หน้าหลัก / รักโบราณ / กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงคืน / บทที่ 4 ข้าสาบานจะกลับมาทวงแค้น

แชร์

บทที่ 4 ข้าสาบานจะกลับมาทวงแค้น

ผู้เขียน: Lovedee
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-03 17:33:38

จนเมื่อร่างกายที่อ่อนระโหยของหมิ่นเอ๋อที่บัดนี้แทบจะไร้เรี่ยวแรง นางค้นพบว่าเสี่ยวหลงเปาถูกหนูกินไปจนหมดแล้ว เหลือไว้เพียงกระบอกน้ำดื่มที่หล่นอยู่บนพื้น นางจึงได้พยายามลุกไปหยิบมาดื่ม  นางเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังที่มองเห็นลางๆเพราะบัดนี้คงจะเริ่มเช้าวันใหม่ของอีกวันหนึ่งแล้ว นางพยายามจะจุดตะเกียงแต่ไม่สามารถจุดได้ เพราะไม่มีที่จุุดไฟ มีแต่ตะเกียงแขวนเอาไว้บนผนังเท่านั้น

นางค้นหาจนทั่วเท่าที่แสงสว่างมันจะส่องไปถึง เพราะมันมีแสงสว่างลอดเข้ามาแค่ลำเดียวเท่านั้น หมิ่นเอ๋อเขี่ยห่อผ้าขาดวิ่นนั้นไปที่มุมห้องเพราะกลัวว่าหนูจะกลับมาอีก นางยกกระบอกน้ำที่ยังคงเหลือน้ำอีกครึ่งกระบอกยกขึ้นจิบช้าๆ อย่างน้อยน้ำที่เหลืออยู่นี้ก็ยังพอประทังความหิวไปได้อีกหลายวัน หลังจากนั้นหากนางยังไม่สามารถขึ้นไปจากที่นี่ได้ ก็แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน หมิ่นเอ๋อครุ่นคิด บัดนี้ดวงตาของนางแห้งผากใบหน้านั้นมีแต่คราบฝุ่นผงจับเต็มไปหมด นางไม่ยกมือขึ้นเช็ดอีก เพราะทั้งมือและตัวก็เปรอะเปื้อนไปจนหมด 

หมิ่นเอ๋อนั่งที่บันไดนั้นอย่างอ่อนแรงและเอนกายพิงบันไดเอาไว้ ตอนนี้นางแทบจะไม่มีเสียงจะร้องอีกแล้ว ลำคอนั้นแห้งผากแสบไปหมด และที่สำคัญนางไม่ได้ยินเสียงจากด้านนอกเลย ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใดๆจากด้านนอก ความหวังของหมิ่นเอ๋อเลือนลางอย่างยิ่ง นางเอนกายที่ไร้เรี่ยวแรงดวงตาแห้งผากไร้ความหวังนั้นพิงเอาไว้กับกำแพงหินที่เย็นเฉียบนั้น ดวงตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายใดๆ  ตอนนี้นางไม่มีความหวังว่าจะว่าจะมีผู้ใดกันที่จะคิดถึงนาง ผู้ใดกันที่จะสนใจใยดีว่านางนั้นหายไป และออกตามหานาง ชีวิตหญิงไร้ค่าเช่นนางนั้นจะมีหรือ จะมีคนที่ห่วงใยนางจนออกตามหานางหรือ หมิ่นเอ๋อตอบตนเองได้เลยว่าไม่มี ชีวิตนี้นางไม่มีใครเลยสักคนที่จะห่วงใยนางและออกตามหานางหรอก ไม่มี………..

ผ่านมาอีกหนึ่งวันน้ำในกระบอกแทบจะแห้งเหือดไปไม่เหลือสักหยดแล้ว หมิ่นเอ๋อยกกระบอกน้ำขึ้นส่องมองดู แล้วนางก็ปล่อยให้มันหล่นไปบนพื้นหินข้างตัวอย่างไม่อินังขังขอบมัน ตอนนี้จะกลืนน้ำลายลงไปยังแทบไม่มีให้กลืน ลำคอปวดแสบปวดร้อนไปหมด และเรี่ยวแรงก็แทบจะไม่มีแล้ว นางแค่หลับไปและสะดุ้งตื่นขึ้นมา และจ้องมองแสงแดดที่ทอดเป็นลำลงมาเพียงลำเดียวนั้น ที่ทำให้นางรู้ว่าขณะนี้เป็นตอนกลางวันหรือว่ากลางคืน และถ้าจำไม่ผิดวันนี้คือวันแต่งงานของแม่ทัพหยางอี้เทียน

“ แม่ทัพหยางหากวันนี้ท่านได้แต่งงานกับฟางหลิวสมดังใจท่านแล้ว ท่านคงจะปล่อยข้าออกไปใช่หรือไม่ หญิงเช่นข้านั้นไม่มีปัญญาใด  ที่จะไปขัดขวางความสุขของพวกท่านหรอก ปล่อยข้าไปเสียเถิด ข้าสัญญาว่าหากข้ารอดไปได้ ข้าจะเก็บข้าวของย้ายไปจากที่นี่ ไม่อยู่รกหูรกตาของพวกท่านอีกแล้ว ” หมิ่นเอ๋อพร่ำเพ้อออกมา เพราะตอนนี้นางจัับไข้สลับร้อนสลับหนาว จนเมื่อทนไม่ไหวก็ผล็อยหลับไป นางไม่มีแรงที่จะเคลื่อนย้ายตนเองไปที่ใดแล้ว ร่างกายนี้มันทั้งหิวทั้งกระหายน้ำ กระหายน้ำเหลือเกิน มันจะมีน้ำไหลลงมาจากด้านบนสักหยดไหม สักหยดก็ยังดี ร่างบางยังคงพร่ำเพ้อเพราะพิษไข้ 

ผ่านไปอีกสามวัน ร่างที่ตอนนี้ไม่สามารถจะเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว เหลือเพียงดวงตาแห้งผากโหลลึกที่จ้องมองไปตรงหน้าของตนเอง ตอนนี้นางนอนพับอยู่ที่เชิงบันไดนั่น นางรู้ว่าไร้ความหวังใดใดแล้ว เมื่อนางรู้สึกว่าร่างกายนี้มันใกล้จะแตกดับเต็มที คงมิอาจจะหวนคืนไปใช้ชีวิตที่ขมขื่นดังเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว " ลาก่อนท่านพ่อ หวังว่าเราคงจะไม่พบกันอีก ข้าขอบคุณที่ทำให้ข้าเกิดมาและเลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่อย่างแสนลำเค็ญยิ่งนักในจวนของบิดาตนเอง  

และบัดนี้ข้าขอลาท่านไปก่อน…….. แม่ทัพหยาง…… ชีวิตของข้าเสียใจอยู่เพียงเรื่องเดียว…… ที่หลงโง่งมไปรักท่าน…. รักชายที่รังเกียจข้าถึงขนาดต้องการให้ข้าตายอนาถเยี่ยงนี้ ……….หากชาติหน้ามีจริงข้าขอสาบานว่าข้าจะล้างแค้นทุกคนที่มันทำกับข้าเช่นนี้ โดยเฉพาะท่านแม่ทัพหยางอี้เทียน ข้าเกลียดท่าน เกลียดท่านที่สุด เกลียด………….เฮื้อก……และลมหายใจสุดท้ายของหมิ่นเอ๋อก็หลุดลอยไปในทันที ทิ้งร่างที่ผอมเกร็งจนแทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ให้กองอยู่ที่เชิงบันไดห้องใต้ดินนั้น 

ขณะที่ร่างกายหนึ่งแตกดับไป ก็พลันกำเนิดชีวิตใหม่ขึ้นในเรือนหลังขนาดกลางที่เป็นที่พำนักของรองแม่ทัพเหลียงหย่งเล่อที่วันนี้ฮูหยินของเขาได้ให้กำเนิดบุตรีคนแรกแก่เขา นางเป็นเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำน่ารักเหลือเกิน ผิวพรรณหรือก็แสนจะนุ่มนิ่มเมื่อบิดาของนางได้พบหน้านางครั้งก็หลงรักเหลือเกิน  ลูกเอ๋ย  สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันกลม บิดาโอบกอดมารดาที่นอนพิงหัวเตียงในห้องที่จัดเอาไว้ให้นางคลอดบุตร ส่วนบุตรสาวตัวน้อยก็อยู่ในห่อผ้านั้น นางไม่ร้องสักแอะ ดวงตากลมนั้นจ้องมองผู้ใหญ่ตรงหน้านิ่ง

“ ลูกพ่อ ไม่ร้องเลยลูกเก่งจริงๆ ” เขาจ้องมองหน้าบุตรสาวและเอ่ยชมเชยนางที่ไม่ร้องเลย สมกับเป็นลูกของทหารยิ่งนัก  นางส่งเสียงอ้อแอ้เล็กๆเหมือนตอบโต้บิดากระนั้น เขาจึงได้หัวเราะที่บุตรสาวทำเหมือนนางรู้ความที่เขาพูดกับนางอย่างนั้นแหละ   ขณะที่เรือนขนาดกลางของรองแม่ทัพเหลียงหย่งเล่อมีความสุขสมใจและมีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของสองสามีภรรยาที่บุตรสาวเกิดมาแข็งแรงและน่ารักสมใจที่พวกเขารอคอย

แต่ที่จวนหวังนั้นเกิดเรื่องอึกทึกครึกโครม  เพราะบัดนี้คหบดีหวังกลับมาแล้ว และเขาถามหาบุตรสาวคนโตทันทีอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะระหว่างเดินทางกลับมาเขารู้สึกสังหรณ์แปลกๆและเอาแต่ครุ่นคิดเป็นห่วงบุตรสาวคนโต เหมือนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนางทำให้เขาดูร้อนใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ และคหบดีหวังนั้นก็รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวคนโตอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักหมิ่นเอ๋อ แต่เขามีอาชีพที่ต้องเดินทางไปค้าขายต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง และเขาวางใจว่าฮูหยินที่เขาแต่งงานกับหล่อนนั้นเป็นคนดีมีใจเมตตาจึงคิดว่านางคงจะรักบุตรสาวของเขาเช่นเดียวกับลูกของนางเอง แต่ความเป็นจริงมันไม่่ใช่เช่นนั้นแต่เขาไม่รู้

“ ข้าเองก็ร้อนใจ ส่งคนตามหานางมาหลายวันแล้วเจ้าค่ะ แต่ก็ยังไม่พบ พบเพียงจดหมายที่นางทิ้งเอาไว้และข้าวของบางอย่างก็หายไป เสื้อผ้าก็หายไปไม่น้อย ข้าจึงคิดว่านางน่าจะหนีออกจากบ้านไปนะเจ้าคะ ” คหบดีหวังไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าสตรีเช่นบุตรสาวคนโตจะหนีตามผู้ชายไปอย่างที่จดหมายเขียนเอาไว้ เขายอมรับว่าลายมือในจดหมายนั้นมันคล้ายกับลายมือของบุตรสาว แต่ด้วยนิสัยของนางที่อ่อนแอและขี้ขลาดปานนั้นจะกล้าเก็บเสื้อผ้าหนีออกไปกับบุรุษได้อย่างไรกัน และนางก็ไม่ได้คบหากับใคร แทบจะไม่ค่อยออกไปจากจวนเสียด้วยซ้ำ จะไปคบหากับบุรุษที่ไหนได้ จนถึงกับเก็บเสื้อผ้าหนีตามเขาไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาเห็นแต่มีแม่ทัพหยางอี้เทียน บุรุษข้างบ้านเท่านั้น ที่เทียวไปเทียวมาหานาง 

แม้คหบดีหวังจะไม่ค่อยอยู่ติดจวน แต่เขาก็เคยเห็นแม่ทัพหนุ่มมาที่นี่หลายครั้งแล้ว และเขาก็รู้ว่าแม่ทัพหนุ่มนั้นมาเกี้ยวพาบุตรสาวคนโต เขาจึงร้องเรียกพ่อบ้านหวังมาทันที " พ่อบ้านหวังให้คนไปเชิญท่านแม่ทัพหยางมาเดี๋ยวนี้ บุตรสาวของข้าหายไปทั้งคืน และข้าไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่านางหนีตามบุรุษไป 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงคืน   บทที่ 1 เมื่อยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน

    หวังหมิ่นเอ๋อครุ่นคิดขณะที่ยืนรอคนรักของตนเองอยู่ที่หน้าศาลเจ้าในตลาด เพราะวันนี้นัดกับแม่ทัพหยางที่เป็นคนรักของตนเองเพื่อมาไหว้เจ้าขอพรและเที่ยวชมตลาดกัน นางยืนรอคนรักครู่หนึ่งเขาก็เดินมาสมทบ วันนี้เขาแต่งกายด้วยชุดนอกเครื่องแบบ ทำให้ดูคล้ายคุณชายในตระกูลใหญ่และหล่อเหลาดังเคย “ หมิ่นเอ๋อ พี่มาแล้ว เจ้ารอนานหรือไม่ ” เขาเดินยิ้มอย่างเบิกบานมาหานาง“ ไม่นานหรอกเจ้าค่ะ เราเข้าไปในวัดกันเลยนะเจ้าค่ะ ” ทั้งสองจูงมือพากันเดินเข้าไปในวัดที่ตอนนี้มีผู้คนคราคร่ำ เมื่อเดินเข้าไปไหว้พระในวัดแม่ทัพหนุ่มคุกเข่าลงข้างๆคนรัก แล้วขอพรดังๆให้นางได้ยิน “ ข้าแม่ทัพหยางอี้เทียน ขอพรต่อท่านเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ความรักของพวกเราทั้งคู่มั่นคงยืนนาน และรักกันไปตลอดจนแก่เฒ่าไปด้วยกันและหากข้าเกิดชาติใหม่ก็จะขอรักเพียงหมิ่นเอ๋อคนนี้เท่านั้น ” หมิ่นเอ๋อจึงได้อธิษฐานขอพรเช่นเดียวกับเขา ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างหวานชื่น พากันไปทำบุญตามจุดต่างๆในวัด และให้ทานคนขอทานที่มาขอเรี่ยไรเงินอยู่หน้าวัด แล้วก็จูงมือกันเดินออกมาจากวัดมุ่งหน้าไปเดินเล่นที่ตลาดในเมืองเกาสงที่ตอนนี้คับคั่งไปด้วยผู้คนมากมาย แม่ทัพหยางแวะร้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-03
  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงคืน   บทที่ 2 แผนการณ์ฆ่าคนอย่างไร้เมตตา

    แม้แต่เงินเบี้ยเลี้ยงของนางที่จะต้องได้รับทุกๆเดือนแม่เลี้ยงนั้นก็เก็บงำเอาไว้เสียเอง และจะมอบให้ก็ต่อเมื่อท่านคหบดีบังเอิญอยู่ที่จวนเท่านั้น และข้าวของเครื่องใช้และอาภรณ์ที่ต้องซื้อหาของคุณหนูใหญ่นั้นก็แทบจะไม่มีของใหม่ นางเป็นบุตรสาวคนโตแต่ต้องรับช่วงอาภรณ์ที่น้องสาวใส่จนเบื่อแล้วมาใส่ หากไม่รับก็ไม่มีจะใส่ ของเดิมที่มีอยู่นั้นก็เก่าปอนเต็มทีและขนาดตัวก็คับแน่นไปหมดแล้วแต่ความอัตคัตนี้ไม่สามารถบดบังความงดงามเมื่อเริ่มย่างเข้าวัยสาวได้ ความงามของนางนั้นก็เข้าตาแม่ทัพหนุ่มอนาคตไกลที่เป็นเพื่อนบ้าน จวนติดกันเข้าอย่างเต็มที่ เขาจึงได้เทียวไล้เทียวขื่ออยู่นานจนนางยอมตกลงรับรักเขา แม่ทัพหนุ่มหมายใจว่าอีกไม่นานเขาจะสู่ขอนางมาเป็นฮูหยินของเขา และเมื่อหวังฟางหลิวน้องสาวต่างมารดาที่นิสัยเหมือนมารดาตนเองไม่ผิดเพี้ยนเพราะการอบรมบุตรีให้มีนิสัยริษยาผู้อื่นและไร้เมตตาต่อพี่น้องเห็นแก่ตัวจนไม่คิดถึงใจคนอื่น นางบอกมารดาว่านางหลงรักแม่ทัพหยางอี้เทียนเข้าแล้ว เพราะเขานั้นหล่อเหลาเหลือเกินแถมยังมีอนาคตไกลอีกด้วย หากนางได้แต่งงานเป็นฮูหยินของเขาฐานะพวกเราก็จะยิ่งมั่นคงยิ่งไปกว่านี้ นับจากนั้นมารดาของ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-03
  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงคืน   บทที่ 3 หากท่านจะแต่งงานแล้วมาหลอกข้าทำไม

    ร่างบางของหมิ่นเอ๋อรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อกลางดึก นางตกใจอย่างยิ่งที่บัดนี้ตัวเองมานอนอยู่บนพื้นหินเย็นเฉียบ และเมื่อเอามือบางควานไปรอบๆก็พบเพียงฝุ่นหนาทึบที่อยู่บนพื้นหิน แถมยังมีเสียงหนูร้องจี๊ดๆอยู่ไม่ไกลนัก หมิ่นเอ๋อกลัวมากเพราะมองไม่เห็นว่ารอบข้างมีสิ่งใดบ้าง นางร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังก้องไปห้องนั้น เมื่อไม่มีแสงใดๆเลยนางเองก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใดกัน นางได้แต่นั่งกอดเข่าคุดคู้ด้วยความหวาดกลัวเหลือแสนอยู่บนพื้นนั้น และร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง เมื่อร้องของความช่วยเหลือก็ไม่มีเสียงใดๆตอบรับและนางเองก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆด้านนอกเลย ได้ยินแต่เสียงหนูร้องภายในนี้เท่านั้น จนเมื่อเช้าอีกวันหนึ่ง เมื่อแสงแดดส่องลงมาบนพื้นดินในสวนที่กว้างใหญ่ของจวนหวัง นางดีใจนักที่เห็นแสงแดดส่องลงมาเป็นลำ ทำให้นางพอมองเห็นบริเวณรอบๆแล้ว แต่นี่มันคือห้องเก็บฟืนสำหรับเอาไว้ใช้ในฤดูหนาว นางเคยมาวิ่งเล่นแถวนี้เมื่อครั้งยังเด็กเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เรือนแถวที่ทำจากหินที่ท่านพ่อจ้างช่างมาสร้างเอาไว้อย่างแข็งแรงเพราะต้องเอาไว้เก็บสเบียงและฟืนที่จะต้องใช้ในยามฤดูหนาว และบัดนี้มันมีฟืนเรียงเอาไว้ด้านหนึ่งของผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-03

บทล่าสุด

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงคืน   บทที่ 4 ข้าสาบานจะกลับมาทวงแค้น

    จนเมื่อร่างกายที่อ่อนระโหยของหมิ่นเอ๋อที่บัดนี้แทบจะไร้เรี่ยวแรง นางค้นพบว่าเสี่ยวหลงเปาถูกหนูกินไปจนหมดแล้ว เหลือไว้เพียงกระบอกน้ำดื่มที่หล่นอยู่บนพื้น นางจึงได้พยายามลุกไปหยิบมาดื่ม นางเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังที่มองเห็นลางๆเพราะบัดนี้คงจะเริ่มเช้าวันใหม่ของอีกวันหนึ่งแล้ว นางพยายามจะจุดตะเกียงแต่ไม่สามารถจุดได้ เพราะไม่มีที่จุุดไฟ มีแต่ตะเกียงแขวนเอาไว้บนผนังเท่านั้นนางค้นหาจนทั่วเท่าที่แสงสว่างมันจะส่องไปถึง เพราะมันมีแสงสว่างลอดเข้ามาแค่ลำเดียวเท่านั้น หมิ่นเอ๋อเขี่ยห่อผ้าขาดวิ่นนั้นไปที่มุมห้องเพราะกลัวว่าหนูจะกลับมาอีก นางยกกระบอกน้ำที่ยังคงเหลือน้ำอีกครึ่งกระบอกยกขึ้นจิบช้าๆ อย่างน้อยน้ำที่เหลืออยู่นี้ก็ยังพอประทังความหิวไปได้อีกหลายวัน หลังจากนั้นหากนางยังไม่สามารถขึ้นไปจากที่นี่ได้ ก็แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน หมิ่นเอ๋อครุ่นคิด บัดนี้ดวงตาของนางแห้งผากใบหน้านั้นมีแต่คราบฝุ่นผงจับเต็มไปหมด นางไม่ยกมือขึ้นเช็ดอีก เพราะทั้งมือและตัวก็เปรอะเปื้อนไปจนหมด หมิ่นเอ๋อนั่งที่บันไดนั้นอย่างอ่อนแรงและเอนกายพิงบันไดเอาไว้ ตอนนี้นางแทบจะไม่มีเสียงจะร้องอีกแล้ว ลำคอนั้นแห้งผากแสบไปหมด และที่

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงคืน   บทที่ 3 หากท่านจะแต่งงานแล้วมาหลอกข้าทำไม

    ร่างบางของหมิ่นเอ๋อรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อกลางดึก นางตกใจอย่างยิ่งที่บัดนี้ตัวเองมานอนอยู่บนพื้นหินเย็นเฉียบ และเมื่อเอามือบางควานไปรอบๆก็พบเพียงฝุ่นหนาทึบที่อยู่บนพื้นหิน แถมยังมีเสียงหนูร้องจี๊ดๆอยู่ไม่ไกลนัก หมิ่นเอ๋อกลัวมากเพราะมองไม่เห็นว่ารอบข้างมีสิ่งใดบ้าง นางร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังก้องไปห้องนั้น เมื่อไม่มีแสงใดๆเลยนางเองก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใดกัน นางได้แต่นั่งกอดเข่าคุดคู้ด้วยความหวาดกลัวเหลือแสนอยู่บนพื้นนั้น และร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง เมื่อร้องของความช่วยเหลือก็ไม่มีเสียงใดๆตอบรับและนางเองก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆด้านนอกเลย ได้ยินแต่เสียงหนูร้องภายในนี้เท่านั้น จนเมื่อเช้าอีกวันหนึ่ง เมื่อแสงแดดส่องลงมาบนพื้นดินในสวนที่กว้างใหญ่ของจวนหวัง นางดีใจนักที่เห็นแสงแดดส่องลงมาเป็นลำ ทำให้นางพอมองเห็นบริเวณรอบๆแล้ว แต่นี่มันคือห้องเก็บฟืนสำหรับเอาไว้ใช้ในฤดูหนาว นางเคยมาวิ่งเล่นแถวนี้เมื่อครั้งยังเด็กเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เรือนแถวที่ทำจากหินที่ท่านพ่อจ้างช่างมาสร้างเอาไว้อย่างแข็งแรงเพราะต้องเอาไว้เก็บสเบียงและฟืนที่จะต้องใช้ในยามฤดูหนาว และบัดนี้มันมีฟืนเรียงเอาไว้ด้านหนึ่งของผ

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงคืน   บทที่ 2 แผนการณ์ฆ่าคนอย่างไร้เมตตา

    แม้แต่เงินเบี้ยเลี้ยงของนางที่จะต้องได้รับทุกๆเดือนแม่เลี้ยงนั้นก็เก็บงำเอาไว้เสียเอง และจะมอบให้ก็ต่อเมื่อท่านคหบดีบังเอิญอยู่ที่จวนเท่านั้น และข้าวของเครื่องใช้และอาภรณ์ที่ต้องซื้อหาของคุณหนูใหญ่นั้นก็แทบจะไม่มีของใหม่ นางเป็นบุตรสาวคนโตแต่ต้องรับช่วงอาภรณ์ที่น้องสาวใส่จนเบื่อแล้วมาใส่ หากไม่รับก็ไม่มีจะใส่ ของเดิมที่มีอยู่นั้นก็เก่าปอนเต็มทีและขนาดตัวก็คับแน่นไปหมดแล้วแต่ความอัตคัตนี้ไม่สามารถบดบังความงดงามเมื่อเริ่มย่างเข้าวัยสาวได้ ความงามของนางนั้นก็เข้าตาแม่ทัพหนุ่มอนาคตไกลที่เป็นเพื่อนบ้าน จวนติดกันเข้าอย่างเต็มที่ เขาจึงได้เทียวไล้เทียวขื่ออยู่นานจนนางยอมตกลงรับรักเขา แม่ทัพหนุ่มหมายใจว่าอีกไม่นานเขาจะสู่ขอนางมาเป็นฮูหยินของเขา และเมื่อหวังฟางหลิวน้องสาวต่างมารดาที่นิสัยเหมือนมารดาตนเองไม่ผิดเพี้ยนเพราะการอบรมบุตรีให้มีนิสัยริษยาผู้อื่นและไร้เมตตาต่อพี่น้องเห็นแก่ตัวจนไม่คิดถึงใจคนอื่น นางบอกมารดาว่านางหลงรักแม่ทัพหยางอี้เทียนเข้าแล้ว เพราะเขานั้นหล่อเหลาเหลือเกินแถมยังมีอนาคตไกลอีกด้วย หากนางได้แต่งงานเป็นฮูหยินของเขาฐานะพวกเราก็จะยิ่งมั่นคงยิ่งไปกว่านี้ นับจากนั้นมารดาของ

  • กลับมาครั้งนี้ข้าขอทวงคืน   บทที่ 1 เมื่อยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน

    หวังหมิ่นเอ๋อครุ่นคิดขณะที่ยืนรอคนรักของตนเองอยู่ที่หน้าศาลเจ้าในตลาด เพราะวันนี้นัดกับแม่ทัพหยางที่เป็นคนรักของตนเองเพื่อมาไหว้เจ้าขอพรและเที่ยวชมตลาดกัน นางยืนรอคนรักครู่หนึ่งเขาก็เดินมาสมทบ วันนี้เขาแต่งกายด้วยชุดนอกเครื่องแบบ ทำให้ดูคล้ายคุณชายในตระกูลใหญ่และหล่อเหลาดังเคย “ หมิ่นเอ๋อ พี่มาแล้ว เจ้ารอนานหรือไม่ ” เขาเดินยิ้มอย่างเบิกบานมาหานาง“ ไม่นานหรอกเจ้าค่ะ เราเข้าไปในวัดกันเลยนะเจ้าค่ะ ” ทั้งสองจูงมือพากันเดินเข้าไปในวัดที่ตอนนี้มีผู้คนคราคร่ำ เมื่อเดินเข้าไปไหว้พระในวัดแม่ทัพหนุ่มคุกเข่าลงข้างๆคนรัก แล้วขอพรดังๆให้นางได้ยิน “ ข้าแม่ทัพหยางอี้เทียน ขอพรต่อท่านเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ความรักของพวกเราทั้งคู่มั่นคงยืนนาน และรักกันไปตลอดจนแก่เฒ่าไปด้วยกันและหากข้าเกิดชาติใหม่ก็จะขอรักเพียงหมิ่นเอ๋อคนนี้เท่านั้น ” หมิ่นเอ๋อจึงได้อธิษฐานขอพรเช่นเดียวกับเขา ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างหวานชื่น พากันไปทำบุญตามจุดต่างๆในวัด และให้ทานคนขอทานที่มาขอเรี่ยไรเงินอยู่หน้าวัด แล้วก็จูงมือกันเดินออกมาจากวัดมุ่งหน้าไปเดินเล่นที่ตลาดในเมืองเกาสงที่ตอนนี้คับคั่งไปด้วยผู้คนมากมาย แม่ทัพหยางแวะร้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status