เสียงดนตรีดังกระหึ่มเรียกการเคลื่อนไหวของเหล่านักท่องราตรีให้ออกมาขยับโยกปลดปล่อยความสนุกท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นในโซนชั้นล่างของผับชื่อดังในเมืองใหญ่ลลิสาเดินออกจากห้องน้ำในโซนชั้นสองที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ราวกั้นแล้วกวาดสายตามองหาเพื่อนบางคนในกลุ่มที่ปลีกตัวลงไปสนุกด้านล่างมาสักพักใหญ่ตามประสาคนชอบห่วงที่ต้องรับหน้าที่ดูแลและเก็บตกเพื่อนยามเมาไม่มีสติอยู่ตลอด“ยายแก้วกับยายปรายไปเต้นอยู่ไหนกันวะเนี่ย แล้วคนเยอะแบบนี้ฉันจะหายังไงเจอล่ะทีนี้”หญิงสาวบ่นไปมองหาไป มือก็กดโทรศัพท์โทรตามเพื่อนไปด้วย โทรทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าแม่พวกนั้นคงไม่ได้ยินเสียงนี่แหละ จนหลายรอบเข้าก็ยังไม่มีหวัง เธอจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วยอมแพ้ สองขาจึงก้าวฉับ ๆ ไปทางบันไดทางขึ้นโซนวีไอพีชั้นสาม แต่ก็ต้องหงุดหงิดหนักกว่าเก่าเมื่อเจอคู่รักนักเที่ยวยืนนัวเนียขวางทางอยู่เธอปรายสายตาอย่างรังเกียจไปที่คนทั้งคู่ บันไดมันก็แคบแค่นี้ เดินสวนกันยังแทบจะสิงร่างยังอุตส่าห์เจอคนอดอยากได้อีก นี่คือสิ่งที่เธอคิดแต่เธอก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดออกไปให้ลำบากตัวเองแน่นอน ยิ่งในสถานที่แบบนี้และไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เกิด
“หึ! กว้างบ้านป้าเธอสิ แหกตามองไหมว่ามันยังกว้างไม่ถึงเมตรครึ่งเลย ฉันคงเป็นไรฝุ่นมั้งถึงจะเดินแทรกเธอกับเขาที่รัดกันอย่างกับงูเหลือมไปได้”ลลิสาตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าหลังจากที่อดทนสงบปากสงบคำมานาน ความแสบสันของเจ้าหล่อนเรียกรอยยิ้มพอใจจากผู้ชายที่ยืนเงียบอยู่ได้ เขาเกิดนึกสนใจในตัวเธอขึ้นมาทันที จะว่าไปแล้วเธอก็ดูสวยปราดเปรียวไม่หยอก“อีบ้า แกว่าฉันเหรอ”ผู้หญิงชุดแดงแสนสั้นรีบปล่อยแขนที่กอดอยู่มายืนดิ้นอยู่ตรงหน้าเพราะคำพูดที่ด่าเสมือนว่าเธอโง่ ใจจริงอยากเดินเข้าไปตบคนขัดจังหวะใจจะขาด แต่กลัวคู่ควงอย่างภาวัตไม่พอใจเลยต้องรักษาความเรียบร้อยเอาไว้สักหน่อย“ไม่ได้ว่าหรอก ชมอยู่” คู่กรณีลอยหน้าลอยตาตอบอย่างยียวน“หน็อย อี.....” สาวชุดแดงที่ถูกยั่วโมโหทนไม่ไหวจึงยกนิ้วที่มีเล็บยาวถูกเคลือบด้วยสีแดงเงาวับขึ้นชี้หน้าคู่กรณี“พอได้แล้ว” คนที่ยืนเงียบอยู่นานแทรกขึ้นมาอย่างระอากับเหตุการณ์ประเภทนี้ เขาถูกพวกผู้หญิงตบตีแย่งกันบ่อยจนชินชาเขาเลิกสนใจคู่ขาด้านข้างแต่กลับส่งยิ้มหวานให้กับสาวอีกคนแทน แววตาคมขยับไหวตามความพอใจที่พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของเขามีปฏิกิริยากับเจ้าของร่าง
หญิงสาวสะบัดมือของคนแปลกหน้าออกอย่างแรงโดยที่เขาก็ไม่ได้ยื้อต่อ แล้วก้าวเดินขึ้นบันไดไป ทว่าหากเพียงแค่ก้าวเดียวเธอกลับต้องหมุนตัวมาหาเขาอีกครั้งเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้“อ้อ ลืมเตือน คราวหน้าแนะนำว่าถ้าไม่ไหวไปเปิดห้องดีกว่านะคะ ใกล้ ๆ นี่ก็มีเยอะแยะ แถวนี้มันคงตื่นเต้นเกินไป แต่ถ้าเลือกไม่ถูกนี่เลยค่ะ...”“ครับ?”ภาวัตเลิกคิ้วประหลาดใจเมื่อหญิงสาวเจ้าของเสียงหวานยื่นกระดาษแผ่นเล็กประมาณครึ่งเอสี่ที่ถูกคลี่ออกมาทั้งยังเห็นรอยพับอยู่ให้“ใบปลิวน่ะค่ะ โรงแรมของฉันเอง อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ ถ้าคุณไม่ไหวเปิดห้องที่นี่ก็ได้นะคะ รับรองว่าโรงแรมเราจะบริการคุณอย่างดีเลยค่ะ ห้องสะอาด พนักงานมารยาทเยี่ยม ราคาประทับใจ มีทั้งรายวันรายสัปดาห์และรายเดือน อาหารอร่อย บรรยากาศพรีเมี่ยมมากค่ะ หวังว่าจะได้ต้อนรับคุณผู้ชายนะคะ” เจ้าของโรงแรมสาวร่ายยาวเหยียดตบท้ายด้วยรอยยิ้มการค้าแบบสมบูรณ์ก่อนหันหลังเดินขึ้นไปชั้นสาม ทิ้งชายหนุ่มไว้กับท่าทีนิ่งอึ้งพร้อมใบปลิวยับ ๆ ในมือผ่านไปหลายนาทีกว่าที่ภาวัตจะขยับตัวและระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาในรูปแบบนี้ ช่างแตกต่างกับผู้หญิงคนอื่นที
รถสปอร์ตคันหรูแล่นปราดเข้ามาจอดในที่ประจำของคอนโดแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี่ก็เป็นหนึ่งในโครงการของเดอะทรูธที่ภาวัตซื้อเอาไว้ ทว่าคนที่อยู่คือนันสินีคู่ขาคนสวยที่ชายหนุ่มผูกสัมพันธ์มาหลายเดือนแม้จะแวะมานาน ๆ ครั้งก็ตามทันทีที่ประตูเปิดออกพร้อมกับการต้อนรับของหญิงสาวภายในห้อง ร่างสองร่างก็พุ่งเข้าสัมผัสกันอย่างเร่าร้อนเหมือนกองไฟที่ถูกราดน้ำมันลงไปจนลุกโชน ประตูค่อย ๆ ปิดสนิทโดยอัตโนมัติพร้อม ๆ กับที่คนทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่า เสื้อผ้ากระจายไปทั่วห้องนั่งเล่น“อื้อ...ตรงนี้เลยเหรอคะ”เสียงหอบกระเส่าของฝ่ายหญิงเอ่ยถาม เมื่อถูกบุกแบบไม่ทันตั้งตัว ลมหายใจของเธอถูกช่วงชิงด้วยริมฝีปากของคนตัวโตแสนเอาแต่ใจ ขณะที่เธอเปิดทางให้เขาแนบชิดร่างกายแสนเย้ายวนของเธอมากขึ้น เรียวขาสวยเกี่ยวรอบเอวของภาวัตไว้แน่น“อืม ตรงนี้แหละ เปลี่ยนบรรยากาศ ใจเย็นสิคนสวย”เขาชอบเป็นฝ่ายบุกก่อน แต่ก็ชอบที่คู่ขาคนสำคัญช่างตั้งรับได้ไวและรุกกลับได้อย่างถึงใจไม่แพ้กัน อุณหภูมิในร่างกายของเขาร้อนฉ่าขึ้นมาอีกระดับเมื่ออีกฝ่ายพลิกกลับมาปรนเปรอให้เขาเต็มที่ เรียวลิ้นของเธอไล่สัมผัสไปทั่วเรือนกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
เมื่อเห็นหญิงสาวเสร็จสมจนพอใจแล้วภาวัตจึงเร่งเครื่องเดินหน้าสาวท่อนลำเข้าสุดออกสุดแล้วตอกอัดลงไปแรง ๆ หลาย ๆ ครั้งติดกัน เพียงไม่นานก็ชักลำใหญ่ออกมา คู่ขาคนสวยก็ช่างรู้ใจขยับตัวลงมาคุกเข่าอ้าปากอย่างรอคอย มือใหญ่สาวไปที่อาวุธประจำกายสองสามครั้งก็กระตุกปลดปล่อยน้ำเชื้อสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดใส่ปากสาวที่อ้ารออยู่ เธอกลืนรสชาติชายชาตรีของเขาไว้ทั้งหมดแล้วเลียริมฝีปากอย่างเอร็ดอร่อยหลังจากนั้นหญิงสาวตั้งท่าจะเข้ามานัวเนียปลุกอารมณ์เขาอีกรอบ ตัวเธอเองถูกเขาพาขึ้นสวรรค์ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบจนขาแทบหุบไม่ลงแล้ว แต่เธอก็สู้ตายเพราะอยากเอาใจเขา เธอรู้ว่าชายหนุ่มไม่เคยพอใจในครั้งเดียว แต่ทว่าครั้งนี้กลับผิดแผกไปจากเดิม เขากลับผละกายออกไป“พอแล้วแนท” โทนเสียงพูดของภาวัตกลับมาเป็นปกติ เขาได้ปลดปล่อยออกไปจนสบายตัวแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมหญิงสาวเจ้าของห้องแม้นึกเสียดายอยากใช้เวลาร่วมกับเขาอีกแต่เธอก็แย่งหน้าที่นั้นมาทำแทน เธอสวมเสื้อผ้าให้เขาจนเสร็จเรียบร้อย พอรูดซิบกางเกงขึ้นเสร็จเป็นอย่างสุดท้ายก็ยังไม่วายจูบเบา ๆ ลงบนสิ่งที่อยู่กลางลำต
“พรุ่งนี้ต้องบินไปประชุมที่กระบี่นะครับเจ้านาย”กรณ์กิตติแจ้งรายการนัดหมายด้วยท่าทีทะมัดทะแมงสมเป็นเลขาสายลุย เขาทำงานกับภาวัตมาหลายปี คอยดูแลจัดการทุกอย่างทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให้เจ้านายมาตลอด จนเป็นที่ไว้ใจแทบไม่เคยผิดพลาดไม่ว่าจะงานใดทั้งนั้น“เดี๋ยวนายจัดการส่งของขวัญพิเศษไปให้แนทด้วยนะ”“ครับ เป็นน้ำหอมคอลเล็กชันใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยดีไหมครับ แบรนด์นี้ผมจำได้ว่าคุณแนทเธอเคยใช้ครับ”เลขาลองเสนออย่างรู้ใจ เขาพอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จัดเป็นคู่ขาคนพิเศษมากกว่าคนอื่นที่เจ้านายมีความสัมพันธ์ด้วย เพราะเจ้านายมักไปหาบ่อยครั้งทั้งยังไม่มีปัญหาใด ๆ ให้เจ้านายของเขาหนักใจ และยังได้ของขวัญจากเจ้านายบ่อยมากอีกด้วย“เอางั้นก็ได้” เจ้านายหนุ่มตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก และนึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “แล้วก็...”“ครับ?” เลขาหนุ่มเตรียมพร้อมรับคำสั่งเจ้านาย“ช่วยเช็กทีว่าที่กระบี่มีโรงแรมในเครือเดอะทรูธบ้างรึเปล่า”เลขาหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วเมื่อฟังเจ้านายถาม เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมีความต้องการพิเศษในเรื่องที่พักมาก่อน ปกติเขาสามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสม เว้นแต่ไปพักรีสอร์ตของเพื่อนอันเป็นส่
ณ โรงแรมทริปเปิลแอลสาขากระบี่ร่างบางเดินตรวจตราความเรียบร้อยภายในโรงแรมช่วงเช้าก่อนที่แขกจะลงมาทานอาหารในห้องอาหารตามเวลา หญิงสาวประเมินทุกอย่างด้วยความพึงพอใจกับสิ่งที่ได้พบเห็น เพราะนั่นหมายความว่าทุกอย่างโอเคไม่มีปัญหาที่จะเสี่ยงให้โรงแรมเสียหาย“คุณลูกไม้คะ มีเรื่องด่วนค่ะ”เลขาสาวแว่นโตเดินฉับ ๆ เข้ามาหาเจ้านายด้วยรอยยิ้มพร้อมกับไอแพดคู่ใจในมือ“อ้อ มีอะไรเหรอคุณดาว”“พอดีมีเมลจากผู้บริหารของภัควเดชากรุ๊ปเข้ามา แจ้งความประสงค์ต้องการขอพบคุณลูกไม้เรื่องโครงการร่วมค่ะ”สิ่งที่ได้รับรายงานจากลูกน้องทำให้ลลิสาประหลาดใจมาก ในเมื่อเธอไม่เคยมีแพลนจะทำโครงการร่วมกับที่ไหนมาก่อน แถมโปรเจ็กต์ใหม่ก็ยังแพลนไม่เรียบร้อยด้วย“แปลก...ใครส่งมาคะ เลขาของผู้บริหารภัควเดชากรุ๊ปรึเปล่า”“ไม่ใช่ค่ะคุณลูกไม้ เป็นเมลตรงจากเอ็มดีเลยค่ะ”“ถ้างั้นรบกวนแจ้งเขาทีว่าตอนนี้เรายังไม่สะดวกนัดคุยเพราะอยู่ต่างจังหวัดนะ”“คงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้วค่ะ เพราะเอ็มดีของทางนั้นแจ้งมาว่า เขาจะเข้าพักที่โรงแรมสาขากระบี่ของเราในวันนี้ค่ะ”ลลิสาได้ฟังก็ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจมาหาถึงที่นี่จะไม่ต้อนรับก
“ครับ แล้วไม่ทราบว่าคุณลลิสาพักที่ไหนเหรอครับ”เลขาสาวมองหน้าแขกของเจ้านายด้วยความแปลกใจ แต่ก็จำเป็นต้องตอบไปตามมารยาท เธอพยายามตอบแบบเป็นกลางให้เจ้านายปลอดภัยที่สุดหากคนตรงหน้าเกิดคิดไม่ดีกับเจ้านายของเธอขึ้นมา“คุณลลิสามีที่พักทั้งบนโรงแรมและบ้านพักบนเขาค่ะ”“อ้อครับ ขอบคุณครับ”ภาวัตขอบคุณพร้อมกับยิ้มรับ จนหญิงสาวที่ต้องคอยต้อนรับเกือบจะละลายไปกับรอยยิ้มกระชากใจของเขา แล้วเขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามเรื่องเจ้านายของหญิงสาวอีก“ไปกันเลยไหมครับ”เลขาของภาวัตเอ่ยถามเมื่อเห็นภาวัตเดินนำออกไปแต่แสงดาวยังคงยืนนิ่งเหมือนไม่รู้ตัว หญิงสาวจึงสะดุ้งนิด ๆ รีบขอโทษขอโพยเลขาของอีกฝ่ายแล้วรีบตามไปทันที พลางนึกโทษเสน่ห์อันล้นเหลือของภาวัตที่ทำให้ตนเองบกพร่องต่อหน้าที่อย่างเคือง ๆไม่นานทั้งหมดก็มาถึงบ้านพักบนเขาด้วยรถกอล์ฟบริการของโรงแรม ภายในมีสามห้องนอน ทุกห้องนอนสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ และภายในห้องน้ำที่ล้อมรอบด้วยกระจกใสมีอ่างสปาขนาดใหญ่ไว้เพียบพร้อม เมื่อเดินออกมานอกตัวบ้านก็จะพบสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่ที่ทอดตัวขนานกับทะเล“เป็นยังไงบ้างคะคุณภาวัต ที่พักที่ทางเราจัดให้มีปัญหาอะไรไหมคะ”แสงดาวเอ่ยถ
ด้านกรณ์กิตติหลังจากที่พาเจ้านายหนุ่มไปตรวจร่างกายเสร็จแล้วเขาก็กลับมาที่บ้านหลังหนึ่งที่ให้คนเฝ้าญาดาเอาไว้ ร่างบางที่ถูกมัดข้อมือจับโยนไว้บนเตียงนอนยังคงโวยวายไม่หยุด กระทั่งเขาต้องเดินเข้าไปหาญาดาที่เห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาก็เริ่มด่าทอทันที “ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”กรณ์กิตติมองคนที่อยู่บนเตียงนิ่ง เธอจัดว่าเป็นคนสวยจัดคนหนึ่ง แต่ก็แค่เปลือกนอก เพราะจิตใจของเธอช่างสกปรกดำมืดเกินกว่าจะหาอะไรมาเปรียบ มิเช่นนั้นเธอจะวางแผนการณ์ร้ายอย่างนั้นได้หรือเขาเหยียดยิ้มแล้วตรงเข้าไปหาเธอ มือใหญ่คว้าเข้าที่ใบหน้าเล็กแล้วบีบให้เธออ้าปากพร้อมกับจับกรอกด้วยไวน์ที่เตรียมมาเป็นพิเศษญาดาดิ้นเร่าให้หลุดจากพันธนาการ แต่เขาไม่ยอมผ่อนปรน จนเธอกลืนไปหมดแก้วนั่นแหละ“ไอ้ชั่ว!! แกเอาอะไรให้ฉันกินฮะ!” เธอตวาดเขาทันทีที่มือใหญ่ปล่อยให้เป็นอิสระ“ก็ยาแบบเดียวกับที่คุณให้เจ้านายผมกินไงล่ะ...ถ้าผมชั่วคุณมันก็หน้าด้าน ไร้ยางอาย จ้องจับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว”กรณ์กิตติด่ากลับอย่างไม่ไว้หน้า มองดูร่างกายที่เริ่มนั่งไม่นิ่งเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์“ไหวไหมล่ะ ...ขอร้องผมสิ”“ไม่ ฉันไม่มีวันขอร้องคนอย่างแก”ญาดากัดฟันพูดแม
หลายวันมาแล้วที่ภาวัตติดต่อลลิสาไม่ได้เลย โทรไปเธอก็ไม่รับ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ ชายหนุ่มขับรถไปตามโรงแรมในเครือทริปเปิลแอลหลาย ๆ ที่เผื่อว่าเธอจะไปดูงานต่างสาขาแต่แล้วก็ไม่เจอ มือหนากระดกเหล้าไม่ยอมหยุดอย่างที่ใครหลายคนบอกว่ากรอกเหล้าเข้าปากแทนน้ำนี่แหละ ขนาดพี่ชายทั้งสองคนของลลิสายังตอบว่าไม่รู้เลยว่าน้องตัวเองอยู่ที่ไหน“เฮ้ย...คุณภาวัตทำไมมานั่งดื่มอยู่คนเดียว”ภาวัตชะงักมือที่กำลังจะจดแก้วเข้าปากแล้วหันมองคนที่เดินเข้ามาทัก แต่พอเห็นหน้าก็กลับมาทำหน้าอมทุกข์เหมือนเดิม หมอนี่คือเจ้าบ่าวที่จัดงานแต่งที่กระบี่ในคราวนั้นนี่แหละ ตั้งแต่ตอนนั้นก็เริ่มสนิทกันขึ้นมา“ทะเลาะกับแฟน” ภาวัตบอกออกไปแล้วกลับไปสนใจกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว“อ๋อ มิน่าล่ะน้องลูกไม้เขาถึงไปคนเดียว ก็ว่าอยู่ ตอนแรกนึกว่าคุณไปด้วยผมจะทักซะหน่อย”เมื่อได้ยินอย่างนั้นภาวัตก็หูผึ่งทำตาโต ไม่นึกไม่ฝันว่าจะโชคดีขนาดนี้“คุณเจอลูกไม้เหรอ!”เสียงของเขาเต็มไปด้วยความดีใจจนอีกฝ่ายนึกขำ แต่ก็อยากช่วยเพื่อนใหม่คนนี้บ้าง“ใช่ครับ วันก่อนที่
หลังผ่านวันหยุดที่แสนเร่าร้อนลลิสาก็ต้องกลับไปตรวจงานสาขาอื่น ๆ ต่อ ส่วนภาวัตก็เร่งเคลียร์งาน เขาตั้งใจจะได้บินไปหาเธอบ้างเพื่อที่จะได้เคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยกันกับคนรัก นอกจากนี้เขายังมีแพลนสำคัญที่วาดหวังไว้ ดังนั้นจึงตัดสินใจโทรไปปรึกษากับบรรดาพี่ ๆ ของคนลลิสาถึงเรื่องแผนการต่าง ๆ ด้วยตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงานในวันนั้นขณะเดียวกันร่างเล็กของญาดาที่ยืนอยู่หน้าห้องทำงานของภาวัตปิดประตูที่แง้มลงอย่างเงียบเชียบ ทำให้เจ้าของห้องที่ยืนหันหน้าเข้าหากระจกหน้าต่างบานใหญ่ไม่สังเกตเห็นเธอ เธอยิ้มกริ่มอย่างมาดหมาย เพราะเลขาคนสนิทตัวติดกันอย่างกรณ์กิตติไม่อยู่ เธอถึงบังเอิญได้ยินแผนการขอแต่งงานของเขาในครั้งนี้“หึ ๆ คุณคอยดูก็แล้วกันว่าฉันทำอะไรได้บ้าง” และแน่นอนว่าคนอย่างเธอคงไม่ยอมให้แผนสำคัญของเขาสำเร็จ ไม่อย่างนั้นเธอคงพลาดโอกาสที่จะได้เป็นคนรักของเขา พลาดตำแหน่งลูกสะใภ้ภัควเดชาที่มีหน้ามีตาไปแน่ ๆ“แก...ฉันมีเรื่องสนุกแต่สำคัญให้ช่วยหน่อย”ญาดาเดินออกห่างจากห้องทำงานของชายหนุ่มที่หมายปองมาในมุมลับตาแล้วกดต่อสา
เช้าวันหยุดนี้ลลิสารู้สึกว่าแฮปปี้กว่าในทุก ๆ วันเมื่อเธอลืมตาตื่นมาในอ้อมกอดของใครบางคนที่คุ้นเคย ลมหายใจของเขายังสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่ายังหลับสนิท หญิงสาวขยับตัวขึ้นไปจุ๊บริมฝีปากของเขาแรง ๆ หลายครั้งอย่างตั้งใจจะแกล้ง เจ้าตัวก็ได้แต่ครางฮือราวกับรำคาญที่ถูกก่อกวนตอนนอนแบบนี้มือเรียวเริ่มสอดเข้าใต้ผ้าห่มจนเจอกับผิวเนื้อแน่นของคนรักที่ไร้เสื้อผ้าปกปิด ก่อนจะลูบไล้ไปมารอบ ๆ และเริ่มลงต่ำจนน่าหวาดเสียว จนเมื่อมันสัมผัสกับขอบกางเกงนอนก็ถูกมือหนาคว้าหมับ“ที่รักจะซนแต่เช้าแบบนี้ไม่ได้นะ ผมเหนื่อย”เสียงยานคางทว่าแหบพร่าของเขาดังประท้วง ดวงตาสีอ่อนปรืออย่างง่วงงุนแต่ทำคนมองร้อนฉ่าขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก“เหนื่อยยังไงคะก็นอนเฉย ๆ เดี๋ยวที่รักทำเอง”“แน่ะมีรุกด้วยนะเดี๋ยวนี้”เมื่อได้ยินเมียบอกจะทำเองชายหนุ่มก็ตื่นเต็มตาแทบจะทันที แถมตื่นทั้งบนทั้งล่างเสียด้วย มือหนานำทางให้เธอสัมผัสตัวตนของเขาที่กำลังร้อนฉ่าและแข็งขึง“ปลุกแล้วรับผิดชอบด้วยนะที่รัก”เขากระซิบข้างหูพร้อมกับงับใบหูเธอเบา ๆ จนเธอขนลุกไปทั้งตัว จากนั
ผ่านไปเกือบครึ่งปีตั้งแต่ภาวัตกลับกรุงเทพฯ ไปทำงานทั้งสองจึงเจอกันด้วยการผลัดกันเดินทางไปกลับแทน หญิงสาวมักจะขึ้นไปเยี่ยมเขาบ่อย ๆ เนื่องจากเธอต้องกลับไปดูแลโรงแรมสาขาหลักที่กรุงเทพฯ ด้วยเช่นกันวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ลลิสาแวะมาเยี่ยมเขาที่ออฟฟิศพร้อมกับของฝากหลังจากที่เธอต้องเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศไม่ได้เจอคนรักเกือบสองอาทิตย์ได้ หญิงสาวแวะส่งของฝากให้พนักงานตามแผนกก่อนจะขึ้นไปหาภาวัตที่ห้องทำงานเหมือนเคยแต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องเจอกับช็อตละคร ที่ดูเหมือนฝ่ายหญิงจะล้มและฝ่ายชายที่เป็นเจ้าของห้องรีบเข้าไปประคอง เส้นเลือดที่ขมับของเธอเต้นตุบขึ้นมาทันที เธอหอบของฝากไปวางบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่มอย่างพยายามใจเย็น แล้วจึงเดินมาที่คนทั้งคู่ที่นิ่งเหมือนโดนสตาฟไว้“จะประคองกันอีกนานไหมคะ” ผู้มาใหม่ถามเสียงเย็น ทำให้คนรักรู้สึกตัวรีบปล่อยมือออกจากผู้หญิงร่างเล็กทันที“ไม่มีอะไรนะที่รัก พอดีเขาจะล้มผมก็เลยช่วยไว้” ภาวัตพยายามอธิบายกลัวใจกลัวอารมณ์ของเมียสุดที่รักเหลือเกิน“ฉันเห็นค่ะไม่ได้ตาบอด” ลลิสาปรายสายตาไปยังผู้หญิงอีกค
พอเริ่มพิธีแห่ขันหมากภาวัตก็ถูกเชิญไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวกิตติมศักดิ์เพราะบังเอิญรู้จักกับพ่อของเจ้าบ่าวพอดี เมื่อขบวนฝ่าด่านประตูเงินประตูทองที่ยาวไปจนเลยหน้าประตูโรงแรมมาได้ เจ้าบ่าวก็ได้พบกับเจ้าสาวที่บรรดาเพื่อนของเธอจับจูงมาส่งในห้องจัดงานเจ้าสาวสวมชุดไทยจักรีสีชมพูมุกทำให้ผิวที่ขาวนวลยิ่งมีออร่าจนผู้ชายในงานต่างก็อดอิจฉาเจ้าบ่าวไม่ได้ที่เจ้าสาวสวยมากขนาดนี้ แต่สาวเจ้าก็ก้มหน้ายิ้มด้วยความเขินเมื่อมองเห็นสายตาของว่าที่สามีในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า“ได้ฤกษ์สวมแหวนหมั้นแล้วค่ะเจ้าบ่าว อย่ามัวเหม่อมองเจ้าสาวสิคะ”แขกที่มาเป็นสักขีพยานเมื่อเจ้าของโรงแรมสาวรับหน้าที่เป็นพิธีกรเอ่ยเย้า งานนี้จัดแบบหมั้นเช้าแต่งเย็น แต่ตอนเย็นจะย้ายไปจัดที่ริมหาดตามคอนเซ็ปต์ที่เจ้าสาวขอมาแหวนหมั้นวงใหญ่ประดับเพชรน้ำงามถูกสวมให้เจ้าสาวคนสวย เสียงฮือฮาดังขั้นรอบตัว เมื่อไม่มีการประกาศเรื่องสินสอดทองหมั้นให้คนนอกครอบครัวรับรู้มาก่อน แต่พิธีกรและคนเคียงข้างนั้นชินเสียแล้ว ต่างรู้ดีว่ายิ่งเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ใครเล่าจะปล่อยให้แขกเหรื่อที่มา
การตื่นมาในอ้อมกอดของใครสักคนเป็นสิ่งที่ลลิสาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเธอในวันนี้ หญิงสาวนอนมองเพดานกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ที่ปกคลุมร่างของเธอกับคนผู้ชายคนแรกที่มีสิทธิ์รุกล้ำร่างกาย แขนของคนข้าง ๆ ยังพาดอยู่ที่บั้นเอวของเธออยู่เลย เธอมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาสักพักแล้วจึงเอี้ยวตัวไปคว้าโทรศัพท์เพื่อมาดูเวลา“ซี้ด...”ความเจ็บปวดรวดร้าวตรงกึ่งกลางกายจู่โจมขึ้นมากะทันหันแต่เธอเมินมันเสีย วันนี้เธอยังมีงานที่ต้องรับผิดชอบ จะมัวมานอนเอ้อระเหยเพียงเพราะผลกระทบจากการเสียพรหมจรรย์ไม่ได้“ตีห้า ตื่นเลยดีกว่าแฮะ เดี๋ยวต้องไปดูเขาจัดงานอีก” เธอพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา แต่คนหูดีที่ตื่นได้สักพักแล้วก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน“จะไปไหนอะคุณ” น้ำเสียงงัวเงียบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังเรียกสติกลับมาไม่เต็มร้อยแน่นอน หญิงสาวหันไปจับแขนชายหนุ่มออกพลางจะเบี่ยงตัวลงจากเตียง“ไปดูงานแต่งสิคุณ เดี๋ยวเผื่อมีอะไรไม่พร้อม”“แต่ผมพร้อมนะ พร้อมจริงจังกับคุณแล้ว ตอนนี้เลยด้วย”“เร็วไปไหมคุณ เราเพิ่งนอนด้วยกันเมื่อคืนเองนะ”
ลลิสาถูกช้อนตัวอุ้มตรงไปยังเตียงกว้าง ยังไม่ทันที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าจะแตะลงบนที่นอนนุ่มดีภาวัตก็นำพาเรือนร่างกำยำของเขามาทาบทับเสียแล้ว ทั้งคู่สบตากันชั่วครู่หนึ่ง มันมีอะไรบางอย่างในนั้นที่ดึงดูดให้ต่างคนต่างค้นหาไปในความมืดสนิทที่ลึกลงไป แรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้คนที่ระแวดระวังตัวทุกอย่างอย่างลลิสายินยอมที่จะกระโจนเข้าหาโดยโยนเหตุผลทุกอย่างทิ้งไปริมฝีปากของเธอกำลังถูกครอบครอบและบดเคล้า เธอไม่เคยนอนกับใครก็จริงแต่ไม่ใช่จูบ เธอจูบตอบเขาไปอย่างไม่น้อยหน้าเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองจึงแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม สอดลิ้นเกี่ยวกันรัดรึงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร อุณหภูมิของร่างกายจึงไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ จากไฟปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นมา ควาเหน็บหนาวจากการตากฝนจึงปลาสนาการไปสิ้นภาวัตละจากกลีบปากนุ่มแล้วจูบซับลงมาตามลำคอระหง กลิ่นน้ำหอมติดผิวกายนวลเนียนให้ความรู้สึกยั่วยวนทำให้เลือดในกายหนุ่มเดือดพล่านสูบฉีดไปยังกึ่งกลางกาย มันพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมที่จะเข้าไปสำรวจในกายสาวให้หายอยาก ติดอยู่ตรงที่ว่าเธอยังไม่เคย เขาจึงต้องข่มใจไว้แล้วใช้เวลาในการสร้างอารมณ์ร่วมใ
เจ้าถิ่นสาวเงยหน้ามองท้องฟ้ารอบตัวที่เริ่มมีเมฆสีเข้มกว่าท้องฟ้าให้เห็นมากกว่าเดิม พร้อมกับสายลมที่เริ่มแรงขึ้นอย่างรู้สึกได้ กลิ่นความชื้นของน้ำเตะจมูกชัดเจน ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่รู้สึกว่าท้องฟ้าค่ำคืนนี้ช่างไม่เป็นใจให้เขาเสียเลย“คงพอมีเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้มั้งครับเนี่ย”ทั้งสองคนยุติการสนทนาต่างคนต่างรับประทานอาหารด้วยความเร็วกว่าปกติเล็กน้อย มีบ้างที่ผลัดกันตักอาหารให้อีกฝ่าย และแล้วมื้อค่ำก็ต้องจบลงกะทันหันเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวจนทั้งคู่ต้องวิ่งเข้าด้านในโรงแรมที่กั้นด้วยประตูกระจกหนาแทบไม่ทันเสียงหัวเราะของคนทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อต่างคนต่างมองสภาพเปียกโชกเหมือนไปตกน้ำที่ไหนมาของอีกฝ่าย พอมองไปข้างนอกที่นั่งกินบรรยากาศก็พบว่าทุกอย่างกระจัดกระจายเสมือนผ่านพ้นพายุมาก็ไม่ปานเก้าอี้ล้มไม่เป็นท่า เทียนหอมแสนสวยดับสนิทกลืนไปกับความมืดจนมองไม่เห็นเพราะสายฝนที่ตกหนักไม่ลืมหูลืมตา พนักงานที่คอยดูแลก็ขอตัวลงไปดูความเรียบร้อยด้านล่างด้วยตอนนี้ไม่สามารถออกไปเคลียร์ดาดฟ้าได้เลย“ตอนนี้คงกลับบ้านพักไม่ได้แน่ ๆ ถ้าไม่รังเกียจไปพักห้องฉันก