้จากคำสั่งเสียของบิดาเจ้า และมีแม่ที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในวังนี้หนุนหลัง นี้คือเหตุผลที่อัครเสนาบดีหรือเสนาบดีกรมต่างๆ ไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับวังหลัง ต่อให้เยว่ฮองเฮาลงโทษบุตรสาวพวกเขามากน้อยเพียงใดเขาก็ไม่กล้ากล่าวทูลให้เจ้าปลดนาง เพราะเท่ากับขัดคำสั่งของฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีโทษเป็นกบฏ พวกเขาจึงต้องสั่งสอนบุตรให้เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่เสมอ”ไทเฮามองหน้าบุตรชายของตนยามนี้ก็รู้ดีว่าเขาอาจจะเริ่มใจอ่อนและเริ่มมองถึงผลประโยชน์ที่เยว่ฮองเฮาจะทำให้เขาขึ้นมาแล้วบ้างจึงเอ่ยต่อ“แต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะอยู่เฉย ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถใช้อำนาจข่มเหงเยว่ฮองเฮาและไม่สามารถปลดนางลงไ
“แม่ขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ายังอยากให้นางตายอยู่หรือไม่”ไทเฮามองหน้าบุตรชาย นางหวังเพียงเขาจะเปลี่ยนใจ ถึงไม่รักไม่ชอบเยว่ฮองเฮาก็ขอแค่ไม่มีความคิดจะสังหารนางก็พอ“อยากพ่ะย่ะค่ะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหัวใจของไทเฮาเต้นไม่เป็นจังหวะ นางเอามือแตะที่หน้าอกพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ ห้าวเทียนฮ่องเต้เห็นมารดามีท่าทีผิดปกติก็ก้าวเท้าเข้าไปหา แต่กลับโดนไทเฮายกมือขึ้นห้าม เขาจึงหยุดฝีเท้าไว้แค่นั้น“หากเจ้าเกลียดเยว่ฮองเฮาเพราะนางใช้ความดีของพ่อนางแต่งกับเจ้า แล้วเยว่ฮองเฮาต่างอะไรกับสนมเหล่านั้นที่แต่งมาเป็นฐานอำนาจให้เจ้าเล่า ไม่ใช่เพราะอำนาจหรือความดีของตระกูลพวกนางหรือที่ได้มาเป็นสนมของเจ้า แต่ไยเจ้าจึงไม่รังเกียจพวกนางแม้แต่น้อย แต่กลับรังเกียจเยว่ฮองเฮามากถึงเพียงนี้” มารดามองหน้าบุตรที่ไม่กล่าวตอบจึงเอ่ยต่อ “หากเจ้าเกลียดเยว่ฮองเฮาเพราะนางรู้ว่าเจ้ากับเพื่อนรักของนางรักกัน แต่ก็ยังจะแต่งกับเจ้าอีก แล้วฐานะของเจ้าสามารถเลือกชายาเอกได้ตามใจที่ตนต้องการอย่างนั้นหรือ ในที่สุดไม่ว่าเยว่ลี่อิงจะแต่งเข้ามาในฐานะพระชายาเอกขององค์รัชทายาทหรือนางสนมก็ต้องแต่งเข้ามาเป็นฐานอำนาจให้เจ้าอยู่ดี ต้อง
เมื่อไทเฮาตรัสแล้วว่าจะเป็นคนไปถามบุตรชายของตนเอง จึงสั่งให้หมอหลวงจางกลับไปได้ และยังกำชับว่าห้ามบอกเรื่องนี้แก่ใครหากมีผู้ใดถามถึงอาการของเยว่ฮองเฮา ก็ให้บอกไปว่าไม่เป็นไรมากเพียงแต่มีรอยถลอกและรอยฟกช้ำเท่านั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงการตรวจภายใน และหากมีผู้ใดมาถามยกเว้นหมอหลวงหลิวให้หมอหลวงจางรีบมารายนางได้ทันที เพราะหญิงชราเชื่อว่าหากไม่ใช่ฝีมือบุตรชายตนย่อมมีพวกวัวสันหลังหวะกลัวว่าจะมีผู้รู้การกระทำอันต่ำช้านี้ของตนเป็นแน่เมื่อหมอหลวงจางออกไปแล้วเฟยห้าวหลาน จึงเอ่ยอาสาไปเป็นเพื่อนมารดา แต่กลับถูกมารดาปฏิเสธ และไล่ให้กลับไปยังจวนนอกวังของตนเอง เฟยห้าวหลานเห็นสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของมารดาจึงไม่คิดฝืนใจต่อรอง“เสด็จแม่วันนี้ท่านเหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนก่อนเถิดถึงอย่างไรวันนี้เสด็จพี่ก็คงอยู่ตำหนักกุ้ยเฟย คงไม่สะดวกพูดคุยกับท่าน”เฟยห้าวหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงพะวง“นั้นสิ ข้าเองก็เหนื่อยมากจริงๆ วันนี้ งั้นเจ้ากลับไปเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปคุมการลงทัณฑ์สนมหลี่กุ้ยเฟยอีก”“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกขอทูลลา”เช้าวันต่อมา ณ ตำหนักคุนหนิงอี้หงตื่นนอนขึ้นมาเมื่อมองเห็นเยว่ฮองเฮายังไม่ตื่นก็ไม่คิดจะปลุกปล่อย
“ท่านหมอหลวงจาง ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าใครเป็นคนวางยา” เฟยห้าวหลานใช้น้ำเสียงและสายตาคาดคั้นเอาคำตอบจากหมอหลวงจาง“เรียนท่านอ๋องตามตรง กระหม่อมไม่แน่ใจว่าใครคือผู้บงการ แต่ผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ กระหม่อมแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“อย่างนั้นเจ้าบอกมามันเป็นใคร”เฟยห้าวหลานจับจ้องหมอหลวงจางเพื่อรอคำตอบ“หมอหลวงหลิวพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงชรารีบเอ่ยตอบอย่างไม่รอรีคำตอบนี้ทุกคนไม่ได้ติดใจ และไม่ต้องการเห็นผลมาสนับสนุนเพราะหมอหลวงหลิวเป็นหมอประจำตัวเยว่ฮองเฮาที่ห้าวเทียนฮ่องเต้ทรงเป็นผู้เลือกให้เยว่ฮองเฮาด้วยตนเอง ในเมื่อหมอหลวงจางตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิงเพียงครั้งเดียว ก็ยังสามารถตรวจเจอความผิดปกติในครั้งนี้ได้ มีหรือหมอหลวงหลิวที่ตรวจร่างกายของนางมาตลอดจะไม่พบเจอ ยกเว้นแต่เขาเป็นผู้กระทำหรือไม่ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด“ที่เจ้าว่าไม่แน่ใจ...เช่นนั้นเจ้าย่อมมีคนที่คาดว่าจะเป็นผู้บงการอยู่แล้วใช่หรือไม่” ไทเฮาเอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบ“คนที่กระหม่อมสงสัยอยู่ในใจมีอยู่สองคนพ่ะย่ะค่ะ คนแรกคือสนมฉินหวงกุ้ยเฟย ส่วนอีกคน....อืม...เอ่อ..คือ” หมอหลวงจางอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าเอ่ย“เจ้าตอบมาตามที่เจ้าคิดก็พอ ไม่ว่าผู้นั้นเป็นใคร
“หลานเอ๋อร์ แม่รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงนาง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าควรระวังกิริยาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น วังหลังแห่งนี้ล้วนอันตรายการกระทำบางอย่างต่อให้เจ้าไม่คิด แต่คนอื่นอาจคิด เจ้าเข้าใจหรือไม่”“ลูกจะจำคำสอนของเสด็จแม่ไว้ ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ตักเตือน”เฟยห้าวหลานที่ยังรั้งรออยู่ในตำหนักเล่อโซ่วถางไม่ยอมกลับเพราะรอหวังกงกงมารายงานการตรวจร่างกายของเยว่ลี่อิงแต่เมื่อได้ยินว่าเยว่ลี่อิงอาจโดนวางยาก็รู้สึกตกใจปนความโมโหที่มีคนบังอาจทำร้ายพี่สะใภ้ของเขาจนเผลอแสดงการกระทำที่ไม่ควรออกมา แต่ยังดีที่มารดาไล่นางกำนัลออกไปเมื่อหวังกงกงบอกมีเรื่องสำคัญต้องทูล จึงมีเพียงหวังกงกงผู้เดียวที่เห็นเหตุการณ์เมื่อหมอหลวงจางเดินเข้ามาก็รายงานการตรวจร่างกายภายนอกของเยว่ฮองเฮาตามความจริง เว้นไว้แต่ผลตรวจจากภายในร่างกายที่เขายังไม่กล้าเอ่ยเพราะเขายังไม่แน่ใจว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว หากเขารีบรายงานโดยไม่ยั้งคิด คนที่อยู่เบื้องหลังย่อมไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่“หมอหลวงจาง นอกจากอาการบาดเจ็บในวันนี้ร่างกายของฮองเฮาแข็งแรงดีหรือไม่” ไทเฮาเอ่ยถามเสียงราบเร
ตำหนักคุนหนิงตลอดทางที่กลับมายังตำหนักเยว่ลี่อิงไม่ได้เอ่ยอันใด แต่มีบางเสี้ยวที่หันไปมองสตรีข้างกาย นางรับรู้ได้ว่าอี้หงคงคับแค้นใจมากเพราะตลอดทางที่มาแววตาของนางกำนัลคนสนิทเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแต่กลับไร้เสียงสะอื้น และโชคดีที่หวังกงกงขันทีของไทเฮามาช่วยจัดการผู้คนที่อยู่ระหว่างทางให้ ทำให้ตลอดทางที่กลับมาไม่มีใครได้เห็นสภาพน่าเวทนาของเยว่ฮองเฮาเมื่อมาถึงตำหนักหมอหลวงก็ตรวจดูอาการบาดเจ็บของเยว่ฮองเฮาอย่างละเอียดก่อนจะจัดยากินและยาทาให้เยว่ฮองเฮา แต่อี้หงกลับสังเกตว่าระหว่างตรวจหมอหลวงจางมีสีหน้าฉายแววตื่นตระหนก คล้ายมีอะไรแต่ก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใดออกมา“ท่านหมอหลวงจาง ไม่ทราบว่าพระวรกายของฮองเฮามีอันใดผิดปกติหรือไม่” อี้หงคร้านจะเก็บความสงสัยจึงเอ่ยถามออกมาตรงๆ“ไม่มีอันใดผิดปกติ นั้นชาอะไรอย่างนั้นหรือ ทำไมกลิ่นแปลกๆ” หมอหลวงจางกล่าวปฏิเสธก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา“นี้คือน้ำชารางจืดผสมน้ำผึ้งมะนาวเจ้าค่ะ” อี้หงเอ่ยตอบหมอหลวง“รางจืดอย่างนั้นหรือ” หวังกงกงที่ยืนอยู่หลังที่บังลมเอ่ยถามหวังกงกงไม่ได้เพียงมาส่งเยว่ฮองเฮาแต่หน้าที่ของเขาคือต้องอยู่รอให้หมอหลวงตรวจพระวรกายของเยว่ฮอ