ตอนที่ 8
นักสืบหมายเลขศูนย์
ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าชื่อนิยายที่มีซีโร่เป็นตัวละครเอกจะมีชื่อเรื่องว่าอะไร เนื่องจากว่ามันเป็นนิยายแนวสืบสวนและซีโร่ก็ทำอาชีพเป็นนักสืบ ชื่อเรื่องก็ต้องเป็น นักสืบหมายเลขศูนย์ ที่เป็นหมายเลขศูนย์ก็เพราะเขาชื่อซีโร่นี่เอง
ส่วนของคีอาร์คงต้องเลื่อนออกไปก่อนอีกยาวๆ เพราะคีอาร์ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หากเขาไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเรื่องราวของคีอาร์คงเป็นอะไรที่ไม่น่าสนใจ ซึ่งฉันก็ไม่รีบร้อนเพราะคีอาร์พึ่งจะอายุแค่ห้าขวบเอง
แต่อย่างไรก็ตามฉันต้องการที่จะเริ่มเรื่องราวของซีโร่เร็วๆ ฉันจึงอธิบายกับคีอาร์ว่ามีธุระอื่นที่ต้องไปทำจึงขอแยกตัวออกไป แน่นอนคีอาร์ที่ติดฉันอย่างเหนียวหนึบไม่ยอมรับ ฉันจึงต้องให้สัญญาว่าจะกลับมาอยู่กับเขาเท่าที่จะทำได้
เมื่อทำให้คีอาร์หายงอแงแล้วฉันก็ไปฝากฝังกับโคลว์ให้ดูแลคีอาร์ ฉันหวังว่าเขาจะสอนคีอาร์อย่างดี
เมื่อหมดห่วงเรื่องคีอาร์แล้วฉันก็เข้าสู่โหมดจริงจังกับงาน การบอกเล่าเรื่องราวของคนอีกโลกไปให้คนอีกโลกได้รับรู้ผ่านตัวอักษรคือหน้าที่ของฉันที่เป็น นักเขียน
ฉันได้เริ่มเขียนบทนำของ ซีโร่ ริคเกอร์
ขาเรียวก้าวเดินไปบนพื้นที่นองไปด้วยน้ำสีแดง เจ้าของขาเรียวหยุดเดินลงเบื้องหน้าร่างของชายวัยกลางคนที่ร่างกายถูกอาบไปด้วยเลือดสีแดง ดวงตาสีน้ำตาลหลุบมองชายวัยกลางคนที่บาดเจ็บสาหัสอย่างเย็นชา ริมฝีปากเรียวขยับพูดขึ้นมาว่า “ลาก่อน” สั้นๆ ก่อนที่จะจ่อปืนไปที่หัวของชายวัยกลางคนและเหนี่ยวไกปืนอย่างไม่ลังเล หยดเลือดสีแดงที่สาดกระจายได้เปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวให้กลายเป็นสีแดง...
เดี๋ยวนะ เดี๋ยว! นี่ฉันคิดจะเปิดตัวพระเอกเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ด้วยบทเมื่อกี้จริงๆ น่ะเหรอ? แบบนั้นทุกคนไม่เข้าใจผิดไปหมดเหรอว่าซีโร่เป็นฆาตกรแทนที่จะเป็นนักสืบ!
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็คือช่วงที่ซีโร่ได้ทำการตามล่าตัวฆาตกรต่อเนื่อง เขาสามารถฆ่าผู้ร้ายได้เพราะเขาได้ร่วมมือกับตำรวจและได้รับอนุญาตให้สังหารได้หากผู้ร้ายหนีและมีโอกาสที่จะทำอันตรายประชาชน ซีโร่จึงไม่คิดจะจับเป็นเมื่อผู้ร้ายหนี เขาไล่ยิงปืนใส่คนร้ายไม่ยั้งและปิดท้ายโดยการยิงหัวไปเมื่อครู่
ซีโร่เลือดเย็นกว่าที่ฉันคิดไว้ หากฉันใช้ฉากเมื่อกี้เป็นฉากเปิดเรื่องนักอ่านคงหาว่าฉันตั้งชื่อนิยายผิด มันควรจะเป็น ฆาตกรหมายเลขศูนย์ แทนที่จะเป็น นักสืบหมายเลขศูนย์ แน่
เนื่องจากฉันไม่ต้องการให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นฉันจึงต้องคิดให้ถี่ถ้วนกว่านี้ในเรื่องฉากเปิด
แต่ดูจากตารางของซีโร่แล้วฉันถึงกับส่ายหัว นั่งหาข้อมูล เดินสำรวจที่เกิดเหตุ ไล่จับคนร้าย ซึ่งไล่ยิงเกือบทุกราย!
ซีโร่ ฉันคิดว่าช่วงนี้นายคงเครียด ฉันสามารถพานายไปหาสถานที่คลายเครียดได้นะ นายไม่จำเป็นต้องไปไล่ยิงคนร้ายคลายเครียดเลย!
ตัดบทนี้ไปก่อนเลย ฉันต้องหาฉากใหม่ในการเปิดตัว
นิยายสืบสวนส่วนมากจะเริ่มต้นด้วยปริศนาฉากฆาตกรรมก่อนจากนั้นตัวเอกก็จะเข้าไปสืบทีหลัง ฉันน่าจะเปิดตัวซีโร่โดยการให้เขาเดินเข้าไปในสถานที่ฆาตกรรมด้วยมาดของนักสืบมืออาชีพ นั่นน่าจะทำให้คนหลงรักซีโร่มากกว่า
ขณะนี้ซีโร่ได้กลับมาที่สำนักงานนักสืบของตัวเองแล้ว เขาจัดการซักเสื้อคลุมสีขาวที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาแล้วเข้าไปอาบน้ำ ฉันนั่งรออยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปแอบดูหนุ่มหล่ออาบน้ำแต่อย่างใด แต่ฉันน่าจะถ่ายรูปตอนเขาอาบน้ำไว้สักรูป...
ฉันไม่ได้หื่นกระหายอะไรนะ! มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่นักเขียนต้องทำต่างหากล่ะ! เพื่อให้นักอ่านจินตนาการถึงตัวละครได้ง่ายขึ้นฉันจะต้องถ่ายรูปตัวอย่างตัวละครไปด้วย ซึ่งระบบถ่ายรูปของระบบ Writer จะปรับเปลี่ยนรูปอัตโนมัติก่อนที่จะถูกเผยแพร่ไปอีกโลก
รูปจะถูกปรับเปลี่ยนจากรูปเหมือนคนจริงๆ เป็นรูปที่เหมือนถูกวาดออกมา กึ่งการ์ตูนกึ่งภาพเหมือนนั่นเอง แต่ถึงจะเป็นภาพกึ่งการ์ตูนกึ่งคนจริงแต่ยังไงนักอ่านสาวๆ ก็จะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง!
เพื่อการนั้นฉันแอบเข้าไปถ่ายรูปของซีโร่ขณะที่เขากำลังอาบน้ำโดยไม่ให้ติดส่วนนั่นมาด้วย เพราะเดี๋ยวจะมีข่าวว่านักอ่านบางคนสลบขณะที่อ่านนิยาย
เมื่อซีโร่อาบน้ำเสร็จแล้วเขาก็ไปนั่งอ่านข่าวต่อ จากที่ฉันรู้มาดูเหมือนเป้าหมายตอนนี้ของซีโร่ไม่ใช่แค่คลี่คลายคดีเพื่อได้ความจริง เขาพยายามที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรมาเฟียที่ชื่อว่า ชาโดว์แฟมิลี่
ฉันรู้มาแล้วว่าในเมืองมิลเลอร์แห่งนี้มีห้าขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุด ชาโดว์แฟมิลี่เป็นหนึ่งในนั้น และองค์กรนักฆ่าคาเรย์ที่เควินต้องการตามจับก็เป็นหนึ่งในห้าขั้วอำนาจเช่นกัน เพราะข้อมูลมันหายากเขาจึงไปหาข่าวจากโคลว์นั่นล่ะ
ที่ซีโร่เลือกที่จะตามสืบองค์กรนี้เพราะพวกมันมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจ...ในทางที่ไม่ดีเลยล่ะ บางครั้งพวกมันสามารถควบคุมการทำงานของตำรวจได้ ข้อมูลความจริงที่ตำรวจสืบมาได้อันไหนที่พวกมันไม่ต้องการให้ใครรู้ก็จะไม่มีใครได้รู้ หากมีใครรู้คนคนนั้นก็จะถูกฆ่าปิดปาก พ่อของซีโร่โดนเช่นนั้น
ก็อย่างที่ฉันได้อ่านข้อมูลของซีโร่ในตอนแรก เขาเป็นนักสืบเอกชนเพราะต้องการความอิสระแม้จะเสี่ยงมากก็ตาม
ซีโร่กลายเป็นตัวละครเอกในเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ของฉันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เขาตายไปก่อนแน่นอน!
ในเย็นวันเดียวกันนี้ซีโร่ได้รับสายจากผู้ว่าจ้างให้เขาไปหา ซึ่งสถานที่ที่ผู้ว่าจ้างนัดไปก็คืองานเลี้ยงในโรงแรมแห่งหนึ่ง ฉันจึงได้เขียนฉากเปิดตัวของซีโร่อย่างที่ต้องการ
ร่างสูงในชุดสูทสีขาวก้าวเดินไปบนพรมสีแดงตามทางเดินในโรงแรมแห่งหนึ่งอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันก็ก้มมองนาฬิกาสีเงินบนข้อมือซ้ายของตน ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงเล็กน้อย สองทุ่มห้าสิบห้า ใกล้ได้เวลานัดของเขาแล้ว
ตึก
ชายหนุ่มหยุดชะงักเท้าเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในงานเลี้ยงที่หรูหรา แต่วุ่นวายและเต็มไปด้วยผู้คนที่สวมหน้ากากเข้าหากัน การมาของเขาเรียกสายตาของผู้คนในงานเลี้ยงแห่งนี้ได้อย่างดี
ซีโร่ในชุดสูทสีขาวอย่างเป็นทางการเหมาะกับเขาจริงๆ ทุกคนในงานต่างมองมาที่เขาเพราะลักษณะที่โดดเด่น แต่อีกเหตุผลก็คือเขาเป็นนักสืบที่มีชื่อเสียงพอสมควร ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายกันทั้งนั้นจะไม่ให้หวาดระแวงเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
นัดพบกับผู้ว่าจ้างทั้งทีทำไมต้องเป็นงานเลี้ยงด้วยเนี่ย แต่ก็เหมาะเป็นฉากปรากฏตัวครั้งแรกของซีโร่อยู่บ้าง มาด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาผู้คนและก็....เจอคดีฆาตกรรมทันที
ใช่แล้วเจอคดีฆาตกรรมทันที ซีโร่มาถึงงานไม่ถึงสิบนาทีผู้ว่าจ้างที่เรียกเขามาก็ถูกพบว่าถูกฆ่าตายคาห้องน้ำของโรงแรมซะแล้ว
ซีโร่หรือว่านายคือ โค อะ นัน งั้นเหรอ!?
ซีโร่สั่งการอย่างมีอาชีพทันที เขาสั่งไม่ให้ใครเข้าห้องที่เกิดเหตุและไม่ให้คนในงานเลี้ยงกลับทันทีเพราะอาจจะมีคนร้ายในนั้น คดีแรกมาแล้วฉันจึงรีบจดและบันทึกวิดีโอทันที ฉันเป็นพวกเขียนสดก็จริงแต่ใช่ว่าฉันจะเขียนทันทุกอัน และมีบางฉากที่ต้องการคำบรรยายดี ๆ และความละเอียด คำที่ใช้ต้องสื่อออกมาอย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
และมันต้องมีฉากตัดด้วย หากเขียนทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคงยาวเป็นพันหน้า
ฉันสังเกตซีโร่ว่าเขาพบและตรวจสอบอะไรบ้าง และเนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนที่ซับซ้อนมันต้องการความละเอียด ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นและความคิดของผู้สืบคดีด้วย ความคิดคนร้ายด้วยยิ่งดี
ฉันซื้อบันทึกอ่านความคิดจาก Writer Shop เพื่อดูความคิดของซีโร่ ซึ่งสิ่งที่ฉันซื้อมาเป็นเหมือนสมุดเล่มหนึ่ง แต่หากมันเชื่อมต่อกับสมองใครแล้วความคิดของคนที่มันเชื่อมต่อก็จะปรากฏเป็นตัวอักษร
จากที่อ่านในคู่มือมันสามารถอ่านความคิดผิวเผินได้ แต่หากลึกกว่านั้นก็ไม่สามารถรับรู้ได้
แต่ยังไงมันก็ใช้ได้ล่ะนะ ฉันเชื่อมต่อบันทึกอ่านความคิดกับสมองของซีโร่และฉันก็พบกับข้อสันนิษฐานมากมายยี่สิบกว่าฉากในหัวของเขา...
นี่สมองคนหรือเครื่องจักร!?
เอาล่ะ ฉันควรสนใจฉากที่เกิดขึ้นก่อน
ผู้ตายเป็นหญิงสาววัยสี่สิบ สาเหตุการตายมาจากแผลที่อยู่กลางอก คาดว่าน่าจะถูกของมีคมแทงจากด้านหลังทะลุถึงหัวใจ ร่างของผู้ตายล้มอยู่กลางห้องน้ำของโรงแรม จากการที่ศพหันหน้าเข้าหาอ่างล้างมือและรอยเลือดที่สาดอยู่บนอ่างล้างมือจึงคาดว่าคนร้ายน่าจะเข้าประชิดตัวผู้ตายที่กำลังยืนล้างมือจากด้านหลัง จากนั้นก็แทง
จะว่ายังไงดีล่ะ...มันดูโจ่งแจ้งเกินไปเหมือนกับการฆาตกรรมโดยไม่ได้วางแผนมา อารมณ์ประมาณว่าจู่ ๆ ความแค้นทะลุหลอดและหยิบมีดขึ้นมาแทงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ฉันคิดอย่างนั้นนะ แต่ต้องดูว่าซีโร่จะสืบสวนออกมาเป็นแบบไหน
ฉันพิมพ์ข้อมูลตามที่ซีโร่รู้ ผู้ตายมีชื่อว่า เบลล่า ลิลลี่ ถูกฆ่าตายเมื่อเวลาสามทุ่มซึ่งควรเป็นเวลาเปิดงานเลี้ยงพอดี แต่เนื่องจากเบลล่าที่เป็นเจ้าของงานนี้ไม่ปรากฏตัวงานจึงไม่เริ่ม ทุกคนตามหาเบลล่าจนกระทั่งพนักงานทำความสะอาดมาเจอผู้ตายในห้องน้ำเวลา สามทุ่มห้านาที
น่าเสียดายที่งานเลี้ยงต้องเลิกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ตำรวจที่มาถึงที่เกิดเหตุได้เริ่มสืบหาตัวผู้ต้องสงสัยในงานเลี้ยง ในขณะเดียวกันซีโร่ก็ไปดูกล้องวงจรปิด แต่น่าเสียดายที่กล้องวงจรปิดถูกปิดไปก่อนที่การฆาตกรรมจะเกิดขึ้น
แต่ในเวลาต่อมาตำรวจก็ได้ตัวคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่สามคน และหนึ่งในนั้นได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยเนื่องจากถูกตรวจพบรอยเลือดใต้เสื้อนอก หรือก็คือเป็นเสื้อเชิ้ตที่เปื้อนเลือด หลังจากนั้นตำรวจก็พบอาวุธสังหาร ถุงมือและเสื้อกันฝนที่ซ่อนอยู่ในกระถางต้นไม้ใกล้กับที่เกิดเหตุ
หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายนิ้วมือเป็นอย่างแรกและก็พบว่าลายนิ้วมือมันตรงกับลายนิ้วมือของผู้ต้องสงสัย
ชี้ชัดขนาดนี้คงไม่ต้องสืบแล้วมั้ง แต่ซีโร่ไม่คิดอย่างนั้นฉันจึงตามดูพฤติกรรมของเขาต่อขณะเดียวกันก็อ่านบันทึกอ่านความคิด ซีโร่คิดว่ามันง่ายเกินไปและมันน่าสงสัย พบถุงมือแต่กลับยังพบลายนิ้วมือบนมีด อีกทั้งคำพูดและการแสดงออกของผู้ต้องสงสัยและหนึ่งในคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่ มันน่าสงสัย เขาคิดอย่างนั้น แม้จะเป็นการกระทำเล็ก ๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาซีโร่ไปได้
ฉันเริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะไม่เหมาะกับแนวสืบสวน สิ่งที่ฉันทำได้ก็แค่เขียนสิ่งที่เห็นและได้สัมผัสและสงสัยไปพร้อมกัน
ถึงฉันจะชอบสังเกตผู้คนจนสามารถมองความคิดและความรู้สึกออกก็เถอะ แต่แนวซับซ้อนแบบนี้ฉันก็ขอส่ายหัว
เอาเป็นว่าฉันขอไปทำความเข้าใจหลังจากทุกอย่างจบจะดีกว่า
ซึ่งเรื่องราวมีอยู่ว่า เบลล่าเป็นนักธุรกิจที่มักใช้วิธีการสกปรกเพื่อให้ตัวเองได้อยู่สูงขึ้น มีคนมากมายถูกเบลล่าโกงจนแค้นเคือง ตำรวจได้ผู้ต้องสงสัยชื่อนาย มอร์แกน ไม่มีหลักฐานที่อยู่และยังมีเหตุจูงใจในการฆ่าและมีทั้งหลักฐานเลือดและลายนิ้วมือที่ชี้ไปว่าเขาเป็นคนร้าย แต่นายมอร์แกนปฏิเสธอย่างหนักแน่น
เขาให้การว่าในเวลาก่อนเกิดเหตุได้ไปนอนพักในห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้องโถงงานเลี้ยง เขาตื่นมาอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเอะอะอยู่ด้านนอกซึ่งเป็นตอนพบศพพอดี
แต่ก็ไม่มีหลักฐานตำรวจเตรียมจับเขาเข้าคุกอยู่ดี แต่ซีโร่ก็เข้ามาขวางและอธิบายเหตุการณ์ฆาตกรรมที่แท้จริง
เรื่องจริงมีอยู่ว่าฆาตกรแอบใส่ยานอนหลับให้ผู้ต้องสงสัยมอร์แกนดื่มในปริมาณไม่มากนัก นั่นทำให้มอร์แกนสามารถเดินไปหาที่นอนได้ จากนั้นก็ไปฆ่าเบลล่าที่เป็นผู้ตายในห้องน้ำหญิง หลังจากนั้นก็กลับไปหามอร์แกนที่หลับอยู่และได้ทำให้มีดในการฆาตกรรมติดลายนิ้วมือของมอร์แกนไป และแอบทำให้เสื้อเชิ้ตของเขาเปื้อนเลือดไปด้วย แล้วก็ทำตัวแนบเนียนเข้าไปในงานรอให้คนไปพบศพ
ฆาตกรคือผู้หญิงเพราะสามารถเข้าห้องน้ำหญิงได้โดยไม่โดนสงสัยและสามารถเข้าข้างหลังผู้ตายได้อย่างง่ายดาย และผู้ตายที่ยืนอยู่หน้ากระจกคงจะเห็นหน้าคนร้ายด้วยจึงพยายามทิ้ง Dying Message หรือข้อความสุดท้ายไว้ เนื่องจากคนร้ายรีบร้อนทำตามแผนเกินไปจึงไม่ทันได้เห็น
ข้อความสุดท้ายนั่นก็คือ B.W มันคือชื่อย่อ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้คนร้ายจนมุมได้ ซีโร่จึงเปิดเผยหลักฐานอีกอย่าง
เสื้อกันฝนที่ใช้กันเลือด มีดที่เป็นอาวุธสังหาร และถุงมือ อุปกรณ์ป้องกันมีพร้อมแต่ก็ยังขาดรองเท้า นั่นหมายความว่าฆาตกรไม่เคยถอดเปลี่ยนรองเท้าหลังจากฆาตกรรม ซีโร่คาดว่ารองเท้าของฆาตกรต้องมีเลือดติดอยู่บ้าง ถึงเลือดจะถูกเช็ดไปแล้วปฏิกิริยา Luminol หรือก็คือสารเรืองแสงสำหรับการตามหารอยเลือดก็น่าจะยังมีอยู่
แต่สิ่งสำคัญที่ซีโร่ตรวจพบก็คือเศษเล็บของผู้ตายที่ติดอยู่ใต้รองเท้าของฆาตกร คาดว่าเล็บของผู้ตายหักกระเด็นตอนที่ล้มไปที่ขอบอ่างก่อนลงไปที่พื้น ฆาตกรบังเอิญเหยียบติดไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ซึ่งซีโร่นั้นสามารถได้ยินเสียงบางอย่างกระทบพื้นที่ต่างออกไปเมื่อฆาตกรเดินแต่ละครั้ง...
เดี๋ยวซีโร่ นายไปได้ยินเสียงแปลกๆ นั่นตอนไหน? แล้วได้ยินยังไง? เสียงเล็บที่ติดอยู่ใต้เท้ากระทบพื้นเนี่ยนะ!?
ฉันยกมือทาบอกและพยายามหาข้อมูลมาเรียบเรียงใหม่
เอาเป็นว่า ฆาตกรคืออีกคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่ ผู้หญิงที่ชื่อว่า บันนี่ วอกเกอร์ เธอเป็นลูกสาวของคนที่เบลล่าทำให้ธุรกิจล้มละลายจนต้องฆ่าตัวตาย นั่นคือแรงจูงใจในการฆ่าของเธอ
“ฉัน ฉันก็แค่อยากแก้แค้นให้คุณพ่อ! ฉันทำเพื่อคุณพ่อ!” บันนี่ วอกเกอร์กล่าวด้วยท่าทางหวาดกลัวเมื่อถูกจับได้
“สิ่งที่เธอทำ ไม่ได้ถูกทำเพื่อใคร เธอก็แค่ฆ่าคนเพื่อสนองความคิดของตัวเอง” ซีโร่เอ่ยเสียงเรียบขณะมองหญิงสาวที่ถูกตำรวจพาตัวออกไปด้วยสายตานิ่งสงบ
คำพูดนี้เป็นคำพูดหลังจากปิดคดีได้แล้ว บทนำผ่านไปแล้ว จากนั้นฉันก็มานั่งเติมคำบรรยายและหาคำที่เหมาะสม ฉันพยายามเรียบเรียงเรื่องราวให้คนที่ได้อ่านคิดและเข้าใจไปด้วยกันว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร กว่าจะเสร็จก็ปาไปตีสาม ฉันลอยกลับไปหาคีอาร์อย่างเหนื่อยอ่อน
เมื่อได้เห็นร่างเด็กตัวน้อยนอนขดอยู่บนเตียงมันทำให้ความเครียดของฉันปลิวหายไปทันที ฉันเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย
“คีอาร์...น่ารักจัง” ฉันลงไปนอนกอดคีอาร์ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง รู้สึกเหมือนว่าได้เติมพลังเลยล่ะ! อยู่กับซีโร่ที่มีแต่บรรยากาศลึกลับและตึงเครียดทำให้ฉันกลายเป็นคนแบตเตอรี่เสื่อม
“อือ...เลย์?” เด็กชายตัวน้อยของฉันงัวเงียตื่นขึ้นมา สีหน้าง่วงนอนนั่นทำฉันรู้สึกผิด
“ขอโทษที่ทำให้ตื่น นอนเถอะนะ” ฉันลูบหัวคีอาร์เบาๆ คีอาร์ลืมตาขึ้นมาและใช้ดวงตากลมโตมองมาที่ฉันเหมือนต้องการดูให้แน่ใจว่าเป็นฉันตัวจริงก่อนที่เขาจะขยับตัวเข้ามากอดฉันอย่างแนบแน่น คีอาร์ยิ้มมีความสุขอย่างที่เขาไม่เคยทำก่อน จากนั้นเขาก็หลับตานอนต่อโดยที่มีรอยยิ้มอ่อนๆ อยู่บนใบหน้า
ฉันที่ได้เห็นรอยยิ้มของคีอาร์รู้สึกเหมือนมีบางอย่างปักลงกลางใจ มันคือสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่ถูกปลุกงั้นเหรอ!? แต่ฉันไม่อยากเป็นแม่! ฉันอยากเป็นพี่สาว!
ตอนที่ 9เยี่ยมบ้านสองอาทิตย์แล้วที่ฉันติดตามซีโร่แทบตลอดเวลาเนื่องจากบางครั้งฉันก็กลับไปหาคีอาร์เหมือนในคืนแรก เพราะความเหนื่อยล้าฉันจึงต้องการเติมพลังจากคีอาร์ ฉันไม่สามารถจมอยู่กับคดีตลอดเวลาเหมือนกับนักสืบที่มีสมองเป็นเหมือนเขาวงกตพวกนั้นได้อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันเขียนได้สามตอนแล้ว ตอนละยี่สิบหน้า เพราะงั้นฉันสามารถที่จะพักได้แล้ว ยังมีเวลาอีกมากให้เขียนเพราะในโลกของฉันก็เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าเอง ฉันกำหนดไว้ว่าจะฉันจะลงนิยายวันละตอนสองตอนเพื่อให้ได้รับความสนใจก่อนด้วย หากลงรวดเดียวฉันจะไม่ได้เหรียญทองจากความคิดเห็น แต่จะได้แค่เหรียญเงินจากยอดวิวอย่างเดียว สาเหตุคงไม่พ้นนักอ่านดันอ่านเพลินจนลืมแสดงความคิดเห็นหรือไม่ก็ขี้เกียจพิมพ์ล้วน ๆ ไม่ไหวๆด้วยเหตุนี้เองเมื่อวานนี้ฉันจึงลงเรื่องย่อของนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ลงในเว็บ Go - D นั่นก็เพื่อดูเสียงตอบรับว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งฉันก็ไม่ลืมลงรูปซีโร่ที่ถูกแปลงเป็นรูปวาดแล้วด้วยหวังว่านักอ่านของฉันจะไม่สนใจแต่หน้าตาของซีโร่นะ ควรสนใจเนื้อเรื่องสืบสวนที่ฉันพยายามบรรยายด้วยจะดีมาก!เรื่องการตอบรับฉันยังไม่รู้ผลทันทีเพราะโลกของฉั
ตอนที่ 10นั่นอาจจะเป็นนางเอกท้องฟ้าที่มืดครึ้มและพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าจะหยุด พี่ใหญ่ทั้งสามของอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ยังไม่กลับมา ฉันเริ่มรู้สึกกังวลหนักกว่าเดิมที่พวกเขายังไม่กลับมาก็เพราะหาฮันนี่ไม่เจอแน่ มันอาจจะเกิดเรื่องบางอย่างกับเด็กคนนั้นฉันตัดสินใจที่จะออกไปช่วยตามหาอีกแรง ยังไงซะตอนนี้ฉันก็มีร่างกายเป็นจิตวิญญาณ หากฉันไม่ต้องการสัมผัสอะไร แม้แต่อากาศก็ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวฉันได้ น้ำฝนก็เช่นกัน“คีอาร์ เดี๋ยวพี่สาวจะออกไปข้างนอกสักพักรออยู่ที่นี่อย่าไปไหนซะล่ะ” ฉันหันไปบอกกับคีอาร์และรีบลอยตัวออกไปข้างนอกเนื่องจากมีฝนตกหนักฉันจึงมองเห็นทางข้างหน้าไม่ค่อยจะชัดเจนนัก ฉันไม่รู้ว่าจะไปตามหาเด็กผมชมพูที่ไหนดีจึงคิดจะตามหารอบๆ ก่อน แต่พอมานึกดูดี ๆ พวกโจนี่น่าจะหาแล้ว คงต้องตามหาในที่อื่นที่คาดไม่ถึงฉันดึงความสามารถในการสืบคดีของตัวเองออกมา อย่างน้อยการที่ได้ติดตามซีโร่มันก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้การสืบหาสิ่งของหรือคนได้จากการคำนวณข้อมูลที่เล็กน้อยฮันนี่ได้ออกมาเพื่อทำตามคำพูดของคีอาร์ ซึ่งคีอาร์ก็บอกให้ฮันนี่ออกตามหาดอกไม้ในตำนานที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งตามนิทานที่ฉันแต่งขึ้
ตอนที่11ความคืบหน้านับตั้งแต่วันที่ฉันได้พบคีอาร์นี่ก็ผ่านมาได้สองปีแล้ว นับตามเวลาโลกของฉันมันก็ผ่านไปได้ประมาณหกสิบชั่วโมงหรือเกือบสามวัน งานแข่งขันการเขียนนิยายของนักเขียนที่ได้รับดวงตาพระเจ้าก็เหลืออยู่สิบสองวัน หรือหากให้นับตามเวลาในโลกMPก็จะเหลือเวลาแปดถึงเก้าปีฉันจึงไม่รีบร้อนเขียนนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ให้จบและยังพยายามตัดบทที่ไม่สำคัญออกจนเหลือแต่เนื้อหาส่วนสำคัญ ส่วนมากเป็นเนื้อหาการสืบคดีฉันจึงต้องตัดออกสักคดีเพื่อไม่ให้เรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ยาวเกินไปนับรวมแล้วนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ มีประมาณหกสิบตอนแล้ว เยอะเกินไปสำหรับนิยายที่ยังไม่ได้เบาะแสเป้าหมายหลักเป้าหมายของซีโร่ก็คือเป้าหมายของนิยาย ซึ่งเป้าหมายที่ว่านั้นก็คือล้มล้างองค์กรมาเฟีย ชาโดว์แฟมิลี่ ซีโร่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้มาน้อยมาก เป
ตอนที่12ครองโลก?ข้อมูลที่ซีโร่ได้มานั้นก็คือรายชื่อของตำรวจที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนขององค์กรชาโดว์แฟมิลี่ ซึ่งแต่ละชื่อก็จะมีหลักฐานการกระทำบันทึกไว้อย่างละเอียด ตำรวจเหล่านั้นทำอะไรบ้างในแต่ละวัน คดีไหนได้รับผิดชอบหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวบ้าง ทำอะไรที่น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้าง และที่สำคัญ ตำรวจที่ชื่อมาร์คคนนั้นเก็บคดีที่พวกชาโดว์แฟมิลี่ทำด้วยมีคดีฆาตกรรมหลายคดีที่ถูกเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้กลายเป็นคดีอุบัติเหตุและคดีฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ซีโร่จะทำอะไรต่อไปกับข้อมูลพวกนี้ก็รอดูกัน แต่ในตอนนี้ซีโร่เอาแต่ตรวจเช็กข้อมูลและอ่านรายละเอียดราวกับว่าต้องการจะจดจำทุกตัวอักษรฉันไม่รู้ว่าซีโร่จะจัดการกับตำรวจที่เป็นพวกเดียวกับองค์กรชาโดว์แฟมิลี่ยังไง แต่ขอแค่ไม่ให้เขาเข้าไปจัดการกับพวกนั้นด้วยตัวเอง หากหลักฐานไม่เพียงพอว่าพวกนั้นคือสายลับของพวกมาเฟียซีโร่จะกลายเป็นฆาตกรแทนพวกนั้น
ตอนที่13รางวัลพิเศษของนักอ่าน?คีอาร์ทำอย่างที่พูดจริงๆ เขาเกาะกลุ่มกับเด็กผู้ชายห้องเดียวกันแล้วไปท้าสู้กับเด็กที่อยู่ชั้นปีที่สูงกว่า ในแต่ละชั้นปีจะมีเด็กคนหนึ่งถูกยกย่องว่าเก่งที่สุด หากคีอาร์ชนะได้หมดทุกคนคีอาร์จะกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนฉันพยายามห้ามปรามคีอาร์แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันแล้วจริงๆ หากคีอาร์ไม่ไปหาเรื่องใครตามที่ฉันบอกสุดท้ายก็จะมีเด็กคนอื่นมาขอท้าสู้ด้วยอยู่ดี ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบเด็ก ๆ ที่ได้แผลถลอกกันเล็กน้อยแต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ดี เด็กที่มีพลังจิตน่ากลัวๆ มันยิ่งดูอันตรายใครเป็นคนเริ่มธรรมเนียมบ้าๆ นี้ขึ้นมานะ อยากปลูกฝังให้เด็ก ๆ กลายเป็นพวกใช้ความรุนแรงรึไงเรื่องพวกนี้ทำให้ฉันขัดใจอย่างมาก อาจารย์ของโรงเรียนรู้ว่าเด็ก ๆ ตีกัน แต่ก็ห้ามเฉพาะที่พบเห็นไม่คิดจะปราบปรามอย่างจริงจัง ก็รู้
ตอนที่ 14แย่แล้ว!ฉันกำลังนั่งจ้องโคลว์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งคนถูกจ้องก็ยิ้มอ่อนโยนตามฉบับตอบกลับมาไม่เปลี่ยนแปลง พวกเรานั่งจ้องกันแบบนี้ได้สักพักแล้วล่ะ หลังจากที่ส่งคีอาร์เข้านอนแล้วฉันก็ได้จังหวะแอบมาหาโคลว์หวังจะถามเรื่องนักอ่านที่ได้มาเที่ยวในความฝันของเขา ฉันต้องการรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหนดีมันจึงกลายเป็นว่าเราสองคนนั่งจ้องตากันแทน“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาก่อนเพราะความสงสัย “คุณปรากฏตัวออกมาแล้วนั่งจ้องหน้าผมแบบนี้มีเหตุผลอะไรรึเปล่าครับ?”ฉันไม่ตอบทันทีเพราะต้องการเรียบเรียงคำถามที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยฉันจะถามแบบกลางๆ แล้วกัน“ช่วงนี้คุณฝันแปลกๆ รึเปล่า?” เมื่อฉันถามออกไปคิ้วของโคลว์ก็กระตุกเล็กน้อย แต่ฉันเห็นมันแม้จะเล็กน้อยมากก็ตาม! “ช่วยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม? ฉันรู้สึกสนใจมันอย่างมาก”“ทำไมคุณถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ คุณเลล่า?” โคลว์ยิ้มหวานไม่มีท่าทีอยากจะตอบคำถามของฉันเลยสักนิด เขาคงไม่ยอมเล่าง่ายๆ จู่ ๆ มีคนอื่นมาขอให้เล่าความฝันตัวเองให้ฟังมันคงน่าสงสัยน่าดู ฉันจึงต้องคิดหาเหตุผลที่เขาสามารถยอมรับได้ “ทำไมคุณถึงไม่ยอมเล่า มัน
ตอนที่ 15แย่แล้วระดับสูง!คีอาร์ได้รู้แล้วว่าซีโร่ก็คือคนที่เป็นต้นเหตุของธุระที่ฉันกล่าวอ้าง เมื่อได้รู้อย่างนั้นแล้วคีอาร์ก็ได้สร้างลูกบอลสีดำที่ชื่อชูบี้ออกมาและกำลังสั่งให้มันมาทำร้ายซีโร่ฉันรับรู้สึกถึงจิตสังหารผ่านสายตาของคีอาร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน ฉันรีบเข้าไปจับแขนคีอาร์และลากเขาออกจากงานเลี้ยงไปที่ระเบียงทางเดินก่อนที่เขาจะก่อเรื่องทำร้ายคนท่ามกลางเหล่าตำรวจและนักสืบมากมาย ฉันต้องอธิบายให้คีอาร์เข้าใจและยอมรับ ไม่อย่างนั้นฉันได้สูญเสียพระเอกนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ไปแน่“เลย์...นั่นคือคนที่คุณเลือกใช่ไหม? เหมือนกับผม” คีอาร์เริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน สีหน้าเขาดูเย็นชาอย่างมาก ฉันพยักหน้าตอบคีอาร์“ใช่แล้วล่ะ เขาคืออีกคนที่พี่เลือก”“ทำไม...ทำไมไม่ใช่ผมแค่คนเดียว...ผู้บันทึกอย่างเลย์ไม่ใช่ว่าสามารถเลือกได้แค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ?” คีอาร์เอ่ยด้วยแววตาที่คุกรุ่นด้วยความไม่พอใจ“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว มันขึ้นอยู่กับความสะดวกด้วย ที่พี่สาวสามารถเลือกซีโร่ได้ก็เนื่องมาจากมันยังไม่ถึงเวลาที่จะบันทึกเรื่องราวของเธอ พี่จึงมีเวลามากพอที่จะบันทึกเรื่องราวของซีโร่น่ะ”
ตอนที่ 16บทลงโทษคนขับรถจักรยานยนต์ที่ยิงปืนยาสลบใส่ซีโร่ไม่ได้มีเจตนาฆ่าตั้งแต่แรกเป้าหมายของพวกนั้นก็คือจับตัวซีโร่ไปแบบมีชีวิตต่างหาก ในวิดีโอจากระบบนักเขียนมีรถยนต์คันหนึ่งที่ขับตามซีโร่มาตลอดทาง พวกนั้นคงเป็นพวกเดียวกันกับคนขับรถจักรยานยนต์ที่ถูกซีโร่ชนตกเหวไปแล้ว แต่พวกที่ขับรถยนต์ก็ยังคงขับรถตามซีโร่มา หน้าที่ของพวกนั้นคงเป็น หาจังหวะจับตัวซีโร่เมื่อรถจอด แต่ก็ผิดแผนเมื่อรถของซีโร่พุ่งไปข้างหน้าไม่ยอมหยุดส่วนคนที่ต้องการฆ่าซีโร่จริงๆ ก็คือ...คีอาร์!!ฉันเคยบอกคีอาร์ไปว่าการจะจบการบันทึกเรื่องราวได้ก็คือการตายของซีโร่หรือการบรรลุเป้าหมายชีวิต เพราะแบบนี้ในตอนนั้นคีอาร์ถึงได้ขอที่จะตามไปส่งฉันที่ลานจอดรถเพื่อที่จะได้รู้ว่ารถของซีโร่คือคันไหน จากนั้นคีอาร์คงแอบปล่อยชูบี้หรือก็คือลูกบอลจอบเขมือบในมาอยู่ในรถ เขาสั่งให้มันกินเครื่องยนต์ในรถอย่างไม่ต้องสงสัย!คีอาร์เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบเบรกของรถยนต์และระบบอื่น ๆ ไม่ยอมทำงาน มันทำให้ซีโร่เกือบตาย!ใช่ เกือบตายเลยล่ะฉันพาซีโร่รอดจากโค้งอันตรายสำเร็จ พวกเราไม่ตกหน้าผาจนได้ไปทัวร์นรกใต้ทะเล แต่พวกเราพุ่งเข้าสู่ป่าอันอุดมสมบูรณ์แทนข
ตอนพิเศษ พี่น้องชื่อของเขาคือโอนิกซ์ อายุเจ็ดขวบแล้ว เขามีน้องสาวชื่อเอย์ลิน เขาและน้องสาวมีความทรงจำของชาติเดิมอยู่ครบไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นเพราะคุณพ่อของเขา คีอาร์...คือตัวปัญหาระดับจักรวาล แม้แต่การจะมีลูกยังสร้างปัญหาโดยการดึงวิญญาณจากโลกอื่นให้มาเกิดเป็นลูกตัวเองอีกแม่ของเขาชื่อว่าเลล่า เป็นนักเขียน ได้ยินว่าแบบนั้น เป็นนักเขียนที่มีพลังมากที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมาเลยแต่วันนี้โอนิกซ์ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องของพ่อแม่ เขาจะเล่าช่วงเวลาที่เขาได้ดูแลน้องสาวของเขา!โอนิกซ์ได้รับหน้าที่ดูแลน้องสาววัยสองขวบเพราะพ่อแม่ของพวกเขาติดงาน โอนิกซ์ได้ใช้เวลาสอนน้องสาวให้เดิน พูดและเข้าใจภาษาของคนที่นี่ มันจะดีกว่าหากเข้าใจที่คนอื่นพูดโดยไม่ต้องใช้เวทเข้าใจภาษาโอนิกซ์สามารถทำให้เอย์ลินเรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็วเพราะเขาและเอย์ลินมาจากโลกเดียวกันในชาติก่อนจึงพูดภาษาเดียวกัน โอนิกซ์ไม่ค่อยสนใจนักว่าน้องสาวของเขาจะเป็นใครในชีวิตก่อน เขามีความสุขกับครอบครัวในตอนนี้ เขาดีใจที่มีน้องสาวน่ารัก"เอย์ลิน เรียกพี่ชายหน่อยสิ เธอไม่เคยเรียกพี่ชายเลยนะ พี่ชายโอนิกซ์น่ะ" โอนิกซ์พยายามยิ้มสว
บทพิเศษ[ดูแลคนท้อง]คนท้องต้องถูกดูแลอย่างดี โอนิกซ์ได้รับคำสอนจากท่านพ่อของเขามาอย่างนั้นเพราะงั้นเขาจึงระวังตัวเต็มที่เพื่อปกป้องท่านแม่ของเขาด้วยเหตุนี้เองไม่ว่าเลล่าจะไปไหนหรือทำอะไรทุกคนก็ต้องเห็นโอนิกซ์เกาะติดแม่ของเขาไม่ห่าง หากไม่มีโอนิกซ์ก็จะมีคีอาร์มาแทน สองพ่อลูกร่วมมือกันทำงานตามติดเลล่าอย่างเป็นระบบระเบียบกันเลยทีเดียว“นี่...ก็รู้อยู่หรอกนะว่าเป็นห่วง แต่ถ้าจะตามทุกฝีก้าวแบบนี้มันอึดอัดนะ! จะให้ฉันรำคาญจนล้มป่วยรึไง!”เนื่องจากคนท้องมักจะมีอารมณ์แปรปรวนอยู่แล้ว บ่อยครั้งจึงจะได้เห็นเลล่าตะโกนไล่สองพ่อลูกให้ออกห่างๆ บ้างตามติดมากไปมันก็น่ารำคาญนะ!“ขอโทษ...ผมแค่อยากอยู่กับเลย์ตลอดเวลา” คีอาร์ทำหน้าเศร้า“ผมแค่ดีใจที่จะมีน้องแล้วเอง...” โอนิกซ์เอ่ยเสียงเหงาหงอย เลล่าปิดปากเงียบไม่พูดกับพวกเขาแต่สุดท้ายเลล่าก็ต้องใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนกับลูกหมาถูกทิ้งของพวกเขา แค่คนเดียวก็พออดทนได้อยู่หรอก แต่สองพ่อลูกนั่นทำพร้อมกันเลยนี่นา หัวใจของเลล่าทำงานหนักจริงๆ ...“ก็แค่อย่ามากไปเท่านั้น และอย่าทำท่าทางระวังตัวตลอดเวลาด้วย อารมณ์มันเหมือนอยู่ในสนามรบตลอดเวลา คนท้องจะเครี
ตอนที่ 72มีความสุขจริงๆ!ฉันประคองร่างของเรมไว้ในอ้อมแขน แม้ฉันจะรู้จักกับเรมแค่วันเดียวแต่ก็รู้สึกเสียใจที่เธอต้องตายเพราะปกป้องฉัน ฉันกอดร่างของเธอไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดและรู้สึกโกรธตัวเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กที่ใสซื่อคนหนึ่งต้องตายในตอนนั้นเองคีอาร์ก็สามารถทำให้ลูกแก้วเข้าไปในวิญญาณของเอมิลี่ได้สำเร็จ เอมิลี่แสดงท่าทีทรมานออกมาเมื่อลูกแก้วเข้าไปในร่าง ฉันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันจากของพลังของเธอลดลงอย่างรวดเร็ว“ไม่นะ พลังของฉันเกิดอะไรขึ้น!” เอมิลี่กรีดร้องอย่างไม่พอใจเมื่อพลังของเธอหายไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพักลูกแก้วนั้นก็ออกมาจากร่างของเอมิลี่และบินตรงกลับมาหาฉัน ฉันรับลูกแก้วไว้ขณะเดียวกันก็ให้เรมนอนอย่างสงบบนพื้น“ขอบคุณที่ช่วยเหลือเด็กน้อย” ฉันเอ่ยเสียงเบา ขณะผละออกจากเรมและเดินไปหาเอมิลี่“ลูกแก้วนั่น! เอาคืนมาให้ฉัน!” เอมิลี่รู้ว่าพลังตัวเองหายไปไหน เธอจึงพุ่งเข้ามาหาฉันเพื่อแย่งลูกแก้วไป ฉันจึงเก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของเพื่อไม่ให้มันถูกแย่งไปเอมิลี่แสดงสีหน้าโกรธจัดออกมาและเหมือนจะเข้ามาทำร้ายฉัน คีอาร์จึงใช้พลังตรึงร่างที่เป็นวิญญาณของเอมิลี่ไว้และดึงเธอใ
ตอนที่ 71ต่อสู้จนโลกถล่มความวุ่นวายและความวินาศสันตะโรเข้าปกคลุมฐานทัพลี้ภัยแห่งหนึ่ง สาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้นไม่ได้เกิดมาจากซอมบี้ซึ่งเป็นศัตรูของมนุษยชาติแต่อย่างใด แต่เกิดมาจากมนุษย์ที่เป็นมากกว่ามนุษย์สองคนต่อสู้กันต่างหากเอมิลี่อดีตนักเขียนผู้มีดวงตาพระเจ้า เนื่องจากเธอกลืนกินคนที่พลังเหมือนกันเธอจึงมีพลังมหาศาลและมากพอที่จะทำให้โลกเกิดความวุ่นวายได้ เธอถือว่าเป็นตัวอันตรายสำหรับเหล่านักเขียนผู้มีดวงตาพระเจ้าทุกคนเลยล่ะส่วนอีกคนก็คือ คีอาร์ มนุษย์ผู้มีพลังจิตจากโลก MP เขามีความทะเยอทะยานในการสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ นั่นทำให้เขากลายเป็นตัวปัญหาระดับจักรวาลเนื่องจากพลังที่แหกกฎจักรวาลที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองเมื่อทั้งสองสู้กันมันคงไม่ใช่การต่อสู้เล็กน้อยตูม!เสียงระเบิดดังขึ้นมาตามด้วยตึกที่พังละลายลงมาเป็นแถบ เอมิลี่เดินออกจากซากตึกที่ถล่มลงมาและควบคุมซากตึกรอบบริเวณให้ลอยขึ้นและพุ่งเข้าไปโจมตีคีอาร์ที่ลอยอยู่เหนือพื้น เมื่อพลังดวงตาพระเจ้ารวมกันเธอก็เริ่มที่จะทำอะไรได้หลายอย่างคล้ายกับพลังแห่งการควบคุมสรรพสิ่งของพระเจ้า ยิ่งเธอกลืนกินมากเท่าไหร่พลังก็จะยิ่งแข็งแกร่
ตอนที่ 70เจอกันแล้วการที่ได้ตื่นขึ้นมาในที่แปลกตาทำเอาฉันนั่งมึนไปพักใหญ่ ฉันจำได้ว่าก่อนที่จะนอนหลับไปตัวเองได้นอนอยู่ข้างๆ คีอาร์นะ แต่ไหงพอตื่นขึ้นมาอีกทีฉันถึงได้มาอยู่กลางดงพืชมีชีวิตไปได้ล่ะ? รอบข้างของฉันมีแต่พวกพืชมีชีวิตเคลื่อนไหวได้เต็มไปหมด ดูเหมือนฉันจะถูกลักพาตัวโดยพืชมีชีวิตพวกนี้นะว่าแต่พวกมันพาฉันมาทำไม? พวกมันไม่ได้เอาฉันไปย่อยกิน แต่นำฉันมาปล่อยไว้กลางดงพวกมันโดยไม่ทำอะไรเลยแต่อย่างไรก็ตามฉันควรออกจากที่นี่ก่อนที่พวกมันจะเปลี่ยนใจมากินฉัน พลังน้ำแข็งของฉันได้แช่แข็งพวกมันในชั่วพริบตา ฉันจึงวิ่งออกจากดงของพวกพืชมีชีวิตได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหลังจากที่ฉันออกมาได้พวกมันก็พังน้ำแข็งออกมาได้พอดี อาจจะเพราะพวกมันมีน้ำกรดเคลือบตัวอยู่จึงละลายน้ำแข็งของฉันได้อย่างง่ายดายพวกมันดูอันตรายกว่าที่คิด และมันจะยิ่งอันตรายหากพวกมันจับฉันได้ ฉันหนีออกจากที่นั่นไปไกลเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่คาดเลยว่าระหว่างที่หนีออกจากดงพืชมีชีวิตพวกนั้นฉันจะไปจ๊ะเอ๋กับคนกลุ่มหนึ่ง“อย่าขยับ! ถ้าเธอขยับพวกเราจะยิง!” หนึ่งในสี่คนในกลุ่มนั้นตะโกนและเล็งปืนมาทางฉันฉันยกมือขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อถูกจ่อปืนใส่
ตอนที่ 69หายในที่สุดพวกฉันก็มาถึงเมือง B แต่พวกเราก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าเมืองแห่งนี้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยซอมบี้ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่เลย ฉันอดไม่ได้ที่จะนำลูกแก้วที่ออสตินให้มาออกมาเพื่อตรวจดู ลูกแก้วนี้จะมีปฏิกิริยาเมื่อมันสัมผัสได้ถึงพลังดวงตาพระเจ้าที่มีพลังมากกว่าดวงตาพระเจ้าปกติทั่วไป ถึงมันจะไม่เคยส่งสัญญาณแปลกๆ แต่ฉันก็คิดว่าเรื่องพวกนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับผู้แทรกแซงจากโลกอื่นแต่ลูกแก้วไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยฉันสงสัยว่ามันใช้ได้จริงๆ งั้นเหรอ? หรือเพราะอยู่ห่างไกลเกินไปจึงสัมผัสมันถึงตัวตนของเอมิลี่ไม่ได้...ว่าแต่ไกลแค่ไหนกัน คงไม่ใช่ว่าคนละซีกโลกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะไปยังไง โลกนี้ยิ่งไม่ปกติอยู่ด้วย ไม่มีเครื่องบินให้โดยสารในโลกที่เป็นแบบนี้แน่“เอายังไงต่อดี? กลับเมือง A หรือจะไปต่อ?” โคนี่หันมาถามความเห็นทุกคน ในโลกที่ถูกทอดทิ้งนี้ทุกคนดูไม่มีเป้าหมายนอกจากการเอาชีวิตรอด พวกเขาจะไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพบสถานที่ปลอดภัยที่แท้จริง“นี่ รู้กันรึเปล่าว่าซอมบี้พวกนี้เกิดมาจากอะไร?” ฉันตั้งคำถามขึ้นมา โคนี่และเจมส์ชะงัก เอลล่าหันมามองหน้าฉันประมาณว่าทำไมถึงถามขึ้นมา“เอ่อ.
ตอนที่ 68ออกจากเมืองเมื่อเสียงเตือนภัยซอมบี้บุกได้ดังขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่นานเมือง A ก็ได้กลายเป็นสถานที่วุ่นวายและเสียงดังอย่างมาก ผู้ที่มีพลังพยายามที่จะไปจัดการพวกซอมบี้ แต่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนกำแพงถึงได้เกิดไฟไหม้และระเบิด ซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกบุกเข้ามาเยอะมากขึ้นกว่าเดิมฉันที่กำลังมองเหตุการณ์จากที่สูงถอนหายใจและกุมขมับ การที่จะฟื้นฟูพื้นที่เป็นเรื่องยากซะแล้วสิ“ไปช่วยพวกเขาเท่าที่จะทำได้แล้วกัน” ฉันพูดกับคีอาร์และโอนิกซ์“พวกเขาไม่ใช่คนในปกครองของผม แต่ก็จะพยายามช่วยแล้วกัน” โอนิกซ์พึมพำ ฉันขมวดคิ้วสงสัยกับคำว่า คนในปกครองของเขา“น่าสนุกดีนะ...ผมจะได้รับพลังใหม่ไหมเมื่อให้ชูบี้กินชอมบี้เข้าไปน่ะ” คีอาร์เอ่ยกับตัวเองด้วยท่าทีสนใจ จะว่าไปถ้าไม่ใช่พวกคลั่งไคล้การไขว่คว้าหาพลังใหม่ๆ เพื่อความแข็งแกร่งจริงๆ คีอาร์คงไม่มีแรงผลักดันจนดิ้นรนมาถึงจุดนี้ได้หรอก ความสนใจในการค้นหาความสามารถและพลังใหม่ๆ ของเขาทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆถึงว่าล่ะทำไมออสตินถึงบอกว่าคีอาร์คือตัวปัญหา“อย่าให้เละมากล่ะ” ฉันเตือนพวกเขา“ไม่ต้องห่วง” โอนิกซ์ยิ้มสดใส แต่ฉันไม่ไว้ใจอยู่ดี ฉันได้รู้แล้วว่
ตอนที่ 67ซอมบี้บุกเมือง? ช่างมันสิ!โลกที่ถูกทอดทิ้งเป็นโลกที่อยู่ยากมาก ในเขตเมืองที่อยู่อาศัยค่อนข้างสกปรกและแออัด ก็เข้าใจว่าทุกคนพยายามหนีเอาตัวรอดและมาอาศัยในที่เดียวกันจนรักษาระเบียบและความสะอาดไม่ไหว แต่กลิ่นที่เหม็นจนไม่อยากอยู่นี่มันอะไรกันฉัน ไม่สิ คีอาร์โชคดีหน่อยที่เป็นนายทหารเขาจึงได้อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ที่ดูดีกว่าคนทั่วไป แต่ออกจะมีพื้นที่เล็กสักนิดหน่อยสำหรับครอบครัวหนึ่ง เนื่องจากมีเตียงเดียวฉัน โอนิกซ์ และคีอาร์จึงต้องนอนเบียดกันในคืนแรก แม้ว่าคีอาร์จะชอบนอนเบียดกับฉันแต่คีอาร์ก็อดบ่นถึงความแคบและล้าสมัยของที่นี่ไม่ได้ก็เพราะคีอาร์เกิดในโลกที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย มีรถบินได้ มีพลังหลากหลาย และอื่น ๆ ที่นี่เทียบไม่ติดเลยล่ะฉันเห็นโลกที่เป็นแบบนี้แล้วก็คิดอยากจะฟื้นฟูและพัฒนามัน อย่างแรกคงต้องเพิ่มพลังในโลกนี้ก่อน พลังจากภายนอกหรือก็คือจากนักอ่านมันจะทำให้โลกสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ง่ายขึ้น พลังจะไปเสริมธรรมชาติของโลก มีอากาศที่ดี มีน้ำสะอาด มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ และคงจะไปเสริมพลังให้มนุษย์ด้วย นั่นจะทำให้มนุษย์สามารถเอาตัวรอดจากภัยพิบัติได้ฉันเพิ่งเคยเห็นโลกที่ใกล้จะล่ม
ตอนที่ 66โลกที่ถูกทิ้งก็ต้องมีซอมบี้“ในเมื่อคุณหายดีแล้วผมคงจะต้องส่งคุณไปที่โลกที่ถูกทอดทิ้งทันที แต่ก่อนที่คุณจะไปผมต้องบอกเรื่องอย่างหนึ่งกับคุณ นั่นก็คือเรื่องร่างที่คุณจะใช้ในโลกนั้น ทางเราจะตัดสินใจเองว่าคุณจะได้ร่างไหน รวมถึงร่างของคนรักและลูกของคุณด้วยนะ เนื่องจากโลกนั้นใกล้ล่มสลายมากกว่าโลกอื่น ๆ เราจึงค่อนข้างระวังเป็นพิเศษ แต่หากจะต่อสู้ก็ต่อสู้แบบเต็มที่ได้เลย แต่อย่าบ่อยเกินไปก็พอ และไม่ต้องกังวลว่าหากตายในโลกนั้นจะเป็นอันตรายกับคุณ พวกเราจะหาร่างใหม่ให้ทันทีเมื่อร่างเดิมตาย และอีกเรื่อง คุณต้องระวังการใช้ระบบด้วยเพราะหากผู้ทรยศอยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายจะรู้ตัวทันทีว่าคุณเป็นนักเขียน และสุดท้ายขอให้คุณโชคดี”ออสตินร่ายยาวไม่หยุดพักหายใจ จากนั้นเขาก็โบกมือส่งฉันไปที่โลกที่ถูกทอดทิ้งโดยไม่ให้ฉันเอ่ยอะไรเพิ่มเติมฉันรู้สึกเอ๋อไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ออสตินตรวจพบว่าวิญญาณของฉันหายเป็นปกติแล้วเขาก็มาหาฉันและได้ร่ายประโยคยาวๆ เมื่อครู่และส่งฉันไปโลกต่อไปโดยไม่ให้ฉันได้อ้าปากพูดอะไรเลย อะไรจะรีบปานนั้น...เจ็บ...ความรู้สึกแรกเมื่อมาถึงร่างที่ออสตินเตรียมไว้ให้ในโลกที่ถูกทอดทิ้งคือความร