ตอนที่ 1
นักเขียนนิยาย
ปลายนิ้วเรียวของฉันกดลงบนแป้นพิมพ์โปร่งใสที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างรวดเร็วและไม่มีหยุดชะงัก แต่สายตาของฉันไม่ได้มองไปยังตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่าสายตาของฉันมองตรงไปยังภาพตรงหน้าเพียงอย่างเดียว นั่นก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดฉากสำคัญตรงหน้าและก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดการบันทึกเรื่องราวที่เห็นฉันจึงขยับนิ้วพิมพ์บรรยายอย่างรวดเร็ว
แวมไพร์สาวฝังเขี้ยวลงไปบนคอของเหยื่อและดูดเลือดแสนอร่อยเข้าปากอย่างเชื่องช้าเพื่อลิ้มรสเลือดอันแสนหวานของชายหนุ่ม และชายหนุ่มผู้ถูกกัดก็ครางออกมาอย่างพอใจ ความสุขที่โดนกัดทำให้เขาล่องลอยไปสู่โลกอื่น?
ต่อด้วย...
ทั้งสองพาร่างของกันและกันไปต่อที่เตียงโดยที่ไม่ยอมผละออกจากกันแม้แต่เสี้ยววินาที เสื้อผ้าของทั้งสองถูกกระชากออกโดยฝีมือของฝ่ายตรงข้าม ไม่นานพวกเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่บนร่างกาย แวมไพร์สาวคลอเคลียริมฝีปากไปทั่วแผงอกอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มก่อนที่จะกัดไหล่ของชายหนุ่มอย่างรักใคร่(?) คู่รักที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดและความดิบเถื่อนเช่นนี้มันช่างเร้าใจนัก มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปทั่วร่างหญิงสาวและไปหยุดที่....
ผลัวะ!!
ยังไม่ทันได้บันทึกฉากพิเศษหัวของฉันถูกตบคว่ำด้วยฝีมือของใครบางคน ฉากที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของปีศาจสองตนหายวับไปทันที แป้นพิมพ์ที่ใช้พิมพ์เมื่อครู่ก็จางหายไปเช่นกัน
“นิรา! ฉันเรียกเธอตั้งนานทำไมไม่ตอบสักที!” แพรว เพื่อนสาวของฉันตะโกนใส่หูของฉันอย่างโมโห ฉันกะพริบตาปริบๆ และมองสถานที่ปัจจุบันของตัวเอง ฉันยังนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านของตัวเอง
“โทษที” ฉันหันไปขอโทษแพรวเบาๆ เมื่อรวบรวมสติได้
ฉันมีชื่อว่านิรา นามปากกาจากการเขียนนิยายก็คือ เลล่า ฉากที่ฉันเห็นและบรรยายไปเมื่อกี้ไม่ใช่อะไร มันก็คือการมองข้ามโลกของฉัน พลังนี้เรียกว่า God eyes หรือจะเรียกว่า ดวงตาพระเจ้า ก็ได้ ซึ่งการใช้มันก็เหมือนกับการถอดจิตไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอื่น
ฉันได้รับพลังนี้มาจากคนที่เรียกว่าตัวเองคือ พระเจ้า จากทางจดหมายที่ส่งผ่านมาทางเมล์ คนที่เรียกว่าตัวเองคือ พระเจ้า บอกกับฉันว่าฉันเป็นอีกหนึ่งคนที่จะสามารถช่วยโลกได้โดยให้คำอธิบายว่าในตอนนี้โลกมากมายต่างหมดพลังและกำลังแตกสลาย การที่จะช่วยให้โลกเหล่านั้นอยู่ต่อไปได้ก็คือ บุคคลจากโลกอื่นจะต้องรับรู้การมีอยู่ของคนจากอีกโลก ความรู้สึกของคนจากอีกโลกที่มีต่อคนจากอีกโลกจะทำให้โลกที่กำลังล่มสลายได้รับพลัง
ซึ่งวิธีที่จะทำให้คนจากต่างโลกจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกโลกได้ก็คือการอ่าน
ข้อสรุปจึงออกมาว่า นักเขียนสามารถช่วยได้ ซึ่งนักเขียนผู้ถูกเลือกก็จะต้องใช้พลังดวงตาพระเจ้าที่ได้รับมองข้างไปยังอีกโลก จากนั้นก็เลือกก็ได้มาและเอาเรื่องราวชีวิตของคนคนนั้นมาเขียนเป็นนิยายลงเว็บ Go - D เพื่อให้ผู้คนจากต่างโลกได้อ่าน
นักอ่านที่มีความรู้สึกร่วมกับนิยายเหล่านั้นก็จะสามารถสัมผัสได้ว่าตัวละครในหนังสือเหล่านั้นมีตัวตนอยู่จริง สิ่งพวกนั้นจะช่วยเป็นพลังให้กับโลกที่พวกเขารู้จักในนามของนิยายเรื่องหนึ่ง
ส่วนเว็บ Go - D เป็นเว็บอ่านนิยายที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านและลงนิยายของตัวเองฟรี ก่อนที่ฉันจะได้รับดวงตาพระเจ้ามาฉันก็เขียนนิยายของตัวเองและนำไปลงในเว็บ Go - D แห่งนี้จนกระทั่งมีสำนักพิมพ์หันมาสนใจ นิยายบางเรื่องของฉันจึงได้กลายเป็นเล่มไปแล้ว นับตั้งแต่นั้นมาฉันก็ตัดสินใจที่จะทำอาชีพเป็นนักเขียนนิยายหลังจากเรียนจบมหาลัย
ฉันเขียนนิยายมากมายตามอารมณ์จนกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในหมู่คนอ่านนิยายแฟนตาซี จนกระทั่งเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่เพิ่งฉันได้รับพลังมา ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้รับความสนใจจากพระเจ้าจนได้พลังดวงตาพระเจ้ามาพร้อมกับระบบ Writer
อย่างที่บอกไปดวงตาพระเจ้าทำให้ฉันรู้ว่าโลกในมิติอื่นมีอยู่จริงและมันมีโลกที่ฉันไม่รู้จักมากกว่าจำนวนดวงดาวบนฟ้าซะอีก มันมีทั้งโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยปีศาจและเวทมนต์และโลกอนาคตที่การเดินทางระหว่างดวงดาวเป็นเรื่องปกติ
ในตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างกับพลังนี้จึงลองผิดลองถูกไป นั่นทำให้ฉันได้รู้ว่าระหว่างที่ฉันมองข้ามมิติไปยังอีกโลก เวลาของโลกที่ฉันอาศัยอยู่และโลกเหล่านั้นมันต่างกัน หนึ่งวันของอีกโลกจะเท่ากับห้านาทีของโลกที่ฉันอาศัยอยู่ และด้วยระบบ Writer ที่ได้มาพร้อมกับดวงตาพระเจ้าฉันสามารถทำได้หลายอย่าง เช่นเรียกแป้นพิมพ์และหน้าจอข้อมูลออกมาจากกลางอากาศได้ตลอดเวลา อย่างที่ฉันทำตอนแรก ดูสิ่งที่เกิดขึ้นและพิมพ์บรรยายเป็นตัวอักษรไปด้วย
ที่จริงมันสามารถกดบันทึกวิดีโอได้ด้วยแต่ฉันไม่ทำเพราะอยากเห็นฉากเหล่านั้นด้วยตาของตัวเอง พอได้บรรยายในระหว่างที่ดูด้วยตาตัวเองมันได้อารมณ์ดีกว่าตั้งเยอะ
ที่ผ่านมาฉันทดลองเขียนตอนสั้นมาหลายเรื่องจึงรู้ว่าเมื่อยอดวิวเพิ่มขึ้นหนึ่งฉันจะได้เหรียญเงิน 100 เหรียญ หากมีหนึ่งความคิดเห็นฉันก็จะได้เหรียญทอง 100 เหรียญ มันจะปรากฏขึ้นมาในแอปพลิเคชัน Writer shop ที่อยู่ในระบบ Writer อีกที ฉันสามารถนำเหรียญไปแลกเงินจริงได้ด้วย ซึ่งเหรียญทอง 1 เหรียญแลกเป็นเงินบาทได้ตั้ง 1000 บาท! แถมยังสามารถใช้เหรียญซื้อสินค้าต่างๆ ใน Writer shop ได้อีกด้วย
ไม่ออกจากบ้านมันแล้วโว้ย! นั่งปั่นนิยายทั้งวันดีกว่า!
แม้บางครั้งฉันจะคิดว่าการทำแบบนี้มันใช่การเขียนนิยายแน่เหรอ? ทั้งที่นิยายควรมาจากจินตนาการของผู้เขียนที่สามารถเขียนเล่าออกมาเป็นเรื่องราว สิ่งที่ฉันทำก็เหมือนการบันทึกชีวิตของคนอื่นเพียงเท่านั้น แต่ฉันก็ได้เลิกคิดเรื่องนี้ไปเพราะสิ่งที่ฉันทำมันช่วยโลกที่น่าสนใจเหล่านั้นให้คงอยู่ต่อไปได้
ฉันสนุกกับการมองไปยังต่างโลกและมีความสุขกับเงินมากมายที่ได้มา และที่สำคัญ ฉันสนุกที่คนอื่น ๆ ได้อ่านเรื่องราวของคนที่ฉันเลือกบันทึกเป็นตัวอักษรให้พวกเขาได้อ่าน
“ยัยนิราตกลงเธอฟังฉันรึเปล่า!?” แพรวเริ่มโมโหหนักกว่าเดิมเมื่อฉันเผลอเหม่อลอยไป แหม เผลอเล่าซะยาวเลย
“ฟังสิ ฟัง....ว่าแต่ เธอพูดว่าอะไรนะ?” และฉันก็ถูกตบหัวไปอีกทีหนึ่ง แพรวเริ่มบ่นเมื่อเห็นฉันอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน ด้วยเหตุนี้เองบทสรุปจึงออกมาว่าฉันต้องออกจากบ้าน
เพียงไม่นานแพรวก็ลากฉันเข้าไปในห้างที่แสนจะเย็นฉ่ำจนหนาว เราเดินเข้าไปในร้านอาหารเป็นอย่างแรกเพราะตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยงแล้วฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย
“กินเยอะๆ ช่วงนี้เธออยู่แต่ในบ้านได้ทานอาหารครบเวลาบ้างไหมก็ไม่รู้” แพรวบ่นออกมาอีกแล้ว แต่ฉันดูออกว่าเธอเป็นห่วงฉันมาก ฉันยิ้มให้แล้วเริ่มยัดข้าวเข้าปาก แต่ขณะที่เคี้ยวข้าวอยู่นั่นฉันก็หันไปเห็นคู่รักที่นั่งโต๊ะข้างหน้า
นี่เป็นการมาออกเดตครั้งแรกของพวกเขา หญิงสาวสั่งอาหารอย่างเงอะงะขณะที่สายตามองเมนูอาหารสลับกับใบหน้าชายหนุ่ม ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่าถูกแอบมองจึงเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม เขาขยับยิ้มขำเบาๆ กับความน่าเอ็นดูของเธอ เห็นแล้วมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่เท้าคางแล้วจ้องมองหญิงสาวตอบ ฝ่ายหญิงเขินอายกว่าเดิม
ว้าว! คู่รักที่น่าอิจฉา คู่นั้นก็ด้วย เห็นแล้วอดบรรยายไม่ได้เลยแฮะ คิดแล้วอยากกลับไปเขียนนิยายจริงๆ
“ตั้งใจกินหน่อย เหม่ออะไรอีก เพราะไม่ได้กินข้าวตามเวลาสินะสติสตังถึงหายไปหมดแบบนี้” แพรวเอ่ยเตือนฉันอีกครั้ง ฉันจึงรีบกินแล้วควักโทรศัพท์ออกมา ฉันกดอัพเดตนิยายที่ได้เขียนไปก่อนหน้านี้ก่อนที่จะถูกแพรวลากออกจากบ้าน มันเป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับความรักของแวมไพร์สาวตนหนึ่ง แม้มันจะถูกตัดฉากกลางคันตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่ก็พอถูไถไปได้ อีกอย่างยังไงฉันก็ไม่คิดจะเขียนเรื่องติดเรทอยู่แล้วเพราะทุกครั้งที่เห็นเรื่องติดเรทฉันจะจดจ่ออยู่กันมันจนลืมเขียนบทบรรยายออกมา..
เมื่ออัพเดตลงไปแล้วฉันก็รอความคิดเห็นของนักอ่านอย่างใจจดใจจ่อ!
“ยัยนิรา! ดาราเกาหลียืนอยู่นั้น!”
“หือ!? ไหน?” ฉันเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ฉันก็ไม่เห็นอย่างที่หวังเลย ฉันจึงรู้ว่าโดนหลอกซะแล้ว “เล่นอะไรเนี่ย” ฉันหันไปทำหน้าบูดใส่เพื่อนสาว
“ก็เธอเอาแต่ก้มหน้ามองมือถือนี่หว่า คนหล่อระดับดาราเดินผ่านเธอก็คงไม่มีวันรู้ตัวหรอก” แพรวส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เธอเริ่มเหมือนแม่ของฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เดินผ่านไปสิยังไงผู้ชายต่างโลกก็หล่อกว่า” พึมพำเบาๆ
“อะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร” ฉันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก้มอ่านความคิดเห็นที่เด้งขึ้นมาเรื่อย ๆ
“ไปดูหนังกันต่อไหม” แพรวเสนอ
“ไปสิ” ฉันพยักหน้าหงึกหงักขณะไล่อ่านความคิดเห็นของนักอ่านต่อ
จิ้งจกแดง: มันได้อารมณ์ยิ่งนัก แต่ถ้ายาวกว่านี้จะดีกว่านะคุณเลล่า
ดอกบัวแดง: ใช่ ช่วงนี้คุณแต่งเรื่องสั้นเยอะเกินไปแล้ว
แพนด้าแดง: กลับมาแต่งนิยายเรื่องยาวเถอะคุณเลล่า พวกเรารออยู่!
ไก่แดง: เราโหยหาเรื่องยาวของคุณแล้ว!
และอีกหลายความคิดเห็นที่ขอให้ฉันกลับไปเขียนนิยายเรื่องยาวอีกครั้ง พวกเขาส่งเสียงเชียร์กันเต็มที่จนมันส่งมาถึงฉัน ฉันอยากเขียนนิยายเรื่องยาวตอนนี้! ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งกลับบ้าน
“เดี๋ยว! เธอจะไปไหนน่ะนิรา!” แพรวเรียกไว้แทบไม่ทัน
“ไม่ดูหนังแล้ว ฉันต้องกลับบ้านด่วน!” ฉันรีบวิ่งกลับบ้านทันทีไม่สนเสียงเรียกของแพรวที่ร้องตามมา
“เธอรีบเรียนจบมหาลัยเพื่อมาเป็นนีทเหรอยะ!!”
ไม่มีอะไรมาหยุดจิตวิญญาณนักเขียนของฉันได้ ในขณะที่ฉันกำลังกระตือรือร้นฉันต้องรีบเคลื่อนไหวก่อนที่จะหมดไฟ ฉันกลับถึงบ้านในเวลาที่รวดเร็วกว่าตอนออกจากบ้าน จากนั้นฉันก็ตรงไปนอนบนเตียง ฉันคิดว่าจะไปส่องอีกโลกหนึ่งสักเดือนหนึ่งหรือสองชั่วโมงในโลกนี้ ฉันเป็นพวกนั่งเกินชั่วโมงไม่ได้เพราะมันจะปวดเมื่อยร่างกายมาก ฉันจึงต้องนอนนี่ล่ะ
เมื่อจัดท่าเรียบร้อยฉันก็หลับตาลง ไม่ใช่ความมืดที่ฉันเจอแต่เป็นท้องฟ้าที่สดใส ตอนนี้ฉันอยู่ในร่างจิตที่คล้ายกับร่างวิญญาณ ข้อดีของร่างนี้คือจะไม่มีใครสามารถมองเห็นฉันได้และร่างกายก็นี้เบามากและสามารถทะลุได้ทุกสิ่งอีกด้วย และร่างจิตของฉันก็มีรูปลักษณ์เหมือนฉันทุกอย่าง ทั้งความสูง 160 เซนติเมตร เส้นผมสีดำยาวและดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
แต่ชุดที่ฉันสวมมันไม่เหมือนชุดที่ฉันสวมในโลกของตัวเอง มันเป็นชุดกระโปรงยาวสีดำและรองเท้าส้นสูงสวยงามที่ฉันไม่ค่อยใส่ในโลกของตัวเองเพราะกลัวสะดุดล้มกลางสาธารณะ และที่ฉันชอบที่สุดก็คือต่างหูกระดิ่งแก้วคู่นี้! ซื้อมาจาก Writer Shop เลยนะเนี่ย
พวกมันจะส่งเสียงไพเราะทุกครั้งที่ฉันขยับ พวกมันโดดเด่นมากเพราะเป็นกระดิ่งแก้วที่ส่องประกายสีขาวอ่อนๆ ถึงมันดูจะเป็นขั้วตรงกันข้ามกับชุดที่ฉันใส่ก็เถอะ แต่มันก็เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด!
เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องของตัวเองจะดีกว่า ฉันล่องลอยเข้าไปในต่างโลกทันที โลกที่ฉันเลือกไปก็คือโลกปีศาจ ฉันเข้ามาที่นี่บ่อยเพราะที่นี่มีปีศาจที่เหมาะจะเป็นตัวละครเอกอยู่เยอะ โดยเฉพาะแวมไพร์ ฉันชอบเผ่านี้ที่สุด
ฉันไปหาปีศาจที่น่าจะมาเป็นตัวเอกในเรื่องยาวนี้
แต่ฉันก็ไม่พบปีศาจที่มีเรื่องราวแปลกใหม่เลยเพราะฉันเข้ามาเขียนบ่อย ๆ หากเขียนออกไปในพล็อตเดิม ๆ มันก็จะมีแต่บรรยากาศเดิม ๆ ไม่น่าสนใจ และหากฝืนเขียนออกไปมันก็เป็นเพียงเรื่องราวชีวิตประจำวันแทนที่จะเป็นเรื่องราวชีวิตที่น่าตื่นเต้น ฉันจึงแวะไปหาปีศาจที่ฉันเคยจับเอามาเขียนเป็นตัวเอกนิยายเรื่องสั้น ซาตานหัวแดง มังกรหัวเขียว พวกนี้หล่อไม่พอนิสัยยังเป็นพระเอกของนักอ่านหญิงหลายๆ คน
พวกเขาดังมากในเรื่องสั้น
ติ่ง!
ในขณะที่ฉันกำลังมองหาตัวละครที่น่าสนใจอยู่นั้นเสียงเตือนข้อความก็ดังเข้ามาผ่านระบบส่งข้อความของ Writer ฉันโบกมือกลางอากาศ หน้าจอโปร่งใสก็ฉายขึ้นมา มันเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่คล้ายกับของอนาคตในหนังมาก ๆ เลยล่ะ ฉันกดเข้าไปในข้อความที่ส่งมาและกวาดสายตาอ่านอย่างแปลกใจ
[ข้าเห็นว่าเจ้าหาตัวเอกเรื่องใหม่ข้าแนะนำให้เจ้าไปโลก MP จาก พระเจ้า]
ข้อความสั้นๆ ที่แนะนำมาทำให้ฉันสนใจ พระเจ้าถึงกับแนะนำมาเองอย่างนี้ไม่ไปได้ยังไง ฉันไปตามพิกัดของโลก MP ที่พระเจ้าส่งมา ภาพรอบตัวของฉันค่อยๆ หายไปและปรากฏภาพใหม่ขึ้นมาแทน จากอาคารยุโรปในยุคกลางได้เปลี่ยนเป็นตึกกระจกสูงแทน มันเหมือนตึกในยุคของฉันมาก
ฉันสงสัยว่ามันเป็นโลกที่น่าสนใจตรงไหน แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงฉันก็เห็นคนลอยผ่านหน้าไป ตามด้วยรถตำรวจลอยได้...
“จอมโจรหน้ากาก เราเตือนแกว่าอย่ามาป้วนเปี้ยนที่เมืองมิลเลอร์ของเราอีก!"”เสียงตะโกนดังผ่านลำโพงของรถตำรวจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! แน่จริงก็จับฉันให้ได้สิ!” จอมโจรที่ว่าหัวเราะเยาะและรีบกระโดดหนีอย่างว่องไว ฉันมองตามไปอย่างสนใจ
“จอมโจรหน้ากากอีกแล้วเหรอ?”
“ฉันว่าจอมโจรเคไอดีเท่กว่าตั้งเยอะ พลังจิตของเขามีหลากหลายจนฉันไม่รู้เลยว่าอันไหนคือพลังของเขา”
ฉันได้ยินคนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่ากันอย่างนั้น ดูเหมือนว่าโลกนี้จะไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ฉันคิดแวบแรก มันเป็นโลกสมัยใหม่ที่มีวิทยาการล้ำสมัยและทุกคนก็ใช้พลังจิตกันจนเป็นเรื่องปกติ จากที่ฉันได้สำรวจ ดูเหมือนว่ากฎเกณฑ์ในโลกนี้จะไม่มีผลสำหรับผู้ใช้พลังเท่าไหร่ อาชญากรค่อนข้างเกลื่อนโลก
นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ เหตุผลที่ฉันไปโลกปีศาจบ่อย ๆ ก็เพราะกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตไม่ค่อยมีมาก มันอิสระมาก
โลกนี้เป็นโลกที่เหมือนจะมีวิทยาการที่ดีกว่าโลกของฉันบวกกับเรื่องการใช้พลังจิตด้วยแล้วมันทำให้โลกนี้น่าสนใจ
ฉันตื่นเต้น น่าสนุกจริงๆ! ฉันทนแทบไม่ไหวที่จะเขียนเรื่องราวของใครสักคนให้กลายเป็นนิยายด้วยการบรรยายของฉันแล้ว!
ตอนที่ 2ฉันได้พระเอกแล้ว!ว้าว! ผู้ชายคนนั้นน่าสนใจจริงๆ!ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีเทา ดวงตาคมกริบสีแดงและใบหน้าคมเข้ม ไม่มีหญิงใดที่ไม่เหลียวมองตามหลังเขาไป ขายาวของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขณะที่ดวงตาคมกริบของเขายังคงกวาดสายตามองไปรอบด้านเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งมันคือหน้าที่ของเขา เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องประชาชนจากผู้ร้ายที่ใช้พลังจิตในทางที่ผิดกฎหมายโอ๊ะ! คนนั้นก็หล่อไม่น้อย!เขานั่งไขว่ขาด้วยท่าทีสุขุม มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบช้า ๆ ขณะที่มืออีกข้างกวาดนิ้วไปบนหน้าจอไอแพด แต่ดวงตาเรียวไม่ได้มองไปที่หน้าจอไอแพดแต่อย่างใด เขาจ้องมองไปยังบุคคลหนึ่งโดยไม่ละสายตาไปมองทางอื่น สายตาของเขาตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวของบุคคลนั้น เพราะเขาคือนักสืบ!โอ๊ย!! ไม่ว่าจะคนไหนก็เหมือนจะเป็นตัวเอกได้หมด นิรากลุ้มใจจังค่ะ!ฉันกำลังมองหาตัวเอกของนิยายที่จะเขียนอยู่ในขณะนี้ ชื่อเรื่องและทิศทางของเนื้อเรื่องก็คิดไว้แล้วเรียบร้อยเหลือเพียงตัวเอกนี่ล่ะ หายากมาก! ในโลกนี้กำลังวุ่นวายเพราะมีอาชญากรเพิ่มมากขึ้น แบบนี้มันต้องมีตัวเอกที่รักความถูกต้องและพยายามกำจัดพวกองค์กรมืด! ถ้าได้ตัวเอกที่
ตอนที่ 3เขาต้องเป็นพระเอกที่แสนดี!หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป โคลว์ยังคงให้คีอาร์อาศัยอยู่ด้วย เขาไม่ขับไล่คีอาร์แถมยังเลี้ยงดูอย่างดี ดูเหมือนโคลว์ตัดสินใจที่จะรับเลี้ยงคีอาร์แล้ว เพราะเขาได้วางแผนที่จะส่งคีอาร์เข้าเรียนเมื่อคีอาร์อายุครบหกปีและเขาได้ทำทะเบียนระบุตัวตนของคีอาร์แล้วด้วยรับง่ายๆ เลยแฮะฉันจึงจดบันทึกในข้อมูลตัวละครไปว่าโคลว์คือผู้มีพระคุณของคีอาร์ไป และในอนาคตโคลว์คงจะกลายเป็นทั้งพ่อและครูของคีอาร์ไปด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้คีอาร์ได้แสดงก้อนสีดำกลมๆ เท่าลูกปิงปองให้โคลว์ได้เห็น เมื่อโคลว์ได้รู้ความสามารถของเจ้าลูกกลมๆ นั่นเขาก็ทำหน้าจริงจังมากในตอนนั้นฉันคิดว่ามันคงเป็นพลังที่อันตรายมากเขาถึงได้แสดงสีหน้าออกมาแบบนั้น ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้ก้อนกลมสีดำมันใช้ทำอะไรจึงขอให้คีอาร์ลองใช้มันเขายอมทำตามคำขอของฉันจึงได้แสดงความสามารถของตัวเองให้ฉันดูโดยการสั่งให้เจ้าลูกกลมๆ นั่นกินอาหารบนโต๊ะ ปรากฏว่าก้อนกลมๆ นั่นเขมือบทั้งโต๊ะ มันไม่ได้กินแค่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างที่คีอาร์ต้องการ มันกินโต๊ะไปเลยล่ะ!!หายไปในชั่วพริบตาเลยด้วยฉันถึงกับกลุ้มใจ มันไม่เหมือนพลังของพระเอก มันโหดเก
ตอนที่ 4การเรียนรู้ของคีอาร์เช้าวันนี้คีอาร์ได้เริ่มฝึกงานเป็นคนเสิร์ฟอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามความสามารถที่ร่างเล็กของเขาจะทำได้ในร้านอาหารโคลเวอร์ ซึ่งเด็กที่โคลว์รับทำงานทั้งสามคนก็พากันสอนงานให้กับคีอาร์ พวกเขามีชื่อว่า โจนี่ โคนี่ และเจนอส พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กที่มาจากสลัมใกล้ๆทั้งสามทำงานกับโคลว์ก็เพราะพวกเขาจะซื้ออาหารไปเลี้ยงเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสลัม พวกเขาถือเป็นพี่ใหญ่เลยล่ะอนาคตถ้าเป็นพระเอกคงเป็นพระเอกสู้ชีวิต เก่งกาจ และใจดี ทำทุกอย่างเพื่อหาข้าวมาเลี้ยงน้อง ๆ ที่แทบไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลย เมื่อหันกลับมาดูพระเอกในตอนนี้ของฉัน คีอาร์มักจะไร้รอยยิ้มบนใบหน้า ไม่เหมือนเด็กคนอื่นที่มีรอยยิ้มสดใสได้ทุกเมื่อแม้จะเป็นเด็กจากกองขยะ ความใจดีจากใจก็ไม่มี ดูจากการตบหัวแมวและสุนัขครั้งนั้น เป้าหมายชีวิตก็ไม่มี เขาไม่แม้แต่จะอาลัยอาวรณ์ถึงบ้านที่จากมาอย่างกะทันหันเลยด้วยซ้ำ“คีอาร์ การต้อนรับลูกค้าเธอต้องยิ้มนะ” โคลว์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเสียงทุ้มและนุ่มนวลของเขา โคลว์เฝ้ามองคีอาร์ทำงานอยู่ตลอด เขามักจะพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อคีอาร์ทำได้ดี แต่มีปัญหาเดียวนั่นก็คือรอยยิ้มบนใบหน้
ตอนที่ 5ไปกลับสองอาทิตย์ผ่านไป หากนับรวมแล้วนี่ก็ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้วที่ฉันอยู่ที่นี่และคงประมาณสองชั่วโมงกว่าในโลกที่แท้จริงของฉัน การเลี้ยงดูเด็กยากกว่าที่คิด ไม่ใช่ว่าคีอาร์ดื้อ แต่เพราะเมื่อยัดอะไรเข้าสมองของเขาคีอาร์ก็จะตีความในแบบของเขา ซึ่งบางครั้งมันก็แปลกๆ จนต้องรีบตามแก้ให้เขาเข้าใจใหม่เขาเชื่อฟังมากจนฉันกังวลว่าเขาจะเชื่อคนอื่นที่สอนสิ่งผิดๆ ให้เขาแต่ฉันคิดว่าคงอยู่ที่นี่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว การเข้ามามองต่างโลกในแต่ละครั้งมันก็มีขีดจำกัดของมัน การเฝ้ามองเฉยๆ ก็เหนื่อยแล้ว ยิ่งต้องมีการสัมผัสสิ่งของที่ต่างโลกมันยิ่งกินพลังงานมากขึ้น ถึงขณะที่จิตวิญญาณมาที่นี่ร่างจริงของฉันจะเหมือนคนหลับธรรมดา แต่มันก็เป็นการกึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนจะพักแต่ก็ไม่พอฉันควรกลับไปพักสักชั่วโมงเพื่อเติมพลังงานไม่งั้นฉันอาจจะป่วยแต่ฉันไม่รู้ว่าจะบอกคีอาร์ไปยังไงดี เขาติดฉันมากขึ้น ฉันเคยหายไปสืบข่าวเกี่ยวกับโลกนี้เพียงครู่เดียวคีอาร์ก็ลนลานตามหาฉันซะทั่วจนโคลว์สงสัยมากกว่าเดิมว่าฉันมีตัวตนอยู่ และพอถึงเวลานอนเขาก็จะใช้ฉันเป็นหมอนข้าง หากไม่มีฉันเขาก็จะนอนไม่หลับ ฉันว่าตัวเองกำลังสร้างนิสัยเสียให
ตอนที่ 6ปรากฏตัวร่างกายสูงโปร่ง ใบหน้างดงาม ดวงตาสีเขียวอ่อนเป็นประกาย ขนตางอนยาว ริมฝีปากบางสีชมพู เส้นผมสีน้ำตาลนุ่มลื่นพลิ้วไหว ดูยังไงจะหญิงก็ไม่เชิงจะชายก็ไม่เหมือนลักษณะเคะไม่ใช่เรอะ!? ฉันมองตามผู้ชายหน้าสวยไปอย่างไม่ละสายตาด้วยความรู้สึกหลงใหล แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปเมื่อผู้ชายหน้าสวยไปควงแขนผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเข้าไปในโรงแรมใกล้ๆ ......เคะจริงๆ ด้วยฉันมองหาคนใหม่ทันที ฉันจะเขียนนิยายแนวสืบสวนแฟนตาซีไม่ใช่นิยายแนววาย!การค้นหาคนที่ตรงตามความต้องการเป็นเรื่องที่ยากมาก ฉันลองแวะเข้าสถานีตำรวจแล้ว แต่ก็ไม่มีคนที่น่าสนใจสักคนโดยเฉพาะเป้าหมายในชีวิต มันจืดชืดจนไร้รสชาติเลยทีเดียวฉันจึงคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ หากไม่มีตำรวจที่น่าสนใจก็ไปหานักสืบซะสิ! นักสืบเอกชนที่ไม่ขึ้นตรงต่อใคร เป็นพวกที่สอดรู้ แค่ก! หมายถึงอยากรู้อย่างเห็นกับคดีที่เกิดขึ้นมากที่สุด ฉันอยากตามหาคนที่เหมือนตัวละครเอกการ์ตูนเรื่องนั้นไง เรื่องนั้น! เมื่อตัดสินใจได้แล้วฉันก็ตามหาสำนักงานนักสืบเอกชน เนื่องจากสำนักงานนักสืบมีมากมายหลายแห่งฉันจึงต้องตรวจสอบประวัติของคนพวกนั้นอย่างละเอียดเพื่อจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ท
ตอนที่ 7ประวัติสามวันผ่านไปหลังจากเกิดเรื่องคีอาร์พังร้านโคลเวอร์ วันนี้เป็นวันแรกที่ร้านอาหารโคลเวอร์จะได้เปิดร้านอีกครั้งหลังจากซ่อมแซมเสร็จ โคลว์และคีอาร์ตื่นกันแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน มีแค่ฉันที่ยังนอนจนถึงแปดโมงเช้าเพราะยังไงฉันก็ไม่มีบทบาทให้ทำอยู่แล้วเมื่อตื่นดีแล้วฉันก็ลงไปข้างล่างที่เป็นร้านอาหาร ฉันพบว่าทุกคนกำลังทำงานกันอยากหนัก เจนอส โคนี่ และโจนี่ที่หยุดงานไปสองวันขยันขันแข็งกันอยากมาก คีอาร์ที่ตัวเล็กก็ยังพยายามทำงานหนัก ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องขึ้นมาเลยล่ะ“อรุณสวัสดิ์ คีอาร์” ฉันทักทายน้องชายตัวน้อยที่กำลังนั่งเช็ดจานอยู่ “อรุณสวัสดิ์โคลว์” ฉันเอ่ยพลางเคาะนิ้วลงบนแก้วที่วางอยู่ตรงหน้าโคลว์ มันคือข้อตกลงของฉันและโคลว์ เมื่อฉันเข้าใกล้เขาฉันจะต้องส่งสัญญาณบางอย่างให้เขารู้ตัวว่าฉันอยู่ใกล้ๆเสียงเคาะแก้วทำให้โคลว์รู้ตัวว่าฉันอยู่ตรงนี้แล้ว เขามองเล็กน้อยและยิ้มเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ “เลย์” คีอาร์หน้าบูดเมื่อฉันทักทายโคลว์ เขามักจะเป็นแบบนี้เพราะหวงฉัน นิสัยของเด็กติดแม่ชัดๆ ไม่สิ! พี่สาวต่างหาก!ซึ่งวิธีที่จะทำให้เขาหยุดทำหน้าบูดก็มีวิธีเดียวฉ
ตอนที่ 8นักสืบหมายเลขศูนย์ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าชื่อนิยายที่มีซีโร่เป็นตัวละครเอกจะมีชื่อเรื่องว่าอะไร เนื่องจากว่ามันเป็นนิยายแนวสืบสวนและซีโร่ก็ทำอาชีพเป็นนักสืบ ชื่อเรื่องก็ต้องเป็น นักสืบหมายเลขศูนย์ ที่เป็นหมายเลขศูนย์ก็เพราะเขาชื่อซีโร่นี่เองส่วนของคีอาร์คงต้องเลื่อนออกไปก่อนอีกยาวๆ เพราะคีอาร์ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หากเขาไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเรื่องราวของคีอาร์คงเป็นอะไรที่ไม่น่าสนใจ ซึ่งฉันก็ไม่รีบร้อนเพราะคีอาร์พึ่งจะอายุแค่ห้าขวบเองแต่อย่างไรก็ตามฉันต้องการที่จะเริ่มเรื่องราวของซีโร่เร็วๆ ฉันจึงอธิบายกับคีอาร์ว่ามีธุระอื่นที่ต้องไปทำจึงขอแยกตัวออกไป แน่นอนคีอาร์ที่ติดฉันอย่างเหนียวหนึบไม่ยอมรับ ฉันจึงต้องให้สัญญาว่าจะกลับมาอยู่กับเขาเท่าที่จะทำได้เมื่อทำให้คีอาร์หายงอแงแล้วฉันก็ไปฝากฝังกับโคลว์ให้ดูแลคีอาร์ ฉันหวังว่าเขาจะสอนคีอาร์อย่างดีเมื่อหมดห่วงเรื่องคีอาร์แล้วฉันก็เข้าสู่โหมดจริงจังกับงาน การบอกเล่าเรื่องราวของคนอีกโลกไปให้คนอีกโลกได้รับรู้ผ่านตัวอักษรคือหน้าที่ของฉันที่เป็น นักเขียนฉันได้เริ่มเขียนบทนำของ ซีโร่ ริคเกอร์ขาเรียวก้าวเดินไปบนพื้นที่นองไปด้วยน้ำส
ตอนที่ 9เยี่ยมบ้านสองอาทิตย์แล้วที่ฉันติดตามซีโร่แทบตลอดเวลาเนื่องจากบางครั้งฉันก็กลับไปหาคีอาร์เหมือนในคืนแรก เพราะความเหนื่อยล้าฉันจึงต้องการเติมพลังจากคีอาร์ ฉันไม่สามารถจมอยู่กับคดีตลอดเวลาเหมือนกับนักสืบที่มีสมองเป็นเหมือนเขาวงกตพวกนั้นได้อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันเขียนได้สามตอนแล้ว ตอนละยี่สิบหน้า เพราะงั้นฉันสามารถที่จะพักได้แล้ว ยังมีเวลาอีกมากให้เขียนเพราะในโลกของฉันก็เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าเอง ฉันกำหนดไว้ว่าจะฉันจะลงนิยายวันละตอนสองตอนเพื่อให้ได้รับความสนใจก่อนด้วย หากลงรวดเดียวฉันจะไม่ได้เหรียญทองจากความคิดเห็น แต่จะได้แค่เหรียญเงินจากยอดวิวอย่างเดียว สาเหตุคงไม่พ้นนักอ่านดันอ่านเพลินจนลืมแสดงความคิดเห็นหรือไม่ก็ขี้เกียจพิมพ์ล้วน ๆ ไม่ไหวๆด้วยเหตุนี้เองเมื่อวานนี้ฉันจึงลงเรื่องย่อของนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ลงในเว็บ Go - D นั่นก็เพื่อดูเสียงตอบรับว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งฉันก็ไม่ลืมลงรูปซีโร่ที่ถูกแปลงเป็นรูปวาดแล้วด้วยหวังว่านักอ่านของฉันจะไม่สนใจแต่หน้าตาของซีโร่นะ ควรสนใจเนื้อเรื่องสืบสวนที่ฉันพยายามบรรยายด้วยจะดีมาก!เรื่องการตอบรับฉันยังไม่รู้ผลทันทีเพราะโลกของฉั