ตอนที่ 9
เยี่ยมบ้าน
สองอาทิตย์แล้วที่ฉันติดตามซีโร่แทบตลอดเวลาเนื่องจากบางครั้งฉันก็กลับไปหาคีอาร์เหมือนในคืนแรก เพราะความเหนื่อยล้าฉันจึงต้องการเติมพลังจากคีอาร์ ฉันไม่สามารถจมอยู่กับคดีตลอดเวลาเหมือนกับนักสืบที่มีสมองเป็นเหมือนเขาวงกตพวกนั้นได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันเขียนได้สามตอนแล้ว ตอนละยี่สิบหน้า เพราะงั้นฉันสามารถที่จะพักได้แล้ว ยังมีเวลาอีกมากให้เขียนเพราะในโลกของฉันก็เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าเอง ฉันกำหนดไว้ว่าจะฉันจะลงนิยายวันละตอนสองตอนเพื่อให้ได้รับความสนใจก่อนด้วย หากลงรวดเดียวฉันจะไม่ได้เหรียญทองจากความคิดเห็น แต่จะได้แค่เหรียญเงินจากยอดวิวอย่างเดียว สาเหตุคงไม่พ้นนักอ่านดันอ่านเพลินจนลืมแสดงความคิดเห็นหรือไม่ก็ขี้เกียจพิมพ์ล้วน ๆ
ไม่ไหวๆ
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อวานนี้ฉันจึงลงเรื่องย่อของนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ลงในเว็บ Go - D นั่นก็เพื่อดูเสียงตอบรับว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งฉันก็ไม่ลืมลงรูปซีโร่ที่ถูกแปลงเป็นรูปวาดแล้วด้วย
หวังว่านักอ่านของฉันจะไม่สนใจแต่หน้าตาของซีโร่นะ ควรสนใจเนื้อเรื่องสืบสวนที่ฉันพยายามบรรยายด้วยจะดีมาก!
เรื่องการตอบรับฉันยังไม่รู้ผลทันทีเพราะโลกของฉันและโลก MP มีช่วงเวลาที่ต่างกัน
ในช่วงนี้ฉันจึงกลับมาติดตามดูความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของคีอาร์ ถึงเขาจะยังไม่สามารถยิ้มสดใสได้แต่ในเรื่องความรู้รอบตัวของเขาดีขึ้นมาก และความสัมพันธ์ระหว่างคีอาร์และพวกโคนี่ดูจะพัฒนาไปในทางที่ดี พวกโคนี่เห็นคีอาร์เป็นเหมือนน้องเล็กอีกคนเพราะพวกโคนี่มีเด็ก ๆ ให้ดูแลถึงสิบกว่าคน จะเอ็นดูคีอาร์ไปด้วยก็ไม่แปลก
วันนี้โจนี่จึงชวนคีอาร์ไปเยี่ยมบ้านของพวกเขา ฉันจึงได้รู้เพิ่มเติมมาว่าพวกโจนี่อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์โทรมๆ แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเขตภูเขาขยะ อะพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีสามีภรรยาแก่ๆ คู่หนึ่งเป็นเจ้าของ เนื่องจากที่นี่ไม่มีลูกค้าเลยพวกเขาจึงให้เด็กกำพร้าในสลัมอาศัยอยู่ด้วยแลกกับการให้เด็ก ๆ ดูแลเรื่องงานบ้านแทนพวกเขาที่แก่มากแล้ว
แต่เพราะเงินที่สองสามีภรรยาเฒ่าสะสมไว้เริ่มหมดแล้วจนแทบไม่มีเงินซื้อข้าว เด็กโตอย่างโคนี่ โจนี่ และเจนอสจึงต้องไปหางานทำ ก่อนหน้านี้พวกเขาทำงานรับจ้างเล็กน้อยไปวันๆ จนกระทั่งเมื่อครึ่งปีที่แล้วโคลว์ได้มาเปิดร้านอาหารและรับพวกเขาเข้าทำงาน
เงินที่พวกเขาได้จากโคลว์มันมากพอที่จะเลี้ยงได้หลายชีวิตเลยล่ะ
“เชิญตามสบายเลยนะคีอาร์ ที่นี่ทุกคนใจดีอยู่แล้ว” เมื่อเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์โจนี่ก็เอ่ยพร้อมยิ้มกว้างต้อนรับเต็มที่ ทันทีที่เปิดประตูออกมาก็จะพบกับห้องนั่งเล่น และในห้องนั่งเล่นนั่นก็มีเด็ก ๆ อายุห้าปีถึงสิบปีอยู่ประมาณสิบคนพอดี
ที่นี่เป็นอะพาร์ตเมนต์ที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่สินะ ฉันคิดพลางมองไปรอบ ๆ มันค่อนข้างเก่าแต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง ในฤดูหนาวคงไม่มีการตายเกิดขึ้นแน่นอน
“พี่โจนี่กลับมาแล้ว!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา หลังจากนั้นโจนี่และโคนี่ก็โดนเด็ก ๆ กระโดดเกาะเป็นลูกลิง เจนอสดึงคีอาร์ออกห่างก่อนที่จะถูกกองทัพเด็กชนเอา
“ใจเย็นๆ วันนี้พี่พาเพื่อนใหม่มาแนะนำด้วยนะ” โคนี่พูดพร้อมรอยยิ้มใจดี เขาผายมือมาทางคีอาร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เจนอส
“ยินดีที่ได้รู้จัก! ฉันฮันนี่ เธอชื่ออะไรเหรอ?” เด็กน้อยน่ารักผมสีชมพูหวานตามชื่อเอ่ยทักทายคีอาร์อย่างสงสัย ฉันคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะอายุพอๆ กับคีอาร์ น่าจะเป็นเพื่อนกับคีอาร์ได้ดี แต่คีอาร์กลับไม่ยอมตอบคำถามของหนูน้อยฮันนี่เลย
“เขาจะมาอยู่กับเราเหรอ?” เด็กผู้ชายอีกคนถามขึ้นมา
“ไม่หรอก คีอาร์จะอาศัยอยู่กับโคลว์น่ะ” โจนี่ตอบ
“เธอชื่อคีอาร์สินะ ว่าแต่เธอโชคดีจังที่ได้อาศัยอยู่กับคุณเจ้าของร้าน! เขาใจดีมากเลย” ฮันนี่พูดกับคีอาร์ต่อโดยไม่สนใจว่าเด็กชายที่ตนพูดด้วยจะเมินใส่รึเปล่า
“ผมหิวแล้ว” คีอาร์หันมาบอกฉันที่อยู่ข้างหลังฮันนี่
“เอ๊ะ? เธอหิวเหรอ? ฉันมีขนมนะ” ฮันนี่ยื่นลูกอมให้คีอาร์เพราะคิดว่าคีอาร์กำลังพูดกับตัวเอง ก็นะ ฉันตอนนี้เป็นแค่อากาศ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคีอาร์ก็มีแค่เด็กสาวผมชมพูนี่นา
“ผมอยากกินเค้ก”
“ถ้าหิวควรกินข้าวก่อนนะคีอาร์ ของหวานควรทานทีหลัง” ฉันบอกเขา คีอาร์พยักหน้าเข้าใจ
“ฉันไม่มีเค้ก...” ฮันนี่ไหล่ตกเมื่อได้ยินคีอาร์พูดแบบนั้น
“คีอาร์ เดี๋ยวก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว รอสักครู่นะ” โจนี่ยิ้มอ่อน แล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องครัวที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น เขาปล่อยให้คีอาร์ได้ทำความรู้จักกับเด็กอื่น ๆ คนเดียว แต่คีอาร์ดันไม่เปิดปากพูดกับใครเลย เด็กคนอื่น ๆ รู้สึกเบื่อจึงไปเล่นอย่างอื่นแทน ก็มีแต่ฮันนี่และเด็กผู้ชายที่ชื่อไรเนอร์นั่นล่ะที่ยังคุยกับคีอาร์
ฮันนี่อยากจะสนิทกับคีอาร์จึงพูดไปเรื่อ แต่ฝ่ายไรเนอร์คุยกับคีอาร์เพราะมีฮันนี่อยู่ใกล้ ๆ ดูเหมือนเด็กชายตัวน้อยคนนี้จะมีความรักตั้งแต่เด็ก เขาดูไม่ชอบใจที่ฮันนี่คุยกับคีอาร์จึงพูดแทรกอยู่ตลอด
คีอาร์ดูจะรำคาญมากและเพื่อไม่ให้เขาอาละวาดฉันจึงเริ่มคุยกับคีอาร์เพื่อเรียกความสนใจของเขา
“สนใจจะฟังนิทานตอนนี้รึเปล่า?” ฉันถามคีอาร์ เขาพยักหน้าให้กับฉันหลายๆ ครั้ง ฉันจึงเริ่มเล่านิทานสั้นที่คิดสดๆ “กาลครั้งหนึ่งมีดอกไม้ดอกหนึ่งที่มีพลังลบล้างคำสาป แต่เนื่องจากมันหายากมากและไม่แน่ว่ามีจริงรึเปล่ามันจึงถูกเรียกว่าดอกไม้ในตำนาน จนกระทั่งวันหนึ่งมีเจ้าหญิงคนหนึ่งถูกคำสาปของแม่มดจนกลายเป็น....มังกร ใช่ มังกรที่ผู้คนต่างหวาดกลัวและเกลียดชัง ทหารต่างตามล่ามังกรโดยไม่รู้เลยว่ามังกรตนนั้นก็คือเจ้าหญิงที่หายตัวไปของพวกเขา เจ้าหญิงที่หายไปและมังกรที่ปรากฏตัวอย่างไร้ที่มา ผู้คนต่างเข้าใจไปว่าเจ้าหญิงที่หายไปถูกมังกรกินจึงแค้นมากและตามล่ามังกร เจ้าชายที่เป็นคู่หมั้นของเจ้าหญิงได้ตามล่ามังกรเพื่อสังหารมัน เพราะคิดว่ามังกรกินคนรักตัวเองไป” ฉันหยุดพูดสักพักและคิดตอนต่อไป การคิดนิยายสดๆ จะทำให้ออกทะเลได้เลยนะ และส่วนมากที่ฉันเล่านิทานให้คีอาร์ฟังมันก็มักจะมีคติสอนใจด้วย แต่ดูเหมือนที่ฉันเล่าเมื่อครู่จะไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย
“นี่ คีอาร์ฟังฉันรึเปล่าเนี่ย!” ฮันนี่เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางแง่งอน
“ผมฟังอยู่พูดต่อสิ เลย์”
“ฉันชื่อฮันนี่ต่างหากล่ะ! ว่าแต่ฟังอยู่จริงๆ เหรอ? งั้นฉันจะเล่าให้ฟังต่อไปก็ได้” ฮันนี่เอ่ยเสียงใส
“แฮ่ม ต่อจากนั้นเจ้าหญิงในร่างมังกรก็ออกตามหาดอกไม้ในตำนานที่ถูกกล่าวถึงเพื่อถอนคำสาป เธอพยายามเดินทางไปเรื่อย ๆ โดยที่มีคนรักตามฆ่าตลอดทาง เจ้าหญิงที่กำลังเสียใจและเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ได้พบกับปีศาจผู้หนึ่ง เขาเข้าใจสิ่งที่เจ้าหญิงในร่างมังกรพูดจึงให้ความช่วยเหลือ ทั้งสองผ่านความยากลำบากมากมาย จนกระทั่งเจ้าหญิงพบดอกไม้ในตำนานบนยอดเขา เจ้าหญิงได้ถอนคำสาปต่อหน้าเจ้าชายผู้เป็นคู่หมั้นของตน เมื่อเจ้าชายได้รู้ว่ามังกรที่ตัวเองตามฆ่ามาตลอดก็คือเจ้าหญิงจึงเสียใจอย่างหนักและขอคืนดี แต่เจ้าหญิงกลับเลือกปีศาจที่ช่วยเหลือตนมาตลอด ตอนจบก็คือเจ้าหญิงและปีศาจได้ครองรักกัน!”
ส่วนเจ้าชายที่โดนหักอกก็เป็นของฉัน! หัวเราะชั่วร้ายในหัว
“ผมได้อะไรจากเรื่องนี้?” คีอาร์ถาม เนื่องจากเขาจะได้คติสอนใจจากนิทานที่ฉันเล่าทุกครั้งเขาจึงได้ถามออกมาแบบนั้น ฉันยิ้มแห้งและพยายามหาคำตอบ
“ก็คง ถึงจะพบเหตุการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหนแต่หากพยายามก็จะได้พบเรื่องดี ๆ ในตอนจบ”
“แล้วทำไมเจ้าหญิงถึงเลือกปีศาจ? ก่อนหน้านี้เลย์เล่าแต่เรื่องเจ้าชายกับเจ้าหญิงคู่กัน” คีอาร์ถามต่อ
“ก็....คนที่มาช่วยเธอในยามลำบากโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนก็คือปีศาจ มันทำให้เจ้าหญิงประทับใจและหลงรัก จึงคิดจะตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยการมอบทุกอย่างที่สามารถมอบให้ได้” มั้งนะ ฉันต่อคำเล็กน้อยในใจ
“งั้นเหรอ?” คีอาร์ก้มหน้าครุ่นคิด
“ได้เวลาอาหารแล้วนะทุกคน” โคนี่ตะโกนเรียก เด็กทุกคนต่างส่งเสียงดีใจแล้วรีบวิ่งไปที่โต๊ะยาวที่มีอาหารเรียงรายอยู่
“ไปกันเถอะคีอาร์” ฮันนี่จับมือคีอาร์เพื่อพาเขาไปที่โต๊ะอาหาร แต่คีอาร์กลับสะบัดมืออย่างแรง
“เธอเป็นใคร อย่ามาแตะต้องตัวผมจะได้ไหม” คีอาร์หน้าบูดและมองเด็กสาวหัวชมพูตาขวาง ฮันนี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาทันที
“กะ ก็ฮันนี่ไง เราคุยกันเมื่อกี้เอง” เธอพูดเสียงสั่น
“ผมไปคุยกับเธอตอนไหน”
“นี่นายทำอะไรฮันนี่น่ะ!” ไรเนอร์เข้ามาแทรกกลางระหว่างคีอาร์และฮันนี่อย่างไม่พอใจ
“ผมเปล่านี่” คีอาร์ตอบเสียงเรียบ
“แต่ฮันนี่จะร้องไห้!” ไรเนอร์เถียง ผู้พิทักษ์ตัวน้อยขมวดคิ้วอย่างน่ารัก สำหรับฉันน่ะนะ
“อะไรกันๆ มีอะไรเกิดขึ้น?” โจนี่เข้ามาทัก
“เขารังแกฮันนี่!” ไรเนอร์ฟ้องทันที โจนี่จึงเลิกคิ้วถามคีอาร์ เขามองหน้าโจนี่ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง
“เธอควรปฏิเสธนะคีอาร์ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิด” ฉันบอกคีอาร์
“ผมไม่ได้ทำ ผมแค่พูดว่าผมไม่รู้จักเธอแล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้” เขายอมอธิบายตามที่ฉันบอก โจนี่พยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้ต่อว่าคีอาร์ ทุกอย่างจบลงเมื่อทั้งสี่ไปนั่งกินข้าว เด็ก ๆ อารมณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้กินอาหารอร่อยๆ
ก็เด็กนี่นะ ฉันนั่งเก้าอี้อากาศไม่ห่างจากโต๊ะอาหารนักเพื่อมองเด็กน้อยทุกคน หากไม่นับรวมโคนี่ โจนี่ และเจนอส เด็กผู้หญิงมีทั้งหมดอยู่สี่คน เด็กผู้ชายมีหกคน ช่วงอายุก็อยู่ประมาณห้าถึงสิบปี
ในอนาคตพวกเขาอาจจะมีบทในเรื่องราวของคีอาร์ อย่างน้อยฉันก็ต้องจดบันทึกไว้บ้าง ขณะเดียวกันฉันก็เปิดเว็บ Go - D ขึ้นมาเพื่อดูความคิดเห็นนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ซึ่งเสียงตอบรับก็เป็นอย่างที่ฉันคิด
ดอกบัวเขียว: กรีดร้องกันเร็วทุกคน! ตัวเอกนิยายเรื่องใหม่เป็นหนุ่มสุดหล่อ!
จิ้งจอกเขียว: ดูรูปวาดพิเศษนั่นสิ นั่นกล้ามใช่ไหม? ฉันอยากลูบไล้มัน!
หลังคาสีเขียว: เขาดูมีเสน่ห์มาก ตอนสืบคดีคงจะเท่มากแน่ๆ
ไก่เขียว: หากเขามีตัวตนจริงๆ ฉันจะจีบเขา
ต้นไม้เขียว: ฉันอยากเสพติดเขา อยากพบเขา!
เตียงเขียว: นักสืบอร่อยไหม? อยากชิมจัง
แหม พูดถึงแต่ซีโร่เลยนะ แล้วคดีปริศนาที่ฉันโฆษณาได้เข้าไปในหัวพวกคุณบ้างไหม? ฉันไล่อ่านต่อไป เนื่องจากโลกทางนั้นเพิ่งผ่านมาได้ไม่ถึงสิบนาทีจึงไม่ค่อยมีความคิดเห็นมากนัก
หวีเขียว: คดีซับซ้อนรึเปล่า? ซีโร่เก่งมากรึเปล่า?
หมอนเขียว: เขาหล่อ ต้องเก่งสิ เหมือนโคชินนันอิจิไง
ผ้าห่มเขียว: เกี่ยวอะไรกับหน้าตาเนี่ย แล้วโคชินนันอิจินั่นคือเด็กนั่นใช่ไหม?
หนูเขียว: คดีซับซ้อนฉันก็ชอบอ่านนะ แต่เหตุผลหลักที่ฉันกดติดตามก็คือซีโร่ เขาตรงกับผู้ชายในฝันเลย
เอาที่สบายใจ ผลตอบรับออกมาดีก็ดีแล้ว ยิ่งพวกเขามีความคิดและความรู้สึกให้กับบุคคลในโลกทางนี้มากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งทำให้โลกแห่งนี้มีพลังขึ้นมา แค่ความรู้สึกของคนคนเดียวก็เยอะแล้ว ยิ่งหลายๆ คนก็ยิ่งดี
ยิ่งเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ เป็นแนวสืบสวนที่มีการสูญเสียแล้วด้วย แค่ตัวละครเสริมที่โผล่มาแค่ในคดีฆาตกรรมก็น่าจะเรียกความรู้สึกของนักอ่านได้เยอะแยะเลยทีเดียว
เลือกถูกแล้วสินะ
“เลย์ กลับกันเถอะ” คีอาร์เดินเข้ามาหา ฉันจึงเก็บหน้าจอลงและเตรียมตัวกลับ แต่ข้างนอกกลับฝนตกลงมาหนักมาก
“อยู่ที่นี่ต่อก็ได้นะ เมื่อฝนหยุดตกผมจะไปส่งเธอเอง” โจนี่ว่ามางั้น คีอาร์จึงจำเป็นต้องไปนั่งเล่นรวมกับเด็กคนอื่นเพื่อรอเวลาให้ฝนหยุดตก ฉันจึงคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะให้คีอาร์ได้เรียนรู้ชีวิตของเด็กอายุห้าปี ฉันจึงแนะนำให้เขาได้เล่นของเล่นที่เด็กคนอื่นเล่น
“นี่ เล่นกับฉันไหม?” ฮันนี่เด็กสาวผมชมพูเข้าหาคีอาร์อีกครั้ง ฉันดันไหล่คีอาร์เบาๆ ให้เขาตอบ
“ไม่” สั้นๆ ได้ใจความ แต่คนฟังไม่เข้าใจ
“มาเล่นกันเถอะนะ พ่อแม่ลูกเป็นไง?” ฮันนี่แนะนำโดยการนำตุ๊กตายัดนุ่นออกมาแล้วยื่นให้คีอาร์
“ผมบอกว่า ไม่” คีอาร์มองฮันนี่ตาขวาง
“ทำไมไม่มาเล่นด้วยกันล่ะ ตุ๊กตาออกจะน่ารัก” ว่าแล้วก็ดันตุ๊กตากระแทกหน้าคีอาร์ ฉันเห็นเงาสีดำที่ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากมือคีอาร์ ฉันรีบคว้ามือเขาไว้แทบไม่ทัน ฉันส่ายหัวเบาๆ เมื่อเขามองมา คีอาร์จึงยอมล้มเลิกความตั้งใจ
“ถ้าอยากเล่น ผมจะเล่นด้วยก็ได้...” คีอาร์ยอมในที่สุด ฮันนี่จึงพาคีอาร์เดินไปหาตุ๊กตามากมายในกล่อง ฉันมองสักพักเมื่อวางใจแล้วว่าคีอาร์จะไม่เรียกชูบี้ออกมาฉันจึงลองขึ้นไปตรวจสอบที่ชั้นบนของอะพาร์ตเมนต์ดูว่ามันมีอะไรบ้าง
มันก็สมกับเป็นอะพาร์ตเมนต์เพราะชั้นบนนี้มีห้องนอนอยู่หกห้อง แต่ที่นี่ก็มีแค่สองชั้นเท่านั้น และห้องที่ใช้นอนก็จริงก็มีแค่สี่ห้อง ห้องหนึ่งก็มีเด็ก ๆ นอนกันอยู่สองถึงสามคนขึ้นไป ดูเหมือนสามีภรรยาเฒ่าที่เป็นเจ้าของจะนอนอยู่ในบ้านเล็กที่ติดอยู่กับอะพาร์ตเมนต์แทนที่จะเป็นที่นี่
อาจจะเพราะรำคาญเสียงเด็ก ๆ รึเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นคงดีแล้วล่ะที่คีอาร์พักอยู่กับโคลว์ หากพักที่นี่คีอาร์คงหงุดหงิดทุกวัน
ฉันกลับลงไปข้างล่างอีกครั้งและไปหาคีอาร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือนิทานอยู่ เป็นโคลว์อีกนั่นล่ะที่เป็นคนสอนให้คีอาร์รู้จักตัวอักษรและการอ่าน แม้จะยังไม่คล่องแต่ก็ดีขึ้นมากเลย
“หือ? ว่าแต่ฮันนี่ไปไหนแล้ว?” ฉันถามหาเด็กสาวผมชมพูที่น่าจะกำลังเล่นกับคีอาร์อยู่ตอนนี้ แต่เธอกลับหายไป
“ถ้าหัวชมพูละก็ผมให้เธอไปหาดอกไม้ในตำนานแล้ว ผมบอกว่าจะยอมเล่นด้วยหากหาเจอ”
“ห๊ะ?” ฉันอุทานเสียงดังเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ฮันนี่ไปไหนกัน?” โคนี่ถามเด็ก ๆ ขึ้นมา
“ผมเห็นฮันนี่ออกไปข้างนอกครับ” เด็กคนหนึ่งตอบ
“ว่าไงนะ!? ตอนนี่พายุกำลังเข้านะ!” โคนี่อุทานอย่างตกใจ พี่ใหญ่อย่างโจนี่และเจนอสมองหน้ากันแล้วรีบสวมเสื้อกันฝนเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก
"รออยู่นี่เดี๋ยวกลับมา" โคนี่บอกเด็ก ๆ แล้วรีบวิ่งฝ่าฝนออกไปพร้อมกับโจนี่และเจนอส ฉันยืนหน้าซีดมองพวกเขาที่วิ่งออกไปแล้วหันมามองคีอาร์ที่ยังทำหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“คีอาร์ เธอก็รู้ว่าดอกไม้นั่นไม่มีอยู่จริง” ฉันเอ่ยช้า ๆ อย่างใจเย็น
“เพราะรู้ไงผมถึงให้เธอไปหา” คีอาร์แสยะยิ้มออกมา
กริ๊ง...
ต่างหูกระดิ่งแก้วของฉันสั่นเบาๆ ฉันลูบหน้าผากตัวเอง คีอาร์กำลังแกล้งฮันนี่ชัดๆ เขากำลังสนุกสนานมากที่รู้ว่าเธอทำตามที่เขาพูด ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่มีทางทำตามที่เขาพูดได้
“ถ้าฮันนี่กลับมาเธอต้องขอโทษนะ ในตอนฝนตกแบบนี้แกล้งให้เด็กผู้หญิงออกไปข้างนอกได้ยังไง เดี๋ยวเขาก็ป่วยหรอก”
“ไม่ตายหรอกน่า” คีอาร์พูดอย่างไม่สนใจ
“ไม่คีอาร์ ยังไงมันก็ไม่สมควรทำ หากฮันนี่เป็นอะไรขึ้นมาเธอรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ” ฉันทำหน้าดุเขา หากไม่ดุซะบ้างเขาคงจะทำอีก
“ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย หากหัวชมพูเป็นอะไรไปก็เพราะเธอทำตัวเอง ผมไม่เกี่ยว” คีอาร์หันหน้าหนี ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฉันจะสอนคีอาร์ยังไงดีเนี่ย ฉันสอนเด็กไม่เป็น!
“เป็นเด็กดีหน่อยสิคีอาร์” ฉันถอนหายใจ
“ผมเป็นแบบนี้ เด็กดีที่เลย์คิดไว้ผมคงเป็นให้ไม่ได้เพราะผมไม่เข้าใจมันเลย ไม่มีทางที่ผมจะเป็น มัน ได้เพราะตัวผมก็คือตัวผม” คีอาร์จ้องมองเข้ามาในดวงตาของฉัน ดวงตาสีม่วงหม่นแสงลง
ฉันเบิกตากว้างเล็กน้อย เป็นคำพูดที่ไม่เหมือนเด็กเลยนะ เขากำลังบอกว่าอย่ายัดเยียดในสิ่งที่ไม่ใช่เขาให้เขาเป็นใช่ไหม?
อ่า...ในหัวเล็ก ๆ นั่นเขาคิดอะไรอยู่กันนะ
ตอนที่ 10นั่นอาจจะเป็นนางเอกท้องฟ้าที่มืดครึ้มและพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าจะหยุด พี่ใหญ่ทั้งสามของอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ยังไม่กลับมา ฉันเริ่มรู้สึกกังวลหนักกว่าเดิมที่พวกเขายังไม่กลับมาก็เพราะหาฮันนี่ไม่เจอแน่ มันอาจจะเกิดเรื่องบางอย่างกับเด็กคนนั้นฉันตัดสินใจที่จะออกไปช่วยตามหาอีกแรง ยังไงซะตอนนี้ฉันก็มีร่างกายเป็นจิตวิญญาณ หากฉันไม่ต้องการสัมผัสอะไร แม้แต่อากาศก็ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวฉันได้ น้ำฝนก็เช่นกัน“คีอาร์ เดี๋ยวพี่สาวจะออกไปข้างนอกสักพักรออยู่ที่นี่อย่าไปไหนซะล่ะ” ฉันหันไปบอกกับคีอาร์และรีบลอยตัวออกไปข้างนอกเนื่องจากมีฝนตกหนักฉันจึงมองเห็นทางข้างหน้าไม่ค่อยจะชัดเจนนัก ฉันไม่รู้ว่าจะไปตามหาเด็กผมชมพูที่ไหนดีจึงคิดจะตามหารอบๆ ก่อน แต่พอมานึกดูดี ๆ พวกโจนี่น่าจะหาแล้ว คงต้องตามหาในที่อื่นที่คาดไม่ถึงฉันดึงความสามารถในการสืบคดีของตัวเองออกมา อย่างน้อยการที่ได้ติดตามซีโร่มันก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้การสืบหาสิ่งของหรือคนได้จากการคำนวณข้อมูลที่เล็กน้อยฮันนี่ได้ออกมาเพื่อทำตามคำพูดของคีอาร์ ซึ่งคีอาร์ก็บอกให้ฮันนี่ออกตามหาดอกไม้ในตำนานที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งตามนิทานที่ฉันแต่งขึ้
ตอนที่11ความคืบหน้านับตั้งแต่วันที่ฉันได้พบคีอาร์นี่ก็ผ่านมาได้สองปีแล้ว นับตามเวลาโลกของฉันมันก็ผ่านไปได้ประมาณหกสิบชั่วโมงหรือเกือบสามวัน งานแข่งขันการเขียนนิยายของนักเขียนที่ได้รับดวงตาพระเจ้าก็เหลืออยู่สิบสองวัน หรือหากให้นับตามเวลาในโลกMPก็จะเหลือเวลาแปดถึงเก้าปีฉันจึงไม่รีบร้อนเขียนนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ให้จบและยังพยายามตัดบทที่ไม่สำคัญออกจนเหลือแต่เนื้อหาส่วนสำคัญ ส่วนมากเป็นเนื้อหาการสืบคดีฉันจึงต้องตัดออกสักคดีเพื่อไม่ให้เรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ยาวเกินไปนับรวมแล้วนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ มีประมาณหกสิบตอนแล้ว เยอะเกินไปสำหรับนิยายที่ยังไม่ได้เบาะแสเป้าหมายหลักเป้าหมายของซีโร่ก็คือเป้าหมายของนิยาย ซึ่งเป้าหมายที่ว่านั้นก็คือล้มล้างองค์กรมาเฟีย ชาโดว์แฟมิลี่ ซีโร่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้มาน้อยมาก เป
ตอนที่12ครองโลก?ข้อมูลที่ซีโร่ได้มานั้นก็คือรายชื่อของตำรวจที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนขององค์กรชาโดว์แฟมิลี่ ซึ่งแต่ละชื่อก็จะมีหลักฐานการกระทำบันทึกไว้อย่างละเอียด ตำรวจเหล่านั้นทำอะไรบ้างในแต่ละวัน คดีไหนได้รับผิดชอบหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวบ้าง ทำอะไรที่น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้าง และที่สำคัญ ตำรวจที่ชื่อมาร์คคนนั้นเก็บคดีที่พวกชาโดว์แฟมิลี่ทำด้วยมีคดีฆาตกรรมหลายคดีที่ถูกเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้กลายเป็นคดีอุบัติเหตุและคดีฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ซีโร่จะทำอะไรต่อไปกับข้อมูลพวกนี้ก็รอดูกัน แต่ในตอนนี้ซีโร่เอาแต่ตรวจเช็กข้อมูลและอ่านรายละเอียดราวกับว่าต้องการจะจดจำทุกตัวอักษรฉันไม่รู้ว่าซีโร่จะจัดการกับตำรวจที่เป็นพวกเดียวกับองค์กรชาโดว์แฟมิลี่ยังไง แต่ขอแค่ไม่ให้เขาเข้าไปจัดการกับพวกนั้นด้วยตัวเอง หากหลักฐานไม่เพียงพอว่าพวกนั้นคือสายลับของพวกมาเฟียซีโร่จะกลายเป็นฆาตกรแทนพวกนั้น
ตอนที่13รางวัลพิเศษของนักอ่าน?คีอาร์ทำอย่างที่พูดจริงๆ เขาเกาะกลุ่มกับเด็กผู้ชายห้องเดียวกันแล้วไปท้าสู้กับเด็กที่อยู่ชั้นปีที่สูงกว่า ในแต่ละชั้นปีจะมีเด็กคนหนึ่งถูกยกย่องว่าเก่งที่สุด หากคีอาร์ชนะได้หมดทุกคนคีอาร์จะกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนฉันพยายามห้ามปรามคีอาร์แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันแล้วจริงๆ หากคีอาร์ไม่ไปหาเรื่องใครตามที่ฉันบอกสุดท้ายก็จะมีเด็กคนอื่นมาขอท้าสู้ด้วยอยู่ดี ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบเด็ก ๆ ที่ได้แผลถลอกกันเล็กน้อยแต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ดี เด็กที่มีพลังจิตน่ากลัวๆ มันยิ่งดูอันตรายใครเป็นคนเริ่มธรรมเนียมบ้าๆ นี้ขึ้นมานะ อยากปลูกฝังให้เด็ก ๆ กลายเป็นพวกใช้ความรุนแรงรึไงเรื่องพวกนี้ทำให้ฉันขัดใจอย่างมาก อาจารย์ของโรงเรียนรู้ว่าเด็ก ๆ ตีกัน แต่ก็ห้ามเฉพาะที่พบเห็นไม่คิดจะปราบปรามอย่างจริงจัง ก็รู้
ตอนที่ 1นักเขียนนิยายปลายนิ้วเรียวของฉันกดลงบนแป้นพิมพ์โปร่งใสที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างรวดเร็วและไม่มีหยุดชะงัก แต่สายตาของฉันไม่ได้มองไปยังตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่าสายตาของฉันมองตรงไปยังภาพตรงหน้าเพียงอย่างเดียว นั่นก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดฉากสำคัญตรงหน้าและก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดการบันทึกเรื่องราวที่เห็นฉันจึงขยับนิ้วพิมพ์บรรยายอย่างรวดเร็วแวมไพร์สาวฝังเขี้ยวลงไปบนคอของเหยื่อและดูดเลือดแสนอร่อยเข้าปากอย่างเชื่องช้าเพื่อลิ้มรสเลือดอันแสนหวานของชายหนุ่ม และชายหนุ่มผู้ถูกกัดก็ครางออกมาอย่างพอใจ ความสุขที่โดนกัดทำให้เขาล่องลอยไปสู่โลกอื่น?ต่อด้วย...ทั้งสองพาร่างของกันและกันไปต่อที่เตียงโดยที่ไม่ยอมผละออกจากกันแม้แต่เสี้ยววินาที เสื้อผ้าของทั้งสองถูกกระชากออกโดยฝีมือของฝ่ายตรงข้าม ไม่นานพวกเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่บนร่างกาย แวมไพร์สาวคลอเคลียริมฝีปากไปทั่วแผงอกอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มก่อนที่จะกัดไหล่ของชายหนุ่มอย่างรักใคร่(?) คู่รักที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดและความดิบเถื่อนเช่นนี้มันช่างเร้าใจนัก มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปทั่วร่างหญิงสาวและไปหยุดที่....ผลัวะ!!ยังไม่ท
ตอนที่ 2ฉันได้พระเอกแล้ว!ว้าว! ผู้ชายคนนั้นน่าสนใจจริงๆ!ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีเทา ดวงตาคมกริบสีแดงและใบหน้าคมเข้ม ไม่มีหญิงใดที่ไม่เหลียวมองตามหลังเขาไป ขายาวของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขณะที่ดวงตาคมกริบของเขายังคงกวาดสายตามองไปรอบด้านเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งมันคือหน้าที่ของเขา เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องประชาชนจากผู้ร้ายที่ใช้พลังจิตในทางที่ผิดกฎหมายโอ๊ะ! คนนั้นก็หล่อไม่น้อย!เขานั่งไขว่ขาด้วยท่าทีสุขุม มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบช้า ๆ ขณะที่มืออีกข้างกวาดนิ้วไปบนหน้าจอไอแพด แต่ดวงตาเรียวไม่ได้มองไปที่หน้าจอไอแพดแต่อย่างใด เขาจ้องมองไปยังบุคคลหนึ่งโดยไม่ละสายตาไปมองทางอื่น สายตาของเขาตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวของบุคคลนั้น เพราะเขาคือนักสืบ!โอ๊ย!! ไม่ว่าจะคนไหนก็เหมือนจะเป็นตัวเอกได้หมด นิรากลุ้มใจจังค่ะ!ฉันกำลังมองหาตัวเอกของนิยายที่จะเขียนอยู่ในขณะนี้ ชื่อเรื่องและทิศทางของเนื้อเรื่องก็คิดไว้แล้วเรียบร้อยเหลือเพียงตัวเอกนี่ล่ะ หายากมาก! ในโลกนี้กำลังวุ่นวายเพราะมีอาชญากรเพิ่มมากขึ้น แบบนี้มันต้องมีตัวเอกที่รักความถูกต้องและพยายามกำจัดพวกองค์กรมืด! ถ้าได้ตัวเอกที่
ตอนที่ 3เขาต้องเป็นพระเอกที่แสนดี!หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป โคลว์ยังคงให้คีอาร์อาศัยอยู่ด้วย เขาไม่ขับไล่คีอาร์แถมยังเลี้ยงดูอย่างดี ดูเหมือนโคลว์ตัดสินใจที่จะรับเลี้ยงคีอาร์แล้ว เพราะเขาได้วางแผนที่จะส่งคีอาร์เข้าเรียนเมื่อคีอาร์อายุครบหกปีและเขาได้ทำทะเบียนระบุตัวตนของคีอาร์แล้วด้วยรับง่ายๆ เลยแฮะฉันจึงจดบันทึกในข้อมูลตัวละครไปว่าโคลว์คือผู้มีพระคุณของคีอาร์ไป และในอนาคตโคลว์คงจะกลายเป็นทั้งพ่อและครูของคีอาร์ไปด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้คีอาร์ได้แสดงก้อนสีดำกลมๆ เท่าลูกปิงปองให้โคลว์ได้เห็น เมื่อโคลว์ได้รู้ความสามารถของเจ้าลูกกลมๆ นั่นเขาก็ทำหน้าจริงจังมากในตอนนั้นฉันคิดว่ามันคงเป็นพลังที่อันตรายมากเขาถึงได้แสดงสีหน้าออกมาแบบนั้น ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้ก้อนกลมสีดำมันใช้ทำอะไรจึงขอให้คีอาร์ลองใช้มันเขายอมทำตามคำขอของฉันจึงได้แสดงความสามารถของตัวเองให้ฉันดูโดยการสั่งให้เจ้าลูกกลมๆ นั่นกินอาหารบนโต๊ะ ปรากฏว่าก้อนกลมๆ นั่นเขมือบทั้งโต๊ะ มันไม่ได้กินแค่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างที่คีอาร์ต้องการ มันกินโต๊ะไปเลยล่ะ!!หายไปในชั่วพริบตาเลยด้วยฉันถึงกับกลุ้มใจ มันไม่เหมือนพลังของพระเอก มันโหดเก
ตอนที่ 4การเรียนรู้ของคีอาร์เช้าวันนี้คีอาร์ได้เริ่มฝึกงานเป็นคนเสิร์ฟอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามความสามารถที่ร่างเล็กของเขาจะทำได้ในร้านอาหารโคลเวอร์ ซึ่งเด็กที่โคลว์รับทำงานทั้งสามคนก็พากันสอนงานให้กับคีอาร์ พวกเขามีชื่อว่า โจนี่ โคนี่ และเจนอส พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กที่มาจากสลัมใกล้ๆทั้งสามทำงานกับโคลว์ก็เพราะพวกเขาจะซื้ออาหารไปเลี้ยงเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสลัม พวกเขาถือเป็นพี่ใหญ่เลยล่ะอนาคตถ้าเป็นพระเอกคงเป็นพระเอกสู้ชีวิต เก่งกาจ และใจดี ทำทุกอย่างเพื่อหาข้าวมาเลี้ยงน้อง ๆ ที่แทบไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลย เมื่อหันกลับมาดูพระเอกในตอนนี้ของฉัน คีอาร์มักจะไร้รอยยิ้มบนใบหน้า ไม่เหมือนเด็กคนอื่นที่มีรอยยิ้มสดใสได้ทุกเมื่อแม้จะเป็นเด็กจากกองขยะ ความใจดีจากใจก็ไม่มี ดูจากการตบหัวแมวและสุนัขครั้งนั้น เป้าหมายชีวิตก็ไม่มี เขาไม่แม้แต่จะอาลัยอาวรณ์ถึงบ้านที่จากมาอย่างกะทันหันเลยด้วยซ้ำ“คีอาร์ การต้อนรับลูกค้าเธอต้องยิ้มนะ” โคลว์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเสียงทุ้มและนุ่มนวลของเขา โคลว์เฝ้ามองคีอาร์ทำงานอยู่ตลอด เขามักจะพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อคีอาร์ทำได้ดี แต่มีปัญหาเดียวนั่นก็คือรอยยิ้มบนใบหน้