เวลา 4.00 น.
รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ นอนลืมตาในความมืด
ตีสี่ของทุกวันร่างกายของเขาจะตื่นขึ้นโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก เนื่องด้วยเขาเกิดและเติบโตในตึกแถวท้ายตลาด ตีสามตีสี่รถพ่อค้าแม่ค้าขายส่ง จะนำสินค้ามาขายให้กับพ่อค้าคนกลาง เพื่อจำหน่ายต่อให้บรรดาลูกค้าที่มาจับจ่ายซื้อของในตอนเช้า
แม้ว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เป็นผู้ค้าส่ง แต่เป็นร้านขายของชำที่มีสินค้านานาชนิดเป็นที่ต้องการของเหล่าวาณิชทั้งหลาย ดังนั้น ตีสี่ของทุก ๆ วัน เขาถูกป๊ากับม๊าตะโกนเรียกจากหน้าบ้านให้มาช่วยเปิดร้าน เมื่อช่วยกันเปิดร้านเรียบร้อยแล้ว ตามด้วยการไล่ให้ไปอ่านหนังสือ โดยป๊าให้เหตุผลกับเขาว่า
“อ่านหนังสือเช้าๆ สมองจะรับดี เพราะยังไม่มีอะไรมารกหัว”
แม้ป๊าของเขาจะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ป๊าก็มักจะทำให้เขาทึ่งอยู่เสมอ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่ป๊าบอกว่าให้อ่านหนังสือในตอนเช้า และผลที่ได้ คือ พี่สาวทั้งสามของเขาเป็นหมอทั้งหมด
หรือการรวมยอดราคาของให้ลูกค้า เร็วยิ่งกว่าการดีดลูกคิด ต่อให้ลูกค้าจะซื้อมากแค่ไหน ป๊าเขาแค่เอ่ยทวนราคาสินค้าขณะหยิบของใส่ลงถุง เมื่อยื่นให้ลูกค้าก็บอกราคาขายได้ทันที ไม่มีตกหล่นแม้แต่บาทเดียว หลายปีผ่านไปป๊าและม๊าขยายกิจการจากร้านชำเล็ก ๆ กลายเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อมๆ ท้ายตลาดสดใจกลางเมือง และปัจจุบันตึกแถวกว่าสิบคูหากลายเป็นของตระกูล “ไตรสุวรรณ”
แต่เช้าวันนี้เขายังคงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ไม่รีบลุกขึ้นเหมือนเช่นทุกวัน เปลือกตาของเขาค่อย ๆ ปิดดวงตาคมใต้คิ้วเข้มอีกครา ริมฝีปากชมพูบางยกขึ้นน้อย ๆ เมื่อหวนนึกถึงความฝันอันแสนหวานจนเขาแทบไม่อยากลืมตาตื่นขึ้น
มือยาวเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปาก เขายังรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่กลีบปากอิ่มของนางในฝันผู้นั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาวยังอวลอยู่ที่ปลายจมูกโด่งเป็นสัน ความรู้สึกอุ่นซ่านวาบหวามในอก มันยังคงตราตรึงราวกับว่าเรื่องที่เขาฝัน คือ ความจริง แต่มันจะเป็นความจริงไปได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเขาไม่เคยรู้จัก หรือไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนในชีวิตเสียด้วยซ้ำ
นางในฝันคนนั้นเป็นใครหนอ เหตุไฉนเขาฝันถึงหล่อนด้วย เมื่อครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่มีคำตอบ เขาจึงเอื้อมมือเปิดสวิตช์โคมไฟที่หัวเตียง แสงสีนวลจากหลอดไฟกระทบผนังสีขาวส่องสว่างขึ้น ร่างสูงเพรียวลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปเข้าห้องน้ำทำกิจวัตรประจำวัน
หลังจากนั้น ราว ๆ ตีสี่ครึ่งชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า เดินเข้าไปในห้องหนังสือด้วยความเคยชิน ผนัง 2 ด้าน มีชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยตำราทั้งไทยและต่างประเทศ มีหน้าต่างกว้าง 3 บานอยู่ที่ผนังที่ตรงกันข้ามกับประตู ซึ่งในเวลานี้ถูกปิดทับด้วยผ้าม่านซาตินเนื้อดีสีเทาอ่อน บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของบ้าน หรูหรา เรียบง่าย
ผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งลงที่โต๊ะด้วยความเคยชิน ตรงกลางโต๊ะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เขาหอบหิ้วมาจากประเทศญี่ปุ่นด้วยราคาสูงลิบ เขาหยิบแว่นสายตาขึ้นสวมก่อนกดปุ่มเปิดเครื่องสมองกลให้ทำงาน เมื่อแสงสว่างบนหน้าจอปรากฏขึ้น นิ้วเรียวก็คลิกเมาท์เปิดไฟล์เอกสารงานวิจัยที่เขาพิมพ์ค้างไว้มาหลายวันแล้ว
ตาคมกริบภายใต้แว่นตากรอบเหลี่ยมสีดำไล่มองตัวอักษรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็รัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อย่างผู้ชำนาญ บางคราคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จากนั้นก็หันไปเปิดตำราเล่มหนาที่วางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะ เพื่อหาข้อมูลอ้างอิงหลักการและเหตุผลในการทำวิจัย
งานวิจัยชิ้นนี้เขาคาดหวังว่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกที่สามารถยื่นขอตำแหน่งศาสตราจารย์แบบพิเศษได้ ซึ่งต้องเป็นงานวิจัยที่ใหม่และสนองต่อปัญหาของสังคม นับว่าเป็นโชคดีของเขาที่มีโอกาสได้รู้จักกับหมอเกด แพทย์หญิงด้านอายุรกรรมที่บังเอิญพบกันที่งานประชุมวิชาการเมื่อหลายเดือนก่อน เธอเพิ่งจบดอกเตอร์มาหมาด ๆ เป็นอาจารย์ใหม่ที่ยังมีไฟอยู่ ในตัว เมื่อเขาชวนเธอให้ทำวิจัยร่วมกัน หญิงสาวตอบตกลงจนแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด
นับจากวันนั้น หากมีเวลาว่างเขาและเธอมักนัดเจอกันที่ร้านกาแฟพูดคุยกันเรื่องงานวิจัย แล้วเลยเถิดไปจนถึงเรื่องไร้สาระที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเขาและเธอ
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ บางวันเขาก็จะรับหมอเกดไปทานข้าวเย็น เพื่อจะได้ใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์และงานวิจัยมากขึ้น จนกระทั่งได้หัวข้องานวิจัยที่นำวิชาการแพทย์มา บูรณาการกับวิศวกรรมศาสตร์ คือ “การจำแนกการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ด้วยระบบ AI เพื่อคัดกรองผู้ป่วยเมลิออยโดสิส”
เหตุผลที่เลือกทำวิจัยในประเด็นนี้เพราะว่าโรคเมลิออยโดสิสเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีอัตราการตายของผู้ป่วยในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 3 รองจากเอดส์และวัณโรค สาเหตุที่ผู้ป่วยมีอัตราการตายสูงเนื่องจากได้รับการวินิจฉัยล่าช้าเพราะจะต้องรอผลตรวจจากห้องแล็บไม่ต่ำกว่า 7 วัน จึงจะรู้ผลว่าเป็นโรคเมลิออยโดสิสจริงหรือไม่ แต่หากทราบผลการตรวจภายใน 1-2 วัน แล้วผู้ป่วยได้รับยาฆ่าเชื้อทันทีโอกาสรอดจะเพิ่มขึ้นถึง 90% และจะช่วยลดอัตราการตายที่เกิดจากโรคนี้ได้
ดังนั้น หากเขาสามารถสร้างงานวิจัยระบบ AI ที่สามารถจำแนกการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ของโรคเมลิออยโดสิสออกจากการติดเชื้อในกระแสเลือดของโรคอื่นๆ ได้ งานวิจัยชิ้นนี้จะช่วยชีวิตคนไทยได้อย่างมหาศาล และมากไปกว่านั้นเขาก็จะได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทยสาขาวิศวกรรมศาสตร์
เวลาใดที่เขาได้ลงมือทำงาน สมาธิของเขาจะจรดจ่อกับสิ่งนั้น จวบจนแสงแดดอ่อน ๆ เล็ดลอดเข้ามาตามช่องว่างระหว่างม่านหน้าต่าง เป็นสัญญาณบอกว่าได้เวลาที่เขาจะต้องเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยแล้ว
ร่างสูงสง่าจึงวางมือจากงานตรงหน้า ชายหนุ่มยืดกายขึ้น ยิ้มนิด ๆ เพราะสามารถพิมพ์หลักการและเหตุผลที่ต้องทำวิจัยได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
เวลา 8.00 น. “สวัสดีท่านด๊อกประชา”เสียงทุ้มดังขึ้น ทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่ของห้องพักอาจารย์เปิดออก แล้วชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มที่ถูกรีดจนเรียบกริบ ก็โผล่เข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงทักทายเพื่อนร่วมห้องพักที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอย่างอารมณ์ดีผู้ที่ถูกเรียก “ท่านด๊อกประชา” ถึงกับรีบเงยหน้าขึ้นจากแผนการสอนแทบจะไม่ทัน ยิ่งสบเข้ากับรอยยิ้มของผู้มาใหม่ ยิ่งทำให้เขาอึ้งไปกว่านาที-นี่คือ รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ เพื่อนของเขาจริงๆ หรือนี่ ! -ดร.ประชา ชื่นจิตต์ อุทานในใจ จ้องมองอาจารย์แว่นหนุ่มหล่อ ที่กำลังถอดเสื้อคลุมตัวนอกแขวนไว้บนราวไม้สักด้านหลังห้องอย่างเบามือการที่เพื่อนของเขามีสอนภาคบ่าย แต่มามหาวิทยาลัยแปดโมงตรงเป๊ะ ! ทุกวันเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือ คนที่ทั้งเงียบขรึมและจริงจังกับชีวิตมากอย่าง รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ เย้าเขาด้วยการเรียกว่า “ท่านด๊อก !”ดร.ประชา อ้าปากจนกรามแทบค้าง ราวกับว่าเพื่อนสนิทได้กลายเป็นเอเลี่ยนจากนอกโลก กำลังนั่งลงที่โต๊ะทำงานประจำของเพื่อนเขา ซึ่งด้านหลังยังมีกระดานสีขาวมันวาวตัวอักษรสีน้ำเงินที่เขียนด้วยปากกา ไวบอร์ด ระบุปี พ.ศ. พร
แต่เมื่อวานเขากลับได้รับแจ้งเรื่องน่าตกใจ และเป็นเรื่องที่เขาต้องเชิญอาจารย์หนุ่มที่เป็นแบบอย่างมาสอบถามให้กระจ่าง คณบดี ถอนหายใจออกมาก่อนเอ่ยต่อว่า“เมื่อวาน ผมได้รับแจ้งจากประธานหลักสูตรว่า มีนักศึกษาร้องเรียนว่า คาบสุดท้ายของวิชาสนามแม่เหล็กไฟฟ้าไม่มีอาจารย์เข้าสอน และพวกเขาต้องสอบในอาทิตย์หน้า หากนักศึกษาเหล่านั้นคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ คุณรับผิดชอบไหวรึ”ผู้มีอำนาจสูงสุดในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งใจกล่าวอย่างช้า ๆ ให้ชัดลงไปในมโนสำนึกของผู้ฟังอาจารย์หนุ่มผู้ถูกกล่าวโทษชาวาบไปทั้งตัว รู้สึกได้ถึงลำคอ ตีบตัน สมองของเขาอื้ออึงสับสน การถูกกล่าวหาว่าทิ้งคาบสอนสำหรับคนที่อยู่ในกฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอเช่นเขา เป็นคำพูดที่สบประมาทอย่างรุนแรงมาก- คนอย่างเขาไม่เคยละเลยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ! ไม่เคยปฏิบัติผิดวินัย ! และทั้งชีวิตการทำงานของเขาไม่เคยถูกตำหนิจากผู้บังคับบัญชา แต่วันนี้ ! เขากลับถูกกล่าวโทษอย่างร้ายแรงว่าไม่เข้าสอนนักศึกษา จะเป็นไปได้อย่างไร - ธาวินเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นกระหน่ำ ก่อนยืนยันในสิ่งที่ตนเองเป็นว่า“ผมยืนยันว่าเมื่อวานผมเข้าสอนนักศึกษาแน่ ๆ ประธานหลักสูตรอาจจะได
ประชาวางปากกาไวท์บอร์ดบนโต๊ะ แล้วเข้าไปลากเพื่อนที่ดูเหมือนคนสติแตกไปแล้ว ออกไปให้พ้นจากสายตาของนักศึกษาที่อยากรู้อยากเห็น“เฮ้ย ! วิน แกเป็นบ้าไปแล้วรึ ฉันกำลังสอนนักเรียนอยู่”เขาเป็นฝ่ายลากธาวินออกมา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ถูกลากไปจนชิดกำแพงมุมตึก“ประชา เมื่อวานฉันดูสุริยุปราคากับแกบนดาดฟ้าใช่ไหม”ธาวินละล่ำละลักถาม สีหน้าร้อนรน แววตาภายใต้กรอบแว่นคาดคั้นอยากรู้คำตอบอย่างเต็มที่“ใช่”ดร.ประชา พยักหน้ายืนยันคำตอบด้วยอาการงง ๆ ที่ถูกเพื่อนลากออกมาเพราะถามเรื่องแค่นี้“แล้วหลังจากนั้นล่ะ หลังจากนั้นฉันไปไหน”ธาวินแทบจะตะโกนถาม สองมือขยุ้มคอเสื้อเพื่อนสนิทอย่าง ลืมตัว“เฮ้ย ! แกเป็นอะไรเนี่ย ปล่อยฉันก่อน ถามกันดี ๆ ก็ได้นี่หว่า”ดร.ประชาผลักเพื่อนเขาออก จ้องมองคนที่ควบคุมตนเองไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขา ทำไม รศ.ดร.ธาวิน ผู้เงียบขรึมกลับดูตื่นตระหนกจนผิดปกติธาวินถอยห่างออกมาจากเพื่อน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ยกมือขึ้นกุมศีรษะ ในหัวสับสนไปหมดคล้ายคนถูกค้อนทุบ“ใจเย็น ๆ ธาวิน เกิดอะไรขึ้นกับแก ทำไมหลังจากไปพบคณบดีแล้วแกดูเหมือนคนสติแตกแบบนี้”ดร.ประชาตบบ่าเพื่อนสนิ
“...เมื่อสิ้นบุญวาสนาชาตินี้ก็เป็นได้เพียงคนแปลกหน้าของกันและกัน” บทนำ ดวงตะวันสีแดงกลมโตคล้ายลูกโป่งใบใหญ่ ค่อย ๆ จมลงสู่ท้องทะเลจนเหลือเพียงครึ่งเดียวแสงสุดท้ายของวันทอประกายสีส้มแดงจับก้อนเมฆสีขาวกลายเป็นสีชมพูแดงระเรื่อ ทะเลสีครามลากเป็นเส้นตรงตัดกับพื้นทรายและแผ่นฟ้า เสียงคลื่นกระทบหาดทรายโขดหินขับกล่อมประสานกับเสียงนกที่ชวนกันโผบินเข้าสู่รวงรังหนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งเคียงคู่กันบนหาดทราย ให้น้ำทะเลสีครามฉ่ำเย็นสัมผัสเท้าอันเปลือยเปล่า นำพาวันและคืนเวลาให้ไหลไปสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ทั้งคู่ทอดตามองภาพวาดสวยงามเบื้องหน้าหญิงสาวเอียงคอซบลงบนไหล่กว้างของชายหนุ่มราวกับจะหาที่พักพิงยามอ้างว้าง มือใหญ่ของเขาเลื่อนขึ้นกระชับไหล่บางราวกับจะบอกว่าเขาจะปกป้องดูแลหล่อนตลอดไปจะมีสุขใดเล่า จะสุขยิ่งกว่าการได้อยู่เคียงข้างกับคนที่เรารัก แววตาอ่อนโยนของชายหนุ่มทอดมองหญิงสาวข้างกายมากกว่าทิวทัศน์เบื้องหน้า เขาอยากมองหล่อนให้นาน ๆ เพื่อย้ำกับตนเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ความจริงมิใช่ความฝันเขาคร่ำเคร่งกับการทำงานมาครึ่งชีวิต ไม่เคยสนใจเรื่องความรักเลย ถึงแม้จะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาผ่านเข้