ตอนที่ 8
นักสืบหมายเลขศูนย์
ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าชื่อนิยายที่มีซีโร่เป็นตัวละครเอกจะมีชื่อเรื่องว่าอะไร เนื่องจากว่ามันเป็นนิยายแนวสืบสวนและซีโร่ก็ทำอาชีพเป็นนักสืบ ชื่อเรื่องก็ต้องเป็น นักสืบหมายเลขศูนย์ ที่เป็นหมายเลขศูนย์ก็เพราะเขาชื่อซีโร่นี่เอง
ส่วนของคีอาร์คงต้องเลื่อนออกไปก่อนอีกยาวๆ เพราะคีอาร์ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หากเขาไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเรื่องราวของคีอาร์คงเป็นอะไรที่ไม่น่าสนใจ ซึ่งฉันก็ไม่รีบร้อนเพราะคีอาร์พึ่งจะอายุแค่ห้าขวบเอง
แต่อย่างไรก็ตามฉันต้องการที่จะเริ่มเรื่องราวของซีโร่เร็วๆ ฉันจึงอธิบายกับคีอาร์ว่ามีธุระอื่นที่ต้องไปทำจึงขอแยกตัวออกไป แน่นอนคีอาร์ที่ติดฉันอย่างเหนียวหนึบไม่ยอมรับ ฉันจึงต้องให้สัญญาว่าจะกลับมาอยู่กับเขาเท่าที่จะทำได้
เมื่อทำให้คีอาร์หายงอแงแล้วฉันก็ไปฝากฝังกับโคลว์ให้ดูแลคีอาร์ ฉันหวังว่าเขาจะสอนคีอาร์อย่างดี
เมื่อหมดห่วงเรื่องคีอาร์แล้วฉันก็เข้าสู่โหมดจริงจังกับงาน การบอกเล่าเรื่องราวของคนอีกโลกไปให้คนอีกโลกได้รับรู้ผ่านตัวอักษรคือหน้าที่ของฉันที่เป็น นักเขียน
ฉันได้เริ่มเขียนบทนำของ ซีโร่ ริคเกอร์
ขาเรียวก้าวเดินไปบนพื้นที่นองไปด้วยน้ำสีแดง เจ้าของขาเรียวหยุดเดินลงเบื้องหน้าร่างของชายวัยกลางคนที่ร่างกายถูกอาบไปด้วยเลือดสีแดง ดวงตาสีน้ำตาลหลุบมองชายวัยกลางคนที่บาดเจ็บสาหัสอย่างเย็นชา ริมฝีปากเรียวขยับพูดขึ้นมาว่า “ลาก่อน” สั้นๆ ก่อนที่จะจ่อปืนไปที่หัวของชายวัยกลางคนและเหนี่ยวไกปืนอย่างไม่ลังเล หยดเลือดสีแดงที่สาดกระจายได้เปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวให้กลายเป็นสีแดง...
เดี๋ยวนะ เดี๋ยว! นี่ฉันคิดจะเปิดตัวพระเอกเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ด้วยบทเมื่อกี้จริงๆ น่ะเหรอ? แบบนั้นทุกคนไม่เข้าใจผิดไปหมดเหรอว่าซีโร่เป็นฆาตกรแทนที่จะเป็นนักสืบ!
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็คือช่วงที่ซีโร่ได้ทำการตามล่าตัวฆาตกรต่อเนื่อง เขาสามารถฆ่าผู้ร้ายได้เพราะเขาได้ร่วมมือกับตำรวจและได้รับอนุญาตให้สังหารได้หากผู้ร้ายหนีและมีโอกาสที่จะทำอันตรายประชาชน ซีโร่จึงไม่คิดจะจับเป็นเมื่อผู้ร้ายหนี เขาไล่ยิงปืนใส่คนร้ายไม่ยั้งและปิดท้ายโดยการยิงหัวไปเมื่อครู่
ซีโร่เลือดเย็นกว่าที่ฉันคิดไว้ หากฉันใช้ฉากเมื่อกี้เป็นฉากเปิดเรื่องนักอ่านคงหาว่าฉันตั้งชื่อนิยายผิด มันควรจะเป็น ฆาตกรหมายเลขศูนย์ แทนที่จะเป็น นักสืบหมายเลขศูนย์ แน่
เนื่องจากฉันไม่ต้องการให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นฉันจึงต้องคิดให้ถี่ถ้วนกว่านี้ในเรื่องฉากเปิด
แต่ดูจากตารางของซีโร่แล้วฉันถึงกับส่ายหัว นั่งหาข้อมูล เดินสำรวจที่เกิดเหตุ ไล่จับคนร้าย ซึ่งไล่ยิงเกือบทุกราย!
ซีโร่ ฉันคิดว่าช่วงนี้นายคงเครียด ฉันสามารถพานายไปหาสถานที่คลายเครียดได้นะ นายไม่จำเป็นต้องไปไล่ยิงคนร้ายคลายเครียดเลย!
ตัดบทนี้ไปก่อนเลย ฉันต้องหาฉากใหม่ในการเปิดตัว
นิยายสืบสวนส่วนมากจะเริ่มต้นด้วยปริศนาฉากฆาตกรรมก่อนจากนั้นตัวเอกก็จะเข้าไปสืบทีหลัง ฉันน่าจะเปิดตัวซีโร่โดยการให้เขาเดินเข้าไปในสถานที่ฆาตกรรมด้วยมาดของนักสืบมืออาชีพ นั่นน่าจะทำให้คนหลงรักซีโร่มากกว่า
ขณะนี้ซีโร่ได้กลับมาที่สำนักงานนักสืบของตัวเองแล้ว เขาจัดการซักเสื้อคลุมสีขาวที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาแล้วเข้าไปอาบน้ำ ฉันนั่งรออยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปแอบดูหนุ่มหล่ออาบน้ำแต่อย่างใด แต่ฉันน่าจะถ่ายรูปตอนเขาอาบน้ำไว้สักรูป...
ฉันไม่ได้หื่นกระหายอะไรนะ! มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่นักเขียนต้องทำต่างหากล่ะ! เพื่อให้นักอ่านจินตนาการถึงตัวละครได้ง่ายขึ้นฉันจะต้องถ่ายรูปตัวอย่างตัวละครไปด้วย ซึ่งระบบถ่ายรูปของระบบ Writer จะปรับเปลี่ยนรูปอัตโนมัติก่อนที่จะถูกเผยแพร่ไปอีกโลก
รูปจะถูกปรับเปลี่ยนจากรูปเหมือนคนจริงๆ เป็นรูปที่เหมือนถูกวาดออกมา กึ่งการ์ตูนกึ่งภาพเหมือนนั่นเอง แต่ถึงจะเป็นภาพกึ่งการ์ตูนกึ่งคนจริงแต่ยังไงนักอ่านสาวๆ ก็จะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง!
เพื่อการนั้นฉันแอบเข้าไปถ่ายรูปของซีโร่ขณะที่เขากำลังอาบน้ำโดยไม่ให้ติดส่วนนั่นมาด้วย เพราะเดี๋ยวจะมีข่าวว่านักอ่านบางคนสลบขณะที่อ่านนิยาย
เมื่อซีโร่อาบน้ำเสร็จแล้วเขาก็ไปนั่งอ่านข่าวต่อ จากที่ฉันรู้มาดูเหมือนเป้าหมายตอนนี้ของซีโร่ไม่ใช่แค่คลี่คลายคดีเพื่อได้ความจริง เขาพยายามที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรมาเฟียที่ชื่อว่า ชาโดว์แฟมิลี่
ฉันรู้มาแล้วว่าในเมืองมิลเลอร์แห่งนี้มีห้าขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุด ชาโดว์แฟมิลี่เป็นหนึ่งในนั้น และองค์กรนักฆ่าคาเรย์ที่เควินต้องการตามจับก็เป็นหนึ่งในห้าขั้วอำนาจเช่นกัน เพราะข้อมูลมันหายากเขาจึงไปหาข่าวจากโคลว์นั่นล่ะ
ที่ซีโร่เลือกที่จะตามสืบองค์กรนี้เพราะพวกมันมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจ...ในทางที่ไม่ดีเลยล่ะ บางครั้งพวกมันสามารถควบคุมการทำงานของตำรวจได้ ข้อมูลความจริงที่ตำรวจสืบมาได้อันไหนที่พวกมันไม่ต้องการให้ใครรู้ก็จะไม่มีใครได้รู้ หากมีใครรู้คนคนนั้นก็จะถูกฆ่าปิดปาก พ่อของซีโร่โดนเช่นนั้น
ก็อย่างที่ฉันได้อ่านข้อมูลของซีโร่ในตอนแรก เขาเป็นนักสืบเอกชนเพราะต้องการความอิสระแม้จะเสี่ยงมากก็ตาม
ซีโร่กลายเป็นตัวละครเอกในเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ของฉันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เขาตายไปก่อนแน่นอน!
ในเย็นวันเดียวกันนี้ซีโร่ได้รับสายจากผู้ว่าจ้างให้เขาไปหา ซึ่งสถานที่ที่ผู้ว่าจ้างนัดไปก็คืองานเลี้ยงในโรงแรมแห่งหนึ่ง ฉันจึงได้เขียนฉากเปิดตัวของซีโร่อย่างที่ต้องการ
ร่างสูงในชุดสูทสีขาวก้าวเดินไปบนพรมสีแดงตามทางเดินในโรงแรมแห่งหนึ่งอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันก็ก้มมองนาฬิกาสีเงินบนข้อมือซ้ายของตน ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงเล็กน้อย สองทุ่มห้าสิบห้า ใกล้ได้เวลานัดของเขาแล้ว
ตึก
ชายหนุ่มหยุดชะงักเท้าเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในงานเลี้ยงที่หรูหรา แต่วุ่นวายและเต็มไปด้วยผู้คนที่สวมหน้ากากเข้าหากัน การมาของเขาเรียกสายตาของผู้คนในงานเลี้ยงแห่งนี้ได้อย่างดี
ซีโร่ในชุดสูทสีขาวอย่างเป็นทางการเหมาะกับเขาจริงๆ ทุกคนในงานต่างมองมาที่เขาเพราะลักษณะที่โดดเด่น แต่อีกเหตุผลก็คือเขาเป็นนักสืบที่มีชื่อเสียงพอสมควร ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายกันทั้งนั้นจะไม่ให้หวาดระแวงเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
นัดพบกับผู้ว่าจ้างทั้งทีทำไมต้องเป็นงานเลี้ยงด้วยเนี่ย แต่ก็เหมาะเป็นฉากปรากฏตัวครั้งแรกของซีโร่อยู่บ้าง มาด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาผู้คนและก็....เจอคดีฆาตกรรมทันที
ใช่แล้วเจอคดีฆาตกรรมทันที ซีโร่มาถึงงานไม่ถึงสิบนาทีผู้ว่าจ้างที่เรียกเขามาก็ถูกพบว่าถูกฆ่าตายคาห้องน้ำของโรงแรมซะแล้ว
ซีโร่หรือว่านายคือ โค อะ นัน งั้นเหรอ!?
ซีโร่สั่งการอย่างมีอาชีพทันที เขาสั่งไม่ให้ใครเข้าห้องที่เกิดเหตุและไม่ให้คนในงานเลี้ยงกลับทันทีเพราะอาจจะมีคนร้ายในนั้น คดีแรกมาแล้วฉันจึงรีบจดและบันทึกวิดีโอทันที ฉันเป็นพวกเขียนสดก็จริงแต่ใช่ว่าฉันจะเขียนทันทุกอัน และมีบางฉากที่ต้องการคำบรรยายดี ๆ และความละเอียด คำที่ใช้ต้องสื่อออกมาอย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
และมันต้องมีฉากตัดด้วย หากเขียนทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคงยาวเป็นพันหน้า
ฉันสังเกตซีโร่ว่าเขาพบและตรวจสอบอะไรบ้าง และเนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนที่ซับซ้อนมันต้องการความละเอียด ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นและความคิดของผู้สืบคดีด้วย ความคิดคนร้ายด้วยยิ่งดี
ฉันซื้อบันทึกอ่านความคิดจาก Writer Shop เพื่อดูความคิดของซีโร่ ซึ่งสิ่งที่ฉันซื้อมาเป็นเหมือนสมุดเล่มหนึ่ง แต่หากมันเชื่อมต่อกับสมองใครแล้วความคิดของคนที่มันเชื่อมต่อก็จะปรากฏเป็นตัวอักษร
จากที่อ่านในคู่มือมันสามารถอ่านความคิดผิวเผินได้ แต่หากลึกกว่านั้นก็ไม่สามารถรับรู้ได้
แต่ยังไงมันก็ใช้ได้ล่ะนะ ฉันเชื่อมต่อบันทึกอ่านความคิดกับสมองของซีโร่และฉันก็พบกับข้อสันนิษฐานมากมายยี่สิบกว่าฉากในหัวของเขา...
นี่สมองคนหรือเครื่องจักร!?
เอาล่ะ ฉันควรสนใจฉากที่เกิดขึ้นก่อน
ผู้ตายเป็นหญิงสาววัยสี่สิบ สาเหตุการตายมาจากแผลที่อยู่กลางอก คาดว่าน่าจะถูกของมีคมแทงจากด้านหลังทะลุถึงหัวใจ ร่างของผู้ตายล้มอยู่กลางห้องน้ำของโรงแรม จากการที่ศพหันหน้าเข้าหาอ่างล้างมือและรอยเลือดที่สาดอยู่บนอ่างล้างมือจึงคาดว่าคนร้ายน่าจะเข้าประชิดตัวผู้ตายที่กำลังยืนล้างมือจากด้านหลัง จากนั้นก็แทง
จะว่ายังไงดีล่ะ...มันดูโจ่งแจ้งเกินไปเหมือนกับการฆาตกรรมโดยไม่ได้วางแผนมา อารมณ์ประมาณว่าจู่ ๆ ความแค้นทะลุหลอดและหยิบมีดขึ้นมาแทงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ฉันคิดอย่างนั้นนะ แต่ต้องดูว่าซีโร่จะสืบสวนออกมาเป็นแบบไหน
ฉันพิมพ์ข้อมูลตามที่ซีโร่รู้ ผู้ตายมีชื่อว่า เบลล่า ลิลลี่ ถูกฆ่าตายเมื่อเวลาสามทุ่มซึ่งควรเป็นเวลาเปิดงานเลี้ยงพอดี แต่เนื่องจากเบลล่าที่เป็นเจ้าของงานนี้ไม่ปรากฏตัวงานจึงไม่เริ่ม ทุกคนตามหาเบลล่าจนกระทั่งพนักงานทำความสะอาดมาเจอผู้ตายในห้องน้ำเวลา สามทุ่มห้านาที
น่าเสียดายที่งานเลี้ยงต้องเลิกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ตำรวจที่มาถึงที่เกิดเหตุได้เริ่มสืบหาตัวผู้ต้องสงสัยในงานเลี้ยง ในขณะเดียวกันซีโร่ก็ไปดูกล้องวงจรปิด แต่น่าเสียดายที่กล้องวงจรปิดถูกปิดไปก่อนที่การฆาตกรรมจะเกิดขึ้น
แต่ในเวลาต่อมาตำรวจก็ได้ตัวคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่สามคน และหนึ่งในนั้นได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยเนื่องจากถูกตรวจพบรอยเลือดใต้เสื้อนอก หรือก็คือเป็นเสื้อเชิ้ตที่เปื้อนเลือด หลังจากนั้นตำรวจก็พบอาวุธสังหาร ถุงมือและเสื้อกันฝนที่ซ่อนอยู่ในกระถางต้นไม้ใกล้กับที่เกิดเหตุ
หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายนิ้วมือเป็นอย่างแรกและก็พบว่าลายนิ้วมือมันตรงกับลายนิ้วมือของผู้ต้องสงสัย
ชี้ชัดขนาดนี้คงไม่ต้องสืบแล้วมั้ง แต่ซีโร่ไม่คิดอย่างนั้นฉันจึงตามดูพฤติกรรมของเขาต่อขณะเดียวกันก็อ่านบันทึกอ่านความคิด ซีโร่คิดว่ามันง่ายเกินไปและมันน่าสงสัย พบถุงมือแต่กลับยังพบลายนิ้วมือบนมีด อีกทั้งคำพูดและการแสดงออกของผู้ต้องสงสัยและหนึ่งในคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่ มันน่าสงสัย เขาคิดอย่างนั้น แม้จะเป็นการกระทำเล็ก ๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาซีโร่ไปได้
ฉันเริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะไม่เหมาะกับแนวสืบสวน สิ่งที่ฉันทำได้ก็แค่เขียนสิ่งที่เห็นและได้สัมผัสและสงสัยไปพร้อมกัน
ถึงฉันจะชอบสังเกตผู้คนจนสามารถมองความคิดและความรู้สึกออกก็เถอะ แต่แนวซับซ้อนแบบนี้ฉันก็ขอส่ายหัว
เอาเป็นว่าฉันขอไปทำความเข้าใจหลังจากทุกอย่างจบจะดีกว่า
ซึ่งเรื่องราวมีอยู่ว่า เบลล่าเป็นนักธุรกิจที่มักใช้วิธีการสกปรกเพื่อให้ตัวเองได้อยู่สูงขึ้น มีคนมากมายถูกเบลล่าโกงจนแค้นเคือง ตำรวจได้ผู้ต้องสงสัยชื่อนาย มอร์แกน ไม่มีหลักฐานที่อยู่และยังมีเหตุจูงใจในการฆ่าและมีทั้งหลักฐานเลือดและลายนิ้วมือที่ชี้ไปว่าเขาเป็นคนร้าย แต่นายมอร์แกนปฏิเสธอย่างหนักแน่น
เขาให้การว่าในเวลาก่อนเกิดเหตุได้ไปนอนพักในห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้องโถงงานเลี้ยง เขาตื่นมาอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเอะอะอยู่ด้านนอกซึ่งเป็นตอนพบศพพอดี
แต่ก็ไม่มีหลักฐานตำรวจเตรียมจับเขาเข้าคุกอยู่ดี แต่ซีโร่ก็เข้ามาขวางและอธิบายเหตุการณ์ฆาตกรรมที่แท้จริง
เรื่องจริงมีอยู่ว่าฆาตกรแอบใส่ยานอนหลับให้ผู้ต้องสงสัยมอร์แกนดื่มในปริมาณไม่มากนัก นั่นทำให้มอร์แกนสามารถเดินไปหาที่นอนได้ จากนั้นก็ไปฆ่าเบลล่าที่เป็นผู้ตายในห้องน้ำหญิง หลังจากนั้นก็กลับไปหามอร์แกนที่หลับอยู่และได้ทำให้มีดในการฆาตกรรมติดลายนิ้วมือของมอร์แกนไป และแอบทำให้เสื้อเชิ้ตของเขาเปื้อนเลือดไปด้วย แล้วก็ทำตัวแนบเนียนเข้าไปในงานรอให้คนไปพบศพ
ฆาตกรคือผู้หญิงเพราะสามารถเข้าห้องน้ำหญิงได้โดยไม่โดนสงสัยและสามารถเข้าข้างหลังผู้ตายได้อย่างง่ายดาย และผู้ตายที่ยืนอยู่หน้ากระจกคงจะเห็นหน้าคนร้ายด้วยจึงพยายามทิ้ง Dying Message หรือข้อความสุดท้ายไว้ เนื่องจากคนร้ายรีบร้อนทำตามแผนเกินไปจึงไม่ทันได้เห็น
ข้อความสุดท้ายนั่นก็คือ B.W มันคือชื่อย่อ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้คนร้ายจนมุมได้ ซีโร่จึงเปิดเผยหลักฐานอีกอย่าง
เสื้อกันฝนที่ใช้กันเลือด มีดที่เป็นอาวุธสังหาร และถุงมือ อุปกรณ์ป้องกันมีพร้อมแต่ก็ยังขาดรองเท้า นั่นหมายความว่าฆาตกรไม่เคยถอดเปลี่ยนรองเท้าหลังจากฆาตกรรม ซีโร่คาดว่ารองเท้าของฆาตกรต้องมีเลือดติดอยู่บ้าง ถึงเลือดจะถูกเช็ดไปแล้วปฏิกิริยา Luminol หรือก็คือสารเรืองแสงสำหรับการตามหารอยเลือดก็น่าจะยังมีอยู่
แต่สิ่งสำคัญที่ซีโร่ตรวจพบก็คือเศษเล็บของผู้ตายที่ติดอยู่ใต้รองเท้าของฆาตกร คาดว่าเล็บของผู้ตายหักกระเด็นตอนที่ล้มไปที่ขอบอ่างก่อนลงไปที่พื้น ฆาตกรบังเอิญเหยียบติดไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ซึ่งซีโร่นั้นสามารถได้ยินเสียงบางอย่างกระทบพื้นที่ต่างออกไปเมื่อฆาตกรเดินแต่ละครั้ง...
เดี๋ยวซีโร่ นายไปได้ยินเสียงแปลกๆ นั่นตอนไหน? แล้วได้ยินยังไง? เสียงเล็บที่ติดอยู่ใต้เท้ากระทบพื้นเนี่ยนะ!?
ฉันยกมือทาบอกและพยายามหาข้อมูลมาเรียบเรียงใหม่
เอาเป็นว่า ฆาตกรคืออีกคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่ ผู้หญิงที่ชื่อว่า บันนี่ วอกเกอร์ เธอเป็นลูกสาวของคนที่เบลล่าทำให้ธุรกิจล้มละลายจนต้องฆ่าตัวตาย นั่นคือแรงจูงใจในการฆ่าของเธอ
“ฉัน ฉันก็แค่อยากแก้แค้นให้คุณพ่อ! ฉันทำเพื่อคุณพ่อ!” บันนี่ วอกเกอร์กล่าวด้วยท่าทางหวาดกลัวเมื่อถูกจับได้
“สิ่งที่เธอทำ ไม่ได้ถูกทำเพื่อใคร เธอก็แค่ฆ่าคนเพื่อสนองความคิดของตัวเอง” ซีโร่เอ่ยเสียงเรียบขณะมองหญิงสาวที่ถูกตำรวจพาตัวออกไปด้วยสายตานิ่งสงบ
คำพูดนี้เป็นคำพูดหลังจากปิดคดีได้แล้ว บทนำผ่านไปแล้ว จากนั้นฉันก็มานั่งเติมคำบรรยายและหาคำที่เหมาะสม ฉันพยายามเรียบเรียงเรื่องราวให้คนที่ได้อ่านคิดและเข้าใจไปด้วยกันว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร กว่าจะเสร็จก็ปาไปตีสาม ฉันลอยกลับไปหาคีอาร์อย่างเหนื่อยอ่อน
เมื่อได้เห็นร่างเด็กตัวน้อยนอนขดอยู่บนเตียงมันทำให้ความเครียดของฉันปลิวหายไปทันที ฉันเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย
“คีอาร์...น่ารักจัง” ฉันลงไปนอนกอดคีอาร์ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง รู้สึกเหมือนว่าได้เติมพลังเลยล่ะ! อยู่กับซีโร่ที่มีแต่บรรยากาศลึกลับและตึงเครียดทำให้ฉันกลายเป็นคนแบตเตอรี่เสื่อม
“อือ...เลย์?” เด็กชายตัวน้อยของฉันงัวเงียตื่นขึ้นมา สีหน้าง่วงนอนนั่นทำฉันรู้สึกผิด
“ขอโทษที่ทำให้ตื่น นอนเถอะนะ” ฉันลูบหัวคีอาร์เบาๆ คีอาร์ลืมตาขึ้นมาและใช้ดวงตากลมโตมองมาที่ฉันเหมือนต้องการดูให้แน่ใจว่าเป็นฉันตัวจริงก่อนที่เขาจะขยับตัวเข้ามากอดฉันอย่างแนบแน่น คีอาร์ยิ้มมีความสุขอย่างที่เขาไม่เคยทำก่อน จากนั้นเขาก็หลับตานอนต่อโดยที่มีรอยยิ้มอ่อนๆ อยู่บนใบหน้า
ฉันที่ได้เห็นรอยยิ้มของคีอาร์รู้สึกเหมือนมีบางอย่างปักลงกลางใจ มันคือสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่ถูกปลุกงั้นเหรอ!? แต่ฉันไม่อยากเป็นแม่! ฉันอยากเป็นพี่สาว!
ตอนที่ 9เยี่ยมบ้านสองอาทิตย์แล้วที่ฉันติดตามซีโร่แทบตลอดเวลาเนื่องจากบางครั้งฉันก็กลับไปหาคีอาร์เหมือนในคืนแรก เพราะความเหนื่อยล้าฉันจึงต้องการเติมพลังจากคีอาร์ ฉันไม่สามารถจมอยู่กับคดีตลอดเวลาเหมือนกับนักสืบที่มีสมองเป็นเหมือนเขาวงกตพวกนั้นได้อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันเขียนได้สามตอนแล้ว ตอนละยี่สิบหน้า เพราะงั้นฉันสามารถที่จะพักได้แล้ว ยังมีเวลาอีกมากให้เขียนเพราะในโลกของฉันก็เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าเอง ฉันกำหนดไว้ว่าจะฉันจะลงนิยายวันละตอนสองตอนเพื่อให้ได้รับความสนใจก่อนด้วย หากลงรวดเดียวฉันจะไม่ได้เหรียญทองจากความคิดเห็น แต่จะได้แค่เหรียญเงินจากยอดวิวอย่างเดียว สาเหตุคงไม่พ้นนักอ่านดันอ่านเพลินจนลืมแสดงความคิดเห็นหรือไม่ก็ขี้เกียจพิมพ์ล้วน ๆ ไม่ไหวๆด้วยเหตุนี้เองเมื่อวานนี้ฉันจึงลงเรื่องย่อของนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ลงในเว็บ Go - D นั่นก็เพื่อดูเสียงตอบรับว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งฉันก็ไม่ลืมลงรูปซีโร่ที่ถูกแปลงเป็นรูปวาดแล้วด้วยหวังว่านักอ่านของฉันจะไม่สนใจแต่หน้าตาของซีโร่นะ ควรสนใจเนื้อเรื่องสืบสวนที่ฉันพยายามบรรยายด้วยจะดีมาก!เรื่องการตอบรับฉันยังไม่รู้ผลทันทีเพราะโลกของฉั
ตอนที่ 10นั่นอาจจะเป็นนางเอกท้องฟ้าที่มืดครึ้มและพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าจะหยุด พี่ใหญ่ทั้งสามของอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ยังไม่กลับมา ฉันเริ่มรู้สึกกังวลหนักกว่าเดิมที่พวกเขายังไม่กลับมาก็เพราะหาฮันนี่ไม่เจอแน่ มันอาจจะเกิดเรื่องบางอย่างกับเด็กคนนั้นฉันตัดสินใจที่จะออกไปช่วยตามหาอีกแรง ยังไงซะตอนนี้ฉันก็มีร่างกายเป็นจิตวิญญาณ หากฉันไม่ต้องการสัมผัสอะไร แม้แต่อากาศก็ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวฉันได้ น้ำฝนก็เช่นกัน“คีอาร์ เดี๋ยวพี่สาวจะออกไปข้างนอกสักพักรออยู่ที่นี่อย่าไปไหนซะล่ะ” ฉันหันไปบอกกับคีอาร์และรีบลอยตัวออกไปข้างนอกเนื่องจากมีฝนตกหนักฉันจึงมองเห็นทางข้างหน้าไม่ค่อยจะชัดเจนนัก ฉันไม่รู้ว่าจะไปตามหาเด็กผมชมพูที่ไหนดีจึงคิดจะตามหารอบๆ ก่อน แต่พอมานึกดูดี ๆ พวกโจนี่น่าจะหาแล้ว คงต้องตามหาในที่อื่นที่คาดไม่ถึงฉันดึงความสามารถในการสืบคดีของตัวเองออกมา อย่างน้อยการที่ได้ติดตามซีโร่มันก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้การสืบหาสิ่งของหรือคนได้จากการคำนวณข้อมูลที่เล็กน้อยฮันนี่ได้ออกมาเพื่อทำตามคำพูดของคีอาร์ ซึ่งคีอาร์ก็บอกให้ฮันนี่ออกตามหาดอกไม้ในตำนานที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งตามนิทานที่ฉันแต่งขึ้
ตอนที่11ความคืบหน้านับตั้งแต่วันที่ฉันได้พบคีอาร์นี่ก็ผ่านมาได้สองปีแล้ว นับตามเวลาโลกของฉันมันก็ผ่านไปได้ประมาณหกสิบชั่วโมงหรือเกือบสามวัน งานแข่งขันการเขียนนิยายของนักเขียนที่ได้รับดวงตาพระเจ้าก็เหลืออยู่สิบสองวัน หรือหากให้นับตามเวลาในโลกMPก็จะเหลือเวลาแปดถึงเก้าปีฉันจึงไม่รีบร้อนเขียนนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ให้จบและยังพยายามตัดบทที่ไม่สำคัญออกจนเหลือแต่เนื้อหาส่วนสำคัญ ส่วนมากเป็นเนื้อหาการสืบคดีฉันจึงต้องตัดออกสักคดีเพื่อไม่ให้เรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ยาวเกินไปนับรวมแล้วนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ มีประมาณหกสิบตอนแล้ว เยอะเกินไปสำหรับนิยายที่ยังไม่ได้เบาะแสเป้าหมายหลักเป้าหมายของซีโร่ก็คือเป้าหมายของนิยาย ซึ่งเป้าหมายที่ว่านั้นก็คือล้มล้างองค์กรมาเฟีย ชาโดว์แฟมิลี่ ซีโร่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้มาน้อยมาก เป
ตอนที่12ครองโลก?ข้อมูลที่ซีโร่ได้มานั้นก็คือรายชื่อของตำรวจที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนขององค์กรชาโดว์แฟมิลี่ ซึ่งแต่ละชื่อก็จะมีหลักฐานการกระทำบันทึกไว้อย่างละเอียด ตำรวจเหล่านั้นทำอะไรบ้างในแต่ละวัน คดีไหนได้รับผิดชอบหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวบ้าง ทำอะไรที่น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้าง และที่สำคัญ ตำรวจที่ชื่อมาร์คคนนั้นเก็บคดีที่พวกชาโดว์แฟมิลี่ทำด้วยมีคดีฆาตกรรมหลายคดีที่ถูกเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้กลายเป็นคดีอุบัติเหตุและคดีฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ซีโร่จะทำอะไรต่อไปกับข้อมูลพวกนี้ก็รอดูกัน แต่ในตอนนี้ซีโร่เอาแต่ตรวจเช็กข้อมูลและอ่านรายละเอียดราวกับว่าต้องการจะจดจำทุกตัวอักษรฉันไม่รู้ว่าซีโร่จะจัดการกับตำรวจที่เป็นพวกเดียวกับองค์กรชาโดว์แฟมิลี่ยังไง แต่ขอแค่ไม่ให้เขาเข้าไปจัดการกับพวกนั้นด้วยตัวเอง หากหลักฐานไม่เพียงพอว่าพวกนั้นคือสายลับของพวกมาเฟียซีโร่จะกลายเป็นฆาตกรแทนพวกนั้น
ตอนที่13รางวัลพิเศษของนักอ่าน?คีอาร์ทำอย่างที่พูดจริงๆ เขาเกาะกลุ่มกับเด็กผู้ชายห้องเดียวกันแล้วไปท้าสู้กับเด็กที่อยู่ชั้นปีที่สูงกว่า ในแต่ละชั้นปีจะมีเด็กคนหนึ่งถูกยกย่องว่าเก่งที่สุด หากคีอาร์ชนะได้หมดทุกคนคีอาร์จะกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนฉันพยายามห้ามปรามคีอาร์แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันแล้วจริงๆ หากคีอาร์ไม่ไปหาเรื่องใครตามที่ฉันบอกสุดท้ายก็จะมีเด็กคนอื่นมาขอท้าสู้ด้วยอยู่ดี ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบเด็ก ๆ ที่ได้แผลถลอกกันเล็กน้อยแต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ดี เด็กที่มีพลังจิตน่ากลัวๆ มันยิ่งดูอันตรายใครเป็นคนเริ่มธรรมเนียมบ้าๆ นี้ขึ้นมานะ อยากปลูกฝังให้เด็ก ๆ กลายเป็นพวกใช้ความรุนแรงรึไงเรื่องพวกนี้ทำให้ฉันขัดใจอย่างมาก อาจารย์ของโรงเรียนรู้ว่าเด็ก ๆ ตีกัน แต่ก็ห้ามเฉพาะที่พบเห็นไม่คิดจะปราบปรามอย่างจริงจัง ก็รู้
ตอนที่ 1นักเขียนนิยายปลายนิ้วเรียวของฉันกดลงบนแป้นพิมพ์โปร่งใสที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างรวดเร็วและไม่มีหยุดชะงัก แต่สายตาของฉันไม่ได้มองไปยังตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่าสายตาของฉันมองตรงไปยังภาพตรงหน้าเพียงอย่างเดียว นั่นก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดฉากสำคัญตรงหน้าและก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดการบันทึกเรื่องราวที่เห็นฉันจึงขยับนิ้วพิมพ์บรรยายอย่างรวดเร็วแวมไพร์สาวฝังเขี้ยวลงไปบนคอของเหยื่อและดูดเลือดแสนอร่อยเข้าปากอย่างเชื่องช้าเพื่อลิ้มรสเลือดอันแสนหวานของชายหนุ่ม และชายหนุ่มผู้ถูกกัดก็ครางออกมาอย่างพอใจ ความสุขที่โดนกัดทำให้เขาล่องลอยไปสู่โลกอื่น?ต่อด้วย...ทั้งสองพาร่างของกันและกันไปต่อที่เตียงโดยที่ไม่ยอมผละออกจากกันแม้แต่เสี้ยววินาที เสื้อผ้าของทั้งสองถูกกระชากออกโดยฝีมือของฝ่ายตรงข้าม ไม่นานพวกเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่บนร่างกาย แวมไพร์สาวคลอเคลียริมฝีปากไปทั่วแผงอกอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มก่อนที่จะกัดไหล่ของชายหนุ่มอย่างรักใคร่(?) คู่รักที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดและความดิบเถื่อนเช่นนี้มันช่างเร้าใจนัก มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปทั่วร่างหญิงสาวและไปหยุดที่....ผลัวะ!!ยังไม่ท
ตอนที่ 2ฉันได้พระเอกแล้ว!ว้าว! ผู้ชายคนนั้นน่าสนใจจริงๆ!ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีเทา ดวงตาคมกริบสีแดงและใบหน้าคมเข้ม ไม่มีหญิงใดที่ไม่เหลียวมองตามหลังเขาไป ขายาวของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขณะที่ดวงตาคมกริบของเขายังคงกวาดสายตามองไปรอบด้านเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งมันคือหน้าที่ของเขา เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องประชาชนจากผู้ร้ายที่ใช้พลังจิตในทางที่ผิดกฎหมายโอ๊ะ! คนนั้นก็หล่อไม่น้อย!เขานั่งไขว่ขาด้วยท่าทีสุขุม มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบช้า ๆ ขณะที่มืออีกข้างกวาดนิ้วไปบนหน้าจอไอแพด แต่ดวงตาเรียวไม่ได้มองไปที่หน้าจอไอแพดแต่อย่างใด เขาจ้องมองไปยังบุคคลหนึ่งโดยไม่ละสายตาไปมองทางอื่น สายตาของเขาตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวของบุคคลนั้น เพราะเขาคือนักสืบ!โอ๊ย!! ไม่ว่าจะคนไหนก็เหมือนจะเป็นตัวเอกได้หมด นิรากลุ้มใจจังค่ะ!ฉันกำลังมองหาตัวเอกของนิยายที่จะเขียนอยู่ในขณะนี้ ชื่อเรื่องและทิศทางของเนื้อเรื่องก็คิดไว้แล้วเรียบร้อยเหลือเพียงตัวเอกนี่ล่ะ หายากมาก! ในโลกนี้กำลังวุ่นวายเพราะมีอาชญากรเพิ่มมากขึ้น แบบนี้มันต้องมีตัวเอกที่รักความถูกต้องและพยายามกำจัดพวกองค์กรมืด! ถ้าได้ตัวเอกที่
ตอนที่ 3เขาต้องเป็นพระเอกที่แสนดี!หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป โคลว์ยังคงให้คีอาร์อาศัยอยู่ด้วย เขาไม่ขับไล่คีอาร์แถมยังเลี้ยงดูอย่างดี ดูเหมือนโคลว์ตัดสินใจที่จะรับเลี้ยงคีอาร์แล้ว เพราะเขาได้วางแผนที่จะส่งคีอาร์เข้าเรียนเมื่อคีอาร์อายุครบหกปีและเขาได้ทำทะเบียนระบุตัวตนของคีอาร์แล้วด้วยรับง่ายๆ เลยแฮะฉันจึงจดบันทึกในข้อมูลตัวละครไปว่าโคลว์คือผู้มีพระคุณของคีอาร์ไป และในอนาคตโคลว์คงจะกลายเป็นทั้งพ่อและครูของคีอาร์ไปด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้คีอาร์ได้แสดงก้อนสีดำกลมๆ เท่าลูกปิงปองให้โคลว์ได้เห็น เมื่อโคลว์ได้รู้ความสามารถของเจ้าลูกกลมๆ นั่นเขาก็ทำหน้าจริงจังมากในตอนนั้นฉันคิดว่ามันคงเป็นพลังที่อันตรายมากเขาถึงได้แสดงสีหน้าออกมาแบบนั้น ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้ก้อนกลมสีดำมันใช้ทำอะไรจึงขอให้คีอาร์ลองใช้มันเขายอมทำตามคำขอของฉันจึงได้แสดงความสามารถของตัวเองให้ฉันดูโดยการสั่งให้เจ้าลูกกลมๆ นั่นกินอาหารบนโต๊ะ ปรากฏว่าก้อนกลมๆ นั่นเขมือบทั้งโต๊ะ มันไม่ได้กินแค่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างที่คีอาร์ต้องการ มันกินโต๊ะไปเลยล่ะ!!หายไปในชั่วพริบตาเลยด้วยฉันถึงกับกลุ้มใจ มันไม่เหมือนพลังของพระเอก มันโหดเก