บทนำ
'รัตติกาลจันทร์อัปสร'
ตระกูลรัตติกาลจันทร์อัปสร เกิดขึ้นในสมัยยุครัชกาลที่ห้า เป็นยุคสมัยแห่งการเลิกทาส ฝรั่งมังค่าเข้ามาหากินในดินแดนไทย แม้นว่าเทคโนโลยีจะเริ่มล้ำสมัย หากแต่ความเชื่อของผู้คนยังคงโบราณดังเดิม....
กลิ่นอายความเป็นไทยเดิม ดอกไม้สีขาวหลากหลายชนิดล้วนเป็นที่นิยม มีไว้ให้เชยชมกันทั่วทั้งแดน มะลิถูกร้อยเรียงเคียงกันไป ถวายแด่เทวาลัยทั้งแผ่นดิน
โหราศาสตร์ถือเป็นศาสตร์ชั้นสูง ผู้ใดหาได้ใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ ตระกูลรัตติกาลจันทร์อัปสร เป็นหนึ่งในไม่กี่ตระกูลที่ได้ครอบครองอาคมลึกลับจากหลากหลายแหล่งที่มา แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ทายาทแห่งรัตติกาลจันทร์อัปสรยึดเหนี่ยวคือ...การเดินทางสายกลาง คาถาอาคมต้องมาจากสายขาว ไม่ทำร้ายผู้ใช้ เน้นการให้ความช่วยเหลือมากกว่าทำลาย
ณ งานเลี้ยงแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรีย
แสงไฟหลากสีกำลังสาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณลานกว้าง ทั้งขวดและแก้วแชมเปญมากมาย ถูกวางเรียงไว้ทั่วทุกมุมของลานกว้างอเนกประสงค์แห่งนี้ หญิงชายต่างอยู่ในชุดราตรี หากมองดีดีจะเห็นว่าแขกเกือบทั้งงานไปรายล้อมอยู่ที่โต๊ะวีวีไอพีเพียงที่เดียว
'เจ้าจอม' จิรพัฒน์ รัตติกาลจันทร์อัปสร ชายหนุ่มวัยยี่สิบสาม หากบอกว่าเขาเป็นดาราก็คงไม่มีใครเถียง คิ้วเรียงเส้นสลวยกับผมดำออกน้ำตาลนิดหน่อยไม่ได้ขัดกับใบหน้าของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวสวยกำลังไล่มองสำรับไพ่ทาโรต์ในมือ
ค่ำคืนนี้ผู้โชคดีมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ผู้ที่จะได้รับการทำนายดวงชะตาจากเจ้าจอม มีเพียงคนเดียว....ไพ่ยิปซีถูกจับขึ้นใบแล้วใบเล่า จนในที่สุดปากของชายหนุ่มก็ลั่นวาจาเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ใครหลายคนรอฟังออกมา
"ตาย...ภายในสิบนาที :) "
รอยยิ้มร้ายปรากฏบนหน้าของเจ้าจอม คนในงานโห่ร้องอย่างไม่พอใจ นี่มันเป็นการหลอกลวงแสนจะไร้สาระที่สุดในทั้งหมดที่พวกเขาเคยเจอมาในชีวิต
แขกผู้มีเกียรติแต่ละท่านทยอยไปนั่งที่โต๊ะของตนเอง เจ้าจอมไม่ได้หน้าเสียแต่อย่างใด กลับกันเขายิ้มอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ที่ชายหนุ่มทำนายเสร็จ แขกในงานเลี้ยงคนอื่นซึ่งนั่งอยู่โต๊ะตัวเดียวกับเจ้าจอมถึงขั้นต้องรีบย้ายโต๊ะหนี เพราะรู้สึกไม่ไว้ใจในตัวของนักทำนายคนนี้เสียแล้ว
ริมฝีปากสวยได้รูปของเจ้าจอมพลันขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ มือเรียวเคาะขอบจานเป็นจังหวะตามปากตน
"9 8 7 6 5 4 3 2 1 บิงโก..."
~กรี๊ดดดดดดดดด~
เสียงผู้คนในงานต่างหวีดร้อง บางคนก็วิ่ง บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็เป็นลม ในขณะที่เจ้าจอมเอาแต่หัวเราะไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ชายคนนั้นใช้มีดแทงตัวเอง ชายคนที่เจ้าจอมเพิ่งจะทำนายดวงชะตาให้คนนั้น....
บางคนที่ยังจำเหตุการณ์ก่อนหน้าได้ หันมามองเจ้าจอมที่กำลังหัวเราะร่าด้วยแววตาปนระคายใจ
ยินดีต้อนรับสู่ความเร้นลับของรัตติกาลจันทร์อัปสร
สู่ความเร้นลับที่ท่านไม่อาจลืมเลือน
END PART.
ณ ประเทศไทยแดดอ่อนสาดส่องเข้ามาในโดมกระจกสวยหรู เหล่าผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ บางก็ยืนกอดกัน บางก็ยืนร้องไห้ ในขณะที่สำเนียงภาษาอังกฤษเอ่ยเรียกผู้โดยสารดังไปทั่วทั้งตึกร่างของชายหนุ่มสูงโปร่ง ผิวขาวแต่ไม่มากนัก สวมแบรนด์เนมสุด Luxury ทุกก้าวที่เดิน ล้วนเป็นจุดสนใจของคนอื่นยิ่ง'เจ้าจอม' จิรพัฒน์ รัตติกาลจันทร์อัปสร ถูกเรียกกลับไทยในรอบหลายปี ทายาทเพียงผู้เดียวของ 'รัตติกาลจันทร์อัปสร'ตระกูลทรงอำนาจแห่งราชวงศ์ สายทำนายดวงชะตาเก่าแก่เคียงคู่บ้านเมือง บัดนี้ประวัติศาสตร์ยาวนานต้องการทายาทสืบสาน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จิรพัฒน์ถูกเรียกกลับเมืองไทยเป็นการด่วน ส่วนเหตุผลอื่นก็ช่างมันเถอะ พูดไปก็อายเสียเปล่า แว่นกันแดด Prada ถูกหยิบยกขึ้นมาสวมใส่บนกรอบหน้าคม ส่วนมืออีกข้างกำลังจิ้มโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่าเมื่อจอมอ่านข้อความล่าสุดที่ถูกส่งมา อารมณ์เดือดของชายหนุ่มคล้ายกับเตรียมจะระเบิดอยู่รอมร่อ"กลับเอง?" ปากสวยเอ่ยทวนข้อความ ขายาวไม่ก้าวเดินต่อ มือเรียวจิ้มโทรศัพท์หวังจะตอบกลับข้อความซึ่งถูกส่งมานั้น'มารับเดี๋ยวนี่!!''กลับเองสิวะ เงินก็มี กูไปละ' ข้อความหยาบ ๆ ถูกพิมพ์ส่งกลับมาจ
'เจ้าจอม' จิรพัฒน์ รัตติกาลจันทร์อัปสร เด็กหนุ่มอายุยี่สิบสามปีดีกรีนักเรียนนอก แต่เรียนไม่จบสถานะปัจจุบันบ้าดารานายแบบที่มีชื่อว่า 'เดินดิน' ขั้นสุดตัวของเจ้าจอมนั้น ถูกเรียกตัวกลับมาจากออสเตรีย โดยลุงบังเกิดเกล้าผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ครั้นยังวัยเยาว์ เนื่องจากลุงของเขาจับได้ว่าหลานตัวแสบนั้นถูกรีไทร์ไปได้หลายปีแล้ว เมื่อไม่ได้เรียนแทนที่มันจะกลับบ้านมาช่วยงาน หากแต่ไอ้หลานรักของตนเองก็เอาแต่ทำตัวสำมะเลเทเมาไปวันเว้นวัน เดือดร้อนผู้เป็นลุง จำต้องรีบเรียกตัวชายหนุ่มกลับเมืองไทยภายในสัปดาห์นั้นเป็นการด่วนมือเรียวยาวเต็มไปด้วยเส้นเลือดสวยของจิรพัฒน์ เลื่อนไถฟีดคลิปจากแอปพลิเคชันต๊อก ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก คลิปที่ขึ้นฟีดหาใช่คลิปใครอื่น นอกจาก 'เดินดิน' นายแบบหน้าหวาน ผู้ได้รับฉายาว่า "ลูกชายคนสวยแห่งชาติ" ก็เพราะเจ้าตัวนั้นน่ารักน่าทะนุถนอมจนแอบเหมือนลูกชายของใครหลาย ๆ คนเมื่อไถฟีดไปได้ไม่นาน อีเมลแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องงามของตน จิรพัฒน์หรี่ตาเหลือบมองมันเป็นเวลาเพียงไม่กี่อึดใจนัก นิ้วมือเรียวยาวกดลงช่องข้อความเพื่อกดเปิดอ่านสิ่งที่เด้งขึ้นมา มันค
จิรพัฒน์และราชาถูกสั่งให้มาเก็บกวาดห้องเก็บคัมภีร์ ตำราโบราณ ภายในเรือนไทยหลังงาม ส่วนลุงนินนั้นได้ลงไปยันเรือนเล็กเพื่อถอนของให้ลูกศิษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตัวเรือนใหญ่จึงเหลือแค่ราชรณวรกับคนน้องอย่างเจ้าจอมเท่านั้น"รีบไปเก็บเถอะ กูจะได้กลับไปนอน" จิรพัฒน์เอ่ยปากบอกอีกคน"อืม" ราชรณวรพยักหน้ารับคำแม้จะรู้ว่าเจ้าจอมอายุน้อยกว่าตน แต่ราชาก็ไม่ใช่คนซีเรียส หากคนน้องไม่อยากเรียกเขาว่าพี่ ใยเล่าเขาจะไปบังคับอีกฝ่ายได้เมื่อยามที่พวกเขาเข้ามาถึงห้องเก็บคัมภีร์ คนทั้งคู่ก็ช่วยกันเก็บของให้เป็นระเบียบ ในคราแรกที่รู้จักมีการพูดคุยกันบ้าง ไปมากลับพูดคุยถูกคอกันเสียอย่างงั้น"ราชา""ว่าไงมึง?"เจ้าจอมไม่ได้พูดเพราะกับราชา แน่นอนว่าเขาเองก็พูดไม่เพราะกับอีกคนเช่นกัน"มึงว่าในห้องนี้จะมีของน่าสนใจไหม?" จิรพัฒน์ถามราชรณวรด้วยใบหน้าทะเล้น"มึงอย่าแย่ไอ้จอม!" ราชาดุคนตัวเล็กแต่จินพัฒน์หาฟังไม่ จากที่จะเก็บตำราโบราณ กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายรื้อมันออกมาอ่านเล่มแล้วเล่มเล่าแทน ราชรณวรถอนหายใจแล้วรอให้อีกฝ่ายรื้อออกมาอ่านเสร็จ เขาค่อยเก็บยังจะดีเสียกว่า เหตุการณ์ ณ ปัจจุบันจึงกลับกลายเป็นว่าคนพี่นั่
เพนท์เฮ้าส์สุดหรูย่านปริมณฑล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดานายแบบตัวท็อปในสังกัด YEhwazi (เยฮวาซี) บัดนี้ถูกปิดไฟ เกือบมืดสนิททั้งหลัง เพราะเจ้าของบ้านไปทำงานที่ต่างประเทศกันเกือบหมด เหลือเพียง 'เดินดิน' นายแบบตัวท็อปของเยฮวาซี ผู้ที่มีใบหน้าสวยหวาน ดั่งเดินสวรรค์กำลังนั่งดูทีวีอยู่ใจกลางห้องโถงของเพนท์เฮ้าส์หรูเดินดินใช้นิ้วเรียวจิ้มโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยเพื่อเปิดดูข้อความที่เด้งเข้ามาเรื่อย ๆ อย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่าย ๆสายตาจดจ้องข้อความที่ถูกส่งรัว ๆ เข้ามาในช่องแชทหาใช่ของใครอื่น มันเป็นข้อความจากแม่เลี้ยงของเขานั้นเองเมื่อเดินดินอ่านมันจบก็พบว่าเป็นข้อความขอเงินจากอีกฝ่ายเช่นเคย มันเป็นเหตุการณ์เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แอปพลิเคชันธนาคารภายในตัวเครื่องถูกเปิดขึ้นเพื่อตรวจสอบยอดเงินทั้งหมด เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา เมื่อเห็นว่ายอดทั้งหมดในบัญชีมีเพียงหนึ่งหมื่นสามพันบาทเท่านั้นเงินจำนวนหนึ่งหมื่นสามพันบาทถูกโอนไปให้มารดา ด้วยความรีบเร่งตามการส่งข้อความแชทถี่รัวของอีกฝ่าย เพราะเกรงว่าเธอจะทนไม่ไหวเสียก่อน เมื่อทำธุรกรรมทางการเงินเสร็จช่องแชทก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง'โอนไปแล้วมันค
บทที่ 5 “ร่างของคนอื่น” เขียนโดย : รสผลไม้09:45 นาฬิกาแปลก...วันนี้แปลกมาก จิรพัฒน์มั่นใจว่าช่วงเวลานี้มันน่าจะต้องเป็นช่วงสายของวันแล้วแน่ ๆ แต่ทำไมไม่มีใครมาปลุกเขาไปใส่บาตรละ?เจ้าจอมหรี่ตาขึ้นเพื่อมองนาฬิกาตรงมุมหัวเตียงสวย แต่ก็ต้องแปลกใจกว่าเดิมเมื่อภาพตรงหน้าแปรเปลี่ยนไปภาพของห้องนอนที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาและยานอนหลับที่วางอยู่ข้างหมอนสูงที่เขาหนุน ไม่ปกติ โคตรจะไม่ปกติเลย!จอมรีบยันตัวขึ้นนั่ง สายตาโฟกัสปรับแสงเพื่อมองสำรวจรอบห้องนอน ยิ่งหันไปเห็นกรอบรูปขนาดใหญ่ที่มีรูปเดินดินคนสวยแขวนอยู่สร้างความงุนงงให้จิรพัฒน์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก"กูคงฝันแหละ...ก็บ้าแล้ว!" ประโยคแรกเขาพึมพำกับตนเอง ส่วนในประโยคถัดมาคือตอนนี้เขาได้รับรู้ว่าสิ่งที่คิดและไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมันกำลังจะเป็นความจริงเจ้าจอมรีบดีดตัวพุ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งสีขาวสวย และสิ่งที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นที่สุด ยินดีด้วยมันได้เป็นความจริงแล้วจิรพัฒน์ตอนนี้กำลังอยู่ในร่างของเดินดิน!เจ้าจอมในร่างของดั่งเดินสวรรค์ซึ่งตอนนี้เขาสวมชุดนอนน่ารักเป็นผ้าซาตินตัวบาง จิรพัฒน์รีบเดินออกมานอกห้องนอนเจ้าของร่างนี้อย่างรวดเร็
บทที่ 6 “ตำหนักสายหมอก”เขียนโดย : รสผลไม้เจ้าจอมมองหน้าคนสองคนที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม โดยพระเพลิงกำลังนั่งจิ้มมือถือ ส่วนอาร์ก้านั่งจิบกาแฟ จิรพัฒน์จึงเลือกที่จะถามอาร์ก้า เพราะเห็นว่าเพลิงอัคคีกำลังขมวดคิ้วกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่"อาร์ก้า…""ว่าไงดิน""กู…เราเก็บกุญแจรถไว้ไหนอะ?""กุญแจรถ?" อีกฝ่ายทำหน้าฉงนแล้วทวนคำถามกับคนตัวเล็ก"ใช่ ๆ กุญแจรถของเรานะ""ดินไม่สบายรึเปล่า? ดินไม่มีรถนะครับ ดินไม่เคยซื้อรถ" อาร์ก้าอธิบายเจ้าจอมเลิกคิ้วสูง ในหัวเดือดปุด ๆ อะไรคือไม่เคยซื้อรถ? เงินที่หามาได้มันไปไหนหมด? โฆษณาแต่ละตัวได้เป็นแสนเป็นล้านโอ๊ย!หงุดหงิดโว้ย จิรพัฒน์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ทีวีแอลอีดีขนาดใหญ่ ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นมาถีบมันหล่นลงพื้น ทีวีร่วงหล่นตามแรงกระแทกอย่างรุนแรงด้วยอารมณ์ที่โมโหกับสถานการณ์อันไม่เป็นดั่งใจหวัง ยังต้องมาเจอวิญญาณปัญญาอ่อนห้อยขาต่องแต่งอยู่ขอบทีวี มันทำให้หมอผีปากแซ่บอย่างจอมหัวร้อนแบบเขาอยากจะจับไอ้ผีตนนี้ลงหม้อดินให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อลดอารมณ์ความหงุดหงิดลงบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี~โครม~เสียงทีวีที่หล่นลงพื้นกระเบื้องสีขาว
บทที่ 7"ดอกลีลาวดี"เขียนโดย : รสผลไม้~ กลิ่นหอมที่ยาวนาน ตราบเท่านิรันดร์กาล ใจหวั่นไหว การพบรัก ต้องเคียงคู่ข้างกาย ท้ายที่สุดต้องจากกันและล้ำลา มันคือโชคชะตาที่ฟ้ากำหนดให้เรามาไม่เท่ากัน ~ณ ตำหนักสายหมอกราชาเหลือบตามองลัมโบร์กินีสีแดงสดที่ขับพุ่งออกมาจากตำหนัก เขาจำได้ดีว่ามันคือรถของพระเพลิง แล้วเพลิงอัคคีมาทำอะไรที่นี่ละ? หรือคนในนั้นไม่ใช่เพลิงเพื่อนของเขาเมื่อรถลัมโบร์กินีสีเหลืองสดของเขาจอดเข้ามาเทียบท่าลานกว้างภายในตัวเรือนไทยหลังงาม ก็พบกับนิสสันจีทีอาร์สามสิบห้าสีดำคันสวยและดูคาติอีกสองคันประกบข้างสภาพของรถและต้องมีบอดี้การ์ดประกบข้างแบบนี้ ทั้งประเทศเกรงว่าจะมีคนเดียวกระมั้ง ราชรณวรรีบจอดรถทันที ชายหนุ่มรีบก้าวลงมาจากรถหรูเช่นกันกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ของเขาร่างของเจ้าจอมที่บัดนี้เดินดินเป็นผู้ครอบครอง ก็ได้เดินลงมาพร้อมกันกับราชา แต่ดั่งเดินสวรรค์กลับชะงักค้างเมื่อเห็นเมืองเหนือสุวภัทน์ซึ่งยืนลูบริมฝีปากของตนเองอยู่คนตัวเล็กรีบถอยเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของราชาทันที ราชรณวรเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น"น้องจอม ไปรอพี่อยู่ที่บ้านเล็กของจอมก่อน
ตอนที่ 8 “กลางคืน"เขียนโดย : รสผลไม้ตัวของจิรพัฒน์ที่ขับรถมาถึงเพนส์เฮ้าท์หรูได้ไม่เพียงกี่นาที ชายหนุ่มไม่ยอมลงจากรถยนต์หากแต่เพียงนั่งกัดนิ้วตัวเองอย่างครุ่นคิดอยู่ภายในรถ พร้อมกับลอบมองถุงเงินสดและตำราโบราณที่หยิบติดมือมาด้วย ก่อนอื่นคืนนี้เขาคงต้องจัดการกับของต่ำที่อยู่ในทีวีดิจิตอลจอยักษ์เฮงซวยอันนั้นเป็นอย่างแรกเลย ไม่งั้นจอมคงนอนไม่หลับแน่เมื่อคิดได้เช่นนั้นจิรพัฒน์ในร่างของดั่งเดินสวรรค์ก็ลงจากรถหรูพร้อมกับถุงเงินที่มีไม่ต่ำกว่าสิบล้าน เมื่อเท้าเหยียบถึงธรณีดินของเขตตัวบ้าน จิรพัฒน์ก็ต้องหันไปมองรอบเพนส์เฮาท์อีกครั้ง...ไม่มีเจ้าที ไม่มีศาล ไม่มีอะไรเลยสมควรแล้วที่มีของวิญญาณแปลก ๆ เข้ามาอยู่ในตัวบ้าน ชายหนุ่มสะบัดศีรษะเดินหลบไปในบ้านหรู เมื่อเข้ามาถึงตัวห้องโถงเจ้าจอมก็เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในโถงดังกล่าว นายแบบแถวหน้าของบริษัท เยฮวาซีกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ตรงนี้ 'อาร์ก้า' และ 'เทมเปอร์' กำลังเปิดโน๊ตบุ๊คดูรายการสอนทำอาหารส่วน 'เจย์แลนด์' นอนหลับอยู่ที่โซฟาอีกตัว และแน่นอนว่า 'พระเพลิง' กำลังมองเขาอยู่ จิรพัฒน์ถอนหายใจแล้วเดินเอากุญแจรถหรูไปคืนให้รุ่นพี่ กุญแจถู