สีหน้าของสเตฟานีเต็มไปด้วยความสุขและแปลกใจเมื่อเห็นชาร์ลีเธอวิ่งไปหาชาร์ลีทันทีขณะที่เธอจับแขนชาร์ลีด้วยมือทั้งสองของเธอก่อนจะถามขึ้นว่า “พี่ชาร์ลี ทำไมพี่ไม่กลับมาเยี่ยมเราที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้างเลยคะ?”ชาร์ลีไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้เธอจะคว้าแขนด้วยมือของเธอ ตรงกันข้าม เขาเป็นเหมือนพี่ชายของเธอและเขาพูดอย่างสนิทสนมว่า “ฉันออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย ฉันเลยรู้สึกอายเล็กน้อยที่จะกลับมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อมาเยี่ยมพวกเธอทุกคน”ทันทีที่สเตฟานีได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของเธอก็แดงและสำลักขณะที่เธอสะอื้นไห้พลางพูดว่า “คุณนายลูอิสบอกเราว่าพี่ไปทำงานในสถานที่ก่อสร้างหลังจากที่พี่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอยังบอกเราด้วยว่าพี่จะส่งเงินที่หามาอย่างยากลำบากทั้งหมดให้เธอเสมอ เพื่อที่เธอจะได้ซื้อหนังสือ เสื้อผ้า และอาหารให้เราได้ ทำไมพี่ไม่กลับมาหาฉันบ้างเลย? ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ฉันไม่ได้เจอพี่เลย…”สเตฟานีร้องไห้ขณะที่เธอพูดต่อว่า “เมื่อตอนที่คุณนายลูอิสล้มป่วย ฉันได้ยินว่าเธอบอกว่าพี่จะมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลเสมอ แต่พี่มักจะไปเยี่ยมเธอเสมอหลังจากที่เรากลับไป ดูเหมือ
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ดูแย่ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเธอด้อยกว่าเมื่อเทียบกับแคลร์นอกจากนี้เธอยังเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อหรือแม่ เธอไม่มีใครสนับสนุนเธอในชีวิต ตอนนี้เธอทำงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอยังคงทำงานและพึ่งพาองค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือตัวเอง เธอไม่ได้รับเงินเป็นจำนวนมากสำหรับตัวเองด้วยซ้ำแม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำเงินมากมาย แต่เธอก็มีทัศนคติแบบเดียวกับชาร์ลี เธอจะบริจาคเงินทั้งหมดของเธอให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ดังนั้น ในท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นเพียงเด็กยากจนที่ไม่มีอะไรเลยในแง่นี้ เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถเทียบกับผู้หญิงอย่างแคลร์ได้เลยเธอรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย และพูดกับแคลร์อย่างประหม่าว่า “สวัสดีค่ะ พี่สะใภ้ ฉันชื่อสเตฟานี ลูอิส วันนี้เราเจอกันครั้งแรกสินะคะ”แคลร์พยักหน้าก่อนที่เธอยิ้ม และพูดว่า “สวัสดีจ่ะ สเตฟานี ฉันชื่อแคลร์ วิลสัน”สเตฟานีมองที่แคลร์ก่อนที่เธออุทานว่า “พี่สะใภ้ ฉันอิจฉาคุณจริง ๆ !”ขณะที่เธอพูด สเตฟานีมองดูชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “ฉันอิจฉาคุณจริง ๆ เพราะคุณได้พบกับผู้ชายที่ดีอย่างชาร์ลีพี่ชายของฉัน!”ตอนนี้ชาร์ลีรู้สึกเขินอายอย่างมากตอนแรกเข
ชาร์ลีอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มาสิบปี ตั้งแต่เขาอายุได้แปดขวบจนถึงอายุสิบแปดปี ดังนั้นเขาจึงมีความรักต่อสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ เขาไม่มีหน้ากลับมาเพราะยังยากจนอยู่ตอนนี้เขามีเงินอยู่บ้างแล้ว เขารู้สึกว่าเป็นการดีที่จะเข้าไปดูว่ามีอะไรอีกที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต้องการ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถช่วยพวกเขาแก้ปัญหานี้ได้เมื่อถึงเวลาชาร์ลีพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เราเข้าไปข้างในและดูรอบ ๆ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากันเถอะ”สเตฟานีมีความสุขเหลือเกิน เธอรีบคว้าแขนของชาร์ลีก่อนจะลากเขาเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชาร์ลีทำได้เพียงปล่อยให้เธอลากเขาไปรอบ ๆ ในขณะที่เขาจับมือแคลร์ภรรยาของเขาแคลร์รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่เธออนุญาตให้ชาร์ลีจับมือเธอต่อไปในขณะที่เขาพาเธอเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสถานสงเคราะห์โอลรัส ฮิลล์ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ผ่านมาและมีประวัติอันยาวนาน อาคารที่นี่ทั้งหมดเป็นอาคารก่ออิฐที่ค่อนข้างเตี้ยและอาคารแต่ละหลังมีอายุกว่าหลายสิบปีแล้วชาร์ลีตระหนักได้ว่าสถานที่นี้ยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่เขายังคงอาศัยอยู่ที่นี
สเตฟานีพาชาร์ลีไปที่หอพักของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ชาร์ลีสามารถมองเห็นหอพักที่เขาเคยอาศัยอยู่ได้ในพริบตาหลังจากมองออกไปนอกหน้าต่าง ชาร์ลีเห็นเด็กหลายสิบคนขึ้นไปซึ่งมีอายุประมาณหนึ่งถึงสองปีเล่นภายใต้การนำของป้าคนหนึ่งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเขาอดไม่ได้ที่จะถาม “สเตฟานี่ ทำไมตอนนี้มีเด็กมากมายที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอ?”สเตฟานีตอบว่า “มีพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบหลายคนที่ส่งลูกมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยตรงหลังจากให้กำเนิดพวกเขา เด็กเหล่านี้บางคนถูกทอดทิ้งเพราะความพิการแต่กำเนิดหรือโรคภัยไข้เจ็บ บางคนมีชะตากรรมเดียวกับฉัน และพวกเขาถูกทอดทิ้งเพราะเป็นผู้หญิง”สเตฟานีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้หลังจากนั้นเธอพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ยังมีเด็กอีกหลายคนที่ถูกลักพาตัวโดยผู้ค้ามนุษย์ แต่ได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจในเวลาต่อมา เด็กบางคนยังเด็กเกินไปและเป็นไปไม่ได้ที่ตำรวจจะค้นหาว่าใครคือพ่อแม่ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงให้อยู่ภายใต้การดูแลอุปถัมภ์ของเราในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หลังจากเจอพ่อแม่แล้ว พวกเขาจะถูกส่งกลับไปยังครอบครัวของพวกเขา”เมื่อชาร์ลีเห็นว่าเด็กเหล่านี้บางคนมีควา
เมื่อทั้งสามก้าวออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและกำลังจะมุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร เสียงที่น่าประหลาดใจก็ดังขึ้น “ชาร์ลี สเตฟานี!”ทั้งสองหันกลับมา และเห็นคนหลายคนกำลังเดินเข้ามาทางพวกเขาคนเหล่านี้เป็นเพื่อนที่โตมากับเขาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีหลายคนในกลุ่มนี้ที่ชาร์ลีไม่ได้เจอหน้าอีกเลยนับตั้งแต่เขาออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนเดียวที่เขาติดต่อด้วยหลังจากออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคือฮาร์วีย์เพื่อนสนิทของเขาในช่วงปีแรก ๆ ของชาร์ลีในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาปิดกั้นตัวเองเป็นอย่างมากเพราะพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาจึงเก็บตัวและเขาจะไม่พูดอะไรกับคนอื่นแม้แต่คำเดียวในตลอดทั้งวันเขามักถูกเด็กคนอื่น ๆ ทิ้งให้โดดเดี่ยวเพราะบุคลิกของเขาชาร์ลียังคงจำได้ว่าฮาร์วีย์ซึ่งโตกว่าเขาเล็กน้อย จะยืนหยัดเพื่อเขา และเล่นกับเขาทุกครั้งที่เขาถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองได้เติบโตขึ้นมากฮาร์วีย์กับชาร์ลีอายุเท่ากัน แต่ฮาร์วีย์แก่กว่าชาร์ลีเพียงไม่กี่เดือนหลังจากออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ทั้งสองก็เลือกที่จะไปที่ไซต์ก่อสร้าง และทำงานร่วมกัน ผ
หลังจากที่เขาพูดเสร็จ เขาก็พูดต่อว่า “ว่าแต่นายไม่ได้อยู่ในแลงคาสเตอร์หรอกเหรอ? ทำไมนายถึงกลับมาที่โอลรัส ฮิลล์เร็วขนาดนี้?”ฮาร์วีย์ยิ้มก่อนจะพูดว่า “เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่บริษัทของฉันได้ให้ฉันเดินทางมาทำธุระที่โอลรัส ฮิลล์พอดี ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่ในช่วงบ่ายของวันนี้เอง ทันทีที่ฉันลงจากรถ ฉันเห็นพวกนายทุกคนคุยกันในกลุ่มแชท นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันตัดสินใจมาที่นี่โดยเร็วที่สุด!”ชาร์ลีถามด้วยความสงสัย “นายไม่ได้ทำธุรกิจของนายเองเหรอ? ทำไมนายถึงกลับไปทำงานบริษัทอีกครั้ง?”ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะพูดว่า “ธุรกิจไม่ดีน่ะสิ ธุรกิจของใครจะสามารถไปได้ดีได้ล่ะในตอนนี้? เศรษฐกิจในช่วงสองปีที่ผ่านมาไม่ง่ายเลย และการทำธุรกิจก็ไม่ง่ายเอาซะเลยด้ยย”หลังจากที่เขาพูดจบ ฮาร์วีย์ก็มองไปที่แคลร์ก่อนจะยิ้ม และพูดว่า “ชาร์ลี นี่คือน้องสะใภ้ของฉันหรือเปล่า?”ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ใช่แล้ว นี่คือภรรยาของฉันเอง แคลร์”หลังจากที่เขาพูดเสร็จแล้ว เขาแนะนำให้ฮาร์วีย์ให้รู้จักกับแคลร์ “แคลร์ นี่คือฮาร์วีย์ เพื่อนรักของผมในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”ฮาร์วีย์ยิ้มอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “ชาร์ลี นายนี่โชคดีม
หน้าต่างของเมอร์เซเดส เบนซ์ลดลง ชาร์ลีมองดูชายที่อยู่หลังกระจก และจำเขาได้ในทันทีเขาคือแม็กซ์ ไวแอตต์ ชายผู้อยู่ในกลุ่มแชทของพวกเขาในวันนี้ชาร์ลีกับเขาเป็นแค่คนรู้จักธรรมดาเท่านั้นแม็กซ์แต่งตัวในชุดสูทที่ดูรัดเป็นพิเศษกับร่างอ้วนท้วมและรองเท้าหนังของเขา เขาได้จอดรถเมื่อเห็นพวกเขา แม็กซ์โผล่หัวออกไปทางหน้าต่างรถแล้วพูดว่า “โอ้ นี่พวก ขอโทษที่ให้รอ”ความเย่อหยิ่งและความโอหังผุดขึ้นในดวงตาของเขา เขากระแอมในลำคอและอธิบายด้วยน้ำเสียงโอ้อวดว่า “โอ้ พอดีรถติดน่ะ ฉันเลยมาสาย”มีคนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “ว้าว แม็กซ์ นี่รถนายเหรอ? ซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”แม็กซ์หัวเราะอย่างสะใจ “เพิ่งซื้อมาเมื่อสองวันก่อน”ชาร์ลีหรี่ตาอย่างนึกขึ้นได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ชายคนนี้กระตือรือร้นที่จะจัดงานเลี้ยง เขาแค่อยากอวดรถใหม่เอี่ยมให้เพื่อนสมัยเด็กของเขาได้เห็น!มีคนถามต่อว่า “เฮ้ แม็กซ์ รถคันนี้รุ่นอะไร? มันต้องแพงมากแน่ ๆ ”แม็กซ์หัวเราะอย่างมีชัยแต่ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมถ่อมตนว่า “เปล่า มันเป็นแค่ E300L เองแต่โดยรวมแล้วก็มีค่าใช้จ่ายประมาณครึ่งล้าน”"โว้ว!!"ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ
“นี่เธอเป็นเพื่อนของเราจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยหรือเปล่านะ?” แม็กซ์พึมพำกับตัวเองเขาเริ่มนึกย้อนไปถึงความทรงจำเก่า ๆ ของเขา พยายามนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวสวยคนนี้เขายังคงสวมชุดสุภาพเรียบร้อยและมีรอยยิ้มแย้มแจ่มใสบนใบหน้าของเขา เขามองที่ชาร์ลี และพูดขึ้นว่า “เฮ้ นายคือชาร์ลีใช่ไหม? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!"ชาร์ลียิ้มแล้วพูดว่า “บัตต์ ทรัมเป็ต?”บัตต์ ทรัมเป็ตเป็นฉายาของแม็กซ์ เมื่อสมัยที่พวกเขาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาเป็นคนที่ตะกละตัวอ้วนที่ผายลมบ่อย ๆ และที่สำคัญกว่านั้น เขาผายลมทุกที่ที่เขาไป และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาต้องการ เขาจะผายลมในชั้นเรียน ระหว่างเล่นเกม ระหว่างมื้ออาหารและขณะนอนหลับในตอนนั้น ทุกคนต่างเดือดร้อนเพราะตดของเขา เขาจึงได้ฉายาว่าบัตต์ ทรัมเป็ตใบหน้าของแม็กซ์เปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อได้ยินชาร์ลีพูดถึงฉายาของเขา แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร ชายหนุ่มข้างหลังเขาพูดขึ้นอย่างขุ่นเคืองว่า “นี่ ชาร์ลี ระวังลิ้นนายไว้นะ! นายกล้าดียังไงที่ทำให้ผู้จัดการไวแอตต์ของเราอับอายต่อหน้าทุกคน? แม็กซ์เป็นถึงผู้บริหารของบริษัทชั้นนำเชียวนะ! ให้ความเคารพด้วย!”ชาร์ลีชำเ