ร่างที่นอนสงบนิ่งดวงตามองเพดานมือทั้งสองประสานอยู่บนอก อนิลที่เพิ่งลืมตาจากความอ่อนล้ามองเขาด้วยสายตาชื่นชม ความสุขที่เขามอบให้มันทำให้เธอเสพติดอย่างที่เขาบอก สันจมูกที่เป็นสันโด่งชวนมองและอยากสัมผัส อนิลตะแคงมองเขาเอามือสอดใต้ศีรษะ ดวงตาเคลิบเคลิ้มราวกับภาของเขาที่เห็นมันอยู่ในความฝัน“คุณหล่อเหลือเกิน”เวหายิ้ม ที่เธอเอาแต่จ้องมองเขา มิหนำซ้ำยังชมเขาซึ่งหน้าเช่นนี้“อืม ผมรู้ คุณก็สวยเหมือนกัน”อนิลยิ้มก่อนจะพยุงกายลุกขึ้น นั่งมองเขาไม่ปิดบังสายตาอีก ก่อนจะปีนขึ้นไปบนตัวของเขา ดวงตาวาวโรจน์ของเขาตกใจที่เธอทำเช่นนั้น อนิลเกยคางวางมือทั้งสองอยู่บนมือที่ประสานกันบนอกของเวหา เธอมองใบหน้า คิ้ว ตา จมูก และปาก ก่อนดึงมือข้างหนึ่งใช้ปลายนิ้วลากไปตามสันจมูกอย่างหยอกเย้าอนิลจูบแก้มเขาเบาๆ ยิ้มอ่อนให้เขา แววตาที่อ่อนหวานชื่นชม เธอกำลังมีความสุขที่ได้อยู่ข้างกายเขา เธอกำลังทำให้หญิงสาวคนอื่นอิจฉา หากได้เห็นภาพนี้“นิลไม่สวยหรอก ถ้านิลสวยจริงคุณคนจะสนใจนิลตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันสิ”เวหาดึงมือโอบรอบตัวเธอ ที่ทาบทับตัวเขาอยู่ สะโพกนุ่มนิ่มกลมกลึงที่เขาลูบไล้ สัมผัสเย้ายวนชวนหลงใ
เมืองนายยืนท้าวสะเอวหันหลังให้น้องชายที่นั่งอยู่เก้าอี้โยกเฉลียงหน้าบ้าน ทั้งคู่ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด อังคณาจากไปพักใหญ่ ไม่นานนักภูผาก็โทรมาบอกเมืองนายว่าเธอไม่ยอมกลับไป เขาจึงจะพาเธอไปพักที่โรงแรมในเมืองก่อน และเขาจะอยู่คอยดูแลเธอเอง ไม่ต้องเป็นห่วง“เอาหละคุณอังไปพักโรงแรมในเมืองแล้ว ทีนี้บอกได้หรือยังทำไมทำแบบนี้”“ผู้หญิงคนนั้นท้อง”“ใช่”“ไหนพี่สัญญากับผมแล้วว่าจะไม่แต่งงานอีก แต่ทำไมถึงปล่อยให้เธอท้อง แถมพามาอยู่ที่บ้านแบบนี้”“คุณอังคณาไม่ได้ท้องกับฉัน และที่ฉันให้มาอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันข่าวลือบ้าๆ ที่แกได้ยินมานั่นยังไงล่ะ”เมืองเหนือเงียบไป ท่าทางกระอักกระอวนที่ตัวเองเข้าใจผิด แต่ก็เฉไฉกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง“ถ้าไม่ได้ท้องกับพี่ จะพาเธอมาที่นี่ทำไม มันไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องมายอมรับสมอ้าง”“มันเกี่ยวกับธุรกิจและผลประโยชน์ของฉันยังไงล่ะ ในเมื่อคุณอังคณาเป็นลูกสาวนายอักษะ สส.ที่มีอิทธิพลมากมายในประเทศนี้ และเขาก็พยายามยัดเยียดหล่อนให้ฉัน ฉันก็แค่ตามน้ำไป คุณอังคณาเธอไม่ได้อยากจะแต่งงานกับฉันอยู่แล้ว นี่มันก็แค่เรื่องผลประโยชน์ร่วมกันของฉันกับอังคณา ถ
ลลิตาพยายามใช้ความสามารถที่มีต่อสู้กับร่างกายที่มีพละกำลังเหนือกว่าอย่างเขา แต่เพราะแรงกดและร่างที่ถาโถมลงทับร่างบางอรชรของเธอทั้งตัว ทำให้แรงขืนของลลิตาทำได้อย่างยากลำบาก ตรีทศมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น ในขณะที่ลลิตานั้นมีสายตาที่ร้อนรนกระวนกระวาย เพราะเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเกินเลยไปกว่านี้ ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวและรู้จักกันระดับของคนใกล้ตัวและคนสนิทกันทั้งนั้น มันไม่ส่งผลดี “อย่าค่ะคุณตรีทศ” “คุณขัดขืนจริงหรือ ทุกครั้งก็ลงเอยด้วยดี จะขัดขืนเพื่อเรียกราคาหรือแค่ปลุกอารมณ์ เงื่อนไขความต้องการของคุณไม่เห็นมีข้อนี้ ผมจำได้หมดว่าคุณชอบแบบไหน” “บ้าจริง คุณพูดถึงมันอีกแล้ว” ลลิตาพยายามดันแขนของตัวเอง แต่เขาตรึงแน่นกับที่นอนแผ่ออกข้างศีรษะ ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบ เขามองดวงตาที่ดุดัน โกรธขึงจริงจัง “ก็คุณเป็นลูกค้าที่น่าประทับใจของผม” ตรีทศยิ้มเหยียด เขาก้มลงต่ำจนริมฝีปากแทบติดกับริมฝีปากของลลิตา แต่กลับเบี่ยงลงด้านข้างกระซิบลงที่ข้างหูของเธอ “คุณต้องการเปิดบริสุทธิ์กับผู้ชายรูปร่างดีผิวขาว หุ่นนักกีฬา ลีลาเด็ด น้องชายแข็งแรงความยาวใหญ่มาตรฐานโลก ทำกิจกรรมต่อเนื
ชายหนุ่มที่หนีเอาชีวิตรอดมาจากขบวนการค้ายาเสพติด พ้นขีดอันตรายและนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อ เฝ้าระวัง ก่อนจะย้ายออกมาห้องผู้ป่วยปกติในวันถัดไปหากไม่เกิดอาการแทรกซ้อนใดๆ ขึ้นมา เนื่องจากการใช้ชีวิตที่ยากลำบากกลางป่าเขา บาดแผลมากมายนอกจากบาดแผลของการถูกยิง แพทย์ตรวจพบการติดเชื้อในการกระแสเลือด เขาโชคดีที่หนีจากการล่ามาได้ และมีเมืองเหนือที่ช่วยเขาให้พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชเมืองเหนือที่ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยที่ศีรษะและมือ ถูกทำแผลและพันผ้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย เขาไปเฝ้าอาการของอำมาตย์ที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเพราะซี่โครงหักจากแรงกระแทกจนทิ่มปอด ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล“ฟื้นแล้วเหรอ ฉันพานายมาเจ็บตัวแท้ๆ เลย”“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมปลอดภัยแล้ว เราช่วยคนไว้ได้ เป็นประสบการณ์อีกแบบนึง”เสียงแหบเครือของเขาตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่ยากลำบาก“นายพูดให้ฉันไม่เครียดใช่ไหมเนี่ย”ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะ แม้จะเจ็บอำมาตย์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ภูผาและเมืองนายหน้าตาตื่นเข้ามาเพราะทราบข่าวว่าเมืองเหนือเกิดอุบัติเหตุ และถูกคนตามล่าลงมาจากเขา แต่เมื่อเห็นเขาปลอดภัย สีห
ตรีทศกลับเข้ามาในห้องที่ยศนอนสงบนิ่งอยู่ ในขณะที่คนอื่นๆ ได้ออกไปจากห้องแล้ว เพราะการแยกตัวออกไปของเขาทำให้คลาดกับเพื่อนๆ คนอื่น ก่อนจะได้รับข้อความจากธนญว่าพวกเขาทั้งหมดไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารชื่อดังในตัวเมืองให้เขาตามไปสมทบ เมื่อเขาเปิดประตูออกไป ปลายหางตาของเขาได้เหลือบไปเห็นหญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงเสื้อผ้ามิดชิด คลุมด้วยแจ็คเก็ตสีดำ และหมวกแก๊ป กดลงต่ำเพื่อปิดบังใบหน้า แต่เมื่อเห็นเขาออกจากห้องของยศ กลับหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม ตรีทศเดินตามเพื่อให้แน่ใจว่าหญิงสาวที่เขาเห็นไม่ได้เข้าใจผิดว่าเป็นนิอร เพราะพนักงานสาวบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธรรมดาทำไมมาโผล่อยู่ที่นี่ และวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเขาเช่นนี้ แต่ยิ่งเดินเข้าใกล้หญิงสาวยิ่งเดินออกห่าง และหลบหายไปในที่สุดจนหาไม่เจอ ตรีทศมองไปรอบๆ ไม่พบใคร นั่นอาจเป็นความเข้าใจผิดของเขาเอง หรืออาจะเป็นความบังเอิญที่เห็นคนที่รูปร่างหน้าตาคล้ายเธอ และคิดมาก เพราะระบบของเขาเพิ่งถูกเจาะเข้ามาเมื่อไม่กี่นาที เขาพยายามหาเหตุผล และส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดนั้นไปเสีย ก่อนจะรีบตามธนญและเพื่อนๆไปที่ร้านอาหาร นิอรที่แอบดูตรีทศอยู่ห่างๆ
เมืองเหนือที่เดินกลับไปที่รถ เขาหยิบเสื้อยืดคอกลมตัวเก่งขึ้นมา ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดออก ด้วยไม่ได้รู้สึกอายหรือเขินต่อสายตาผู้คนที่มองมา ชีวิตง่ายๆ ของเขาทำให้เขาเองก็ลืมไปว่าเขาเองก็มีชื่อเสียงอยู่บ้างในฐานะน้องชายของเมืองนาย“คุณเหนือไม่รักษาภาพนายน้อยบ้างเลยหรือ”“อ้าว! มาเร็วจัง ก็แค่เปลี่ยนเสื้อน่ะ”“มาโชว์กลางที่สาธารณะแบบนี้เรียกเรตติ้งจากสาวๆ เหรอครับ”เมืองเหนือยิ้มก่อนจะเริ่มอายเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ สาวน้อยสาวใหญ่ต่างชี้ชวนกันมองเขาเป็นตาเดียว ก่อนที่เขาจะรีบพาภูผาไปที่ห้องพักของยศภูผามองผ้าปิดแผลที่คอของเมืองเหนือ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย ขณะที่เดินไปด้วยกัน“แผลนี่มายังไง ที่ได้เปลี่ยนเสื้อนั่น เพราะแผลนี่เหรอ”“หมากัดน่ะ”“หมากัด! หมาพันธุ์ไหนกัน กระโดดขย่ำถึงคอได้ขนาดนี้”เมือเปิดประตู้ห้องผู้ป่วยเข้าไป นิอรที่นั่งอยู่ข้างเตียงพี่ชายก็หันมา“หมาตัวนั้นไง”เมืองเหนือมองไปที่นิอร ก่อนจะเพยิดหน้าบอกกับภูผาว่านิอรคือหมาตัวที่กัดเขา ทำให้นิอรย่นหัวคิ้วจรดเข้าหากันสายตาดุดัน โกรธจัดที่เขาว่าเธอเป็นหมา นิอรกัดริมฝีปาก“นี่ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม”ภูผาหน้าเหว๋อ
เวลาเข้าสู่ช่วงดึกสงัด ตีสองที่เงียบสงบ ใบไม้ไม่ไหวติง อากาศที่เย็นยะเยือก น้ำค้างเปียกชุ่มบนยอดหญ้า หมอกที่ลอยต่ำ เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาแต่รู้สึกได้ว่ามีน้ำหนักกดลงบนพื้น หยุดอยู่หน้าระเบียง แสงไฟภายนอกที่ส่องเข้ามา แม้จะปิดม่านไว้หมด แต่ระหว่างช่องเปลือกไม่เล็กๆ กับพื้นห้อง นิอรพอจะมองเห็นเงา คล้ายกับเท้าคู่หนึ่งที่หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง“นั่นผีหรือคนกันแน่”ใจของนิอรเต้นระรัว เธอได้ยินเสียงตึกตักของหัวใจตัวเองราวกับกองรบในความมืด และอากาศที่เย็นเยียบ เมืองเหนือที่นอนบนเตียงอุ่นนุ่มสบาย เขาหลับเป็นตาย โดยมีเพียงเสียงหายใจแรงเพราะความเหนื่อยล้าของเขาที่นิอรได้ยินนิอรพยายามขยับกายถอยจากปลายเตียงมาอยู่ด้านข้างที่เขานอนอยู่ เธอห่อตัวด้วยผ้าห่ม ยันกายขึ้นติดผนังไม้หันไปมองใบหน้าเมืองเหนือที่ดวงตาปิดสนิท เธอมองเขาสลับกับเงาที่ประตู อยู่ ๆ ลมที่เคยสงบกลับกรรโชกแรงจนเสียงกิ่งไม้กระทบกันดังสนั่น อากกาศในห้องเย็นยะเยือกจนหนาวเหน็บแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย“เมืองเหนือ”เสียงกระเส่าของนิอรที่พยายามเรียกเมืองเหนือให้ตื่น เธอแทบไม่กล้ากลืนน้ำลายด้วยซ้ำ นิอรหลับตาเอียงหน้าไปทางเมือง
เมืองเหนือไล้หลังมือไปที่ผิวแก้มของนิอร ก่อนที่เธอจะจับมือเขาไว้ และลืมตาขึ้น ยกตัวขึ้นอย่างรีบร้อนพร้อมกับปล่อยมือจากเขาทันที จนผมที่ตัวเองนอนทับกระตุกอย่างแรงจนต้องร้องออกมา ก่อนจะจับที่โคนผมของตัวเองเพราะความเจ็บ “โอ๊ย!” “ทำไมไม่ไปนอนที่เตียง ไม่ปวดหลังเหรอ” “ไม่อยากให้คุณลำบากใจ” “คุณมีไข้ ไปนอนที่นั่นเถอะ ตัวเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวทานยาแก้ไข้ของผมไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยขอใหม่ที่ห้องพยาบาล” นิอรลุกขึ้นเดินโซซัดโซด้วยอาการมึนงง ก่อนจะเข่าอ่อน แต่ทันคว้าแขนเขาไว้ได้ เมืองเหนือช่วยพยุงเธอขึ้น แต่เหมือนร่างกายเธอจะไม่มีแรง เขาจึงตัดสินใจรวบขาทั้งสองอุ้มเธอขึ้นอย่างง่ายดาย ก่อนจะวางลงบนเตียงพร้อมกับห่มผ้าให้ จากนั้นก็หยิบยาแก้ไข้ของเขาในถุงยื่นให้เธอพร้อมน้ำดื่ม นิอรรับไปดื่ม เพราะในเวลาเช่นนี้เธอเองก็ไม่อยากป่วยเช่นกัน อแบมองและหลบสายตาเขาอย่างกริ่งเกรง “ผลัดกันหรือไงเนี่ย พอผมดีขึ้น คุณก็ป่วย” นิอรตะแคงตัวหันหลังให้เขาเสียอย่างนั้น เมืองเหนือสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เธอมีต่อเขา จากคำถามก่อนหน้านั้น เธอเปลี่ยนไป และระวังตัวมากขึ้น พูดน้อยลง และพยายามอยู่ห่