แชร์

ตอนที่ 3. ท่านด๊อกประชา

เวลา 8.00 น.

“สวัสดีท่านด๊อกประชา”

เสียงทุ้มดังขึ้น ทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่ของห้องพักอาจารย์เปิดออก แล้วชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มที่ถูกรีดจนเรียบกริบ ก็โผล่เข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงทักทายเพื่อนร่วมห้องพักที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอย่างอารมณ์ดี

ผู้ที่ถูกเรียก “ท่านด๊อกประชา” ถึงกับรีบเงยหน้าขึ้นจากแผนการสอนแทบจะไม่ทัน ยิ่งสบเข้ากับรอยยิ้มของผู้มาใหม่ ยิ่งทำให้เขาอึ้งไปกว่านาที

-นี่คือ รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ เพื่อนของเขาจริงๆ หรือนี่ ! -

ดร.ประชา ชื่นจิตต์ อุทานในใจ จ้องมองอาจารย์แว่นหนุ่มหล่อ  ที่กำลังถอดเสื้อคลุมตัวนอกแขวนไว้บนราวไม้สักด้านหลังห้องอย่างเบามือ

การที่เพื่อนของเขามีสอนภาคบ่าย แต่มามหาวิทยาลัยแปดโมงตรงเป๊ะ ! ทุกวันเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือ คนที่ทั้งเงียบขรึมและจริงจังกับชีวิตมากอย่าง รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ เย้าเขาด้วยการเรียกว่า      “ท่านด๊อก !”

ดร.ประชา อ้าปากจนกรามแทบค้าง ราวกับว่าเพื่อนสนิทได้กลายเป็นเอเลี่ยนจากนอกโลก กำลังนั่งลงที่โต๊ะทำงานประจำของเพื่อนเขา ซึ่งด้านหลังยังมีกระดานสีขาวมันวาวตัวอักษรสีน้ำเงินที่เขียนด้วยปากกา ไวบอร์ด ระบุปี พ.ศ. พร้อมกับตำแหน่งทางวิชาการที่เพื่อนเขาต้องยื่นขอ

เริ่มจากเขาบรรจุในปี 2530

เมื่อถึงปี 2532 เขาเรียบเรียงตำราแล้วยื่นขอตำแหน่ง “ผู้ช่วยศาสตราจารย์” ได้สำเร็จ

ปี 2535 เขายื่นหนังสือเรียนสำหรับการได้มาของตำแหน่ง         “รองศาสตราจารย์”

และในปีนี้ 2538 ซึ่งเป็นปีที่อยู่บนสุดของกระดาน ระบุเอาไว้ว่า “ศาสตราจารย์” และคาดว่าเพื่อนของเขาก็คงจะคว้าตำแหน่งศาสตราจารย์ได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างแน่นอน

ซึ่งตรงกันข้ามกับ ดร.ประชา ชื่นจิตต์ อย่างสิ้นเชิง ที่ถึงแม้จะบรรจุเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทีหลังเพื่อนเพียงแค่ปีเดียว แต่เขาก็ไปไม่ถึงแม้แต่ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ด้วยนิสัยที่เป็นคนรักความสบาย และในชีวิตนี้สิ่งที่เขาจะลงมือทำมีแค่สองอย่าง คือ สิ่งที่ทำแล้วมีความสุข และสิ่งใดจำเป็นต้องทำ

 ในเมื่อการขอตำแหน่งทางวิชาการ มหาวิทยาลัยยังไม่บังคับว่าต้องขอ และทำแล้วระดับความเครียดของเขามันพุ่งเกินกว่าปกติ ดังนั้น  ทุกวันนี้เขาจึงเป็นเพียง “ท่านด๊อก” ตามที่เพื่อนมันเย้า

ดร.ประชา เดินปาดออกจากโต๊ะรก ๆ ของตน ไปสู่โต๊ะทำงานที่ทั้งสะอาดและเป็นระเบียบมากกว่าโต๊ะของเขาราวกับอยู่กันคนละโลก

“อะแฮ่ม ! เอ๊ะ เอ๊ะ สงสัยเมื่อวานจะเดตกับสาวยันสว่าง วันนี้  ถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้”

“อะไรของท่านครับ ประชา”

ธาวินเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ยกมือขยับแว่นตา ก่อนฉีกยิ้มให้คนที่ชอบอำเขาเล่นบ่อย ๆ

“ไม่ต้องมาทำเป็นเนียนเลยนะ ท่านรองศาสตราจารย์ธาวิน   เมื่อวานท่านบอกกับกระผมเองว่าจะไปเดตกับสาว”

“หึ หึ ยังไม่เลิกอำกันอีก ไป๊ ไป กลับไปเตรียมตัวสอนได้แล้ว วันนี้ท่านมีสอนคาบเช้ามิใช่รึ”

 ธาวินหัวเราะในลำคอ ไม่ใส่กับคำพูดของเพื่อนนัก เพราะเพื่อนตัวดีมักจะชอบพูดกวนอวัยวะเบื้องล่างเขาอยู่เป็นนิจ

“อันแน่ ! เฉไฉ ออกนอกเรื่องด้วยวุ้ย !”

ดร.ประชา ส่ายนิ้วชี้ไปมาคล้ายกับว่ารู้ทันเพื่อนสนิท ดวงตาเป็นประกายระยับ

 “ไหนลองบอกกระผมให้เป็นบุญหูสักครา แม่นางที่โชคดีผู้นั้นเป็นใครกันหนอ จะเป็นแพทย์หญิงสุดสวยที่เขาลือกันทั้งมหาวิทยาลัยว่าเทียวรับเทียวส่งกันถึงหอพักอาจารย์ไหมหนอ”

ดร.ประชา เย้าต่อด้วยความอยากรู้อย่างจริงจังว่า ผู้หญิงที่ได้ออกเดตกับเพื่อนผู้ไม่สนใจไยดีต่อสังคมโลกีย์จะเป็นใครกันหนอ

“มาสำบัดสำนวนยี่เก ล้อเล่นไม่เลิกนะท่าน เมื่อวานฉันก็อยู่ที่มหาวิทยาลัยทั้งวัน ก็ดูสุริยคราสด้วยกัน บ่ายฉันมีสอน แล้วจะให้ฉันเอาเวลาที่ไหนไปเดตกับสาวหึ ! เลิกยั้วะฉันได้แล้วไอ้คุณประชา เตรียมการสอนของแกไปเลย อีกไม่ถึง 10 นาทีก็ได้เวลาแกเข้าคลาสแล้วไม่ใช่รึ”

น้ำเสียงจริงจังของธาวินร่ายยาว เช้านี้เขาตั้งใจเข้ามาพิมพ์งานต่อให้เสร็จก่อนเที่ยง จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่เพื่อนอำกันไม่เลิกเพราะทำให้เสียเวลา ที่สำคัญสิ่งที่เพื่อนพูดมานั้นล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ

“ถามแค่นี้ก็แยกเขี้ยวใส่กันซะละ เอาเถอะ ไม่อยากรู้ก็ได้”

คนที่ถูกไล่ให้ไปเตรียมการสอนต่อขมวดคิ้ว เพื่อนสนิทจำไม่ได้จริง ๆ ว่าตนเองไปเดต หรือต้องการที่จะปิดบังเอาไว้กันแน่ เอาเถอะในเมื่อเพื่อนยังไม่อยากให้เขารับรู้ตอนนี้ เขาก็จะไม่เซ้าซี้อีก ดร.ประชา กางแขนออกยักไหล่ แล้วเดินกลับโต๊ะ

 ก๊อก

 ก๊อก !  

 ก๊อก !

“ขออนุญาตค่ะ”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวาน ๆ ที่แสร้งดัดให้นุ่มนวล ก่อนที่เจ้าของห้องจะเอ่ยอนุญาต สาวใหญ่ในชุดกระโปรงสอบคลุมเข่าเรียบร้อยก็ก้าวเข้ามาในห้อง เธอยืนอยู่เพียงแค่พ้นขอบประตู        เข้ามาแล้วบอกวัตถุประสงค์ที่มาว่า

“ท่านคณบดีเรียกพบรองศาสตราจารย์ธาวิน ค่ะ”

“ครับ”

คนถูกเรียกให้ไปพบตอบรับด้วยความงงงวย และยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากถามสาเหตุที่คณบดีเรียกพบ คนมาเรียกก็หายวับออกไปแล้ว

ธาวินเดินมาถึงหน้าห้องคณบดี เลขาหน้าห้องคณบดีที่ไปตามเขาเมื่อสักครู่จึงเคาะที่ประตูเบา ๆ แล้วส่งเสียงตามไปว่า

“ท่านค่ะ รองศาสตราจารย์ธาวิน ไตรสุวรรณ มาแล้วค่ะ”

 “เชิญ”

เสียงจากข้างหลังประตูอนุญาต เลขาสาวจึงเปิดประตูให้อาจารย์หนุ่มพร้อมกับผายมือเชิญเขาเข้าไปในห้อง

 “นั่งสิ”

เสียงผู้เป็นเจ้าของห้องเอ่ยอนุญาต ขณะที่จรดปากกาลงนามในเอกสารแผ่นสุดท้าย แล้วปิดแฟ้มลงแล้วถามเขาขึ้นมาว่า

“เมื่อวาน คาบวิชาสนามแม่เหล็กไฟฟ้า คุณอยู่ที่ไหน”

คำถามของคณบดีทำให้คนถูกถามอึ้งไปชั่วขณะ ทำไมคณบดีถามเขาแบบนี้ เมื่อวานเขามีคาบสอน เขาควรที่จะอยู่ในห้องเรียน แล้วจะให้เขาตอบว่าอยู่ที่ใดนอกจาก

“ห้องเรียนครับ”

คำตอบนั้นทำให้ชายสูงวัยเลิกคิ้วสูง ผมบนศีรษะบางลงถึงครึ่งกระหม่อม เส้นที่เหลือประปรายเป็นสีเงินยวง ใบหน้ายับย่นบ่งบอกถึงการผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนผู้อยู่หน้าถึง 20 ปี

เขารู้จักอาจารย์หนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างดี และสองสามปีที่ผ่านมาเขาเองเป็นผู้มอบรางวัลอาจารย์ดีเด่น ผู้เป็นตัวอย่างให้กับอาจารย์ทั้งคณะ ในเรื่องการมีระเบียบวินัย เรื่องการมีผลงานวิจัยที่โดดเด่น แม้แต่งานประกันคุณภาพของคณะก็ยังต้องใช้ผลงานของอาจารย์หนุ่มคนนี้เพื่อให้ได้มาตรฐานอยู่ในระดับดีเยี่ยม

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status