เสียงเคาะประตูสามครั้งเบาๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้อังคณาแปลกใจ เพราะภูผาเพิ่งออกไปไม่นาน บ้านของเธอไม่ค่อยได้ต้อนรับใครมากนักนอกจากภูผา และป้าข้างบ้านที่ทำอาหารให้เธอเท่านั้น ซึ่งมันยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นเลยสักนิด“ทำไมกลับมาอีกล่ะภูผา”เสียงของอังคณาดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออกทั้งหมด และเผยให้เห็นชายหนุ่มร่างกายกำยำที่คุ้นเคย อังคณาตกใจถึงกับเอามือปิดปาก เซก้าวถอยหลังสองก้าวทันทีคงทรัพย์เดินเข้ามาด้านในก่อนที่เธอจะได้เอ่ยปากเชิญ หรือขับไล่ เขาปิดประตูลงอย่างเยือกเย็นและเงียบขรึม“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”เมื่อตั้งสติได้แล้ว อังคณาจึงเดินหนีไปทางหนึ่งแทน“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”“เรื่องลูก”อังคณาหันขวับ และยิ้มเยาะเขาที่มุมปาก ดวงตาที่ปวดร้าวและขมขื่น เขากล้าที่จะเรียกลูกได้เต็มปาก กับสิ่งที่ทำกับเธอในคืนนั้นอย่างนั้นหรือ“เรื่องของเราจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ คุณเป็นคนพูดเองคืนนั้น กลับไปเถอะค่ะคุณคงทรัพย์เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”น้ำเสียงที่เป็นทางการและเฉยชาของอังคณา มันทำให้เขาเจ็บที่หัวใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาได้ทำมันลงไปในคืนสุดท้ายที่พบเธอที่ระยอง
พลอยฟ้าตกใจที่อยู่ดีๆ ภูผาก็จู่โจมจูบเธอทันทีที่เข้ามาในลิฟท์ พลอยฟ้าใช้แรงทั้งหมดที่มีดันร่างของเขาออก แต่ไม่เป็นผล ประตูลิฟท์ที่ถูกปิดแต่ยังไม่ได้เลื่อนไปไหน เพราะเขาและเธอยังไม่ได้กดชั้น ทำให้มันถูกเปิดออกอีก แขกที่เข้ามาใหม่คู่ชายหญิง ถึงกับผงะ แต่ก็แอบเอามือปิดปากหัวเราะเบาๆภูผาถอนริมฝีปากออก ก่อนจะกลบเกลื่อนทำท่าทางให้เป็นปกติ เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น เขาเหลือบไปมองหมายเลขชั้นของพวกเขาที่ชั้นห้า ก่อนจะเอื้อมมือไปกดชั้นหกซึ่งเป็นชั้นห้องพักของภูผาและพลอยฟ้าพลอยฟ้าที่ใจสั่นเต้นระรัว เธออายจนหน้าแดง เอาแต่ก้มหน้างุด ตามองต่ำ ไม่กล้ามองหน้าภูผา หรือแขกของโรงแรมคู่นั้นเมื่อถึงชั้นห้าประตูลิฟท์กำลังจะเปิดออก พลอยทำท่าจะเดินตามคู่รักคู่นั้นออกไปแต่ถูกภูผาดึงมือเอาไว้“ยังไม่ถึงชั้นของเรา”นั่นยิ่งทำให้สองหนุ่มสาวคู่นั้นถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนจะรีบเดินออกจากลิฟท์ เพราะเข้าใจว่าพวกเขานั้นรีบจนลืมชั้นของตัวเองพลอยฟ้าหันกลับมาด้วยอาการโกรธจัด เธอกระชากแขนตัวเองออกจากมือของเขา ทันทีที่ถึงชั้นหก ประตูลิฟท์เปิด เธอรีบเดินออกไป เดินจ้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อไปที่ห้องของเธอ
ภูผามอบอาวุธปืนทั้งสองกระบอกไว้ให้เป็นหลักฐานแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเข้ากระบวนการสอบสวนตามขั้นตอนหลังจากได้รับการรักษาแผล ที่ถูกยิงที่หัวไหล่เรียบร้อยแล้ว มันเป็นเพียงรอยแผลถากๆ แต่ก็ทำให้เสียเลือดมาก หน้าตาที่ดูอิโรยและอ่อนเพลีย แต่เขาก็ไม่ได้ขอให้ทางสารวัตรไพศาลยุติการสอบปากคำ เพราะเขาอยากให้มันเป็นไปตามกระบวนการ และเรียบร้อยตามขั้นตอน สำหรับเขาอาการบาดเจ็บเล็กน้อยแบบนี้ มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับเขาคงทรัพย์ทันทีที่ทราบข่าว เขารีบตรงไปที่สถานีตำรวจทันที แม้เขาไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกและค่อนข้างนิ่งกับเหตุการณ์ แต่ในแววตานั้น เขาก็รู้สึกเป็นห่วงและขอบคุณภูผาอย่างจริงใจ ที่ภูผาทำหน้าที่แทนเขาได้เป็นอย่างดี และรู้สึกเสียใจที่เขาเอาเวลาไปทำเรื่องส่วนตัวของตัวเองจนลืมหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ“นายเป็นไงบ้าง”“ผมโอเค เจ็บแผลนิดหน่อย แต่มันก็พอทนได้ ชินแล้วครับ”“ขอโทษนะที่นายต้องมาเจ็บตัวแทนฉัน คนที่ต้องทำหน้าที่นี้มันควรจะเป็นฉันมากกว่า”ภูผายิ้ม คงทรัพย์ให้ภูผานั่งรอเขาก่อนสักครู่ระหว่างที่คงทรัพย์พูดคุยกับสาวัตรเรื่องคดี เขาได้ประสานงานไปทางผู้ใหญ่ที่นับถือ
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา