อังคณาร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ ที่คงทรัพย์ลุกขึ้น แต่เขากลับตรงไปเปิดประตูและออกไปจากห้อง โดยไม่พูดอะไร ทำให้อังคณาปล่อยลมหายใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะล้มตัวลงนอนเพราะเริ่มรู้สึกปวดที่แขนและหน้าอก ทั้งที่หมอนยังหล่นอยู่บนพื้น เมื่อนึกถึงดวงตาของคงทรัพย์ที่จ้องมองเธอ ก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา เธอไม่เคยกลัวใคร แต่สำหรับคงทรัพย์เธอพยายามที่จะไม่กลัวเขา แต่ทุกครั้งที่เห็นสายตาเย็นชาที่จ้องมองมา มันกลับทำให้ใจสั่น และหนาวยะเยือกขึ้นมาทันที
“จ้องยังกับอาฆาตกันมาแต่ชาติปางก่อน”
อังคณาบ่นพึมพร่ำกับตัวเอง พยายามข่มตาให้หลับ แต่ก็ไม่อาจลืมหน้าของเขาได้ คงทรัพย์เป็นใครกัน เธอรู้แค่ว่าเขาเป็นเพื่อนของธนญ พี่ชายของธนัญญา แต่ดูจากบุคลิกของเขา คงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาอย่างแน่นอน และดูออกจะไปทางน่ากลัวเกินไปเสียด้วยซ้ำ
มินตรากับตรีวิทย์หลังจากหลบอังคณามาได้ มินตรารีบพาตรีวิทย์ไปทำแผล เนื่องจากการยื้อยุดฉุกกระชาก ทำให้แผลที
ชนแดนมองหน้าอัญชิสาในความมืด เขาเริ่มรู้สึกแปลกใจ ที่เธอเริ่มกลัวคนแปลกหน้า แต่เมื่อรู้ว่าเป็นเขา เธอกลับผ่อนคลายลงง่ายๆ เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกัน ทั้งที่เขามากับผู้หญิงคนอื่น เธอยังกล้าที่จะแย่งเขาไปจากผู้หญิงคนนั้นอย่างหน้าตาเฉย แสดงความต้องการเขา โดยไม่ได้รู้สึกกลัวหรือต่อต้านเลยสักนิด“ปกติไม่กลัวคนแปลกหน้าไม่ใช่หรือ ทำไมวันนี้ถึงตื่นเต้นนักล่ะ”อัญชิสาได้แต่เงียบ คำพูดของเขากำลังค่อนแคะเธออยู่ แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจน แต่ประกายสะท้อนในแววตา มันวาววับอยู่ตรงหน้า เสียงลมหายใจแผ่วเบา และเสียงหัวใจตึกตัก อาการวิงเวียนเหมือนจะเป็นลม“ปล่อย ฉันหายใจไม่ออก”“จะให้ผ่ายปอดให้หรือ”ชนแดนเหยียดยิ้มในความมืด แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกได้ อัญชิสาถูกเขาล้อเลียนครั้งแล้วครั้งเล่า เธอรู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่ภายใน และพยายามจะพลิกกาย แต่ชนแดนไม่ยอม เพราะร่างกายที่แข็งแกร่ง ทำให้แรงหญิงสาวไม่อาจสู้
ธนัญญาที่ทราบข่าวจากตรีวิทย์ว่าอังคณาเพื่อนของเธอ อาละวาดและผลักมินตราจนเกือบล้มที่โรงพยาบาล จึงเดินทางมาเยี่ยมและขอโทษเธอที่ไม่สามารถช่วยเธอเรื่องตรีวิทย์ได้ และที่หลบเลี่ยงไม่ได้โทรหาเธอ เพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมด ทำให้เธอเสียใจดื่มจนเมา และเกิดอุบัติเหตุขึ้น“เธอมาทำไม”“ฉันมาเยี่ยมเธอ เป็นยังไงบ้าง”“ฉันนอนโรงพยาบาลตั้งหลายวันแล้ว เพิ่งจะมาเหรอ ไหนว่าเป็นเพื่อนรักกัน”ธนัญญาเมื่อได้ยินดังนั้น ถึงกับหน้าเจื่อน เธอไม่รู้ว่าจะวางสีหน้าเช่นไรดี เธอผิดที่ไม่ได้มาเยี่ยมเธอตั้งแต่วันแรก แต่เมื่อทราบข่าวก็รีบมาทันที การที่ตรีวิทย์ไม่รับรักเธอ มันไม่เกี่ยวกับความเป็นเพื่อนของพวกเธอสักหน่อย ทำไมอังคณาต้องนำมันมาเป็นข้อเรียกร้องจากเรื่องนี้ด้วย“ฉันขอโทษ ฉันเพิ่งเห็นจากข่าว และนายวิทย์เพิ่งบอก”“นั่นเพราะเธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ฉันน่ะสิ”“ฉันรู้ว่าเธอโกรธ เลยคิดจะรอให้ใจเย็นลงก่อน แต่ไม่คิดว่าเ
ร่างที่โก้งโค้งบนโต๊ะอาหารของพรีมอ่อนแรง สะโพกกลมกลึงเปล่าเปลือยแดงเป็นรูปนิ้วห้าแฉก พรีมหายใจติดขัด ก่อนจะดันตัวขึ้นท้าวแขนลงบนโต๊ะ ก่อนจะค่อยๆหันกลับไปหาสามีอย่างเชื่องช้า“ถึงกับตกใจเลยเหรอ”“มันคืออะไรวี”“ไม่มีอะไร ก็แค่ของสะสม วีดีโอสะสมของวีเอง”“วีทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนเลยเหรอ”ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองพัศวีอย่างรังเกียจและสับสน พรีมเองก็แทบจะไม่รู้จักพัศวีเลย เธอเริ่มสับสนว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือผิดกันแน่ที่จดทะเบียนสมรสกับเขา เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาตั้งแต่สมัยเรียน แต่เธอไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของเขาแบบนี้ภายนอกที่เป็นหนุ่มหล่อ พูดจาอ่อนหวาน สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นกันเองกับผู้คน แต่เบื้องหลังรสนิยมหลังบ้านกลับไม่ต่างกลุ่มคนบ้าตัณหา มักมาก และป่าเถื่อน“ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอก”พัศวีนึกถึงเนื้อน้อง เธอเป็นคนที่เคยร้องขออยากเห็นเขาร่วมรักกับคนอ
พัศวีประคองพรีมให้ดูดน้ำในแก้ว พรีมต้องนอนโรงพยาบาลอีกหนึ่งคืน เพราะไข้ยังสูง พัศวีดูแลอยู่ไม่ห่าง ดวงตาของพรีมที่เฝ้ามองความห่วงใยของเขา เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ถึงแม้จะยังสับสนต่อความรู้สึกของตัวเอง และสับสนในการกระทำบางอย่างของเขา“นอนพักเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนไม่ไปไหนหรอก”พรีมหลับตา นอนหลับไปเพราะพิษไข้ พัศวีเลื่อนสายตาจากโทรศัพท์ มองภรรยาตัวเองที่กำลังหลับไหล ใบหน้าที่ผ่านการศัลยกรรมจมูกเพียงเล็กน้อย แต่ดูเป็นสันคมโด่งขึ้น เปลือกตาที่เคยมีชั้นเดียว กลับเป็นสองชั้น ทำให้ดวงตากลมโตขึ้น เพียงแค่สองอย่างที่ถูกแก้ไข แต่กลับทำให้หญิงสาวสวยงามและเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้เลย ทั้งที่เดิมทีพรีมเองก็สวยอยู่แล้ว พัศวีกำลังสงสัยสิ่งที่ทำให้เขาเลือกจดทะเบียนสมรสกับพรีมง่ายๆ ทั้งที่แทบจะไม่รู้จักกันเลยสักนิดตอนที่เขาคบหากับเนื้อน้อง เขารู้จักเธอทุกมุม และเธอก็รู้จักเขาดี สำหรับเกศิตา เธอมีรสนิยมในเรื่องบนเตียงท
คงทรัพย์สะบักสะบอมหนักเป็นครั้งแรก แม้ผล ที่ซีแสกน ของเขาไม่มีผลร้ายแรงต่อสมอง แต่ร่างกายก็บอบช้ำ กระดูกแขนร้าว ไม่ถึงกับหัก เพราะเขามีพื้นฐานการต่อสู้และป้องกันตัวเองได้ถูกวิธี ร่างกายแข็งแรงผ่านการฝึกฝนร่างกายมาเป็นอย่างดี ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อช่วยป้องกันอวัยวสำคัญของร่างกายไว้ได้หางคิ้วที่แตกยาวถึงข้างขมับ ถูกเย็บกว่าสี่สิบเข็ม เปลือกตาบวมช้ำจนปิดสนิท ศีรษะถูกพันโดยรอบ ห้องพักฟื้นของคงทรัพย์มีบอร์ดีการ์ดเฝ้าอารักษ์ขาหน้าห้องถึงสองคน“พรุ่งนี้ฉันออกจากโรงฑยาบาล แต่วันนี้ไอ้คงเข้าแทน ตกลงพวกเราต้องวนเวียนอยู่ในโรงพยาบาลนี่ต่อไปใช่ไหม”สืบสาย เต็มไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่อ่อนล้า เคร่งเครียด เพื่อนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดอย่างคงทรัพย์ที่ไม่เคยแพ้ใคร ในเรื่องบู้ คนที่ไม่เคยทิ้งเพื่อนและตายแทนเขาได้เสมอ ในตอนที่เขาถูกทำร้ายกลับไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่เคียงข้างเขาสักคน มันทำให้สืบสายรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเป็นอย่างมากคงทรัพย์เพื่อนที่ถูกคนอื่นมองเป็นคนชั่ว ธุรกิจ
ชนแดนตบข้างแก้มอัญชิสาเบาๆ เพื่อให้เธอรู้สึกตัว หากแต่ยังคงนิ่งสงบไม่ไหวติง เขาจับมือที่ตกลงข้างเบาะขึ้นมา มือเรียวเล็กนั้นเย็นเฉียบ เขาบีบนวดเคล้าคลึงเบาๆ ให้เลือดลมไหลเวียน พร้อมกับเรียกชื่อเธอไปพร้อมกันเสื้อผ้าถูกคลายออก เพื่อช่วยการหายใจ กระโปรงสอบรัดรูปถูกรูดซิปด้านหลังลงจนสุด ชายเสื้อที่สอดไว้ถูกดึงออก กระดุมทุกเม็ดถูกปลด เผยให้เห็นเนินอกที่ห่อหุ้มด้วยบาร์เนื้อบาง ไล่ไปจนถึงหน้าท้องราบชนแดนใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดหน้าเช็ดตาและตามเนื้อตัว เนินอก หน้าท้อง แขนและข้อพับต่างๆ นวดตามฝ่ามือและเท้าให้เธอได้ผ่อนคลาย จนอัญชิสาได้สติกลับมาอีกครั้ง ดวงตาที่ค่อยๆ ลืมขึ้น พยายามปรับแสงและมองภาพตรงหน้า ใบหน้าของชนแดนที่เรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และมือใหญ่ที่กำลังนวดเท้าให้เธอ โดยเขานั่งอยู่ที่ปลายเท้า วางขาทั้งสองของเธอไว้บนตัก ปลายนิ้วไล่ไปตามฝ่าเท้าไล่ไปตามปลายนิ้วเล็กๆ ทำให้อัญชิสารู้สึกสบายและผ่อนคลายเมื่อสายตาปรับชัดขึ้น
อังคณาพยายามสะบัดมือจากชนแดน แต่เขากำไว้แน่น เขาเองเพิ่งได้รับข้อความจากเขตรัฐให้ช่วยขึ้นไปดูคงทรัพย์ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนที่อังคณาจะบุกมาหาเรื่องอัญชิสา และยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นาน เขาไม่รู้จักอังคณาเป็นการส่วนตัว รู้เพียงแต่ว่าเธอคือคนที่เมาแล้วขับ ทำให้องศาน้องชายของอัญชิสาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบเสียชีวิต“คุณส่งคนไปทำร้ายพี่คงทรัพย์หรือ”อังคณาไม่ตอบ ดวงตาหวาดหวั่น มองไปรอบๆ เหมือนตัวเองกำลังถูกรุม ทั้งที่เธอเองต่างหากที่เข้ามาหาเรื่องคนอื่นก่อน สถานการณ์กำลังบีบคั้นอยู่นั้น บอร์ดี้การ์ดของอังคณาก็เข้ามาทันที เขาผลักชนแดนออกพร้อมชกเข้าไปที่ใบหน้าอย่างแรง เข้ามากันอังคณาไว้ ในขณะที่ชนแดนเซถอยหลังกระแทกร่างของอัญชิสาที่อยู่ด้านหลังเต็มแรง แต่อัญชิสาก็ใช้แรงทั้งหมดของตัวเองดันเขาไว้ทัน จึงไม่เสียหลักล้มในสถานการณ์ที่ชุลมุนอยู่นั้น นักข่าวคนหนึ่งที่มาปักหลังรอทำข่าวของอังคณาอยู่นั้น ได้ทันที่จะถ่ายรูปตอนที่อังคณาเข้
กลางดึก หลังจากที่รู้ข่าวคลิปที่หลุดออกไประหว่างการทะเลาะเบาะแว้งของหมอชนแดนและอังคณาถูกเผยแพร่ออกไป นายอักษะถึงกับหัวเสีย เขารีบเดินทางมาพบลูกสาวที่โรงพยาบาลทันที คนของสินธพที่เฝ้าอยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นรถยนต์สองคันเข้ามาจอดด้านห้าโรงพยาบาล โดยมีนายอักษะก้าวลงมาเมื่อบอร์ดี้การ์ดสองคนเข้ามายืนประกบตรงประตู และเปิดให้เขาอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยนายวิกรม ในขณะที่รถคันด้านหลังมีกลุ่มชายฉกรรจ์อีกสี่คนลงมา และเดินตามอย่างระแวดระวังให้เขา ตามมาติดๆ เมื่อเดินเข้ามาในโถงโรงพยาบาลคนของสินธพแจ้งกับนายของเขาทันที ทำให้สินธพที่เฝ้าคงทรัพย์ในห้อง รีบสั่งให้คนของเขาประจำการในตำแหน่งพร้อม ช่วยเหลือทันทีหากพวกเขาอุกอาจบุกเข้ามา“คุมเชิงไว้ก่อน ประจำที่ บางทีนายอักษะอาจแค่มาเยี่ยมลูกสาว”สิ้นคำสั่งสีหน้าของสินธพนั้นยังคงนิ่งและสงบ แต่เขาไม่ลืมที่จะข้อความถึงธนญและสืบสายทันที สืบสายเองเมื่อเห็นข้อความ ก็คิดจะออกจากห้องพักตรงไปโรงพยาบาลทันที หากแต่พระแพงห้ามเอ
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง