ความตึงเครียดระหว่างเขตรัฐกับธนญ ทำให้คนอื่นพลอยเกร็งไปด้วย แม้จะพยายามหาเรื่องอื่นๆมาชวนคุยแล้วก็ตาม
“ผมกำลังจะขยายกำลังการผลิตและตลาดเครื่องดื่มของเราไปที่เวียดนาม”
“ว้าว! ต่อไปรุ่งเรืองกรุ๊ปคงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคในไม่ช้าแน่”
ปารวัตรยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ คำพูดของธนญ คือเป้าหมายภายใต้การนำของเขา
“ใจจริงผมอยากให้เขตรัฐเป็นคนดูแลการก่อสร้างและควบคุมการผลิตที่โรงงานในเวียดนาม ผมกับคุณทวีปมีแผนผลักดันเขาให้แทนตำแหน่งคุณทวีปที่ใกล้จะเกษียณในอีกสามปีข้างหน้า แต่เขตรัฐกลับปฏิเสธ”
ธนญหันไปมองหน้าเขตรัฐที่เงียบขรึม วางสีหน้าปกติ มองต่ำหลบสายตาของเขา ก่อนจะเอ่ยถาม
“ทำไมนายถึงปฏิเสธล่ะ”
“ผมอยากเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้สมัครร่วมโครงการนี้ด้วย เพราะการบังคับไปไม่ใช่ผลดีกับคนที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่”
“นายไม่เต็มใจไปอย่างนั้นหรือ”
ธนญถาม
“เปล่าครับ”
“ในเมื่อเป็นโอกาส ทำไ
อาการคลื่นเหียน อาเจียน จนรับประทานอาหารไม่ได้ของมินตราเพิ่มมากขึ้น จนเธอวิตกกังวล ไม่เป็นอันทำงาน เพราะสิ่งที่ผิดปกติในร่างกายตอนนี้มันมีสัญญาณมาจากการที่รอบเดือนของเธอขาดหายไปกว่าสัปดาห์ จากวันที่กำหนดคร่าวๆ ที่บันทึกรอบเดือนก่อนของเธอมินตราพยายามปกปิดอาการเหม็นกลิ่นน้ำหอมของนับหนึ่ง แต่ในที่สุดเธอก็ทนมันไม่ได้อีกต่อไป มินตราวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน เธออาเจียนจนหมดไส้หมดพุงหมดเรี่ยวแรง ก่อนจะออกมาล้างปาก ล้างหน้าตาให้ตัวเองสดชื่นขึ้น เสียงซุบซิบและแอบมองมินตรา ทำให้เธอหมดความมั่นใจ ซึ่งนับหนึ่งก็สังเกตุเห็นเช่นกัน“คุณไม่สบายหรือเปล่ามินตรา”“พอดีนอนน้อยไปหน่อยค่ะ ผอ. ก็เลยเวียนศีรษะ”เย็นวันศุกร์ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน มินตราตัดสินใจซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์จากร้านขายยาแห่งหนึ่ง ก่อนจะตรงกลับห้องพัก ผิดจากทุกครั้งที่วันสุดสัปดาห์ของการทำงานเช่นนี้ เธอจะไม่พลาดที่จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆของเธอเหมือนเช่นเคยมือของมินตราสั่น
หลังจากที่ชนแดนออกไปไม่นานนัก พยาบาลสาวคนเดิม ก็กลับเข้าพร้อมเสื้อยืดและกางเกงผ้าฝ้ายของชมรมรักษ์โลกที่มาเปิดบูทที่ด้านหน้าโรงพยาบาล และเครื่องดื่มธัญพืชอุ่นๆ อัญชิสายิ้มรับและกล่างขอบคุณ“ขอบคุณมากค่ะคุณพยาบาล”“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว”พยาบาลสาวปล่อยให้เธอได้อยู่ลำพัง เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะคิดว่าชนแดนคงออกไปตรวจคนไข้แล้วและคงไม่กลับมาอีก หลังจากได้ไออุ่นจากธัญพืชร้อนๆ ทำให้อัญชิสารู้สึกมีแรงและสดชื่นขึ้น เธอจึงถอดกลางเกงกีฬาออกและสวมกางเกงผ้าฝ้ายห้าส่วนแทน แต่ยังไม่ทันได้ดึงมันขึ้นมาที่เอวติดอยู่ที่สะโพก ชนแดนกลับเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะสักนิด ทำให้อัญชิสาตกใจร้องเสียงหลง“ทำไมคุณไม่เคาะประตูก่อน”“ใครจะคิดว่าคุณจะแก้ผ้าตรงนี้”“บ้าที่สุด”ชนแดนหยุดตรงหน้า และดึงผ้าห่มผืนบางที่เธอดึงมาปิดไว้ออก ก่อนจะช่วยดึงกางเกงขึ้นจากสะโพกของเธอ“เห็นมามากกว่านี้ จะต
ชนแดนตกใจตื่น เมื่อแขนของอัญชิสาฟาดลงบนหน้าเขา เขาปรับสายตาอยู่ในความมืด เขานอนไปนานแค่ไหนแล้ว ภายในห้องมืดมิด มีเพียงแสงไฟสลัวจากด้านนอกส่องผ่านเข้ามาจากม่านบางกรองแสงบางเบา ร่างที่นอนอยู่เคียงข้างเขายังหลับอยู่ เธอแค่พลิกตัว ตะแคงเข้าหาเขา มือที่ฟาดลง ยังวางติดข้างแก้มอัญชิสาหายใจแผ่วเบา เสี้ยวหน้าคมคายที่กระทบแสงนวลเนียนละเอียดจนน่าสัมผัส แม้อายุจะเลยเลขสาม แต่เธอกลับดูแลตัวเองได้ดี แม้ในยามปราศจากเครื่องสำอางแต่ยังดูอ่อยเยาว์ราวกับเด็กสาววัยยี่สิบต้นๆ คืนที่เธอซื้อเขามาจากสาวบริการที่เขาซื้อมานั้น เขาไม่มีเวลาที่จะสังเกตพินิจพิเคราะห์เหมือนค่ำคืนนี้ แม้เงามืดจะบดบัง แต่ความงามของเธอยังเจิดจรัสชนแดนค่อยๆ จับมือเธอยกออกจากใบหน้าเช้าๆ ก่อนจะวางลงบนหมอนของเขาแทน และลุกขึ้น เขาเปิดไฟที่หะวเตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู บอกเวลาหนึ่งทุ่มเศษ มีสายเรียกเข้าไม่ได้รับอีกหนึ่งสาย จึงโทรกลับในทันที“ชนแดนครับ ไม่ทราบจากไ
หลังจากที่ธนญและนับหนึ่งจากไปแล้ว ชนแดนนั่งทำงานของตนอยู่เงียบๆ ในขณะที่อัญชิสาเอาแต่นั่งหน้างอ ไม่สบอารมณ์นักตั้งแต่พวกเขาจากไป เธอลุกจากรถเข็นไปนั่งบนเตียง เมื่อชนแดนเหลือบมอง เธอก็ดึงม่านกั้นที่เป็นฉากบังเตียงไม่ให้เห็นหน้าเขา“คุณอารมณ์ไม่ดีเพราะคุณธนญมากับแฟนของเขาอย่างนั้นหรือ”“ไม่ใช่ อย่ามาทำรู้ดี”อัญชิสาปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมกระชากม่านกั้นออกมาจ้องเขาเขม็ง ชนแดนหันไปมองเธอนิ่ง กับปฏิกิริยาโจ่งแจ้งขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธ เธอคงกลัวเสียฟอร์มกับเขา“คุณซ่อนความรู้สึกไม่เก่ง คุณรู้ไหม”“รู้เหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่”“รู้สิ”คำตอบของชนแดนทำอัญชิสานิ่งไปแป๊บหนึ่งก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น เธอล้มตัวลงนอน และหยิบมือถือขึ้นมาดูฆ่าเวลา รอให้เขาทำงานเสร็จจะได้พาเธอไปส่งเสียที“คุณดีขึ้นมาแล้ว คงไม่ต้องนั่งรถเข็ญแล้ว เพราะคุณสามารถเดินและพยุงตัวได้ดีขึ้นแล้ว คืนนี้ผมคงไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณ
ธนญ ที่ยังลืมตาอยู่ แม้นับหนึ่งหลับไปนานแล้ว เขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเด็กในท้องของมินตรา ซึ่งเป็นหลานของเขา เขาเองก็ยังทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ตอนที่ความสัมพันธ์ของธนัญญากับเขตรัฐถูกเปิดเผย อาของเขาก็ตีโพยตีพายยกใหญ่ ทำราวกับโลกทั้งใบของสินธรธนารักษ์กำลังจะแตก เรียกทุกคนเข้าไปต่อว่ากันยกใหญ่ แถมยังประกาศกร้าว ว่าจะไม่มีวันยอมรับสะใภ้ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีกด้วยส่วนตรีวิทย์น้องชายของเขา เติบโตมาด้วยความขัดแย้งของพ่อแม่ สุดท้ายต้องจบที่การหย่าร้างแยกทางกัน เขาเองคงไม่ต้องการให้ลูกของเขาต้องเติบโตมาแบบเดียวกันกับเขาอย่างแน่นอน ธนญเชื่อว่า หากตรีวิทย์รู้ว่าเด็กในท้องของมินตราคือลูกของเขา เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอกับลูกไปอย่างแน่นอนธนญถอนหายใจออกมา จนทำให้นับหนึ่งที่นอนแนบอกของเขารู้สึกตัวตื่น นับหนึ่งรับรู้ถึงความวิตกกังวลของธนญ ถึงแม้เขาจะได้ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้นำคนใหม่ของสินธรธนารักษ์ มันก็แค่เรื่องของการบริหารและเรื่องของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องในครอบครัวที่จะสาม
พรีม ลงจากรถอย่างว่าง่าย เธอตกตะลึงกับความโอ่อ่ากว้างขวาง ที่แตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง พรีมมองไปรอบๆ โรงจอดรถขนาดใหญ่หน้ากว้าง ที่สามารถจอดรถได้กว่าสี่ถึงห้าคัน ด้านหลังของรถยนต์สามคันที่จอดอยู่ เป็นประตูไม้บานคู่ขนาดใหญ่พรีมต้องตกตะลึงกับการตกแต่งภายในของเขา เพราะเมื่อประตูบานใหญ่ที่เปิดออก คือห้องรับแขกกึ่งห้องนั่งเล่นสบายๆ ไม่มีแบบแผนนัก เพดานบุฝ้ากันความร้อน และติดตั้งแอร์คอนดิชั่นราวกับอยู่ในบ้านจริงๆ แม้จะไม่มีหน้าต่างให้มองเห็นทิวทัศน์ภายนอก แต่กลับไม่รู้สึกว่าขาดสิ่งใดสักนิด โกดังที่เป็นแนวลึกถูกวางโครงสร้างใช้สอยได้มากมาย มีพื้นที่จัดให้เป็นสวนเล็กๆที่อยู่ถัดไปด้านใน กั้นด้วยผนังกระจกใส ที่มีหลังคาโปร่งแสงให้แดดส่องลงมาถึง ราวกับสตูดิโอที่เซ็ตฉากไว้สำหรับการถ่ายทำภาพยนต์ แต่เขากลับทำมันให้เป็นที่อยู่อาศัยได้จริง“ว้าว! ไม่อยากเชื่อ นายทำได้ยังไง”“โกดังสินค้าเก่า เมื่อก่อนเป็นพื้นที่โรงงานเล็กๆ ตั้งแต่สมัยคุณปู่ พอกิจก
หนุ่มสาวราวเจ็ดถึงแปดคนยืนห้อมล้อมเตียงผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นตัวอย่างสืบสาย ดูจะน่าอึดอัดสักหน่อยสำหรับผู้พบเห็น แต่มันกลับเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นสำหรับเขา พัศวีเปิดประตูเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่เห็นเพื่อนๆ พร้อมหน้าพร้อมตา พรีม เดินตามเขาเข้ามาอย่างเคอะเขินทันทีที่ธนญและนับหนึ่งมองเห็นพรีม พวกเขาต่างอึ้งไป นิ่งงันไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมา ว่าดีใจที่ได้พบกับพรีม หากแต่เป็นอารมณ์มึนงงสงสัย ว่าทำไมพวกเขาถึงมาด้วยกัน ในอดีตพรีมตั้งป้อมเป็นอริกับนับหนึ่งเพราะแอบหลงรักธนญ เธอกันท่าและหาเรื่องนับหนึ่งอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งจบการศึกษา แต่เมื่อเวลาผ่านไปต่างฝ่าย ต่างก็ค่อยๆ ลืมกันไป จนไม่หลงเหลือความบาดหมางใดๆค้างคาอยู่ในใจกันอีก หากแต่ความตะขิดตะขวงใจที่ไม่ได้เจอกันนาน จึงยังไม่รู้ว่าจะวางสีหน้าแบบใดให้กันและกันมัสยาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ณัฐการ สะกิดณัฐการเบาๆ เมื่อเห็นพัศวีควงคู่มากับสาวที่พวกเธอคุ้นหน้าคุ้นตา และดูท่าทางจะสนิทสนมกันเป็นพิเศษ“ดูสิว่าฉันพาใครมาเยี่ยมนาย”
พรีมกอดร่างของพัศวีอย่างหวงแหน เธอหลับไปเพราะความอ่อนล้า แม้จะยังอยากที่จะร่วมรักกับพรีม แต่เขาก็รู้ดีว่าร่างกายของเธอไม่สามารถรองรับความต้องการของเขาได้ตลอดทั้งคืน เขาจึงต้องอดทนและหยุดยั้งความต้องการของตัวเองให้ได้พรีมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ในขณะที่เสียงหายใจของพัศวี ยังคงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ พัศวียังไม่หลับ เขาลืมตาอยู่ในความมืด“ทำไมนายไม่หลับ”พรีมถามเขาอย่างแผ่วเบา ศีรษะอิงแนบกับหัวไหล่ในอ้อมแขนที่โอบกอดเธอ แขนของพรีมโอบกอดรอบลำตัวแน่นของพัศวี เธอหลับไปนาน จนอาจทำให้เขาปวดแขนหรืออาจจะชาได้ พรีมจึงคิดจะขยับออก หากแต่พัศวียังคงกระชับกอดนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย“ฉันไม่เป็นไรหรอก”“นายอาจจะปวดแขนได้”“เป็นห่วงฉันหรือ”พรีมไม่ตอบ หากแต่กระชับวงแขนของตัวเองเช่นกัน พัศวีกดสายตาลงต่ำ มองเห็นหน้าผากโค้งมน สันจมูกที่ได้รูปเป็นสันของพรีม เขามองมันด้วยสายตาอ่อนโยน ยามที่ได้ใกล้ชิดกันเช่นนี้