แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาตามช่องหน้าต่างของเรือนทำให้หลี่เจินรู้สึกตัวตื่น วันนี้นางตื่นสายมากคงเป็นเพราะนางได้หลับไปช่วงรุ่งสาง แต่เปาเป่าบุตรชายของนางก็ยังไม่ตื่นเช่นกัน และสิ่งที่น่าตกใจคือตัวของเด็กชายนั้นร้อนมาก เขากำลังไม่สบาย
หลี่เจินนางรีบลุกพรวดจากที่นอนด้วยหัวใจที่สั่นระรัว กุลีกุจอเอาน้ำใส่อ่างเล็กและเช็ดตัวให้บุตรชาย เด็กน้อยตัวร้อนราวกับไฟ ริมฝีปากเล็กๆ นั้นแดงก่ำ นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ร้อนผ่าวและรัวเร็ว นางไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน มันทำให้นางรู้สึกกลัว มือนางสั่นน้อยๆ ในขณะเช็ดตัวให้บุตรชาย เพราะนี่คือครั้งแรกที่ต้องดูแลเด็กเล็กที่ป่วย เห็นเด็กน้อยผวาทุกครั้งที่นางใช้ผ้าเช็ดไปตามเนื้อตัวของเขา ดวงตาเด็กน้อยหรี่ขึ้นมองนาง นัยน์ตานั้นแดงเรื่อมีหยาดน้ำเอ่อคลอ เพียงเห็นใบหน้านางเขาก็คลี่ยิ้มออกมา ไม่งอแงแม้แต่น้อย ยอมให้นางเช็ดตัวโดยง่าย นางรู้สึกสงสารจับใจ หัวใจของนางราวกับจะอ่อนแอไปด้วย นี่คงเป็นความรู้สึกของคนเป็นแม่ นี่หรือคือกรรมที่นางต้องชดใช้ เหตุใดความทุกข์ทรมานจึงไม่เกิดแก่นางเพียงผู้เดียวกันเล่า
ที่นี่ไม่มีโรงพยาบาลมีเพียงหมอชาวบ้านและการใช้ยาต้ม ยาจีนและยาสมุนไพร ในหมู่บ้านนั้นมีหมอแต่นางไม่อยากทิ้งบุตรชายไว้คนเดียวเขาตัวร้อนเกินไปมันจะเป็นอันตราย ส่วนโรงหมอนั้นอยู่ในตัวอำเภอยิ่งไกลออกไปอีก
หลี่เจินนางนั้นคิดไม่ตกสงสารบุตรชายยิ่งนักเหตุใดจึงเจอแต่เรื่องแย่ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านางมีแหวนวิเศษและนางก็ได้ใส่กล่องยาที่มียาหลากหลายชนิดเอาไว้ในนั้นด้วย ใบหน้างามพลันยิ้มกว้าง เพียงแค่นางสัมผัสแหวน กล่องยาที่นางอยากได้ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า หลี่เจินนางรู้สึกตื่นเต้นมาก
"รอแม่สักครู่นะเปาเป่า"
นางใช้ผ้าผืนเล็กที่บิดน้ำจนหมาดวางลงบนหน้าผากของบุตรชาย ก่อนจะรีบเข้าครัวจุดเตาไฟเพื่อต้มน้ำ เขาจะต้องมีอะไรรองท้องก่อนจึงจะกินยาได้ นางนำโจ๊กสำเร็จรูปและน้ำผลไม้ออกมาจากแหวน ใช้เวลาไม่นานก็ได้โจ๊กหอมกรุ่นมาหนึ่งถ้วย เทน้ำผลไม้ใส่ถ้วยอีกใบแล้วเก็บกลับเข้าไปในแหวนดังเดิม
หลี่เจินเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง นางเอ่ยเรียกเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เปาเป่าลุกขึ้นมาทานข้าวก่อนนะลูก"
เปาเป่าที่ฝืนลืมตาขึ้น ส่งยิ้มอ่อนให้มารดา ก่อนจะลุกขึ้นตามการประคองของมารดา หลี่เจินนางใช้หมอนลองแผ่นหลังของเด็กน้อย แล้วจึงหันไปหยิบถ้วยข้าวต้มที่มีควันลอยกรุ่นมาถือไว้ในมือ
"กินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะป้อนเจ้าเอง"
เปาเป่าเขาอยากจะเอ่ยตอบมารดาแต่ในลำคอนั้นกลับแห้งผากจึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ
หลี่เจินส่งยิ้มให้บุตรชายก่อนจะตักข้าวต้มเป่าไล่ความร้อนแล้วป้อนให้กับเขา ข้าวต้มภายในถ้วยหมดไปอย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจมาก อย่างน้อยเขายังทานได้มาก จากนั้นจึงส่งน้ำให้เขาจิบ กล่องยาของนางนั้นมีเม็ดยาลดไข้สำหรับผู้ใหญ่ หลี่เจินนางจึงแบ่งยาออกเป็นสี่ส่วนแล้วให้เด็กน้อยกินไปเพียงส่วนเดียว
"มา กินยาก่อนจะได้หายไวไว"
เปาเป่าจ้องมองยาในมือของมารดา เขาไม่เคยเห็นยาเช่นนี้มาก่อน ยาที่เขาเคยกินล้วนเป็นยาต้มสีดำและมันขมมาก แต่เขาก็ยอมกินยาที่มารดาส่งให้อย่างว่าง่าย แม้ว่าเขาจะไม่ชอบกินยาเลย แต่หากเขาดื้อเขากลัวว่ามารดาจะไม่รักเขา แต่ยานั้นกลับไม่ได้ขมมากเช่นดังที่เขาคิด ยาต้มที่เขาเคยดื่มมันขมมากกว่านี้หลายเท่านักแล้วยังเหม็นมากอีกด้วย และมารดาก็ยังใจดีมากๆ ให้เขาดื่มน้ำที่มีสีสวย รสหวานอมเปรี้ยว มันอร่อยมากและมีกลิ่นหอมอีกด้วย
"อร่อยหรือไม่"
หลี่เจินเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นเขาดื่มน้ำผลไม้ในถ้วยจนหมด
"มันอร่อยมากขอรับท่านแม่"
เสียงแหบแห้งของเด็กน้อยที่เอ่ยตอบทำให้นางสงสารจับใจ จึงยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขาแผ่วเบา อุณหภูมิที่สัมผัสกับฝ่ามือของนาง ทำให้นางนั้นเบาใจขึ้น ตัวของเขาไม่ร้อนเหมือนเมื่อครู่แล้ว เพียงอุ่นๆ เท่านั้น
"หากอร่อยเจ้าก็ต้องรีบหายไข้รู้หรือไม่ แม่มีของอร่อยๆ ให้เจ้ากินอีกเยอะเลย"
หลี่เจินนางบอกบุตรชายอย่างอ็นดู ก้มลงจุมพิตศีรษะทุยเล็กอย่างอ่อนโยน
"นอนพักผ่อนให้มาก สักพักแม่จะมาปลุกทานข้าวทานยาอีกที"
นางบอกบุตรชายพร้อมกับประคองเขาให้ล้มตัวลงนอน ห่มผ้าให้เด็กน้อยที่ดวงตาหรี่ปรือแล้วเขาก็หลับไปในทันที
หลี่เจินนางมองเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงเก่าๆ ผ้าห่มและฟูกนอนล้วนเก่าและบางมากแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่กลางคืนนั้นหนาวจับใจ และร่างกายของเด็กน้อยตอนนี้ก็อ่อนแอมาก เขาคล้ายดังเด็กที่ขาดสารอาหาร นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยนั้นล้มป่วย เตียงหลังนั้นก็เล็กมาก แม้นางจะนอนกับบุตรชายได้อย่างสบายแต่ก็ไม่สะดวกมากนัก จะขยับตัวแรงๆ ก็เกรงว่ามันจะล้มครืนลงมา
นางคงต้องเปลี่ยนเตียง และเปลี่ยนในขณะที่เด็กน้อยนั้นหลับจะเป็นการดีที่สุด นางเกรงว่าเขาจะหวาดกลัวและคิดว่ามีภูตผีปีศาจมาสิงมารดาตนหากเห็นนางนำข้าวของออกจากแหวน และเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ แม้เปาเป่าจะเป็นเด็กรู้ความเชื่อฟังนางแต่เขาก็ยังเด็กหากพลั้งปากพูดไปทั้งนางและเด็กน้อยอาจจะมีอันตราย
คิดได้ดังนั้นนางจึงนำฟูกของเด็กน้อยมาปูเอาไว้ในห้องโถง ก่อนจะไปอุ้มเขาออกมานอน คงเป็นเพราะยานั้นกำลังออกฤทธิ์เด็กน้อยจึงได้หลับสนิท นางวางเขาลงอย่างเบามือแล้วห่มผ้าให้
หลี่เจินนางเคลื่อนย้ายข้าวของภายในห้องออกมาอย่างทุลักทุเลเพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับวางเตียงหลังใหม่ ฟูกนอนอันเก่านั้นถูกรื้อออกมาและนางก็ลงมือรื้อเตียงหลังเล็กที่ชำรุด นางใช้ขวานผ่าฟืนของผู้เป็นสามีทั้งตีทั้งงัดจนเตียงหลังเก่ากลายเป็นเศษไม้ ใช้เวลาเพียงไม่นานห้องทั้งห้องก็กลายเป็นพื้นที่โล่ง
หลี่เจินนางยกยิ้มอย่างพอใจทีหนึ่งก่อนจะสัมผัสลงบนแหวน เตียงหลังใหญ่ของนางก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า มันกินพื้นที่ไปเกินครึ่งของห้อง เหลือเพียงพื้นที่ปลายเตียงที่นางยืนอยู่ให้พอได้ใช้วางข้าวของ โชคดีว่าเตียงของนางนั้นเป็นเตียงไม้ แม้รูปแบบจะดูแปลกตาไปบ้างสำหรับคนที่นี่แต่ก็ใช่ว่าจะสั่งทำขึ้นมาไม่ได้ นางมองที่นอนหนานุ่ม ผ้าห่มนวมนุ่มนิ่มสีฟ้าสดใสอย่างสุดแสนคิดถึง อดไม่ไหวจนต้องทิ้งตัวลงไปนอนเกลือกกลิ้ง คว้าหมอนใบใหญ่มากอดฟัด เปาเป่าต้องชอบมันมากแน่ๆ เมื่อคิดถึงเด็กน้อยใบหน้างามก็ยกยิ้มอ่อนโยน ลุกขึ้นไปโอบอุ้มเจ้าตัวน้อยที่ตอนนี้ตัวเย็นเพราะไข้ลดลงแล้ว ยาของนางนี่ดีเสียจริง หากนำออกมาขายมันต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ
หลี่เจินนางค่อยๆ วางเจ้าตัวเล็กแสนขี้เซาลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือ เด็กน้อยเพียงขยับกายคว้าเอาหมอนข้างมาก่ายเกยเท่านั้น ท่าทางนั้นดูน่าเอ็นดูเป็นอย่างมากจึงโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้วขาวๆ หอมกรุ่นนั้นทีหนึ่ง ต่อไปนางจะทำให้แก้มเล็กๆ นี้กลายเป็นซาลาเปานุ่มนิ่มให้ได้
เมื่อห่มผ้าให้เจ้าตัวเล็กเรียบร้อยแล้ว หลี่เจินนางก็เอาหีบทั้งหมดใส่เอาไว้ใต้เตียง ตรงปลายเตียงวางตู้ใบเล็กได้หนึ่งใบก็เต็มพื้นที่ มีที่ว่างตรงประตูให้พอได้เดินเข้าออก เมื่อนางนำเตียงออกจากแหวน แหวนก็มีพื้นที่ว่างขึ้น ปรากฏสีขาวขึ้นมา นางจึงนำหีบทรัพย์สินมีค่าเก็บเอาไว้ในแหวน นางคงต้องทดสอบแหวนวงนี้ว่ามันมีความสามารถอะไรบ้าง
มองดูเวลาก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว บุตรชายป่วยเช่นนี้นางคงต้องพับเก็บความคิดที่จะออกไปในตัวอำเภอเอาไว้ก่อน รีบเดินเข้าครัวไปทำอาหาร เมื่อจุดเตาไฟเรียบร้อย นางก็หุงข้าวก่อนเป็นสิ่งแรก ก่อนจะนำกุ้งและเนื้อหมูที่ซื้อเก็บเอาไว้ในตู้เย็นออกมาจากแหวน ปรากฏว่ามันยังคงสดใหม่อยู่ แหวนวงนี้สามารถคงสภาพของที่ใส่เข้าไปให้คงเดิมไม่เน่าไม่เสีย แต่น่าเสียดายเมื่อนางลองเอาหัวกุ้งใส่กลับเข้าไปเมื่อนำออกมามันก็ยังเป็นหัวกุ้งไม่มีตัวงอกออกมา นำเนื้อหมูชิ้นเล็กใส่เข้าไปเมื่อนำออกมาก็ไม่ใหญ่ขึ้นเช่นเดิม หลี่เจินนางหัวเราะขำกับความคิดตัวเองอยู่สักพักราวกับคนบ้า นางคงดูการ์ตูนหรือคาดหวังมากเกินไป ท่านตาก็บอกแก่นางอยู่ว่านางมาชดใช้กรรมเก่า นางจะหวังสบายไม่ต้องดิ้นรนได้อย่างไร แต่เท่าที่มีก็ถือว่าระดับเทพและได้รับความเมตตามากแล้ว ข้าวของที่ได้มาหากนางวางแผนอย่างดี และใช้มันอย่างคุ้มค่า มันก็มากพอที่นางจะใช้มันสร้างเม็ดเงินเป็นทุนในการต่อยอดกิจการของนางต่อไปในภายหน้า
แต่นางก็จำได้ว่าท่านตาบอกว่าของที่ใส่มันเข้าไปในแหวนจะไม่มีวันหมดไป หากนำมันออกมาใช้จนหมดเมื่อใส่กลับไปอีกครั้งมันจะกลับมาเต็มเช่นเดิม ท่านตาหมายถึงสิ่งใดกันนะ
สิ่งใดที่เจ้ารักที่สุดเล่า สิ่งใดที่เจ้ารักที่สุดมันจะคงอยู่กับเจ้าตลอดไป
เสียงแหบที่ดังราวกับสายลมพัด นางจำมันได้ดีว่าเป็นเสียงของผู้เฒ่าชรา ก่อนรอบกายจะกลับมาเงียบสงบดังเดิม
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"
หลี่เจินนางเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายแผ่วเบา แล้วจึงสัมผัสลงบนแหวน นึกถึงสิ่งที่นางรักด้านหน้าพลันปรากฏกล่องเครื่องมือทำกินของนางด้านในนั้นเต็มไปด้วยเครื่องสำอางอย่างดี นางจึงลองแกะเนื้อแป้งด้านในตลับใบหนึ่งออกแล้วใส่ตลับแป้งใบนั้นกลับไปในแหวน เมื่อนำกลับออกมาอีกครั้งปรากฏว่ามีแป้งอยู่เต็มตลับดังเดิม สร้างความตื่นเต้นยินดีแก่นางมาก ต่อไปนางคงต้องหาลู่ทางในการเปิดกิจการของนาง ตอนนี้นางคิดเอาไว้แล้วว่านางจะสานฝันของตัวเองอีกครั้ง นางจะเปิดสถานเสริมความงามแบบครบวงจร สตรีทุกนางในที่แห่งนี้จะต้องกลายเป็นลูกค้าของนาง
เมื่อค้นพบจุดหมายของตัวเองอีกครั้งหลี่เจินนางจึงลงมือทำอาหารด้วยรอยยิ้ม จิตใจนั้นโปร่งโล่งขึ้น นางจะเดินตามความฝันที่ครั้งหนึ่งมันเคยพังทลายลง แต่ในครั้งนี้มันจะต้องดีกว่าเดิมเพราะนางมีอีกคนอยู่เคียงข้าง นางยังมีอนาคตของบุตรชายที่รอคอยให้นางผลักดันเขาให้มีอนาคตที่สดใส บุตรชายของนางจะต้องไม่มีมารดาเป็นเพียงสตรีขี้เมาไร้ประโยชน์ เขาจะต้องภูมิใจที่มีนางเป็นมารดาหลี่เจินนางลงมือสับหมูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มวันนี้นางจะทำขนมจีบกุ้งให้บุตรชายได้กิน เมื่อสับหมูเสร็จก็ต่อด้วยการสับกุ้ง จัดการกับของสดเสร็จเรียบร้อยก็หันมาเตรียมเครื่องผสมต่างๆ โดยโขลกรากผักชี กระเทียมและพริกไทยเข้าด้วยกัน นำมาผสมกับกุ้งสับ หมูสับ และต้นหอมซอย เติมเครื่องปรุงเล็กน้อยแล้วนวดทุกอย่างด้วยมือพักเอาไว้ จากนั้นจึงหันมาเตรียมส่วนผสมที่จะทำแผ่นเกี๊ยว หลี่เจินนางมองหาภาชนะสำหรับผสมแป้งจนได้อ่างไม้ขนาดพอเหมาะมาใบหนึ่ง จากนั้นจึงนำแป้งสาลีมาใส่ในอ่างไม้ แล้วทำหลุมตรงกลาง ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ใส่เกลือเล็กน้อยตามด้วยน้ำมัน แล้วค่อยๆ ตะล่อมๆ ผสมแป้ง เติมน้ำเปล่าลงไปทีละนิดๆ แล้วค่อยๆ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดีจากนั้นก็นำผ้าขาวสะอาดมาคล
ร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสีดำรัดรูปเดินทอดน่องไปตามทางเท้าที่ไร้ซึ่งผู้คน บนท้องถนนนั้นก็ดูโล่งจนน่าใจหาย ทั้งที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน รถลาบนท้องถนนนั้นแน่นขนัด ยิ่งเวลายามเย็นเช่นนี้ผู้คนที่เดินสัญจรบนทางเท้าแทบจะเดินชนกัน ดวงตาหมองเศร้าของหญิงสาวผู้นั้นกวาดมองไปรอบกายด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย ใบหน้าซูบตอบของเธอมีสีดำเปรอะเปื้อนกระดำกระด่าง จากขอบตาจรดปลายคาง เธอร้องไห้ น้ำตาของเธอทำให้สีสันที่แต่งแต้มรอบดวงตานั้นไหลย้อยลงมา แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ให้ความสนใจ กลับก้าวเดินไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย หากมีคนจ้องมองดีๆ ก็จะรู้ได้ว่าสตรีนางนี้ไม่ใช่หญิงแท้ แต่เป็นสาวสองที่คล้ายคลึงสตรีอยู่มาก เจ้าหล่อนเดินจนมาหยุดอยู่ตรงสะพานที่เบื้องล่างนั้นคือแม่น้ำเชี่ยวกราก ด้านล่างคือผืนน้ำ ด้านบนคือผืนฟ้าที่ดวงอาทิตย์กำลังลาลับช่างเป็นภาพที่สวยงามมากเคธี่ หรือ เมธี คือชื่อของเธอ เธอเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก กิจการของเธอกำลังไปได้ดีเพราะการบริการที่ดีมากและฝีมือที่โดดเด่นของเธอ เธอเป็นสาวประเภทสองที่มีความสามารถรอบด้าน เพื่อนๆ ของเธอต่างบอกว่าเธอนั้นเป็นคนเก่ง หยิบจับอะไรก็ล้วนแต่ออกมา
...เมืองซีโจว แคว้นต้าหยวน...เมืองซีโจวนั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้นหลายพันลี้ แต่ทว่ากลับคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายเพราะเป็นเมืองหน้าด่านเป็นศูนย์รวมของการค้า มีพื้นที่อุมสมบูรณ์ ทิศหนึ่งนั้นติดแม่น้ำกว้างใหญ่ที่ไม่มีวันแห้งเหือดเป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน และยังโอบล้อมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ สิ่งปลูกสร้างต่างๆ เจริญรุ่งเรืองไม่แพ้กับเมืองหลวงเมืองซีโจวนั้นยังประกอบไปด้วยอีกหลายอำเภอที่มีนายอำเภอมาจากตระกูลใหญ่ หนึ่งในนั้นคืออำเภอซีซาอำเภอซีซา มีตระกูลเฉินปกครองมาหลายชั่วอายุคนจวนตระกูลเฉิน ในค่ำคืนนี้นั้นดูครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันนี้นั้นเป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบหกสิบปีของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉิน มารดาของท่านนายอำเภอ เฉินสวีคัง ซึ่งในปีนี้นั้นถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต แขกเหรื่อที่มาร่วมอวยพรล้วนมาจากตระกูลใหญ่ในขณะที่ทุกคนภายในงานนั้นกำลังชื่นชมการแสดงการร่ายรำของนางรำอันดับหนึ่ง ร่วมดื่มกินกันอย่างครื้นเครงนั้น แต่ภายในเรือนหลังหนึ่งกลับปรากฏร่างงดงามของสตรีนอนเปลือยกายบิดเร่าอยู่บนเตียงกว้างราวกับกำลังทรมานนางคือ เฉินหลี่เจิน คุณหนูใหญ
เสียงฝีเท้าของผู้คนมากมายที่มุ่งตรงมาทางนี้ ทำให้ฝ่ามือหนาของบุรุษที่กำลังจ้องมองแผ่นหลังบอบบางของสตรีที่นอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ข้างกายด้วยประกายเย็นชา ตวัดผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่างของนางเอาไว้ ก่อนตัวเขาจะลุกขึ้นมาคว้าเอาเสื้อผ้าที่เกลื่อนอยู่บนพื้นมาสวมใส่อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด พอดีกับที่ประตูนั้นได้เปิดออกกว้าง พร้อมกับผู้คนมากมายที่กรูกันเข้ามาเฉินหลี่เจินที่หลับตาแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลนอง ริมฝีปากบวมช้ำกดลึกขึ้นอย่างเย้ยหยัน คนสารเลวพวกนั้นคงกำลังหัวเราะเยาะนางอยู่ในใจ เสียงหวีดร้องคุ้นหูที่ดังขึ้นราวกับตกใจหนักหนาของคนเหล่านั้น ทำให้มือเล็กกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา ความเกลียดชังกลืนกินนางจนด้านชา ไม่สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเบื้องหลังแม้แต่น้อย ปล่อยให้คนพวกนั้นแสดงงิ้วกันตามแต่ใจสวรรค์เหตุใดจึงได้ใจร้ายกับนางนัก คนพวกนั้นร้ายกาจกับนางก่อนมิใช่หรอกหรือ สิ่งที่นางตอบโต้ล้วนแล้วแต่ต้องการที่จะปกป้องตัวเอง แล้วเหตุใดจึงลงโทษนางเช่นนี้หลังจากนี้นางก็พอจะรู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง เฉินหลี่เจินนางได้แต่คิดอย่างขมขื่นใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความอับอายขายหน้าให้กับตระกูลเฉินเป็นอย
หยางซานตง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ อดีตนั้นเขาเป็นเด็กผู้ชายใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูที่ตาเฒ่าหยางกระเตงกลับมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เดิมนั้นเฒ่าหยางเป็นทหารอยู่ในกองทัพ แต่เมื่อครั้งที่ไปรบพลาดพลั้งถูกศัตรูฟาดฟันจนเสียแขน จึงทำให้ต้องออกจากการเป็นทหาร แต่ตอนที่กลับมานั้นเขาได้พาเด็กชายตัวน้อยกลับมาด้วย เฒ่าหยางบอกกับทุกคนว่าเด็กชายนั้นเป็นบุตรของเขาเอง แม้จะไม่มีผู้ใดเชื่อเพราะเด็กน้อยนั้นหล่อเหลาราวกับเทพเซียน ผิวพรรณหรือก็ผุดผ่องนุ่มนิ่มราวกับซาลาเปา ส่วนเฒ่าหยางตัวดำเหมือนกับก้นกระทะ แต่ไม่เชื่อแล้วอย่างไร พวกเขาจะทำเช่นไรได้ในเมื่อไม่ใช่เรื่องของตนเฒ่าหยางเมื่อกลับมาอยู่ในหมู่บ้านก็อาศัยอยู่ในผืนดินผืนเล็กท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นของบิดามารดาที่ทิ้งเอาไว้ให้ มีเพียงบ้านหลังเล็กให้พอได้อยู่อาศัย เก็บฟืนหาของป่าเลี้ยงตัวเองและบุตรชาย ต่อมาก็หันมาเผาถ่านขายเลี้ยงชีพวันเวลาผันผ่านเฒ่าหยางจากบุรุษในวัยฉกรรจ์ก็แก่ชราลง ส่วนเด็กชายตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูในวันวาน ก็เติบโตขึ้นกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา จนกระทั่งเมื่อหลายปีก่อนเฒ่าหยางได้จบชีวิตลง ทิ้งผู้เป็นบุตรชายให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เดิม
ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เฉินหลี่เจินนางได้ว่าจ้างให้คนส่งข่าวเกี่ยวกับคนตระกูลเฉินอยู่เสมอ และในวันนี้ข่าวที่ถูกส่งมาทำให้นางตัดสินใจลอบเข้าไปในตัวอำเภอเพราะความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก เพียงรับรู้ว่าคนพวกนั้นอยู่ดีมีสุขนางก็รู้สึกโกรธแค้นมากพอแล้ว แต่เรื่องนี้กลับทำให้นางเจ็บแค้นแทบกระอัก เมื่อ เฉินอวี่จู น้องสาวต่างมารดาที่นางเกลียดชังอีกฝ่ายเข้ากระดูก นางได้ตบแต่งให้กับคุณชายตระกูลใหญ่ที่ตนเองเคยผูกสัมพันธ์ก็ยิ่งสร้างความเกลียดชังและคับแค้นใจแก่นาง จนต้องมาให้เห็นกับตา ภาพเกี้ยวเจ้าสาวที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามและขบวนสินเดิมยาวเหยียด ทำให้นางคับแค้นจนหลั่งน้ำตา แต่กลับไม่อาจทำสิ่งใดได้ ได้แต่ยืนมองความพ่ายแพ้ของตนเองอย่างเจ็บช้ำนางกลับมายังเรือนโกโรโกโสหลังนั้นด้วยความแค้นที่อัดแน่นสุมอก ใช้สุราดับไฟร้อน หมกตัวอยู่แต่ในเรือน นางกลายเป็นสตรีติดสุรา ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่สนใจรูปโฉมที่นางภูมิอกภูมิใจหนักหนา ผิวพรรณที่เคยผ่องใสนั้นดูแห้งกร้าน ใบหน้าหมองคล้ำอมทุกข์"หยุดดื่มได้แล้ว"หยางซานตงเดินเข้ามาแล้วแย่งจอกสุราออกจากมือของนาง มิหนำซ้ำเขายังเอาไหสุราของนางเททิ้งจนหมด แม้อยากจะอาละวาดเ
นั่นเป็นเรื่องราวของเจ้าของร่างที่ทำให้ผู้มาใหม่ถึงกับกุมขมับ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนมาอยู่ในที่แห่งนี้ นางนั่งสงบจิตสงบใจอยู่พักใหญ่หลังจากที่ฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง สายตาก็จ้องมองร่างเล็กๆ ที่ขดตัวอยู่มุมห้อง เด็กน้อยผู้นั้นได้หลับไปแล้ว นางนั่งมองก้อนกลมๆ ก้อนนั้นอย่างเวทนา ชีวิตเด็กคนนี้เหตุใดจึงได้น่าสงสารขนาดนี้กันคนเรานี่ก็แปลกนัก คนที่เขาอยากจะมีลูกพยายามแทบตาย หมดเงินหมดทองไปมากก็ไม่อาจสมหวัง แต่คนที่ไม่อยากจะมี ไม่พร้อมที่จะมี กลับมองไม่เห็นคุณค่าของชีวิตเล็กๆ นี้ เมื่อรู้ว่าเขามีค่ามากแค่ไหน ตอนนั้นก็สายเกินไปเสียแล้วนางมองเด็กน้อยตรงหน้า สงสารอีกฝ่ายจับใจ หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาจะบอบช้ำมากเพียงใดกัน แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นก้อนซาลาเปาสีขุ่นที่วางอยู่ใกล้ๆ กับที่เด็กน้อยผู้นั้นนอนอยู่ นางยิ่งรู้สึกขมพร่าในลำคอ ดูก็รู้ว่าซาลาเปาก้อนนั้นไม่อาจที่จะกินได้อีก แต่เพราะความหิวเด็กน้อยจึงต้องกินมันร่างผอมบางจึงสูดลมเข้าปอดอึกใหญ่อย่างฮึดสู้เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คงต้องลองดูกันสักตั้ง ถือเสียว่าสวรรค์ท่านประทานพรให้ตามคำขอของนาง ให้ตามคำขอทุกประการเสียด้วย นางได้เกิดเป็นหญิงสมใจ
เฉินหลี่เจินนางเก็บทุกอย่างล้างจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินสำรวจทุกอย่างในครัว ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ข้าวสารนั้นมีอยู่เต็มถังไม้ใบใหญ่ ซึ่งยังไม่มีการตักใช้เลย ในตะกร้าก็มีไข่อยู่เต็ม แป้ง เกลือ น้ำตาลกรวด น้ำปรุงรส น้ำมัน ถั่วและพวกธัญพืชต่างๆ ล้วนถูกเติมเอาไว้เต็มโถ ผักดอง กุ้งแห้ง เนื้อปลาตากแห้งและยังมีเนื้อหมูตากแห้งอีกด้วย ทุกอย่างล้วนยังไม่ถูกนำมาใช้ คงเป็นบิดาของเด็กน้อยที่จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ ช่างเป็นสามีและบิดาที่แสนดีจริงๆ และนางยังจำได้ว่าอีกฝ่ายได้มอบเงินเก็บทั้งหมดให้กับเจ้าของร่างก่อนไปด้วย แต่เจ้าของร่างนี้กลับไม่สนใจสิ่งใดเลยช่างน่าเศร้านัก แต่ไหนๆ อีกฝ่ายก็ตายไปแล้ว ตอนนี้นางคือเฉินหลี่เจิน จะไปต่อว่าคนตายก็กระไรอยู่ ต่อไปตนแค่ทำหน้าที่แทนนางให้ดีที่สุดก็พอคิดได้เช่นนั้นก็ลงมือจุดไฟ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องไม้ฟืนและถ่านที่ใช้สำหรับหุงหาอาหาร นางเห็นว่าตรงด้านหลังเรือนนั้นมีทั้งไม้ฟืนและถ่านอยู่เต็มโรงเก็บ ก็เจ้าของเรือนมีอาชีพเผาถานจะขาดแคลนได้อย่างไร อาหารมื้อแรกในวันนี้ นางจะทำข้าวต้มธรรมดาใส่พุทราจีนสักเล็กน้อย มีเครื่องเคียงเป็นเนื้อปลาตากแห้งทอดกรอบและผักด
เมื่อค้นพบจุดหมายของตัวเองอีกครั้งหลี่เจินนางจึงลงมือทำอาหารด้วยรอยยิ้ม จิตใจนั้นโปร่งโล่งขึ้น นางจะเดินตามความฝันที่ครั้งหนึ่งมันเคยพังทลายลง แต่ในครั้งนี้มันจะต้องดีกว่าเดิมเพราะนางมีอีกคนอยู่เคียงข้าง นางยังมีอนาคตของบุตรชายที่รอคอยให้นางผลักดันเขาให้มีอนาคตที่สดใส บุตรชายของนางจะต้องไม่มีมารดาเป็นเพียงสตรีขี้เมาไร้ประโยชน์ เขาจะต้องภูมิใจที่มีนางเป็นมารดาหลี่เจินนางลงมือสับหมูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มวันนี้นางจะทำขนมจีบกุ้งให้บุตรชายได้กิน เมื่อสับหมูเสร็จก็ต่อด้วยการสับกุ้ง จัดการกับของสดเสร็จเรียบร้อยก็หันมาเตรียมเครื่องผสมต่างๆ โดยโขลกรากผักชี กระเทียมและพริกไทยเข้าด้วยกัน นำมาผสมกับกุ้งสับ หมูสับ และต้นหอมซอย เติมเครื่องปรุงเล็กน้อยแล้วนวดทุกอย่างด้วยมือพักเอาไว้ จากนั้นจึงหันมาเตรียมส่วนผสมที่จะทำแผ่นเกี๊ยว หลี่เจินนางมองหาภาชนะสำหรับผสมแป้งจนได้อ่างไม้ขนาดพอเหมาะมาใบหนึ่ง จากนั้นจึงนำแป้งสาลีมาใส่ในอ่างไม้ แล้วทำหลุมตรงกลาง ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ใส่เกลือเล็กน้อยตามด้วยน้ำมัน แล้วค่อยๆ ตะล่อมๆ ผสมแป้ง เติมน้ำเปล่าลงไปทีละนิดๆ แล้วค่อยๆ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดีจากนั้นก็นำผ้าขาวสะอาดมาคล
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาตามช่องหน้าต่างของเรือนทำให้หลี่เจินรู้สึกตัวตื่น วันนี้นางตื่นสายมากคงเป็นเพราะนางได้หลับไปช่วงรุ่งสาง แต่เปาเป่าบุตรชายของนางก็ยังไม่ตื่นเช่นกัน และสิ่งที่น่าตกใจคือตัวของเด็กชายนั้นร้อนมาก เขากำลังไม่สบายหลี่เจินนางรีบลุกพรวดจากที่นอนด้วยหัวใจที่สั่นระรัว กุลีกุจอเอาน้ำใส่อ่างเล็กและเช็ดตัวให้บุตรชาย เด็กน้อยตัวร้อนราวกับไฟ ริมฝีปากเล็กๆ นั้นแดงก่ำ นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ร้อนผ่าวและรัวเร็ว นางไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน มันทำให้นางรู้สึกกลัว มือนางสั่นน้อยๆ ในขณะเช็ดตัวให้บุตรชาย เพราะนี่คือครั้งแรกที่ต้องดูแลเด็กเล็กที่ป่วย เห็นเด็กน้อยผวาทุกครั้งที่นางใช้ผ้าเช็ดไปตามเนื้อตัวของเขา ดวงตาเด็กน้อยหรี่ขึ้นมองนาง นัยน์ตานั้นแดงเรื่อมีหยาดน้ำเอ่อคลอ เพียงเห็นใบหน้านางเขาก็คลี่ยิ้มออกมา ไม่งอแงแม้แต่น้อย ยอมให้นางเช็ดตัวโดยง่าย นางรู้สึกสงสารจับใจ หัวใจของนางราวกับจะอ่อนแอไปด้วย นี่คงเป็นความรู้สึกของคนเป็นแม่ นี่หรือคือกรรมที่นางต้องชดใช้ เหตุใดความทุกข์ทรมานจึงไม่เกิดแก่นางเพียงผู้เดียวกันเล่าที่นี่ไม่มีโรงพยาบาลมีเพียงหมอชาวบ้านและการใช้ยาต้ม ย
หลี่เจินนางนอนกระสับกระส่าย รู้สึกหนาวเย็นจนนอนไม่หลับ จึงได้ลืมตาตื่นขึ้น ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำให้รู้ได้ว่านางหลับไปแล้ว แต่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ในฝันนั้นนางกำลังยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ถึงว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกหนาวจับใจ นางกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นว่ามีผู้เฒ่าชราผมขาวราวกับไข่มุกเปล่งประกายยาวละพื้นกำลังมองนางอยู่ นางรู้ได้ในทันทีว่าท่านเป็นเทพเซียนที่นำพานางมายังสถานที่แห่งนี้ นางจึงได้ก้าวเข้าไปคารวะอีกฝ่ายแล้วนั่งลงตรงหน้า"ท่านผู้เฒ่า""ได้พบกันเสียทีนะนังหนู"เสียงแหบแห้งของท่านผู้เฒ่าเอ่ยกับนางอย่างมีเมตตา"ท่านต้องการพบข้า เพราะอยากจะให้พรข้าหรือเจ้าคะ"หลี่เจินนางส่งยิ้มหวานให้ผู้เฒ่าชราผู้นั้น ในหนังในละครก็เป็นเช่นนี้ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าให้นางน้อยๆ"เจ้านั้นมีกรรมที่ผูกพันกับคนที่นี่ จึงได้ต้องกลับมาชดใช้ ในภพชาติก่อนเจ้ายังกระทำกรรมกับชีวิตตนเอง หากข้ามอบพรวิเศษแก่เจ้า แล้วจักเรียกว่าชดใช้กรรมได้อย่างไร"หลี่เจินนั้นหุบยิ้มลงในทันใด สีหน้านั้นแสดงออกถึงความผิดหวัง ก่อนจะมองผู้อาวุโสตาปริบๆ"ข้อเดียวก็ไม่ได้หรือเจ้าค่ะ"เฒ่าชราระบายลมหายใจออกมาแล้วหลั
วันนี้ตลอดทั้งวันสองแม่ลูกต่างช่วยกันทำความสะอาดเรือนครั้งใหญ่ ในที่สุดเรือนหลังน้อยก็มีสภาพที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ดูสะอาดสะอ้านสบายตา แต่ก็ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องซ่อมแซม รอให้อะไรหลายๆ อย่างลงตัวมากกว่านี้ ค่อยมาว่ากันอีกที เมื่อดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดมิดมาเยือน หลี่เจินนางจุดตะเกียงและเชิงเทียนทั้งหมดที่มีอยู่ แต่แสงสว่างของมันช่างน้อยนิด นางไม่คุ้นชินกับแสงสลัวเช่นนี้เลยเด็กน้อยเปาเป่าที่ดูจะง่วงงุนเต็มที คว้าเอาผ้าห่มและหมอนตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องโถง สายตาของเด็กน้อยมองหาฟูกนอนของเขาที่นางได้เก็บออกไป นางมองการกระทำนั้นแล้วขมวดคิ้วมุ่น"เปาเป่านั่นลูกจะทำอะไรหรือ"เปาเป่าหันมามองมารดา ดวงตาที่หรี่ปรือนั้นฝืนขึ้นตอบผู้เป็นมารดา"ข้าจะเข้านอนขอรับท่านแม่"หลี่เจินเดินเข้ามาหาบุตรชายคว้าเอาหมอนและผ้าห่มในมือเด็กน้อยมาถือเอาไว้"แล้วเหตุใดจึงจะมานอนตรงนี้เล่า"คำถามของมารดาทำให้เปาเป่าน้อยมึนงง ว่าเหตุใดมารดาจึงถามเช่นนั้นก็ในเมื่อที่ตรงนี้เป็นที่ที่เขานอนในทุกคืน"ไป ไปนอนกับแม่"คำพูดของมารดาทำให้อาการง่วงงุนของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง แต่มิได้ทันตั้งตัว หรือคิดทบทวนคำพูดนั้นซ้ำ ร่างเ
หลี่เจินนางจ้องมองเจ้าตัวเล็กที่ถูกนางจับอาบน้ำขัดถูขี้ไคลจนสะอาดสะอ้านด้วยตาเป็นประกาย เส้นผมหนานุ่มที่ปกคลุมศีรษะทุยเล็กถูกนางสระจนหอมกรุ่น ผิวของเขานุ่มนิ่มขาวนวลราวกับเต้าหู้ คิ้วตาจมูกปากล้วนได้รูปน่ามอง หากโตขึ้นเขาคงเป็นบุรุษที่รูปงามมาก"เปาเป่าของแม่รูปงามยิ่งนัก"เปาเป่าน้อยที่ตอนนี้ตัวหอมกรุ่น แก้มขาวๆ ของเขานั้นแดงเรื่อ ใบหูเล็กแดงก่ำอย่างน่าเอ็นดู เขารู้สึกเขินอายกับคำชมของมารดาเป็นอย่างมาก ท่าทางน่าเอ็นดูนั้นทำให้หลี่เจินไม่อาจอดใจไหวต้องดึงเจ้าตัวเล็กนั้นมากอดมาหอมเสียหลายฟอด นั่นยิ่งทำให้เปาเป่าหัวใจพองโต มารดาหอมแก้มเขานั่นหมายถึงมารดารักเขามาก ต่อไปเขาจะอาบน้ำทุกวันหลังจากขัดถูสิ่งสกปรกให้บุตรชายจนเกลี้ยงเกลา นางก็ปล่อยให้เขาได้เล่นน้ำสักครู่ ส่วนนางก็หันมาแกะเม็ดบัวออกจากฝัก ก่อนจะเดินมาถึงลำธาร เปาเป่านั้นบอกว่าจะพานางไปดูดอกเหลียนฮวาที่กำลังบานสะพรั่ง มันงดงามมาก เขาอยากให้นางได้เห็น ถัดไปจากลำธารเดินลงใต้ไปไม่ไกลมากนักเป็นบึงบัวขนาดใหญ่ที่ความยาวนั้นไกลสุดสายตา ดอกบัวกำลังพากันเบ่งบานเต็มบึงหลากหลายสี เหล่าผีเสื้อและแมลงบินวนโฉบไปโฉบมา บางตัวก็กำลังดอมดมดอกเหลี
"เปาเป่า"หลี่เจินนางเอ่ยเรียกเด็กน้อยเสียงเบา มองสบแววตากลมโตคู่นั้นอย่างไม่อาจที่จะบรรยายความรู้สึก แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง"มาหา...แม่สิ"เมื่อเปล่งคำนั้นออกไป นางรับรู้ถึงความเต็มตื้นในจิตใจ รู้สึกรักและผูกพันกับเด็กชายตรงหน้าขึ้นมาอย่างประหลาด มือผอมบางทั้งสองค่อยๆ ยกขึ้น ยื่นไปด้านหน้า นางมองสบตาเด็กน้อยอย่างรอคอยเจ้าตัวเล็กนั้นจ้องมองการกระทำของสตรีตรงหน้าด้วยดวงตาสั่นไหว เขาเป็นเพียงเด็ก แค่เพียงเห็นความอ่อนโยนของคนตรงหน้าก็ลดอาการเกร็งตัวและหวาดกลัวลง ลืมเลือนความเจ็บปวดที่เคยได้รับจนหมดสิ้น ยิ่งคนตรงหน้าคือมารดา คือคนที่เขาโหยหาอ้อมกอดและอยากจะเป็นที่รักของนางมากที่สุด เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะโผเข้าหาอ้อมแขนนั้นร่างเล็กที่พุ่งเข้ามากอดนางเอาไว้แน่น ทำให้หลี่เจินผละไปด้านหลังเล็กน้อยกับแรงปะทะนั้น แม้จะตกใจบ้างในคราแรก แต่ต่อมานางก็ยิ้มและหัวเราะออกมา เมื่อรับรู้ถึงความยินดีของเจ้าตัวน้อย เอ่ยกับเจ้าลูกแมวที่ซุกใบหน้าอยู่ในอ้อมแขนของนางเสียงสั่นเครือ"ขอโทษ แม่...ขอโทษนะเปาเป่า"เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ รู้สึกจุกแน่นร้าวไปทั้งอก น้ำตาหลั่งไหลออกมาอย่า
เฉินหลี่เจินนางเก็บทุกอย่างล้างจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินสำรวจทุกอย่างในครัว ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ข้าวสารนั้นมีอยู่เต็มถังไม้ใบใหญ่ ซึ่งยังไม่มีการตักใช้เลย ในตะกร้าก็มีไข่อยู่เต็ม แป้ง เกลือ น้ำตาลกรวด น้ำปรุงรส น้ำมัน ถั่วและพวกธัญพืชต่างๆ ล้วนถูกเติมเอาไว้เต็มโถ ผักดอง กุ้งแห้ง เนื้อปลาตากแห้งและยังมีเนื้อหมูตากแห้งอีกด้วย ทุกอย่างล้วนยังไม่ถูกนำมาใช้ คงเป็นบิดาของเด็กน้อยที่จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ ช่างเป็นสามีและบิดาที่แสนดีจริงๆ และนางยังจำได้ว่าอีกฝ่ายได้มอบเงินเก็บทั้งหมดให้กับเจ้าของร่างก่อนไปด้วย แต่เจ้าของร่างนี้กลับไม่สนใจสิ่งใดเลยช่างน่าเศร้านัก แต่ไหนๆ อีกฝ่ายก็ตายไปแล้ว ตอนนี้นางคือเฉินหลี่เจิน จะไปต่อว่าคนตายก็กระไรอยู่ ต่อไปตนแค่ทำหน้าที่แทนนางให้ดีที่สุดก็พอคิดได้เช่นนั้นก็ลงมือจุดไฟ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องไม้ฟืนและถ่านที่ใช้สำหรับหุงหาอาหาร นางเห็นว่าตรงด้านหลังเรือนนั้นมีทั้งไม้ฟืนและถ่านอยู่เต็มโรงเก็บ ก็เจ้าของเรือนมีอาชีพเผาถานจะขาดแคลนได้อย่างไร อาหารมื้อแรกในวันนี้ นางจะทำข้าวต้มธรรมดาใส่พุทราจีนสักเล็กน้อย มีเครื่องเคียงเป็นเนื้อปลาตากแห้งทอดกรอบและผักด
นั่นเป็นเรื่องราวของเจ้าของร่างที่ทำให้ผู้มาใหม่ถึงกับกุมขมับ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนมาอยู่ในที่แห่งนี้ นางนั่งสงบจิตสงบใจอยู่พักใหญ่หลังจากที่ฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง สายตาก็จ้องมองร่างเล็กๆ ที่ขดตัวอยู่มุมห้อง เด็กน้อยผู้นั้นได้หลับไปแล้ว นางนั่งมองก้อนกลมๆ ก้อนนั้นอย่างเวทนา ชีวิตเด็กคนนี้เหตุใดจึงได้น่าสงสารขนาดนี้กันคนเรานี่ก็แปลกนัก คนที่เขาอยากจะมีลูกพยายามแทบตาย หมดเงินหมดทองไปมากก็ไม่อาจสมหวัง แต่คนที่ไม่อยากจะมี ไม่พร้อมที่จะมี กลับมองไม่เห็นคุณค่าของชีวิตเล็กๆ นี้ เมื่อรู้ว่าเขามีค่ามากแค่ไหน ตอนนั้นก็สายเกินไปเสียแล้วนางมองเด็กน้อยตรงหน้า สงสารอีกฝ่ายจับใจ หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาจะบอบช้ำมากเพียงใดกัน แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นก้อนซาลาเปาสีขุ่นที่วางอยู่ใกล้ๆ กับที่เด็กน้อยผู้นั้นนอนอยู่ นางยิ่งรู้สึกขมพร่าในลำคอ ดูก็รู้ว่าซาลาเปาก้อนนั้นไม่อาจที่จะกินได้อีก แต่เพราะความหิวเด็กน้อยจึงต้องกินมันร่างผอมบางจึงสูดลมเข้าปอดอึกใหญ่อย่างฮึดสู้เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คงต้องลองดูกันสักตั้ง ถือเสียว่าสวรรค์ท่านประทานพรให้ตามคำขอของนาง ให้ตามคำขอทุกประการเสียด้วย นางได้เกิดเป็นหญิงสมใจ
ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เฉินหลี่เจินนางได้ว่าจ้างให้คนส่งข่าวเกี่ยวกับคนตระกูลเฉินอยู่เสมอ และในวันนี้ข่าวที่ถูกส่งมาทำให้นางตัดสินใจลอบเข้าไปในตัวอำเภอเพราะความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก เพียงรับรู้ว่าคนพวกนั้นอยู่ดีมีสุขนางก็รู้สึกโกรธแค้นมากพอแล้ว แต่เรื่องนี้กลับทำให้นางเจ็บแค้นแทบกระอัก เมื่อ เฉินอวี่จู น้องสาวต่างมารดาที่นางเกลียดชังอีกฝ่ายเข้ากระดูก นางได้ตบแต่งให้กับคุณชายตระกูลใหญ่ที่ตนเองเคยผูกสัมพันธ์ก็ยิ่งสร้างความเกลียดชังและคับแค้นใจแก่นาง จนต้องมาให้เห็นกับตา ภาพเกี้ยวเจ้าสาวที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามและขบวนสินเดิมยาวเหยียด ทำให้นางคับแค้นจนหลั่งน้ำตา แต่กลับไม่อาจทำสิ่งใดได้ ได้แต่ยืนมองความพ่ายแพ้ของตนเองอย่างเจ็บช้ำนางกลับมายังเรือนโกโรโกโสหลังนั้นด้วยความแค้นที่อัดแน่นสุมอก ใช้สุราดับไฟร้อน หมกตัวอยู่แต่ในเรือน นางกลายเป็นสตรีติดสุรา ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่สนใจรูปโฉมที่นางภูมิอกภูมิใจหนักหนา ผิวพรรณที่เคยผ่องใสนั้นดูแห้งกร้าน ใบหน้าหมองคล้ำอมทุกข์"หยุดดื่มได้แล้ว"หยางซานตงเดินเข้ามาแล้วแย่งจอกสุราออกจากมือของนาง มิหนำซ้ำเขายังเอาไหสุราของนางเททิ้งจนหมด แม้อยากจะอาละวาดเ