ชายหนุ่มที่หนีเอาชีวิตรอดมาจากขบวนการค้ายาเสพติด พ้นขีดอันตรายและนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อ เฝ้าระวัง ก่อนจะย้ายออกมาห้องผู้ป่วยปกติในวันถัดไปหากไม่เกิดอาการแทรกซ้อนใดๆ ขึ้นมา เนื่องจากการใช้ชีวิตที่ยากลำบากกลางป่าเขา บาดแผลมากมายนอกจากบาดแผลของการถูกยิง แพทย์ตรวจพบการติดเชื้อในการกระแสเลือด เขาโชคดีที่หนีจากการล่ามาได้ และมีเมืองเหนือที่ช่วยเขาให้พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชเมืองเหนือที่ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยที่ศีรษะและมือ ถูกทำแผลและพันผ้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย เขาไปเฝ้าอาการของอำมาตย์ที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเพราะซี่โครงหักจากแรงกระแทกจนทิ่มปอด ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล“ฟื้นแล้วเหรอ ฉันพานายมาเจ็บตัวแท้ๆ เลย”“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมปลอดภัยแล้ว เราช่วยคนไว้ได้ เป็นประสบการณ์อีกแบบนึง”เสียงแหบเครือของเขาตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่ยากลำบาก“นายพูดให้ฉันไม่เครียดใช่ไหมเนี่ย”ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะ แม้จะเจ็บอำมาตย์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ภูผาและเมืองนายหน้าตาตื่นเข้ามาเพราะทราบข่าวว่าเมืองเหนือเกิดอุบัติเหตุ และถูกคนตามล่าลงมาจากเขา แต่เมื่อเห็นเขาปลอดภัย สีห
ตรีทศกลับเข้ามาในห้องที่ยศนอนสงบนิ่งอยู่ ในขณะที่คนอื่นๆ ได้ออกไปจากห้องแล้ว เพราะการแยกตัวออกไปของเขาทำให้คลาดกับเพื่อนๆ คนอื่น ก่อนจะได้รับข้อความจากธนญว่าพวกเขาทั้งหมดไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารชื่อดังในตัวเมืองให้เขาตามไปสมทบ เมื่อเขาเปิดประตูออกไป ปลายหางตาของเขาได้เหลือบไปเห็นหญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงเสื้อผ้ามิดชิด คลุมด้วยแจ็คเก็ตสีดำ และหมวกแก๊ป กดลงต่ำเพื่อปิดบังใบหน้า แต่เมื่อเห็นเขาออกจากห้องของยศ กลับหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม ตรีทศเดินตามเพื่อให้แน่ใจว่าหญิงสาวที่เขาเห็นไม่ได้เข้าใจผิดว่าเป็นนิอร เพราะพนักงานสาวบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธรรมดาทำไมมาโผล่อยู่ที่นี่ และวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเขาเช่นนี้ แต่ยิ่งเดินเข้าใกล้หญิงสาวยิ่งเดินออกห่าง และหลบหายไปในที่สุดจนหาไม่เจอ ตรีทศมองไปรอบๆ ไม่พบใคร นั่นอาจเป็นความเข้าใจผิดของเขาเอง หรืออาจะเป็นความบังเอิญที่เห็นคนที่รูปร่างหน้าตาคล้ายเธอ และคิดมาก เพราะระบบของเขาเพิ่งถูกเจาะเข้ามาเมื่อไม่กี่นาที เขาพยายามหาเหตุผล และส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดนั้นไปเสีย ก่อนจะรีบตามธนญและเพื่อนๆไปที่ร้านอาหาร นิอรที่แอบดูตรีทศอยู่ห่างๆ
เมืองเหนือที่เดินกลับไปที่รถ เขาหยิบเสื้อยืดคอกลมตัวเก่งขึ้นมา ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดออก ด้วยไม่ได้รู้สึกอายหรือเขินต่อสายตาผู้คนที่มองมา ชีวิตง่ายๆ ของเขาทำให้เขาเองก็ลืมไปว่าเขาเองก็มีชื่อเสียงอยู่บ้างในฐานะน้องชายของเมืองนาย“คุณเหนือไม่รักษาภาพนายน้อยบ้างเลยหรือ”“อ้าว! มาเร็วจัง ก็แค่เปลี่ยนเสื้อน่ะ”“มาโชว์กลางที่สาธารณะแบบนี้เรียกเรตติ้งจากสาวๆ เหรอครับ”เมืองเหนือยิ้มก่อนจะเริ่มอายเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ สาวน้อยสาวใหญ่ต่างชี้ชวนกันมองเขาเป็นตาเดียว ก่อนที่เขาจะรีบพาภูผาไปที่ห้องพักของยศภูผามองผ้าปิดแผลที่คอของเมืองเหนือ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย ขณะที่เดินไปด้วยกัน“แผลนี่มายังไง ที่ได้เปลี่ยนเสื้อนั่น เพราะแผลนี่เหรอ”“หมากัดน่ะ”“หมากัด! หมาพันธุ์ไหนกัน กระโดดขย่ำถึงคอได้ขนาดนี้”เมือเปิดประตู้ห้องผู้ป่วยเข้าไป นิอรที่นั่งอยู่ข้างเตียงพี่ชายก็หันมา“หมาตัวนั้นไง”เมืองเหนือมองไปที่นิอร ก่อนจะเพยิดหน้าบอกกับภูผาว่านิอรคือหมาตัวที่กัดเขา ทำให้นิอรย่นหัวคิ้วจรดเข้าหากันสายตาดุดัน โกรธจัดที่เขาว่าเธอเป็นหมา นิอรกัดริมฝีปาก“นี่ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม”ภูผาหน้าเหว๋อ
เวลาเข้าสู่ช่วงดึกสงัด ตีสองที่เงียบสงบ ใบไม้ไม่ไหวติง อากาศที่เย็นยะเยือก น้ำค้างเปียกชุ่มบนยอดหญ้า หมอกที่ลอยต่ำ เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาแต่รู้สึกได้ว่ามีน้ำหนักกดลงบนพื้น หยุดอยู่หน้าระเบียง แสงไฟภายนอกที่ส่องเข้ามา แม้จะปิดม่านไว้หมด แต่ระหว่างช่องเปลือกไม่เล็กๆ กับพื้นห้อง นิอรพอจะมองเห็นเงา คล้ายกับเท้าคู่หนึ่งที่หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง“นั่นผีหรือคนกันแน่”ใจของนิอรเต้นระรัว เธอได้ยินเสียงตึกตักของหัวใจตัวเองราวกับกองรบในความมืด และอากาศที่เย็นเยียบ เมืองเหนือที่นอนบนเตียงอุ่นนุ่มสบาย เขาหลับเป็นตาย โดยมีเพียงเสียงหายใจแรงเพราะความเหนื่อยล้าของเขาที่นิอรได้ยินนิอรพยายามขยับกายถอยจากปลายเตียงมาอยู่ด้านข้างที่เขานอนอยู่ เธอห่อตัวด้วยผ้าห่ม ยันกายขึ้นติดผนังไม้หันไปมองใบหน้าเมืองเหนือที่ดวงตาปิดสนิท เธอมองเขาสลับกับเงาที่ประตู อยู่ ๆ ลมที่เคยสงบกลับกรรโชกแรงจนเสียงกิ่งไม้กระทบกันดังสนั่น อากกาศในห้องเย็นยะเยือกจนหนาวเหน็บแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย“เมืองเหนือ”เสียงกระเส่าของนิอรที่พยายามเรียกเมืองเหนือให้ตื่น เธอแทบไม่กล้ากลืนน้ำลายด้วยซ้ำ นิอรหลับตาเอียงหน้าไปทางเมือง
เมืองเหนือไล้หลังมือไปที่ผิวแก้มของนิอร ก่อนที่เธอจะจับมือเขาไว้ และลืมตาขึ้น ยกตัวขึ้นอย่างรีบร้อนพร้อมกับปล่อยมือจากเขาทันที จนผมที่ตัวเองนอนทับกระตุกอย่างแรงจนต้องร้องออกมา ก่อนจะจับที่โคนผมของตัวเองเพราะความเจ็บ “โอ๊ย!” “ทำไมไม่ไปนอนที่เตียง ไม่ปวดหลังเหรอ” “ไม่อยากให้คุณลำบากใจ” “คุณมีไข้ ไปนอนที่นั่นเถอะ ตัวเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวทานยาแก้ไข้ของผมไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยขอใหม่ที่ห้องพยาบาล” นิอรลุกขึ้นเดินโซซัดโซด้วยอาการมึนงง ก่อนจะเข่าอ่อน แต่ทันคว้าแขนเขาไว้ได้ เมืองเหนือช่วยพยุงเธอขึ้น แต่เหมือนร่างกายเธอจะไม่มีแรง เขาจึงตัดสินใจรวบขาทั้งสองอุ้มเธอขึ้นอย่างง่ายดาย ก่อนจะวางลงบนเตียงพร้อมกับห่มผ้าให้ จากนั้นก็หยิบยาแก้ไข้ของเขาในถุงยื่นให้เธอพร้อมน้ำดื่ม นิอรรับไปดื่ม เพราะในเวลาเช่นนี้เธอเองก็ไม่อยากป่วยเช่นกัน อแบมองและหลบสายตาเขาอย่างกริ่งเกรง “ผลัดกันหรือไงเนี่ย พอผมดีขึ้น คุณก็ป่วย” นิอรตะแคงตัวหันหลังให้เขาเสียอย่างนั้น เมืองเหนือสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เธอมีต่อเขา จากคำถามก่อนหน้านั้น เธอเปลี่ยนไป และระวังตัวมากขึ้น พูดน้อยลง และพยายามอยู่ห่
เมืองเหนือที่ย้ายตัวเองไปแทนที่นิอร เขานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเล็กนั่น มองออกไปยังด้านนอกที่ฝนเริ่มซาลงมาก น้ำที่เคยไหลบ่าเป็นทางเริ่มซึมหายไปในดินได้ง่ายขึ้น ไม่เจิ่งนองเหมือนเดิม ร่องรอยคราบโคลนที่ไหลบ่ายังคงมองเห็นเด่นชัด ไข้ของเขาลดลงไปมาก เพราะการได้รับยาอักเสบบาดแผล และลดอากการปวดบรรเทาไข้นิอรยังคงนอนนิ่งหลับจากที่ทานยาไปแล้ว เมืองเหนือนั่งอ่านรายงานวิจัยที่ต้องทำข้อมูลสรุปส่งให้กับ ที เอ็น ฟราแกรนซ์ ตามกำหนด หลังจากที่อนิลได้เดินทางมาดูงานด้วยตนเอง แม้อนิลจะเป็นน้องสาวของธนญ แต่เธอนั้นดูมุ่งมั่นและจริงจังกว่าธนญมาก เพราะความที่ยังเด็กและมีไฟในตัวเป็นสองเท่านั่นเอง งานของเขาคือความหวังในการขอทุนวิจัยชิ้นต่อไปของศูนย์นั่นเองนิอรที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นไฟที่ยังส่องสว่าง เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะพลิกกายหันกลับมา เมืองเหนือยังคงนั่งทำงานของเขา ใบหน้าที่จริงจังขณะนั่งอ่านเอกสาร ชวนหลงใหล นิอรติดอยูในภวังค์เพียงครู่เดียวก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมา นิอรลุกขึ้นนั่งช้าๆ ลองเอามือแตะหน้าผากตัวเอง เพื่อดูว่าอุณหภูมิร่างกายของตัวเองลดลงหรือไม่ เพราะอาการปวดหัวหายไปจนสิ้นแล้ว แล
นิอรที่แยกตัวออกมาเพียงลำพังจากเมืองเหนือ เธอนั้นทั้งเสียใจและแค้นใจ เจ็บใจตัวเองที่อ่อนแอต่อความรู้สึก ทั้งที่เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ทั้งที่รู้ ทั้งรู้ว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้ แต่เธอกลับใจอ่อนและยินยอมเอง สุดท้ายกลับรับไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดและข้อเสนอของเขานิอรได้รับข้อความแจ้งเตือนจากระบบของ The Bitch ตรีทศได้ตั้งใจส่งข้อความลับถึงเธอ เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ เรื่องที่เป็นความลับและบทสนทนาของพวกเขา ทำให้นิอรต้องหาที่เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าไปในระบบเธอตัดสินใจเข้าไปในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ไม่มีผู้คนมากนัก บรรยากาศร่มรื่นและเป็นส่วนตัว ในมุมที่แสนสงบ นิอรเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเก่งนั่งอยู่ในมุมส่วนตัวที่มิดชิด ไม่โดดเด่นนัก พร้อมสั่งเครื่องดื่มและขนมมาทาน“ผมเข้าไปดูในกล่องบันทึกห้องสนทนาของยศแล้ว”“คุณดูหมดทุกคลิปแล้วใช่ไหม”“ใช่ผมดูหมดแล้ว คุณรู้ใช่ไหมว่าชายคนนั้นเป็นใคร และอันตรายแค่ไหน”“ค่ะ ฉันรู้”“ต่อไปคุณต้องระวังตัวมากขึ้น และอย่าเปิดเผยตัวตนเด็ดขาด เบื้องหน้าให้เป็นหน้าที่ของพวกผม อย่าออกมาในที่แจ้ง คุณควรกลับมาที่กรุงเทพฯ ได้แล้ว”“ฉันยังกล
ธนญมองดูชิพอันเล็กที่อยู่ในซองพลาสติกด้วยสีหน้างุนงง เมืองเหนือวางมันลงบนโต๊ะ และใช้นิ้วดันไปตรงหน้าเขา ก่อนจะเอนหลังอย่างสบายใจ จนภูผาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่มองเขาอยู่ถึงกับย่นหัวคิ้วไม่ต่างจากธนญ“มันคืออะไร”ธนญถามเมืองเหนือด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหยิบซองเล็กๆ ขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์“ใช่ของที่คุณนิอรหาอยู่ไหม”“อืม”ภูผาถามนำคำตอบ เมื่อคำตอบเป็นอย่างที่เขาคิด ภูผาเองถึงกับเบิกตากว้างทันที ทำไมมันถึงมาอยู่ที่เขา ทั้งที่นิอรกลับไปแล้ว โดยที่เธอก็หามันไม่เจอ“ผมไม่ได้บอกคุณนิอรว่าผมหามันเจอ ไม่อยากให้เธอต้องเข้ามาข้อเกี่ยวกับสิ่งนี้ ที่มันอันตรายเกินไป”“นายดูมันหรือยัง ว่าข้างในมันคืออะไร”“ยัง ฉันอยากให้พวกเราดูพร้อมกัน”“อืม เย็นนี้ตรีทศกับสืบสายจะบินมาที่นี่เราไว้ดูพร้อมเขาแล้วกัน”สัญญาณเรียกเข้าโทรศัพท์ของภูผา ทำให้เขาต้องขอออกไปรับสายข้างนอก และปล่อยให้สองหนุ่มได้นั่งคุยกันไปก่อน อังคณาโทรหาเขา เพราะเห็นว่าเขาหายไปหลายวันแล้ว และไม่ได้แวะไปหาเธอที่บ้านเหมือนเคย“คุณงานยุ่งเหรอ หายไปไหลายวัน”“ครับ พอดีคุณเหนือไหว้วานให้มาดูแลเพื่อนของเขาที่นอนป่วย