#ออสติน
ผมเองก็ต้องยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย ผู้หญิงอะไรไปมีเรื่องกับผู้ชายที่ตัวใหญ่ขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองตัวเล็กนิดเดียว
ไม่ว่าใครเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องเข้าไปช่วยกันทั้งนั้น และผม…ในฐานะเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์ก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหมือนกัน
“เดินกลับโต๊ะเองได้มั้ย หรือจะให้ไปส่ง” ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่เคยเห็นคริสตัลมีเรื่องกับใครมาก่อน ยิ่งเป็นผู้ชายยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“เดินไปส่งหน่อย” คริสตัลตอบอย่างรวดเร็ว ใบหน้านิ่งๆ แต่สายตาและท่าทางระริกระรี้ยิ่งกว่าปลากระดี่เสียอีก
ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปส่งคริสตัส สายตาของผมก็ไปสะดุดกับใบหน้าเรียวสวยของไข่มุข ที่ยืนมองมาที่ผมกับคริสตัลด้วยแววตาที่ไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไป
ผมรีบตามเธอออกไปทันที โดยที่ผมปล่อยคริสตัลไว้ตรงนั้น เพราะยังไงไข่มุขก็เป็นผู้หญิงที่มีความหมายต่อผมมากที่สุด แต่ผมก็ตามเธอไม่ทันเพราะเธอขึ้นรถไปกับเพื่อนของเธอแล้ว
..
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
หลังจากที่เกิดเรื่องที่ผับวันนั้น ผมกับไข่มุขก็มีเรื่องให้ทะเลาะกันเกือบทุกวัน จากที่เราเข้าใจกันตลอดแทบจะไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่ตอนนี้เราทะเลาะกันแต่เรื่องเก่าๆ เดิมๆ พอพูดกันรู้เรื่องแล้ววันต่อมาก็วนมาทะเลาะเรื่องเดิมอยู่ดี
วันนี้ผมพยายามโทรหาไข่มุขทั้งวัน โทรไปหาจะเป็นร้อยสายอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายผมเลย
ครืด ครืด
อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น สิ่งแรกที่คิดคือผมคิดว่าไข่มุขต้องโทรมาหาผมแน่ๆ แต่ความจริงแล้วกลับไม่ใช่เมื่อหน้าจอปรากฏชื่อของไอ้เกอร์
“มีไร” ผมถามขึ้นอย่างกับคนขี้เกียจจะพูด
(มึงเป็นไรวะ ทำไมทำเสียงแบบนั้น) ไอ้เกอร์ไม่สนใจที่ผมถามเลยสักนิด
“กูไม่ได้เป็นไร แค่เซ็งๆ นิดหน่อย” ผมตอบไปตามความรู้สึก
(พอดีเลย ออกมาคอนโดกูตอนนี้เลย กูกำลังดื่มกับไอ้วินสองคนเนี่ย) ไอ้เกอร์รีบเร่งผมทันที
“คือกู…” ไม่ใช่ผมไม่อยากไปนะ แต่ถ้าไปแล้วไข่มุขรู้ก็กลัวว่าจะทะเลาะกันอีก ผมก็เลยขี้เกียจจะไป
(มีแค่กูกับไอ้วินมึงจะคิดอะไร กว่าพวกผู้หญิงจะมาคงดึกๆ นู้นแหละ ถึงเวลามึงกลับพอดี) ไอ้เกอร์พยายามหาเหตุผลมาพูดให้ผมไป แต่ก็จริงอย่างที่มันพูดแหละ อีกอย่างไข่มุขก็ไม่รับสายผม ไปหาเพื่อนแค่นี้คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
“เออๆ เดี๋ยวกูออกไป” ผมกดวางสายแล้วเลิกคิดเรื่องที่ชวนปวดหัว ก่อนที่จะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไป
@คอนโดไทเกอร์
ตอนนี้ผมนั่งดื่มกับไอ้เกอร์ ไอ้วินมาเกือบจะสามชั่วโมงแล้ว เริ่มจะตึงๆ ได้ที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าพวกผู้หญิงจะมากันเลย ผมก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาไข่มุข เผื่อว่าเธอจะใจอ่อนยอมรับสายผม
“มุขทำอะไรอยู่ครับ” ผมถามไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าทุกครั้ง
(มุขกำลังจะนอนค่ะ แล้วนี่พี่ตินอยู่ไหนคะ? ทำไมเสียงดัง) ไข่มุขถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“พี่อยู่กับเพื่อนครับ” ผมตอบไปแบบไม่ทันคิด
(พี่ติน!) ไข่มุขเริ่มทำเสียงดุ สงสัยจะคิดว่าเพื่อนอยู่ครบกันทุกคน
“มีแต่ผู้ชายครับ พี่อยู่กับไอ้เกอร์ ไอ้วิน” ผมรีบอธิบายทันที เพราะไข่มุขไม่ชอบให้ผมอยู่กับเพื่อนผู้หญิงสักเท่าไหร่
(จริงเหรอคะ?) ไข่มุขถามย้ำอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ
“จริงครับ พี่จะโกหกมุขทำไมละ” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็นและเข้าใจความรู้สึกของไข่มุข
“อ้าวติน! มาด้วยเหรอวะ”
ยังไม่ทันที่ไข่มุขจะได้ตอบอะไร เสียงของยัยเดียที่พึ่งจะเปิดประตูเข้ามาก็ถามผมขึ้นอย่างไม่ดูหน้าดูหลังเลยซักนิด
(ไหนว่ามีแต่ผู้ชายคะ!) ไข่มุขถามอย่างเอาเรื่องเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามาในสาย
“คือเขาพึ่งจะมาถึงกันครับ” ผมตอบไปตามความเป็นจริง แต่ไข่มุขก็วางสายผมไปแล้ว พอจะโทรไปอีกเธอก็ปิดเครื่องใส่ผมซะงั้น ไม่รู้ว่าวันซวยอะไรของผม กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว!
ผมเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างคนอารมณ์เสีย ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพื่อดับอารมณ์ในใจ โดยที่ผมนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จากับใคร และผมก็ไม่ได้สนใจที่จะมองหน้าคริสตัลเลยสักนิด ยิ่งอารมณ์ไม่ดี ยิ่งไม่อยากมองหน้าใคร
“กูว่ากูกลับก่อนดีกว่า” เสียงคริสตัลพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำเอาทุกคนต่างมองไปที่เธอด้วยความสงสัย เธอคงจะกลัวว่าเพื่อนจะดื่มกันไม่สนุกเพราะเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
“มึงจะรีบกลับไปทำไม” ไอ้เกอร์ถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะไม่มีใครอยากจะให้คริสตัลกลับ
“เออ มึงจะรีบไปไหน นานๆ จะได้อยู่กันครบแบบนี้” ตามด้วยเสียงของฮันน่าที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม
“กูมีธุระที่จะต้องไปทำ” คริสตัลตอบด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ดูก็รู้ว่าเธอกำลังโกหก คนอะไรจะมีธุระดึกขนาดนี้นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้ว สงสัยจะกลัวว่าผมจะอึดอัด และทำให้เพื่อนๆ ไม่สนุก
“อยู่ต่อเถอะ ไม่ต้องคิดมาก” ผมพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ ตามสไตล์ ไหนๆ ก็มาแล้ว ไหนๆ ไข่มุขก็งอนผมแล้ว อยู่กับเพื่อนแบบนี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“นั่งลงๆ ดื่มกันต่อ” ไอ้วินพูดขึ้น คริสตัลก็เลยจำใจนั่งลงที่เดิมต่อ
“เที่ยวยังไม่ทันไรก็จะเปิดเรียนอีกแล้วเหรอวะ” เสียงนาเดียบ่นขึ้นด้วยท่าทางเซ็งๆ แต่สายตายังคงจับจ้องทีวีตัวใหญ่ที่ทุกคนกำลังดูหนังกันอยู่
“นั่นดิวะ พักยังไม่หายเหนื่อยเลย” ตามด้วยเสียงไอ้วินที่ดื่มจนเมาหนัก แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดดื่มเลยสักนิด
“เวลาแม่งผ่านไปเร็วฉิบหาย” ฮันน่าพูดอย่างเบื่อหน่าย
“วันนี้กูนอนกับมึงนะไอ้เกอร์ ไม่อยากกลับ ขี้เกียจขับรถ” ไอ้วินพูดขึ้นคงจะหนักจริงแหละ ถึงกับจะนอนคอนโดไอ้เกอร์ ทุกทีเห็นกลับไปนอนคอนโดตัวเองตลอด
“นอนด้วยกันแม่งหมดนี่แหละ นานๆ จะได้อยู่ด้วยกันครบแบบนี้” นาเดียพูดอย่างเอาจริง
“มึงจะนอน มึงถามเจ้าของห้องรึยังคะ เขาจะอนุญาตให้พวกมึงนอนด้วยมั้ย” ฮันน่าที่ดื่มหนัก ดื่มไม่มีหยุดตั้งแต่มาถึง เริ่มพูดเสียงยานเข้าไปทุกที
“ถ้าพวกเราไม่กลับ มันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” นาเดียยังคงยืนยันที่จะนอนคอนโดไอ้เกอร์
“นอนก็นอนด้วยกันหมดนี่แหละ เมากันขนาดนี้คงจะกลับกันได้หรอก” ไอ้เกอร์เจ้าของห้องรีบอนุญาตทันที ถ้ากลับกันสภาพนี้มีหวังได้ไปเจอกันที่โรงพักแน่
เวลา 03:00 น.“โชนนนน” ยัยฮันน่าพูดขึ้นเสียงยาน ตอนนี้สภาพของแต่ละคนดูแทบไม่ได้ เพราะดื่มกันอย่างต่อเนื่องมาหลายชั่วโมงแล้วมีไอรินกับกวินที่นอนคอพับกอดขวดเหล้าอย่างหมดสภาพ ส่วนคนที่เหลืออยู่สภาพตอนนี้ก็ดูแย่ไม่แพ้กันฉันนั่งมองทุกคนแล้วฉันก็เผลอยิ้มออกมา นานแล้วนะที่ไม่ได้อยู่กันครบแบบนี้ ล่าสุดคงจะเป็นตอนที่ไปเที่ยวเกาะส่วนตัวของออสตินล่ะมั้งอยู่ๆ ฉันก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา ฉันพาตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล เพราะฉันเองก็เมาไม่ต่างจากคนอื่นๆ“จะไปไหนวะ?” เสียงยัยเดียถามฉันทันที เมื่อเห็นฉันยืนขึ้น“จะไปเข้าห้องน้ำ ไปด้วยมั้ย” ฉันตอบพร้อมกับถามกลับอย่างไม่รอช้าไร้เสียงตอบรับจากทั้งสองคน ทั้งยัยเดียและยัยฮันน่าต่างก็ส่ายหน้ากันไปมาแทนคำตอบ“ทำไมมืดจังเลยเนี่ย! รวยก็รวยไม่รู้ว่าจะประหยัดไฟไปเพื่ออะไร” ฉันเดินไปบ่นไปให้กับทางมืดๆ ฉันรีบเข้าห้องน้ำแล้วรีบเดินออกมาล้างหน้าซักหน่อย เผื่อจะสดชื่นขึ้นมาบ้างในขณะที่ฉันกำลังจะเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ฉันก็เจอออสตินที่ยืนขวางทางฉันอยู่ ฉันพยายามเดินหลีกไปอีกทาง แต่ไม่ว่าฉันจะเดินไปทางไหนออสตินก็ขวางทางฉันไว้อยู่ดี“หลบไป!” ฉันพูดไปเพียงสั้นๆ ด้วยน้
เวลา 08:00 น.หลังจากที่ออสตินกลับไป พวกเราก็นั่งดื่มกันต่อจนเผลอหลับ พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็แปดโมงเช้าแล้ว ฉันมองดูสภาพของแต่ละคนที่นอนอยู่แล้วส่ายหน้าไปมา รับไม่ได้กับสภาพของเพื่อนแต่ละคนฉันรีบขับรถกลับคอนโดตัวเองทันที อยากจะอาบน้ำ แล้วนอนพักบนเตียงนุ่มๆ สบายๆ ซักที โชคดีที่คอนโดฉันกับไทเกอร์อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ก็เลยใช้เวลาขับรถไม่นานพอมาถึงห้องฉันก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที ดื่มมาทั้งคืนพึ่งจะได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ทรมานร่างกายสุดๆ“ปวดหัวๆ ไม่น่าห้าวไปดื่มเยอะแบบนี้เลย” หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินบ่นออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสภาพที่ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวแต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อฉันเจอออสตินนั่งหน้าบูดเหมือนตูดลิงอยู่บนโซฟากลางห้อง มาตั้งแต่ตอนไหนฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ อยู่ๆ ก็เข้ามาในห้องฉันแบบนี้ โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันเลยซักคำฉันไม่ได้ตกใจที่ออสตินเข้ามาได้ยังไง เพราะเขาเป็นเพื่อนที่รู้รหัสเข้าห้องของฉัน แต่ตอนนี้ฉันงงมากกว่าว่ามาทำไม“มาทำไม” ฉันถามแบบส่งๆ ไม่ได้สนใจออสตินเท่าไหร่มีเพียงความเงียบ ไร้การตอบรับ ก่อนที่ออสตินจะลุกขึ้นยืนเต็มควา
@ห้างสรรพสินค้าพอมาถึงห้างฯ ยัยเดียกับยัยฮันน่าก็ชวนกันถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีกันแบบรัวๆ เรียกได้ว่าไปที่ไหนก็ต้องเช็กอินให้คนทั้งโซเชียลได้รับรู้ แถมยังตั้งแคปชั่นเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ไปไหนมาไหนเป็นชาติอีกด้วย‘พาเพื่อนรักมาเปิดหูเปิดตา’หลังจากถ่ายรูปลงไอจีกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ยัยฮันน่าก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าช็อปกระเป๋าแบรนด์ดังที่เล็งเอาไว้ทันทีกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ถูกตั้งโชว์เอาไว้ตรงกลางร้านอย่างสวยงาม ซึ่งเวลานี้มันคือสวรรค์ของผู้หญิงอย่างฉันจริงๆ ทำเอาฉันลืมเรื่องออสตินไปอย่างสนิทใจ นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้ออกมาช็อปปิ้งอะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนสายตาของฉันก็แพรวพราวไปหมด กิเลสก็เกิดขึ้นมาทันที“ฉิบหายแล้วงานนี้ สวยทุกสีเลยว่ะ” เสียงยัยฮันน่าที่กำลังลองสะพายกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่อยู่ก็พูดขึ้น สวยทุกสีเลยจริงๆ ตัดสินใจยากแน่งานนี้“สวยจริง เอาคนละสีไปเลยมั้ย เผื่อวันไหนเบื่อจะได้เปลี่ยนกันใช้” ฉันรีบพูดขึ้น เมื่อเห็นว่ากระเป๋ามีอยู่สี่สีพอดี“เออ…ความคิดดี” ยัยเดียรีบเห็นด้วยทันที ก่อนจะหันไปสนใจเลือกกระเป๋ากับยัยฮันน่าต่อ“รินไม่เอานะ” ยัยรินรีบปฏิเสธขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะไม่อยากเ
หลังจากที่ซื้อของเสร็จก็กลับมาที่คอนโดฉันเหมือนเดิม พอมาถึงยัยเดียกับยัยฮันน่าก็พูดเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีอย่างไม่รีรอ“กูว่ามันไม่ใช่แล้ว แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วแหละ” ยัยเดียพูดขึ้นอย่างกับคนที่กำลังใช้ความคิดอยู่“กูก็คิดแบบมึงแหละ แบบนี้มันตั้งใจที่จะมาหาเรื่องกันชัดๆ” ตามด้วยเสียงของยัยฮันน่า ที่พูดเรื่องนี้กันทีไรก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยตลอดเลย (ทั้งๆ ที่คุยกันมาตลอดทาง พอมาถึงก็พูดเรื่องเดิมกันอยู่อีก)“ใช่! แค่เรื่องซื้อกระเป๋าเหมือนกันกูก็ว่ายังพอทนนะ แต่นี่ดันเดินมาพูดจาหาเรื่องมึงที่ร้านเสื้อผ้าอีก” ยัยเดียพูดพร้อมกับหันหน้ามามองฉันด้วยแววตาที่จริงจัง“ถ้าไม่เห็นว่านางเป็นแฟนของไอ้ตินนะ กูเดินไปจิกหัวตบนานแล้ว” ยัยฮันน่าพูดขึ้นมาอย่างโมโห“ใจเย็นๆ ก่อน” ยัยไอรินรีบห้ามเพื่อนสาวทั้งสองคนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มพูดไปไกล และคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนกันแล้ว“กูไม่ใช่แม่พระแบบมึงนะที่จะได้ใจเย็นๆ แล้วให้อภัยคนทั้งโลกได้” ยัยฮันน่ายังคงพูดต่ออย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาดับความร้อนที่มีอยู่ในใจทุกคนต่างก็ดื่มให้กับอารมณ์หงุดหงิดที่มีอยู่
นั่งดื่มกันไปซักพักสถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นไปทุกที ทุกคนเอาแต่นั่งดื่มกันไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยซักคำ ออสตินก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ปรึกษาอะไรเพื่อนเลย จนฉันเองทำตัวไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉัน เหตุการณ์มันก็เลยแย่แบบนี้“กูกลับก่อนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่จะลุกขึ้น ทุกคนต่างก็มองก็มาที่ฉันอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ ฉันก็จะกลับแบบนี้“นั่งลง” ออสตินบอกพร้อมกับดึงแขนฉันให้นั่งลงที่เดิม (อยู่ๆ ใจฉันก็สั่นขึ้นมาซะงั้น นานแล้วนะที่ออสตินไม่ได้แตะตัวฉันแบบนี้) ฉันมองหน้าออสตินด้วยความแปลกใจ (นี่มันไปกินยามาผิดรึป่าววะเนี่ย!)“มึงจะกลับทำไม กลับไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมาหรอก” ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ ตามสไตล์ จนฉันไม่กล้าพูด ไม่กล้าถามอะไร“งี่เง่าอีกแล้วเหรอวะ” อยู่ๆ ไอ้วินก็หันมาถามออสติน จนฉันงงไปหมดแล้ว ฉันก็นั่งของฉันอยู่เฉยๆ นี่จะมาว่าฉันงี่เง่าหรอ!“อืม” นี่ก็อีกคน ตอบสั้นๆ ไปแบบไม่คิดอะไรเลยซักนิด แล้วยังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ฉันไม่ทนหรอกนะจะมาว่าฉันงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้!“กูไม่ได้งี่เง่านะ” ฉันหันไปสะกิดแขนไอ
ฉันกับเพื่อนๆ เดินออกมาถึงลานจอดรถ ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนต่างก็เมากันไปบ้างแล้ว กว่าจะเดินออกมาได้ก็ใช้เวลากันพอสมควร เพราะคนในผับค่อนข้างเยอะ จนแทบจะไม่มีทางเดินออกมาแต่พอมาถึงก็เจอกับพวกผู้ชายขับรถมาจอดรออยู่หน้าลานจอดรถแล้ว“มีรถสามคัน จะไปคันไหนรีบเลือกเลย” ไอ้วินที่เปิดกระจกรถค้างไว้รีบพูดขึ้น พร้อมกับมีรถอีกสองคันจอดต่อท้ายอยู่ คงจะไม่พ้นที่จะเป็นรถของไอ้เกอร์ กับรถของออสตินหรอก“เออๆ แป๊บนึงๆ” ยัยฮันน่าหันไปบอกไอ้วิน ก่อนที่จะหันมาตกลงกันว่าใครจะไปรถคันไหนกันบ้าง“มึงไปกับไอ้เกอร์” ยัยเดียหันไปบอกยัยรินที่เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา“รินไปกับวินดีกว่า” ยัยรินที่ยืนเงียบอยู่ก็รีบปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นมาทันที ทำเอาต่อมสงสัยฉันทำงานอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ทำไมยัยรินถึงไม่อยากจะไปกับไอ้เกอร์ขนาดนั้น แบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรกันแน่นอน ฉันต้องรู้ให้ได้“ทำไม หรือว่ามึงสองคนมีเรื่องอะไรกัน” ยัยเดียถามขึ้นอย่างไม่รอช้า ทำเอาทุกคนต่างมองหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ“ปะ ป่าว…รินไปก็ได้” ยัยรินอ้ำอึ้ง เหมือนตอนแรกอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับไม่พูด (ยอมง่ายๆ ซะงั้น) ทำเอาฉันเซ็
นั่งดื่มกันไปได้สักพักออสตินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเครื่องด้วยความหงุดหงิดแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของไอ้เกอร์จะดังขึ้นมา“ใครโทรมาวะ” ยัยเดียถามขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่ทุกคนกำลังดูหนังด้วยกันอยู่“ไม่ต้องรับ” ยังไม่ทันที่ไอ้เกอร์จะได้ตอบอะไร เสียงออสตินก็ดังขึ้นมาแต่สายตายังคงจ้องมองทีวีอยู่ตอนแรกทุกคนดื่มกันไป ดูหนังกันไปในห้องรับแขก แต่ตอนนี้ทุกคนกลับหันมาให้ความสนใจไอ้เกอร์แทน จะมีก็แต่ออสตินที่ยังดูหนังอยู่อย่างไม่สนใจเหตุการณ์นี้“มึงจะไม่ให้กูรับสายจริงๆ เหรอ” ไอ้เกอร์หันไปถามออสตินทันที ปกติจะเห็นออสตินรับสายนางตลอดนะ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่อยากจะรับสายนางก็ไม่รู้“มึงลองรับสายดูสิ แล้วมึงจะเข้าใจ” ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และยังคงไม่หันมามองเพื่อนๆ“ครับน้องมุข” ไอ้เกอร์ไม่รอช้ารีบกดรับสายทันที มันคงอยากจะรู้แหละว่านางโทรมาทำไม ทุกคนต่างเงียบและตั้งใจฟังกันอย่างพร้อมเพรียง (ไม่ค่อยจะสอดรู้สอดเห็นซักเท่าไหร่หรอก)(พี่เกอร์อยู่กับพี่ตินรึป่าวคะ) ปลายสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับคนกำลังร้องไห้อยู่“อยู่ครับ” ไทเกอร์คนดีบอกไปตามตรง ไม่มีการโกหกแต่อย่างใ
ตึกๆ หัวใจของฉันเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอกเมื่อริมฝีปากหนาเลื่อนไปยังซอกคอพร้อมกับขบเม้มอย่างหื่นกระหาย เบาบ้างแรงบ้างแต่ทุกสัมผัสมันช่างเสียวซ่านและรู้สึกดีสุดๆ“อะ อืมมม” ฉันเอียงคอรับสัมผัสอย่างรู้งาน ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เราสองคนหลงลืมสถานะของตัวเองไปชั่วขณะ เร่งเร้าอารมณ์ช่วยกันทำในสิ่งที่ร่างกายกำลังต้องการอย่างหื่นกระหาย ฉันต้องการเขาและเขาเองก็เหมือนจะต้องการฉันเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราสองคนจึงช่วยกันสนองความต้องการให้กันและกันอย่างไม่มีใครยอมใครฉันที่เป็นฝ่ายนั่งคร่อมอยู่บนตักของออสตินได้เป็นฝ่ายรุกบ้าง ฉันซุกไซ้ซอกคอแกร่งดูดเม้มสลับข้างไปมาเหมือนที่เขาทำกับฉัน แล้วก็ช่วยจัดการถอดเสื้อยืดสีดำที่สวมอยู่ออกอย่างช่ำชอง ทั้งๆ ที่ฉันเองก็ไม่เคยทำมาก่อนถึงจะไม่เคยทำ ก็ใช่ว่าจะอ่อนต่อโลกจนไม่รู้อะไรเลย ฉันผลักหน้าอกแกร่งให้นอนราบกับโซฟา จากนั้นก็ก้มลงไปปรนเปรอคนใต้ร่างด้วยริมฝีปากลากเลียวนไปทั่วหน้าอกแกร่ง จูบเน้นบริเวณยอดอกจนคนใต้ร่างเริ่มสั่นเกร็งเบาๆ สายตาคมมองทุกการกระทำของฉัน แอบเขินเหมือนกันนะ แต่ความอยากมันมากกว่าขณะที่ฉันกำลังสนุกกับการสัมผัสร่างกำยำ มือหนาก็ล้วงเข้ามาใน
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงพี่สาวของไข่มุขก็บอกอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยน้องสาว แต่ก็ต้องหาวันว่างๆ แล้วค่อยนัดกันอีกที เพราะวันนี้ไข่มุขเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะไปกินข้าวกันวันนี้คงจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ทุกคนก็ตกลงเห็นด้วย ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่พี่สาวของไข่มุขจะขอตัวกลับเพื่อพาน้องสาวไปพัก“ไปหาอะไรกินกันมั้ยวะ หิวแล้ว” ฮันน่าพูดขึ้นเพราะกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็เป็นช่วงเย็นพอดี ก็ทำเอาทุกคนหิวไม่ต่างกัน“ดีเหมือนกัน กูก็เริ่มหิวแล้ว” ตามด้วยเสียงนาเดียพูดขึ้นที่ดูท่าจะหิวไม่ต่างกัน“ไปก็ไป” กวินตามใจสาวๆ อย่างขัดไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปด้วย มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ สาวๆ ยิ่งเอาแต่ใจกันอยู่ด้วย“จะไปกินร้านไหนวะ” คริสตัลถามขึ้นอย่างไม่รอช้า“ไปร้านอาหารแถวคอนโดมึงก็ได้ กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ” ฮันน่ารีบตอบทันทีดูท่าแล้วน่าจะหิวหนักกว่าใครคนอื่น“งั้นก็ไปเจอกันที่ร้านxxx” ออสตินที่รู้จักร้านอาหารที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี ก็รีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือคริสตัลแล้วเดินจูงมือเธอตรงไปที่รถทันที“อีคริสมันไม่ได้ตาบอดนะ ทำไมต้องจั
ออสตินกับคริสตัลมาถึงยังสถานที่ที่ไข่มุขบอกเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่มากันครบหมดทุกคน เพราะคริสตัลได้โทรบอกเพื่อนให้ออกมาช่วยกันก่อนที่เธอจะออกมา“ทำไมไม่เห็นมีใครเลยวะ” นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้าย มองขวาอย่างสำรวจซอยเปลี่ยวที่เงียบและไร้ผู้คนจนดูน่ากลัว“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจนทุกคนหันไปมองหน้ากัน คิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไข่มุกแน่ๆเอี๊ยด!เสียงรถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะปรากฎร่างกายกำยำของชายชุดดำสามคนที่กำลังเดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปกระชากหญิงสาวที่อยู่กับชายชุดดำอีกคนให้รีบเดินตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่“รีบเดินหน่อยสิวะ!” ชายชุดดำที่ดูน่ากลัวตะคอกบอกไข่มุขเสียงดัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง“ขึ้นไปอยู่บนรถกันก่อนนะ” ออสตินบอกกับคริสตัลด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเป็นอันตราย“เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” กวินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พร้อมกับมีออสตินและไทเกอร์เดินตามมาด้วยสาวๆ รีบวิ่งขึ้นไปอยู่บนรถอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครบ่นเลยซักคำ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับไปจนหมด ตอนนี้ภายในห้องก็มีแค่คริสตัลกับออสตินเพียงสองคน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยกับหญิงสาวเลยซักคำ“หิวมั้ย” คริสตัลถามขึ้นเมื่อบรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบเกินไป“….”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ภายในห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่เหมือนเดิม“ออกไปหาอะไรกินมั้ย” หญิงสาวยังคงถามต่อ พยายามถาม พยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ก็ไม่เป็นผล“….”ไม่ว่าเธอจะถาม จะพูดอะไร ชายหนุ่มเอาแต่งอนไม่ยอมตอบเธอเลยซักอย่าง“เป็นอะไร…” คริสตัลเดินเข้าไปถามชายหนุ่มใกล้ๆ แต่ออสตินก็เงียบ ไม่สนใจ แถมเขายังเดินหนีเข้าไปอาบน้ำอีกด้วยคริสตัลรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มนั้นล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“รีบออกมาน๊าาา” คริสตัลไม่ยอมแพ้ ถึงจะเข้าไปในห้องน้ำด้วยไม่ได้ เธอก็ตะโกนบอกเขาเสียงดังอย่างไม่ลดละความพยายามลงเลยซักนิดออสตินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวหนาเอาไว้ร่างหนาเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่สนใจ ถึงแม้เธอจะเดินตามง้อเขาแทบจะทุกฝีก้าวก็ตาม“หายงอนเถอะนะ” คริสตัลพูดพร้อมกับโอบกอดเอวหนา
สองวันต่อมาคริสตัลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้อง ฮันน่ากับกวินก็นั่งกินขนมกันอยู่ไม่ไกล ส่วนไอรินกับไทเกอร์ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องของคริสตัลได้กลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนไปแล้ว จะขาดก็แต่นาเดียที่ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาซักที“ดูอะไรอยู่เหรอ” ออสตินถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คริสตัลอย่างเคยชินเหมือนที่เคยทำอยู่ตลอด“ก็ดูไปเรื่อยแหละ” คริสตัลตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองออสตินก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเล่นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ“ถามอะไรหน่อยสิ” ร่างหนาถามขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว รอดูว่าเธอจะหันมามองเขาอีกหรือเปล่า“อะไรเหรอ” หญิงสาวถามออกมา แต่เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยซักนิด“ไม่คิดอะไรจริงเหรอ” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงหนุนตักหญิงสาวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมกับถามเธอออกมา“คิดเรื่องอะไร” คริสตัลก้มมองหน้าออสตินนิ่งๆ ก่อนที่เธอจะถามออกมา พร้อมกับทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังถามเรื่องอะไรอยู่“ก็เรื่องที่ไข่มุขยังมาวนเวียนมาอยู่แบบนี้ไง” ออสตินถามไปด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดมากเรื่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่ที่ออสตินกับคริสตัลเปิดตัวว่าคบกันออกสื่ออย่างเป็นทางการ ชีวิตของทั้งสองคนก็ดูมีความสุขมากขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างก็สบายใจไปด้วย ไม่มีอะไรที่จะอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ออสตินได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคริสตัลอย่างถาวร เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากจะย้ายไปอยู่ในห้องที่ชายหนุ่มเคยอยู่กับแฟนเก่ามาก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจและตามใจหญิงสาวทุกอย่างตลอดทั้งอาทิตย์ออสตินกับคริสตัลก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาคลุกอยู่ที่ห้องของคริสตัลเป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน“เรื่องน้องมุขเป็นไงบ้างวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย“ก็โดนตามขู่อยู่เหมือนเดิมแหละ” ไทเกอร์ตอบไปด้วยท่าทางนิ่งๆ“แรกๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านางจะโดนคุกคามจริงๆ นึกว่านางสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจซะอีก” ฮันน่าพูดออกมาตามตรง เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่วันนั้นกูไปเห็นมากับตา แม่งโดนทำลายด้วย โชคดีที่เข้าไปช่วยทัน” ไทเกอร์พูดถึงวันที่เอาเงินไปแล้วเห็นว่าไข่มุขกำลังโดนขู่ โชคดีที่เขาเอาเงินไปให้เธอทันเวลาพอ
เข้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก่อนหลังจากที่เพิ่งจะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ถ้าเขาไม่รับก็กลัวว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่นเสียก่อน“มีอะไรวะ” ออสตินถามเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น ทั้งๆ ที่ในใจเขาตอนนี้อยากจะด่าออกไปให้มันจบๆ(ฮ่าฮ่าฮ่า) ไม่มีเสียงพูดตอบกลับใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของไทเกอร์ที่ดังขึ้นมาอย่างพอใจ ก่อนที่ปลายสายจะกดวางสายไปเอง“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างก็แล้วกัน” ออสตินพูดออกมาด้วยความโกรธที่โดนแกล้งตอนเช้าแบบนี้ ชายหนุ่มรีบปิดเครื่องแล้วนอนกอดร่างบางต่อทันที“มีอะไรเหรอ” คริสตัลงัวเงียถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของออสติน“ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอขาวอย่างไม่รอช้า“อือออ…ขอพักก่อนได้มั้ย” หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะพึ่งจะได้พักเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง“นอนพักเลย…เดี๋ยวทำเอง” ออสตินกระซิบบอกที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย หญิงสาวได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่มีแม้แรงจะห้าม จึงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจตัวเองร่างหนาทาบทับร่างสวยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักครั้งใหม่กับเธออีกครั้ง..ช่ว
ออสตินเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคริสตัลกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พอได้อยู่กันสองคนในสถานะที่เปลี่ยนไปจากเพื่อน ทั้งสองคนก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนแล้วสายตาคมก็เหลือบไปเห็นหมอนกับผ้าห่มที่วางอยู่บนโซฟาข้างๆ เตียงนอน คงจะเป็นเจ้าของห้องที่เตรียมเอาไว้ให้แน่ๆ ชายหนุ่มไม่สนใจโชฟา เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงพลางเช็ดผมไปด้วย“พรุ่งนี้วันหยุด อยากไปเที่ยวที่ไหนมั้ย” เป็นคำถามที่สุดแสนจะธรรมดาแต่กลับทำให้คนฟังใจสั่นได้“ทำไม จะชวนไปเดทเหรอ” คริสตัลแกล้งถามด้วยท่าทางกวนๆ กลบเกลื่อนอาการประหม่า“ใช่ เดทแบบจริงจัง”“แล้วที่ผ่านมาไม่จริงจังเหรอ”“ก็จริงจังมาตลอด แต่มีบางคนไม่เคยจะมองเห็น”ชายหนุ่มเอาผ้าเช็ดผมคล้องคอตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลานไปหาหญิงสาวที่อยู่หัวเตียงอย่างช้าๆ“ตกลงไปคุยอะไรกันมา ยังไม่เล่าเลยนะ” คริสตัลถามไปแก้เขิน ตอนนี้ร่างกำยำมาถึงตัวเธอแล้ว“หึงเหรอ”“ใครหึง มีอะไรต้องหึง” เพราะเธอรู้เรื่องหมดแล้วไงหล่ะ“ถ้าไม่หึง ก็แสดงว่าเขิน ดูสิหน้าแดงหมดเลย” ชายหนุ่มจับแก้มหญิงสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เล่ามาได้แล้ว ”คนเขินแทบบ้าแ
ทางด้านหนุ่มๆ ที่ไม่ได้ไปเดินห้างกับสาวๆ ก็พากันเข้ามาที่สนามแข่งรถของกวิน“กูว่ารถคันนี้ดูเหมาะกับมึงนะ”กวินป้ายยาเพื่อนทันทีที่เห็นรถเข้ามาใหม่ และเป็นสไตล์ที่เพื่อนชอบ“เหรอ” ออสตินถามกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ ตามสไตล์ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้สึกสนใจรถตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าโรงจอดรถที่บ้านมันเต็มลิมิตจนไม่มีที่จะจอด เขาคงซื้อไปแล้ว“ซื้อเอาไว้ซักคันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” กวินพูดสนับสนุนเพื่อนไม่ยอมหยุด“มึงจะบอกให้มันซื้อไปอีกทำไม รถมันเยอะกว่ารถที่อยู่โชว์รูมมึงอีก” ไทเกอร์พูดแทรกขึ้นทันทีในขณะที่สามหนุ่มกำลังคุยเรื่องรถกันอยู่ หญิงสาวที่หายหน้าหายตาไปหลายวันก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ทุกข์ใจ“พี่ติน” ไข่มุขเอ่ยชื่อออสตินเสียงเบา บ่งบอกถึงความกระดากอายอยู่ไม่น้อย“มีอะไร” ออสตินถามกลับไปตามมารยาท เมื่อเห็นอีกฝ่ายใบหน้าดูเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด“มุขขอคุยกับพี่ตินหน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวมองหน้าออสตินอย่างอ้อนวอน“อืม” ออสตินตอบไปเพียงสั้นๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินนำออกไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านออสตินเดินตามหญิงสาวออกไป เพราะดูแล้วเธอคงจะมีเรื่องลำบากใจอะไรซักอย่าง ที่จะมาขอให้เขาช่วย“มี
การเผื่อใจเริ่มมีเปอร์เซ็นต์เป็นจริงเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อหลายวันที่ผ่านมาออสตินทำดีกับคริสตัลอยู่ตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก แต่ในระหว่างนี้ก็ทำเอาหญิงสาวอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าพี่หมอหายไปไหน ไม่เห็นติดต่อมาหลายวันแล้ว พอเธอเข้าไปดูไอจีก็ไม่เห็นว่าพี่หมอจะอัพเดตอะไร ล่าสุดที่ลงก็เป็นรูปตั๋วหนังที่ไปดูกับเธอ ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เคลียร์กัน“ตกลงมึงจะเอายังไงกับพี่หมอวะ” เสียงนาเดียถามขึ้น ในตอนที่ผู้ชายไม่ได้อยู่ด้วย“นั่นดิ! น่าเสียดายคนดีๆ แบบพี่หมออะ” ตามด้วยฮันน่าที่พูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางเสียดายสุดๆ“ถ้าเสียดายมึงก็ไปจีบสิ!” นาเดียรีบแนะนำแบบติดตลก ไม่คิดว่าเพื่อนจะคิดจริง“เป็นความคิดที่ดี เดี๋ยวกูจะใช้ร่างกายรักษาแผลใจให้พี่หมอเอง” ฮันน่าทั้งพูด ทั้งทำท่าเซ็กซี่แบบสุดๆ“พักก่อนค่ะเพื่อน กูแค่พูดเล่น แล้วมึงก็ไม่ใช่เสปคพี่หมอ”นาเดียพูดดับฝันเพื่อนทันที“แต่กูจริงจังนะ”“ปล่อยให้พี่หมอไปเจอคนที่ปกติเถอะ” นาเดียพูดอย่างสงสารพี่หมอ“แล้วกูไม่ปกติตรงไหนวะ” ฮันน่ารีบเถียงทันที สวยขนาดนี้ รวยขนาดนี้ ไม่ปกติตรงไหน“ทุกตรงค่ะ” นาเดียดับฝันของฮันน่าอีกครั้