เวลาเข้าสู่ช่วงดึกสงัด ตีสองที่เงียบสงบ ใบไม้ไม่ไหวติง อากาศที่เย็นยะเยือก น้ำค้างเปียกชุ่มบนยอดหญ้า หมอกที่ลอยต่ำ เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาแต่รู้สึกได้ว่ามีน้ำหนักกดลงบนพื้น หยุดอยู่หน้าระเบียง แสงไฟภายนอกที่ส่องเข้ามา แม้จะปิดม่านไว้หมด แต่ระหว่างช่องเปลือกไม่เล็กๆ กับพื้นห้อง นิอรพอจะมองเห็นเงา คล้ายกับเท้าคู่หนึ่งที่หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง“นั่นผีหรือคนกันแน่”ใจของนิอรเต้นระรัว เธอได้ยินเสียงตึกตักของหัวใจตัวเองราวกับกองรบในความมืด และอากาศที่เย็นเยียบ เมืองเหนือที่นอนบนเตียงอุ่นนุ่มสบาย เขาหลับเป็นตาย โดยมีเพียงเสียงหายใจแรงเพราะความเหนื่อยล้าของเขาที่นิอรได้ยินนิอรพยายามขยับกายถอยจากปลายเตียงมาอยู่ด้านข้างที่เขานอนอยู่ เธอห่อตัวด้วยผ้าห่ม ยันกายขึ้นติดผนังไม้หันไปมองใบหน้าเมืองเหนือที่ดวงตาปิดสนิท เธอมองเขาสลับกับเงาที่ประตู อยู่ ๆ ลมที่เคยสงบกลับกรรโชกแรงจนเสียงกิ่งไม้กระทบกันดังสนั่น อากกาศในห้องเย็นยะเยือกจนหนาวเหน็บแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย“เมืองเหนือ”เสียงกระเส่าของนิอรที่พยายามเรียกเมืองเหนือให้ตื่น เธอแทบไม่กล้ากลืนน้ำลายด้วยซ้ำ นิอรหลับตาเอียงหน้าไปทางเมือง
เมืองเหนือไล้หลังมือไปที่ผิวแก้มของนิอร ก่อนที่เธอจะจับมือเขาไว้ และลืมตาขึ้น ยกตัวขึ้นอย่างรีบร้อนพร้อมกับปล่อยมือจากเขาทันที จนผมที่ตัวเองนอนทับกระตุกอย่างแรงจนต้องร้องออกมา ก่อนจะจับที่โคนผมของตัวเองเพราะความเจ็บ “โอ๊ย!” “ทำไมไม่ไปนอนที่เตียง ไม่ปวดหลังเหรอ” “ไม่อยากให้คุณลำบากใจ” “คุณมีไข้ ไปนอนที่นั่นเถอะ ตัวเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวทานยาแก้ไข้ของผมไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยขอใหม่ที่ห้องพยาบาล” นิอรลุกขึ้นเดินโซซัดโซด้วยอาการมึนงง ก่อนจะเข่าอ่อน แต่ทันคว้าแขนเขาไว้ได้ เมืองเหนือช่วยพยุงเธอขึ้น แต่เหมือนร่างกายเธอจะไม่มีแรง เขาจึงตัดสินใจรวบขาทั้งสองอุ้มเธอขึ้นอย่างง่ายดาย ก่อนจะวางลงบนเตียงพร้อมกับห่มผ้าให้ จากนั้นก็หยิบยาแก้ไข้ของเขาในถุงยื่นให้เธอพร้อมน้ำดื่ม นิอรรับไปดื่ม เพราะในเวลาเช่นนี้เธอเองก็ไม่อยากป่วยเช่นกัน อแบมองและหลบสายตาเขาอย่างกริ่งเกรง “ผลัดกันหรือไงเนี่ย พอผมดีขึ้น คุณก็ป่วย” นิอรตะแคงตัวหันหลังให้เขาเสียอย่างนั้น เมืองเหนือสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เธอมีต่อเขา จากคำถามก่อนหน้านั้น เธอเปลี่ยนไป และระวังตัวมากขึ้น พูดน้อยลง และพยายามอยู่ห่
เมืองเหนือที่ย้ายตัวเองไปแทนที่นิอร เขานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเล็กนั่น มองออกไปยังด้านนอกที่ฝนเริ่มซาลงมาก น้ำที่เคยไหลบ่าเป็นทางเริ่มซึมหายไปในดินได้ง่ายขึ้น ไม่เจิ่งนองเหมือนเดิม ร่องรอยคราบโคลนที่ไหลบ่ายังคงมองเห็นเด่นชัด ไข้ของเขาลดลงไปมาก เพราะการได้รับยาอักเสบบาดแผล และลดอากการปวดบรรเทาไข้นิอรยังคงนอนนิ่งหลับจากที่ทานยาไปแล้ว เมืองเหนือนั่งอ่านรายงานวิจัยที่ต้องทำข้อมูลสรุปส่งให้กับ ที เอ็น ฟราแกรนซ์ ตามกำหนด หลังจากที่อนิลได้เดินทางมาดูงานด้วยตนเอง แม้อนิลจะเป็นน้องสาวของธนญ แต่เธอนั้นดูมุ่งมั่นและจริงจังกว่าธนญมาก เพราะความที่ยังเด็กและมีไฟในตัวเป็นสองเท่านั่นเอง งานของเขาคือความหวังในการขอทุนวิจัยชิ้นต่อไปของศูนย์นั่นเองนิอรที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นไฟที่ยังส่องสว่าง เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะพลิกกายหันกลับมา เมืองเหนือยังคงนั่งทำงานของเขา ใบหน้าที่จริงจังขณะนั่งอ่านเอกสาร ชวนหลงใหล นิอรติดอยูในภวังค์เพียงครู่เดียวก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมา นิอรลุกขึ้นนั่งช้าๆ ลองเอามือแตะหน้าผากตัวเอง เพื่อดูว่าอุณหภูมิร่างกายของตัวเองลดลงหรือไม่ เพราะอาการปวดหัวหายไปจนสิ้นแล้ว แล
นิอรที่แยกตัวออกมาเพียงลำพังจากเมืองเหนือ เธอนั้นทั้งเสียใจและแค้นใจ เจ็บใจตัวเองที่อ่อนแอต่อความรู้สึก ทั้งที่เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ทั้งที่รู้ ทั้งรู้ว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้ แต่เธอกลับใจอ่อนและยินยอมเอง สุดท้ายกลับรับไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดและข้อเสนอของเขานิอรได้รับข้อความแจ้งเตือนจากระบบของ The Bitch ตรีทศได้ตั้งใจส่งข้อความลับถึงเธอ เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ เรื่องที่เป็นความลับและบทสนทนาของพวกเขา ทำให้นิอรต้องหาที่เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าไปในระบบเธอตัดสินใจเข้าไปในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ไม่มีผู้คนมากนัก บรรยากาศร่มรื่นและเป็นส่วนตัว ในมุมที่แสนสงบ นิอรเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเก่งนั่งอยู่ในมุมส่วนตัวที่มิดชิด ไม่โดดเด่นนัก พร้อมสั่งเครื่องดื่มและขนมมาทาน“ผมเข้าไปดูในกล่องบันทึกห้องสนทนาของยศแล้ว”“คุณดูหมดทุกคลิปแล้วใช่ไหม”“ใช่ผมดูหมดแล้ว คุณรู้ใช่ไหมว่าชายคนนั้นเป็นใคร และอันตรายแค่ไหน”“ค่ะ ฉันรู้”“ต่อไปคุณต้องระวังตัวมากขึ้น และอย่าเปิดเผยตัวตนเด็ดขาด เบื้องหน้าให้เป็นหน้าที่ของพวกผม อย่าออกมาในที่แจ้ง คุณควรกลับมาที่กรุงเทพฯ ได้แล้ว”“ฉันยังกล
ธนญมองดูชิพอันเล็กที่อยู่ในซองพลาสติกด้วยสีหน้างุนงง เมืองเหนือวางมันลงบนโต๊ะ และใช้นิ้วดันไปตรงหน้าเขา ก่อนจะเอนหลังอย่างสบายใจ จนภูผาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่มองเขาอยู่ถึงกับย่นหัวคิ้วไม่ต่างจากธนญ“มันคืออะไร”ธนญถามเมืองเหนือด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหยิบซองเล็กๆ ขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์“ใช่ของที่คุณนิอรหาอยู่ไหม”“อืม”ภูผาถามนำคำตอบ เมื่อคำตอบเป็นอย่างที่เขาคิด ภูผาเองถึงกับเบิกตากว้างทันที ทำไมมันถึงมาอยู่ที่เขา ทั้งที่นิอรกลับไปแล้ว โดยที่เธอก็หามันไม่เจอ“ผมไม่ได้บอกคุณนิอรว่าผมหามันเจอ ไม่อยากให้เธอต้องเข้ามาข้อเกี่ยวกับสิ่งนี้ ที่มันอันตรายเกินไป”“นายดูมันหรือยัง ว่าข้างในมันคืออะไร”“ยัง ฉันอยากให้พวกเราดูพร้อมกัน”“อืม เย็นนี้ตรีทศกับสืบสายจะบินมาที่นี่เราไว้ดูพร้อมเขาแล้วกัน”สัญญาณเรียกเข้าโทรศัพท์ของภูผา ทำให้เขาต้องขอออกไปรับสายข้างนอก และปล่อยให้สองหนุ่มได้นั่งคุยกันไปก่อน อังคณาโทรหาเขา เพราะเห็นว่าเขาหายไปหลายวันแล้ว และไม่ได้แวะไปหาเธอที่บ้านเหมือนเคย“คุณงานยุ่งเหรอ หายไปไหลายวัน”“ครับ พอดีคุณเหนือไหว้วานให้มาดูแลเพื่อนของเขาที่นอนป่วย
สืบสายมาถึงห้องพักผู้ป่วยของยศก่อนใคร คงทรัพย์ที่นอนเฝ้ารู้สึกตัวทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ปฏิกิริยาของเขายังคงไวอยู่เสมอไม่มีเปลี่ยน คงทรัพย์ลุกขึ้นนั่งทันที“มาแล้วเหรอ”“อืม กาแฟกับอาหารเช้าฉันแวะซื้อมาให้”สืบสายส่งแก้วกาแฟร้อนขนาดเหมาะมือ พร้อมถุงขนมปังอบ และแซนวิช ให้กับคงทรัพย์ เขารับไปพร้อมกับรอยยิ้มขอบใจ เขาทานโดยไม่ต้องแปรงฟันล้างหน้าเลยด้วยซ้ำ“นายไม่คิดจะล้างหน้าแปรงฟันก่อนค่อยกินเหรอ”“อืม กินก่อนค่อยล้างทีเดียว”สืบสายหัวเราะอยู่ในลำคอก่อนจะส่ายหัวเบาๆ เพราะคงทรัพย์เป็นผู้ชายที่ไม่ได้พิถีพิถันกับเรื่องพวกนี้มากนัก สืบสายมีเพื่อนสนิทที่แสนจะต่างขั้วกันมาก อย่างคงทรัพย์และธนญ“นายกลับไปอาบน้ำอาบท่าและนอนพักที่โรงแรมก่อนได้นะ ฉันเฝ้าต่อเอง เดี๋ยวพวกธนญก็มาแล้ว ผลัดกันเฝ้า”“แล้วนายภูผาไม่มาแล้วเหรอ”“เห็นว่าจะเข้ามาช่วงบ่ายๆ มีธุระตอนช่วงเช้า”สืบสายบอกให้คงทรัพย์กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน เพราะช่วงเช้าผู้คนพลุกพล่าน ไม่น่ากลัวมากนัก แถมธนญ พัศวี และตรีทศ ก็กำลังมา ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง อีกทั้งเรื่องการย้ายโรงพยาบาลให้กับยศนั้นก็เรียบร้อยดีแล้ว รอเคลื่อน
เสียงเคาะประตูสามครั้งเบาๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้อังคณาแปลกใจ เพราะภูผาเพิ่งออกไปไม่นาน บ้านของเธอไม่ค่อยได้ต้อนรับใครมากนักนอกจากภูผา และป้าข้างบ้านที่ทำอาหารให้เธอเท่านั้น ซึ่งมันยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นเลยสักนิด“ทำไมกลับมาอีกล่ะภูผา”เสียงของอังคณาดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออกทั้งหมด และเผยให้เห็นชายหนุ่มร่างกายกำยำที่คุ้นเคย อังคณาตกใจถึงกับเอามือปิดปาก เซก้าวถอยหลังสองก้าวทันทีคงทรัพย์เดินเข้ามาด้านในก่อนที่เธอจะได้เอ่ยปากเชิญ หรือขับไล่ เขาปิดประตูลงอย่างเยือกเย็นและเงียบขรึม“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”เมื่อตั้งสติได้แล้ว อังคณาจึงเดินหนีไปทางหนึ่งแทน“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”“เรื่องลูก”อังคณาหันขวับ และยิ้มเยาะเขาที่มุมปาก ดวงตาที่ปวดร้าวและขมขื่น เขากล้าที่จะเรียกลูกได้เต็มปาก กับสิ่งที่ทำกับเธอในคืนนั้นอย่างนั้นหรือ“เรื่องของเราจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ คุณเป็นคนพูดเองคืนนั้น กลับไปเถอะค่ะคุณคงทรัพย์เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”น้ำเสียงที่เป็นทางการและเฉยชาของอังคณา มันทำให้เขาเจ็บที่หัวใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาได้ทำมันลงไปในคืนสุดท้ายที่พบเธอที่ระยอง
พลอยฟ้าตกใจที่อยู่ดีๆ ภูผาก็จู่โจมจูบเธอทันทีที่เข้ามาในลิฟท์ พลอยฟ้าใช้แรงทั้งหมดที่มีดันร่างของเขาออก แต่ไม่เป็นผล ประตูลิฟท์ที่ถูกปิดแต่ยังไม่ได้เลื่อนไปไหน เพราะเขาและเธอยังไม่ได้กดชั้น ทำให้มันถูกเปิดออกอีก แขกที่เข้ามาใหม่คู่ชายหญิง ถึงกับผงะ แต่ก็แอบเอามือปิดปากหัวเราะเบาๆภูผาถอนริมฝีปากออก ก่อนจะกลบเกลื่อนทำท่าทางให้เป็นปกติ เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น เขาเหลือบไปมองหมายเลขชั้นของพวกเขาที่ชั้นห้า ก่อนจะเอื้อมมือไปกดชั้นหกซึ่งเป็นชั้นห้องพักของภูผาและพลอยฟ้าพลอยฟ้าที่ใจสั่นเต้นระรัว เธออายจนหน้าแดง เอาแต่ก้มหน้างุด ตามองต่ำ ไม่กล้ามองหน้าภูผา หรือแขกของโรงแรมคู่นั้นเมื่อถึงชั้นห้าประตูลิฟท์กำลังจะเปิดออก พลอยทำท่าจะเดินตามคู่รักคู่นั้นออกไปแต่ถูกภูผาดึงมือเอาไว้“ยังไม่ถึงชั้นของเรา”นั่นยิ่งทำให้สองหนุ่มสาวคู่นั้นถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนจะรีบเดินออกจากลิฟท์ เพราะเข้าใจว่าพวกเขานั้นรีบจนลืมชั้นของตัวเองพลอยฟ้าหันกลับมาด้วยอาการโกรธจัด เธอกระชากแขนตัวเองออกจากมือของเขา ทันทีที่ถึงชั้นหก ประตูลิฟท์เปิด เธอรีบเดินออกไป เดินจ้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อไปที่ห้องของเธอ