พอลชื่นชมชาร์ลีจากก้นบึ้งของหัวใจเขาเป็นคนอเมริกัน แต่เหมือนชาวออสเกียนมากกว่า! เขาหมกมุ่นอยู่กับวัฒนธรรมดั้งเดิมของออสเกียและปรัชญาฮวงจุ้ยจนถึงเคารพในมันความเห็นและข้อสังเกตก่อนหน้านี้ของชาร์ลี ทำให้เขารู้สึกว่า ความเข้าใจและความเชี่ยวชาญของชาร์ลีในด้านฮวงจุ้ยนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เขายังเข้าใจด้วยว่าทำไมบางคนถึงยอมมอบวิลล่าหรูให้กับชาร์ลีซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์พอลรู้ดีถึงความสำคัญของปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยเป็นอย่างมาก ปรมาจารย์ที่ความสามารถไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้คนพัฒนาโชคและรวบรวมความมั่งคั่งได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนเปลี่ยนโชคและอนาคตของพวกเขาได้อีกด้วย! ดังนั้นอาจารย์ฮวงจุ้ยทุกคนจึงมาพร้อมกับป้ายราคาของตัวเอง ยิ่งดีเท่าไร ค่าธรรมเนียมในการปรากฏตัวก็จะยิ่งสูงขึ้น มีข่าวลือว่า เหลย์ ก๊าเส่ง ชายผู้มั่งคั่งที่สุดของฮ่องกง จะจ่ายเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ฮ่องกงต่อการมาดูหนึ่งครั้งสำหรับปราจารย์ฮวงจุ้ยที่ได้รับมอบหมายนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเช็คสี่ล้านดอลลาร์ มันยังไม่เพียงพอและเขาควรเขียนเช็คให้เขาเป็นเงินสิบล้านด้วยซ้ำดังนั้น เขาจึงฉีกเช็คสี่ล้านเหรียญแ
อีกตัวอย่างหนึ่งของความสุภาพคือเมื่อมีคนสองสามคนรีบไปจ่ายเงินในเวลาเดียวกันหลังอาหารเย็นทุกคนรีบไปจ่าย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จริงใจที่จะจ่าย ความตั้งใจของพวกเขาเพียงเพื่อแสดงความพยายาม เพราะไม่อย่างนั้นมันก็คงดูไม่เป็นผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนสองสามคนจะมารวมตัวกันรอบ ๆ แคชเชียร์ เพื่อที่จะโต้เถียง และยืนกรานที่จะจ่ายเงินจากภาพที่ไม่มีวันรู้จบนี้ ชาร์ลีชื่นชมความเฉลียวฉลาดและความเด็ดขาดของพอล เขาจึงหยุดเรื่องไร้สาระทั้งหมดเมื่อชาร์ลีบอกว่าเขาจะต้องไปแล้ว นี่เป็นวิธีการสื่อสารที่ดีระหว่างคนฉลาดพอลเดินตามชาร์ลีออกจากห้องทำงาน และมาที่ลิฟต์ของล็อบบี้ เขากดลิฟต์ให้ชาร์ลี จากนั้นทั้งคู่ก็มองไปที่หน้าจอที่แสดงให้เห็นว่ามีลิฟต์ขึ้นมาจากชั้นหนึ่งและหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาทันทีที่ลิฟต์หยุด ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไร ประตูก็เปิดออก จากนั้นหญิงสาวร่างะผอมเพรียวในชุดสูทและกระโปรงที่รัดรูปก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในลิฟต์ผู้หญิงคนนี้สวยและมีเสน่ห์มาก เธอมีกลิ่นอายของความเย้ายวนใจและความเซ็กซี่ออกมา เธอสามารถทำให้หัวใจของผู้ชายทุกคนนั้นสั่นไหวพอลกระพริบตาด้วยความงุนงงและอุทานว่า “คุ
ในขณะเดียวกันนี้ จัสมินผู้สง่างามก็ได้ออกมาจากลิฟต์จุดประสงค์ของการมาของเธอคือมอบกระเช้าดอกไม้ให้พอล แต่เธอกลับละสายตาจากชาร์ลีไม่ได้เลยเธอรู้สึกเบิกบานทุกครั้งที่เห็นชาร์ลี ราวกับว่าเธอได้หวนคืนสู่ความสาววัยสิบแปดปี ซึ่งเป็นวัยที่อ่อนหวานในตอนที่เธอได้สัมผัสกับความรักครั้งแรกอันที่จริงเด็กผู้หญิงที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลอย่างเธอต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าคนทั่วไป พวกเขาต้องเข้าสู่ความเป็นจริงที่โหดร้ายและเก็บซ่อนความรู้สึกไว้เป็นพิเศษแต่นับตั้งแต่ที่เธอเจอกับชาร์ลีและตกหลุมรักเขา ความสามารถในการซ่อนความรู้สึกของเธอจึงล้มเหลวทุกครั้งที่เธออยู่ต่อหน้าเขาเธอถามอย่างเขินอายขณะจ้องมองชาร์ลี ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม และความเสน่หา “ปรมาจารย์เวด คุณรู้จักคุณพอลได้ยังไงคะ? เขาเพิ่งมาถึงออสเกียได้ไม่นานนี้เองใช่ไหมคะ?”ชาร์ลียิ้มอย่างอบอุ่น และตอบว่า “พ่อตาของผมกับแม่ของพอลเป็นเพื่อนร่วมวิทยาลัยกัน เราเลยรู้จักกันน่ะครับ”จัสมินอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “โอ้! ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจังเลยนะคะ!”พอลหัวเราะ “ใช่ มันเป็นเรื่องบังเอิญ! ผมไม่รู้ว่าคุณก็รู้จั
จัสมินเหลือบมองพอลอย่างซาบซึ้ง “เอาล่ะ งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว หาเวลามาเจอกันหน่อยก็แล้วกันนะคะ แล้วเจอกันค่ะ!"พอลมี IQ และ EQ สูงมาก เขาสามารถเห็นได้ชัดว่าจัสมินตกหลุมรักชาร์ลีเข้าอย่างจัง ดังนั้นเขาเปรียบดั่งสุภาพบุรุษที่ได้ช่วยเธออีกด้วยจัสมินหันไปหาชาร์ลี และพูดว่า “ไปกันเถอะค่ะ ปรมาจารย์เวด!”ชาร์ลีพยักหน้าด้วยรอยยิ้มสุภาพ “ขอบคุณที่ต้องมาส่งผมนะครับ”จัสมินยิ้ม ใบหน้าของเธอพลันแดงระเรื่อ “ด้วยความเต็มใจของฉันนะคะปรมาจารย์เวด”***จัสมินให้บอดี้การ์ดของเธอถือกระเช้าดอกไม้ไปที่ห้องทำงานของพอล เธอกดลิฟต์ และผายมือไปทางประตู แล้วพูดว่า “ปรมาจารย์เวด เชิญคุณก่อนเลยค่ะ!”ชาร์ลีพยักหน้าเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์จากนั้นจัสมินก็เดินตามเข้าไปเมื่อประตูลิฟต์ปิดลง กลิ่นหอมจาง ๆ อันหรูหราบนร่างของจัสมินก็ค่อย ๆ ซึมเข้าไปในจมูกของชาร์ลี จากนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นเขาต้องยอมรับว่าจัสมินมีรสนิยมที่ยอดเยี่ยม ท็อปโน๊ตของน้ำหอมบนร่างกายของเธอนั้นเบามากและติดทนนาน ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นมากเท่านั้น แต่กลิ่นของเธอไม่ได้ฉุนเกินไปและมันยังทำให้คนติดกลิ่นนี้อีกด้วย
หลังจากที่เอเลนกลับมาที่สถานกักกันจากสถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำ เธอรู้สึกกังวล และกระสับกระส่ายอย่างมากขณะที่กำลังรอฟังผลเธอไม่รู้ว่าตำรวจจะปล่อยเธอไปหรือเปล่า เธอจึงได้แต่อธิษฐานอย่างสุดหัวใจในสองวันนับตั้งแต่ถูกขังอยู่ในสถานกักกัน เธอได้รับความทรมานอย่างที่เธอไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต ตอนนี้เธอใกล้จะทรุดลงแล้ว เธอกลัวว่าเธอจะตายที่นี่ถ้าพวกเขาไม่ปล่อยเธอออกไปคุณท่านวิลสันรู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อรู้ว่าเอเลนถูกเรียกตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำเมื่อเช้านี้ เธอกังวลว่าเอเลนจะสารภาพต่อเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการถูกกลั่นแกล้งที่เธอได้รับในห้องขังจากเธอและเจนนิเฟอร์เธอยังกังวลอีกด้วยว่าเอเลนจะขอเปลี่ยนห้องขังหากเจ้าหน้าที่พาเธอไป ความสุขเดียวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอในสถานกักกันจะหายไปทันที!เป็นเวลานานแล้วที่คุณท่านวิลสันต้องถูกเขี่ยทิ้งเพราะความโชคร้ายและความยากลำบากที่เกิดขึ้นกับตระกูลวิลสัน ความเศร้าโศกยังคงอยู่จนกระทั่งเอเลนถูกขังอยู่ในห้องขังเดียวกันกับเธอซึ่งเธอได้รับความสนุกสนานของชีวิตกลับคืนมาเธอยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อคิดว่าเธอจะถูกปล่อยตัวภายในสิบวัน ขณะที่เอเลนอาจต้องติดคุ
คุณท่านวิลสันพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “แกทำอะไรผิดงั้นเหรอ นี่แกยังจะมาถามฉันอีกเหรอ? ฟังนะ แกมันผิดตราบใดที่แกยังยังหายใจและมีชีวิตอยู่! ทางเลือกเดียวของแกคือตายและไม่ต้องเสียออกซิเจนในโลกนี้!”ความเจ็บปวดจากหูของเอเลนทำให้เธอตัวสั่นด้วยความกลัว เธอรู้สึกเหมือนหูของเธอจะถูกดึงออก แต่เธอไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังเลยแม้แต่น้อย เธอทำได้เพียงกลืนความขมขื่น และอดทนต่อความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างสุดกำลัง'อีกไม่นาน อีกไม่นาน ฉันจะได้ออกจากขุมนรกนี้แล้ว!''หลังจากที่ฉันออกไป นังแก่ที่ไร้ประโยชน์นี้ก็จะถูกปล่อยตามออกมาในอีกสองสามวัน จนกว่าจะถึงตอนนั้น เธอจะไม่มีที่อยู่ ไม่มีอาหารกิน และเธออาจจะตายบนถนน! ถึงตอนนั้นฉันจะได้แก้แค้น!'นังแก่นี่คิดจริง ๆ เหรอว่าฉันจะถูกกักขังไว้สิบห้าปี? หล่อนยังกล้าที่จะใฝ่ฝันที่จะไปอาศัยอยู่ที่วิลล่า ที่ธอมป์สัน เฟิร์สด้วยจดหมายโง่ ๆ นั่นเนี่ยนะ! ตลกสิ้นดี!นังแก่นี่คงไม่เคยคิดมาก่อนสินะว่าเธอไม่เพียงแต่ไม่ได้ถูกขังนานถึงสิบห้าปี แต่เธอจะได้รับการปล่อยตัวในไม่ช้า!เธอไม่สามารถรอวันที่ผู้คุมดูแลปล่อยเธอไป หญิงชราคนนั้นคงจะตกตะลึงและหดหู่ เธอจะหงุดหงิดมากเช่นกัน!เ
เอเลนอารมณ์เสียมาก แต่เธอรู้ว่าผู้คุมมีอำนาจ ดังนั้นเธอจึงได้แต่เดินตามทุกคนออกจากห้องขังอย่างช่วยไม่ได้เมื่อพวกเขามาถึงสนาม ผู้คุมก็สั่งว่า “ก่อนอื่น วิ่งรอบสนามสามรอบ จากนั้นคุณสามารถพักผ่อนได้อย่างอิสระเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้น เข้าแถวที่ทางเข้าลานแล้วกลับไปที่ห้องขังของคุณ!”ทุกคนตั้งแถวกันอย่างรวดเร็ว เจนนิเฟอร์เป็นหัวหน้าห้องขัง เธอจึงจัดคิว เธอจ้องไปที่เอเลนด้วยความตกใจและดุว่า “นี่ แกมายืนข้างหน้า ทุกคนจะจับตาดูแก ถ้าแกวิ่งไม่ถูกต้อง ฉันจะทุบหัวแกให้เละเลย!”จากนั้นเธอก็หันไปหาผู้ต้องขังคนอื่นและพูดว่า “เธอ แล้วก็เธอ ช่วยป้าวิ่งช้า ๆ นะ ช่วยกันดูแลป้าด้วย”คุณท่านวิลสันหัวเราะอย่างอบอุ่น “โอ้ เจนนิเฟอร์ เธอใจดีเกินไป ฉันแก่แล้ว แต่ฉันยังค่อนข้างฟิตและแข็งแรง ฉันไม่ต้องการให้ใครช่วยหรอก ฉันจะเดินช้า ๆ ข้างหลังเธอก็แล้วกัน”เจนนิเฟอร์พยักหน้าและตะโกนขึ้นว่า “เตรียมตัวให้พร้อม วิ่ง!”เอเลนเจ็บปวดจากการถูกเฆี่ยนตีและอ่อนแอมากเนื่องจากเธอไม่ได้กินอะไรมาเลยในช่วงสองวันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอยืนอยู่หน้าแถว เธอกัดฟันเมื่อได้ยินคำสั่ง และเริ่มวิ่งโดยมีทุกคนวิ่งตาม
ทุกคนเริ่มถอยหนีเมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่มีแผลเป็นช่างน่ากลัวเพียงใด แต่รอยยิ้มอันน่ารื่นรมย์บนใบหน้าของคุณท่านวิลสันกลับตรงกันข้ามกับการแสดงออกของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เธอมีความสุขมากเมื่อเห็นเอเลนถูกทำร้ายเวนดี้ก็มีความสุขเหมือนกัน การทำร้ายที่เอเลนได้รับในช่วงสองวันที่ผ่านมาไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับการตบที่เธอได้รับในวันนี้ ผู้หญิงที่มีแผลเป็นต้องแข็งแรงมากจึงจะสามารถตบเอเลนลงไปกับพื้นได้ด้วยการตบเพียงครั้งเดียวในทางกลับกัน เอเลนสั่นสะท้านด้วยความกลัวสุดขีด!การถูกทุบตีไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธออีกต่อไป เพราะเธอได้สัมผัสมันโดยตรงในช่วงสองวันที่ผ่านมา แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงที่มีแผลเป็นถึงต้องทุบตีเธอเธอเป็นสมาชิกของกลุ่มหลอกลวงข้ามชาติที่มาที่นี่เพื่อแก้แค้นหรือไม่?ขณะที่เอเลนตัวสั่นด้วยความตกใจ เจนนิเฟอร์ยิ้มให้กับผู้หญิงที่มีแผลเป็นและพูดว่า “พี่สาว เราไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ถ้าคุณต้องการที่จะจัดการเธอก็ทำได้เลยนะ คุณยังสามารถจัดการเธอให้ตายได้ตามใจชอบ แต่เราต้องวิ่งต่อก่อน งั้นพวกเราขอวิ่งต่อไปได้ไหม?”หญิงที่มีแผลเป็นคำราม "นี่ไม่ใช่เรื่องของแก อย่ามาให้ฉันเห็นหน้า! ไ