แชร์

ตอนที่4.  เรื่องน่าตกใจ

แต่เมื่อวานเขากลับได้รับแจ้งเรื่องน่าตกใจ และเป็นเรื่องที่เขาต้องเชิญอาจารย์หนุ่มที่เป็นแบบอย่างมาสอบถามให้กระจ่าง คณบดี      ถอนหายใจออกมาก่อนเอ่ยต่อว่า

“เมื่อวาน ผมได้รับแจ้งจากประธานหลักสูตรว่า มีนักศึกษาร้องเรียนว่า คาบสุดท้ายของวิชาสนามแม่เหล็กไฟฟ้าไม่มีอาจารย์เข้าสอน และพวกเขาต้องสอบในอาทิตย์หน้า หากนักศึกษาเหล่านั้นคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ คุณรับผิดชอบไหวรึ”

ผู้มีอำนาจสูงสุดในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งใจกล่าวอย่างช้า ๆ ให้ชัดลงไปในมโนสำนึกของผู้ฟัง

อาจารย์หนุ่มผู้ถูกกล่าวโทษชาวาบไปทั้งตัว รู้สึกได้ถึงลำคอ   ตีบตัน สมองของเขาอื้ออึงสับสน การถูกกล่าวหาว่าทิ้งคาบสอนสำหรับคนที่อยู่ในกฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอเช่นเขา เป็นคำพูดที่สบประมาทอย่างรุนแรงมาก

- คนอย่างเขาไม่เคยละเลยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ! ไม่เคยปฏิบัติผิดวินัย ! และทั้งชีวิตการทำงานของเขาไม่เคยถูกตำหนิจากผู้บังคับบัญชา แต่วันนี้ ! เขากลับถูกกล่าวโทษอย่างร้ายแรงว่าไม่เข้าสอนนักศึกษา จะเป็นไปได้อย่างไร -

 ธาวินเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นกระหน่ำ ก่อนยืนยันในสิ่งที่ตนเองเป็นว่า

“ผมยืนยันว่าเมื่อวานผมเข้าสอนนักศึกษาแน่ ๆ ประธานหลักสูตรอาจจะได้รับฟังมาผิด ๆ “

“รองศาสตราจารย์ธาวิน ผมไม่คิดเลยว่า คุณจะไม่ยอมรับผิดและโกหกแม้กระทั่งผม !”

ประโยคนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงที่กลางใจของอาจารย์หนุ่ม ความหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีของเขาถูกคำปรามาสทำลายลงในพริบตา ! หัวใจเขาไหวระริก สั่นไปทั้งร่าง

“ผม”

คำว่า –ผมไม่ได้โกหก- มันยั้งอยู่ที่ริมฝีปากสั่นระริก            ความสะเทือนใจที่ถูกกล่าวหามันบีบเคล้นหัวใจนัก

“ผมก็ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อวานผมถึงกับไปดูด้วยตาตนเอง              ว่าอาจารย์ดีเด่นเช่นคุณจะเหลวไหลได้ขนาดนั้นเชียวรึ”

คณบดีจ้องตาคนที่เขาเคยชื่นชม และคาดหวังเอาไว้ว่าจะเป็นศาสตราจารย์คนแรกของคณะวิศวกรรมศาสตร์

“คุณรู้ไหม  ผมพบอะไร”

คณบดีถาม ในแววตาของเขานั้นมีริ้วรอยแห่งความผิดหวัง 

เมื่อคนถูกถามไม่ตอบเขาจึงเอ่ยต่อว่า

“ผมพบห้องเรียนว่างเปล่า ในคาบวิชาที่คุณควรจะสอน !”

ท้ายประโยคชายชราขึ้นเสียงสูงราวกับจะย้ำให้ชัดว่าสิ่งที่เขาเจอเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นเรื่องจริง

“ไม่จริง”

คำปฏิเสธแผ่วเบา หลุดออกมาจากปากของอาจารย์หนุ่ม          แววตาสั่นระริก ในหัวของเขามันมีเสียงดังอึงอลมากมาย ความเชื่อมั่นที่มีอยู่ในตัวทั้งหมดเริ่มสั่นคลอน

-เขาไม่ได้เข้าสอนจริง ๆ ใช่ไหม -

 -แล้วเขาไปอยู่ที่ไหน -

 -ทำไมเขาจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้เลย -

 -นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ! -

 “ช่วงนี้คุณเคร่งเครียดกับงานวิจัยเพื่อที่จะขอตำแหน่งศาสตราจารย์มากเกินไปหรือเปล่า”

คณบดีทอดถอนหายใจ ด้วยวัยใกล้เกษียณ เขาจึงเห็นมานักต่อหนักแล้ว อาจารย์ในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศถูกกดดันจาก      รอบด้าน ทั้งเรื่องการสอน การสร้างผลงาน รวมถึงการขอตำแหน่งทางวิชาการ หากรับแรงกดดันไม่ไหวก็อาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้ ที่เรามักจะเรียกกันต่อ ๆ มาว่า “ศาสตราจารย์สติเฟื่อง”

“ไม่ครับ”

แววตาอาจารย์หนุ่มเลื่อนลอย คำว่า “ไม่” หลุดออกมาจากปากเขาราวกับจะปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น

ชายชราเห็นท่าทีของอาจารย์หนุ่มที่อนาคตกำลังจะรุ่งโรจน์ เหมือนจะหลุดออกไปจากโลกปัจจุบัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งปลอบว่า

“รองศาสตราจารย์ธาวิน ผมคิดว่าคุณควรจะพักเสียบ้าง อะไรที่ทำไม่ได้ตามแผนที่วางเอาไว้ก็ปล่อยเสียบ้าง ถ้าปีนี้คุณยื่นขอตำแหน่งศาสตราจารย์ไม่ทัน ปีหน้าก็ยังมีโอกาส”

ธาวินมองผู้บังคับบัญชา แววตาของเขาวูบไหว สะเทือนใจที่คณบดีคิดว่าเขาอยากได้ตำแหน่งศาสตราจารย์จนจะกลายเป็นบ้า

“เอาล่ะ คุณทำผิดในคราแรกผมจะแค่ตักเตือนเท่านั้น คุณไปเถอะ หมดเรื่องแล้ว”

สิ้นเสียงคณบดี ธาวินเดินออกจากห้องอย่างคนไร้สติ

เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หรือว่าเขาจะเครียดมากจริง ๆ จนลืมไปสอน มันจะเป็นไปได้อย่างไร

ในหัวเขามันเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีคำตอบ คำถามนับร้อยทะลักขึ้นมาในสมอง รู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็เดินมาจนถึงรถ Mercedes-Benz สีเงินคันงามแวววับ เขาบิดกุญแจไขประตู เปิดเข้าไปนั่งที่เบาะหนังนุ่มรับกับสรีระของผู้เป็นเจ้าของมัน

ธาวินหลบอยู่ในรถเพื่อหลีกหนีสิ่งที่เขาเผชิญเมื่อสักครู่ ความสับสนมันทำให้เขาอยากอยู่คนเดียวสักพัก แสงแดดยามสายส่องลงกระทบโลหะรูปดาวสามแฉกหน้ารถเกิดแสงแวบเข้าตา เขาหลุบตาลงเพื่อหลบแสงกระทบนั้น แล้วสายตาเขาก็ไปสะดุดกับเม็ดทรายสีขาวละเอียดบนถาด รองพื้นรถใต้เท้า

เขารีบขยับแว่นตาเพื่อให้มองได้ชัดขึ้น ขณะที่ก้มดูเม็ดทราย          เล็ก ๆ มือเรียวหยิบเม็ดทรายขึ้นมาดูใกล้ ๆ ดวงตาสีเข้มวาวระริก บางสิ่งบางอย่างแวบเข้ามาในจิตใต้สำนึกจนขนอ่อนในกายลุกซู่ !

ลักษณะเม็ดทรายแบบนี้ไม่มีที่มหาวิทยาลัยใจกลางกรุงเทพฯ        ที่เต็มไปด้วยคอนกรีตอย่างแน่นอน ! หรือว่าเมื่อวานเขาจะไม่ได้เข้าสอนจริง ๆ หรือว่าสิ่งที่เขาฝันว่านั่งอยู่ริมทะเล เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ

มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่เขาจำอะไรไม่ได้เลย ! จำไม่ได้แม้กระทั่งผู้หญิงที่เขาไปด้วยเป็นใคร

 ทรายเนื้อละเอียดในมืออาจารย์หนุ่มถูกกำจนแน่น ! เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ! หากเขาไม่บ้า ก็ต้องมีใครสักคนที่เล่นตลกกับเขาแน่ ๆ

ธาวินรีบวิ่งออกจากรถมุ่งหน้าขึ้นตึกสูงอย่างรวดเร็ว เขาต้องรู้คำตอบให้ได้ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นบ้าไปจริงๆ

ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้าใส่ธาวินอย่างรุนแรงราวกับโดนคลื่นซัด เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ไร้เหตุผล และควบคุมไม่ได้เช่นนี้มาก่อน ใครสักคนที่สามารถให้คำตอบเรื่องนี้ได้ก็คงมีแต่ ดร.ประชา เท่านั้น เพราะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเขา

“ประชา!”

ธาวินกระชากประตูห้องเรียนออก แล้วตะโกนดังลั่น ใบหน้า         แดงก่ำ หายใจหอบเพราะเขาวิ่งจากโรงรถขึ้นมาที่ตึก EN 6 โดยไม่หยุดพัก

นักศึกษาร่วมร้อยชีวิตเงียบกริบทั่วทั้งห้อง ต่างหันมามอง        รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ ที่ยืนหอบตรงหน้าประตูด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

คนถูกเรียกชะงัก มือจับปากกาไวท์บอร์ดค้างบนกระดาน เมื่อตั้งสติได้ เขาหันกลับไปยังนักศึกษาแล้วออกคำสั่งว่า

“นักเรียนทำโจทย์บนกระดานรอ เดี๋ยวอาจารย์กลับมา”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status