ธนญ ที่ยังลืมตาอยู่ แม้นับหนึ่งหลับไปนานแล้ว เขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเด็กในท้องของมินตรา ซึ่งเป็นหลานของเขา เขาเองก็ยังทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ตอนที่ความสัมพันธ์ของธนัญญากับเขตรัฐถูกเปิดเผย อาของเขาก็ตีโพยตีพายยกใหญ่ ทำราวกับโลกทั้งใบของสินธรธนารักษ์กำลังจะแตก เรียกทุกคนเข้าไปต่อว่ากันยกใหญ่ แถมยังประกาศกร้าว ว่าจะไม่มีวันยอมรับสะใภ้ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีกด้วย
ส่วนตรีวิทย์น้องชายของเขา เติบโตมาด้วยความขัดแย้งของพ่อแม่ สุดท้ายต้องจบที่การหย่าร้างแยกทางกัน เขาเองคงไม่ต้องการให้ลูกของเขาต้องเติบโตมาแบบเดียวกันกับเขาอย่างแน่นอน ธนญเชื่อว่า หากตรีวิทย์รู้ว่าเด็กในท้องของมินตราคือลูกของเขา เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอกับลูกไปอย่างแน่นอน
ธนญถอนหายใจออกมา จนทำให้นับหนึ่งที่นอนแนบอกของเขารู้สึกตัวตื่น นับหนึ่งรับรู้ถึงความวิตกกังวลของธนญ ถึงแม้เขาจะได้ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้นำคนใหม่ของสินธรธนารักษ์ มันก็แค่เรื่องของการบริหารและเรื่องของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องในครอบครัวที่จะสาม
พรีม ลงจากรถอย่างว่าง่าย เธอตกตะลึงกับความโอ่อ่ากว้างขวาง ที่แตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง พรีมมองไปรอบๆ โรงจอดรถขนาดใหญ่หน้ากว้าง ที่สามารถจอดรถได้กว่าสี่ถึงห้าคัน ด้านหลังของรถยนต์สามคันที่จอดอยู่ เป็นประตูไม้บานคู่ขนาดใหญ่พรีมต้องตกตะลึงกับการตกแต่งภายในของเขา เพราะเมื่อประตูบานใหญ่ที่เปิดออก คือห้องรับแขกกึ่งห้องนั่งเล่นสบายๆ ไม่มีแบบแผนนัก เพดานบุฝ้ากันความร้อน และติดตั้งแอร์คอนดิชั่นราวกับอยู่ในบ้านจริงๆ แม้จะไม่มีหน้าต่างให้มองเห็นทิวทัศน์ภายนอก แต่กลับไม่รู้สึกว่าขาดสิ่งใดสักนิด โกดังที่เป็นแนวลึกถูกวางโครงสร้างใช้สอยได้มากมาย มีพื้นที่จัดให้เป็นสวนเล็กๆที่อยู่ถัดไปด้านใน กั้นด้วยผนังกระจกใส ที่มีหลังคาโปร่งแสงให้แดดส่องลงมาถึง ราวกับสตูดิโอที่เซ็ตฉากไว้สำหรับการถ่ายทำภาพยนต์ แต่เขากลับทำมันให้เป็นที่อยู่อาศัยได้จริง“ว้าว! ไม่อยากเชื่อ นายทำได้ยังไง”“โกดังสินค้าเก่า เมื่อก่อนเป็นพื้นที่โรงงานเล็กๆ ตั้งแต่สมัยคุณปู่ พอกิจก
หนุ่มสาวราวเจ็ดถึงแปดคนยืนห้อมล้อมเตียงผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นตัวอย่างสืบสาย ดูจะน่าอึดอัดสักหน่อยสำหรับผู้พบเห็น แต่มันกลับเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นสำหรับเขา พัศวีเปิดประตูเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่เห็นเพื่อนๆ พร้อมหน้าพร้อมตา พรีม เดินตามเขาเข้ามาอย่างเคอะเขินทันทีที่ธนญและนับหนึ่งมองเห็นพรีม พวกเขาต่างอึ้งไป นิ่งงันไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมา ว่าดีใจที่ได้พบกับพรีม หากแต่เป็นอารมณ์มึนงงสงสัย ว่าทำไมพวกเขาถึงมาด้วยกัน ในอดีตพรีมตั้งป้อมเป็นอริกับนับหนึ่งเพราะแอบหลงรักธนญ เธอกันท่าและหาเรื่องนับหนึ่งอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งจบการศึกษา แต่เมื่อเวลาผ่านไปต่างฝ่าย ต่างก็ค่อยๆ ลืมกันไป จนไม่หลงเหลือความบาดหมางใดๆค้างคาอยู่ในใจกันอีก หากแต่ความตะขิดตะขวงใจที่ไม่ได้เจอกันนาน จึงยังไม่รู้ว่าจะวางสีหน้าแบบใดให้กันและกันมัสยาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ณัฐการ สะกิดณัฐการเบาๆ เมื่อเห็นพัศวีควงคู่มากับสาวที่พวกเธอคุ้นหน้าคุ้นตา และดูท่าทางจะสนิทสนมกันเป็นพิเศษ“ดูสิว่าฉันพาใครมาเยี่ยมนาย”
พรีมกอดร่างของพัศวีอย่างหวงแหน เธอหลับไปเพราะความอ่อนล้า แม้จะยังอยากที่จะร่วมรักกับพรีม แต่เขาก็รู้ดีว่าร่างกายของเธอไม่สามารถรองรับความต้องการของเขาได้ตลอดทั้งคืน เขาจึงต้องอดทนและหยุดยั้งความต้องการของตัวเองให้ได้พรีมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ในขณะที่เสียงหายใจของพัศวี ยังคงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ พัศวียังไม่หลับ เขาลืมตาอยู่ในความมืด“ทำไมนายไม่หลับ”พรีมถามเขาอย่างแผ่วเบา ศีรษะอิงแนบกับหัวไหล่ในอ้อมแขนที่โอบกอดเธอ แขนของพรีมโอบกอดรอบลำตัวแน่นของพัศวี เธอหลับไปนาน จนอาจทำให้เขาปวดแขนหรืออาจจะชาได้ พรีมจึงคิดจะขยับออก หากแต่พัศวียังคงกระชับกอดนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย“ฉันไม่เป็นไรหรอก”“นายอาจจะปวดแขนได้”“เป็นห่วงฉันหรือ”พรีมไม่ตอบ หากแต่กระชับวงแขนของตัวเองเช่นกัน พัศวีกดสายตาลงต่ำ มองเห็นหน้าผากโค้งมน สันจมูกที่ได้รูปเป็นสันของพรีม เขามองมันด้วยสายตาอ่อนโยน ยามที่ได้ใกล้ชิดกันเช่นนี้
อัญชิสากลืนอาหารเข้าไปได้ สองถึงสามคำ ก็มีทีท่าว่าจะอาเจียน เธอลุกไปที่ห้องน้ำ ไม่สามารถเดินได้เร็วอย่างที่คิด จึงต้องใช้มือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองไว้ให้สนิท เพื่อไม่ให้สำรอกออกมาเลอะเทอะ แม้จะมีเมือกเหนียวซึมล้นออกมา แต่ก็ทันปล่อยลงโถชักโครกอัญชิสาอาเจียนจนเส้นเลือดและเส้นเอ็นบริเวณลำคอเรียวเล็กขึ้นสันนูน อาการมวนในท้องกระอักกระอวน เพราะอาการท้องว่าง ทำให้เมื่อมีอาหารลงไปในกระเพาะ จึงเกิดปฏิกิริยาท้องไม่รับ ดันสิ่งที่เข้าไปออกมาโดยอัตโนมัติชนแดนเดินตามมาดูช้าๆ ภาพที่เห็นอัญชิสาเกาะขอบโถ และโก่งคออาเจียนอย่างทรมาน จนน้ำหูน้ำตาไหล ส่วนที่มือหนึ่งกุมอยู่ที่ท้องของตัวเอง เพราะมีอาการจุกเสียด“เหมือนคุณจะมีอาการโรคกระเพาะร่วมด้วย”ชนแดนหยุดนั่งลงข้างๆ ก่อนจะช่วยลูบหลัง และประคองเธอมาที่อ่างน้ำ เพื่อล้างปากและล้างคราบเศษอาหารและคราบอาเจียนต่างๆ ที่คาวคุ้ง เหงื่อบนหน้าผากที่เกาะพราว เพราะอาการเครียด และความเหนื่อยล้า และทรมาน
เมื่อออกมาจากห้องทำงานของนับหนึ่ง มินตราเข่าแทบทรุด เพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มินตราค่อยๆพยุงร่างที่อ่อนแรง นั่งลงเก้าอี้ทำงานของตัวเองช้า ใบหน้าซีดเผือด หายใจไม่ออก เพราะมันอั้นและจุกอยู่กลางอก น้ำตาคลอเอ่ออยู่ที่เบ้า มินตราพยายามกระพริบตา เพื่อกั้นให้น้ำตากลับเข้าไปข้างในไม่ให้ไหลออกมามินตรานึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับตรีวิทย์ จนเลยเถิดไปถึงการมีสัมพันธ์ที่ไม่ใครรู้ ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน แม้จะเพราะเรื่องบนเตียง แต่ความผูกพันมันเริ่มก่อตัวทีละนิด จนเปลี่ยนเป็นความชอบ แต่เธอยังไม่ได้มั่นใจว่ามันคือความรักไหม เธอรักตัวเองและครอบครัวมากกว่า พยายามคิดอยู่เสมอว่าตรีวิทย์ก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป ที่ยังไม่พร้อมรับผิดชอบเด็กคนหนึ่ง หรือการมีชีวิตคู่ เพราะวัยที่เพิ่มผ่านพ้นวัยรุ่นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ไม่นานตรีวิทย์ ตื่นจากอาการเมามาย ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ที่ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง &nbs
เขตรัฐพามินตราขึ้นมายังห้องผู้ป่วยของตรีวิทย์ เมื่อเปิดประตูเข้าไป พบว่ามีเพียงธนัญญา นั่งเฝ้าตรีวิทย์อยู่เพียงลำพัง“คนอื่นไปไหนกันหมดครับ ทำไมคุณถึงอยู่คนเดียว”“คนอื่นๆ ไปห้องพี่สืบสายกันหมดแล้ว กลัวว่าพวกคุณขึ้นมาจะไม่เจอใคร ฉันเลยอาสานั่งเฝ้า เพราะกลัวตาวิทย์ฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใคร”สายตาที่ธนัญญามองเขตรัฐ และมินตราเต็มไปด้วยคำถาม เขตรัฐเข็นมินตราเข้าไปนั่งที่ข้างเตียง“มินเฝ้าคุณตรีวิทย์ไปก่อนแล้วกัน พี่กับคุณนัญจะไปเยี่ยมคุณสืบสายก่อน”“ค่ะ”มินตรารับคำสั้นๆ เธอเอาแต่มองหน้าที่หลับใหลของตรีวิทย์ด้วยความเป็นห่วง ผิวขาวซีดเซียวของเขายามนอนสงบนิ่ง ทำให้เธอเป็นห่วงขึ้นมา และสงสารเขาจับใจ อาจเพราะเขาเป็นทายาทของสินธรธนารักษ์ การที่เธอท้องกับเขา คงทำให้เขาเครียดมากจริงๆธนัญญาเดินตามเขตรัฐออกมาเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเข้าในลิฟท์ เพื่อไปชั้นบนที่สืบสายนอนพักฟื้นอย
ธนัญญาที่กำลังสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้ากระจก เธอแต่งหน้าทาปากโทนสีธรรมชาติ จนดูแทบไม่ออกว่ามีการเติมแต่ง แต้มสีสันเข้าไปแล้ว ความสวยงามสดใสของธนัญญา ทำให้เธอดูอ่อนเยาว์ ดูราวกับสาวแรกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ด้วยดวงตากลมโต แก้มป่องขั้นตอนต่อไปคือการเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ในวันที่เธอดูมีความสุขเป็นพิเศษ ตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลาย ดูจะไม่เพียงพอ แม้ทุกชุดจะดูสวยงามไปหมด แต่สำหรับธนัญญามันดูยังสวยไม่พอสำหรับเธอ จนกระทั่งเขตรัฐออกจากห้องน้ำ ธนัญญาก็ยังคงสวมเสื้อคลุมสีชมพูตัวเดิมผมที่เพิ่งการสระด้วยแชมพูหอมละมุนของธนัญญาเอง ทำให้เขตดูมีเสน่ห์และเย้ายวนเพิ่มขึ้น ผมที่เปียกจับช่อติดกัน ถูกสะบัดออกและซับด้วยผ้าขนหนูผื่นเล็กเนื้อนุ่ม“ยังไม่แต่งตัวอีกหรือ”“ผู้หญิงแต่งตัวนานเป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่า”ธนัญญาหันมาค้อน ที่เขาถามราวกับกำลังจะต่อว่าเธอ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มสวยงามเป็นธรรมชาติ ชวนมองและน่า
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ตรีวิทย์จึงขอออกจากโรงพยาบาลทันที เพราะเขาเป็นห่วงมินตรา ตรีวิทย์พยายามจะดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนด้วยตัวเอง แต่นับหนึ่งและธนญห้ามไว้ ก่อนจะเรียกพยาบาลเข้ามาเอาออกให้ ในเมื่อห้ามไม่อยู่ จึงปล่อยเขาไป ตรีวิทย์สวมเสื้อผ้าสำรองที่ธนญเตรียมไว้ให้สำหรับวันออกจากโรงพยาบาล ซึ่งกำหนดการณ์คือวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อน้องชายดึงดัน เขาก็ไม่ห้าม แค่เป็นห่วงแผลที่ศีรษะของเขาเท่านั้น“ผมจะไปดูเขา ปกติมินตราไม่ใช่คนเงียบแบบนั้น การที่เขาเงียบ แสดงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ผมกลัว”“คุยกับมินตราดีๆ ค่อยๆ คุยด้วยเหตุและผล มินตราไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล และใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ สู้กับเธอสิคะคุณตรีวิทย์”“ครับ”มินตรากลับมาถึงห้อง ด้วยอารมณ์โกรธ เธอถูกนางอนงค์นาถดูถูกด้วยสายตาไม่พอ ยังกล่าวคำดูถูกว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า สำหรับคนร่ำรวยในสังคมมันสำคัญมากนักหรือ เธอก็มีพ่อมีแม่ แถมท่านทั้งส