ชนแดนตบข้างแก้มอัญชิสาเบาๆ เพื่อให้เธอรู้สึกตัว หากแต่ยังคงนิ่งสงบไม่ไหวติง เขาจับมือที่ตกลงข้างเบาะขึ้นมา มือเรียวเล็กนั้นเย็นเฉียบ เขาบีบนวดเคล้าคลึงเบาๆ ให้เลือดลมไหลเวียน พร้อมกับเรียกชื่อเธอไปพร้อมกัน
เสื้อผ้าถูกคลายออก เพื่อช่วยการหายใจ กระโปรงสอบรัดรูปถูกรูดซิปด้านหลังลงจนสุด ชายเสื้อที่สอดไว้ถูกดึงออก กระดุมทุกเม็ดถูกปลด เผยให้เห็นเนินอกที่ห่อหุ้มด้วยบาร์เนื้อบาง ไล่ไปจนถึงหน้าท้องราบ
ชนแดนใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดหน้าเช็ดตาและตามเนื้อตัว เนินอก หน้าท้อง แขนและข้อพับต่างๆ นวดตามฝ่ามือและเท้าให้เธอได้ผ่อนคลาย จนอัญชิสาได้สติกลับมาอีกครั้ง ดวงตาที่ค่อยๆ ลืมขึ้น พยายามปรับแสงและมองภาพตรงหน้า ใบหน้าของชนแดนที่เรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และมือใหญ่ที่กำลังนวดเท้าให้เธอ โดยเขานั่งอยู่ที่ปลายเท้า วางขาทั้งสองของเธอไว้บนตัก ปลายนิ้วไล่ไปตามฝ่าเท้าไล่ไปตามปลายนิ้วเล็กๆ ทำให้อัญชิสารู้สึกสบายและผ่อนคลาย
เมื่อสายตาปรับชัดขึ้น
อังคณาพยายามสะบัดมือจากชนแดน แต่เขากำไว้แน่น เขาเองเพิ่งได้รับข้อความจากเขตรัฐให้ช่วยขึ้นไปดูคงทรัพย์ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนที่อังคณาจะบุกมาหาเรื่องอัญชิสา และยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นาน เขาไม่รู้จักอังคณาเป็นการส่วนตัว รู้เพียงแต่ว่าเธอคือคนที่เมาแล้วขับ ทำให้องศาน้องชายของอัญชิสาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบเสียชีวิต“คุณส่งคนไปทำร้ายพี่คงทรัพย์หรือ”อังคณาไม่ตอบ ดวงตาหวาดหวั่น มองไปรอบๆ เหมือนตัวเองกำลังถูกรุม ทั้งที่เธอเองต่างหากที่เข้ามาหาเรื่องคนอื่นก่อน สถานการณ์กำลังบีบคั้นอยู่นั้น บอร์ดี้การ์ดของอังคณาก็เข้ามาทันที เขาผลักชนแดนออกพร้อมชกเข้าไปที่ใบหน้าอย่างแรง เข้ามากันอังคณาไว้ ในขณะที่ชนแดนเซถอยหลังกระแทกร่างของอัญชิสาที่อยู่ด้านหลังเต็มแรง แต่อัญชิสาก็ใช้แรงทั้งหมดของตัวเองดันเขาไว้ทัน จึงไม่เสียหลักล้มในสถานการณ์ที่ชุลมุนอยู่นั้น นักข่าวคนหนึ่งที่มาปักหลังรอทำข่าวของอังคณาอยู่นั้น ได้ทันที่จะถ่ายรูปตอนที่อังคณาเข้
กลางดึก หลังจากที่รู้ข่าวคลิปที่หลุดออกไประหว่างการทะเลาะเบาะแว้งของหมอชนแดนและอังคณาถูกเผยแพร่ออกไป นายอักษะถึงกับหัวเสีย เขารีบเดินทางมาพบลูกสาวที่โรงพยาบาลทันที คนของสินธพที่เฝ้าอยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นรถยนต์สองคันเข้ามาจอดด้านห้าโรงพยาบาล โดยมีนายอักษะก้าวลงมาเมื่อบอร์ดี้การ์ดสองคนเข้ามายืนประกบตรงประตู และเปิดให้เขาอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยนายวิกรม ในขณะที่รถคันด้านหลังมีกลุ่มชายฉกรรจ์อีกสี่คนลงมา และเดินตามอย่างระแวดระวังให้เขา ตามมาติดๆ เมื่อเดินเข้ามาในโถงโรงพยาบาลคนของสินธพแจ้งกับนายของเขาทันที ทำให้สินธพที่เฝ้าคงทรัพย์ในห้อง รีบสั่งให้คนของเขาประจำการในตำแหน่งพร้อม ช่วยเหลือทันทีหากพวกเขาอุกอาจบุกเข้ามา“คุมเชิงไว้ก่อน ประจำที่ บางทีนายอักษะอาจแค่มาเยี่ยมลูกสาว”สิ้นคำสั่งสีหน้าของสินธพนั้นยังคงนิ่งและสงบ แต่เขาไม่ลืมที่จะข้อความถึงธนญและสืบสายทันที สืบสายเองเมื่อเห็นข้อความ ก็คิดจะออกจากห้องพักตรงไปโรงพยาบาลทันที หากแต่พระแพงห้ามเอ
อังคณาที่ถูกกักไว้ในห้องพักฟื้นผู้ป่วย ดินงุ่นง่านไปมา ทั้งอึดอัดและหงุดหงิด เปิดประตูออกไป บอร์ดี้การ์ดก็ยังยืนเฝ้าคุมอยู่ถึงสองคน“ฉันอยากออกไปข้างนอก จะให้ฉันอุดอู้อยู่แต่ในห้องได้ยังไง”“เจ้านายสั่งห้ามคุณหนูออกไปไหนทั้งนั้นครับ กลับเข้าไปในห้องด้วยครับ”อังคณาพยายามดื้อรั้นจะออกจากห้องให้ได้ แต่บอร์ดี้การ์ดสองคนก็ทำตามคำสั่งนายใหญ่อย่างเคร่งครัดเช่นกัน เธอกลับเข้าห้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด และพยายามคิดหาวิธีที่จะออกไปให้ได้ อังคณาเอาแต่นั่งชันเข่าอยู่บนเตียง เมื่อคิดบางอย่างออก ก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที“มาหาฉันที่โรงพยาบาลหน่อย”“มีอะไรหรือเปล่า”“มาเถอะน่าไม่ต้องถาม”ธนัญญาได้แต่ยืนงง เมื่ออังคณาโทรมาสั่งให้เธอเข้าไปหาที่โรงพยาบาลราวกับเป็นเจ้านาย แต่พอถามหาเหตุผล กลับตัดสายไปเสียดื้อๆ เธอจะทนกับเธอได้อีกนานแค่ไหน ทั้งที่รู้ความจริงที่เธอเป็นคนวางแผนทุกอย่าง&
อาหารที่ถูกทิ้งไว้ก่อนหน้า กลายเป็นเสบียงเพิ่มขุมกำลังให้กับพวกเขา หลังจากพักยกและอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย ทั้งหิวและเหนื่อย อาหารธรรมดากลายเป็นอาหารชั้นยอดทันที ช่วงเวลาแห่งความสุขทำให้ลืมเรื่องกังวลใจไปหมดสิ้น“หมอชนแดนคบกับคุณอัญชิสาจริงจังหรือคะ”“ทำไมคุณคิดว่าไม่จริงจังล่ะ”“คุณอัญชิสาอายุมากกว่าพี่นญอีกนะคะ อายุที่ห่างกันมาจะไม่เป็นอุปสรรคหรือ”“ก็อาจ แต่บางครั้งคนเรามักชอบอะไรที่แตกต่าง ความชอบมันห้ามกันไม่ได้หรอก”“เหมือนหมอชนดูลำบากใจยังไงไม่รู้”“คุณเอาใจใส่น้องชายผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเองไม่ใช่เหรอ”เขตรัฐแกล้งแหย่ธนัญญาที่ดูเหมือนจะสนใจน้องชายเขาเป็นพิเศษ หรือกำลังซ้อมทำตัวเป็นพี่สะใภ้ ระหว่างที่ช่วยกันเก็บจานชามล้างทำความสะอาด“ก็สังเกตจากวันนี้เรื่องที่จะพาคุณอัญไปพบคุณแม่ เหมือนคุณหมอชนอึดอัด มันทำให้ฉันนึกถึงตัวเองตอนนั้น”ธน
ธนญแจ้งกำหนดการของเขากับนับหนึ่งแก่สพล ที่จะเดินทางไปดูงานวิจัยที่ขุนวางทั้งสัปดาห์ โดยจะเดินทางเย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ให้เลขาสพลช่วยจองเที่ยวบินไปกลับให้เขากับนับหนึ่งด้วย รวมถึงจองรถยนต์สำหรับใช้เดินทางไปตามที่ต่างๆ ระหว่างอยู่ที่นั่นเมื่อถึงสนามบิน หากมีงานด่วนหรือเอกสารที่ต้องรีบเซ็นให้รีบนำเข้ามา และระหว่างที่เขาไม่อยู่ให้ทำเมล์แจ้งมอบหมายให้รองธนาเป็นผู้อนุมัติเซ็นเอกสารแทนในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ตรีวิทย์ก็ขออนุญาตลาพักร้อนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ธนญเองก็เข้าใจ หากแต่ไม่ได้แสดงออกต่อหน้าพนักงานคนอื่น รวมถึงสพล ที่แม้จะรู้ว่าตรีวิทย์คือน้องชายของธนญ หากแต่ธนญเองก็ไม่เคยแสดงออกถึงความลำเอียงหรือไม่เป็นธรรมต่อลูกน้องให้เขาเห็น ธนญเพียงแค่กำชับตรีวิทย์ให้ช่วยสพลเคลียร์งานก่อนลาพักให้เรียบร้อยก่อนแต่เมื่อมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาจึงได้มีโอกาสถามไถ่ตรีวิทย์ ว่าเตรียมตัวอย่างไรในการไปพบพ่อแม่ของมินตรา และซักซ้อมเรื่องที่ควรพูดหรือไม่ควรพูดกันให้ดีด
ตรีวิทย์ฉายเดี่ยวมาที่อินดีสผับ ในฐานะน้องชายของธนญ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพนักงานต้อนรับที่อยู่ด้านหน้าจึงต้องจำเขาได้ และรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาถูกพาไปยังโต๊ะประจำของธนญและผองเพื่อน บรรยากาศต่างๆ ทำให้เขาเริ่มสนใจ มองไปรอบๆ ผู้คนที่อยู่ในนี้ล้วนแต่คุ้นหน้าคุ้นตาในข่าวสังคมและธุรกิจ แม้เขาจะไม่ค่อยได้สนใจมากนัก หากแต่ต้องรอบรู้ เพื่อช่วยในเรื่องธุรกิจตามที่ธนญเคยแนะนำหญิงสาวส่วนใหญ่ไม่ใช่สาวหน้าตาดี แต่ส่วนใหญ่มีบุคลิก การศึกษา เสื้อผ้าหน้าผม ที่ดูมีรสนิยม จึงทำให้ดูสวยงามกันไปหมด จนกระทั่งเขาได้สะดุดตาไปที่สาวนางหนึ่งที่สวยจริงๆ สำหรับเขา เธอดูเร่าร้อนและเจิดจรัส โดดเด่นท่ามกลางกลุ่มคนชายหญิงที่ดูเรียบง่ายเกศิตาและสหัสวรรษ รวมถึงพนักงงานสาวนิอร เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน และชายหญิงอีกสองถึงสามคน สหัสวรรษได้พาลูกค้ากลุ่มนักลงทุนมือใหม่ ที่อยู่ในความดูแลของนิอร ที่ได้รับผลกำไรในไตรมาศที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงเกศิตาที่เธอได้ลงทุนเป็น
อัญชิสาขับรถให้กับชนแดน เนื่องจากเขาเหนื่อยเกินไปที่จะขับรถเองเพื่อไปเข้าเวรที่อีกโรงพยาบาล หลังจากออกจากห้องผ่าตัด เธอปล่อยให้เขาได้นอนพัก เพราะตลอดทั้งคืนเขายังไม่ได้นอนเลยเมื่อถึงโรงพยาบาล อัญชิสาแตะเขาเบาๆ ก่อนจะเขย่าเพิ่มแรงขึ้นอีกหน่อย เพราะดูเหมือนเขาจะหลับลึกมาก ทันทีที่อัญชิสาเริ่มเขย่า ชนแดนก็ลืมตาตื่นขึ้นด้วยอาการงัวเงีย เขาเอามือทั้งสองกุมหน้าไว้ เพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น“เหนื่อยมากเหรอคะ”“นิดหน่อยครับ ไม่นอนมาสองคืนติดแล้ว พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปบ้านแม่นะ คุณอย่าลืมกลับบ้านไปหาคุณพ่อด้วย ท่านสั่งไว้จำได้ไหม ว่าท่านจะฝากของไปให้แม่ผม ฝากเรียนท่านด้วยว่าผมไปด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะเข้าเวรยาว พรุ่งนี้ต้องขับรถ ต้องขอพักเอาแรงเสียหน่อย”“ค่ะ งั้นคุณไปพักในห้องทำงานก่อนแล้วกัน ฉันไปซื้อเครื่องดื่มกับอาหารเช้าให้”เมื่อลงจากรถแล้ว ชนแดนไม่ลืมเตือนอัญชิสาเรื่องสำคัญ&nbs
ธนญและนับหนึ่งหลังจากเดินทาง ออกจากสนามบิน พวกเขาตรงไปยังโรงแรมที่พักใกล้ๆ ทัน โดยรถยนต์และโรงแรมที่พัก สพลได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเขาล่วงหน้าเรียบร้อย จึงไม่ต้องเสียเวลาอยู่ที่สนามบินนานนัก พวกเขามีเวลาพักผ่อนได้เต็มที่ เพราะต้องออกเดินทางแต่เช้าตอนรุ่งสางเพื่อขึ้นดอยธนญและนับหนึ่งนั้นเดินทางมาล่วงหน้า เพื่อใช้เวลาอยู่ด้วยในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ด้วยกันเต็มที่เหมือนเช่นในอดีต ในบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามของป่าเขา ก่อนจะลุยงานต่อในเช้าวันจันทร์ที่ศูนย์วิจัยพันธุ์พืชแม้จะนอนพักแค่หนึ่งคืนในช่วงสั้นๆ แต่สหพลก็จองห้องพักหรู และสะดวกสบายเป็นส่วนตัวให้กับพวกเขา ทั้งบรรยากาศและความสวยงามแบบพื้นเมืองระหว่างที่ทำการเช็คอินห้องพักอยู่นั้นใครคนหนึ่งก็เข้ามาทักทายนับหนึ่งด้วยความดีใจ ที่พบเธอ ตอนแรกนั้นนับหนึ่งจำเขาไม่ได้ ทำให้ชายหนุ่มต้องไล่เรียงเหตุการณ์ จนทำให้นับหนึ่งยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า“ผมเมืองเหนือไงครับ เราเคย
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง