แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาตามช่องหน้าต่างของเรือนทำให้หลี่เจินรู้สึกตัวตื่น วันนี้นางตื่นสายมากคงเป็นเพราะนางได้หลับไปช่วงรุ่งสาง แต่เปาเป่าบุตรชายของนางก็ยังไม่ตื่นเช่นกัน และสิ่งที่น่าตกใจคือตัวของเด็กชายนั้นร้อนมาก เขากำลังไม่สบายหลี่เจินนางรีบลุกพรวดจากที่นอนด้วยหัวใจที่สั่นระรัว กุลีกุจอเอาน้ำใส่อ่างเล็กและเช็ดตัวให้บุตรชาย เด็กน้อยตัวร้อนราวกับไฟ ริมฝีปากเล็กๆ นั้นแดงก่ำ นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ร้อนผ่าวและรัวเร็ว นางไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน มันทำให้นางรู้สึกกลัว มือนางสั่นน้อยๆ ในขณะเช็ดตัวให้บุตรชาย เพราะนี่คือครั้งแรกที่ต้องดูแลเด็กเล็กที่ป่วย เห็นเด็กน้อยผวาทุกครั้งที่นางใช้ผ้าเช็ดไปตามเนื้อตัวของเขา ดวงตาเด็กน้อยหรี่ขึ้นมองนาง นัยน์ตานั้นแดงเรื่อมีหยาดน้ำเอ่อคลอ เพียงเห็นใบหน้านางเขาก็คลี่ยิ้มออกมา ไม่งอแงแม้แต่น้อย ยอมให้นางเช็ดตัวโดยง่าย นางรู้สึกสงสารจับใจ หัวใจของนางราวกับจะอ่อนแอไปด้วย นี่คงเป็นความรู้สึกของคนเป็นแม่ นี่หรือคือกรรมที่นางต้องชดใช้ เหตุใดความทุกข์ทรมานจึงไม่เกิดแก่นางเพียงผู้เดียวกันเล่าที่นี่ไม่มีโรงพยาบาลมีเพียงหมอชาวบ้านและการใช้ยาต้ม ย
เมื่อค้นพบจุดหมายของตัวเองอีกครั้งหลี่เจินนางจึงลงมือทำอาหารด้วยรอยยิ้ม จิตใจนั้นโปร่งโล่งขึ้น นางจะเดินตามความฝันที่ครั้งหนึ่งมันเคยพังทลายลง แต่ในครั้งนี้มันจะต้องดีกว่าเดิมเพราะนางมีอีกคนอยู่เคียงข้าง นางยังมีอนาคตของบุตรชายที่รอคอยให้นางผลักดันเขาให้มีอนาคตที่สดใส บุตรชายของนางจะต้องไม่มีมารดาเป็นเพียงสตรีขี้เมาไร้ประโยชน์ เขาจะต้องภูมิใจที่มีนางเป็นมารดาหลี่เจินนางลงมือสับหมูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มวันนี้นางจะทำขนมจีบกุ้งให้บุตรชายได้กิน เมื่อสับหมูเสร็จก็ต่อด้วยการสับกุ้ง จัดการกับของสดเสร็จเรียบร้อยก็หันมาเตรียมเครื่องผสมต่างๆ โดยโขลกรากผักชี กระเทียมและพริกไทยเข้าด้วยกัน นำมาผสมกับกุ้งสับ หมูสับ และต้นหอมซอย เติมเครื่องปรุงเล็กน้อยแล้วนวดทุกอย่างด้วยมือพักเอาไว้ จากนั้นจึงหันมาเตรียมส่วนผสมที่จะทำแผ่นเกี๊ยว หลี่เจินนางมองหาภาชนะสำหรับผสมแป้งจนได้อ่างไม้ขนาดพอเหมาะมาใบหนึ่ง จากนั้นจึงนำแป้งสาลีมาใส่ในอ่างไม้ แล้วทำหลุมตรงกลาง ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ใส่เกลือเล็กน้อยตามด้วยน้ำมัน แล้วค่อยๆ ตะล่อมๆ ผสมแป้ง เติมน้ำเปล่าลงไปทีละนิดๆ แล้วค่อยๆ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดีจากนั้นก็นำผ้าขาวสะอาดมาคล
หลี่เจินเมื่อเดินออกมาก็เห็นเป็นเด็กผู้ชายตัวอวบอ้วนผู้หนึ่ง ที่ดูจากรูปร่างแล้วก็คงจะอายุมากกว่าเปาเป่าของนางอยู่หลายปี แต่เสียงของบุตรชายนางและเจ้าเด็กอ้วนนามต้าสุ่ยผู้นั้นที่คุยกันทำให้นางต้องชะงักฝีเท้าลง"พี่ต้าสุ่ยท่านมาหาข้ามีสิ่งใดหรือขอรับ"เด็กน้อยเอ่ยถามพร้อมกับเปิดประตูรั้วไม้เตี้ยๆ ให้อีกฝ่าย ต้าสุ่ยเมื่อเดินเข้ามายังลานด้านหน้าเรือนให้รู้สึกแปลกประหลาดเมื่อตอนนี้รอบๆ เรือนนั้นดูสะอาดสะอ้านแปลกตา จางต้าสุ่ย บุตรชายของบ้านตระกูลจางที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนของหลี่เจินมากเท่าใดนัก ปีนี้เขามีอายุได้เก้าหนาวแล้ว ครอบครัวของพวกเขานั้นทำนาและเก็บของป่า ต้าสุ่ยนั้นเป็นเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวที่เปาเป่าให้ความสนิทสนมด้วยและเป็นคนเดียวที่คอยปกป้องเขาไม่ให้เด็กในหมู่บ้านนั้นกลั่นแกล้งรังแก ครอบครัวจางนั้นก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย บิดาของต้าสุ่ยเองก็ต้องเข้าร่วมกับกองทัพเช่นกันทั้งๆ ที่มารดาของเขาพึ่งจะคลอดน้องสาวได้เพียงห้าเดือน นั่นทำให้พวกเขานั้นลำบากมาก แต่ก็ยังมีใจแบ่งอาหารให้เปาเป่าอยู่บ่อยครั้งต้าสุ่ยกวาดสายตาไปด้านหลังของเด็กน้อย เขากำลังมองหาใครบางคน ซึ่งใครคนนั้นก็คือมารดาของเด็กน
หลี่เจินเมื่อออกมาจากร้านแลกเงิน นางก็เดินไปตามท้องถนน สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยร้านรวง ร้านค้าต่างๆ มีข้าวของและสินค้ามากมายให้เลือกสรร ร้านเล็กใหญ่ปะปนกันไป ตลอดสองข้างทางนั้นยังมีการตั้งแผงขายของ เครื่องประดับและของกินมากมาย แม้จะอยู่ในช่วงของศึกสงครามแต่ผู้คนก็ยังหนาตาแม้จะไม่คึกคักเช่นก่อนหน้าก็ตามเหลาอาหารที่มีอยู่หลายแห่งยังหนาแน่นไปด้วยผู้คน มีเพียงโรงเตี๊ยมที่ตอนนี้คล้ายจะดูซบเซาเพราะไม่มีผู้คนและพ่อค้าต่างถิ่นมาเข้าพัก แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาเมื่อเกิดภัยสงครามขึ้นทุกอย่างย่อมต้องหยุดชะงักลง เมืองซีโจวนั้นเป็นเมืองหน้าด่านเป็นศูนย์รวมของการค้า เมื่อมีสงครามก็จำเป็นที่จะต้องปิดเมือง ผลกระทบจึงเกิดไปทั่วเมือง ผู้คนที่เคยหลั่งไหลเข้ามาทำการค้าต่างก็หวาดกลัวภัยสงคราม การค้าที่เคยคึกคักก็หยุดชะงักลง เหล่าชาวบ้านชาวเมืองต่างก็ภาวนาให้ศึกครั้งนี้จบลงโดยเร็ว และฝ่ายตนเป็นผู้กุมชัย บ้านเมืองจะได้ขับเคลื่อนต่อไปเสียที บุตรชายและสามีที่ไปร่วมรบจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้า แต่ถึงแม้ว่าผู้คนจะไม่คึกคักดังเก่า แต่ในอำเภอแห่งนี้ก็ยังมีผู้คนอยู่มากมาย ทางการนั้นเพียงระบุให้แต่ละครอบครัว
เพราะความอยากรู้อยากเห็นแท้ๆ จึงทำให้นางพาตัวเองมาในสถานที่ที่ไม่น่ามอง แม้จะรู้ว่าการค้ามนุษย์ย่อมไม่น่าดูชม แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะแย่กว่าที่คิดเอามากๆ สิ่งที่นางเคยคาดเดาและจินตนาการเอาไว้ทำให้ได้รู้ว่า นางโลกสวยเกินไป ภาพของคนที่ถูกขังอยู่ในกรงเยี่ยงสัตว์ทำให้นางรู้สึกหดหู่ในใจยิ่งนัก ในอกนั้นสั่นไหว สองขาที่ก้าวเดินไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ มันต้องทำกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ บางคนนั้นดูอ่อนแรงเอนซบเกาะลูกกรง สายตาหมดสิ้นความหวังดูเลื่อนลอย บางคนนั้นถึงกับต้องถูกล่ามกันเลยทีเดียว พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นทาสแรงงาน สถานที่แห่งนี้นั้นมีทาสถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ แต่คนพวกนี้ล้วนไม่มีผู้ใดที่อยากจะเป็นทาส สตรีที่เป็นทาสบำเรอเหล่านั้น ภายใต้ใบหน้างดงามที่มีรอยยิ้มประดับแต่ดวงตากลับขมขื่น พวกเขาเหล่านี้หากเจอนายที่ดีก็ถือว่าเป็นวาสนา แต่หากเจอนายที่ไม่ดีก็ต้องยอมรับชะตาแม้ใจนั้นอยากจะซื้อทาสเหล่านี้ แต่ตอนนี้กิจการของนางยังไม่ต้องการคนงาน นางจึงตัดสินใจหันหลังกลับ ขืนเดินต่อไปคาดว่าเงินที่มีติดกายอยู่เพียงน้อยนิดคงได้หมดไปกับความใจอ่อนและจิตใจที่ดีเกินควรของนาง ลำพังตอนนี้ชีวิตของนางเองยังไม่
หลังจากนั้นชีวิตของหลี่เจินดูเหมือนจะลงตัวขึ้น อาสุ่ยเป็นผู้ช่วยของนางได้ดีมากเลยทีเดียว นางเป็นเด็กสาวที่รู้ความ ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ขยันขันแข็ง ไม่ยุ่งวุ่นวายสอดรู้สอดเห็น หัวไวและนางดูจะเข้ากับเปาเป่าได้ดีมาก จนหลี่เจินหายเหนื่อยและหายห่วงตลอดสองวันมานี้สองนายบ่าวต่างวุ่นวายกับการบรรจุผงแป้งลงในตลับ ตลับทุกใบนางทำการฆ่าเชื้อโดยผ่านความร้อน ด้วยการนึ่งแล้วนำมาผึ่งแดดจนแห้ง จากนั้นจึงช่วยกันบรรจุผงแป้งลงในตลับ โดยนำผงแป้งใส่ในตลับแล้วอัดจนแน่น ดูไปดูมาก็เหมือนแป้งตลับในยุคปัจจุบันอยู่ไม่น้อยเพียงแค่ตลับที่บรรจุเป็นกระเบื้องเท่านั้น แต่ก็ดูเก๋ดูแพงจนนางแอบคำนวณเงินที่จะได้ด้วยความอิ่มเอมใจ เมื่อเห็นว่าอาสุ่ยทำได้อย่างคล่องมือจึงปล่อยให้อาสุ่ยเป็นผู้บรรจุแป้งโดยมีผู้ช่วยตัวน้อยคอยนั่งเป็นกำลังใจให้พี่อาสุ่ย ส่วนนางก็เข้าไปในเรือนเป็นผู้ผลิตด้วยวิธีพิเศษของนาง จนตอนนี้นางมีผงแป้งเพิ่มขึ้นมาอีกโถ ลิปสติกสีแดงและสีชมพูที่นางต้องใช้ไม้พายทำให้มันกลายเป็นเนื้อเดียวกันอีกอย่างละหนึ่งโถ ความจริงนางอยากจะให้ได้มากกว่านี้ แต่กว่าจะได้ทั้งสามโถนี้มามือของนางแทบจะยกไม่ขึ้นในที่สุด
เถ้าแก่หวังนั่งมองหลี่เจินนับเงินด้วยความเอ็นดู สตรีนางนี้เขารู้จักกับนางเพียงไม่นานก็ให้นึกเอ็นดูนางเป็นอย่างมาก นางนั้นขยันขันแข็งและมีความสามารถซึ่งหาได้ยากในสตรีรุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ดูจากท่าทาง การวางตัวและสติปัญหาของสตรีนางนี้แล้ว นางย่อมมิใช่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ดูเอาเถอะวันนี้เพียงแค่วันเดียวนางสามารถทำเงินได้หลายร้อยตำลึงทอง"เถ้าแก่เจ้าคะ"หลี่เจินหลังจากนั่งนับเงินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เก็บเงินใส่ถุงผ้าเอาไว้อย่างมิดชิดก็หันมาเอ่ยเรียกเถ้าแก่หวัง เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ "ว่าอย่างไรเล่าแม่นางเฉียน"เถ้าแก่หวังที่ขานรับนางพร้อมกับเดินมานั่งลงตรงหน้า เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายว่าคงมีเรื่องที่ต้องการจะปรึกษาเขา"ข้าอยากจะซื้อจวนสักหลัง ท่านพอจะแนะนำข้าได้หรือไม่เจ้าคะ""หือ ซื้อจวนเช่นนั้นหรือ"เมื่อเห็นเถ้าแก่หวังทำท่าครุ่นคิด นางจึงรีบอธิบายเพิ่มเติม"ใช่เจ้าค่ะ ข้าอยากจะซื้อจวนเล็กๆ สักหลังหรือถ้าได้ร้านค้าที่เขาปิดตัวลงแล้วขายถูกๆ ก็จะดีมาก"เมื่อเห็นว่านางเอ่ยเช่นนั้นเถ้าแก่หวังก็พอจะรู้ถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่าย"เจ้าต้องการจะเปิดร้านค้าเช่นนั้นหรือ""เอ่อ มันก็ไม่เชิงว
หลี่เจินพาเด็กสาวทั้งหมดมายัง หอเหม่ยฮวา ชื่อที่นางพึ่งจะคิดได้สดๆ ร้อนๆ เมื่อครู่ ในเมื่อนางเลือกดอกเหมยเป็นเครื่องหมายทางการค้าของนาง เช่นนั้นกิจการของนางก็ต้องชื่อเหม่ยฮวานั้นถูกต้องที่สุดแล้ว นางจะให้เถ้าแก่หวังเป็นผู้เขียนป้ายชื่อของหอแห่งนี้ให้นางเพื่อเป็นสิริมงคลเพราะอีกฝ่ายคือผู้ที่มีพระคุณกับนางที่สุดและทำให้นางได้มีวันนี้หญิงสาวเหล่านั้นเมื่อรู้ว่าตนไม่ได้ถูกขายมาเป็นนางคณิกาในหอนางโลมอย่างที่คิดก็ถึงกับปล่อยโฮออกมา เอ่ยคำสัตย์วาจาต่อนางด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ เทิดทูนนางให้เป็นเจ้าชีวิตพูดคุยทำความเข้าใจกันสักพัก นางจึงบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนเอาแรง คืนนี้นั้นให้นอนให้เต็มอิ่มเพื่อเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้สู้งานในวันรุ่งขึ้น ยังมีงานที่ต้องเร่งทำให้เสร็จสิ้นอีกมาก ด้านหลังของหอเหม่ยฮวานั้นยังมีห้องพักสำหรับคนงานแบ่งเอาไว้เป็นสัดส่วนอีกหลายห้อง นางบอกให้ทุกคนเลือกห้องพักของตัวเองได้ตามสบายโดยนอนร่วมกันห้องละสองคน เพราะอีกไม่นานนางจะต้องหาคนมาเพิ่มอย่างแน่นอนวันนี้แม้นางจะหาเงินได้หลายร้อยตำลึง แต่ก็ใช้จ่ายไปหลายตำลึงเช่นกัน นางต้องซื้อชุดเครื่องนอน เสื้อผ้า เครื่องใช้และอา
เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนร่างสูงของบุรุษเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีหนวดเคราบางเบาส่งให้เขายิ่งดูหล่อคมมีเสน่ห์น่าหลงใหลซานตงก้าวเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบาแล้วหยุดอยู่ตรงด้านหน้าเตียงนอนหลังใหญ่ที่มีร่างอวบอิ่มของภรรยาที่กำลังนอนตะแคงด้านข้างขดกายอย่างน่าเอ็นดู ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้วอีกเพียงไม่นานบุตรของเขาก็จะออกมาลืมตาดูโลกเขาจ้องมองใบหน้างดงามของภรรยาที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยดูมีความสุขราวกับตอนนี้นางกำลังหลับฝันดี แม้นางจะกำลังตั้งครรภ์แต่ก็ยังงดงามเย้ายวนอย่างที่สุด จนคนแอบมองใจกระตุกสั่นไหว เขาอยากจะทักทายเจ้าก้อนแป้งอีกแล้วมือหนาจึงค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากเรือนกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจนเหลือเพียงกางเกงตัวในบางเบา เคลื่อนกายหนาเข้าไปนอนซ้อนแผ่นหลังเล็กแผ่วเบาหลี่เจินที่รับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาของมือใหญ่ที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของนาง ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมดกดำเงางามกับกลิ่นหอมอันคุ้นเคยกำลังซุกไซ้ดอมดมไปทั่วซอกคอและลาดไหล่ขาวนวลที่ไม่รู้ว่าเปล่าเปลือยไปตั้งแต่เมื่อไหร่"ท่านพี่ อ่า"มือเล็กที่ตั้งใจจะยกขึ้นดันศ
แล้วในที่สุดวันมงคลของคุณหนูฉีหลานเฟิ่งและท่านแม่ทัพต้วนฝูชิงก็มาถึง เจ้าสาวในวันนี้นั้นงดงามเป็นอย่างมาก จนผู้ที่มีส่วนในความสำเร็จครั้งนี้นั้นยิ้มแก้มปริ หลี่เจินรู้สึกยินดีกับเด็กสาวผู้นั้นเป็นอย่างมากที่นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเสียที เรื่องราวของคุณหนูฉีหลานเฟิ่งและคนรัก ดูเหมือนว่าจะลงเอยกันได้ด้วยดี ดูได้จากสีหน้าของเจ้าบ่าวที่อิ่มเอิบแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่ได้ยินมาว่ากว่าจะปรับความเข้าใจกันได้แม่ทัพต้วนฝูชิงผู้ยิ่งใหญ่แทบจะหลั่งน้ำตากันเลยทีเดียว ต่อจากนี้ไปนางได้แต่อวยพรให้ชีวิตคู่ของทั้งสองมีแต่ความสุข ครองรักกันไปจนแก่เฒ่าวันเวลาผันผ่าน ผู้คนต่างใช้ชีวิตดำเนินไปตามวิถีทางของตัวเอง มีเรื่องราวผ่านมามากมาย รวมไปถึงข่าวคราวจากชายแดนที่ร่ำลือกันอย่างหนาหู ผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาใช้บริการในหอเหม่ยฮวาต่างก็กล่าวถึงเรื่องนี้ ข่าวที่ได้รับฟังมานั้นทำให้หลี่เจินตกตะลึงอยู่ไม่น้อย ว่ากันว่าในค่ายทหารรักษาชายแดนมีหญิงงามผู้เป็นนางคณิกาที่ลือเลื่องถึงความร้อนแรง สามารถสร้างความเกษมสำราญให้บรรดาเหล่าทหารกลัดมันจนเลี่ยงชื่อไปทั้งค่าย ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ปีนป่ายเป็นนางคณ
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้คนต่างโจษจันเกี่ยวกับเรื่องราวในตระกูลเฉินที่ในตอนนี้จวนนายอำเภอถูกปิดเงียบ ไร้เงาของคนภายในจวนไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่ เฉินอวี่จูถูกสามีหย่าขาดในข้อหาคบชู้สู่ชาย สร้างความอับอายให้แก่ตระกูลเป็นอย่างมาก เดิมทีโทษของนางคือห้าม้าแยกร่าง แต่ด้วยความเมตตาของท่านเจ้าเมืองและเห็นแก่หน้าบิดาของลูกสะใภ้ จึงเพียงเนรเทศนางออกจากเมืองซีโจวไปยังชายแดนทุรกันดาร หลังจากเฉินอวี่จูถูกเนรเทศออกไป ต่อมาก็มีข่าวการแต่งเข้าไปเป็นอนุภรรยาจวนตระกูลฮวนของเฉินอี้ซินผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของเฉินอวี่จู และนั่นก็เป็นที่กล่าวถึงของผู้คนอีกครั้งจนไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้เกี่ยวกับถึงเรื่องนี้แม้แต่แม่ทัพตระกูลต้วน ต้วนฝูชิง บุรุษที่ผู้คนต่างรับรู้ว่าเขาคือคนรักของเฉินอี้ซิน ที่มีข่าวคราวรักสามเส้าออกมาให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง คนผู้นั้นคงโศกเศร้าอยู่เป็นแน่แต่เปล่าเลย ตอนนี้ผู้ที่ทุกคนต่างคิดว่าเขาคงกำลังเศร้าโศกเสียใจที่สตรีคนรักกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นกลับกำลังนั่งดื่มด่ำกับสุรารสเลิศบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งอย่างสบายอกสบายใจ ข่าวนี้ช่างเป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุดในรอบปี เขารู้สึกโล่งใจและยินดีเป็น
จบสิ้นกันเสียทีหลี่เจินมองบ่าวไพร่ที่ลากเอาคนทั้งสองไปคุมขังเอาไว้ก่อนตามคำสั่งของเจ้าของจวนเพื่อรอคำตัดสินในวันรุ่งขึ้น กลิ่นอายและคราบความใคร่ที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้ทำให้หลี่เจินรู้สึกพะอืดพะอมใบหน้าของนางประเดี๋ยวซีดขาวประเดี๋ยวแดงก่ำ จนต้องรีบหันกายเร่งฝีเท้าตามทุกคนออกไประหว่างที่ทุกคนกำลังพากันออกไปยังห้องโถงกลางเพื่อหารือเรื่องการตัดสินโทษของเฉินอวี่จูที่ได้กระทำการทุกอย่าง หยางซานตงที่เห็นว่าใบหน้างามของภรรยานั้นแดงก่ำจึงคิดขึ้นได้ว่านางนั้นก็อาจจะโดนพิษยาปลุกกำหนัดด้วยเช่นกัน จึงโน้มใบหน้าลงมากระซิบชิดใบหูเล็ก"เจินเอ๋อ ให้พี่ขับพิษกำหนัดให้ก่อนดีหรือไม่ ยังพอจะมีเวลานะ"คำของผู้เป็นสามีทำให้หลี่เจินตัวแข็ง มองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตาพราวระยับที่สื่อความนัยนั้นทำให้นางสะบัดร้อนสะบัดหนาว สถานการณ์เช่นนี้เขายังมีอารมณ์คิดเรื่องอย่างว่า"นี่ท่าน...ข้ามิได้ถูกพิษกำหนัดเสียหน่อย"หลี่เจินฟาดฝ่ามือลงบนบ่าแกร่งของบุรุษบ้าตัณหาเต็มแรง ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตามทุกคนไปยังห้องโถงไม่อาจที่จะทนมองหน้าอีกฝ่ายที่หื่นไม่ดูเวล่ำเวลาหยางซานตงยิ้มให้กับท่าทางเขินอายของภรรยาตัวน้อย ก่อนคิ้
หลี่เจินเดินตามหญิงรับใช้นางนั้นมาจนถึงห้องห้องหนึ่ง เมื่อส่งนางถึงที่หมายหญิงรับใช้ผู้นั้นก็ปลีกตัวออกไปในทันที นางยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลักบานประตูเข้าไป หลังประตูบานนั้นสตรีที่นางต้องการเจอตัวกำลังนั่งด้วยท่าทางเกียจคร้านละเลียดจิบสุราในมือด้วยใบหน้ามีความสุขยิ่ง สายตาที่ใช้จ้องมองนางวาววับดูไม่น่าไว้ใจแม้แต่น้อย"เจ้าต้องการอะไร มีสิ่งใดก็พูดมา"หลี่เจินเอ่ยถามอีกฝ่าย สายตานั้นจ้องมองสตรีจิตวิปลาสตรงหน้าอย่างระมัดระวัง"ใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ พี่สาว"เสียงอ่อนหวานของเฉินอวี่จูนั้นฟังดูช่างเยือกเย็น ริมฝีปากที่แต้มชาดสีสดนั้นแสยะยิ้มที่ทำให้คนมองนึกถึงฆาตกรโรคจิต สตรีนางนี้เกินเยียวยาแล้วจริงๆ"เจ้ามิต้องกล่าวให้มากความ ถุงหอมใบนี้ไปอยู่กับเจ้าได้เช่นไร"หลี่เจินกดข่มความหวาดผวาที่ชวนให้หนาวเยือกเอ่ยถามอีกฝ่ายราวกับกำลังควบคุมโทสะ ท่าทางของนางทำให้สตรีตรงหน้าหัวเราะขึ้นมาราวกับกำลังเจอเรื่องตลกขบขัน"เอ...ข้าเอาถุงหอมใบนี้มาได้เช่นไรนะ เจ้าอยากรู้จริงๆ น่ะหรือ พี่สาว"เฉินอวี่จูเอ่ยกับสตรีหน้าโง่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า นางรู้สึกสมเพชเวทนาอีกฝ่ายยิ่งนัก เพียงนางให้บ่า
แล้วงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดของท่านนายอำเภอเฉินก็มาถึง ผู้คนในอาภรณ์งดงามหรูหราต่างหลั่งไหลเข้ามาร่วมอวยพรให้กับเจ้าของงานเลี้ยงผู้เป็นใหญ่ในอำเภอซีซาแห่งนี้ ผู้ที่มาร่วมงานต่างเป็นคนใหญ่คนโตและมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น และในครั้งนี้ดูท่าว่าจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าในทุกปี คาดว่าคงมีสิ่งพิเศษเป็นแน่เฉินอวี่จูในอาภรณ์งดงามหรูหรา ใบหน้าหวานนั้นถูกแต่งแต้มจนงามล้ำต่างได้รับคำชื่นชมและความสนใจจากผู้คนที่มาร่วมงาน นางหยัดยิ้มกว้างเคียงคู่มากับบุรุษรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาคล้ายดังบัณฑิตผู้ทรงภูมิที่เหล่าสตรียังไม่ออกเรือนต่างชม้ายชายตามอง แม้ข้างกายของเขานั้นจะมีฮูหยินเช่นนางเคียงกายอนิจจาสายตาชื่นชมระคนอิจฉาเหล่านั้นหาได้ทำให้นางรู้สึกพอใจไม่ อันว่ามนุษย์นั้นมิรู้จักพอย่อมจะเป็นคำกล่าวที่มิได้เกินจริงแม้แต่น้อย รัก โลภ โกรธ หลง หากมันจะมีอย่างพอดีก็คงมิมีอันใดผิด แต่หากทะเยอทะยาน อยากได้ อยากมีมากจนเกินไปก็สามารถสร้างหายนะให้แก่ชีวิต แต่ดูเหมือนจิตใจของนางจะมืดบอดเกินกว่าจะมองเห็นเสียแล้ว ภายในจิตใจยังครุ่นคิดถึงแต่ชายอื่น ผู้ซึ่งมีฐานะเป็นสามีของพี่สาวต่างมารดา สายตาหวานน
ร่างบอบบางของสตรีนางหนึ่งที่นอนคว่ำหน้าเปลือยแผ่นหลังและสะโพกมนอยู่บนตั่งเตียง ปล่อยให้บ่าวรับใช้ทายาลงบนร่องรอยฟกช้ำตรงสะโพกงามงอนและแผ่นหลัง ยังมีรอยขีดข่วนตรงเรียวขาขาวที่ทำให้ผิวเนื้อนวลมีตำหนิไม่น่ามอง สองมือของสตรีนางนั้นสั่นเทาดึงขย่ำระบายความเจ็บปวดลงบนผ้าปูเตียงจนยับย่น แต่ไหนเลยเจ็บปวดกายจะเท่าความเจ็บปวดที่ใจ ดวงตาหวานบัดนี้นั้นแดงก่ำเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำแห่งความคับแค้น ความเจ็บแค้นอัดแน่นภายในอก ไม่เคยมีใครทำเช่นนี้กับนางมาก่อน บุรุษผู้นั้นไม่เพียงกล้าเมินนาง แต่กลับทำร้ายนางโดยไม่กะพริบตาเฉินอวี่จูคิดอย่างคับแค้นใจ น้ำตาอุ่นร้อนหลั่งไหลอาบแก้ม เหตุใดนังเฉินหลี่เจินจึงได้ครอบครองบุรุษผู้นั้น เหตุใดชีวิตของมันถึงได้ดูมีความสุขและเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง มันยังคงชูคออยู่เหนือนาง ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด บุรุษที่นางมองอย่างสมเพชในกาลก่อน กลับรูปงามสมชายชาตรี แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองนาง แต่ยิ่งไม่อาจครอบครองอีกฝ่ายดังใจ นางยิ่งรู้สึกปรารถนา เพียงแค่หลับตาใบหน้าคร้ามคมและกลิ่นกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งของบุรุษเพศที่ได้สัมผัสเพียงชั่วครู่นั้น ทำให้นางยิ่งเกิดควา
ดวงตาวาววับของภรรยาที่จ้องมองมา ทำให้ลำคอของหยางซานตงแห้งผาก มองริมฝีปากอวบอิ่มที่เม้มเข้าหากันแน่นแล้วคลายออกแต่ทว่ามันกลับเริ่มสั่นระริก ดวงตาที่เมื่อครู่นั้นดูกราดเกรี้ยว เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมเอ่ยปากเสียทีบัดนี้มันดูรวดร้าว"ไม่เป็นไรในเมื่อท่านไม่อยากเอ่ยก็ไม่เป็นไร"น้ำเสียงแหบเครือเอ่ยขึ้นก่อนร่างบอบบางจะลุกออกจากตักของเขา"เจินเอ๋อ อย่าโกรธพี่เลยนะ เป็นสตรีไร้ยางอายนางนั้นต่างหาก"หยางซานตงกอดกระชับร่างบางเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยนางออกจากอ้อมแขน เพียงเห็นดวงตาหม่นหมองนั้นดวงใจของเขาก็แทบร้าวราน เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วเอ่ยถึงเหตุการณ์น่าโมโหนั้นจนหมดเปลือก ไม่คิดปิดบังแม้แต่น้อย สายตาคมมองใบหน้างดงามที่มืดครึ้มลงเรื่อยๆ ของภรรยาเมื่อเขานั้นเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองนางด้วยสายตาละห้อย"พี่สาบานได้ ว่าไม่ได้ล่วงเกินหรือเกินเลยกับนางแม้แต่น้อย"ตบท้ายด้วยการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าสตรีคนใดก็ไม่อาจที่จะทำให้เขาหวั่นไหวได้อีกแล้ว หัวใจและร่างกายของเขามันตอบสนองเพียงสัมผัสจากภรรยาเท่านั้นหลี่เจินหรี่ตามองผู้เป็นสามี สายตานั้นไล่มองเขาจนคนถูกมองใจไม่ดี นางไม่เชื่อเขาหรือ แล
ภายในห้องทำงานของนายหญิงเจ้าของหอเหม่ยฮวา สตรีสองนางนั้นกำลังนั่งสบตากันอยู่ ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของหอจะกล่าวขึ้น"หากข้าจะบอกเจ้าว่าข้าคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉินเล่า เจ้าจะว่าอย่างไร"หลี่เจินเอ่ยกับคุณหนูฉีหลานเฟิ่งอย่างตรงไปตรงมา จนใบหน้าของสตรีตรงหน้าดูตื่นตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ฉีหลานเฟิ่งมองใบหน้างดงามด้วยดวงตาสั่นไหว เหตุเพราะบนใบหน้านางนั้นอัปลักษณ์มีตุ่มหนองจึงหมกตัวอยู่เพียงในเรือนไม่ออกไปเที่ยวเล่นเช่นดังเด็กสาวในวัยเดียวกัน จึงทำให้นางไม่มีสหายที่จะคบค้าสมาคมด้วยและไม่เคยรับรู้ความเป็นไปด้านนอกจวนมากนัก แต่นางก็ไม่เคยเห็นสตรีนางนี้มาก่อน ตระกูลเฉินนั้นเป็นตระกูลของผู้ปกครองอำเภอแห่งนี้ผู้คนต่างรับรู้ว่านายอำเภอเฉินมีบุตรีสามนางที่เลอโฉม ทั้งสามนางนั้นก็เคยพบหน้ามาก่อน หรือนางจะเป็นคุณหนูเฉินหลี่เจินที่มีเรื่องอื้อฉาวเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นใบหน้าของนางยังเป็นเพียงตุ่มเล็กๆ มิได้ช้ำเลือดช้ำหนองเช่นตอนนี้ จึงพอจะรับรู้ข่าวมาบ้าง"ท่านคือคุณหนูใหญ่เฉินหลี่เจินหรือ"น้ำเสียงของสตรีนางนั้นฟังดูแหบแห้งจนน่าสงสารอยู่ไม่น้อยเฉินอี้ซิน คือสตรีที่บุรุษที่ฉีหลานเฟิ่งรักปรารถนา นางงดงา