ตอนที่ 7
ประวัติ
สามวันผ่านไปหลังจากเกิดเรื่องคีอาร์พังร้านโคลเวอร์ วันนี้เป็นวันแรกที่ร้านอาหารโคลเวอร์จะได้เปิดร้านอีกครั้งหลังจากซ่อมแซมเสร็จ โคลว์และคีอาร์ตื่นกันแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน มีแค่ฉันที่ยังนอนจนถึงแปดโมงเช้าเพราะยังไงฉันก็ไม่มีบทบาทให้ทำอยู่แล้ว
เมื่อตื่นดีแล้วฉันก็ลงไปข้างล่างที่เป็นร้านอาหาร ฉันพบว่าทุกคนกำลังทำงานกันอยากหนัก เจนอส โคนี่ และโจนี่ที่หยุดงานไปสองวันขยันขันแข็งกันอยากมาก คีอาร์ที่ตัวเล็กก็ยังพยายามทำงานหนัก ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องขึ้นมาเลยล่ะ
“อรุณสวัสดิ์ คีอาร์” ฉันทักทายน้องชายตัวน้อยที่กำลังนั่งเช็ดจานอยู่ “อรุณสวัสดิ์โคลว์” ฉันเอ่ยพลางเคาะนิ้วลงบนแก้วที่วางอยู่ตรงหน้าโคลว์ มันคือข้อตกลงของฉันและโคลว์ เมื่อฉันเข้าใกล้เขาฉันจะต้องส่งสัญญาณบางอย่างให้เขารู้ตัวว่าฉันอยู่ใกล้ๆ
เสียงเคาะแก้วทำให้โคลว์รู้ตัวว่าฉันอยู่ตรงนี้แล้ว เขามองเล็กน้อยและยิ้มเบาๆ เป็นเชิงรับรู้
“เลย์” คีอาร์หน้าบูดเมื่อฉันทักทายโคลว์ เขามักจะเป็นแบบนี้เพราะหวงฉัน นิสัยของเด็กติดแม่ชัดๆ ไม่สิ! พี่สาวต่างหาก!
ซึ่งวิธีที่จะทำให้เขาหยุดทำหน้าบูดก็มีวิธีเดียว
ฉันลอยเข้าไปกอดคอคีอาร์จากด้านหลังพร้อมกับลูบหัวของเขาไปด้วย คีอาร์อารมณ์ดีขึ้นมาทันที ฉันหัวเราะและอมยิ้ม เขาเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ ถึงเรื่องลักษณะนิสัยของเขายังไม่พัฒนามากแต่เรื่องสภาพร่างกายของเขาไม่เหมือนกับตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ตัวไม่ผอมแห้ง ไม่สกปรก ร่างกายของเขามีน้ำมีนวลขึ้นมาก ลักษณะหน้าตาปรากฏออกมาอย่างชัดเจนเมื่อเขาโตขึ้นหน้าตาของเขาคงหล่อน่าดู
รอที่จะให้คีอาร์โตไม่ไหวแล้วสิ แต่ก็คงอีกนาน...
งานที่ร้านอาหารโคลเวอร์วันนี้ปกติดี ลูกค้าประจำไม่ได้หายไปไหน พวกเขายังกลับมาทานอาหารที่ร้านแห่งนี้ โคลว์ทำอาหารอร่อยมากคงไม่มีลูกค้าคนไหนอยากทิ้งไปหรอก แต่ที่ลูกค้าไม่ถึงกับล้นร้านก็เพราะที่ตั้งร้านอาหารมันค่อนข้างลึก อย่างที่เคยบอกเขตที่พวกฉันอาศัยอยู่เป็นเขตที่เหมือนชนบททั้ง ๆ ที่เมืองมิลเลอร์ที่ตั้งอยู่ติดกันพัฒนาไปไกลราวกับเป็นโลกอนาคต
อีกทั้งใกล้ๆ นี้มีสลัมอยู่ด้วย มันน่าแปลกจริงๆ ทั้งที่โลกพัฒนาไปไกลแล้วแท้ๆ แต่กลับมีสถานที่แบบนี้อยู่
ดูเหมือนด้านมืดของโลกนี้จะใหญ่ไม่ธรรมดาเลย หรือตัวเอกควรเป็นมาเฟียสักคน? ไม่ๆ ฉันจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด! ตั้งใจจะเขียนแนวสืบสวนไปแล้วนี่นา แต่กว่าจะได้เขียนนิยายแนวสืบสวนที่ว่าฉันคงต้องรออีกสักเพราะเพราะตอนนี้คีอาร์ติดฉันมาก ฉันต้องทำให้เขาสบายใจก่อนว่าฉันจะไม่หายไปไหนฉันถึงจะสามารถไปตามติดซีโร่ พระเอกอีกเรื่องของฉันได้
“ทุกคนไปซื้อของบางอย่างให้กับผมได้รึเปล่า?” โคลว์โผล่ออกจากห้องครัวและถามขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานประจำตัว ก็นะ หากเขาไม่ยิ้มคงน่ากลัวน่าดู ฉันที่เคยเห็นมาแล้วขอยืนยันเลย
“ได้ครับ” โจนี่ที่ประจำอยู่หน้าเคาน์เตอร์ตอบรับ และรับใบรายการของที่จะซื้อจากโคลว์มา
“พาคีอาร์ไปด้วยนะ ผมอยากให้คีอาร์ลองไปเรียนรู้การซื้อของ” โคลว์บอก
ด้วยเหตุนี้เองทำให้คีอาร์ต้องตามโจนี่ไปซื้อของ และเนื่องจากในร้านตอนนี้มีลูกค้าน้อยเจนอสจึงตามไปด้วยอีกคน ส่วนโคนี่ก็อยู่ดูแลร้านกับโคลว์ ส่วนฉันก็ตามเด็กสามคนไปซื้อของด้วย แถวนี้แม้จะเป็นชุมชนแต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยเท่าไหร่อยู่ดี ฉันตรวจสอบมาแล้วว่ามีองค์กรหนึ่งที่มีฐานทัพอยู่ใกล้ๆ นี้
องค์กรนี้จะเป็นองค์กรแรกที่ฉันจะให้คีอาร์สู้ด้วยเนื่องจากพวกนี้อยู่ในระดับล่างๆ แต่เพราะคงอีกนานกว่าคีอาร์จะโต ฉันจึงได้แต่รวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เมื่อคิดเรื่องรวบรวมข้อมูลขึ้นมาฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องข้อมูลของเด็กทั้งสามฉันยังไม่ได้อ่านรายละเอียดเลย ก่อนหน้านี้ฉันดูแค่อายุ ชื่อ และพลังพิเศษเท่านั้น
ฉันจึงเปิดดูข้อมูลของโจนี่เป็นคนแรก เขาเป็นเด็กที่ฉลาดแตกต่างจากเด็กที่เกิดในสลัมฉันจึงสงสัยว่าเขามีอดีตมากกว่านั้นรึเปล่า และฉันก็พบ
โจนี่ เคน เคยเป็นคุณชายน้อยในครอบครัวเศรษฐีในเมืองแห่งผู้วิเศษ หรือเมืองมิลเลอร์ที่อยู่ติดกันนี่ล่ะ ตอนเขาอายุครบสิบปีหรือสามปีก่อนหน้านี้ เขาต้องตกอับมาอยู่ในสลัมเพราะครอบครัวถูกลอบสังหารหมด ดูเหมือนเรื่องจะไปเกี่ยวข้องกับองค์กรใหญ่จึงสืบอะไรไม่ได้ แม้แต่ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้
เมื่อโจนี่ที่ไร้ญาติพี่น้อง เขาจึงถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
แต่ที่นั่นดันเป็นสถานที่ไม่ค่อยดีนัก แม้จะมีอาหารและที่นอนดี ๆ แต่เวลากลางคืนเด็กบางส่วนจะถูกเรียกตัวออกไปในห้องใต้ดิน ที่แห่งนั้นคือสถานที่วิจัยพลังพิเศษ ค้นหาพลังที่แข็งแกร่ง
โจนี่รู้จึงได้หนีออกมาและไปอาศัยในสลัมกับโคนี่ที่โตมาจากสลัมแบบสมบูรณ์
ฉันถอนหายใจเมื่ออ่านจบ เป็นชีวิตที่...หากโจนี่เลือกเส้นทางแก้แค้นฉันจะไม่แปลกใจเลย แต่ดูจากนิสัยโจนี่เขาคงไม่สามารถดำเนินเรื่องราวที่น่าสนใจได้ ส่วนเรื่องราวของโจนี่น่าจะประมาณว่าพยายามใช้ชีวิตในโลกปกติและเก็บความเศร้าไว้ในใจ และอยู่มาวันหนึ่งก็มีสาวสวยที่สดใสร่าเริงมาช่วยเยียวยาจิตใจและช่วยผลักดันให้โจนี่ค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา
ใช่ มันต้องเข้ากับหมวดนิยายรัก เป็นเรื่องที่ตัวเอกจะไม่วิ่งเข้าหาเรื่องแต่เรื่องจะวิ่งเข้าหาตัวเอกเอง
ฉันคิดอย่างนั้นก่อนจะหันไปสนใจเจนอส เด็กหนุ่มที่เหมือนจะขี้อาย ทั้งผมสีเทาที่ปกปิดใบหน้าไปกว่าครึ่งหน้าและปากที่ไม่เคยอ้าปากพูดอะไรสักคำ หากเป็นตัวเอกนิยายมันคงกลายเป็นนิยายเงียบที่ไม่มีบทพูดมีแต่บทบรรยาย
ประวัติของเขามีอยู่ว่า เจนอสเกิดในครอบครัวธรรมดาที่อาศัยอยู่ในเขตนอกเมือง ในตอนที่เขาอายุหนึ่งขวบเขาได้ฆ่าพ่อแม่ของเขาด้วยเสียงร้องไห้ของเขา...โอ้ มันน่ากลัวนะ แค่เสียงร้องไห้เองนะ!
หลังจากนั้นเจนอสก็ถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เดียวกับโจนี่นั่นล่ะแต่เจนอสมาก่อนนะ
เจนอสถูกจับทดลองแม้ตัวเขาจะยังเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบ เจนอสเติบโตที่นั่นจนอายุเจ็ดขวบ จนวันหนึ่งพวกนักวิจัยได้ไปทำอะไรบางอย่างกับเจนอสจนพลังของเขาระเบิดออกมา เขาฆ่าทุกคนในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า
สำหรับเด็กอายุแค่นั้นคงช็อกและหวาดกลัว เขาเสียใจที่ฆ่าทุกคนจึงรีบหนีออกมา คงนับตั้งแต่วันนั้นที่เจนอสไม่ยอมส่งเสียงออกมาอีก เจนอสเร่ร่อนอยู่ในสลัมจนพบกับโคนี่ เขาจึงอาศัยอยู่กับโคนี่และเด็กกำพร้าคนอื่น ๆ ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งนับตามช่วงเวลาโจนี่คงเข้าร่วมกลุ่มเด็กกำพร้าหลังจากนั้นหกปี
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคงก่อตั้งขึ้นใหม่หลังจากเกิดเรื่องของเจนอสด้วยสินะ
ประวัติพวกเขาไม่ธรรมดาเลย มันเลวร้ายยิ่งกว่าของคีอาร์ซะอีก
ฉันชักเดาไม่ออกแล้วว่าในอนาคตจะเป็นยังไง เจนอสนี่ยิ่งน่าระแวง เขาฆ่าทุกคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีไว้สำหรับวิจัยพลังพิเศษ ฉันคิดว่าต้องมีคนเบื้องหลังที่สร้างสถานที่แบบนี้ออกมาแน่นอน ข้อมูลการทดลองของเจนอสอาจจะยังอยู่ สักวันต้องมีคนมาตามตัวเจนอสกลับไป
คิดแล้วเครียด
พวกเขาเหมาะจะเป็นพระเอกกันหมดเลยหรืออาจจะตัวร้าย? แต่ตอนนี้คีอาร์คือตัวเอกของฉัน ในอนาคตคีอาร์คงได้ไปเกี่ยวพันกับเรื่องราวของคนรอบตัวแน่ ๆ ในตอนนี้เดาเรื่องไม่ออกก็จริงแต่หากคีอาร์ได้เป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นคงได้เรื่องราวที่น่าตื่นเต้นแน่นอน!
ในขณะที่ฉันกำลังจินตนาการคำบรรยายเป็นฉากๆ คีอาร์ก็กำลังเรียนรู้ที่จะซื้อของในร้านค้าจากโจนี่อยู่ เขาเข้าใจอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอธิบายมาก เรื่องการนับเลขของคีอาร์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาออกจะคำนวณเลขได้เร็วด้วยซ้ำ เรื่องการจ่ายเงินคงไม่ต้องเป็นห่วงว่าคีอาร์จะจ่ายผิด
โคลว์สอนมากับมือเลยเชียวนะไม่มีทางผิดหรอก
การพัฒนาของคีอาร์หายห่วง สิ่งที่ต้องห่วงคือ ฉันจะแยกตัวไปเขียนนิยายอีกเรื่องยังไง จะใช้การบันทึกวิดีโอก็ได้แต่มันก็ไม่ใช่แนวของฉัน หากมีช่วงที่ต้องตรวจอย่างละเอียดแล้วฉันพลาดไปมันคงไม่น่าสนุกเลยสำหรับฉัน
“เลย์” คีอาร์เรียกและกระตุกชายกระโปรงของฉัน ดูเหมือนพวกเขากำลังจะกลับคีอาร์เห็นฉันไม่ตามไปด้วยจึงเดินมาเรียก
“ไปแล้วๆ” ฉันยิ้มตอบและลอยตามพวกเขากลับร้านอาหารโคลเวอร์ ซึ่งในระหว่างทางกลับพวกเด็ก ๆ และฉันก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง ขาเรียวยาวก้าวเดินมาขวางทางพวกเรา เสื้อคลุมสีขาวสะบัดเบาๆ เมื่อเขาหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับพวกเด็ก ๆ
เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสว ดวงตาคมเข้มสีน้ำตาลเช่นเดียวกับเส้นผมมองลงข้างล่างเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความเย็นชาแสดงอารมณ์อ่อนลงเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเด็กน้อยทั้งสาม ริมฝีปากเรียวขยับพูดด้วยเสียงทุ้มของตนเอง
“แถวนี้มีร้านที่ชื่อว่าโคลเวอร์รึเปล่า?”
นั่นเขา นั่นเขา! ซีโร่ ริคเกอร์! ตัวละครเอกที่ฉันเลือก! เขามาอยู่ที่นี่ได้ไง!? แล้วเมื่อกี้เขาถามหาร้านของโคลว์งั้นเหรอ? ฉันรู้สึกว่านิยายของฉันคงได้มีตัวละครตัวเดียวกันปรากฏในนิยายทั้งสองเรื่องแล้วล่ะ
ซีโร่ได้เดินตามเด็กทั้งสามที่ช่วยนำทางเขาไปที่ร้านอาหารโคลเวอร์ เมื่อไปถึงซีโร่ก็ขอซื้อข่าวจากโคลว์ทันที โคลว์แปลกใจกับการปรากฏตัวของซีโร่และสงสัยว่าซีโร่รู้เรื่องของเขาได้ยังไง ซึ่งก็ได้คำตอบมาว่าซีโร่รู้เรื่องโคลว์มาจากเควิน
เควินบอกซีโร่ว่าหากอยากได้ข่าวอะไรโคลว์จะช่วยทุกอย่าง ฉันแอบเห็นอารมณ์หงุดหงิดของโคลว์เมื่อได้ยินแบบนั้น โคลว์คงไม่ได้คิดที่จะทำอาชีพเสริมเป็นคนขายข่าวแต่ตอนนี้เขากำลังโดนยัดเยียดโดยเควิน หัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษคนนั้น
ฉันคิดว่าเควินคงเสียดายที่ต้องให้ความสามารถของโคลว์ไร้ประโยชน์จึงคิดจะบังคับให้โคลว์ใช้พลังเพื่อประโยชน์ในการสืบคดีทั้งหลาย
ไม่ถามโคลว์สักนิด! ดูสิ! หน้าตาเหมือนอยากจะฆ่าคนของเขานั่นน่ะ!
โคลว์พยายามยิ้มอย่างมากเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดท่าทางที่สง่างาม สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและยอมที่จะขายข่าวให้กับซีโร่ที่ยืนรอด้วยสีหน้าจริงจังและมุ่งมั่น
และแล้ว โคลว์ ฟรีก ได้รับอาชีพเสริมเป็น นักขายข่าว ในอนาคตจะได้ฉายาว่า นักขายข่าวหูนรก แค่ก! เทพนักขายข่าว ฟังดูดีกว่านะ
หลังจากที่ได้ข่าวซีโร่ก็ขอตัวกลับทันที ฉันอดทนที่จะไม่ตามเขาไป ฉันเปิดระบบบันทึกวิดีโอแทน อย่างน้อยระหว่างที่อยู่กับคีอาร์ฉันควรทำความรู้จักกับนิสัย และการตัดสินใจของเขาไปด้วย ฉันเชื่อว่าซีโร่จะต้องกลายเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างแน่นอน
ตอนที่ 8นักสืบหมายเลขศูนย์ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าชื่อนิยายที่มีซีโร่เป็นตัวละครเอกจะมีชื่อเรื่องว่าอะไร เนื่องจากว่ามันเป็นนิยายแนวสืบสวนและซีโร่ก็ทำอาชีพเป็นนักสืบ ชื่อเรื่องก็ต้องเป็น นักสืบหมายเลขศูนย์ ที่เป็นหมายเลขศูนย์ก็เพราะเขาชื่อซีโร่นี่เองส่วนของคีอาร์คงต้องเลื่อนออกไปก่อนอีกยาวๆ เพราะคีอาร์ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หากเขาไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเรื่องราวของคีอาร์คงเป็นอะไรที่ไม่น่าสนใจ ซึ่งฉันก็ไม่รีบร้อนเพราะคีอาร์พึ่งจะอายุแค่ห้าขวบเองแต่อย่างไรก็ตามฉันต้องการที่จะเริ่มเรื่องราวของซีโร่เร็วๆ ฉันจึงอธิบายกับคีอาร์ว่ามีธุระอื่นที่ต้องไปทำจึงขอแยกตัวออกไป แน่นอนคีอาร์ที่ติดฉันอย่างเหนียวหนึบไม่ยอมรับ ฉันจึงต้องให้สัญญาว่าจะกลับมาอยู่กับเขาเท่าที่จะทำได้เมื่อทำให้คีอาร์หายงอแงแล้วฉันก็ไปฝากฝังกับโคลว์ให้ดูแลคีอาร์ ฉันหวังว่าเขาจะสอนคีอาร์อย่างดีเมื่อหมดห่วงเรื่องคีอาร์แล้วฉันก็เข้าสู่โหมดจริงจังกับงาน การบอกเล่าเรื่องราวของคนอีกโลกไปให้คนอีกโลกได้รับรู้ผ่านตัวอักษรคือหน้าที่ของฉันที่เป็น นักเขียนฉันได้เริ่มเขียนบทนำของ ซีโร่ ริคเกอร์ขาเรียวก้าวเดินไปบนพื้นที่นองไปด้วยน้ำส
ตอนที่ 9เยี่ยมบ้านสองอาทิตย์แล้วที่ฉันติดตามซีโร่แทบตลอดเวลาเนื่องจากบางครั้งฉันก็กลับไปหาคีอาร์เหมือนในคืนแรก เพราะความเหนื่อยล้าฉันจึงต้องการเติมพลังจากคีอาร์ ฉันไม่สามารถจมอยู่กับคดีตลอดเวลาเหมือนกับนักสืบที่มีสมองเป็นเหมือนเขาวงกตพวกนั้นได้อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันเขียนได้สามตอนแล้ว ตอนละยี่สิบหน้า เพราะงั้นฉันสามารถที่จะพักได้แล้ว ยังมีเวลาอีกมากให้เขียนเพราะในโลกของฉันก็เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าเอง ฉันกำหนดไว้ว่าจะฉันจะลงนิยายวันละตอนสองตอนเพื่อให้ได้รับความสนใจก่อนด้วย หากลงรวดเดียวฉันจะไม่ได้เหรียญทองจากความคิดเห็น แต่จะได้แค่เหรียญเงินจากยอดวิวอย่างเดียว สาเหตุคงไม่พ้นนักอ่านดันอ่านเพลินจนลืมแสดงความคิดเห็นหรือไม่ก็ขี้เกียจพิมพ์ล้วน ๆ ไม่ไหวๆด้วยเหตุนี้เองเมื่อวานนี้ฉันจึงลงเรื่องย่อของนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ลงในเว็บ Go - D นั่นก็เพื่อดูเสียงตอบรับว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งฉันก็ไม่ลืมลงรูปซีโร่ที่ถูกแปลงเป็นรูปวาดแล้วด้วยหวังว่านักอ่านของฉันจะไม่สนใจแต่หน้าตาของซีโร่นะ ควรสนใจเนื้อเรื่องสืบสวนที่ฉันพยายามบรรยายด้วยจะดีมาก!เรื่องการตอบรับฉันยังไม่รู้ผลทันทีเพราะโลกของฉั
ตอนที่ 10นั่นอาจจะเป็นนางเอกท้องฟ้าที่มืดครึ้มและพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าจะหยุด พี่ใหญ่ทั้งสามของอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ยังไม่กลับมา ฉันเริ่มรู้สึกกังวลหนักกว่าเดิมที่พวกเขายังไม่กลับมาก็เพราะหาฮันนี่ไม่เจอแน่ มันอาจจะเกิดเรื่องบางอย่างกับเด็กคนนั้นฉันตัดสินใจที่จะออกไปช่วยตามหาอีกแรง ยังไงซะตอนนี้ฉันก็มีร่างกายเป็นจิตวิญญาณ หากฉันไม่ต้องการสัมผัสอะไร แม้แต่อากาศก็ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวฉันได้ น้ำฝนก็เช่นกัน“คีอาร์ เดี๋ยวพี่สาวจะออกไปข้างนอกสักพักรออยู่ที่นี่อย่าไปไหนซะล่ะ” ฉันหันไปบอกกับคีอาร์และรีบลอยตัวออกไปข้างนอกเนื่องจากมีฝนตกหนักฉันจึงมองเห็นทางข้างหน้าไม่ค่อยจะชัดเจนนัก ฉันไม่รู้ว่าจะไปตามหาเด็กผมชมพูที่ไหนดีจึงคิดจะตามหารอบๆ ก่อน แต่พอมานึกดูดี ๆ พวกโจนี่น่าจะหาแล้ว คงต้องตามหาในที่อื่นที่คาดไม่ถึงฉันดึงความสามารถในการสืบคดีของตัวเองออกมา อย่างน้อยการที่ได้ติดตามซีโร่มันก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้การสืบหาสิ่งของหรือคนได้จากการคำนวณข้อมูลที่เล็กน้อยฮันนี่ได้ออกมาเพื่อทำตามคำพูดของคีอาร์ ซึ่งคีอาร์ก็บอกให้ฮันนี่ออกตามหาดอกไม้ในตำนานที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งตามนิทานที่ฉันแต่งขึ้
ตอนที่11ความคืบหน้านับตั้งแต่วันที่ฉันได้พบคีอาร์นี่ก็ผ่านมาได้สองปีแล้ว นับตามเวลาโลกของฉันมันก็ผ่านไปได้ประมาณหกสิบชั่วโมงหรือเกือบสามวัน งานแข่งขันการเขียนนิยายของนักเขียนที่ได้รับดวงตาพระเจ้าก็เหลืออยู่สิบสองวัน หรือหากให้นับตามเวลาในโลกMPก็จะเหลือเวลาแปดถึงเก้าปีฉันจึงไม่รีบร้อนเขียนนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ให้จบและยังพยายามตัดบทที่ไม่สำคัญออกจนเหลือแต่เนื้อหาส่วนสำคัญ ส่วนมากเป็นเนื้อหาการสืบคดีฉันจึงต้องตัดออกสักคดีเพื่อไม่ให้เรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ยาวเกินไปนับรวมแล้วนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ มีประมาณหกสิบตอนแล้ว เยอะเกินไปสำหรับนิยายที่ยังไม่ได้เบาะแสเป้าหมายหลักเป้าหมายของซีโร่ก็คือเป้าหมายของนิยาย ซึ่งเป้าหมายที่ว่านั้นก็คือล้มล้างองค์กรมาเฟีย ชาโดว์แฟมิลี่ ซีโร่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้มาน้อยมาก เป
ตอนที่12ครองโลก?ข้อมูลที่ซีโร่ได้มานั้นก็คือรายชื่อของตำรวจที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนขององค์กรชาโดว์แฟมิลี่ ซึ่งแต่ละชื่อก็จะมีหลักฐานการกระทำบันทึกไว้อย่างละเอียด ตำรวจเหล่านั้นทำอะไรบ้างในแต่ละวัน คดีไหนได้รับผิดชอบหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวบ้าง ทำอะไรที่น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้าง และที่สำคัญ ตำรวจที่ชื่อมาร์คคนนั้นเก็บคดีที่พวกชาโดว์แฟมิลี่ทำด้วยมีคดีฆาตกรรมหลายคดีที่ถูกเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้กลายเป็นคดีอุบัติเหตุและคดีฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ซีโร่จะทำอะไรต่อไปกับข้อมูลพวกนี้ก็รอดูกัน แต่ในตอนนี้ซีโร่เอาแต่ตรวจเช็กข้อมูลและอ่านรายละเอียดราวกับว่าต้องการจะจดจำทุกตัวอักษรฉันไม่รู้ว่าซีโร่จะจัดการกับตำรวจที่เป็นพวกเดียวกับองค์กรชาโดว์แฟมิลี่ยังไง แต่ขอแค่ไม่ให้เขาเข้าไปจัดการกับพวกนั้นด้วยตัวเอง หากหลักฐานไม่เพียงพอว่าพวกนั้นคือสายลับของพวกมาเฟียซีโร่จะกลายเป็นฆาตกรแทนพวกนั้น
ตอนที่13รางวัลพิเศษของนักอ่าน?คีอาร์ทำอย่างที่พูดจริงๆ เขาเกาะกลุ่มกับเด็กผู้ชายห้องเดียวกันแล้วไปท้าสู้กับเด็กที่อยู่ชั้นปีที่สูงกว่า ในแต่ละชั้นปีจะมีเด็กคนหนึ่งถูกยกย่องว่าเก่งที่สุด หากคีอาร์ชนะได้หมดทุกคนคีอาร์จะกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนฉันพยายามห้ามปรามคีอาร์แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันแล้วจริงๆ หากคีอาร์ไม่ไปหาเรื่องใครตามที่ฉันบอกสุดท้ายก็จะมีเด็กคนอื่นมาขอท้าสู้ด้วยอยู่ดี ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบเด็ก ๆ ที่ได้แผลถลอกกันเล็กน้อยแต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ดี เด็กที่มีพลังจิตน่ากลัวๆ มันยิ่งดูอันตรายใครเป็นคนเริ่มธรรมเนียมบ้าๆ นี้ขึ้นมานะ อยากปลูกฝังให้เด็ก ๆ กลายเป็นพวกใช้ความรุนแรงรึไงเรื่องพวกนี้ทำให้ฉันขัดใจอย่างมาก อาจารย์ของโรงเรียนรู้ว่าเด็ก ๆ ตีกัน แต่ก็ห้ามเฉพาะที่พบเห็นไม่คิดจะปราบปรามอย่างจริงจัง ก็รู้
ตอนที่ 14แย่แล้ว!ฉันกำลังนั่งจ้องโคลว์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งคนถูกจ้องก็ยิ้มอ่อนโยนตามฉบับตอบกลับมาไม่เปลี่ยนแปลง พวกเรานั่งจ้องกันแบบนี้ได้สักพักแล้วล่ะ หลังจากที่ส่งคีอาร์เข้านอนแล้วฉันก็ได้จังหวะแอบมาหาโคลว์หวังจะถามเรื่องนักอ่านที่ได้มาเที่ยวในความฝันของเขา ฉันต้องการรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหนดีมันจึงกลายเป็นว่าเราสองคนนั่งจ้องตากันแทน“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาก่อนเพราะความสงสัย “คุณปรากฏตัวออกมาแล้วนั่งจ้องหน้าผมแบบนี้มีเหตุผลอะไรรึเปล่าครับ?”ฉันไม่ตอบทันทีเพราะต้องการเรียบเรียงคำถามที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยฉันจะถามแบบกลางๆ แล้วกัน“ช่วงนี้คุณฝันแปลกๆ รึเปล่า?” เมื่อฉันถามออกไปคิ้วของโคลว์ก็กระตุกเล็กน้อย แต่ฉันเห็นมันแม้จะเล็กน้อยมากก็ตาม! “ช่วยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม? ฉันรู้สึกสนใจมันอย่างมาก”“ทำไมคุณถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ คุณเลล่า?” โคลว์ยิ้มหวานไม่มีท่าทีอยากจะตอบคำถามของฉันเลยสักนิด เขาคงไม่ยอมเล่าง่ายๆ จู่ ๆ มีคนอื่นมาขอให้เล่าความฝันตัวเองให้ฟังมันคงน่าสงสัยน่าดู ฉันจึงต้องคิดหาเหตุผลที่เขาสามารถยอมรับได้ “ทำไมคุณถึงไม่ยอมเล่า มัน
ตอนที่ 15แย่แล้วระดับสูง!คีอาร์ได้รู้แล้วว่าซีโร่ก็คือคนที่เป็นต้นเหตุของธุระที่ฉันกล่าวอ้าง เมื่อได้รู้อย่างนั้นแล้วคีอาร์ก็ได้สร้างลูกบอลสีดำที่ชื่อชูบี้ออกมาและกำลังสั่งให้มันมาทำร้ายซีโร่ฉันรับรู้สึกถึงจิตสังหารผ่านสายตาของคีอาร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน ฉันรีบเข้าไปจับแขนคีอาร์และลากเขาออกจากงานเลี้ยงไปที่ระเบียงทางเดินก่อนที่เขาจะก่อเรื่องทำร้ายคนท่ามกลางเหล่าตำรวจและนักสืบมากมาย ฉันต้องอธิบายให้คีอาร์เข้าใจและยอมรับ ไม่อย่างนั้นฉันได้สูญเสียพระเอกนิยายเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ไปแน่“เลย์...นั่นคือคนที่คุณเลือกใช่ไหม? เหมือนกับผม” คีอาร์เริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน สีหน้าเขาดูเย็นชาอย่างมาก ฉันพยักหน้าตอบคีอาร์“ใช่แล้วล่ะ เขาคืออีกคนที่พี่เลือก”“ทำไม...ทำไมไม่ใช่ผมแค่คนเดียว...ผู้บันทึกอย่างเลย์ไม่ใช่ว่าสามารถเลือกได้แค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ?” คีอาร์เอ่ยด้วยแววตาที่คุกรุ่นด้วยความไม่พอใจ“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว มันขึ้นอยู่กับความสะดวกด้วย ที่พี่สาวสามารถเลือกซีโร่ได้ก็เนื่องมาจากมันยังไม่ถึงเวลาที่จะบันทึกเรื่องราวของเธอ พี่จึงมีเวลามากพอที่จะบันทึกเรื่องราวของซีโร่น่ะ”
ตอนพิเศษ พี่น้องชื่อของเขาคือโอนิกซ์ อายุเจ็ดขวบแล้ว เขามีน้องสาวชื่อเอย์ลิน เขาและน้องสาวมีความทรงจำของชาติเดิมอยู่ครบไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นเพราะคุณพ่อของเขา คีอาร์...คือตัวปัญหาระดับจักรวาล แม้แต่การจะมีลูกยังสร้างปัญหาโดยการดึงวิญญาณจากโลกอื่นให้มาเกิดเป็นลูกตัวเองอีกแม่ของเขาชื่อว่าเลล่า เป็นนักเขียน ได้ยินว่าแบบนั้น เป็นนักเขียนที่มีพลังมากที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมาเลยแต่วันนี้โอนิกซ์ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องของพ่อแม่ เขาจะเล่าช่วงเวลาที่เขาได้ดูแลน้องสาวของเขา!โอนิกซ์ได้รับหน้าที่ดูแลน้องสาววัยสองขวบเพราะพ่อแม่ของพวกเขาติดงาน โอนิกซ์ได้ใช้เวลาสอนน้องสาวให้เดิน พูดและเข้าใจภาษาของคนที่นี่ มันจะดีกว่าหากเข้าใจที่คนอื่นพูดโดยไม่ต้องใช้เวทเข้าใจภาษาโอนิกซ์สามารถทำให้เอย์ลินเรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็วเพราะเขาและเอย์ลินมาจากโลกเดียวกันในชาติก่อนจึงพูดภาษาเดียวกัน โอนิกซ์ไม่ค่อยสนใจนักว่าน้องสาวของเขาจะเป็นใครในชีวิตก่อน เขามีความสุขกับครอบครัวในตอนนี้ เขาดีใจที่มีน้องสาวน่ารัก"เอย์ลิน เรียกพี่ชายหน่อยสิ เธอไม่เคยเรียกพี่ชายเลยนะ พี่ชายโอนิกซ์น่ะ" โอนิกซ์พยายามยิ้มสว
บทพิเศษ[ดูแลคนท้อง]คนท้องต้องถูกดูแลอย่างดี โอนิกซ์ได้รับคำสอนจากท่านพ่อของเขามาอย่างนั้นเพราะงั้นเขาจึงระวังตัวเต็มที่เพื่อปกป้องท่านแม่ของเขาด้วยเหตุนี้เองไม่ว่าเลล่าจะไปไหนหรือทำอะไรทุกคนก็ต้องเห็นโอนิกซ์เกาะติดแม่ของเขาไม่ห่าง หากไม่มีโอนิกซ์ก็จะมีคีอาร์มาแทน สองพ่อลูกร่วมมือกันทำงานตามติดเลล่าอย่างเป็นระบบระเบียบกันเลยทีเดียว“นี่...ก็รู้อยู่หรอกนะว่าเป็นห่วง แต่ถ้าจะตามทุกฝีก้าวแบบนี้มันอึดอัดนะ! จะให้ฉันรำคาญจนล้มป่วยรึไง!”เนื่องจากคนท้องมักจะมีอารมณ์แปรปรวนอยู่แล้ว บ่อยครั้งจึงจะได้เห็นเลล่าตะโกนไล่สองพ่อลูกให้ออกห่างๆ บ้างตามติดมากไปมันก็น่ารำคาญนะ!“ขอโทษ...ผมแค่อยากอยู่กับเลย์ตลอดเวลา” คีอาร์ทำหน้าเศร้า“ผมแค่ดีใจที่จะมีน้องแล้วเอง...” โอนิกซ์เอ่ยเสียงเหงาหงอย เลล่าปิดปากเงียบไม่พูดกับพวกเขาแต่สุดท้ายเลล่าก็ต้องใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนกับลูกหมาถูกทิ้งของพวกเขา แค่คนเดียวก็พออดทนได้อยู่หรอก แต่สองพ่อลูกนั่นทำพร้อมกันเลยนี่นา หัวใจของเลล่าทำงานหนักจริงๆ ...“ก็แค่อย่ามากไปเท่านั้น และอย่าทำท่าทางระวังตัวตลอดเวลาด้วย อารมณ์มันเหมือนอยู่ในสนามรบตลอดเวลา คนท้องจะเครี
ตอนที่ 72มีความสุขจริงๆ!ฉันประคองร่างของเรมไว้ในอ้อมแขน แม้ฉันจะรู้จักกับเรมแค่วันเดียวแต่ก็รู้สึกเสียใจที่เธอต้องตายเพราะปกป้องฉัน ฉันกอดร่างของเธอไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดและรู้สึกโกรธตัวเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กที่ใสซื่อคนหนึ่งต้องตายในตอนนั้นเองคีอาร์ก็สามารถทำให้ลูกแก้วเข้าไปในวิญญาณของเอมิลี่ได้สำเร็จ เอมิลี่แสดงท่าทีทรมานออกมาเมื่อลูกแก้วเข้าไปในร่าง ฉันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันจากของพลังของเธอลดลงอย่างรวดเร็ว“ไม่นะ พลังของฉันเกิดอะไรขึ้น!” เอมิลี่กรีดร้องอย่างไม่พอใจเมื่อพลังของเธอหายไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพักลูกแก้วนั้นก็ออกมาจากร่างของเอมิลี่และบินตรงกลับมาหาฉัน ฉันรับลูกแก้วไว้ขณะเดียวกันก็ให้เรมนอนอย่างสงบบนพื้น“ขอบคุณที่ช่วยเหลือเด็กน้อย” ฉันเอ่ยเสียงเบา ขณะผละออกจากเรมและเดินไปหาเอมิลี่“ลูกแก้วนั่น! เอาคืนมาให้ฉัน!” เอมิลี่รู้ว่าพลังตัวเองหายไปไหน เธอจึงพุ่งเข้ามาหาฉันเพื่อแย่งลูกแก้วไป ฉันจึงเก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของเพื่อไม่ให้มันถูกแย่งไปเอมิลี่แสดงสีหน้าโกรธจัดออกมาและเหมือนจะเข้ามาทำร้ายฉัน คีอาร์จึงใช้พลังตรึงร่างที่เป็นวิญญาณของเอมิลี่ไว้และดึงเธอใ
ตอนที่ 71ต่อสู้จนโลกถล่มความวุ่นวายและความวินาศสันตะโรเข้าปกคลุมฐานทัพลี้ภัยแห่งหนึ่ง สาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้นไม่ได้เกิดมาจากซอมบี้ซึ่งเป็นศัตรูของมนุษยชาติแต่อย่างใด แต่เกิดมาจากมนุษย์ที่เป็นมากกว่ามนุษย์สองคนต่อสู้กันต่างหากเอมิลี่อดีตนักเขียนผู้มีดวงตาพระเจ้า เนื่องจากเธอกลืนกินคนที่พลังเหมือนกันเธอจึงมีพลังมหาศาลและมากพอที่จะทำให้โลกเกิดความวุ่นวายได้ เธอถือว่าเป็นตัวอันตรายสำหรับเหล่านักเขียนผู้มีดวงตาพระเจ้าทุกคนเลยล่ะส่วนอีกคนก็คือ คีอาร์ มนุษย์ผู้มีพลังจิตจากโลก MP เขามีความทะเยอทะยานในการสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ นั่นทำให้เขากลายเป็นตัวปัญหาระดับจักรวาลเนื่องจากพลังที่แหกกฎจักรวาลที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองเมื่อทั้งสองสู้กันมันคงไม่ใช่การต่อสู้เล็กน้อยตูม!เสียงระเบิดดังขึ้นมาตามด้วยตึกที่พังละลายลงมาเป็นแถบ เอมิลี่เดินออกจากซากตึกที่ถล่มลงมาและควบคุมซากตึกรอบบริเวณให้ลอยขึ้นและพุ่งเข้าไปโจมตีคีอาร์ที่ลอยอยู่เหนือพื้น เมื่อพลังดวงตาพระเจ้ารวมกันเธอก็เริ่มที่จะทำอะไรได้หลายอย่างคล้ายกับพลังแห่งการควบคุมสรรพสิ่งของพระเจ้า ยิ่งเธอกลืนกินมากเท่าไหร่พลังก็จะยิ่งแข็งแกร่
ตอนที่ 70เจอกันแล้วการที่ได้ตื่นขึ้นมาในที่แปลกตาทำเอาฉันนั่งมึนไปพักใหญ่ ฉันจำได้ว่าก่อนที่จะนอนหลับไปตัวเองได้นอนอยู่ข้างๆ คีอาร์นะ แต่ไหงพอตื่นขึ้นมาอีกทีฉันถึงได้มาอยู่กลางดงพืชมีชีวิตไปได้ล่ะ? รอบข้างของฉันมีแต่พวกพืชมีชีวิตเคลื่อนไหวได้เต็มไปหมด ดูเหมือนฉันจะถูกลักพาตัวโดยพืชมีชีวิตพวกนี้นะว่าแต่พวกมันพาฉันมาทำไม? พวกมันไม่ได้เอาฉันไปย่อยกิน แต่นำฉันมาปล่อยไว้กลางดงพวกมันโดยไม่ทำอะไรเลยแต่อย่างไรก็ตามฉันควรออกจากที่นี่ก่อนที่พวกมันจะเปลี่ยนใจมากินฉัน พลังน้ำแข็งของฉันได้แช่แข็งพวกมันในชั่วพริบตา ฉันจึงวิ่งออกจากดงของพวกพืชมีชีวิตได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหลังจากที่ฉันออกมาได้พวกมันก็พังน้ำแข็งออกมาได้พอดี อาจจะเพราะพวกมันมีน้ำกรดเคลือบตัวอยู่จึงละลายน้ำแข็งของฉันได้อย่างง่ายดายพวกมันดูอันตรายกว่าที่คิด และมันจะยิ่งอันตรายหากพวกมันจับฉันได้ ฉันหนีออกจากที่นั่นไปไกลเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่คาดเลยว่าระหว่างที่หนีออกจากดงพืชมีชีวิตพวกนั้นฉันจะไปจ๊ะเอ๋กับคนกลุ่มหนึ่ง“อย่าขยับ! ถ้าเธอขยับพวกเราจะยิง!” หนึ่งในสี่คนในกลุ่มนั้นตะโกนและเล็งปืนมาทางฉันฉันยกมือขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อถูกจ่อปืนใส่
ตอนที่ 69หายในที่สุดพวกฉันก็มาถึงเมือง B แต่พวกเราก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าเมืองแห่งนี้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยซอมบี้ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่เลย ฉันอดไม่ได้ที่จะนำลูกแก้วที่ออสตินให้มาออกมาเพื่อตรวจดู ลูกแก้วนี้จะมีปฏิกิริยาเมื่อมันสัมผัสได้ถึงพลังดวงตาพระเจ้าที่มีพลังมากกว่าดวงตาพระเจ้าปกติทั่วไป ถึงมันจะไม่เคยส่งสัญญาณแปลกๆ แต่ฉันก็คิดว่าเรื่องพวกนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับผู้แทรกแซงจากโลกอื่นแต่ลูกแก้วไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยฉันสงสัยว่ามันใช้ได้จริงๆ งั้นเหรอ? หรือเพราะอยู่ห่างไกลเกินไปจึงสัมผัสมันถึงตัวตนของเอมิลี่ไม่ได้...ว่าแต่ไกลแค่ไหนกัน คงไม่ใช่ว่าคนละซีกโลกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะไปยังไง โลกนี้ยิ่งไม่ปกติอยู่ด้วย ไม่มีเครื่องบินให้โดยสารในโลกที่เป็นแบบนี้แน่“เอายังไงต่อดี? กลับเมือง A หรือจะไปต่อ?” โคนี่หันมาถามความเห็นทุกคน ในโลกที่ถูกทอดทิ้งนี้ทุกคนดูไม่มีเป้าหมายนอกจากการเอาชีวิตรอด พวกเขาจะไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพบสถานที่ปลอดภัยที่แท้จริง“นี่ รู้กันรึเปล่าว่าซอมบี้พวกนี้เกิดมาจากอะไร?” ฉันตั้งคำถามขึ้นมา โคนี่และเจมส์ชะงัก เอลล่าหันมามองหน้าฉันประมาณว่าทำไมถึงถามขึ้นมา“เอ่อ.
ตอนที่ 68ออกจากเมืองเมื่อเสียงเตือนภัยซอมบี้บุกได้ดังขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่นานเมือง A ก็ได้กลายเป็นสถานที่วุ่นวายและเสียงดังอย่างมาก ผู้ที่มีพลังพยายามที่จะไปจัดการพวกซอมบี้ แต่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนกำแพงถึงได้เกิดไฟไหม้และระเบิด ซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกบุกเข้ามาเยอะมากขึ้นกว่าเดิมฉันที่กำลังมองเหตุการณ์จากที่สูงถอนหายใจและกุมขมับ การที่จะฟื้นฟูพื้นที่เป็นเรื่องยากซะแล้วสิ“ไปช่วยพวกเขาเท่าที่จะทำได้แล้วกัน” ฉันพูดกับคีอาร์และโอนิกซ์“พวกเขาไม่ใช่คนในปกครองของผม แต่ก็จะพยายามช่วยแล้วกัน” โอนิกซ์พึมพำ ฉันขมวดคิ้วสงสัยกับคำว่า คนในปกครองของเขา“น่าสนุกดีนะ...ผมจะได้รับพลังใหม่ไหมเมื่อให้ชูบี้กินชอมบี้เข้าไปน่ะ” คีอาร์เอ่ยกับตัวเองด้วยท่าทีสนใจ จะว่าไปถ้าไม่ใช่พวกคลั่งไคล้การไขว่คว้าหาพลังใหม่ๆ เพื่อความแข็งแกร่งจริงๆ คีอาร์คงไม่มีแรงผลักดันจนดิ้นรนมาถึงจุดนี้ได้หรอก ความสนใจในการค้นหาความสามารถและพลังใหม่ๆ ของเขาทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆถึงว่าล่ะทำไมออสตินถึงบอกว่าคีอาร์คือตัวปัญหา“อย่าให้เละมากล่ะ” ฉันเตือนพวกเขา“ไม่ต้องห่วง” โอนิกซ์ยิ้มสดใส แต่ฉันไม่ไว้ใจอยู่ดี ฉันได้รู้แล้วว่
ตอนที่ 67ซอมบี้บุกเมือง? ช่างมันสิ!โลกที่ถูกทอดทิ้งเป็นโลกที่อยู่ยากมาก ในเขตเมืองที่อยู่อาศัยค่อนข้างสกปรกและแออัด ก็เข้าใจว่าทุกคนพยายามหนีเอาตัวรอดและมาอาศัยในที่เดียวกันจนรักษาระเบียบและความสะอาดไม่ไหว แต่กลิ่นที่เหม็นจนไม่อยากอยู่นี่มันอะไรกันฉัน ไม่สิ คีอาร์โชคดีหน่อยที่เป็นนายทหารเขาจึงได้อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ที่ดูดีกว่าคนทั่วไป แต่ออกจะมีพื้นที่เล็กสักนิดหน่อยสำหรับครอบครัวหนึ่ง เนื่องจากมีเตียงเดียวฉัน โอนิกซ์ และคีอาร์จึงต้องนอนเบียดกันในคืนแรก แม้ว่าคีอาร์จะชอบนอนเบียดกับฉันแต่คีอาร์ก็อดบ่นถึงความแคบและล้าสมัยของที่นี่ไม่ได้ก็เพราะคีอาร์เกิดในโลกที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย มีรถบินได้ มีพลังหลากหลาย และอื่น ๆ ที่นี่เทียบไม่ติดเลยล่ะฉันเห็นโลกที่เป็นแบบนี้แล้วก็คิดอยากจะฟื้นฟูและพัฒนามัน อย่างแรกคงต้องเพิ่มพลังในโลกนี้ก่อน พลังจากภายนอกหรือก็คือจากนักอ่านมันจะทำให้โลกสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ง่ายขึ้น พลังจะไปเสริมธรรมชาติของโลก มีอากาศที่ดี มีน้ำสะอาด มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ และคงจะไปเสริมพลังให้มนุษย์ด้วย นั่นจะทำให้มนุษย์สามารถเอาตัวรอดจากภัยพิบัติได้ฉันเพิ่งเคยเห็นโลกที่ใกล้จะล่ม
ตอนที่ 66โลกที่ถูกทิ้งก็ต้องมีซอมบี้“ในเมื่อคุณหายดีแล้วผมคงจะต้องส่งคุณไปที่โลกที่ถูกทอดทิ้งทันที แต่ก่อนที่คุณจะไปผมต้องบอกเรื่องอย่างหนึ่งกับคุณ นั่นก็คือเรื่องร่างที่คุณจะใช้ในโลกนั้น ทางเราจะตัดสินใจเองว่าคุณจะได้ร่างไหน รวมถึงร่างของคนรักและลูกของคุณด้วยนะ เนื่องจากโลกนั้นใกล้ล่มสลายมากกว่าโลกอื่น ๆ เราจึงค่อนข้างระวังเป็นพิเศษ แต่หากจะต่อสู้ก็ต่อสู้แบบเต็มที่ได้เลย แต่อย่าบ่อยเกินไปก็พอ และไม่ต้องกังวลว่าหากตายในโลกนั้นจะเป็นอันตรายกับคุณ พวกเราจะหาร่างใหม่ให้ทันทีเมื่อร่างเดิมตาย และอีกเรื่อง คุณต้องระวังการใช้ระบบด้วยเพราะหากผู้ทรยศอยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายจะรู้ตัวทันทีว่าคุณเป็นนักเขียน และสุดท้ายขอให้คุณโชคดี”ออสตินร่ายยาวไม่หยุดพักหายใจ จากนั้นเขาก็โบกมือส่งฉันไปที่โลกที่ถูกทอดทิ้งโดยไม่ให้ฉันเอ่ยอะไรเพิ่มเติมฉันรู้สึกเอ๋อไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ออสตินตรวจพบว่าวิญญาณของฉันหายเป็นปกติแล้วเขาก็มาหาฉันและได้ร่ายประโยคยาวๆ เมื่อครู่และส่งฉันไปโลกต่อไปโดยไม่ให้ฉันได้อ้าปากพูดอะไรเลย อะไรจะรีบปานนั้น...เจ็บ...ความรู้สึกแรกเมื่อมาถึงร่างที่ออสตินเตรียมไว้ให้ในโลกที่ถูกทอดทิ้งคือความร