“พรุ่งนี้ต้องบินไปประชุมที่กระบี่นะครับเจ้านาย”
กรณ์กิตติแจ้งรายการนัดหมายด้วยท่าทีทะมัดทะแมงสมเป็นเลขาสายลุย เขาทำงานกับภาวัตมาหลายปี คอยดูแลจัดการทุกอย่างทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให้เจ้านายมาตลอด จนเป็นที่ไว้ใจแทบไม่เคยผิดพลาดไม่ว่าจะงานใดทั้งนั้น
“เดี๋ยวนายจัดการส่งของขวัญพิเศษไปให้แนทด้วยนะ”
“ครับ เป็นน้ำหอมคอลเล็กชันใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยดีไหมครับ แบรนด์นี้ผมจำได้ว่าคุณแนทเธอเคยใช้ครับ”
เลขาลองเสนออย่างรู้ใจ เขาพอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จัดเป็นคู่ขาคนพิเศษมากกว่าคนอื่นที่เจ้านายมีความสัมพันธ์ด้วย เพราะเจ้านายมักไปหาบ่อยครั้งทั้งยังไม่มีปัญหาใด ๆ ให้เจ้านายของเขาหนักใจ และยังได้ของขวัญจากเจ้านายบ่อยมากอีกด้วย
“เอางั้นก็ได้” เจ้านายหนุ่มตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก และนึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “แล้วก็...”
“ครับ?” เลขาหนุ่มเตรียมพร้อมรับคำสั่งเจ้านาย
“ช่วยเช็กทีว่าที่กระบี่มีโรงแรมในเครือเดอะทรูธบ้างรึเปล่า”
เลขาหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วเมื่อฟังเจ้านายถาม เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมีความต้องการพิเศษในเรื่องที่พักมาก่อน ปกติเขาสามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสม เว้นแต่ไปพักรีสอร์ตของเพื่อนอันเป็นส่วนตัวเท่านั้นภาวัตถึงจะโอเค
“ถ้าเป็นเดอะทรูธเกรงว่าจะไม่มีนะครับคุณวัต ตอนนี้ถ้าเป็นโรงแรมจะสังกัดในเครือทริปเปิลแอลหมดแล้วครับ เห็นว่าท่านประธานใหญ่ของเดอะทรูธต้องการให้เป็นสัดส่วนครับ เลยจัดแบ่งให้ลูกสามคนไปบริหารกันคนละโครงการ”
ข้อมูลที่ได้ทำให้ภาวัตนิ่งพิจารณา ช่วงหลายวันมานี้เขายุ่งจนไม่ได้ตามเรื่องเธอคนนั้นที่เขาสนใจต่อเลยสักนิด พอได้ยินแบบนี้ก็พอจะเดาอะไรออกบ้างแล้วว่าเธอคนนั้นคงจะเป็นหนึ่งในลูกของผู้บริหารโครงการเดอะทรูธแน่นอน
“แล้วรู้ไหมว่าใครบริหารโครงการทริปเปิลแอล”
“ทราบครับ เป็นลูกสาวคนเล็กของท่านประธานอมร เกียรติอนัตกุล ชื่อคุณลลิสาน่ะครับ ส่วนคนโตบริหารโครงการอาคารพาณิชย์และห้างสรรพสินค้า คนกลางช่วยบริหารเดอะทรูธครับเห็นว่าเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นรับตำแหน่งต่อจากท่านประธานคนปัจจุบันครับ”
“อืม ขอบใจมาก ข้อมูลนายนี่แน่นตลอด ว่าแต่นายมีรูปลูกสาวคนเล็กที่บริหารทริปเปิลแอลนั่นไหม”
“พอมีครับ แต่ไม่เยอะ เธอไม่ค่อยออกสื่อน่ะครับ เดินทางไปตรวจสาขาค่อนข้างบ่อย เจ้านายอยากรู้จักเธอเหรอครับ”
เลขาหนุ่มลองหยั่งเชิง ปกติแล้วเจ้านายจะไม่ยุ่งกับบรรดาลูกสาวของคู่ค้าหรือนักธุรกิจด้วยกัน เพื่อรักษาคอนเนกชันไม่ให้มีปัญหาในอนาคต
“แค่ไม่แน่ใจว่าเคยเจอกันไหม”
“อ้อ ครับ”
ไม่นานเลขาของภาวัตก็หารูปมาให้เขาจนได้ แม้จะเป็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่เห็นชายหนุ่มก็จำได้ทันทีว่าเป็นเธอที่เขาเจอในคืนนั้น
“ใช่เธอจริง ๆ” เขาพึมพำกับตัวเอง สมองร่ายแผนการมากมายเพื่อให้ได้เธอมาอย่างที่ใจต้องการโดยไม่กระทบความสัมพันธ์ด้านการงานอื่น ๆ
“กรณ์จะดีไหมถ้าเราจะสร้างโปรเจ็กต์สักอย่างกับทางทริปเปิลแอล”
เขาถามความคิดเห็นจากคนสนิท ถึงแม้จะเป็นความต้องการส่วนตัวแต่เมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องงานด้วย เขาก็ต้องรอบคอบ ต้องได้ประโยชน์กลับมาด้วยเช่นกัน
“คงต้องลองยื่นข้อเสนอดูก่อนครับคุณวัต ทางเดอะทรูธไม่เคยทำโครงการบ้านมาก่อน จับแต่คอนโดเท่านั้น ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะสนใจไหมในเมื่อเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าค่อนข้างต่างกัน”
“อืม เดี่ยวผมจะลองคิดดูก่อน”
“ครับ”
“แล้วที่กระบี่มีโครงการทริปเปิลแอลรึเปล่า ถ้ามีจองให้ฉันด้วย ขอห้องวีไอพีที่สุดนะ เช็กด้วยว่าคุณลลิสาจะเข้าสาขาที่กระบี่เมื่อไหร่ เห็นนายบอกว่าเขาเวียนเช็กทุกสาขา เผื่อตรงกับช่วงที่เราไปพอดีจะได้ไม่เสียเที่ยว”
“ได้ครับ เดี่ยวผมจัดการให้ ส่วนเรื่องโครงการร่วมคุณวัตจะให้ผมประสานงานก่อนไหมครับ”
เลขาหนุ่มถามพลางจดทุกอย่างที่พูดคุยลงในไอแพดไม่หยุดเพื่อกันข้อมูลตกหล่นเสียหาย
“ยังไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ครับเจ้านาย”
ณ โรงแรมทริปเปิลแอลสาขากระบี่ร่างบางเดินตรวจตราความเรียบร้อยภายในโรงแรมช่วงเช้าก่อนที่แขกจะลงมาทานอาหารในห้องอาหารตามเวลา หญิงสาวประเมินทุกอย่างด้วยความพึงพอใจกับสิ่งที่ได้พบเห็น เพราะนั่นหมายความว่าทุกอย่างโอเคไม่มีปัญหาที่จะเสี่ยงให้โรงแรมเสียหาย“คุณลูกไม้คะ มีเรื่องด่วนค่ะ”เลขาสาวแว่นโตเดินฉับ ๆ เข้ามาหาเจ้านายด้วยรอยยิ้มพร้อมกับไอแพดคู่ใจในมือ“อ้อ มีอะไรเหรอคุณดาว”“พอดีมีเมลจากผู้บริหารของภัควเดชากรุ๊ปเข้ามา แจ้งความประสงค์ต้องการขอพบคุณลูกไม้เรื่องโครงการร่วมค่ะ”สิ่งที่ได้รับรายงานจากลูกน้องทำให้ลลิสาประหลาดใจมาก ในเมื่อเธอไม่เคยมีแพลนจะทำโครงการร่วมกับที่ไหนมาก่อน แถมโปรเจ็กต์ใหม่ก็ยังแพลนไม่เรียบร้อยด้วย“แปลก...ใครส่งมาคะ เลขาของผู้บริหารภัควเดชากรุ๊ปรึเปล่า”“ไม่ใช่ค่ะคุณลูกไม้ เป็นเมลตรงจากเอ็มดีเลยค่ะ”“ถ้างั้นรบกวนแจ้งเขาทีว่าตอนนี้เรายังไม่สะดวกนัดคุยเพราะอยู่ต่างจังหวัดนะ”“คงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้วค่ะ เพราะเอ็มดีของทางนั้นแจ้งมาว่า เขาจะเข้าพักที่โรงแรมสาขากระบี่ของเราในวันนี้ค่ะ”ลลิสาได้ฟังก็ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจมาหาถึงที่นี่จะไม่ต้อนรับก
“ครับ แล้วไม่ทราบว่าคุณลลิสาพักที่ไหนเหรอครับ”เลขาสาวมองหน้าแขกของเจ้านายด้วยความแปลกใจ แต่ก็จำเป็นต้องตอบไปตามมารยาท เธอพยายามตอบแบบเป็นกลางให้เจ้านายปลอดภัยที่สุดหากคนตรงหน้าเกิดคิดไม่ดีกับเจ้านายของเธอขึ้นมา“คุณลลิสามีที่พักทั้งบนโรงแรมและบ้านพักบนเขาค่ะ”“อ้อครับ ขอบคุณครับ”ภาวัตขอบคุณพร้อมกับยิ้มรับ จนหญิงสาวที่ต้องคอยต้อนรับเกือบจะละลายไปกับรอยยิ้มกระชากใจของเขา แล้วเขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามเรื่องเจ้านายของหญิงสาวอีก“ไปกันเลยไหมครับ”เลขาของภาวัตเอ่ยถามเมื่อเห็นภาวัตเดินนำออกไปแต่แสงดาวยังคงยืนนิ่งเหมือนไม่รู้ตัว หญิงสาวจึงสะดุ้งนิด ๆ รีบขอโทษขอโพยเลขาของอีกฝ่ายแล้วรีบตามไปทันที พลางนึกโทษเสน่ห์อันล้นเหลือของภาวัตที่ทำให้ตนเองบกพร่องต่อหน้าที่อย่างเคือง ๆไม่นานทั้งหมดก็มาถึงบ้านพักบนเขาด้วยรถกอล์ฟบริการของโรงแรม ภายในมีสามห้องนอน ทุกห้องนอนสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ และภายในห้องน้ำที่ล้อมรอบด้วยกระจกใสมีอ่างสปาขนาดใหญ่ไว้เพียบพร้อม เมื่อเดินออกมานอกตัวบ้านก็จะพบสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่ที่ทอดตัวขนานกับทะเล“เป็นยังไงบ้างคะคุณภาวัต ที่พักที่ทางเราจัดให้มีปัญหาอะไรไหมคะ”แสงดาวเอ่ยถ
ภาวัตลงมารอลลิสาที่ห้องอาหารของโรงแรมก่อนเวลาทุ่มตรงประมาณสิบห้านาที ด้วยไม่อยากให้หญิงสาวเจ้าของโรงแรมรอนาน อย่างไรเสียเดตแรกระหว่างเขาและเธอควรมีแต่ความประทับใจ มากกว่าจะให้เห็นว่าเพียงแค่ครั้งแรกเขาก็ผิดเวลาให้ฝ่ายหญิงต้องมารอก่อนเขาตีขลุมในใจว่านี่คือเดตแรกระหว่างเขาและเธอ แต่นั่งรอเพลิน ๆ ยังไม่ถึงสิบนาทีร่างบางก็เดินเข้ามาให้เห็นในครรลองสายตาเดรสสั้นสีอ่อนที่เมื่อถูกจับวางบนร่างกายของหญิงสาวก็ช่างเหมาะเจาะราวกับสร้างขึ้นมาเพื่อให้เธอเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว คนมองรู้สึกเหมือนถูกกระชากใจแรง ๆ จนหัวใจสูบฉีดเลือดแรงขึ้นอีก“สวัสดีค่ะคุณภาวัต ฉันลลิสานะคะ”“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณลลิสา”รอยยิ้มกระจ่างตาบวกกับน้ำเสียงกวนอารมณ์ทำให้หญิงสาวที่ลืมหน้าของผู้ชายคนนั้นไปแล้วถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก แต่ก็ยังคงรักษามารยาทต่อหน้าเขาที่กลายมาเป็นแขกสำคัญของเธอในวันนี้“คุณนั่นเอง! วันนี้ควงสาวมาตามใบปลิวที่ฉันให้เหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างเจตนาจะกวนเมื่อนึกออกว่าเขาเป็นใคร“ก็มาตามคำเชิญของคุณไงครับ เสียก็แต่ผมไม่ได้ควงสาวมาด้วยกะว่าจะมาห
“เอาสิคะ ไหน ๆ คุณก็อุตส่าห์เชิญตัวเองชนาดนี้แล้วนี่”“ผมไม่อยากเสียเวลานี่ครับ สนใจผมก็บอกว่าสนใจ เดี๋ยวมะรืนนี้ผมต้องไปเจอลูกค้าอีก มีเวลาผมก็ต้องรีบทำคะแนนก่อน”“จีบฉันไม่ง่ายหรอกนะคะ ฉันไม่สนใจจะเป็นของเล่นบนเตียงให้ใคร”“แหมใครจะใจร้ายให้คุณอยู่ในฐานะของเล่นกันล่ะครับ อย่างคุณต้องพิเศษกว่านั้นอยู่แล้ว”ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่เธอไม่ง่ายอย่างที่เขาคาดไว้ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเขาแน่นอน แบบนี้สิถึงจะน่าตื่นเต้นกว่าพวกผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมา“พิเศษแบบไหนล่ะคะ คู่ขา คู่นอนหรือว่าเด็กคุณ”“นั่นสิครับ แบบไหนดี”เขาจงใจยั่วเธอด้วยสายตา เมื่อเธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาก็พบความร้อนแรงที่ส่งผ่านมาถึงเธอโดยที่ไม่มีหลบตาแต่อย่างใด แม้จะบอกว่าตัวเองมีภูมิต้านทานต่อคนหล่อ แต่คนตรงหน้าต้องยอมรับว่าหน้าตาดีแถมมีเสน่ห์อย่างเหลือหลาย เพียงแค่เขามองเธอก็ระทวยได้เหมือนกัน แต่เธอยังต้องอดทนทำเฉยไว้“คู่นอนดีไหมคะ จบแล้วก็จบกัน ไม่ต้องยืดเยื้อ” หญิงสาวแกล้งเสนอตอกกลับคารมเหลือร้ายของเขา เขาช่างหน้ามึนตีขลุมให้ตนเองเป็นฝ่าย
วันถัดมาภาวัตเลือกจะลงมาที่ล็อบบี้ของโรงแรมก่อนจะถึงเวลานัดเล็กน้อยเพราะทราบว่าหญิงสาวเจ้าของโรงแรมต้องปลีกตัวขึ้นไปเคลียร์งานนิดหน่อยด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาทำให้สะดุดตาคนที่ผ่านไปมาไม่น้อยแม้จะมีแว่นกันแดดอันโต แต่ท่าทางไม่รับแขกและเลขาตัวใหญ่ที่คอยยืนประกบอยู่ตลอดก็เลยไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าไปทักทาย ได้แต่แอบมองแอบส่งยิ้มระยะไกลกันเป็นแถว“เสน่ห์แรงเหมือนเดิมเลยนะครับคุณวัต” เลขาหนุ่มเอ่ยแซว เลยได้ยิ้มมุมปากของเจ้านายมาเป็นคำตอบสำหรับภาวัตแล้วเขารู้ดีว่าตัวเองมีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้ามมากแค่ไหน แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะเลือกตอบสนองต่อผู้คนเหล่านั้นอย่างไร อย่างเช่นในเวลานี้ที่กำลังเดินหน้าทำคะแนนกับลลิสาอยู่ เขาคงไม่โง่ทำอะไรให้ตัวเองเดือดร้อนและดูแย่ในสายตาเธอแน่นอน“ก็ปกติชินแล้ว” เขาไหวไหล่ไม่ถ่อมตัวเลยสักนิด“วันนี้ไม่หิ้วกลับห้องสักคนเหรอครับ” เลขาหนุ่มแกล้งถามทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว“คนที่อยากหิ้วเขาไม่ยอมน่ะสิ หึ...แบบพวกนี้น่ะ เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”กรณ์กิตติได้ฟังก็หัวเราะกับคำตอบของชายห
“ไปเถอะ ฉันอยู่ได้” ภาวัตไม่ลังเลที่จะไล่ลูกน้องผู้ภักดีไปทันที ใครอยากจะมีก้างตอนเขาสวีตกับสาวสวยกันเล่า“จะดีเหรอครับ” เลขาหนุ่มยังลังเล“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนี้ฉันจะพาเจ้านายของคุณไปดำน้ำนอกเกาะเท่านั้นเอง คนดูแลที่ตามไปก็มีค่ะ คงไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงถึงกับต้องตามทำร้ายกันกลางทะเลหรอกมั้งคะ”เมื่อคืนหลังจากแยกกันเธอได้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับชายหนุ่มคร่าว ๆ และเรื่องที่รู้มาคือตานี่มักถูกลอบทำร้ายอยู่บ่อย ๆ เพราะธุรกิจของเขาในหลายครั้งทำให้เกิดมีข้อพิพาทกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นต่าง ๆ ในเรื่องการขัดผลประโยชน์ นี่เองกระมังที่ทำให้เลขาหนุ่มตามประกบเขาไม่ห่าง“ก็ได้ครับ ถ้าคุณสองคนว่าอย่างนั้นผมจะยอมไปพักก็ได้ เจอกันตอนเย็นนะครับคุณวัต รบกวนด้วยนะครับคุณลลิสา”เลขาหนุ่มยังคงขอเจอเจ้านายให้เห็นหน้าค่าตาในตอนเย็นเพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายปลอดภัยจริง ตอนท้ายจึงหันไปเอ่ยปากฝากฝังกับผู้หญิงที่อาสาดูแลเจ้านาย แล้วจึงปลีกตัวออกไปจากล็อบบี้ที่เป็นจุดนัดหมาย“ถ้างั้นเราไปกันเลยไหมคะ เดี๋ยวแดดจะแรง”ลลิสาหันไปถามแขกพิเศษที่กำลังจะกลายเป็นคนช่วยเธอแบกขอ
เสียงหัวเราะพูดคุยอย่างอารมณ์ดีดังนำมาก่อนตัวของเจ้านายและผู้หญิงที่เจ้านายชอบทำให้กรณ์กิตติที่นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้เหมือนตอนสายต้องแปลกใจจนเขาต้องลุกขึ้นชะเง้อดู เมื่อเจ้านายของเขาเวลาทำงานด้วยกันแทบจะไม่มีเสียงหัวเราะหลุดออกมาให้ได้ยินเลยก็ว่าได้“เป็นไงบ้างครับ ดำน้ำสนุกไหม”“สนุกค่ะ เสียดายคุณกรณ์กิตติไม่ได้ไปด้วยกับพวกเราด้วย ถ้ายังไงฉันขอตัวก่อนนะคะ”หญิงสาวตอบทั้งที่เสียงยังติดหัวเราะสดใสอยู่ ก่อนจะขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้อง หลังจากที่เปียกน้ำทะเลมาทั้งวัน โดยมีเสียงแขกพิเศษที่เริ่มจะสนิทกันลอยตามหลังมา“อย่าลืมนัดเราคืนนี้นะครับที่รัก”“โอเคค่ะ” เธอตอบแล้วเดินออกไป“เจ้านายนัดดินเนอร์กับคุณลลิสาเหรอครับคืนนี้” เลขาหนุ่มยิงคำถามทันที ดูเจ้านายของเขาจะอารมณ์ดีมาก จนขนาดว่าเขาถามถึงเรื่องที่ค่อนข้างจะส่วนตัวยังไม่โกรธเลย ปกติจะต้องมองตาขวางเขาแล้วสิ“ใช่ เดี๋ยวนายก็แยกกับฉันตอนเย็นเลย ฉันมีนัดกับเธอแล้วก็ตั้งใจจะไปดื่มกันต่อนิดหน่อยที่บาร์บนดาดฟ้าด้วย”“โอเคครับ ถ้ามีอะไรเรียกหาผมได้ตลอดเวลาเลยนะครั
เจ้าถิ่นสาวเงยหน้ามองท้องฟ้ารอบตัวที่เริ่มมีเมฆสีเข้มกว่าท้องฟ้าให้เห็นมากกว่าเดิม พร้อมกับสายลมที่เริ่มแรงขึ้นอย่างรู้สึกได้ กลิ่นความชื้นของน้ำเตะจมูกชัดเจน ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่รู้สึกว่าท้องฟ้าค่ำคืนนี้ช่างไม่เป็นใจให้เขาเสียเลย“คงพอมีเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้มั้งครับเนี่ย”ทั้งสองคนยุติการสนทนาต่างคนต่างรับประทานอาหารด้วยความเร็วกว่าปกติเล็กน้อย มีบ้างที่ผลัดกันตักอาหารให้อีกฝ่าย และแล้วมื้อค่ำก็ต้องจบลงกะทันหันเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวจนทั้งคู่ต้องวิ่งเข้าด้านในโรงแรมที่กั้นด้วยประตูกระจกหนาแทบไม่ทันเสียงหัวเราะของคนทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อต่างคนต่างมองสภาพเปียกโชกเหมือนไปตกน้ำที่ไหนมาของอีกฝ่าย พอมองไปข้างนอกที่นั่งกินบรรยากาศก็พบว่าทุกอย่างกระจัดกระจายเสมือนผ่านพ้นพายุมาก็ไม่ปานเก้าอี้ล้มไม่เป็นท่า เทียนหอมแสนสวยดับสนิทกลืนไปกับความมืดจนมองไม่เห็นเพราะสายฝนที่ตกหนักไม่ลืมหูลืมตา พนักงานที่คอยดูแลก็ขอตัวลงไปดูความเรียบร้อยด้านล่างด้วยตอนนี้ไม่สามารถออกไปเคลียร์ดาดฟ้าได้เลย“ตอนนี้คงกลับบ้านพักไม่ได้แน่ ๆ ถ้าไม่รังเกียจไปพักห้องฉันก
ด้านกรณ์กิตติหลังจากที่พาเจ้านายหนุ่มไปตรวจร่างกายเสร็จแล้วเขาก็กลับมาที่บ้านหลังหนึ่งที่ให้คนเฝ้าญาดาเอาไว้ ร่างบางที่ถูกมัดข้อมือจับโยนไว้บนเตียงนอนยังคงโวยวายไม่หยุด กระทั่งเขาต้องเดินเข้าไปหาญาดาที่เห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาก็เริ่มด่าทอทันที “ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”กรณ์กิตติมองคนที่อยู่บนเตียงนิ่ง เธอจัดว่าเป็นคนสวยจัดคนหนึ่ง แต่ก็แค่เปลือกนอก เพราะจิตใจของเธอช่างสกปรกดำมืดเกินกว่าจะหาอะไรมาเปรียบ มิเช่นนั้นเธอจะวางแผนการณ์ร้ายอย่างนั้นได้หรือเขาเหยียดยิ้มแล้วตรงเข้าไปหาเธอ มือใหญ่คว้าเข้าที่ใบหน้าเล็กแล้วบีบให้เธออ้าปากพร้อมกับจับกรอกด้วยไวน์ที่เตรียมมาเป็นพิเศษญาดาดิ้นเร่าให้หลุดจากพันธนาการ แต่เขาไม่ยอมผ่อนปรน จนเธอกลืนไปหมดแก้วนั่นแหละ“ไอ้ชั่ว!! แกเอาอะไรให้ฉันกินฮะ!” เธอตวาดเขาทันทีที่มือใหญ่ปล่อยให้เป็นอิสระ“ก็ยาแบบเดียวกับที่คุณให้เจ้านายผมกินไงล่ะ...ถ้าผมชั่วคุณมันก็หน้าด้าน ไร้ยางอาย จ้องจับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว”กรณ์กิตติด่ากลับอย่างไม่ไว้หน้า มองดูร่างกายที่เริ่มนั่งไม่นิ่งเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์“ไหวไหมล่ะ ...ขอร้องผมสิ”“ไม่ ฉันไม่มีวันขอร้องคนอย่างแก”ญาดากัดฟันพูดแม
หลายวันมาแล้วที่ภาวัตติดต่อลลิสาไม่ได้เลย โทรไปเธอก็ไม่รับ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ ชายหนุ่มขับรถไปตามโรงแรมในเครือทริปเปิลแอลหลาย ๆ ที่เผื่อว่าเธอจะไปดูงานต่างสาขาแต่แล้วก็ไม่เจอ มือหนากระดกเหล้าไม่ยอมหยุดอย่างที่ใครหลายคนบอกว่ากรอกเหล้าเข้าปากแทนน้ำนี่แหละ ขนาดพี่ชายทั้งสองคนของลลิสายังตอบว่าไม่รู้เลยว่าน้องตัวเองอยู่ที่ไหน“เฮ้ย...คุณภาวัตทำไมมานั่งดื่มอยู่คนเดียว”ภาวัตชะงักมือที่กำลังจะจดแก้วเข้าปากแล้วหันมองคนที่เดินเข้ามาทัก แต่พอเห็นหน้าก็กลับมาทำหน้าอมทุกข์เหมือนเดิม หมอนี่คือเจ้าบ่าวที่จัดงานแต่งที่กระบี่ในคราวนั้นนี่แหละ ตั้งแต่ตอนนั้นก็เริ่มสนิทกันขึ้นมา“ทะเลาะกับแฟน” ภาวัตบอกออกไปแล้วกลับไปสนใจกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว“อ๋อ มิน่าล่ะน้องลูกไม้เขาถึงไปคนเดียว ก็ว่าอยู่ ตอนแรกนึกว่าคุณไปด้วยผมจะทักซะหน่อย”เมื่อได้ยินอย่างนั้นภาวัตก็หูผึ่งทำตาโต ไม่นึกไม่ฝันว่าจะโชคดีขนาดนี้“คุณเจอลูกไม้เหรอ!”เสียงของเขาเต็มไปด้วยความดีใจจนอีกฝ่ายนึกขำ แต่ก็อยากช่วยเพื่อนใหม่คนนี้บ้าง“ใช่ครับ วันก่อนที่
หลังผ่านวันหยุดที่แสนเร่าร้อนลลิสาก็ต้องกลับไปตรวจงานสาขาอื่น ๆ ต่อ ส่วนภาวัตก็เร่งเคลียร์งาน เขาตั้งใจจะได้บินไปหาเธอบ้างเพื่อที่จะได้เคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยกันกับคนรัก นอกจากนี้เขายังมีแพลนสำคัญที่วาดหวังไว้ ดังนั้นจึงตัดสินใจโทรไปปรึกษากับบรรดาพี่ ๆ ของคนลลิสาถึงเรื่องแผนการต่าง ๆ ด้วยตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงานในวันนั้นขณะเดียวกันร่างเล็กของญาดาที่ยืนอยู่หน้าห้องทำงานของภาวัตปิดประตูที่แง้มลงอย่างเงียบเชียบ ทำให้เจ้าของห้องที่ยืนหันหน้าเข้าหากระจกหน้าต่างบานใหญ่ไม่สังเกตเห็นเธอ เธอยิ้มกริ่มอย่างมาดหมาย เพราะเลขาคนสนิทตัวติดกันอย่างกรณ์กิตติไม่อยู่ เธอถึงบังเอิญได้ยินแผนการขอแต่งงานของเขาในครั้งนี้“หึ ๆ คุณคอยดูก็แล้วกันว่าฉันทำอะไรได้บ้าง” และแน่นอนว่าคนอย่างเธอคงไม่ยอมให้แผนสำคัญของเขาสำเร็จ ไม่อย่างนั้นเธอคงพลาดโอกาสที่จะได้เป็นคนรักของเขา พลาดตำแหน่งลูกสะใภ้ภัควเดชาที่มีหน้ามีตาไปแน่ ๆ“แก...ฉันมีเรื่องสนุกแต่สำคัญให้ช่วยหน่อย”ญาดาเดินออกห่างจากห้องทำงานของชายหนุ่มที่หมายปองมาในมุมลับตาแล้วกดต่อสา
เช้าวันหยุดนี้ลลิสารู้สึกว่าแฮปปี้กว่าในทุก ๆ วันเมื่อเธอลืมตาตื่นมาในอ้อมกอดของใครบางคนที่คุ้นเคย ลมหายใจของเขายังสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่ายังหลับสนิท หญิงสาวขยับตัวขึ้นไปจุ๊บริมฝีปากของเขาแรง ๆ หลายครั้งอย่างตั้งใจจะแกล้ง เจ้าตัวก็ได้แต่ครางฮือราวกับรำคาญที่ถูกก่อกวนตอนนอนแบบนี้มือเรียวเริ่มสอดเข้าใต้ผ้าห่มจนเจอกับผิวเนื้อแน่นของคนรักที่ไร้เสื้อผ้าปกปิด ก่อนจะลูบไล้ไปมารอบ ๆ และเริ่มลงต่ำจนน่าหวาดเสียว จนเมื่อมันสัมผัสกับขอบกางเกงนอนก็ถูกมือหนาคว้าหมับ“ที่รักจะซนแต่เช้าแบบนี้ไม่ได้นะ ผมเหนื่อย”เสียงยานคางทว่าแหบพร่าของเขาดังประท้วง ดวงตาสีอ่อนปรืออย่างง่วงงุนแต่ทำคนมองร้อนฉ่าขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก“เหนื่อยยังไงคะก็นอนเฉย ๆ เดี๋ยวที่รักทำเอง”“แน่ะมีรุกด้วยนะเดี๋ยวนี้”เมื่อได้ยินเมียบอกจะทำเองชายหนุ่มก็ตื่นเต็มตาแทบจะทันที แถมตื่นทั้งบนทั้งล่างเสียด้วย มือหนานำทางให้เธอสัมผัสตัวตนของเขาที่กำลังร้อนฉ่าและแข็งขึง“ปลุกแล้วรับผิดชอบด้วยนะที่รัก”เขากระซิบข้างหูพร้อมกับงับใบหูเธอเบา ๆ จนเธอขนลุกไปทั้งตัว จากนั
ผ่านไปเกือบครึ่งปีตั้งแต่ภาวัตกลับกรุงเทพฯ ไปทำงานทั้งสองจึงเจอกันด้วยการผลัดกันเดินทางไปกลับแทน หญิงสาวมักจะขึ้นไปเยี่ยมเขาบ่อย ๆ เนื่องจากเธอต้องกลับไปดูแลโรงแรมสาขาหลักที่กรุงเทพฯ ด้วยเช่นกันวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ลลิสาแวะมาเยี่ยมเขาที่ออฟฟิศพร้อมกับของฝากหลังจากที่เธอต้องเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศไม่ได้เจอคนรักเกือบสองอาทิตย์ได้ หญิงสาวแวะส่งของฝากให้พนักงานตามแผนกก่อนจะขึ้นไปหาภาวัตที่ห้องทำงานเหมือนเคยแต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องเจอกับช็อตละคร ที่ดูเหมือนฝ่ายหญิงจะล้มและฝ่ายชายที่เป็นเจ้าของห้องรีบเข้าไปประคอง เส้นเลือดที่ขมับของเธอเต้นตุบขึ้นมาทันที เธอหอบของฝากไปวางบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่มอย่างพยายามใจเย็น แล้วจึงเดินมาที่คนทั้งคู่ที่นิ่งเหมือนโดนสตาฟไว้“จะประคองกันอีกนานไหมคะ” ผู้มาใหม่ถามเสียงเย็น ทำให้คนรักรู้สึกตัวรีบปล่อยมือออกจากผู้หญิงร่างเล็กทันที“ไม่มีอะไรนะที่รัก พอดีเขาจะล้มผมก็เลยช่วยไว้” ภาวัตพยายามอธิบายกลัวใจกลัวอารมณ์ของเมียสุดที่รักเหลือเกิน“ฉันเห็นค่ะไม่ได้ตาบอด” ลลิสาปรายสายตาไปยังผู้หญิงอีกค
พอเริ่มพิธีแห่ขันหมากภาวัตก็ถูกเชิญไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวกิตติมศักดิ์เพราะบังเอิญรู้จักกับพ่อของเจ้าบ่าวพอดี เมื่อขบวนฝ่าด่านประตูเงินประตูทองที่ยาวไปจนเลยหน้าประตูโรงแรมมาได้ เจ้าบ่าวก็ได้พบกับเจ้าสาวที่บรรดาเพื่อนของเธอจับจูงมาส่งในห้องจัดงานเจ้าสาวสวมชุดไทยจักรีสีชมพูมุกทำให้ผิวที่ขาวนวลยิ่งมีออร่าจนผู้ชายในงานต่างก็อดอิจฉาเจ้าบ่าวไม่ได้ที่เจ้าสาวสวยมากขนาดนี้ แต่สาวเจ้าก็ก้มหน้ายิ้มด้วยความเขินเมื่อมองเห็นสายตาของว่าที่สามีในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า“ได้ฤกษ์สวมแหวนหมั้นแล้วค่ะเจ้าบ่าว อย่ามัวเหม่อมองเจ้าสาวสิคะ”แขกที่มาเป็นสักขีพยานเมื่อเจ้าของโรงแรมสาวรับหน้าที่เป็นพิธีกรเอ่ยเย้า งานนี้จัดแบบหมั้นเช้าแต่งเย็น แต่ตอนเย็นจะย้ายไปจัดที่ริมหาดตามคอนเซ็ปต์ที่เจ้าสาวขอมาแหวนหมั้นวงใหญ่ประดับเพชรน้ำงามถูกสวมให้เจ้าสาวคนสวย เสียงฮือฮาดังขั้นรอบตัว เมื่อไม่มีการประกาศเรื่องสินสอดทองหมั้นให้คนนอกครอบครัวรับรู้มาก่อน แต่พิธีกรและคนเคียงข้างนั้นชินเสียแล้ว ต่างรู้ดีว่ายิ่งเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ใครเล่าจะปล่อยให้แขกเหรื่อที่มา
การตื่นมาในอ้อมกอดของใครสักคนเป็นสิ่งที่ลลิสาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเธอในวันนี้ หญิงสาวนอนมองเพดานกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ที่ปกคลุมร่างของเธอกับคนผู้ชายคนแรกที่มีสิทธิ์รุกล้ำร่างกาย แขนของคนข้าง ๆ ยังพาดอยู่ที่บั้นเอวของเธออยู่เลย เธอมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาสักพักแล้วจึงเอี้ยวตัวไปคว้าโทรศัพท์เพื่อมาดูเวลา“ซี้ด...”ความเจ็บปวดรวดร้าวตรงกึ่งกลางกายจู่โจมขึ้นมากะทันหันแต่เธอเมินมันเสีย วันนี้เธอยังมีงานที่ต้องรับผิดชอบ จะมัวมานอนเอ้อระเหยเพียงเพราะผลกระทบจากการเสียพรหมจรรย์ไม่ได้“ตีห้า ตื่นเลยดีกว่าแฮะ เดี๋ยวต้องไปดูเขาจัดงานอีก” เธอพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา แต่คนหูดีที่ตื่นได้สักพักแล้วก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน“จะไปไหนอะคุณ” น้ำเสียงงัวเงียบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังเรียกสติกลับมาไม่เต็มร้อยแน่นอน หญิงสาวหันไปจับแขนชายหนุ่มออกพลางจะเบี่ยงตัวลงจากเตียง“ไปดูงานแต่งสิคุณ เดี๋ยวเผื่อมีอะไรไม่พร้อม”“แต่ผมพร้อมนะ พร้อมจริงจังกับคุณแล้ว ตอนนี้เลยด้วย”“เร็วไปไหมคุณ เราเพิ่งนอนด้วยกันเมื่อคืนเองนะ”
ลลิสาถูกช้อนตัวอุ้มตรงไปยังเตียงกว้าง ยังไม่ทันที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าจะแตะลงบนที่นอนนุ่มดีภาวัตก็นำพาเรือนร่างกำยำของเขามาทาบทับเสียแล้ว ทั้งคู่สบตากันชั่วครู่หนึ่ง มันมีอะไรบางอย่างในนั้นที่ดึงดูดให้ต่างคนต่างค้นหาไปในความมืดสนิทที่ลึกลงไป แรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้คนที่ระแวดระวังตัวทุกอย่างอย่างลลิสายินยอมที่จะกระโจนเข้าหาโดยโยนเหตุผลทุกอย่างทิ้งไปริมฝีปากของเธอกำลังถูกครอบครอบและบดเคล้า เธอไม่เคยนอนกับใครก็จริงแต่ไม่ใช่จูบ เธอจูบตอบเขาไปอย่างไม่น้อยหน้าเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองจึงแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม สอดลิ้นเกี่ยวกันรัดรึงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร อุณหภูมิของร่างกายจึงไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ จากไฟปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นมา ควาเหน็บหนาวจากการตากฝนจึงปลาสนาการไปสิ้นภาวัตละจากกลีบปากนุ่มแล้วจูบซับลงมาตามลำคอระหง กลิ่นน้ำหอมติดผิวกายนวลเนียนให้ความรู้สึกยั่วยวนทำให้เลือดในกายหนุ่มเดือดพล่านสูบฉีดไปยังกึ่งกลางกาย มันพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมที่จะเข้าไปสำรวจในกายสาวให้หายอยาก ติดอยู่ตรงที่ว่าเธอยังไม่เคย เขาจึงต้องข่มใจไว้แล้วใช้เวลาในการสร้างอารมณ์ร่วมใ
เจ้าถิ่นสาวเงยหน้ามองท้องฟ้ารอบตัวที่เริ่มมีเมฆสีเข้มกว่าท้องฟ้าให้เห็นมากกว่าเดิม พร้อมกับสายลมที่เริ่มแรงขึ้นอย่างรู้สึกได้ กลิ่นความชื้นของน้ำเตะจมูกชัดเจน ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่รู้สึกว่าท้องฟ้าค่ำคืนนี้ช่างไม่เป็นใจให้เขาเสียเลย“คงพอมีเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้มั้งครับเนี่ย”ทั้งสองคนยุติการสนทนาต่างคนต่างรับประทานอาหารด้วยความเร็วกว่าปกติเล็กน้อย มีบ้างที่ผลัดกันตักอาหารให้อีกฝ่าย และแล้วมื้อค่ำก็ต้องจบลงกะทันหันเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวจนทั้งคู่ต้องวิ่งเข้าด้านในโรงแรมที่กั้นด้วยประตูกระจกหนาแทบไม่ทันเสียงหัวเราะของคนทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อต่างคนต่างมองสภาพเปียกโชกเหมือนไปตกน้ำที่ไหนมาของอีกฝ่าย พอมองไปข้างนอกที่นั่งกินบรรยากาศก็พบว่าทุกอย่างกระจัดกระจายเสมือนผ่านพ้นพายุมาก็ไม่ปานเก้าอี้ล้มไม่เป็นท่า เทียนหอมแสนสวยดับสนิทกลืนไปกับความมืดจนมองไม่เห็นเพราะสายฝนที่ตกหนักไม่ลืมหูลืมตา พนักงานที่คอยดูแลก็ขอตัวลงไปดูความเรียบร้อยด้านล่างด้วยตอนนี้ไม่สามารถออกไปเคลียร์ดาดฟ้าได้เลย“ตอนนี้คงกลับบ้านพักไม่ได้แน่ ๆ ถ้าไม่รังเกียจไปพักห้องฉันก