ตอนที่ 9
เยี่ยมบ้าน
สองอาทิตย์แล้วที่ฉันติดตามซีโร่แทบตลอดเวลาเนื่องจากบางครั้งฉันก็กลับไปหาคีอาร์เหมือนในคืนแรก เพราะความเหนื่อยล้าฉันจึงต้องการเติมพลังจากคีอาร์ ฉันไม่สามารถจมอยู่กับคดีตลอดเวลาเหมือนกับนักสืบที่มีสมองเป็นเหมือนเขาวงกตพวกนั้นได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันเขียนได้สามตอนแล้ว ตอนละยี่สิบหน้า เพราะงั้นฉันสามารถที่จะพักได้แล้ว ยังมีเวลาอีกมากให้เขียนเพราะในโลกของฉันก็เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าเอง ฉันกำหนดไว้ว่าจะฉันจะลงนิยายวันละตอนสองตอนเพื่อให้ได้รับความสนใจก่อนด้วย หากลงรวดเดียวฉันจะไม่ได้เหรียญทองจากความคิดเห็น แต่จะได้แค่เหรียญเงินจากยอดวิวอย่างเดียว สาเหตุคงไม่พ้นนักอ่านดันอ่านเพลินจนลืมแสดงความคิดเห็นหรือไม่ก็ขี้เกียจพิมพ์ล้วน ๆ
ไม่ไหวๆ
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อวานนี้ฉันจึงลงเรื่องย่อของนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ลงในเว็บ Go - D นั่นก็เพื่อดูเสียงตอบรับว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งฉันก็ไม่ลืมลงรูปซีโร่ที่ถูกแปลงเป็นรูปวาดแล้วด้วย
หวังว่านักอ่านของฉันจะไม่สนใจแต่หน้าตาของซีโร่นะ ควรสนใจเนื้อเรื่องสืบสวนที่ฉันพยายามบรรยายด้วยจะดีมาก!
เรื่องการตอบรับฉันยังไม่รู้ผลทันทีเพราะโลกของฉันและโลก MP มีช่วงเวลาที่ต่างกัน
ในช่วงนี้ฉันจึงกลับมาติดตามดูความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของคีอาร์ ถึงเขาจะยังไม่สามารถยิ้มสดใสได้แต่ในเรื่องความรู้รอบตัวของเขาดีขึ้นมาก และความสัมพันธ์ระหว่างคีอาร์และพวกโคนี่ดูจะพัฒนาไปในทางที่ดี พวกโคนี่เห็นคีอาร์เป็นเหมือนน้องเล็กอีกคนเพราะพวกโคนี่มีเด็ก ๆ ให้ดูแลถึงสิบกว่าคน จะเอ็นดูคีอาร์ไปด้วยก็ไม่แปลก
วันนี้โจนี่จึงชวนคีอาร์ไปเยี่ยมบ้านของพวกเขา ฉันจึงได้รู้เพิ่มเติมมาว่าพวกโจนี่อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์โทรมๆ แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเขตภูเขาขยะ อะพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีสามีภรรยาแก่ๆ คู่หนึ่งเป็นเจ้าของ เนื่องจากที่นี่ไม่มีลูกค้าเลยพวกเขาจึงให้เด็กกำพร้าในสลัมอาศัยอยู่ด้วยแลกกับการให้เด็ก ๆ ดูแลเรื่องงานบ้านแทนพวกเขาที่แก่มากแล้ว
แต่เพราะเงินที่สองสามีภรรยาเฒ่าสะสมไว้เริ่มหมดแล้วจนแทบไม่มีเงินซื้อข้าว เด็กโตอย่างโคนี่ โจนี่ และเจนอสจึงต้องไปหางานทำ ก่อนหน้านี้พวกเขาทำงานรับจ้างเล็กน้อยไปวันๆ จนกระทั่งเมื่อครึ่งปีที่แล้วโคลว์ได้มาเปิดร้านอาหารและรับพวกเขาเข้าทำงาน
เงินที่พวกเขาได้จากโคลว์มันมากพอที่จะเลี้ยงได้หลายชีวิตเลยล่ะ
“เชิญตามสบายเลยนะคีอาร์ ที่นี่ทุกคนใจดีอยู่แล้ว” เมื่อเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์โจนี่ก็เอ่ยพร้อมยิ้มกว้างต้อนรับเต็มที่ ทันทีที่เปิดประตูออกมาก็จะพบกับห้องนั่งเล่น และในห้องนั่งเล่นนั่นก็มีเด็ก ๆ อายุห้าปีถึงสิบปีอยู่ประมาณสิบคนพอดี
ที่นี่เป็นอะพาร์ตเมนต์ที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่สินะ ฉันคิดพลางมองไปรอบ ๆ มันค่อนข้างเก่าแต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง ในฤดูหนาวคงไม่มีการตายเกิดขึ้นแน่นอน
“พี่โจนี่กลับมาแล้ว!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา หลังจากนั้นโจนี่และโคนี่ก็โดนเด็ก ๆ กระโดดเกาะเป็นลูกลิง เจนอสดึงคีอาร์ออกห่างก่อนที่จะถูกกองทัพเด็กชนเอา
“ใจเย็นๆ วันนี้พี่พาเพื่อนใหม่มาแนะนำด้วยนะ” โคนี่พูดพร้อมรอยยิ้มใจดี เขาผายมือมาทางคีอาร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เจนอส
“ยินดีที่ได้รู้จัก! ฉันฮันนี่ เธอชื่ออะไรเหรอ?” เด็กน้อยน่ารักผมสีชมพูหวานตามชื่อเอ่ยทักทายคีอาร์อย่างสงสัย ฉันคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะอายุพอๆ กับคีอาร์ น่าจะเป็นเพื่อนกับคีอาร์ได้ดี แต่คีอาร์กลับไม่ยอมตอบคำถามของหนูน้อยฮันนี่เลย
“เขาจะมาอยู่กับเราเหรอ?” เด็กผู้ชายอีกคนถามขึ้นมา
“ไม่หรอก คีอาร์จะอาศัยอยู่กับโคลว์น่ะ” โจนี่ตอบ
“เธอชื่อคีอาร์สินะ ว่าแต่เธอโชคดีจังที่ได้อาศัยอยู่กับคุณเจ้าของร้าน! เขาใจดีมากเลย” ฮันนี่พูดกับคีอาร์ต่อโดยไม่สนใจว่าเด็กชายที่ตนพูดด้วยจะเมินใส่รึเปล่า
“ผมหิวแล้ว” คีอาร์หันมาบอกฉันที่อยู่ข้างหลังฮันนี่
“เอ๊ะ? เธอหิวเหรอ? ฉันมีขนมนะ” ฮันนี่ยื่นลูกอมให้คีอาร์เพราะคิดว่าคีอาร์กำลังพูดกับตัวเอง ก็นะ ฉันตอนนี้เป็นแค่อากาศ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคีอาร์ก็มีแค่เด็กสาวผมชมพูนี่นา
“ผมอยากกินเค้ก”
“ถ้าหิวควรกินข้าวก่อนนะคีอาร์ ของหวานควรทานทีหลัง” ฉันบอกเขา คีอาร์พยักหน้าเข้าใจ
“ฉันไม่มีเค้ก...” ฮันนี่ไหล่ตกเมื่อได้ยินคีอาร์พูดแบบนั้น
“คีอาร์ เดี๋ยวก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว รอสักครู่นะ” โจนี่ยิ้มอ่อน แล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องครัวที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น เขาปล่อยให้คีอาร์ได้ทำความรู้จักกับเด็กอื่น ๆ คนเดียว แต่คีอาร์ดันไม่เปิดปากพูดกับใครเลย เด็กคนอื่น ๆ รู้สึกเบื่อจึงไปเล่นอย่างอื่นแทน ก็มีแต่ฮันนี่และเด็กผู้ชายที่ชื่อไรเนอร์นั่นล่ะที่ยังคุยกับคีอาร์
ฮันนี่อยากจะสนิทกับคีอาร์จึงพูดไปเรื่อ แต่ฝ่ายไรเนอร์คุยกับคีอาร์เพราะมีฮันนี่อยู่ใกล้ ๆ ดูเหมือนเด็กชายตัวน้อยคนนี้จะมีความรักตั้งแต่เด็ก เขาดูไม่ชอบใจที่ฮันนี่คุยกับคีอาร์จึงพูดแทรกอยู่ตลอด
คีอาร์ดูจะรำคาญมากและเพื่อไม่ให้เขาอาละวาดฉันจึงเริ่มคุยกับคีอาร์เพื่อเรียกความสนใจของเขา
“สนใจจะฟังนิทานตอนนี้รึเปล่า?” ฉันถามคีอาร์ เขาพยักหน้าให้กับฉันหลายๆ ครั้ง ฉันจึงเริ่มเล่านิทานสั้นที่คิดสดๆ “กาลครั้งหนึ่งมีดอกไม้ดอกหนึ่งที่มีพลังลบล้างคำสาป แต่เนื่องจากมันหายากมากและไม่แน่ว่ามีจริงรึเปล่ามันจึงถูกเรียกว่าดอกไม้ในตำนาน จนกระทั่งวันหนึ่งมีเจ้าหญิงคนหนึ่งถูกคำสาปของแม่มดจนกลายเป็น....มังกร ใช่ มังกรที่ผู้คนต่างหวาดกลัวและเกลียดชัง ทหารต่างตามล่ามังกรโดยไม่รู้เลยว่ามังกรตนนั้นก็คือเจ้าหญิงที่หายตัวไปของพวกเขา เจ้าหญิงที่หายไปและมังกรที่ปรากฏตัวอย่างไร้ที่มา ผู้คนต่างเข้าใจไปว่าเจ้าหญิงที่หายไปถูกมังกรกินจึงแค้นมากและตามล่ามังกร เจ้าชายที่เป็นคู่หมั้นของเจ้าหญิงได้ตามล่ามังกรเพื่อสังหารมัน เพราะคิดว่ามังกรกินคนรักตัวเองไป” ฉันหยุดพูดสักพักและคิดตอนต่อไป การคิดนิยายสดๆ จะทำให้ออกทะเลได้เลยนะ และส่วนมากที่ฉันเล่านิทานให้คีอาร์ฟังมันก็มักจะมีคติสอนใจด้วย แต่ดูเหมือนที่ฉันเล่าเมื่อครู่จะไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย
“นี่ คีอาร์ฟังฉันรึเปล่าเนี่ย!” ฮันนี่เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางแง่งอน
“ผมฟังอยู่พูดต่อสิ เลย์”
“ฉันชื่อฮันนี่ต่างหากล่ะ! ว่าแต่ฟังอยู่จริงๆ เหรอ? งั้นฉันจะเล่าให้ฟังต่อไปก็ได้” ฮันนี่เอ่ยเสียงใส
“แฮ่ม ต่อจากนั้นเจ้าหญิงในร่างมังกรก็ออกตามหาดอกไม้ในตำนานที่ถูกกล่าวถึงเพื่อถอนคำสาป เธอพยายามเดินทางไปเรื่อย ๆ โดยที่มีคนรักตามฆ่าตลอดทาง เจ้าหญิงที่กำลังเสียใจและเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ได้พบกับปีศาจผู้หนึ่ง เขาเข้าใจสิ่งที่เจ้าหญิงในร่างมังกรพูดจึงให้ความช่วยเหลือ ทั้งสองผ่านความยากลำบากมากมาย จนกระทั่งเจ้าหญิงพบดอกไม้ในตำนานบนยอดเขา เจ้าหญิงได้ถอนคำสาปต่อหน้าเจ้าชายผู้เป็นคู่หมั้นของตน เมื่อเจ้าชายได้รู้ว่ามังกรที่ตัวเองตามฆ่ามาตลอดก็คือเจ้าหญิงจึงเสียใจอย่างหนักและขอคืนดี แต่เจ้าหญิงกลับเลือกปีศาจที่ช่วยเหลือตนมาตลอด ตอนจบก็คือเจ้าหญิงและปีศาจได้ครองรักกัน!”
ส่วนเจ้าชายที่โดนหักอกก็เป็นของฉัน! หัวเราะชั่วร้ายในหัว
“ผมได้อะไรจากเรื่องนี้?” คีอาร์ถาม เนื่องจากเขาจะได้คติสอนใจจากนิทานที่ฉันเล่าทุกครั้งเขาจึงได้ถามออกมาแบบนั้น ฉันยิ้มแห้งและพยายามหาคำตอบ
“ก็คง ถึงจะพบเหตุการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหนแต่หากพยายามก็จะได้พบเรื่องดี ๆ ในตอนจบ”
“แล้วทำไมเจ้าหญิงถึงเลือกปีศาจ? ก่อนหน้านี้เลย์เล่าแต่เรื่องเจ้าชายกับเจ้าหญิงคู่กัน” คีอาร์ถามต่อ
“ก็....คนที่มาช่วยเธอในยามลำบากโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนก็คือปีศาจ มันทำให้เจ้าหญิงประทับใจและหลงรัก จึงคิดจะตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยการมอบทุกอย่างที่สามารถมอบให้ได้” มั้งนะ ฉันต่อคำเล็กน้อยในใจ
“งั้นเหรอ?” คีอาร์ก้มหน้าครุ่นคิด
“ได้เวลาอาหารแล้วนะทุกคน” โคนี่ตะโกนเรียก เด็กทุกคนต่างส่งเสียงดีใจแล้วรีบวิ่งไปที่โต๊ะยาวที่มีอาหารเรียงรายอยู่
“ไปกันเถอะคีอาร์” ฮันนี่จับมือคีอาร์เพื่อพาเขาไปที่โต๊ะอาหาร แต่คีอาร์กลับสะบัดมืออย่างแรง
“เธอเป็นใคร อย่ามาแตะต้องตัวผมจะได้ไหม” คีอาร์หน้าบูดและมองเด็กสาวหัวชมพูตาขวาง ฮันนี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาทันที
“กะ ก็ฮันนี่ไง เราคุยกันเมื่อกี้เอง” เธอพูดเสียงสั่น
“ผมไปคุยกับเธอตอนไหน”
“นี่นายทำอะไรฮันนี่น่ะ!” ไรเนอร์เข้ามาแทรกกลางระหว่างคีอาร์และฮันนี่อย่างไม่พอใจ
“ผมเปล่านี่” คีอาร์ตอบเสียงเรียบ
“แต่ฮันนี่จะร้องไห้!” ไรเนอร์เถียง ผู้พิทักษ์ตัวน้อยขมวดคิ้วอย่างน่ารัก สำหรับฉันน่ะนะ
“อะไรกันๆ มีอะไรเกิดขึ้น?” โจนี่เข้ามาทัก
“เขารังแกฮันนี่!” ไรเนอร์ฟ้องทันที โจนี่จึงเลิกคิ้วถามคีอาร์ เขามองหน้าโจนี่ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง
“เธอควรปฏิเสธนะคีอาร์ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิด” ฉันบอกคีอาร์
“ผมไม่ได้ทำ ผมแค่พูดว่าผมไม่รู้จักเธอแล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้” เขายอมอธิบายตามที่ฉันบอก โจนี่พยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้ต่อว่าคีอาร์ ทุกอย่างจบลงเมื่อทั้งสี่ไปนั่งกินข้าว เด็ก ๆ อารมณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้กินอาหารอร่อยๆ
ก็เด็กนี่นะ ฉันนั่งเก้าอี้อากาศไม่ห่างจากโต๊ะอาหารนักเพื่อมองเด็กน้อยทุกคน หากไม่นับรวมโคนี่ โจนี่ และเจนอส เด็กผู้หญิงมีทั้งหมดอยู่สี่คน เด็กผู้ชายมีหกคน ช่วงอายุก็อยู่ประมาณห้าถึงสิบปี
ในอนาคตพวกเขาอาจจะมีบทในเรื่องราวของคีอาร์ อย่างน้อยฉันก็ต้องจดบันทึกไว้บ้าง ขณะเดียวกันฉันก็เปิดเว็บ Go - D ขึ้นมาเพื่อดูความคิดเห็นนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ซึ่งเสียงตอบรับก็เป็นอย่างที่ฉันคิด
ดอกบัวเขียว: กรีดร้องกันเร็วทุกคน! ตัวเอกนิยายเรื่องใหม่เป็นหนุ่มสุดหล่อ!
จิ้งจอกเขียว: ดูรูปวาดพิเศษนั่นสิ นั่นกล้ามใช่ไหม? ฉันอยากลูบไล้มัน!
หลังคาสีเขียว: เขาดูมีเสน่ห์มาก ตอนสืบคดีคงจะเท่มากแน่ๆ
ไก่เขียว: หากเขามีตัวตนจริงๆ ฉันจะจีบเขา
ต้นไม้เขียว: ฉันอยากเสพติดเขา อยากพบเขา!
เตียงเขียว: นักสืบอร่อยไหม? อยากชิมจัง
แหม พูดถึงแต่ซีโร่เลยนะ แล้วคดีปริศนาที่ฉันโฆษณาได้เข้าไปในหัวพวกคุณบ้างไหม? ฉันไล่อ่านต่อไป เนื่องจากโลกทางนั้นเพิ่งผ่านมาได้ไม่ถึงสิบนาทีจึงไม่ค่อยมีความคิดเห็นมากนัก
หวีเขียว: คดีซับซ้อนรึเปล่า? ซีโร่เก่งมากรึเปล่า?
หมอนเขียว: เขาหล่อ ต้องเก่งสิ เหมือนโคชินนันอิจิไง
ผ้าห่มเขียว: เกี่ยวอะไรกับหน้าตาเนี่ย แล้วโคชินนันอิจินั่นคือเด็กนั่นใช่ไหม?
หนูเขียว: คดีซับซ้อนฉันก็ชอบอ่านนะ แต่เหตุผลหลักที่ฉันกดติดตามก็คือซีโร่ เขาตรงกับผู้ชายในฝันเลย
เอาที่สบายใจ ผลตอบรับออกมาดีก็ดีแล้ว ยิ่งพวกเขามีความคิดและความรู้สึกให้กับบุคคลในโลกทางนี้มากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งทำให้โลกแห่งนี้มีพลังขึ้นมา แค่ความรู้สึกของคนคนเดียวก็เยอะแล้ว ยิ่งหลายๆ คนก็ยิ่งดี
ยิ่งเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ เป็นแนวสืบสวนที่มีการสูญเสียแล้วด้วย แค่ตัวละครเสริมที่โผล่มาแค่ในคดีฆาตกรรมก็น่าจะเรียกความรู้สึกของนักอ่านได้เยอะแยะเลยทีเดียว
เลือกถูกแล้วสินะ
“เลย์ กลับกันเถอะ” คีอาร์เดินเข้ามาหา ฉันจึงเก็บหน้าจอลงและเตรียมตัวกลับ แต่ข้างนอกกลับฝนตกลงมาหนักมาก
“อยู่ที่นี่ต่อก็ได้นะ เมื่อฝนหยุดตกผมจะไปส่งเธอเอง” โจนี่ว่ามางั้น คีอาร์จึงจำเป็นต้องไปนั่งเล่นรวมกับเด็กคนอื่นเพื่อรอเวลาให้ฝนหยุดตก ฉันจึงคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะให้คีอาร์ได้เรียนรู้ชีวิตของเด็กอายุห้าปี ฉันจึงแนะนำให้เขาได้เล่นของเล่นที่เด็กคนอื่นเล่น
“นี่ เล่นกับฉันไหม?” ฮันนี่เด็กสาวผมชมพูเข้าหาคีอาร์อีกครั้ง ฉันดันไหล่คีอาร์เบาๆ ให้เขาตอบ
“ไม่” สั้นๆ ได้ใจความ แต่คนฟังไม่เข้าใจ
“มาเล่นกันเถอะนะ พ่อแม่ลูกเป็นไง?” ฮันนี่แนะนำโดยการนำตุ๊กตายัดนุ่นออกมาแล้วยื่นให้คีอาร์
“ผมบอกว่า ไม่” คีอาร์มองฮันนี่ตาขวาง
“ทำไมไม่มาเล่นด้วยกันล่ะ ตุ๊กตาออกจะน่ารัก” ว่าแล้วก็ดันตุ๊กตากระแทกหน้าคีอาร์ ฉันเห็นเงาสีดำที่ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากมือคีอาร์ ฉันรีบคว้ามือเขาไว้แทบไม่ทัน ฉันส่ายหัวเบาๆ เมื่อเขามองมา คีอาร์จึงยอมล้มเลิกความตั้งใจ
“ถ้าอยากเล่น ผมจะเล่นด้วยก็ได้...” คีอาร์ยอมในที่สุด ฮันนี่จึงพาคีอาร์เดินไปหาตุ๊กตามากมายในกล่อง ฉันมองสักพักเมื่อวางใจแล้วว่าคีอาร์จะไม่เรียกชูบี้ออกมาฉันจึงลองขึ้นไปตรวจสอบที่ชั้นบนของอะพาร์ตเมนต์ดูว่ามันมีอะไรบ้าง
มันก็สมกับเป็นอะพาร์ตเมนต์เพราะชั้นบนนี้มีห้องนอนอยู่หกห้อง แต่ที่นี่ก็มีแค่สองชั้นเท่านั้น และห้องที่ใช้นอนก็จริงก็มีแค่สี่ห้อง ห้องหนึ่งก็มีเด็ก ๆ นอนกันอยู่สองถึงสามคนขึ้นไป ดูเหมือนสามีภรรยาเฒ่าที่เป็นเจ้าของจะนอนอยู่ในบ้านเล็กที่ติดอยู่กับอะพาร์ตเมนต์แทนที่จะเป็นที่นี่
อาจจะเพราะรำคาญเสียงเด็ก ๆ รึเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นคงดีแล้วล่ะที่คีอาร์พักอยู่กับโคลว์ หากพักที่นี่คีอาร์คงหงุดหงิดทุกวัน
ฉันกลับลงไปข้างล่างอีกครั้งและไปหาคีอาร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือนิทานอยู่ เป็นโคลว์อีกนั่นล่ะที่เป็นคนสอนให้คีอาร์รู้จักตัวอักษรและการอ่าน แม้จะยังไม่คล่องแต่ก็ดีขึ้นมากเลย
“หือ? ว่าแต่ฮันนี่ไปไหนแล้ว?” ฉันถามหาเด็กสาวผมชมพูที่น่าจะกำลังเล่นกับคีอาร์อยู่ตอนนี้ แต่เธอกลับหายไป
“ถ้าหัวชมพูละก็ผมให้เธอไปหาดอกไม้ในตำนานแล้ว ผมบอกว่าจะยอมเล่นด้วยหากหาเจอ”
“ห๊ะ?” ฉันอุทานเสียงดังเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ฮันนี่ไปไหนกัน?” โคนี่ถามเด็ก ๆ ขึ้นมา
“ผมเห็นฮันนี่ออกไปข้างนอกครับ” เด็กคนหนึ่งตอบ
“ว่าไงนะ!? ตอนนี่พายุกำลังเข้านะ!” โคนี่อุทานอย่างตกใจ พี่ใหญ่อย่างโจนี่และเจนอสมองหน้ากันแล้วรีบสวมเสื้อกันฝนเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก
"รออยู่นี่เดี๋ยวกลับมา" โคนี่บอกเด็ก ๆ แล้วรีบวิ่งฝ่าฝนออกไปพร้อมกับโจนี่และเจนอส ฉันยืนหน้าซีดมองพวกเขาที่วิ่งออกไปแล้วหันมามองคีอาร์ที่ยังทำหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“คีอาร์ เธอก็รู้ว่าดอกไม้นั่นไม่มีอยู่จริง” ฉันเอ่ยช้า ๆ อย่างใจเย็น
“เพราะรู้ไงผมถึงให้เธอไปหา” คีอาร์แสยะยิ้มออกมา
กริ๊ง...
ต่างหูกระดิ่งแก้วของฉันสั่นเบาๆ ฉันลูบหน้าผากตัวเอง คีอาร์กำลังแกล้งฮันนี่ชัดๆ เขากำลังสนุกสนานมากที่รู้ว่าเธอทำตามที่เขาพูด ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่มีทางทำตามที่เขาพูดได้
“ถ้าฮันนี่กลับมาเธอต้องขอโทษนะ ในตอนฝนตกแบบนี้แกล้งให้เด็กผู้หญิงออกไปข้างนอกได้ยังไง เดี๋ยวเขาก็ป่วยหรอก”
“ไม่ตายหรอกน่า” คีอาร์พูดอย่างไม่สนใจ
“ไม่คีอาร์ ยังไงมันก็ไม่สมควรทำ หากฮันนี่เป็นอะไรขึ้นมาเธอรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ” ฉันทำหน้าดุเขา หากไม่ดุซะบ้างเขาคงจะทำอีก
“ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย หากหัวชมพูเป็นอะไรไปก็เพราะเธอทำตัวเอง ผมไม่เกี่ยว” คีอาร์หันหน้าหนี ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฉันจะสอนคีอาร์ยังไงดีเนี่ย ฉันสอนเด็กไม่เป็น!
“เป็นเด็กดีหน่อยสิคีอาร์” ฉันถอนหายใจ
“ผมเป็นแบบนี้ เด็กดีที่เลย์คิดไว้ผมคงเป็นให้ไม่ได้เพราะผมไม่เข้าใจมันเลย ไม่มีทางที่ผมจะเป็น มัน ได้เพราะตัวผมก็คือตัวผม” คีอาร์จ้องมองเข้ามาในดวงตาของฉัน ดวงตาสีม่วงหม่นแสงลง
ฉันเบิกตากว้างเล็กน้อย เป็นคำพูดที่ไม่เหมือนเด็กเลยนะ เขากำลังบอกว่าอย่ายัดเยียดในสิ่งที่ไม่ใช่เขาให้เขาเป็นใช่ไหม?
อ่า...ในหัวเล็ก ๆ นั่นเขาคิดอะไรอยู่กันนะ
ตอนที่ 10นั่นอาจจะเป็นนางเอกท้องฟ้าที่มืดครึ้มและพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าจะหยุด พี่ใหญ่ทั้งสามของอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ยังไม่กลับมา ฉันเริ่มรู้สึกกังวลหนักกว่าเดิมที่พวกเขายังไม่กลับมาก็เพราะหาฮันนี่ไม่เจอแน่ มันอาจจะเกิดเรื่องบางอย่างกับเด็กคนนั้นฉันตัดสินใจที่จะออกไปช่วยตามหาอีกแรง ยังไงซะตอนนี้ฉันก็มีร่างกายเป็นจิตวิญญาณ หากฉันไม่ต้องการสัมผัสอะไร แม้แต่อากาศก็ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวฉันได้ น้ำฝนก็เช่นกัน“คีอาร์ เดี๋ยวพี่สาวจะออกไปข้างนอกสักพักรออยู่ที่นี่อย่าไปไหนซะล่ะ” ฉันหันไปบอกกับคีอาร์และรีบลอยตัวออกไปข้างนอกเนื่องจากมีฝนตกหนักฉันจึงมองเห็นทางข้างหน้าไม่ค่อยจะชัดเจนนัก ฉันไม่รู้ว่าจะไปตามหาเด็กผมชมพูที่ไหนดีจึงคิดจะตามหารอบๆ ก่อน แต่พอมานึกดูดี ๆ พวกโจนี่น่าจะหาแล้ว คงต้องตามหาในที่อื่นที่คาดไม่ถึงฉันดึงความสามารถในการสืบคดีของตัวเองออกมา อย่างน้อยการที่ได้ติดตามซีโร่มันก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้การสืบหาสิ่งของหรือคนได้จากการคำนวณข้อมูลที่เล็กน้อยฮันนี่ได้ออกมาเพื่อทำตามคำพูดของคีอาร์ ซึ่งคีอาร์ก็บอกให้ฮันนี่ออกตามหาดอกไม้ในตำนานที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งตามนิทานที่ฉันแต่งขึ้
ตอนที่11ความคืบหน้านับตั้งแต่วันที่ฉันได้พบคีอาร์นี่ก็ผ่านมาได้สองปีแล้ว นับตามเวลาโลกของฉันมันก็ผ่านไปได้ประมาณหกสิบชั่วโมงหรือเกือบสามวัน งานแข่งขันการเขียนนิยายของนักเขียนที่ได้รับดวงตาพระเจ้าก็เหลืออยู่สิบสองวัน หรือหากให้นับตามเวลาในโลกMPก็จะเหลือเวลาแปดถึงเก้าปีฉันจึงไม่รีบร้อนเขียนนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ให้จบและยังพยายามตัดบทที่ไม่สำคัญออกจนเหลือแต่เนื้อหาส่วนสำคัญ ส่วนมากเป็นเนื้อหาการสืบคดีฉันจึงต้องตัดออกสักคดีเพื่อไม่ให้เรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ยาวเกินไปนับรวมแล้วนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ มีประมาณหกสิบตอนแล้ว เยอะเกินไปสำหรับนิยายที่ยังไม่ได้เบาะแสเป้าหมายหลักเป้าหมายของซีโร่ก็คือเป้าหมายของนิยาย ซึ่งเป้าหมายที่ว่านั้นก็คือล้มล้างองค์กรมาเฟีย ชาโดว์แฟมิลี่ ซีโร่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้มาน้อยมาก เป
ตอนที่12ครองโลก?ข้อมูลที่ซีโร่ได้มานั้นก็คือรายชื่อของตำรวจที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนขององค์กรชาโดว์แฟมิลี่ ซึ่งแต่ละชื่อก็จะมีหลักฐานการกระทำบันทึกไว้อย่างละเอียด ตำรวจเหล่านั้นทำอะไรบ้างในแต่ละวัน คดีไหนได้รับผิดชอบหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวบ้าง ทำอะไรที่น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้าง และที่สำคัญ ตำรวจที่ชื่อมาร์คคนนั้นเก็บคดีที่พวกชาโดว์แฟมิลี่ทำด้วยมีคดีฆาตกรรมหลายคดีที่ถูกเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้กลายเป็นคดีอุบัติเหตุและคดีฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ซีโร่จะทำอะไรต่อไปกับข้อมูลพวกนี้ก็รอดูกัน แต่ในตอนนี้ซีโร่เอาแต่ตรวจเช็กข้อมูลและอ่านรายละเอียดราวกับว่าต้องการจะจดจำทุกตัวอักษรฉันไม่รู้ว่าซีโร่จะจัดการกับตำรวจที่เป็นพวกเดียวกับองค์กรชาโดว์แฟมิลี่ยังไง แต่ขอแค่ไม่ให้เขาเข้าไปจัดการกับพวกนั้นด้วยตัวเอง หากหลักฐานไม่เพียงพอว่าพวกนั้นคือสายลับของพวกมาเฟียซีโร่จะกลายเป็นฆาตกรแทนพวกนั้น
ตอนที่13รางวัลพิเศษของนักอ่าน?คีอาร์ทำอย่างที่พูดจริงๆ เขาเกาะกลุ่มกับเด็กผู้ชายห้องเดียวกันแล้วไปท้าสู้กับเด็กที่อยู่ชั้นปีที่สูงกว่า ในแต่ละชั้นปีจะมีเด็กคนหนึ่งถูกยกย่องว่าเก่งที่สุด หากคีอาร์ชนะได้หมดทุกคนคีอาร์จะกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนฉันพยายามห้ามปรามคีอาร์แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันแล้วจริงๆ หากคีอาร์ไม่ไปหาเรื่องใครตามที่ฉันบอกสุดท้ายก็จะมีเด็กคนอื่นมาขอท้าสู้ด้วยอยู่ดี ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบเด็ก ๆ ที่ได้แผลถลอกกันเล็กน้อยแต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ดี เด็กที่มีพลังจิตน่ากลัวๆ มันยิ่งดูอันตรายใครเป็นคนเริ่มธรรมเนียมบ้าๆ นี้ขึ้นมานะ อยากปลูกฝังให้เด็ก ๆ กลายเป็นพวกใช้ความรุนแรงรึไงเรื่องพวกนี้ทำให้ฉันขัดใจอย่างมาก อาจารย์ของโรงเรียนรู้ว่าเด็ก ๆ ตีกัน แต่ก็ห้ามเฉพาะที่พบเห็นไม่คิดจะปราบปรามอย่างจริงจัง ก็รู้
ตอนที่ 14แย่แล้ว!ฉันกำลังนั่งจ้องโคลว์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งคนถูกจ้องก็ยิ้มอ่อนโยนตามฉบับตอบกลับมาไม่เปลี่ยนแปลง พวกเรานั่งจ้องกันแบบนี้ได้สักพักแล้วล่ะ หลังจากที่ส่งคีอาร์เข้านอนแล้วฉันก็ได้จังหวะแอบมาหาโคลว์หวังจะถามเรื่องนักอ่านที่ได้มาเที่ยวในความฝันของเขา ฉันต้องการรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหนดีมันจึงกลายเป็นว่าเราสองคนนั่งจ้องตากันแทน“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาก่อนเพราะความสงสัย “คุณปรากฏตัวออกมาแล้วนั่งจ้องหน้าผมแบบนี้มีเหตุผลอะไรรึเปล่าครับ?”ฉันไม่ตอบทันทีเพราะต้องการเรียบเรียงคำถามที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยฉันจะถามแบบกลางๆ แล้วกัน“ช่วงนี้คุณฝันแปลกๆ รึเปล่า?” เมื่อฉันถามออกไปคิ้วของโคลว์ก็กระตุกเล็กน้อย แต่ฉันเห็นมันแม้จะเล็กน้อยมากก็ตาม! “ช่วยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม? ฉันรู้สึกสนใจมันอย่างมาก”“ทำไมคุณถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ คุณเลล่า?” โคลว์ยิ้มหวานไม่มีท่าทีอยากจะตอบคำถามของฉันเลยสักนิด เขาคงไม่ยอมเล่าง่ายๆ จู่ ๆ มีคนอื่นมาขอให้เล่าความฝันตัวเองให้ฟังมันคงน่าสงสัยน่าดู ฉันจึงต้องคิดหาเหตุผลที่เขาสามารถยอมรับได้ “ทำไมคุณถึงไม่ยอมเล่า มัน
ตอนที่ 15แย่แล้วระดับสูง!คีอาร์ได้รู้แล้วว่าซีโร่ก็คือคนที่เป็นต้นเหตุของธุระที่ฉันกล่าวอ้าง เมื่อได้รู้อย่างนั้นแล้วคีอาร์ก็ได้สร้างลูกบอลสีดำที่ชื่อชูบี้ออกมาและกำลังสั่งให้มันมาทำร้ายซีโร่ฉันรับรู้สึกถึงจิตสังหารผ่านสายตาของคีอาร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน ฉันรีบเข้าไปจับแขนคีอาร์และลากเขาออกจากงานเลี้ยงไปที่ระเบียงทางเดินก่อนที่เขาจะก่อเรื่องทำร้ายคนท่ามกลางเหล่าตำรวจและนักสืบมากมาย ฉันต้องอธิบายให้คีอาร์เข้าใจและยอมรับ ไม่อย่างนั้นฉันได้สูญเสียพระเอกนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ไปแน่“เลย์...นั่นคือคนที่คุณเลือกใช่ไหม? เหมือนกับผม” คีอาร์เริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน สีหน้าเขาดูเย็นชาอย่างมาก ฉันพยักหน้าตอบคีอาร์“ใช่แล้วล่ะ เขาคืออีกคนที่พี่เลือก”“ทำไม...ทำไมไม่ใช่ผมแค่คนเดียว...ผู้บันทึกอย่างเลย์ไม่ใช่ว่าสามารถเลือกได้แค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ?” คีอาร์เอ่ยด้วยแววตาที่คุกรุ่นด้วยความไม่พอใจ“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว มันขึ้นอยู่กับความสะดวกด้วย ที่พี่สาวสามารถเลือกซีโร่ได้ก็เนื่องมาจากมันยังไม่ถึงเวลาที่จะบันทึกเรื่องราวของเธอ พี่จึงมีเวลามากพอที่จะบันทึกเรื่องราวของซีโร่น่ะ”
ตอนที่ 16บทลงโทษคนขับรถจักรยานยนต์ที่ยิงปืนยาสลบใส่ซีโร่ไม่ได้มีเจตนาฆ่าตั้งแต่แรกเป้าหมายของพวกนั้นก็คือจับตัวซีโร่ไปแบบมีชีวิตต่างหาก ในวิดีโอจากระบบนักเขียนมีรถยนต์คันหนึ่งที่ขับตามซีโร่มาตลอดทาง พวกนั้นคงเป็นพวกเดียวกันกับคนขับรถจักรยานยนต์ที่ถูกซีโร่ชนตกเหวไปแล้ว แต่พวกที่ขับรถยนต์ก็ยังคงขับรถตามซีโร่มา หน้าที่ของพวกนั้นคงเป็น หาจังหวะจับตัวซีโร่เมื่อรถจอด แต่ก็ผิดแผนเมื่อรถของซีโร่พุ่งไปข้างหน้าไม่ยอมหยุดส่วนคนที่ต้องการฆ่าซีโร่จริงๆ ก็คือ...คีอาร์!!ฉันเคยบอกคีอาร์ไปว่าการจะจบการบันทึกเรื่องราวได้ก็คือการตายของซีโร่หรือการบรรลุเป้าหมายชีวิต เพราะแบบนี้ในตอนนั้นคีอาร์ถึงได้ขอที่จะตามไปส่งฉันที่ลานจอดรถเพื่อที่จะได้รู้ว่ารถของซีโร่คือคันไหน จากนั้นคีอาร์คงแอบปล่อยชูบี้หรือก็คือลูกบอลจอบเขมือบในมาอยู่ในรถ เขาสั่งให้มันกินเครื่องยนต์ในรถอย่างไม่ต้องสงสัย!คีอาร์เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบเบรกของรถยนต์และระบบอื่น ๆ ไม่ยอมทำงาน มันทำให้ซีโร่เกือบตาย!ใช่ เกือบตายเลยล่ะฉันพาซีโร่รอดจากโค้งอันตรายสำเร็จ พวกเราไม่ตกหน้าผาจนได้ไปทัวร์นรกใต้ทะเล แต่พวกเราพุ่งเข้าสู่ป่าอันอุดมสมบูรณ์แทนข
ตอนที่ 17ไปซื้อรถถังซะ!ฉันติดตามซีโร่ด้วยอาการเหม่อลอย ใจหนึ่งก็อยากไปแอบดูคีอาร์แต่อีกใจก็ไม่อยากดูเพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน ฉันจึงพยายามที่จะลืมเรื่องของคีอาร์ชั่วคราว ยังไงเขาก็มีโคลว์ดูแลอยู่คงไม่คิดทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมาอย่างการอาละวาดหรอก ถ้าหากเขายังเชื่อฟังคำพูดของฉันเขาคงไม่ทำแน่ ๆ แต่หากไม่ยอมฟังฉันก็ขอไว้อาลัยให้กับร้านอาหารของโคลว์ล่วงหน้า...แค่ก! อย่าไปกังวลเลย ร้านของโคลว์ต้องปลอดภัยอยู่แล้วสิ! ตอนนี้กลับมาให้ความสนใจซีโร่ดีกว่าล่าสุดซีโร่ได้ให้ความร่วมมือกับนิวโร่เกี่ยวกับการกำจัดสายลับขององค์กรชาโดว์แฟมิลี่ ข้อมูลหนึ่งในห้าที่ซีโร่ให้นิวโร่ไปกำลังถูกนำไปใช้กำจัดพวกสายลับพวกนั้น ซีโร่เฝ้าดูว่านิวโร่จะกำจัดพวกนั้นจริงรึเปล่าเพราะเขายังไม่ให้ความไว้ใจกับนิวโร่เต็มร้อย หากนิวโร่กำจัดพวกนั้นจริงซีโร่ถึงจะให้ความเชื่อใจกับนิวโร่มากขึ้นการสืบสวนและสืบคดีของนิวโร่เพิ่งเริ่มขึ้นไปไม่นานจึงต้องรอดูผลกันสักพัก ระหว่างนั้นซีโร่ก็แวะไปหาเพื่อนนักสืบของตนเอง นักสืบคนนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอคนนั้นมีชื่อว่า ซาร่า บูส ฉันคาดว่าคนๆ นี้อาจจะเป็นนางเอกเพราะผู้หญิงที่ซีโร่เกี่ยวข้องมากท
ตอนพิเศษ พี่น้องชื่อของเขาคือโอนิกซ์ อายุเจ็ดขวบแล้ว เขามีน้องสาวชื่อเอย์ลิน เขาและน้องสาวมีความทรงจำของชาติเดิมอยู่ครบไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นเพราะคุณพ่อของเขา คีอาร์...คือตัวปัญหาระดับจักรวาล แม้แต่การจะมีลูกยังสร้างปัญหาโดยการดึงวิญญาณจากโลกอื่นให้มาเกิดเป็นลูกตัวเองอีกแม่ของเขาชื่อว่าเลล่า เป็นนักเขียน ได้ยินว่าแบบนั้น เป็นนักเขียนที่มีพลังมากที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมาเลยแต่วันนี้โอนิกซ์ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องของพ่อแม่ เขาจะเล่าช่วงเวลาที่เขาได้ดูแลน้องสาวของเขา!โอนิกซ์ได้รับหน้าที่ดูแลน้องสาววัยสองขวบเพราะพ่อแม่ของพวกเขาติดงาน โอนิกซ์ได้ใช้เวลาสอนน้องสาวให้เดิน พูดและเข้าใจภาษาของคนที่นี่ มันจะดีกว่าหากเข้าใจที่คนอื่นพูดโดยไม่ต้องใช้เวทเข้าใจภาษาโอนิกซ์สามารถทำให้เอย์ลินเรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็วเพราะเขาและเอย์ลินมาจากโลกเดียวกันในชาติก่อนจึงพูดภาษาเดียวกัน โอนิกซ์ไม่ค่อยสนใจนักว่าน้องสาวของเขาจะเป็นใครในชีวิตก่อน เขามีความสุขกับครอบครัวในตอนนี้ เขาดีใจที่มีน้องสาวน่ารัก"เอย์ลิน เรียกพี่ชายหน่อยสิ เธอไม่เคยเรียกพี่ชายเลยนะ พี่ชายโอนิกซ์น่ะ" โอนิกซ์พยายามยิ้มสว
บทพิเศษ[ดูแลคนท้อง]คนท้องต้องถูกดูแลอย่างดี โอนิกซ์ได้รับคำสอนจากท่านพ่อของเขามาอย่างนั้นเพราะงั้นเขาจึงระวังตัวเต็มที่เพื่อปกป้องท่านแม่ของเขาด้วยเหตุนี้เองไม่ว่าเลล่าจะไปไหนหรือทำอะไรทุกคนก็ต้องเห็นโอนิกซ์เกาะติดแม่ของเขาไม่ห่าง หากไม่มีโอนิกซ์ก็จะมีคีอาร์มาแทน สองพ่อลูกร่วมมือกันทำงานตามติดเลล่าอย่างเป็นระบบระเบียบกันเลยทีเดียว“นี่...ก็รู้อยู่หรอกนะว่าเป็นห่วง แต่ถ้าจะตามทุกฝีก้าวแบบนี้มันอึดอัดนะ! จะให้ฉันรำคาญจนล้มป่วยรึไง!”เนื่องจากคนท้องมักจะมีอารมณ์แปรปรวนอยู่แล้ว บ่อยครั้งจึงจะได้เห็นเลล่าตะโกนไล่สองพ่อลูกให้ออกห่างๆ บ้างตามติดมากไปมันก็น่ารำคาญนะ!“ขอโทษ...ผมแค่อยากอยู่กับเลย์ตลอดเวลา” คีอาร์ทำหน้าเศร้า“ผมแค่ดีใจที่จะมีน้องแล้วเอง...” โอนิกซ์เอ่ยเสียงเหงาหงอย เลล่าปิดปากเงียบไม่พูดกับพวกเขาแต่สุดท้ายเลล่าก็ต้องใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนกับลูกหมาถูกทิ้งของพวกเขา แค่คนเดียวก็พออดทนได้อยู่หรอก แต่สองพ่อลูกนั่นทำพร้อมกันเลยนี่นา หัวใจของเลล่าทำงานหนักจริงๆ ...“ก็แค่อย่ามากไปเท่านั้น และอย่าทำท่าทางระวังตัวตลอดเวลาด้วย อารมณ์มันเหมือนอยู่ในสนามรบตลอดเวลา คนท้องจะเครี
ตอนที่ 72มีความสุขจริงๆ!ฉันประคองร่างของเรมไว้ในอ้อมแขน แม้ฉันจะรู้จักกับเรมแค่วันเดียวแต่ก็รู้สึกเสียใจที่เธอต้องตายเพราะปกป้องฉัน ฉันกอดร่างของเธอไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดและรู้สึกโกรธตัวเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กที่ใสซื่อคนหนึ่งต้องตายในตอนนั้นเองคีอาร์ก็สามารถทำให้ลูกแก้วเข้าไปในวิญญาณของเอมิลี่ได้สำเร็จ เอมิลี่แสดงท่าทีทรมานออกมาเมื่อลูกแก้วเข้าไปในร่าง ฉันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันจากของพลังของเธอลดลงอย่างรวดเร็ว“ไม่นะ พลังของฉันเกิดอะไรขึ้น!” เอมิลี่กรีดร้องอย่างไม่พอใจเมื่อพลังของเธอหายไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพักลูกแก้วนั้นก็ออกมาจากร่างของเอมิลี่และบินตรงกลับมาหาฉัน ฉันรับลูกแก้วไว้ขณะเดียวกันก็ให้เรมนอนอย่างสงบบนพื้น“ขอบคุณที่ช่วยเหลือเด็กน้อย” ฉันเอ่ยเสียงเบา ขณะผละออกจากเรมและเดินไปหาเอมิลี่“ลูกแก้วนั่น! เอาคืนมาให้ฉัน!” เอมิลี่รู้ว่าพลังตัวเองหายไปไหน เธอจึงพุ่งเข้ามาหาฉันเพื่อแย่งลูกแก้วไป ฉันจึงเก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของเพื่อไม่ให้มันถูกแย่งไปเอมิลี่แสดงสีหน้าโกรธจัดออกมาและเหมือนจะเข้ามาทำร้ายฉัน คีอาร์จึงใช้พลังตรึงร่างที่เป็นวิญญาณของเอมิลี่ไว้และดึงเธอใ
ตอนที่ 71ต่อสู้จนโลกถล่มความวุ่นวายและความวินาศสันตะโรเข้าปกคลุมฐานทัพลี้ภัยแห่งหนึ่ง สาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้นไม่ได้เกิดมาจากซอมบี้ซึ่งเป็นศัตรูของมนุษยชาติแต่อย่างใด แต่เกิดมาจากมนุษย์ที่เป็นมากกว่ามนุษย์สองคนต่อสู้กันต่างหากเอมิลี่อดีตนักเขียนผู้มีดวงตาพระเจ้า เนื่องจากเธอกลืนกินคนที่พลังเหมือนกันเธอจึงมีพลังมหาศาลและมากพอที่จะทำให้โลกเกิดความวุ่นวายได้ เธอถือว่าเป็นตัวอันตรายสำหรับเหล่านักเขียนผู้มีดวงตาพระเจ้าทุกคนเลยล่ะส่วนอีกคนก็คือ คีอาร์ มนุษย์ผู้มีพลังจิตจากโลก MP เขามีความทะเยอทะยานในการสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ นั่นทำให้เขากลายเป็นตัวปัญหาระดับจักรวาลเนื่องจากพลังที่แหกกฎจักรวาลที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองเมื่อทั้งสองสู้กันมันคงไม่ใช่การต่อสู้เล็กน้อยตูม!เสียงระเบิดดังขึ้นมาตามด้วยตึกที่พังละลายลงมาเป็นแถบ เอมิลี่เดินออกจากซากตึกที่ถล่มลงมาและควบคุมซากตึกรอบบริเวณให้ลอยขึ้นและพุ่งเข้าไปโจมตีคีอาร์ที่ลอยอยู่เหนือพื้น เมื่อพลังดวงตาพระเจ้ารวมกันเธอก็เริ่มที่จะทำอะไรได้หลายอย่างคล้ายกับพลังแห่งการควบคุมสรรพสิ่งของพระเจ้า ยิ่งเธอกลืนกินมากเท่าไหร่พลังก็จะยิ่งแข็งแกร่
ตอนที่ 70เจอกันแล้วการที่ได้ตื่นขึ้นมาในที่แปลกตาทำเอาฉันนั่งมึนไปพักใหญ่ ฉันจำได้ว่าก่อนที่จะนอนหลับไปตัวเองได้นอนอยู่ข้างๆ คีอาร์นะ แต่ไหงพอตื่นขึ้นมาอีกทีฉันถึงได้มาอยู่กลางดงพืชมีชีวิตไปได้ล่ะ? รอบข้างของฉันมีแต่พวกพืชมีชีวิตเคลื่อนไหวได้เต็มไปหมด ดูเหมือนฉันจะถูกลักพาตัวโดยพืชมีชีวิตพวกนี้นะว่าแต่พวกมันพาฉันมาทำไม? พวกมันไม่ได้เอาฉันไปย่อยกิน แต่นำฉันมาปล่อยไว้กลางดงพวกมันโดยไม่ทำอะไรเลยแต่อย่างไรก็ตามฉันควรออกจากที่นี่ก่อนที่พวกมันจะเปลี่ยนใจมากินฉัน พลังน้ำแข็งของฉันได้แช่แข็งพวกมันในชั่วพริบตา ฉันจึงวิ่งออกจากดงของพวกพืชมีชีวิตได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหลังจากที่ฉันออกมาได้พวกมันก็พังน้ำแข็งออกมาได้พอดี อาจจะเพราะพวกมันมีน้ำกรดเคลือบตัวอยู่จึงละลายน้ำแข็งของฉันได้อย่างง่ายดายพวกมันดูอันตรายกว่าที่คิด และมันจะยิ่งอันตรายหากพวกมันจับฉันได้ ฉันหนีออกจากที่นั่นไปไกลเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่คาดเลยว่าระหว่างที่หนีออกจากดงพืชมีชีวิตพวกนั้นฉันจะไปจ๊ะเอ๋กับคนกลุ่มหนึ่ง“อย่าขยับ! ถ้าเธอขยับพวกเราจะยิง!” หนึ่งในสี่คนในกลุ่มนั้นตะโกนและเล็งปืนมาทางฉันฉันยกมือขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อถูกจ่อปืนใส่
ตอนที่ 69หายในที่สุดพวกฉันก็มาถึงเมือง B แต่พวกเราก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าเมืองแห่งนี้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยซอมบี้ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่เลย ฉันอดไม่ได้ที่จะนำลูกแก้วที่ออสตินให้มาออกมาเพื่อตรวจดู ลูกแก้วนี้จะมีปฏิกิริยาเมื่อมันสัมผัสได้ถึงพลังดวงตาพระเจ้าที่มีพลังมากกว่าดวงตาพระเจ้าปกติทั่วไป ถึงมันจะไม่เคยส่งสัญญาณแปลกๆ แต่ฉันก็คิดว่าเรื่องพวกนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับผู้แทรกแซงจากโลกอื่นแต่ลูกแก้วไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยฉันสงสัยว่ามันใช้ได้จริงๆ งั้นเหรอ? หรือเพราะอยู่ห่างไกลเกินไปจึงสัมผัสมันถึงตัวตนของเอมิลี่ไม่ได้...ว่าแต่ไกลแค่ไหนกัน คงไม่ใช่ว่าคนละซีกโลกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะไปยังไง โลกนี้ยิ่งไม่ปกติอยู่ด้วย ไม่มีเครื่องบินให้โดยสารในโลกที่เป็นแบบนี้แน่“เอายังไงต่อดี? กลับเมือง A หรือจะไปต่อ?” โคนี่หันมาถามความเห็นทุกคน ในโลกที่ถูกทอดทิ้งนี้ทุกคนดูไม่มีเป้าหมายนอกจากการเอาชีวิตรอด พวกเขาจะไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพบสถานที่ปลอดภัยที่แท้จริง“นี่ รู้กันรึเปล่าว่าซอมบี้พวกนี้เกิดมาจากอะไร?” ฉันตั้งคำถามขึ้นมา โคนี่และเจมส์ชะงัก เอลล่าหันมามองหน้าฉันประมาณว่าทำไมถึงถามขึ้นมา“เอ่อ.
ตอนที่ 68ออกจากเมืองเมื่อเสียงเตือนภัยซอมบี้บุกได้ดังขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่นานเมือง A ก็ได้กลายเป็นสถานที่วุ่นวายและเสียงดังอย่างมาก ผู้ที่มีพลังพยายามที่จะไปจัดการพวกซอมบี้ แต่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนกำแพงถึงได้เกิดไฟไหม้และระเบิด ซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกบุกเข้ามาเยอะมากขึ้นกว่าเดิมฉันที่กำลังมองเหตุการณ์จากที่สูงถอนหายใจและกุมขมับ การที่จะฟื้นฟูพื้นที่เป็นเรื่องยากซะแล้วสิ“ไปช่วยพวกเขาเท่าที่จะทำได้แล้วกัน” ฉันพูดกับคีอาร์และโอนิกซ์“พวกเขาไม่ใช่คนในปกครองของผม แต่ก็จะพยายามช่วยแล้วกัน” โอนิกซ์พึมพำ ฉันขมวดคิ้วสงสัยกับคำว่า คนในปกครองของเขา“น่าสนุกดีนะ...ผมจะได้รับพลังใหม่ไหมเมื่อให้ชูบี้กินชอมบี้เข้าไปน่ะ” คีอาร์เอ่ยกับตัวเองด้วยท่าทีสนใจ จะว่าไปถ้าไม่ใช่พวกคลั่งไคล้การไขว่คว้าหาพลังใหม่ๆ เพื่อความแข็งแกร่งจริงๆ คีอาร์คงไม่มีแรงผลักดันจนดิ้นรนมาถึงจุดนี้ได้หรอก ความสนใจในการค้นหาความสามารถและพลังใหม่ๆ ของเขาทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆถึงว่าล่ะทำไมออสตินถึงบอกว่าคีอาร์คือตัวปัญหา“อย่าให้เละมากล่ะ” ฉันเตือนพวกเขา“ไม่ต้องห่วง” โอนิกซ์ยิ้มสดใส แต่ฉันไม่ไว้ใจอยู่ดี ฉันได้รู้แล้วว่
ตอนที่ 67ซอมบี้บุกเมือง? ช่างมันสิ!โลกที่ถูกทอดทิ้งเป็นโลกที่อยู่ยากมาก ในเขตเมืองที่อยู่อาศัยค่อนข้างสกปรกและแออัด ก็เข้าใจว่าทุกคนพยายามหนีเอาตัวรอดและมาอาศัยในที่เดียวกันจนรักษาระเบียบและความสะอาดไม่ไหว แต่กลิ่นที่เหม็นจนไม่อยากอยู่นี่มันอะไรกันฉัน ไม่สิ คีอาร์โชคดีหน่อยที่เป็นนายทหารเขาจึงได้อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ที่ดูดีกว่าคนทั่วไป แต่ออกจะมีพื้นที่เล็กสักนิดหน่อยสำหรับครอบครัวหนึ่ง เนื่องจากมีเตียงเดียวฉัน โอนิกซ์ และคีอาร์จึงต้องนอนเบียดกันในคืนแรก แม้ว่าคีอาร์จะชอบนอนเบียดกับฉันแต่คีอาร์ก็อดบ่นถึงความแคบและล้าสมัยของที่นี่ไม่ได้ก็เพราะคีอาร์เกิดในโลกที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย มีรถบินได้ มีพลังหลากหลาย และอื่น ๆ ที่นี่เทียบไม่ติดเลยล่ะฉันเห็นโลกที่เป็นแบบนี้แล้วก็คิดอยากจะฟื้นฟูและพัฒนามัน อย่างแรกคงต้องเพิ่มพลังในโลกนี้ก่อน พลังจากภายนอกหรือก็คือจากนักอ่านมันจะทำให้โลกสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ง่ายขึ้น พลังจะไปเสริมธรรมชาติของโลก มีอากาศที่ดี มีน้ำสะอาด มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ และคงจะไปเสริมพลังให้มนุษย์ด้วย นั่นจะทำให้มนุษย์สามารถเอาตัวรอดจากภัยพิบัติได้ฉันเพิ่งเคยเห็นโลกที่ใกล้จะล่ม
ตอนที่ 66โลกที่ถูกทิ้งก็ต้องมีซอมบี้“ในเมื่อคุณหายดีแล้วผมคงจะต้องส่งคุณไปที่โลกที่ถูกทอดทิ้งทันที แต่ก่อนที่คุณจะไปผมต้องบอกเรื่องอย่างหนึ่งกับคุณ นั่นก็คือเรื่องร่างที่คุณจะใช้ในโลกนั้น ทางเราจะตัดสินใจเองว่าคุณจะได้ร่างไหน รวมถึงร่างของคนรักและลูกของคุณด้วยนะ เนื่องจากโลกนั้นใกล้ล่มสลายมากกว่าโลกอื่น ๆ เราจึงค่อนข้างระวังเป็นพิเศษ แต่หากจะต่อสู้ก็ต่อสู้แบบเต็มที่ได้เลย แต่อย่าบ่อยเกินไปก็พอ และไม่ต้องกังวลว่าหากตายในโลกนั้นจะเป็นอันตรายกับคุณ พวกเราจะหาร่างใหม่ให้ทันทีเมื่อร่างเดิมตาย และอีกเรื่อง คุณต้องระวังการใช้ระบบด้วยเพราะหากผู้ทรยศอยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายจะรู้ตัวทันทีว่าคุณเป็นนักเขียน และสุดท้ายขอให้คุณโชคดี”ออสตินร่ายยาวไม่หยุดพักหายใจ จากนั้นเขาก็โบกมือส่งฉันไปที่โลกที่ถูกทอดทิ้งโดยไม่ให้ฉันเอ่ยอะไรเพิ่มเติมฉันรู้สึกเอ๋อไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ออสตินตรวจพบว่าวิญญาณของฉันหายเป็นปกติแล้วเขาก็มาหาฉันและได้ร่ายประโยคยาวๆ เมื่อครู่และส่งฉันไปโลกต่อไปโดยไม่ให้ฉันได้อ้าปากพูดอะไรเลย อะไรจะรีบปานนั้น...เจ็บ...ความรู้สึกแรกเมื่อมาถึงร่างที่ออสตินเตรียมไว้ให้ในโลกที่ถูกทอดทิ้งคือความร