หนึ่งเดือนต่อมา
@TK PUB (ผับของไทเกอร์)
หลังจากไปเที่ยวทะเลกลับมาเพื่อนๆ ก็นัดกันไปเที่ยวตามปกติ อย่างน้อยๆ ก็นัดเที่ยวกันอาทิตย์ละครั้ง เพราะช่วงนี้ปิดเทอมอาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนตอนที่เปิดเรียนอยู่
ถึงเพื่อนๆ จะนัดกันไปเที่ยวหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ออสตินก็ยังปฏิเสธที่จะไปด้วยทุกครั้ง อ้างว่าติดธุระบ้างแหละ ติดงานบ้างแหละ ไม่ว่างบ้างแหละ ไม่รู้ว่าจะเหตุผลเยอะไปไหน ตอนนี้เรียกได้ว่าที่ไหนมีฉัน ที่นั่นจะไม่มีออสติน จนบางครั้งมันก็ทำให้ฉันรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ
“นี่กูกำลังเป็นตัวปัญหาใช่มั้ยวะ!” ฉันถามขึ้นด้วยท่าทางเซ็งๆ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้ฉันอดคิดแบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“มึงจะคิดมากไปทำไมวะ” ยัยนาเดียพูดขึ้นมาอย่างปลอบใจฉัน (ฉันรู้สึกได้)
“คริสอย่าคิดมากนะ ตินเขาอาจจะไม่ว่างจริงๆ ก็ได้” ตามด้วยเสียงของยัยไอรินที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ที่ยังคงพูดอย่างให้กำลังใจฉันไม่ต่างกัน
“ถ้าวันไหนมันว่างมันก็คงมาเองแหละ” กวินที่กำลังนั่งมองสาวๆ โต๊ะข้างๆ อยู่ก็หันมาบอกฉัน
“มาๆ ชนแก้วกันหน่อย มึงจะไปคิดมากทำไม” ยัยฮันน่าที่ยืนเต้นอยู่ไกลออกไปก็พูดขึ้นมาซะเสียงดังเชียว สงสัยจะกลัวว่าฉันจะไม่ได้ยิน
เสียงแก้วชนกันดังขึ้นจากนั้นทุกคนก็ยกดื่มกันจนหมดแก้ว อย่างกับคนที่ไม่ได้กินน้ำมาเป็นอาทิตย์
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ทุกคนเริ่มเมาได้ที่กันแล้ว ยัยฮันน่าก็ชวนฉันออกไปเต้น เสียงดนตรีในผับที่เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ทำเอานักท่องราตรีเต้นกันจนลืมเหนื่อย
ในขณะที่ฉันกำลังเต้นอยู่สายตาของฉันก็ดันไปเจอกับใบหน้าที่คุ้นเคยที่นั่งอยู่ไม่ไกล นี่เหรอที่บอกว่าไม่ว่าง! นี่เหรอที่บอกว่าติดงาน! อยู่ๆ คำถามมากมายต่างก็วิ่งเข้ามาในหัวของฉัน คนที่บอกเพื่อนๆ ว่าไม่ว่างแต่ตอนนี้กลับนั่งอยู่กับแฟนตัวเอง และยังมีเพื่อนของยัยไข่มุขนั่งอยู่ด้วยกันอีกเป็นสิบ
สายตานิ่งๆ ของออสตินหันมาสบตากับฉันเพียงแค่เสี่ยววินาที ก่อนที่ออสตินจะหันไปมองทางอื่น ความรู้สึกมากมายกลับถาโถมเข้ามาในใจฉัน นี่ออสตินไม่อยากจะเจอหน้าฉันถึงกับต้องโกหกเพื่อนๆ แบบนี้เลยเหรอ
ฉันยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมด เพื่อดับความรู้สึกมากมายที่อยู่ภายในใจ ก่อนที่ฉันจะเลิกสนใจเรื่องของออสติน แล้วหันมาเต้นกับเพื่อนๆ ต่อโดยไม่คิดที่จะสนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น
ในระหว่างที่ฉันกำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่กับยัยฮันน่า และยัยเดีย ก่อนที่ทั้งสองคนจะไปเข้าห้องน้ำ อยู่ๆ ก็มีผู้ชายร่างกายกำยำเดินเต้นเข้ามาใกล้ๆ ฉัน
ฉันหันไปมองผู้ชายที่ยืนเต้นอยู่ใกล้ๆ ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ พื้นที่ว่างมีตั้งเยอะไม่รู้ว่าจะมาเต้นเบียดฉันทำไม
“นี่! เป็นพวกโรคจิตเหรอ!” ฉันพูดขึ้นเสียงดังเมื่อไอ้ผู้ชายคนเดิมมันมาจับก้นฉัน
“ขายเท่าไหร่เหรอ?” ผู้ชายคนนี้ไม่ได้สนใจในสิ่งที่ฉันพูดไปเลยสักนิด แถมยังมาถามคำถามไร้สาระอีก
“ฉันดูเหมือนขายมากเหรอ!” ฉันถามกลับด้วยสายตาที่เอาเรื่อง
ไร้เสียงตอบกลับ มีเพียงสายตาที่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่แสนจะดูถูก
“แต่งตัวขนาดนี้ใครจะไปเชื่อว่าไม่ขาย หรือคิดจะโก่งราคา” ทั้งสายตาและคำพูดที่ดูถูกฉัน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครมาดูถูกฉันทั้งสายตาและคำพูดแบบนี้เลยสักครั้ง สงสัยจะรู้จักผู้หญิงอย่างคริสตัลน้อยไปซะแล้ว
ฉันกำแก้วเหล้าที่อยู่ในมือเอาไว้แน่นด้วยความโกรธ ความอดทนที่ฉันมีอยู่เริ่มจะหมดลงไปทุกที ก่อนที่ฉันจะยกแก้วเหล้าที่มีน้ำแข็งเพียงไม่กี่ก้อนและน้ำที่มีอยู่เพียงน้อยนิดขึ้นมาแล้วสาดใส่หน้าไอ้ผู้ชายปากไม่ดีคนนี้ทันที
“โอ้ย!” กลับกลายเป็นฉันที่ต้องร้องเสียงหลงออกมา เมื่อไอ้ผู้ชายคนนี้ผลักฉัน จนฉันล้มลงก้นกระแทกพื้นเสียงดัง
“เจ็บตรงไหนมั้ย” อยู่ๆ ออสตินก็วิ่งเข้ามาช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะถามฉันด้วยความเป็นห่วง (ในฐานะเพื่อน) แต่ฉันยังไม่ได้ตอบอะไร ไอ้ผู้ชายโรคจิตก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“มึงเป็นใครวะ มาเกี่ยวอะไรด้วย” ไอ้ผู้ชายคนนั้นถามขึ้นเสียงดัง ตอนนี้ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างหันมามองกันเป็นสายตาเดียว
ผัวะ!!
ออสตินหันไปชกหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นทันที ก่อนที่กวินกับไทเกอร์ที่เป็นเจ้าของผับวิ่งเข้ามาช่วย
ไทเกอร์สั่งให้พนักในร้านลากตัวไอ้ผู้ชายโรคจิตคนนั้นออกไปจากร้านทันที ส่วนฉันยังคงยืนนิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอเจอเข้าจริงๆ มันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ถ้าเกิดไม่มีออสตินกับคนอื่นๆ เข้ามาช่วย ป่านนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
และตอนนี้เหมือนมีใครกำลังจับมือฉันเอาไว้ ก่อนที่ฉันจะหันไปมอง ก็เป็นมือของออสตินที่จับมือฉันไว้ตลอด อยู่ๆ สมองของฉันก็คิดไปถึงเรื่องราวเมื่อก่อน ตอนที่ออสตินยังไม่มีแฟน ออสตินคอยดูแลฉันเป็นอย่างดีไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ฉันเลยซักคน ยิ่งคิดความรู้สึกของฉันมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น จนฉันเผลอใจให้กับเพื่อนสนิทของตัวเอง (ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า)
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย? เจ็บตรงไหนรึป่าว?” หลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยออสตินก็หันมาถามฉันด้วยสายตานิ่งๆ ตามสไตล์
“ไม่” ฉันตอบไปเสียงเบาพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเผื่อว่าออสตินจะไม่ได้ยิน
“เดินกลับโต๊ะเองได้มั้ย หรือจะให้ไปส่ง” ออสตินยังคงถามด้วยความเป็นห่วง (คงจะห่วงในฐานะเพื่อนล่ะมั้ง)
“เดินไปส่งหน่อย” ฉันตอบไปแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าปากไวกว่าความรู้สึกไปอี๊กกก
ดีใจได้ไม่นาน ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ก้าวขาเดินออกไปไหน สายตาของฉันกับออสตินก็ไปเจอกับไข่มุขที่ยืนมองมาที่ฉันกับออสติน ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ก่อนที่นางจะสบัดหน้าแล้วเดินหนีออกไปจากตรงนี้ทันที
บางครั้งฉันก็เข้าใจความรู้สึกนางนะ แต่นางจะไม่เว้นช่องว่างมองฉันกับออสตินในฐานะเพื่อนกันซักหน่อยเหรอ อย่างน้อยๆ ฉันกับตินก็เป็นเพื่อนกัน (ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ต้องการสถานะนี้อีกแล้วก็ตาม)
#ออสตินผมเองก็ต้องยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย ผู้หญิงอะไรไปมีเรื่องกับผู้ชายที่ตัวใหญ่ขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองตัวเล็กนิดเดียวไม่ว่าใครเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องเข้าไปช่วยกันทั้งนั้น และผม…ในฐานะเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์ก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหมือนกัน“เดินกลับโต๊ะเองได้มั้ย หรือจะให้ไปส่ง” ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่เคยเห็นคริสตัลมีเรื่องกับใครมาก่อน ยิ่งเป็นผู้ชายยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย“เดินไปส่งหน่อย” คริสตัลตอบอย่างรวดเร็ว ใบหน้านิ่งๆ แต่สายตาและท่าทางระริกระรี้ยิ่งกว่าปลากระดี่เสียอีกยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปส่งคริสตัส สายตาของผมก็ไปสะดุดกับใบหน้าเรียวสวยของไข่มุข ที่ยืนมองมาที่ผมกับคริสตัลด้วยแววตาที่ไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไปผมรีบตามเธอออกไปทันที โดยที่ผมปล่อยคริสตัลไว้ตรงนั้น เพราะยังไงไข่มุขก็เป็นผู้หญิงที่มีความหมายต่อผมมากที่สุด แต่ผมก็ตามเธอไม่ทันเพราะเธอขึ้นรถไปกับเพื่อนของเธอแล้ว..หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่เกิดเรื่องที่ผับวันนั้น ผมกับไข่มุขก็มีเรื่องให้ทะเลาะกันเกือบทุกวัน จากที่เราเข้าใจกันตลอดแทบจะไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่ตอนนี้เราทะเล
เวลา 03:00 น.“โชนนนน” ยัยฮันน่าพูดขึ้นเสียงยาน ตอนนี้สภาพของแต่ละคนดูแทบไม่ได้ เพราะดื่มกันอย่างต่อเนื่องมาหลายชั่วโมงแล้วมีไอรินกับกวินที่นอนคอพับกอดขวดเหล้าอย่างหมดสภาพ ส่วนคนที่เหลืออยู่สภาพตอนนี้ก็ดูแย่ไม่แพ้กันฉันนั่งมองทุกคนแล้วฉันก็เผลอยิ้มออกมา นานแล้วนะที่ไม่ได้อยู่กันครบแบบนี้ ล่าสุดคงจะเป็นตอนที่ไปเที่ยวเกาะส่วนตัวของออสตินล่ะมั้งอยู่ๆ ฉันก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา ฉันพาตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล เพราะฉันเองก็เมาไม่ต่างจากคนอื่นๆ“จะไปไหนวะ?” เสียงยัยเดียถามฉันทันที เมื่อเห็นฉันยืนขึ้น“จะไปเข้าห้องน้ำ ไปด้วยมั้ย” ฉันตอบพร้อมกับถามกลับอย่างไม่รอช้าไร้เสียงตอบรับจากทั้งสองคน ทั้งยัยเดียและยัยฮันน่าต่างก็ส่ายหน้ากันไปมาแทนคำตอบ“ทำไมมืดจังเลยเนี่ย! รวยก็รวยไม่รู้ว่าจะประหยัดไฟไปเพื่ออะไร” ฉันเดินไปบ่นไปให้กับทางมืดๆ ฉันรีบเข้าห้องน้ำแล้วรีบเดินออกมาล้างหน้าซักหน่อย เผื่อจะสดชื่นขึ้นมาบ้างในขณะที่ฉันกำลังจะเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ฉันก็เจอออสตินที่ยืนขวางทางฉันอยู่ ฉันพยายามเดินหลีกไปอีกทาง แต่ไม่ว่าฉันจะเดินไปทางไหนออสตินก็ขวางทางฉันไว้อยู่ดี“หลบไป!” ฉันพูดไปเพียงสั้นๆ ด้วยน้
เวลา 08:00 น.หลังจากที่ออสตินกลับไป พวกเราก็นั่งดื่มกันต่อจนเผลอหลับ พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็แปดโมงเช้าแล้ว ฉันมองดูสภาพของแต่ละคนที่นอนอยู่แล้วส่ายหน้าไปมา รับไม่ได้กับสภาพของเพื่อนแต่ละคนฉันรีบขับรถกลับคอนโดตัวเองทันที อยากจะอาบน้ำ แล้วนอนพักบนเตียงนุ่มๆ สบายๆ ซักที โชคดีที่คอนโดฉันกับไทเกอร์อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ก็เลยใช้เวลาขับรถไม่นานพอมาถึงห้องฉันก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที ดื่มมาทั้งคืนพึ่งจะได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ทรมานร่างกายสุดๆ“ปวดหัวๆ ไม่น่าห้าวไปดื่มเยอะแบบนี้เลย” หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินบ่นออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสภาพที่ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวแต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อฉันเจอออสตินนั่งหน้าบูดเหมือนตูดลิงอยู่บนโซฟากลางห้อง มาตั้งแต่ตอนไหนฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ อยู่ๆ ก็เข้ามาในห้องฉันแบบนี้ โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันเลยซักคำฉันไม่ได้ตกใจที่ออสตินเข้ามาได้ยังไง เพราะเขาเป็นเพื่อนที่รู้รหัสเข้าห้องของฉัน แต่ตอนนี้ฉันงงมากกว่าว่ามาทำไม“มาทำไม” ฉันถามแบบส่งๆ ไม่ได้สนใจออสตินเท่าไหร่มีเพียงความเงียบ ไร้การตอบรับ ก่อนที่ออสตินจะลุกขึ้นยืนเต็มควา
@ห้างสรรพสินค้าพอมาถึงห้างฯ ยัยเดียกับยัยฮันน่าก็ชวนกันถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีกันแบบรัวๆ เรียกได้ว่าไปที่ไหนก็ต้องเช็กอินให้คนทั้งโซเชียลได้รับรู้ แถมยังตั้งแคปชั่นเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ไปไหนมาไหนเป็นชาติอีกด้วย‘พาเพื่อนรักมาเปิดหูเปิดตา’หลังจากถ่ายรูปลงไอจีกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ยัยฮันน่าก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าช็อปกระเป๋าแบรนด์ดังที่เล็งเอาไว้ทันทีกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ถูกตั้งโชว์เอาไว้ตรงกลางร้านอย่างสวยงาม ซึ่งเวลานี้มันคือสวรรค์ของผู้หญิงอย่างฉันจริงๆ ทำเอาฉันลืมเรื่องออสตินไปอย่างสนิทใจ นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้ออกมาช็อปปิ้งอะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนสายตาของฉันก็แพรวพราวไปหมด กิเลสก็เกิดขึ้นมาทันที“ฉิบหายแล้วงานนี้ สวยทุกสีเลยว่ะ” เสียงยัยฮันน่าที่กำลังลองสะพายกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่อยู่ก็พูดขึ้น สวยทุกสีเลยจริงๆ ตัดสินใจยากแน่งานนี้“สวยจริง เอาคนละสีไปเลยมั้ย เผื่อวันไหนเบื่อจะได้เปลี่ยนกันใช้” ฉันรีบพูดขึ้น เมื่อเห็นว่ากระเป๋ามีอยู่สี่สีพอดี“เออ…ความคิดดี” ยัยเดียรีบเห็นด้วยทันที ก่อนจะหันไปสนใจเลือกกระเป๋ากับยัยฮันน่าต่อ“รินไม่เอานะ” ยัยรินรีบปฏิเสธขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะไม่อยากเ
หลังจากที่ซื้อของเสร็จก็กลับมาที่คอนโดฉันเหมือนเดิม พอมาถึงยัยเดียกับยัยฮันน่าก็พูดเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีอย่างไม่รีรอ“กูว่ามันไม่ใช่แล้ว แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วแหละ” ยัยเดียพูดขึ้นอย่างกับคนที่กำลังใช้ความคิดอยู่“กูก็คิดแบบมึงแหละ แบบนี้มันตั้งใจที่จะมาหาเรื่องกันชัดๆ” ตามด้วยเสียงของยัยฮันน่า ที่พูดเรื่องนี้กันทีไรก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยตลอดเลย (ทั้งๆ ที่คุยกันมาตลอดทาง พอมาถึงก็พูดเรื่องเดิมกันอยู่อีก)“ใช่! แค่เรื่องซื้อกระเป๋าเหมือนกันกูก็ว่ายังพอทนนะ แต่นี่ดันเดินมาพูดจาหาเรื่องมึงที่ร้านเสื้อผ้าอีก” ยัยเดียพูดพร้อมกับหันหน้ามามองฉันด้วยแววตาที่จริงจัง“ถ้าไม่เห็นว่านางเป็นแฟนของไอ้ตินนะ กูเดินไปจิกหัวตบนานแล้ว” ยัยฮันน่าพูดขึ้นมาอย่างโมโห“ใจเย็นๆ ก่อน” ยัยไอรินรีบห้ามเพื่อนสาวทั้งสองคนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มพูดไปไกล และคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนกันแล้ว“กูไม่ใช่แม่พระแบบมึงนะที่จะได้ใจเย็นๆ แล้วให้อภัยคนทั้งโลกได้” ยัยฮันน่ายังคงพูดต่ออย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาดับความร้อนที่มีอยู่ในใจทุกคนต่างก็ดื่มให้กับอารมณ์หงุดหงิดที่มีอยู่
นั่งดื่มกันไปซักพักสถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นไปทุกที ทุกคนเอาแต่นั่งดื่มกันไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยซักคำ ออสตินก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ปรึกษาอะไรเพื่อนเลย จนฉันเองทำตัวไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉัน เหตุการณ์มันก็เลยแย่แบบนี้“กูกลับก่อนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่จะลุกขึ้น ทุกคนต่างก็มองก็มาที่ฉันอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ ฉันก็จะกลับแบบนี้“นั่งลง” ออสตินบอกพร้อมกับดึงแขนฉันให้นั่งลงที่เดิม (อยู่ๆ ใจฉันก็สั่นขึ้นมาซะงั้น นานแล้วนะที่ออสตินไม่ได้แตะตัวฉันแบบนี้) ฉันมองหน้าออสตินด้วยความแปลกใจ (นี่มันไปกินยามาผิดรึป่าววะเนี่ย!)“มึงจะกลับทำไม กลับไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมาหรอก” ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ ตามสไตล์ จนฉันไม่กล้าพูด ไม่กล้าถามอะไร“งี่เง่าอีกแล้วเหรอวะ” อยู่ๆ ไอ้วินก็หันมาถามออสติน จนฉันงงไปหมดแล้ว ฉันก็นั่งของฉันอยู่เฉยๆ นี่จะมาว่าฉันงี่เง่าหรอ!“อืม” นี่ก็อีกคน ตอบสั้นๆ ไปแบบไม่คิดอะไรเลยซักนิด แล้วยังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ฉันไม่ทนหรอกนะจะมาว่าฉันงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้!“กูไม่ได้งี่เง่านะ” ฉันหันไปสะกิดแขนไอ
ฉันกับเพื่อนๆ เดินออกมาถึงลานจอดรถ ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนต่างก็เมากันไปบ้างแล้ว กว่าจะเดินออกมาได้ก็ใช้เวลากันพอสมควร เพราะคนในผับค่อนข้างเยอะ จนแทบจะไม่มีทางเดินออกมาแต่พอมาถึงก็เจอกับพวกผู้ชายขับรถมาจอดรออยู่หน้าลานจอดรถแล้ว“มีรถสามคัน จะไปคันไหนรีบเลือกเลย” ไอ้วินที่เปิดกระจกรถค้างไว้รีบพูดขึ้น พร้อมกับมีรถอีกสองคันจอดต่อท้ายอยู่ คงจะไม่พ้นที่จะเป็นรถของไอ้เกอร์ กับรถของออสตินหรอก“เออๆ แป๊บนึงๆ” ยัยฮันน่าหันไปบอกไอ้วิน ก่อนที่จะหันมาตกลงกันว่าใครจะไปรถคันไหนกันบ้าง“มึงไปกับไอ้เกอร์” ยัยเดียหันไปบอกยัยรินที่เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา“รินไปกับวินดีกว่า” ยัยรินที่ยืนเงียบอยู่ก็รีบปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นมาทันที ทำเอาต่อมสงสัยฉันทำงานอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ทำไมยัยรินถึงไม่อยากจะไปกับไอ้เกอร์ขนาดนั้น แบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรกันแน่นอน ฉันต้องรู้ให้ได้“ทำไม หรือว่ามึงสองคนมีเรื่องอะไรกัน” ยัยเดียถามขึ้นอย่างไม่รอช้า ทำเอาทุกคนต่างมองหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ“ปะ ป่าว…รินไปก็ได้” ยัยรินอ้ำอึ้ง เหมือนตอนแรกอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับไม่พูด (ยอมง่ายๆ ซะงั้น) ทำเอาฉันเซ็
นั่งดื่มกันไปได้สักพักออสตินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเครื่องด้วยความหงุดหงิดแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของไอ้เกอร์จะดังขึ้นมา“ใครโทรมาวะ” ยัยเดียถามขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่ทุกคนกำลังดูหนังด้วยกันอยู่“ไม่ต้องรับ” ยังไม่ทันที่ไอ้เกอร์จะได้ตอบอะไร เสียงออสตินก็ดังขึ้นมาแต่สายตายังคงจ้องมองทีวีอยู่ตอนแรกทุกคนดื่มกันไป ดูหนังกันไปในห้องรับแขก แต่ตอนนี้ทุกคนกลับหันมาให้ความสนใจไอ้เกอร์แทน จะมีก็แต่ออสตินที่ยังดูหนังอยู่อย่างไม่สนใจเหตุการณ์นี้“มึงจะไม่ให้กูรับสายจริงๆ เหรอ” ไอ้เกอร์หันไปถามออสตินทันที ปกติจะเห็นออสตินรับสายนางตลอดนะ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่อยากจะรับสายนางก็ไม่รู้“มึงลองรับสายดูสิ แล้วมึงจะเข้าใจ” ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และยังคงไม่หันมามองเพื่อนๆ“ครับน้องมุข” ไอ้เกอร์ไม่รอช้ารีบกดรับสายทันที มันคงอยากจะรู้แหละว่านางโทรมาทำไม ทุกคนต่างเงียบและตั้งใจฟังกันอย่างพร้อมเพรียง (ไม่ค่อยจะสอดรู้สอดเห็นซักเท่าไหร่หรอก)(พี่เกอร์อยู่กับพี่ตินรึป่าวคะ) ปลายสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับคนกำลังร้องไห้อยู่“อยู่ครับ” ไทเกอร์คนดีบอกไปตามตรง ไม่มีการโกหกแต่อย่างใ
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงพี่สาวของไข่มุขก็บอกอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยน้องสาว แต่ก็ต้องหาวันว่างๆ แล้วค่อยนัดกันอีกที เพราะวันนี้ไข่มุขเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะไปกินข้าวกันวันนี้คงจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ทุกคนก็ตกลงเห็นด้วย ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่พี่สาวของไข่มุขจะขอตัวกลับเพื่อพาน้องสาวไปพัก“ไปหาอะไรกินกันมั้ยวะ หิวแล้ว” ฮันน่าพูดขึ้นเพราะกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็เป็นช่วงเย็นพอดี ก็ทำเอาทุกคนหิวไม่ต่างกัน“ดีเหมือนกัน กูก็เริ่มหิวแล้ว” ตามด้วยเสียงนาเดียพูดขึ้นที่ดูท่าจะหิวไม่ต่างกัน“ไปก็ไป” กวินตามใจสาวๆ อย่างขัดไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปด้วย มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ สาวๆ ยิ่งเอาแต่ใจกันอยู่ด้วย“จะไปกินร้านไหนวะ” คริสตัลถามขึ้นอย่างไม่รอช้า“ไปร้านอาหารแถวคอนโดมึงก็ได้ กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ” ฮันน่ารีบตอบทันทีดูท่าแล้วน่าจะหิวหนักกว่าใครคนอื่น“งั้นก็ไปเจอกันที่ร้านxxx” ออสตินที่รู้จักร้านอาหารที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี ก็รีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือคริสตัลแล้วเดินจูงมือเธอตรงไปที่รถทันที“อีคริสมันไม่ได้ตาบอดนะ ทำไมต้องจั
ออสตินกับคริสตัลมาถึงยังสถานที่ที่ไข่มุขบอกเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่มากันครบหมดทุกคน เพราะคริสตัลได้โทรบอกเพื่อนให้ออกมาช่วยกันก่อนที่เธอจะออกมา“ทำไมไม่เห็นมีใครเลยวะ” นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้าย มองขวาอย่างสำรวจซอยเปลี่ยวที่เงียบและไร้ผู้คนจนดูน่ากลัว“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจนทุกคนหันไปมองหน้ากัน คิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไข่มุกแน่ๆเอี๊ยด!เสียงรถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะปรากฎร่างกายกำยำของชายชุดดำสามคนที่กำลังเดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปกระชากหญิงสาวที่อยู่กับชายชุดดำอีกคนให้รีบเดินตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่“รีบเดินหน่อยสิวะ!” ชายชุดดำที่ดูน่ากลัวตะคอกบอกไข่มุขเสียงดัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง“ขึ้นไปอยู่บนรถกันก่อนนะ” ออสตินบอกกับคริสตัลด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเป็นอันตราย“เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” กวินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พร้อมกับมีออสตินและไทเกอร์เดินตามมาด้วยสาวๆ รีบวิ่งขึ้นไปอยู่บนรถอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครบ่นเลยซักคำ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับไปจนหมด ตอนนี้ภายในห้องก็มีแค่คริสตัลกับออสตินเพียงสองคน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยกับหญิงสาวเลยซักคำ“หิวมั้ย” คริสตัลถามขึ้นเมื่อบรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบเกินไป“….”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ภายในห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่เหมือนเดิม“ออกไปหาอะไรกินมั้ย” หญิงสาวยังคงถามต่อ พยายามถาม พยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ก็ไม่เป็นผล“….”ไม่ว่าเธอจะถาม จะพูดอะไร ชายหนุ่มเอาแต่งอนไม่ยอมตอบเธอเลยซักอย่าง“เป็นอะไร…” คริสตัลเดินเข้าไปถามชายหนุ่มใกล้ๆ แต่ออสตินก็เงียบ ไม่สนใจ แถมเขายังเดินหนีเข้าไปอาบน้ำอีกด้วยคริสตัลรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มนั้นล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“รีบออกมาน๊าาา” คริสตัลไม่ยอมแพ้ ถึงจะเข้าไปในห้องน้ำด้วยไม่ได้ เธอก็ตะโกนบอกเขาเสียงดังอย่างไม่ลดละความพยายามลงเลยซักนิดออสตินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวหนาเอาไว้ร่างหนาเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่สนใจ ถึงแม้เธอจะเดินตามง้อเขาแทบจะทุกฝีก้าวก็ตาม“หายงอนเถอะนะ” คริสตัลพูดพร้อมกับโอบกอดเอวหนา
สองวันต่อมาคริสตัลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้อง ฮันน่ากับกวินก็นั่งกินขนมกันอยู่ไม่ไกล ส่วนไอรินกับไทเกอร์ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องของคริสตัลได้กลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนไปแล้ว จะขาดก็แต่นาเดียที่ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาซักที“ดูอะไรอยู่เหรอ” ออสตินถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คริสตัลอย่างเคยชินเหมือนที่เคยทำอยู่ตลอด“ก็ดูไปเรื่อยแหละ” คริสตัลตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองออสตินก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเล่นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ“ถามอะไรหน่อยสิ” ร่างหนาถามขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว รอดูว่าเธอจะหันมามองเขาอีกหรือเปล่า“อะไรเหรอ” หญิงสาวถามออกมา แต่เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยซักนิด“ไม่คิดอะไรจริงเหรอ” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงหนุนตักหญิงสาวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมกับถามเธอออกมา“คิดเรื่องอะไร” คริสตัลก้มมองหน้าออสตินนิ่งๆ ก่อนที่เธอจะถามออกมา พร้อมกับทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังถามเรื่องอะไรอยู่“ก็เรื่องที่ไข่มุขยังมาวนเวียนมาอยู่แบบนี้ไง” ออสตินถามไปด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดมากเรื่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่ที่ออสตินกับคริสตัลเปิดตัวว่าคบกันออกสื่ออย่างเป็นทางการ ชีวิตของทั้งสองคนก็ดูมีความสุขมากขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างก็สบายใจไปด้วย ไม่มีอะไรที่จะอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ออสตินได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคริสตัลอย่างถาวร เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากจะย้ายไปอยู่ในห้องที่ชายหนุ่มเคยอยู่กับแฟนเก่ามาก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจและตามใจหญิงสาวทุกอย่างตลอดทั้งอาทิตย์ออสตินกับคริสตัลก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาคลุกอยู่ที่ห้องของคริสตัลเป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน“เรื่องน้องมุขเป็นไงบ้างวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย“ก็โดนตามขู่อยู่เหมือนเดิมแหละ” ไทเกอร์ตอบไปด้วยท่าทางนิ่งๆ“แรกๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านางจะโดนคุกคามจริงๆ นึกว่านางสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจซะอีก” ฮันน่าพูดออกมาตามตรง เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่วันนั้นกูไปเห็นมากับตา แม่งโดนทำลายด้วย โชคดีที่เข้าไปช่วยทัน” ไทเกอร์พูดถึงวันที่เอาเงินไปแล้วเห็นว่าไข่มุขกำลังโดนขู่ โชคดีที่เขาเอาเงินไปให้เธอทันเวลาพอ
เข้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก่อนหลังจากที่เพิ่งจะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ถ้าเขาไม่รับก็กลัวว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่นเสียก่อน“มีอะไรวะ” ออสตินถามเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น ทั้งๆ ที่ในใจเขาตอนนี้อยากจะด่าออกไปให้มันจบๆ(ฮ่าฮ่าฮ่า) ไม่มีเสียงพูดตอบกลับใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของไทเกอร์ที่ดังขึ้นมาอย่างพอใจ ก่อนที่ปลายสายจะกดวางสายไปเอง“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างก็แล้วกัน” ออสตินพูดออกมาด้วยความโกรธที่โดนแกล้งตอนเช้าแบบนี้ ชายหนุ่มรีบปิดเครื่องแล้วนอนกอดร่างบางต่อทันที“มีอะไรเหรอ” คริสตัลงัวเงียถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของออสติน“ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอขาวอย่างไม่รอช้า“อือออ…ขอพักก่อนได้มั้ย” หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะพึ่งจะได้พักเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง“นอนพักเลย…เดี๋ยวทำเอง” ออสตินกระซิบบอกที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย หญิงสาวได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่มีแม้แรงจะห้าม จึงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจตัวเองร่างหนาทาบทับร่างสวยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักครั้งใหม่กับเธออีกครั้ง..ช่ว
ออสตินเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคริสตัลกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พอได้อยู่กันสองคนในสถานะที่เปลี่ยนไปจากเพื่อน ทั้งสองคนก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนแล้วสายตาคมก็เหลือบไปเห็นหมอนกับผ้าห่มที่วางอยู่บนโซฟาข้างๆ เตียงนอน คงจะเป็นเจ้าของห้องที่เตรียมเอาไว้ให้แน่ๆ ชายหนุ่มไม่สนใจโชฟา เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงพลางเช็ดผมไปด้วย“พรุ่งนี้วันหยุด อยากไปเที่ยวที่ไหนมั้ย” เป็นคำถามที่สุดแสนจะธรรมดาแต่กลับทำให้คนฟังใจสั่นได้“ทำไม จะชวนไปเดทเหรอ” คริสตัลแกล้งถามด้วยท่าทางกวนๆ กลบเกลื่อนอาการประหม่า“ใช่ เดทแบบจริงจัง”“แล้วที่ผ่านมาไม่จริงจังเหรอ”“ก็จริงจังมาตลอด แต่มีบางคนไม่เคยจะมองเห็น”ชายหนุ่มเอาผ้าเช็ดผมคล้องคอตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลานไปหาหญิงสาวที่อยู่หัวเตียงอย่างช้าๆ“ตกลงไปคุยอะไรกันมา ยังไม่เล่าเลยนะ” คริสตัลถามไปแก้เขิน ตอนนี้ร่างกำยำมาถึงตัวเธอแล้ว“หึงเหรอ”“ใครหึง มีอะไรต้องหึง” เพราะเธอรู้เรื่องหมดแล้วไงหล่ะ“ถ้าไม่หึง ก็แสดงว่าเขิน ดูสิหน้าแดงหมดเลย” ชายหนุ่มจับแก้มหญิงสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เล่ามาได้แล้ว ”คนเขินแทบบ้าแ
ทางด้านหนุ่มๆ ที่ไม่ได้ไปเดินห้างกับสาวๆ ก็พากันเข้ามาที่สนามแข่งรถของกวิน“กูว่ารถคันนี้ดูเหมาะกับมึงนะ”กวินป้ายยาเพื่อนทันทีที่เห็นรถเข้ามาใหม่ และเป็นสไตล์ที่เพื่อนชอบ“เหรอ” ออสตินถามกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ ตามสไตล์ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้สึกสนใจรถตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าโรงจอดรถที่บ้านมันเต็มลิมิตจนไม่มีที่จะจอด เขาคงซื้อไปแล้ว“ซื้อเอาไว้ซักคันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” กวินพูดสนับสนุนเพื่อนไม่ยอมหยุด“มึงจะบอกให้มันซื้อไปอีกทำไม รถมันเยอะกว่ารถที่อยู่โชว์รูมมึงอีก” ไทเกอร์พูดแทรกขึ้นทันทีในขณะที่สามหนุ่มกำลังคุยเรื่องรถกันอยู่ หญิงสาวที่หายหน้าหายตาไปหลายวันก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ทุกข์ใจ“พี่ติน” ไข่มุขเอ่ยชื่อออสตินเสียงเบา บ่งบอกถึงความกระดากอายอยู่ไม่น้อย“มีอะไร” ออสตินถามกลับไปตามมารยาท เมื่อเห็นอีกฝ่ายใบหน้าดูเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด“มุขขอคุยกับพี่ตินหน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวมองหน้าออสตินอย่างอ้อนวอน“อืม” ออสตินตอบไปเพียงสั้นๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินนำออกไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านออสตินเดินตามหญิงสาวออกไป เพราะดูแล้วเธอคงจะมีเรื่องลำบากใจอะไรซักอย่าง ที่จะมาขอให้เขาช่วย“มี
การเผื่อใจเริ่มมีเปอร์เซ็นต์เป็นจริงเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อหลายวันที่ผ่านมาออสตินทำดีกับคริสตัลอยู่ตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก แต่ในระหว่างนี้ก็ทำเอาหญิงสาวอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าพี่หมอหายไปไหน ไม่เห็นติดต่อมาหลายวันแล้ว พอเธอเข้าไปดูไอจีก็ไม่เห็นว่าพี่หมอจะอัพเดตอะไร ล่าสุดที่ลงก็เป็นรูปตั๋วหนังที่ไปดูกับเธอ ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เคลียร์กัน“ตกลงมึงจะเอายังไงกับพี่หมอวะ” เสียงนาเดียถามขึ้น ในตอนที่ผู้ชายไม่ได้อยู่ด้วย“นั่นดิ! น่าเสียดายคนดีๆ แบบพี่หมออะ” ตามด้วยฮันน่าที่พูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางเสียดายสุดๆ“ถ้าเสียดายมึงก็ไปจีบสิ!” นาเดียรีบแนะนำแบบติดตลก ไม่คิดว่าเพื่อนจะคิดจริง“เป็นความคิดที่ดี เดี๋ยวกูจะใช้ร่างกายรักษาแผลใจให้พี่หมอเอง” ฮันน่าทั้งพูด ทั้งทำท่าเซ็กซี่แบบสุดๆ“พักก่อนค่ะเพื่อน กูแค่พูดเล่น แล้วมึงก็ไม่ใช่เสปคพี่หมอ”นาเดียพูดดับฝันเพื่อนทันที“แต่กูจริงจังนะ”“ปล่อยให้พี่หมอไปเจอคนที่ปกติเถอะ” นาเดียพูดอย่างสงสารพี่หมอ“แล้วกูไม่ปกติตรงไหนวะ” ฮันน่ารีบเถียงทันที สวยขนาดนี้ รวยขนาดนี้ ไม่ปกติตรงไหน“ทุกตรงค่ะ” นาเดียดับฝันของฮันน่าอีกครั้