ปัง! ปัง! ปัง!
“โอ้ย…ใครวะ” ฉันตะโกนถามออกไปเสียงดังด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับเดินไปเปิดประตูอย่างคนที่ไร้วิญญาณ คนยิ่งปวดหัว อยากจะนอนพักให้เต็มอิ่ม แต่ก็ดันมีคนมาขัดจังหวะเวลานอนซะงั้น
“ซวยแล้วๆ”
เพื่อนทุกคนต่างพูดโวยวายเข้ามาในห้องกันเสียงดัง แต่มีเหรอที่ฉันจะสนใจ ฉันทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ ต่อทันที ก็คนมันง่วงอะนะ
“ลุกขึ้นมาเลยนะ มึงรู้มั้ยว่าตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว” เสียงแหลมๆ ของยัยฮันน่าพูดด้วยท่าทางตื่น
“เรื่องอะไร” ฉันที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงก็ถามออกมาอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก
“ไอ้ตินกับแฟนทะเลาะกันใหญ่แล้ว”
ยังไม่ทันที่ยัยเดียจะพูดจบฉันก็ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับมองหน้าเพื่อนๆ ด้วยความดีใจอยู่ลึกๆ และอยู่ๆ ฉันก็สึกว่าโลกนี้มันสดใสน่าอยู่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูสวยงามไปหมด
“มึงไม่ต้องมาทำหน้าดีใจเลยนะ” เป็นยัยฮันน่าที่รู้ทันฉันตลอดเลย คนกำลังมีความสุขไม่รู้จะมาขัดทำไม
“ใครดีใจ มึงจะบ้าเหรอ!” ฉันตอบไปแบบส่งๆ ซึ่งมันก็ขัดกับความเป็นจริงเป็นอย่างมาก
“มึงเป็นตัวต้นเหตุแท้ๆ ยังจะมาดีใจอีก” ตามด้วยเสียงยัยเดีย ตอนนี้ทั้งยัยฮันน่า และยัยริน ทุกคนต่างมองหน้าฉันอย่างกับว่าฉันไปฆ่าใครตายอย่างไงอย่างงั้นแหละ
“อะไร! ทำไมพวกมึงต้องมองหน้ากูแบบนี้ ใครเป็นต้นเหตุ กูไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วกูไปเกี่ยวอะไรด้วย” ฉันถามกลับด้วยความงงๆ คนพึ่งจะตื่น จะมาโยนความผิดให้ฉันไม่ได้นะ
ฉันรีบทุกขึ้นเดินหนีจากตรงนี้ทันที รู้สึกเหมือนมีอะไรบ้างอย่างที่น่ากลัวก็ไม่รู้
“มึงจะไปไหน!” ยัยฮันน่าถามขึ้นพร้อมกับจับตัวฉันให้นั่งลงบนเตียงเหมือนเดิม
“มาจับกูไว้ทำไม กูไม่เกี่ยว กูจะไปอาบน้ำ” ฉันพูดไปตามความรู้สึก ก็ฉันไม่เกี่ยวจริงๆ อะ
“จ้ะ! ไม่เกี่ยว มึงดูนี่ก่อน” ยัยฮันน่าพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันดู
“ดูให้ชัดๆ ดูให้เต็มตาเลยนะ!” ยัยเดียพูดเน้นย้ำเหมือนกับมีอะไรบางอย่าง
ฉันมองคลิปที่ยัยฮันน่าเป็นคนไลฟ์สดเมื่อคืน ดูแล้วก็สงสารตัวเอง สภาพฉันตอนเมาทำไมมันถึงได้แย่ขนาดนี้ รับไม่ได้เลยจริงๆ แล้วนี่มันไปไลฟ์สดตอนไหนทำไมฉันถึงจำไม่ได้เลย
ในขณะที่ฉันกำลังนั่งสมเพชสภาพตัวเองอยู่ฉันก็ได้ยินคำถามที่เพื่อนๆ ถามฉัน ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงของฉันที่ตอบพวกมันอย่างชัดเจน ตอนนี้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ ไม่อยากเจอใครอีก โลกที่สดใสก่อนหน้าตอนนี้กลับมืดมน เพียงเพราะทำพูดไม่กี่คำของฉันเอง
“จะเอายังไงต่อวะ จะอยู่ต่อหรือจะกลับ” เสียงของกวินที่เดินเข้ามากับไทเกอร์ถามขึ้น
“มีเรื่องอะไรอีก” ยัยเดียถามขึ้นอย่างสงสัย
“คือไอ้ตินกับน้องมุขจะกลับวันนี้” กวินรีบตอบทันที
ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่รอช้า ตอนนี้ทุกอย่างกำลังพังเพราะฉัน…เพราะฉันเป็นตัวต้นเหตุ
“มึงรู้อะไร เล่ามาให้หมดเลยนะ!”
ถึงฉันจะอยู่ในห้องน้ำแต่ฉันก็ได้ยินในสิ่งที่เพื่อนๆ พูดกันอย่างชัดเจน
“คืองี้ ไอ้ตินมันถูกน้องมุขบอกเลิก เพราะเรื่องเมื่อคืน แล้วน้องมุขก็คิดว่าคลิสกับไอ้ตินต้องมีอะไรกันมากกว่าเพื่อนแน่ๆ” กวินอธิบายให้ทุกคนฟัง
“นางคิดมากไปเองรึป่าววะ เพื่อนกันจะมีอะไรกันได้ยังไง”
ยัยฮันน่าพูดอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่แฟนของออสตินคิด แต่ประโยคหลังทำเอาไอรินถึงกับสะดุ้ง เพราะเธอพลาดไปมีอะไรกับเพื่อนในกลุ่มไปแล้ว
ใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน ฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เพื่อนทุกคนต่างอยู่ในห้องของฉันเหมือนเดิมไม่ไปไหน และเป็นจัังหวะเดียวกับที่ออสตินเดินเข้ามาในห้อง
“มีอะไรวะ” ไทเกอร์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าออสตินดูรีบกว่าทุกครั้ง
“กูเอากุญแจเรือมาให้…” ออสตินหันมามองฉันที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนที่จะหันไปมองไทเกอร์
“กูจะกลับก่อน ถ้าพวกมึงอยากอยู่ต่อก็อยู่ได้เลย ตามสบาย” พูดจบออสตินก็เดินออกไป โดยที่ไม่หันมามองหน้าฉันอีกเลย
“เอาไงต่อวะ” เป็นเสียงยัยเดียที่ถามขึ้นมา
“อยู่ต่ออีกสักวันดีกว่า กลับไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก” กวินเสนอความคิดขึ้นมา ไหนๆ ก็ได้มาแล้วอยู่ต่ออีกสักวันคงไม่เป็นไรหรอก
“ก็ดีเหมือนกัน งั้นตามนี้เลยนะ” ยัยฮันน่าพูดพร้อมรอยยิ้ม
เวลา 20:00 น.
วันนี้ทั้งวันฉันแทบไม่ได้ออกจากห้องไปไหน เกิดมาฉันยังไม่เคยคิดมากอะไรแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ฉันนั่งอ่านคอมเมนท์ของหลายๆ คน ที่สาปแช่งฉันกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนฉันสำนึกผิดแทบไม่ทัน
ฉันเดินลงไปข้างล่างอย่างคนไร้เรี่ยวแรง มันเหนื่อยจนฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดี
“ทำหน้าให้สดชื่นๆ หน่อยดิวะ” ยัยเดียที่กำลังนั่งดื่มอยู่ก็ทักฉันขึ้นมาทันที
ฉันไม่ตอบอะไร ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆ ยัยเดียแล้วรับแก้วเหล้าจากฮันน่าที่ยื่นมาให้ ฉันกระดกเหล้าในแก้วจนหมด ราวกับคนกระหายน้ำมาเป็นปี
“กูผิดมากเลยใช่มั้ยวะ! กูแค่บอกว่าชอบ กูยังไม่ได้แย่งเลยด้วยซ้ำ”
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ฉันนั่งดื่มกับเพื่อนแก้วแล้วแก้วเล่า ก่อนที่ฉันจะพูดประโยคนี้ขึ้นมา ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ถึงกับเงียบ
“มันไม่ผิดหรอก ถ้าคนที่มึงชอบไม่ใช่เพื่อนสนิท มึงลองคิดดูว่าต่อไปนี้พวกมึงจะมองหน้ากันยังไงเวลาเจอกัน” ยัยเดียพูดตามความเป็นจริง ทุกคนต่างคิดหนักเป็นห่วงทั้งฉันและออสติน
จากนั้นทุกคนก็นั่งดื่มกันต่อจนเมากันได้ที่แล้ว
“เดี๋ยวกูโทรหาไอ้ตินก่อน ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง” ไทเกอร์พูดขึ้นก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาออสติน
“ไม่รับว่ะ”
ไม่ว่าจะโทรไปกี่สาย ออสตินก็ไม่ยอมรับสายจากเพื่อนๆ เลยสักครั้ง ไทเกอร์เลยกดเข้าไปดูไอจีว่าออสตินได้โพสต์อะไรบ้างรึป่าว แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหว มีเพียงไข่มุขที่เป็นคนโพสต์รูปหัวใจที่แตกสลาย
เพื่อนทุกคนต่างมองหน้าฉัน เป็นสายตาเดียวกัน แต่กลับไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคน
“กูต้องโทรไปเคลียร์กับนางมั้ย?” ฉันถามขึ้นเมื่อทุกคนยังมองฉันอยู่
“เงียบไปก่อนดีกว่า” กวินพูดขึ้น
“กูก็ว่างั้น รอดูสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยคิดหาทางออก” ตามด้วยเสียงของฮันน่าที่คิดเหมือนกันกับกวิน
“รินเข้าใจความรู้สึกน้องมุขนะ ตอนนี้น้องมุขอาจจะคิดมาก เพราะเห็นว่าคริสกับตินอยู่ด้วยกันตลอด” ไอรินพูดขึ้นอีกเสียง
“มึงก็อย่าพึ่งไปคิดมากอะไร” ยัยเดียรีบพูดให้กำลังใจฉัน
“กูไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้จะได้เก็บของกลับแล้ว” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ ฉันเข้าใจความรู้สึกทุกคนนะ เพราะไม่ว่าตินหรือฉันต่างก็เป็นเพื่อนกัน ทุกคนคงจะคิดมากไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่หรอก…
หนึ่งเดือนต่อมา@TK PUB (ผับของไทเกอร์)หลังจากไปเที่ยวทะเลกลับมาเพื่อนๆ ก็นัดกันไปเที่ยวตามปกติ อย่างน้อยๆ ก็นัดเที่ยวกันอาทิตย์ละครั้ง เพราะช่วงนี้ปิดเทอมอาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนตอนที่เปิดเรียนอยู่ถึงเพื่อนๆ จะนัดกันไปเที่ยวหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ออสตินก็ยังปฏิเสธที่จะไปด้วยทุกครั้ง อ้างว่าติดธุระบ้างแหละ ติดงานบ้างแหละ ไม่ว่างบ้างแหละ ไม่รู้ว่าจะเหตุผลเยอะไปไหน ตอนนี้เรียกได้ว่าที่ไหนมีฉัน ที่นั่นจะไม่มีออสติน จนบางครั้งมันก็ทำให้ฉันรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ“นี่กูกำลังเป็นตัวปัญหาใช่มั้ยวะ!” ฉันถามขึ้นด้วยท่าทางเซ็งๆ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้ฉันอดคิดแบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ“มึงจะคิดมากไปทำไมวะ” ยัยนาเดียพูดขึ้นมาอย่างปลอบใจฉัน (ฉันรู้สึกได้)“คริสอย่าคิดมากนะ ตินเขาอาจจะไม่ว่างจริงๆ ก็ได้” ตามด้วยเสียงของยัยไอรินที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ที่ยังคงพูดอย่างให้กำลังใจฉันไม่ต่างกัน“ถ้าวันไหนมันว่างมันก็คงมาเองแหละ” กวินที่กำลังนั่งมองสาวๆ โต๊ะข้างๆ อยู่ก็หันมาบอกฉัน“มาๆ ชนแก้วกันหน่อย มึงจะไปคิดมากทำไม” ยัยฮันน่าที่ยืนเต้นอยู่ไกลออกไปก็พูดขึ้นมาซะเสียงดังเชียว สงสัยจะกลัวว่าฉัน
#ออสตินผมเองก็ต้องยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย ผู้หญิงอะไรไปมีเรื่องกับผู้ชายที่ตัวใหญ่ขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองตัวเล็กนิดเดียวไม่ว่าใครเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องเข้าไปช่วยกันทั้งนั้น และผม…ในฐานะเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์ก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหมือนกัน“เดินกลับโต๊ะเองได้มั้ย หรือจะให้ไปส่ง” ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่เคยเห็นคริสตัลมีเรื่องกับใครมาก่อน ยิ่งเป็นผู้ชายยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย“เดินไปส่งหน่อย” คริสตัลตอบอย่างรวดเร็ว ใบหน้านิ่งๆ แต่สายตาและท่าทางระริกระรี้ยิ่งกว่าปลากระดี่เสียอีกยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปส่งคริสตัส สายตาของผมก็ไปสะดุดกับใบหน้าเรียวสวยของไข่มุข ที่ยืนมองมาที่ผมกับคริสตัลด้วยแววตาที่ไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไปผมรีบตามเธอออกไปทันที โดยที่ผมปล่อยคริสตัลไว้ตรงนั้น เพราะยังไงไข่มุขก็เป็นผู้หญิงที่มีความหมายต่อผมมากที่สุด แต่ผมก็ตามเธอไม่ทันเพราะเธอขึ้นรถไปกับเพื่อนของเธอแล้ว..หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่เกิดเรื่องที่ผับวันนั้น ผมกับไข่มุขก็มีเรื่องให้ทะเลาะกันเกือบทุกวัน จากที่เราเข้าใจกันตลอดแทบจะไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่ตอนนี้เราทะเล
เวลา 03:00 น.“โชนนนน” ยัยฮันน่าพูดขึ้นเสียงยาน ตอนนี้สภาพของแต่ละคนดูแทบไม่ได้ เพราะดื่มกันอย่างต่อเนื่องมาหลายชั่วโมงแล้วมีไอรินกับกวินที่นอนคอพับกอดขวดเหล้าอย่างหมดสภาพ ส่วนคนที่เหลืออยู่สภาพตอนนี้ก็ดูแย่ไม่แพ้กันฉันนั่งมองทุกคนแล้วฉันก็เผลอยิ้มออกมา นานแล้วนะที่ไม่ได้อยู่กันครบแบบนี้ ล่าสุดคงจะเป็นตอนที่ไปเที่ยวเกาะส่วนตัวของออสตินล่ะมั้งอยู่ๆ ฉันก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา ฉันพาตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล เพราะฉันเองก็เมาไม่ต่างจากคนอื่นๆ“จะไปไหนวะ?” เสียงยัยเดียถามฉันทันที เมื่อเห็นฉันยืนขึ้น“จะไปเข้าห้องน้ำ ไปด้วยมั้ย” ฉันตอบพร้อมกับถามกลับอย่างไม่รอช้าไร้เสียงตอบรับจากทั้งสองคน ทั้งยัยเดียและยัยฮันน่าต่างก็ส่ายหน้ากันไปมาแทนคำตอบ“ทำไมมืดจังเลยเนี่ย! รวยก็รวยไม่รู้ว่าจะประหยัดไฟไปเพื่ออะไร” ฉันเดินไปบ่นไปให้กับทางมืดๆ ฉันรีบเข้าห้องน้ำแล้วรีบเดินออกมาล้างหน้าซักหน่อย เผื่อจะสดชื่นขึ้นมาบ้างในขณะที่ฉันกำลังจะเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ฉันก็เจอออสตินที่ยืนขวางทางฉันอยู่ ฉันพยายามเดินหลีกไปอีกทาง แต่ไม่ว่าฉันจะเดินไปทางไหนออสตินก็ขวางทางฉันไว้อยู่ดี“หลบไป!” ฉันพูดไปเพียงสั้นๆ ด้วยน้
เวลา 08:00 น.หลังจากที่ออสตินกลับไป พวกเราก็นั่งดื่มกันต่อจนเผลอหลับ พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็แปดโมงเช้าแล้ว ฉันมองดูสภาพของแต่ละคนที่นอนอยู่แล้วส่ายหน้าไปมา รับไม่ได้กับสภาพของเพื่อนแต่ละคนฉันรีบขับรถกลับคอนโดตัวเองทันที อยากจะอาบน้ำ แล้วนอนพักบนเตียงนุ่มๆ สบายๆ ซักที โชคดีที่คอนโดฉันกับไทเกอร์อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ก็เลยใช้เวลาขับรถไม่นานพอมาถึงห้องฉันก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที ดื่มมาทั้งคืนพึ่งจะได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ทรมานร่างกายสุดๆ“ปวดหัวๆ ไม่น่าห้าวไปดื่มเยอะแบบนี้เลย” หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินบ่นออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสภาพที่ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวแต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อฉันเจอออสตินนั่งหน้าบูดเหมือนตูดลิงอยู่บนโซฟากลางห้อง มาตั้งแต่ตอนไหนฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ อยู่ๆ ก็เข้ามาในห้องฉันแบบนี้ โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันเลยซักคำฉันไม่ได้ตกใจที่ออสตินเข้ามาได้ยังไง เพราะเขาเป็นเพื่อนที่รู้รหัสเข้าห้องของฉัน แต่ตอนนี้ฉันงงมากกว่าว่ามาทำไม“มาทำไม” ฉันถามแบบส่งๆ ไม่ได้สนใจออสตินเท่าไหร่มีเพียงความเงียบ ไร้การตอบรับ ก่อนที่ออสตินจะลุกขึ้นยืนเต็มควา
@ห้างสรรพสินค้าพอมาถึงห้างฯ ยัยเดียกับยัยฮันน่าก็ชวนกันถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีกันแบบรัวๆ เรียกได้ว่าไปที่ไหนก็ต้องเช็กอินให้คนทั้งโซเชียลได้รับรู้ แถมยังตั้งแคปชั่นเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ไปไหนมาไหนเป็นชาติอีกด้วย‘พาเพื่อนรักมาเปิดหูเปิดตา’หลังจากถ่ายรูปลงไอจีกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ยัยฮันน่าก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าช็อปกระเป๋าแบรนด์ดังที่เล็งเอาไว้ทันทีกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ถูกตั้งโชว์เอาไว้ตรงกลางร้านอย่างสวยงาม ซึ่งเวลานี้มันคือสวรรค์ของผู้หญิงอย่างฉันจริงๆ ทำเอาฉันลืมเรื่องออสตินไปอย่างสนิทใจ นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้ออกมาช็อปปิ้งอะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนสายตาของฉันก็แพรวพราวไปหมด กิเลสก็เกิดขึ้นมาทันที“ฉิบหายแล้วงานนี้ สวยทุกสีเลยว่ะ” เสียงยัยฮันน่าที่กำลังลองสะพายกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่อยู่ก็พูดขึ้น สวยทุกสีเลยจริงๆ ตัดสินใจยากแน่งานนี้“สวยจริง เอาคนละสีไปเลยมั้ย เผื่อวันไหนเบื่อจะได้เปลี่ยนกันใช้” ฉันรีบพูดขึ้น เมื่อเห็นว่ากระเป๋ามีอยู่สี่สีพอดี“เออ…ความคิดดี” ยัยเดียรีบเห็นด้วยทันที ก่อนจะหันไปสนใจเลือกกระเป๋ากับยัยฮันน่าต่อ“รินไม่เอานะ” ยัยรินรีบปฏิเสธขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะไม่อยากเ
หลังจากที่ซื้อของเสร็จก็กลับมาที่คอนโดฉันเหมือนเดิม พอมาถึงยัยเดียกับยัยฮันน่าก็พูดเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีอย่างไม่รีรอ“กูว่ามันไม่ใช่แล้ว แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วแหละ” ยัยเดียพูดขึ้นอย่างกับคนที่กำลังใช้ความคิดอยู่“กูก็คิดแบบมึงแหละ แบบนี้มันตั้งใจที่จะมาหาเรื่องกันชัดๆ” ตามด้วยเสียงของยัยฮันน่า ที่พูดเรื่องนี้กันทีไรก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยตลอดเลย (ทั้งๆ ที่คุยกันมาตลอดทาง พอมาถึงก็พูดเรื่องเดิมกันอยู่อีก)“ใช่! แค่เรื่องซื้อกระเป๋าเหมือนกันกูก็ว่ายังพอทนนะ แต่นี่ดันเดินมาพูดจาหาเรื่องมึงที่ร้านเสื้อผ้าอีก” ยัยเดียพูดพร้อมกับหันหน้ามามองฉันด้วยแววตาที่จริงจัง“ถ้าไม่เห็นว่านางเป็นแฟนของไอ้ตินนะ กูเดินไปจิกหัวตบนานแล้ว” ยัยฮันน่าพูดขึ้นมาอย่างโมโห“ใจเย็นๆ ก่อน” ยัยไอรินรีบห้ามเพื่อนสาวทั้งสองคนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มพูดไปไกล และคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนกันแล้ว“กูไม่ใช่แม่พระแบบมึงนะที่จะได้ใจเย็นๆ แล้วให้อภัยคนทั้งโลกได้” ยัยฮันน่ายังคงพูดต่ออย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาดับความร้อนที่มีอยู่ในใจทุกคนต่างก็ดื่มให้กับอารมณ์หงุดหงิดที่มีอยู่
นั่งดื่มกันไปซักพักสถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นไปทุกที ทุกคนเอาแต่นั่งดื่มกันไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยซักคำ ออสตินก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ปรึกษาอะไรเพื่อนเลย จนฉันเองทำตัวไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉัน เหตุการณ์มันก็เลยแย่แบบนี้“กูกลับก่อนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่จะลุกขึ้น ทุกคนต่างก็มองก็มาที่ฉันอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ ฉันก็จะกลับแบบนี้“นั่งลง” ออสตินบอกพร้อมกับดึงแขนฉันให้นั่งลงที่เดิม (อยู่ๆ ใจฉันก็สั่นขึ้นมาซะงั้น นานแล้วนะที่ออสตินไม่ได้แตะตัวฉันแบบนี้) ฉันมองหน้าออสตินด้วยความแปลกใจ (นี่มันไปกินยามาผิดรึป่าววะเนี่ย!)“มึงจะกลับทำไม กลับไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมาหรอก” ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ ตามสไตล์ จนฉันไม่กล้าพูด ไม่กล้าถามอะไร“งี่เง่าอีกแล้วเหรอวะ” อยู่ๆ ไอ้วินก็หันมาถามออสติน จนฉันงงไปหมดแล้ว ฉันก็นั่งของฉันอยู่เฉยๆ นี่จะมาว่าฉันงี่เง่าหรอ!“อืม” นี่ก็อีกคน ตอบสั้นๆ ไปแบบไม่คิดอะไรเลยซักนิด แล้วยังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ฉันไม่ทนหรอกนะจะมาว่าฉันงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้!“กูไม่ได้งี่เง่านะ” ฉันหันไปสะกิดแขนไอ
ฉันกับเพื่อนๆ เดินออกมาถึงลานจอดรถ ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนต่างก็เมากันไปบ้างแล้ว กว่าจะเดินออกมาได้ก็ใช้เวลากันพอสมควร เพราะคนในผับค่อนข้างเยอะ จนแทบจะไม่มีทางเดินออกมาแต่พอมาถึงก็เจอกับพวกผู้ชายขับรถมาจอดรออยู่หน้าลานจอดรถแล้ว“มีรถสามคัน จะไปคันไหนรีบเลือกเลย” ไอ้วินที่เปิดกระจกรถค้างไว้รีบพูดขึ้น พร้อมกับมีรถอีกสองคันจอดต่อท้ายอยู่ คงจะไม่พ้นที่จะเป็นรถของไอ้เกอร์ กับรถของออสตินหรอก“เออๆ แป๊บนึงๆ” ยัยฮันน่าหันไปบอกไอ้วิน ก่อนที่จะหันมาตกลงกันว่าใครจะไปรถคันไหนกันบ้าง“มึงไปกับไอ้เกอร์” ยัยเดียหันไปบอกยัยรินที่เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา“รินไปกับวินดีกว่า” ยัยรินที่ยืนเงียบอยู่ก็รีบปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นมาทันที ทำเอาต่อมสงสัยฉันทำงานอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ทำไมยัยรินถึงไม่อยากจะไปกับไอ้เกอร์ขนาดนั้น แบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรกันแน่นอน ฉันต้องรู้ให้ได้“ทำไม หรือว่ามึงสองคนมีเรื่องอะไรกัน” ยัยเดียถามขึ้นอย่างไม่รอช้า ทำเอาทุกคนต่างมองหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ“ปะ ป่าว…รินไปก็ได้” ยัยรินอ้ำอึ้ง เหมือนตอนแรกอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับไม่พูด (ยอมง่ายๆ ซะงั้น) ทำเอาฉันเซ็
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงพี่สาวของไข่มุขก็บอกอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยน้องสาว แต่ก็ต้องหาวันว่างๆ แล้วค่อยนัดกันอีกที เพราะวันนี้ไข่มุขเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะไปกินข้าวกันวันนี้คงจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ทุกคนก็ตกลงเห็นด้วย ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่พี่สาวของไข่มุขจะขอตัวกลับเพื่อพาน้องสาวไปพัก“ไปหาอะไรกินกันมั้ยวะ หิวแล้ว” ฮันน่าพูดขึ้นเพราะกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็เป็นช่วงเย็นพอดี ก็ทำเอาทุกคนหิวไม่ต่างกัน“ดีเหมือนกัน กูก็เริ่มหิวแล้ว” ตามด้วยเสียงนาเดียพูดขึ้นที่ดูท่าจะหิวไม่ต่างกัน“ไปก็ไป” กวินตามใจสาวๆ อย่างขัดไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปด้วย มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ สาวๆ ยิ่งเอาแต่ใจกันอยู่ด้วย“จะไปกินร้านไหนวะ” คริสตัลถามขึ้นอย่างไม่รอช้า“ไปร้านอาหารแถวคอนโดมึงก็ได้ กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ” ฮันน่ารีบตอบทันทีดูท่าแล้วน่าจะหิวหนักกว่าใครคนอื่น“งั้นก็ไปเจอกันที่ร้านxxx” ออสตินที่รู้จักร้านอาหารที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี ก็รีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือคริสตัลแล้วเดินจูงมือเธอตรงไปที่รถทันที“อีคริสมันไม่ได้ตาบอดนะ ทำไมต้องจั
ออสตินกับคริสตัลมาถึงยังสถานที่ที่ไข่มุขบอกเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่มากันครบหมดทุกคน เพราะคริสตัลได้โทรบอกเพื่อนให้ออกมาช่วยกันก่อนที่เธอจะออกมา“ทำไมไม่เห็นมีใครเลยวะ” นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้าย มองขวาอย่างสำรวจซอยเปลี่ยวที่เงียบและไร้ผู้คนจนดูน่ากลัว“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจนทุกคนหันไปมองหน้ากัน คิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไข่มุกแน่ๆเอี๊ยด!เสียงรถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะปรากฎร่างกายกำยำของชายชุดดำสามคนที่กำลังเดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปกระชากหญิงสาวที่อยู่กับชายชุดดำอีกคนให้รีบเดินตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่“รีบเดินหน่อยสิวะ!” ชายชุดดำที่ดูน่ากลัวตะคอกบอกไข่มุขเสียงดัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง“ขึ้นไปอยู่บนรถกันก่อนนะ” ออสตินบอกกับคริสตัลด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเป็นอันตราย“เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” กวินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พร้อมกับมีออสตินและไทเกอร์เดินตามมาด้วยสาวๆ รีบวิ่งขึ้นไปอยู่บนรถอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครบ่นเลยซักคำ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับไปจนหมด ตอนนี้ภายในห้องก็มีแค่คริสตัลกับออสตินเพียงสองคน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยกับหญิงสาวเลยซักคำ“หิวมั้ย” คริสตัลถามขึ้นเมื่อบรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบเกินไป“….”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ภายในห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่เหมือนเดิม“ออกไปหาอะไรกินมั้ย” หญิงสาวยังคงถามต่อ พยายามถาม พยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ก็ไม่เป็นผล“….”ไม่ว่าเธอจะถาม จะพูดอะไร ชายหนุ่มเอาแต่งอนไม่ยอมตอบเธอเลยซักอย่าง“เป็นอะไร…” คริสตัลเดินเข้าไปถามชายหนุ่มใกล้ๆ แต่ออสตินก็เงียบ ไม่สนใจ แถมเขายังเดินหนีเข้าไปอาบน้ำอีกด้วยคริสตัลรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มนั้นล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“รีบออกมาน๊าาา” คริสตัลไม่ยอมแพ้ ถึงจะเข้าไปในห้องน้ำด้วยไม่ได้ เธอก็ตะโกนบอกเขาเสียงดังอย่างไม่ลดละความพยายามลงเลยซักนิดออสตินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวหนาเอาไว้ร่างหนาเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่สนใจ ถึงแม้เธอจะเดินตามง้อเขาแทบจะทุกฝีก้าวก็ตาม“หายงอนเถอะนะ” คริสตัลพูดพร้อมกับโอบกอดเอวหนา
สองวันต่อมาคริสตัลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้อง ฮันน่ากับกวินก็นั่งกินขนมกันอยู่ไม่ไกล ส่วนไอรินกับไทเกอร์ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องของคริสตัลได้กลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนไปแล้ว จะขาดก็แต่นาเดียที่ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาซักที“ดูอะไรอยู่เหรอ” ออสตินถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คริสตัลอย่างเคยชินเหมือนที่เคยทำอยู่ตลอด“ก็ดูไปเรื่อยแหละ” คริสตัลตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองออสตินก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเล่นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ“ถามอะไรหน่อยสิ” ร่างหนาถามขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว รอดูว่าเธอจะหันมามองเขาอีกหรือเปล่า“อะไรเหรอ” หญิงสาวถามออกมา แต่เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยซักนิด“ไม่คิดอะไรจริงเหรอ” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงหนุนตักหญิงสาวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมกับถามเธอออกมา“คิดเรื่องอะไร” คริสตัลก้มมองหน้าออสตินนิ่งๆ ก่อนที่เธอจะถามออกมา พร้อมกับทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังถามเรื่องอะไรอยู่“ก็เรื่องที่ไข่มุขยังมาวนเวียนมาอยู่แบบนี้ไง” ออสตินถามไปด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดมากเรื่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่ที่ออสตินกับคริสตัลเปิดตัวว่าคบกันออกสื่ออย่างเป็นทางการ ชีวิตของทั้งสองคนก็ดูมีความสุขมากขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างก็สบายใจไปด้วย ไม่มีอะไรที่จะอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ออสตินได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคริสตัลอย่างถาวร เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากจะย้ายไปอยู่ในห้องที่ชายหนุ่มเคยอยู่กับแฟนเก่ามาก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจและตามใจหญิงสาวทุกอย่างตลอดทั้งอาทิตย์ออสตินกับคริสตัลก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาคลุกอยู่ที่ห้องของคริสตัลเป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน“เรื่องน้องมุขเป็นไงบ้างวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย“ก็โดนตามขู่อยู่เหมือนเดิมแหละ” ไทเกอร์ตอบไปด้วยท่าทางนิ่งๆ“แรกๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านางจะโดนคุกคามจริงๆ นึกว่านางสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจซะอีก” ฮันน่าพูดออกมาตามตรง เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่วันนั้นกูไปเห็นมากับตา แม่งโดนทำลายด้วย โชคดีที่เข้าไปช่วยทัน” ไทเกอร์พูดถึงวันที่เอาเงินไปแล้วเห็นว่าไข่มุขกำลังโดนขู่ โชคดีที่เขาเอาเงินไปให้เธอทันเวลาพอ
เข้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก่อนหลังจากที่เพิ่งจะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ถ้าเขาไม่รับก็กลัวว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่นเสียก่อน“มีอะไรวะ” ออสตินถามเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น ทั้งๆ ที่ในใจเขาตอนนี้อยากจะด่าออกไปให้มันจบๆ(ฮ่าฮ่าฮ่า) ไม่มีเสียงพูดตอบกลับใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของไทเกอร์ที่ดังขึ้นมาอย่างพอใจ ก่อนที่ปลายสายจะกดวางสายไปเอง“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างก็แล้วกัน” ออสตินพูดออกมาด้วยความโกรธที่โดนแกล้งตอนเช้าแบบนี้ ชายหนุ่มรีบปิดเครื่องแล้วนอนกอดร่างบางต่อทันที“มีอะไรเหรอ” คริสตัลงัวเงียถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของออสติน“ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอขาวอย่างไม่รอช้า“อือออ…ขอพักก่อนได้มั้ย” หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะพึ่งจะได้พักเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง“นอนพักเลย…เดี๋ยวทำเอง” ออสตินกระซิบบอกที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย หญิงสาวได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่มีแม้แรงจะห้าม จึงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจตัวเองร่างหนาทาบทับร่างสวยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักครั้งใหม่กับเธออีกครั้ง..ช่ว
ออสตินเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคริสตัลกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พอได้อยู่กันสองคนในสถานะที่เปลี่ยนไปจากเพื่อน ทั้งสองคนก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนแล้วสายตาคมก็เหลือบไปเห็นหมอนกับผ้าห่มที่วางอยู่บนโซฟาข้างๆ เตียงนอน คงจะเป็นเจ้าของห้องที่เตรียมเอาไว้ให้แน่ๆ ชายหนุ่มไม่สนใจโชฟา เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงพลางเช็ดผมไปด้วย“พรุ่งนี้วันหยุด อยากไปเที่ยวที่ไหนมั้ย” เป็นคำถามที่สุดแสนจะธรรมดาแต่กลับทำให้คนฟังใจสั่นได้“ทำไม จะชวนไปเดทเหรอ” คริสตัลแกล้งถามด้วยท่าทางกวนๆ กลบเกลื่อนอาการประหม่า“ใช่ เดทแบบจริงจัง”“แล้วที่ผ่านมาไม่จริงจังเหรอ”“ก็จริงจังมาตลอด แต่มีบางคนไม่เคยจะมองเห็น”ชายหนุ่มเอาผ้าเช็ดผมคล้องคอตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลานไปหาหญิงสาวที่อยู่หัวเตียงอย่างช้าๆ“ตกลงไปคุยอะไรกันมา ยังไม่เล่าเลยนะ” คริสตัลถามไปแก้เขิน ตอนนี้ร่างกำยำมาถึงตัวเธอแล้ว“หึงเหรอ”“ใครหึง มีอะไรต้องหึง” เพราะเธอรู้เรื่องหมดแล้วไงหล่ะ“ถ้าไม่หึง ก็แสดงว่าเขิน ดูสิหน้าแดงหมดเลย” ชายหนุ่มจับแก้มหญิงสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เล่ามาได้แล้ว ”คนเขินแทบบ้าแ
ทางด้านหนุ่มๆ ที่ไม่ได้ไปเดินห้างกับสาวๆ ก็พากันเข้ามาที่สนามแข่งรถของกวิน“กูว่ารถคันนี้ดูเหมาะกับมึงนะ”กวินป้ายยาเพื่อนทันทีที่เห็นรถเข้ามาใหม่ และเป็นสไตล์ที่เพื่อนชอบ“เหรอ” ออสตินถามกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ ตามสไตล์ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้สึกสนใจรถตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าโรงจอดรถที่บ้านมันเต็มลิมิตจนไม่มีที่จะจอด เขาคงซื้อไปแล้ว“ซื้อเอาไว้ซักคันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” กวินพูดสนับสนุนเพื่อนไม่ยอมหยุด“มึงจะบอกให้มันซื้อไปอีกทำไม รถมันเยอะกว่ารถที่อยู่โชว์รูมมึงอีก” ไทเกอร์พูดแทรกขึ้นทันทีในขณะที่สามหนุ่มกำลังคุยเรื่องรถกันอยู่ หญิงสาวที่หายหน้าหายตาไปหลายวันก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ทุกข์ใจ“พี่ติน” ไข่มุขเอ่ยชื่อออสตินเสียงเบา บ่งบอกถึงความกระดากอายอยู่ไม่น้อย“มีอะไร” ออสตินถามกลับไปตามมารยาท เมื่อเห็นอีกฝ่ายใบหน้าดูเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด“มุขขอคุยกับพี่ตินหน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวมองหน้าออสตินอย่างอ้อนวอน“อืม” ออสตินตอบไปเพียงสั้นๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินนำออกไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านออสตินเดินตามหญิงสาวออกไป เพราะดูแล้วเธอคงจะมีเรื่องลำบากใจอะไรซักอย่าง ที่จะมาขอให้เขาช่วย“มี
การเผื่อใจเริ่มมีเปอร์เซ็นต์เป็นจริงเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อหลายวันที่ผ่านมาออสตินทำดีกับคริสตัลอยู่ตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก แต่ในระหว่างนี้ก็ทำเอาหญิงสาวอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าพี่หมอหายไปไหน ไม่เห็นติดต่อมาหลายวันแล้ว พอเธอเข้าไปดูไอจีก็ไม่เห็นว่าพี่หมอจะอัพเดตอะไร ล่าสุดที่ลงก็เป็นรูปตั๋วหนังที่ไปดูกับเธอ ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เคลียร์กัน“ตกลงมึงจะเอายังไงกับพี่หมอวะ” เสียงนาเดียถามขึ้น ในตอนที่ผู้ชายไม่ได้อยู่ด้วย“นั่นดิ! น่าเสียดายคนดีๆ แบบพี่หมออะ” ตามด้วยฮันน่าที่พูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางเสียดายสุดๆ“ถ้าเสียดายมึงก็ไปจีบสิ!” นาเดียรีบแนะนำแบบติดตลก ไม่คิดว่าเพื่อนจะคิดจริง“เป็นความคิดที่ดี เดี๋ยวกูจะใช้ร่างกายรักษาแผลใจให้พี่หมอเอง” ฮันน่าทั้งพูด ทั้งทำท่าเซ็กซี่แบบสุดๆ“พักก่อนค่ะเพื่อน กูแค่พูดเล่น แล้วมึงก็ไม่ใช่เสปคพี่หมอ”นาเดียพูดดับฝันเพื่อนทันที“แต่กูจริงจังนะ”“ปล่อยให้พี่หมอไปเจอคนที่ปกติเถอะ” นาเดียพูดอย่างสงสารพี่หมอ“แล้วกูไม่ปกติตรงไหนวะ” ฮันน่ารีบเถียงทันที สวยขนาดนี้ รวยขนาดนี้ ไม่ปกติตรงไหน“ทุกตรงค่ะ” นาเดียดับฝันของฮันน่าอีกครั้