“เพราะข้ารู้ถึงได้วางแผนเหล่านี้ให้พวกท่านอย่างไรล่ะเจ้าค่ะ ข้าเคยใช้แซ่เผยต่อให้แต่งออกไปหากตระกูลเผยมีปัญหาข้าเองก็ต้องเดือดร้อน หรือแม้แต่วันหน้าข้าเดือดร้อนตระกูลเผยก็ไม่อาจอยู่เป็นสุขได้ ท่านแม่ว่าจริงหรือไม่” เผยตั้นเยี่ยนไม่รอช้าที่จะตอบกลับ เพื่อจะเอ่ยให้เผยฮูหยินรู้ว่าหากนางมีภัยคนตระกูลเผยก็ต้องช่วยนางเช่นกัน
“ในเมื่อไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ข้าจึงอยากจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะแต่งเข้าจวนอ๋อง เมื่อข้าไปอยู่ที่จวนอ๋องแล้วจะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง และอีกอย่างหากข้าออกเรือนไปแล้วท่านแม่คิดจะให้ข้านำเงินมาจุนเจือในจวนอีกอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นท่านอ๋องจะมองพวกท่านเช่นไร เช่นนั้นยามที่ข้ายังอยู่ที่จวนมิสู้พวกท่านรีบปูทางให้ตนเองไม่ดีหรือ อย่างไรเสียหากข้าต้องการสิ่งใดเพื่อตระกูลตนเองในยามนี้จะเอ่ยปากกับท่านอ๋องก็ยังมิดูน่าเกลียด ท่านแม่ว่าจริงหรือไม่”
ใบหน้าของหลินเยว่ฉีทำให้เผยตั้นเยี่ยนรู้ว่านางสามารถโน้มน้าวได้สำเร็จเป็นแน่ ถึงเผยฮูหยินจะยังไม่พูดออกมาแต่ในใจของสตรีวัยกลางคนก็น่าจะคล้อยตามนา
เผยตั้นเยี่ยนไม่คิดรอให้เว่ยเหวินเซียนเอ่ยบทลงโทษสตรีทั้งสอง เพราะนางรู้ว่าหากมีรับสั่งออกมาแล้ว การกลับคำต่อหน้าผู้ใต้บัญชาการจะทำให้บุรุษที่ปกครองเหล่าแม่ทัพอย่างเขาขาดความน่าเชื่อถือได้ จึงรีบกล่าวช่วยสตรีทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับก้าวเท้าลงมาจากเตียง“ท่านอ๋องเพคะ หากจะลงโทษพวกนางก็ลงโทษหม่อมฉันก่อนเถอะเพคะ เพราะหม่อมฉันเป็นคนสั่งให้พวกนางไปซื้อของเอง พวกนางมิได้ละเลยหน้าที่เลยแม้แต่น้อย” เผยตั้นเยี่ยนเอ่ยเสียงหนักแน่นเมื่อเห็นว่าบุรุษสูงศักดิ์นิ่งเงียบ หญิงสาวจึงได้หันไปหาสตรีสองคนที่คุกเข่าอยู่ “พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”ลี่มี่กับเหมิงเหมิงไม่รอช้ารีบลุกขึ้นยอบกายออกจากห้องไปทันที พวกนางรีบกลับไปยังเรือนพักของตนเอง เนื่องจากคืนนี้พวกนางไม่จำเป็นจะต้องเป็นห่วงพระชายาชินอ๋องแล้ว ที่พวกนางมาถึงห้องนอนของเผยตั้นเยี่ยนได้อย่างรวดเร็ว เพราะพวกนางกลัวว่าจะทำหน้าที่พลาดอีก จึงได้เดินสำรวจรอบบริเวณไม่ยอมกลับห้องนอนของตนเองเมื่อสาวรับใช้ทั้งสองเดินมาถึงเรือนนอน ก็พบกับฉุยฉุยที่เพิ่งเดินมาถึงห้องนอนเช่นกัน “เจ้าไปไหนมาอย่างน
“วันนี้ท่านอ๋องคงเหนื่อยล้ามามาก บรรทมเถอะเพคะ แค่เพียงท่านอ๋องมาอยู่ข้าง ๆ หม่อมฉันก็ไม่กลัวสิ่งใดแล้ว” น้ำเสียงของหญิงสาวเจ้าของเตียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด อาจเป็นเพราะความมืดจึงทำให้นางไม่เห็นว่ายามนี้ใบหน้าของเขาอ่อนเพลียเพียงใดนางรู้ข่าวจากสาวใช้ทั้งสองที่เว่ยเหวินเซียนส่งมาว่าตั้งแต่จัดการลงทัณฑ์หยางหวังลี่เสร็จ เว่ยชินอ๋องก็รีบออกจากเมืองไปตามจับโจรทั้งสองคนทันที เพราะกลัวว่านางจะถูกกล่าวหาว่าพูดเท็จต่อหน้าพระพักตร์เพื่อใส่ความหยางหวังลี่และคนตระกูลหยาง ถึงเขาจะไปตามจับโจรแต่ก็ยังไม่วายที่จะคิดเพื่อนาง ไม่เพียงส่งคนมาคุ้มครองยังรีบกลับมาอยู่ข้างนางอีกด้วย“ขอบพระทัยเพคะที่ทำเพื่อหม่อมฉัน ทั้งที่หม่อมฉันมิได้ร้องขอ” เผยตั้นเยี่ยนเอ่ยเมื่อเห็นราง ๆ ว่าดวงตาของบุรุษตรงหน้านั้นยังมิยอมหลับลง“เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นรางวัลได้หรือไม่” ถึงร่างกายของเขาจะอ่อนเพลียมากก็จริง แต่การได้พบหน้านางก็ทำให้กำลังของเขากลับมาหลายส่วน ครั้นคิดว่าจะได้รางวัลจากนางความง่วงที่มาเยือนก่อนหน้าก็มลายหายไปทันที เพราะยามนี้หัวใจเขาเต้นโครมครามลุ้น
เมื่อบุรุษตัวโตรับรู้ได้ว่าสตรีใต้ร่างก็มีความปรารถนาไม่ต่างจากเขา จึงได้ผละริมฝีปากออกก่อนจะผงกศีรษะขึ้นและเลื่อนใบหน้าหล่อเหลามาข้างใบหูของนางจากนั้นก็กระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“นับตั้งแต่นี้ไป เจ้าก็คือพระชายาของข้า” เขาเอ่ยบอกนางเป็นนัย ๆ เพราะเรื่องบนเตียงช้าเร็วอย่างไรก็ย่อมเกิดขึ้น เพียงแค่เขาเร่งเวลาให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นหญิงสาวมิใช่คนโง่เพียงได้ยินคำพูดของเขาบวกกับการกระทำ นางก็รู้ว่าเขาต้องการสิ่งใด และอย่างไรวันนี้เขาคงไม่คิดปล่อยนางไปแน่ เช่นนั้นนางย่อมต้องถามเขาให้ชัดเจน เพราะนางไม่มีทางให้เขาเอาเปรียบอย่างเสียเปล่า“ท่านอ๋องคิดจะให้หม่อมฉันเป็นเพียงพระชายาบนเตียงที่รู้กันเพียงสองคนอย่างนั้นหรือเพคะ” เผยตั้นเยี่ยนเอ่ยเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ยามนี้ทั่วเมืองหลวงมีใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าจะได้เป็นพระชายาของข้า” เว่ยเหวินเซียนรีบเอ่ยอย่างร้อนใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของหญิงสาว“รู้แล้วอย่างไรเพคะ พระราชโองการแต่งตั้งยังไม่มีมาเสียหน่อย หม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าไทเฮาจะอยากให้หม่อมฉันได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องหรือไม่ หากคืนนี้ท่านอ๋องได้ชมเชยหม่อมฉั
เพียงร่างกายของบุรุษวัยกำหนัดกับหญิงสาววัยออกเรือนได้เสียดสีสัมผัสกันไม่นานนัก อารมณ์ความปรารถนาของบุรุษก็ถูกส่งมอบให้อีกฝ่ายได้รู้สึกตาม ความวาบหวามที่แล่นผ่านเรือนร่างของคนทั้งสอง ทำให้ความต้องการที่จะสัมผัสอีกฝ่ายและให้อีกฝ่ายได้สัมผัสมีมากขึ้น ความละอายจึงค่อย ๆ มลายหายไป ทั้งสองเริ่มที่จะแสดงความรู้สึกออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้หญิงสาวครางเสียงหวานออกมาจากลำคอเมื่อถูกมือหนาของบุรุษหนุ่มกอบกุมพร้อมดูดดึงอกอวบอิ่มบางคราก็ตวัดลิ้นเล่นกับยอดปทุมถันสีชมพูอ่อน เพียงครู่เดียวมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งของอ๋องหนุ่มก็ลูบไล้ไปตามส่วนโค้งเว้าของสรีระของหญิงสาวจนไปถึงเนินโหนกนูนที่เปราะบาง เขาลูบวนเนินเนื้ออย่างเนิบนาบก่อนจะใช้ปลายนิ้วลากผ่านเบา ๆ ที่รอยแยกกลางกลีบบุปผางามขึ้นลงช้า ๆ ก่อนจะแหวกกลีบบุปผาทั้งสองข้างออกแล้วใช้นิ้วสะกิดติ่งเกสร ทำให้หญิงสาวสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านจนไม่อาจหักห้าม เสียงครางแผ่วเบาหลุดออกมาจากลำคอของหญิงสาวเป็นระยะเสียงครางที่สะท้อนความรู้สึกของหญิงสาวกระตุ้นความกำหนัดในตัวของบุรุษหนุ่มให้สูงขึ้น เมื่อมือหนาสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นจากช่องทางรักเขาก็ไม่อาจรอช
บุรุษหนุ่มใช้แขนสอดใต้ขาพับแล้วยกขาของหญิงสาวขึ้นข้างหนึ่งเพื่อให้จุดเชื่อมต่อประสานได้แนบชิดติดกันมากยิ่งขึ้น จะได้ส่งแก่นกลางกายเข้าไปในโพรงเนื้อได้ล้ำลึกกว่าเก่าเขาตอกย้ำความเสียวซ่านด้วยการเพิ่มความเร็วและแรงขึ้นกว่าเดิมให้สมกับที่เขาอดใจรอมาเนิ่นนาน การกระหน่ำกระแทกอย่างรุนแรงทำให้ทั้งคู่เสียวซ่านจนแทบคลั่งยิ่งเสียงครางกระเส่าของหญิงสาวดังขึ้นมากเท่าใด ร่างสูงก็ยิ่งกระแทกถี่รัวมากขึ้นเท่านั้น ทุกจังหวะที่สอดประสานทำให้หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความรักอันเร่าร้อนของอ๋องหนุ่ม ส่วนลึกของสตรีร่างบางถูกจ้วงแทงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน เสียงน่าอายผสานรับกับเสียงครางและเสียงหายใจหอบเหนื่อยของคนทั้งคู่หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายยามที่กำลังโยกเอวกระแทกนางผ่านแสงจันทร์ที่ส่องลงมา ใบหน้าของเขายามนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกลุ่มหลงยิ่งนัก แต่นางจะไม่ยอมเป็นฝ่ายหลงใหลเขาแต่เพียงผู้เดียวอย่างแน่นอนหญิงสาวมิคิดรอให้ตนเองและอีกฝ่ายปลดปล่อยความกำหนัดที่มีด้วยลีลารักของคนร่างสูง เพราะบุรุษในยุคนี้สามารถมีภรรยาได้มากมายโดยเฉพาะเชื้อพระวงศ์อย่
“อื้มมมม เสียวเหลือเกินเพคะท่านอ๋อง” ร่างบางเอ่ยเสียงหวานหู“ข้าก็เสียวจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” เสียงของเขาหอบเหนื่อยขาดห้วงเพียงได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็ไม่รอช้า มือสวยยกขึ้นเกาะบ่าแกร่งไว้ นางเร่งจังหวะรัวเร็วขึ้นส่วนบุรุษหนุ่มก็เด้งเอวสวนถี่ขึ้นกว่าเก่า ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มเชื้อเพลิงราคะให้แก่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆโพรงเนื้อด้านในเกร็งกระตุกเมื่อความเสียวซ่านท่วมท้นจนสู่จุดสูงสุด “หม่อมฉันไม่ไหวแล้วเพคะ” หญิงสาวหวีดร้องอย่างสุขสม ในเวลาเดียวกันอ๋องหนุ่มก็ไม่อาจกลั้นน้ำเหนียวข้นที่อยู่ในแก่นกายเอาไว้ได้อีกต่อไป เสียงคำรามต่ำถูกเปล่งออกมาพร้อมกับน้ำขาวขุ่นที่พุ่งเข้าสู่โพรงรักคับแน่น ก่อนที่ร่างของบุรุษหนุ่มจะกระตุกอีกสองสามคราหญิงสาวยกสะโพกขึ้นลงอีกสามสี่ครั้งราวกับจะรีดน้ำที่อยู่ในแท่งเอ็นเนื้อให้หมดสิ้นจนหยดสุดท้าย ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นแต่ทว่าบุรุษหนุ่มกลับไม่ยินยอม เขาโอบเอวบางให้นางนั่งอยู่ท่านั้น ก่อนที่จะจุมพิตลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบาและตามด้วยจูบปากของนาง ปลายลิ้นอันเร่าร้อนสอด
เว่ยเหวินเซียนหลังจากออกจากจวนตระกูลเผยก็กลับจวนอ๋องไปอาบน้ำแต่งตัวเข้าวังหลวง เพื่อให้เสด็จพี่ของเขาออกพระราชโองการแต่งตั้งพระชายาให้ แต่เมื่อเข้าวังมาก็พบว่าเหวินหลิงฮ่องเต้ยังว่าราชกิจในท้องพระโรงไม่เสร็จ เว่ยเหวินเซียนจึงได้ไปหามู่หรงไทเฮาที่ตำหนักฉู่ซิวกงเมื่อมาถึงอ๋องหนุ่มจึงได้รู้ว่ามารดาจะออกจากวัง จึงได้ไต่ถามถึงสาเหตุที่จะต้องรีบออกไปจากวังหลวงก่อนที่จะถึงวันงานมงคลของเขา ครั้นมู่หรงไทเฮาไม่อยากบอกเหตุผลแต่เมื่อถูกโอรสตะล่อมถามในที่สุดก็ไม่อาจปิดบังได้ และอีกอย่างสตรีผมสองสีก็คิดว่าบอกบุตรชายเอาไว้ก็ดี เพราะอย่างน้อยบุตรชายของนางจะได้ระวังภัยที่อาจเกิดกับเผยตั้นเยี่ยนเอาไว้ก่อนครั้นอ๋องหนุ่มทราบสาเหตุที่มารดาหนักใจจึงไม่คิดรั้งมารดาเอาไว้ เพราะหากเขามีเรื่องที่ต้องขัดใจกับเหวินหลิงฮ่องเต้ หากเป็นเรื่องที่สามารถหลบได้เขาเองก็มิอยากจะเผชิญแต่การที่มู่หรงไทเฮาไม่อยู่จนถึงงานมงคลของเขาก็ทำให้เว่ยเหวินเซียนหนักใจอยู่เช่นกัน เพราะกลัวว่าเผยตั้นเยี่ยนจะเข้าใจผิดคิดว่ามู่หรงไทเฮาไม่อยากรับนางเป็นลูกสะใภ้มู่หรงไทเฮามองหน้าบุตรชายก็รู้ว่าบุตรชายกำลังค
“ฮูหยิน เจ้าคิดมากไปแล้ว เจ้าคิดว่าสำนักศึกษาต้องลงทุนเท่าใด จะทำจะเลิกง่าย ๆ ได้อย่างนั้นหรือ?” เผยจือคุนเอ่ยอย่างใจเย็น“นั่นสิท่านแม่ ถึงแต่ก่อนเยี่ยนเอ๋อร์กับพวกเราจะไม่ลงรอยกันนัก แต่ตอนนี้นางโตขึ้นแล้วคิดได้แล้ว จะทำเรื่องทำร้ายคนในครอบครัวไปทำไมกัน” เผยจือชิ่นเอ่ยช่วยบิดาโน้มน้าวมารดา“ใช่ ๆ พวกเจ้าอย่างไรเสียก็มีสายเลือดเดียวกัน ครอบครัวเดียวกันกับนาง แต่ข้าเล่าข้ามีอันใดให้นางต้องเมตตา” หลินเยว่ฉีเอ่ยกับบุตรชายก่อนจะหันมายังสามี“ท่านพี่ท่านคงไม่ลืมหรอกกระมังว่ามารดาของนางตายเพราะเหตุใด หากวันหนึ่งนางรู้เข้าและคิดแก้แค้น ท่านและข้าจะมีทางเลือกอย่างนั้นหรือ” ความจริงเมื่อวันก่อนที่พูดกับเผยตั้นเยี่ยนเผยฮูหยินก็เห็นด้วย แต่เพียงคิดถึงเรื่องที่นางทำไว้กับหลิวเหมยเหมยก็ทำให้นางเปลี่ยนใจทันทีบุรุษทั้งสองคนใบหน้าเศร้าสลดในพริบตาเมื่อพูดถึงหลิวเหมยเหมยฮูหยินคนก่อนที่ตายจากไป“หากไม่มีใครเผลอพูดเยี่ยนเอ๋อร์จะรู้เรื่องได้เช่นไร แต่หากนางได้รู้ก็ถือเสียว่าเป็นชะตากรรมที่ข้าต้องได้รับแล้วกัน&rdqu
“แล้วฝ่าบาทต้องการให้เหวินเซียนทำอันใดอีกเล่าเพคะ หรือท่านอยากเล่นเป็นบทคนดีแล้วให้เขาเป็นคนเลวอย่างนั้นหรือ ฝ่าบาทบอกว่าเขาติดอิสตรีจนไม่เอาการเอางาน เช่นนั้นใยฝ่าบาทไม่ย้อนคิดหน่อยหรือเพคะ ว่าตอนที่ฝ่าบาทหลงใหลสนมอวี๋มีสภาพเช่นไร” สตรีเจ้าของวังหลังที่เพิ่งเดินเข้ามาตรัสด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดันเจือโทสะเสิ่นฮองเฮาวางถ้วยโอสถลงบนโต๊ะเล็กที่วางอยู่บนตั่ง ถ้วยยากระทบกับโต๊ะจนเกิดเสียงดัง แรงกระแทกทำให้ยากระฉอกออกมาจากถ้วย เหล่านางกำนัลขันทีก้มหน้าก้มตาเป็นพัลวัน ก่อนจะรีบออกไปจากห้องทรงอักษรเมื่อเห็นไป๋กงกงสะบัดมือไล่ท่าทางและน้ำเสียงของเสิ่นฮองเฮาทำให้บุตรชายถึงกับตกตะลึง เพราะปกติมารดาของเขาจะไม่ยุ่งเรื่องของวังหน้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ และมิว่าจะโกรธเพียงใดก็จะเก็บอารมณ์เอาไว้เสมอ แต่ครานี้กลับต่างจากที่เขาเคยเห็นอย่างลิบลับ ทำให้เจ้าของตำหนักบูรพานึกขยาดกลัว จึงได้แต่นิ่งเงียบไม่เอ่ยอันใด ไม่เพียงเท่านั้นเว่ยหลิงเฮ่อยังก้มหน้าเพื่อหลบสายตาเจ้าของบัลลังก์ เพราะกลัวว่าเสด็จพ่อจะส่งสายตามาขอความช่วยเหลือไม่เพียงแต่บุตรชายที่แปลกใจ แม้แต่เจ้าของบัลลั
หลังจากเว่ยเหวินเซียนกับเผยตั้นเยี่ยนทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ให้ฉุยฉุยไปตามคุณหนูอีกสองคนมาพบ พร้อมกับให้เรียกองครักษ์สาวใช้ทั้งสองคนมาด้วย เพื่อบอกองครักษ์หญิงทั้งสองให้รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องคุ้มกันคุณหนูสามเผิงกับคุณหนูรองเผยกลับเมืองหลวง และหากใครถามถึงเผยตั้นเยี่ยนก็ให้บอกไปว่านางยังไม่หายป่วยครั้นบอกรายละเอียดทุกอย่างแล้วเว่ยชินอ๋องก็ไล่ให้พวกนางออกจากห้องไป แต่ทว่าก่อนที่สตรีทั้งห้าจะออกไป เว่ยเหวินเซียนก็ไม่ลืมเอ่ยคาดโทษพวกนางทั้งห้าที่ลงไปแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงขึงขัง“เรื่องที่พวกเจ้าลงไปในบ่อน้ำพุของข้า ข้าจะยังมิลงโทษ แต่มิใช่ว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าหรอกนะ เพียงแต่เมื่อวานนี้ข้าลงทัณฑ์คนมามากแล้ว เหนื่อยแล้ว เอาไว้ข้าจะลงโทษพวกเจ้าทีหลังแล้วกัน” เขามิได้จะลงโทษพวกนางจริง ๆ เพียงแค่อยากให้พวกนางทั้งห้าติดค้างเขาเอาไว้เท่านั้น“ขอบพระทัยเพคะ” สตรีทั้งห้ารีบตอบพร้อมกัน ก่อนจะรีบยอบกายแล้วถอยหลังออกจากห้องไปเช้าวันต่อมาเผยตั้นเยี่ยนได้เดินมาส่งสตรีทั้งสี่ที่หน้าจวนด้วยใบหน้าเบิกบาน ต่างจากเว่ยเหวินเซียนที่ใบหน้าหม
เว่ยชินอ๋องพยายามลุกออกจากเตียงด้วยความระมัดระวัง เพราะไม่อยากให้สตรีที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมา แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้วเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ครั้นบุรุษสายเลือดมังกรเห็นภรรยาตัวน้อยตื่นก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที“ปล่อยนางเข้ามา” น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากจนหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอนสะดุ้งกลัวกระแสเสียงของอ๋องหนุ่มทำเอาหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นเต็มตา หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมจัดแจงอาภรณ์ของตน เพียงครู่เดียวสตรีที่ทำให้เจ้าของเรือนอารมณ์เสียก็เดินเข้ามา เผยตั้นเยี่ยนเบิกตาโตเมื่อรู้ว่าคนของตนเองทำให้บุรุษตรงหน้ามีโทสะ“หม่อมฉันขออภัยเพคะที่เข้ามารบกวน เพียงแต่ใกล้ถึงเวลาที่คุณหนูต้องดื่มยาแล้ว หม่อมฉันจึงได้ทำอาหารมาให้คุณหนูรับประทานก่อนดื่มยาเพคะ อาการของคุณหนูเกี่ยวกับภายในของสตรีมีผลถึงการสืบสายเลือดของท่านอ๋อง หม่อมฉันจึงมิอาจปล่อยผ่านไปได้เพคะ หวังว่าท่านอ๋องจะให้อภัยหม่อมฉันนะเพคะ” ฉุยฉุยพยายามควบคุมความกลัวของตนเองเอาไว้ เพราะรู้ว่าตนเองเป็นสาเหตุให้เว่ยชินอ๋องหงุดหงิดความโกรธก่อนหน้าหายไปในช่ว
ตั้งแต่ก้าวเท้าเดินเข้ามาในเรือนเขาก็รู้แล้วว่าสตรีทั้งหกอยู่ที่บ่อน้ำพุ ถึงยามแรกจะไม่คิดว่าสตรีทั้งหมดจะลงไปแช่ตัว แต่เมื่อเห็นองครักษ์ตะโกนเสียงดัง อีกทั้งเผยตั้นเยี่ยนเดินมาหาเขาเพียงลำพัง จึงทำให้มั่นใจว่าสตรีที่เหลือลงแช่บ่อน้ำพุร้อน ไม่เช่นนั้นคนใช้ทั้งสามจะปล่อยให้เผยตั้นเยี่ยนไปไหนมาไหนโดยไม่เดินตามได้เช่นไรเผยตั้นเยี่ยนรู้ดีว่าไม่อาจขัดขืนบุรุษตัวสูงได้จึงไม่เอ่ยอันใด เพราะนี่คงเป็นวิธีการทรมานนางอย่างหนึ่งที่เขาใช้ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่กล้าที่จะขัดขืนเพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนครั้งก่อนที่ถูกเขากระทำอย่างรุนแรง“ถอยออกไป หากข้าไม่ได้เรียกอย่าคิดเข้ามาใกล้ และอย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้ากับพระชายาเข้าใจหรือไม่” เว่ยชินอ๋องหันมาเอ่ยกับองครักษ์ที่เดินตามมาก่อนจะเดินต่อไปยังห้องนอนของตนเองเมื่อมาถึงห้องบุรุษหนุ่มวัยกำหนัดก็มิรอช้าวางหญิงสาวในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างนิ่มนวล ทว่าภาพอุ่นเตียงคราก่อนยังฝังลึกอยู่ในหัวของสตรีร่างบาง ร่างกายจึงสั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้“กลัวข้าสินะ ต่อไปข้าจะไม่รุนแรงกับเจ้าเช่นนั้นอีก ดีหรือไม่”
หลังจากทรมานบุรุษตระกูลหยางเสร็จอ๋องหนุ่มก็ไม่รอช้าควบม้ากลับไปยังจวนข้างค่ายทหารของตนทันที แล้วปล่อยให้ลูกน้องที่ตนเองไว้ใจสองคนตรวจสอบจวนขุนนางร่วมกับแม่ทัพใหญ่เหยียน เพราะอย่างไรขุนนางจวนต่อไปก็เขียนหนังสือสำนึกผิดแล้วในเมื่อแค่ต้องเข้าไปในจวนเพื่อตรวจสอบขุนนางว่าเขียนสารภาพผิดตามความจริงหรือไม่ ไยจะต้องให้อ๋องหนุ่มเช่นเขาลงมือทำด้วย เพราะอย่างไรเรื่องลงทัณฑ์เสด็จพี่ของเขาก็เป็นผู้ตัดสินอยู่แล้ว เว่ยชินอ๋องจึงไม่อยากเสียเวลาที่จะได้อยู่กับสตรีที่ตนรักไปกับเหล่าขุนนางพวกนี้จวนนอกเมืองของชินอ๋องขณะที่เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย คุณหนูทั้งสามคนที่อยู่ในจวนข้างค่ายทหารของเว่ยชินอ๋องกลับกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจ เพราะจวนของอ๋องหนุ่มแห่งนี้มีบ่อน้ำพุร้อนจากธรรมชาติอยู่ในจวน ถึงการตกแต่งจวนจะไม่หรูหราแต่มองแล้วสบายตายิ่งนักจวนแห่งนี้มีรั้วกั้นสูงมองไม่เห็นภายใน คราแรกที่คุณหนูทั้งสามเห็นก็รู้สึกหวั่นวิตกอยู่มาก แต่เพียงเดินเข้ามายังด้านในกลับเสมือนมีคนนำเรือนหลังหนึ่งมาวางเอาไว้ท่ามกลางน้ำตก ที่โดยรอบมีดอกไม้และต้นไม้สูงต่ำสลับกันไป
เช้าวันต่อมา ณ ท้องพระโรงเหวินหลิงฮ่องเต้สาดสายตามองเหล่าขุนนางที่ยืนอยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์ที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางของเหล่าขุนนางที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากถึงเพียงนี้เก้าในสิบส่วนของขุนนางในท้องพระโรงมีสีหน้าหม่นหมองดุจเมฆฝน ใบหน้าเคร่งเครียดส่อความรู้สึกราวกับกำลังแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ หัวคิ้วของแต่ละคนย่นชนกันอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาเจ้าของบัลลังก์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นขุนนางของตนเป็นเช่นนี้“ข้าคิดว่าเมื่อคืนพวกท่านจะนอนหลับอย่างสบายใจเสียอีก ที่มีทหารรักษาเมืองหลวงคอยคุ้มกันจวนไม่ให้มือสังหารเข้าไปในจวนของพวกเจ้า ทว่าดูจากขอบตาของพวกเจ้าแล้วข้าคงคาดเดาผิดไปสินะ หากเรื่องของชาวบ้านพวกเจ้าวิตกกังวลกันจนเป็นสภาพเช่นนี้ ต้าเว่ยของข้าคงจะดีมากขึ้นไม่น้อย” ถึงสุรเสียงของฮ่องเต้แห่งต้าเว่ยจะเรียบเฉย ทว่ากลับกดดันให้สีหน้าของเหล่าขุนนางหม่นหมองลงไปอีก“ฝ่าบาททรงเข้าใจพวกกระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เมืองหลวงวุ่นวายไปทั่วเช่นนี้ จะให้พวกกระหม่อมข่มตาหลับลงได้เช่นใดกันพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เสนาบ
“ว่าแต่เจ้าไม่เป็นอันใดจริง ๆ ใช่หรือไม่”“พ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่เป็นอันใดจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“เสด็จอาของเจ้าเล่นใหญ่ไปแล้วกระมัง ใยถึงได้สั่งให้คนยิงธนูใส่เจ้าเฉียดฉิวถึงเพียงนี้ หากโดนเนื้อตัวของเจ้าขึ้นมาเสด็จแม่ของเจ้าคงไม่พบหน้าข้านานนับเดือนเป็นแน่” ช่วงประโยคหลังเหวินหลิงฮ่องเต้เอ่ยเสียงเบาลงเรื่องที่ห่วงบุตรของตนก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่เป็นกังวลไม่ต่างกันคือเรื่องที่สตรีคู่บัลลังก์จะโกรธ เพราะเรื่องตระกูลอวี๋คราก่อน กว่าจะเอาใจให้เสิ่นฮองเฮาพูดดีกับเขาได้ก็ใช้เวลาอยู่นานบุรุษอายุน้อยกว่าถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินบิดาเอ่ยพึมพำถึงมารดา ทว่าเมื่อเห็นสายตาของบิดามองมาจึงกลั้นหัวเราะเอาไว้“เสด็จพ่อวางใจเถอะพ่ะย่ะค่ะ คนที่เสด็จอาส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น มิเพียงลูกธนูจะไม่โดนลูกแต่ยังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บอีกด้วย” เว่ยหลิงเฮ่อมิอยากให้เสด็จพ่อตำหนิเสด็จอาจึงช่วยเอ่ย ถึงเขาเองก็คิดว่าเสด็จอาเล่นใหญ่มากจริง ๆ ที่ยิงธนูจวนโดนตัวเขาคราแรกที่ได้ยินแผนของเว่ยเหวินเซียน เจ้าของตำหนักบูรพาก็เตรียม
“อ้อ! ยังมีอีกเรื่อง เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้าไว้วางใจเจ้ามากเพียงใดจึงให้เจ้าอยู่ในตำแหน่งนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้”“กระหม่อมไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ และกระหม่อมจะไม่มีทางทำให้ฝ่าบาทผิดหวังในตัวกระหม่อม กระหม่อมขอใช้ชีวิตของคนตระกูลเหยียนเป็นเดิมพันพ่ะย่ะค่ะ”“ดี เช่นนั้นเจ้าก็ไปทำตามที่เราสั่งเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปทำตามรับสั่งเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพผู้บัญชาการใหญ่รักษาเมืองหลวงตอบรับทันที ก่อนจะลุกขึ้นโค้งคำนับแล้วถอยหลังออกไป“เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ให้เสด็จอาเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ดีหรือไม่ เพราะมือสังหารที่ถูกทหารองครักษ์ของเสด็จอาฆ่าตาย น่าจะทิ้งหลักฐานเอาไว้ไม่มากก็น้อย และป่านี้เสด็จอาคงสืบได้เบาะแสแล้วเป็นแน่”“ได้ ทำตามเจ้าว่า” เหวินหลิงฮ่องเต้ผินพระพักตร์ไปหาขันทีข้างกาย“ไป๋กงกง ส่งคนไปตามเหวินเซียน บอกให้เขากลับเมืองหลวงมาสืบคดี”“พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋กงกงรีบต
“ทูลเสด็จพ่อ โปรดออกคำสั่งให้แม่ทัพใหญ่เหยียนส่งทหารไปล้อมจวนขุนนางน้อยใหญ่ไว้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขุนนางที่อยู่ในห้องโถงต่างตกตะลึงปนไม่พอใจที่อยู่ ๆ องค์รัชทายาทหลิงเฮ่อจะให้ทหารไปล้อมจวนของพวกเขา เหล่าขุนนางหันหน้ามองกันพลางส่งสายตาเพื่อจะหาคนเอ่ยคัดค้าน ทว่ายังมิทันที่จะหาคนกราบทูลได้เหวินหลิงฮ่องเต้ก็ทรงตรัสออกมาเสียก่อน“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเอ่ยวาจาไร้สาระอันใดออกมา”“เสด็จพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้ขณะที่คุณหนูทั้งสองตระกูลกำลังจะกลับเมืองหลวงพวกนางถูกนักฆ่าดักทำร้าย เดิมที่ข้าคิดว่ามีคนอยากแก้แค้นคุณหนูใหญ่ตระกูลเผย หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเรื่องตำแหน่งพระชายาของเสด็จอา” บุรุษหนุ่มสายเลือดมังกรจงใจหยุดคำพูดของตน ก่อนใช้สายตาเหลือบมองเหล่าขุนนางเพียงได้ยินประโยคท้ายของโอรสสายเลือดมังกร ขุนนางตระกูลอวี๋กับตระกูลหยางก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาอวี๋หลี่เฉียงรีบแก้ตัวเป็นพัลวันด้วยเกรงว่าบุรุษสายเลือดมังกรจะเข้าใจเขาผิด เนื่องจากคราก่อนที่เว่ยชินอ๋องมายังจวนของเขาได้เอ่ยว่าจะปล่อยบุตรสาวของเขาให้อยู่ท