อนิลที่เริ่มเข้ามาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มตัว โดยมีรองธนาคอยให้คำปรึกษา เหมือนกับช่วงแรกที่ธนญมารับตำแหน่งใหม่ แผนการตรวจเยี่ยม ดำเนินไป“เราต้องเดินทางไปที่เชียงใหม่ในสัปดาห์หน้า เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการรับซื้อวัตถุดิบจากชาวสวนขาวไร่ป้อนโรงงานสกัดหัวน้ำหอมโดยตรงของเราที่นั่น และไปดูงานวิจัยใหม่ที่ขุนวาง”ตรีวิทย์รายงานตารางงานใหม่ให้อนิลในสัปดาห์ถัดไป“เมื่อก่อนพี่นญก็ไปเหรอ”“ครับ แรกเริ่มเลยเรายังไม่มีโรงงานที่นั่น รับแต่วัตถุดิบ แต่พอส่งตรงมาถึงเรา มันใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ พี่นญเลยเกิดความคิดว่าสกัดที่นั่นแล้วส่งเป็นหัวน้ำหอมมันสะดวกและได้ประสิทธิภาพกว่า ก็เลยร่วมมือกับชุมชนและศูนย์วิจัยฯส่งเสริมอาชีพการเกษตรเพราะเลี้ยงพืชหลักป้อนเข้าโรงงานให้เรา”“อืม ใช้ได้เลย เป็นความคิดที่ดีมาก”“ต้องให้เครดิต ผอ.นับหนึ่งครับ เธอเป็นคนเริ่มไว้ก่อน”อนิลยิ้มรับ ก่อนจะออกไปหานับหนึ่งที่แผนก ตั้งแต่มินตราลาออกนับหนึ่ง ไม่ได้รับเลขาคนใหม่มาทำหน้าที่แทน เพราะเธอสามารถจัดการได้ด้วยตัวเองเป็นอย่างดีเมื่อเห็นอนิลเดินมาที่แผนกงานวิจัย เจ้าหน้าที่นักวิจัยต่างตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก เ
ร่างที่นอนสงบนิ่งดวงตามองเพดานมือทั้งสองประสานอยู่บนอก อนิลที่เพิ่งลืมตาจากความอ่อนล้ามองเขาด้วยสายตาชื่นชม ความสุขที่เขามอบให้มันทำให้เธอเสพติดอย่างที่เขาบอก สันจมูกที่เป็นสันโด่งชวนมองและอยากสัมผัส อนิลตะแคงมองเขาเอามือสอดใต้ศีรษะ ดวงตาเคลิบเคลิ้มราวกับภาของเขาที่เห็นมันอยู่ในความฝัน“คุณหล่อเหลือเกิน”เวหายิ้ม ที่เธอเอาแต่จ้องมองเขา มิหนำซ้ำยังชมเขาซึ่งหน้าเช่นนี้“อืม ผมรู้ คุณก็สวยเหมือนกัน”อนิลยิ้มก่อนจะพยุงกายลุกขึ้น นั่งมองเขาไม่ปิดบังสายตาอีก ก่อนจะปีนขึ้นไปบนตัวของเขา ดวงตาวาวโรจน์ของเขาตกใจที่เธอทำเช่นนั้น อนิลเกยคางวางมือทั้งสองอยู่บนมือที่ประสานกันบนอกของเวหา เธอมองใบหน้า คิ้ว ตา จมูก และปาก ก่อนดึงมือข้างหนึ่งใช้ปลายนิ้วลากไปตามสันจมูกอย่างหยอกเย้าอนิลจูบแก้มเขาเบาๆ ยิ้มอ่อนให้เขา แววตาที่อ่อนหวานชื่นชม เธอกำลังมีความสุขที่ได้อยู่ข้างกายเขา เธอกำลังทำให้หญิงสาวคนอื่นอิจฉา หากได้เห็นภาพนี้“นิลไม่สวยหรอก ถ้านิลสวยจริงคุณคนจะสนใจนิลตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันสิ”เวหาดึงมือโอบรอบตัวเธอ ที่ทาบทับตัวเขาอยู่ สะโพกนุ่มนิ่มกลมกลึงที่เขาลูบไล้ สัมผัสเย้ายวนชวนหลงใ
เมืองนายยืนท้าวสะเอวหันหลังให้น้องชายที่นั่งอยู่เก้าอี้โยกเฉลียงหน้าบ้าน ทั้งคู่ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด อังคณาจากไปพักใหญ่ ไม่นานนักภูผาก็โทรมาบอกเมืองนายว่าเธอไม่ยอมกลับไป เขาจึงจะพาเธอไปพักที่โรงแรมในเมืองก่อน และเขาจะอยู่คอยดูแลเธอเอง ไม่ต้องเป็นห่วง“เอาหละคุณอังไปพักโรงแรมในเมืองแล้ว ทีนี้บอกได้หรือยังทำไมทำแบบนี้”“ผู้หญิงคนนั้นท้อง”“ใช่”“ไหนพี่สัญญากับผมแล้วว่าจะไม่แต่งงานอีก แต่ทำไมถึงปล่อยให้เธอท้อง แถมพามาอยู่ที่บ้านแบบนี้”“คุณอังคณาไม่ได้ท้องกับฉัน และที่ฉันให้มาอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันข่าวลือบ้าๆ ที่แกได้ยินมานั่นยังไงล่ะ”เมืองเหนือเงียบไป ท่าทางกระอักกระอวนที่ตัวเองเข้าใจผิด แต่ก็เฉไฉกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง“ถ้าไม่ได้ท้องกับพี่ จะพาเธอมาที่นี่ทำไม มันไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องมายอมรับสมอ้าง”“มันเกี่ยวกับธุรกิจและผลประโยชน์ของฉันยังไงล่ะ ในเมื่อคุณอังคณาเป็นลูกสาวนายอักษะ สส.ที่มีอิทธิพลมากมายในประเทศนี้ และเขาก็พยายามยัดเยียดหล่อนให้ฉัน ฉันก็แค่ตามน้ำไป คุณอังคณาเธอไม่ได้อยากจะแต่งงานกับฉันอยู่แล้ว นี่มันก็แค่เรื่องผลประโยชน์ร่วมกันของฉันกับอังคณา ถ
ลลิตาพยายามใช้ความสามารถที่มีต่อสู้กับร่างกายที่มีพละกำลังเหนือกว่าอย่างเขา แต่เพราะแรงกดและร่างที่ถาโถมลงทับร่างบางอรชรของเธอทั้งตัว ทำให้แรงขืนของลลิตาทำได้อย่างยากลำบาก ตรีทศมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น ในขณะที่ลลิตานั้นมีสายตาที่ร้อนรนกระวนกระวาย เพราะเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเกินเลยไปกว่านี้ ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวและรู้จักกันระดับของคนใกล้ตัวและคนสนิทกันทั้งนั้น มันไม่ส่งผลดี “อย่าค่ะคุณตรีทศ” “คุณขัดขืนจริงหรือ ทุกครั้งก็ลงเอยด้วยดี จะขัดขืนเพื่อเรียกราคาหรือแค่ปลุกอารมณ์ เงื่อนไขความต้องการของคุณไม่เห็นมีข้อนี้ ผมจำได้หมดว่าคุณชอบแบบไหน” “บ้าจริง คุณพูดถึงมันอีกแล้ว” ลลิตาพยายามดันแขนของตัวเอง แต่เขาตรึงแน่นกับที่นอนแผ่ออกข้างศีรษะ ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบ เขามองดวงตาที่ดุดัน โกรธขึงจริงจัง “ก็คุณเป็นลูกค้าที่น่าประทับใจของผม” ตรีทศยิ้มเหยียด เขาก้มลงต่ำจนริมฝีปากแทบติดกับริมฝีปากของลลิตา แต่กลับเบี่ยงลงด้านข้างกระซิบลงที่ข้างหูของเธอ “คุณต้องการเปิดบริสุทธิ์กับผู้ชายรูปร่างดีผิวขาว หุ่นนักกีฬา ลีลาเด็ด น้องชายแข็งแรงความยาวใหญ่มาตรฐานโลก ทำกิจกรรมต่อเนื
ชายหนุ่มที่หนีเอาชีวิตรอดมาจากขบวนการค้ายาเสพติด พ้นขีดอันตรายและนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อ เฝ้าระวัง ก่อนจะย้ายออกมาห้องผู้ป่วยปกติในวันถัดไปหากไม่เกิดอาการแทรกซ้อนใดๆ ขึ้นมา เนื่องจากการใช้ชีวิตที่ยากลำบากกลางป่าเขา บาดแผลมากมายนอกจากบาดแผลของการถูกยิง แพทย์ตรวจพบการติดเชื้อในการกระแสเลือด เขาโชคดีที่หนีจากการล่ามาได้ และมีเมืองเหนือที่ช่วยเขาให้พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชเมืองเหนือที่ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยที่ศีรษะและมือ ถูกทำแผลและพันผ้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย เขาไปเฝ้าอาการของอำมาตย์ที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเพราะซี่โครงหักจากแรงกระแทกจนทิ่มปอด ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล“ฟื้นแล้วเหรอ ฉันพานายมาเจ็บตัวแท้ๆ เลย”“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมปลอดภัยแล้ว เราช่วยคนไว้ได้ เป็นประสบการณ์อีกแบบนึง”เสียงแหบเครือของเขาตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่ยากลำบาก“นายพูดให้ฉันไม่เครียดใช่ไหมเนี่ย”ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะ แม้จะเจ็บอำมาตย์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ภูผาและเมืองนายหน้าตาตื่นเข้ามาเพราะทราบข่าวว่าเมืองเหนือเกิดอุบัติเหตุ และถูกคนตามล่าลงมาจากเขา แต่เมื่อเห็นเขาปลอดภัย สีห
ตรีทศกลับเข้ามาในห้องที่ยศนอนสงบนิ่งอยู่ ในขณะที่คนอื่นๆ ได้ออกไปจากห้องแล้ว เพราะการแยกตัวออกไปของเขาทำให้คลาดกับเพื่อนๆ คนอื่น ก่อนจะได้รับข้อความจากธนญว่าพวกเขาทั้งหมดไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารชื่อดังในตัวเมืองให้เขาตามไปสมทบ เมื่อเขาเปิดประตูออกไป ปลายหางตาของเขาได้เหลือบไปเห็นหญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงเสื้อผ้ามิดชิด คลุมด้วยแจ็คเก็ตสีดำ และหมวกแก๊ป กดลงต่ำเพื่อปิดบังใบหน้า แต่เมื่อเห็นเขาออกจากห้องของยศ กลับหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม ตรีทศเดินตามเพื่อให้แน่ใจว่าหญิงสาวที่เขาเห็นไม่ได้เข้าใจผิดว่าเป็นนิอร เพราะพนักงานสาวบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธรรมดาทำไมมาโผล่อยู่ที่นี่ และวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเขาเช่นนี้ แต่ยิ่งเดินเข้าใกล้หญิงสาวยิ่งเดินออกห่าง และหลบหายไปในที่สุดจนหาไม่เจอ ตรีทศมองไปรอบๆ ไม่พบใคร นั่นอาจเป็นความเข้าใจผิดของเขาเอง หรืออาจะเป็นความบังเอิญที่เห็นคนที่รูปร่างหน้าตาคล้ายเธอ และคิดมาก เพราะระบบของเขาเพิ่งถูกเจาะเข้ามาเมื่อไม่กี่นาที เขาพยายามหาเหตุผล และส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดนั้นไปเสีย ก่อนจะรีบตามธนญและเพื่อนๆไปที่ร้านอาหาร นิอรที่แอบดูตรีทศอยู่ห่างๆ
เมืองเหนือที่เดินกลับไปที่รถ เขาหยิบเสื้อยืดคอกลมตัวเก่งขึ้นมา ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดออก ด้วยไม่ได้รู้สึกอายหรือเขินต่อสายตาผู้คนที่มองมา ชีวิตง่ายๆ ของเขาทำให้เขาเองก็ลืมไปว่าเขาเองก็มีชื่อเสียงอยู่บ้างในฐานะน้องชายของเมืองนาย“คุณเหนือไม่รักษาภาพนายน้อยบ้างเลยหรือ”“อ้าว! มาเร็วจัง ก็แค่เปลี่ยนเสื้อน่ะ”“มาโชว์กลางที่สาธารณะแบบนี้เรียกเรตติ้งจากสาวๆ เหรอครับ”เมืองเหนือยิ้มก่อนจะเริ่มอายเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ สาวน้อยสาวใหญ่ต่างชี้ชวนกันมองเขาเป็นตาเดียว ก่อนที่เขาจะรีบพาภูผาไปที่ห้องพักของยศภูผามองผ้าปิดแผลที่คอของเมืองเหนือ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย ขณะที่เดินไปด้วยกัน“แผลนี่มายังไง ที่ได้เปลี่ยนเสื้อนั่น เพราะแผลนี่เหรอ”“หมากัดน่ะ”“หมากัด! หมาพันธุ์ไหนกัน กระโดดขย่ำถึงคอได้ขนาดนี้”เมือเปิดประตู้ห้องผู้ป่วยเข้าไป นิอรที่นั่งอยู่ข้างเตียงพี่ชายก็หันมา“หมาตัวนั้นไง”เมืองเหนือมองไปที่นิอร ก่อนจะเพยิดหน้าบอกกับภูผาว่านิอรคือหมาตัวที่กัดเขา ทำให้นิอรย่นหัวคิ้วจรดเข้าหากันสายตาดุดัน โกรธจัดที่เขาว่าเธอเป็นหมา นิอรกัดริมฝีปาก“นี่ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม”ภูผาหน้าเหว๋อ
เวลาเข้าสู่ช่วงดึกสงัด ตีสองที่เงียบสงบ ใบไม้ไม่ไหวติง อากาศที่เย็นยะเยือก น้ำค้างเปียกชุ่มบนยอดหญ้า หมอกที่ลอยต่ำ เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาแต่รู้สึกได้ว่ามีน้ำหนักกดลงบนพื้น หยุดอยู่หน้าระเบียง แสงไฟภายนอกที่ส่องเข้ามา แม้จะปิดม่านไว้หมด แต่ระหว่างช่องเปลือกไม่เล็กๆ กับพื้นห้อง นิอรพอจะมองเห็นเงา คล้ายกับเท้าคู่หนึ่งที่หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง“นั่นผีหรือคนกันแน่”ใจของนิอรเต้นระรัว เธอได้ยินเสียงตึกตักของหัวใจตัวเองราวกับกองรบในความมืด และอากาศที่เย็นเยียบ เมืองเหนือที่นอนบนเตียงอุ่นนุ่มสบาย เขาหลับเป็นตาย โดยมีเพียงเสียงหายใจแรงเพราะความเหนื่อยล้าของเขาที่นิอรได้ยินนิอรพยายามขยับกายถอยจากปลายเตียงมาอยู่ด้านข้างที่เขานอนอยู่ เธอห่อตัวด้วยผ้าห่ม ยันกายขึ้นติดผนังไม้หันไปมองใบหน้าเมืองเหนือที่ดวงตาปิดสนิท เธอมองเขาสลับกับเงาที่ประตู อยู่ ๆ ลมที่เคยสงบกลับกรรโชกแรงจนเสียงกิ่งไม้กระทบกันดังสนั่น อากกาศในห้องเย็นยะเยือกจนหนาวเหน็บแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย“เมืองเหนือ”เสียงกระเส่าของนิอรที่พยายามเรียกเมืองเหนือให้ตื่น เธอแทบไม่กล้ากลืนน้ำลายด้วยซ้ำ นิอรหลับตาเอียงหน้าไปทางเมือง
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง