เวลา 08:00 น.
หลังจากที่ออสตินกลับไป พวกเราก็นั่งดื่มกันต่อจนเผลอหลับ พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็แปดโมงเช้าแล้ว ฉันมองดูสภาพของแต่ละคนที่นอนอยู่แล้วส่ายหน้าไปมา รับไม่ได้กับสภาพของเพื่อนแต่ละคน
ฉันรีบขับรถกลับคอนโดตัวเองทันที อยากจะอาบน้ำ แล้วนอนพักบนเตียงนุ่มๆ สบายๆ ซักที โชคดีที่คอนโดฉันกับไทเกอร์อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ก็เลยใช้เวลาขับรถไม่นาน
พอมาถึงห้องฉันก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที ดื่มมาทั้งคืนพึ่งจะได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ทรมานร่างกายสุดๆ
“ปวดหัวๆ ไม่น่าห้าวไปดื่มเยอะแบบนี้เลย” หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินบ่นออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสภาพที่ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อฉันเจอออสตินนั่งหน้าบูดเหมือนตูดลิงอยู่บนโซฟากลางห้อง มาตั้งแต่ตอนไหนฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ อยู่ๆ ก็เข้ามาในห้องฉันแบบนี้ โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันเลยซักคำ
ฉันไม่ได้ตกใจที่ออสตินเข้ามาได้ยังไง เพราะเขาเป็นเพื่อนที่รู้รหัสเข้าห้องของฉัน แต่ตอนนี้ฉันงงมากกว่าว่ามาทำไม
“มาทำไม” ฉันถามแบบส่งๆ ไม่ได้สนใจออสตินเท่าไหร่
มีเพียงความเงียบ ไร้การตอบรับ ก่อนที่ออสตินจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปหยิบไดร์เป่าผมมาให้ฉัน ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ออสตินยังไม่มีแฟน
เมื่อก่อนออสตินชอบมานอนที่คอนโดฉันในตอนที่ฝนตก เพราะฉันกลัวเสียงฟ้าร้อง และไม่ชอบบรรยากาศตอนที่ฝนตกเลยซักนิด และวันนี้บรรยากาศข้างนอกก็ดูครึ้มฟ้าครึ้มฝน ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะหาคำพูดหวานๆ อ้อนให้ออสตินอยู่เป็นเพื่อน แต่มาตอนนี้ฉันกลับไม่กล้าที่จะพูดอะไร
“คิดจะทำอะไร”
ออสตินถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ ฉันถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมเพราะงงกับคำถาม มันต้องเป็นฉันไม่ใช่เหรอที่จะต้องถามแบบนี้มากกว่า
“กูต้องถามมึงมากกว่า ว่ามาทำอะไร” จริงๆ ฉันก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ออสตินถามหรอก แต่ฉันไม่ได้สนใจก็เลยถามกลับไปตามที่ตัวเองสงสัย
“โพสต์แบบนั้นต้องการอะไร!” หลังจากที่ยืนมองหน้าฉันเงียบๆ อยู่ซักพัก ออสตินก็ถามขึ้นมา ประโยคนี้ทำเอาฉันเข้าใจทันทีว่าออสตินมาเพราะเรื่องอะไร
“ก็โพสต์ไปเรื่อยแหละ ทำไม ใครมีปัญหาอะไรเหรอ” ฉันตอบกลับไปแบบกวนๆ เพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง
“ไม่มีปัญหาหรอกถ้าคนโพสต์ไม่ใช่มึง”
ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ แต่ประโยคนี้ทำเอาคนฟังอย่างฉันเจ็บปวดสุดๆ ไปเลย
“ทำไม จะต้องให้กูไปขอโทษแฟนมึงเลยมั้ยที่ทำให้เข้าใจผิดกัน” ฉันถามกลับอย่างเหลืออด
“อย่ามาประชด!” ออสตินเริ่มขึ้นเสียงใส่ฉัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยพูดขึ้นเสียงกับฉันมาก่อน
“ไม่ได้ประชด ต่อไปกูจะไม่โพสต์อะไรเกี่ยวอีก พอใจรึยัง” ฉันพูดไปนิ่งๆ แต่ในใจตอนนี้แทบจะร้องไห้ ทำได้เพียงแค่บอกตัวเองว่าต้องอดทน แล้วฉันก็หันไปเป่าผมตัวเอง ไม่ได้สนใจที่ออสตินเดินออกไปเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าฉันจะทนกับเรื่องนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ยิ่งรู้ว่าฉันรัก ฉันก็ยิ่งเจอกับความเจ็บปวดมากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ฉันเหนื่อยจนแทบจะไม่มีแรงเดินต่อไปแล้ว…
..
ฉันได้แต่นั่งคิดถึงเรื่องเพื่อนสนิทตัวเอง ทั้งๆ ที่ใจพยายามลบ พยายามลืมเรื่องราวเก่าๆ แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ยิ่งฉันพยายามลืม ใจฉันมันกลับยิ่งจำ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ใจฉันมันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนหรือตอนนี้ใจฉันมันอาจจะรู้สึกมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะที่ฉันไม่ได้ออกจากคอนโดไปไหน ไม่ได้ออกไปเจอเพื่อน ไม่ได้เจอใคร ฉันพยายามทำตัวออกห่างจากทุกคน เพราะฉันไม่อยากจะทำให้ทุกคนอึดอัด โดยเฉพาะออสตินที่ดูจะอึดอัดกว่าทุกคน ฉันก็เลยไม่อยากจะเป็นตัวปัญหา ก็เลยเลือกที่จะไม่ไปเจอเพื่อน
กริ๊งงง~ กริ๊งงง~
เสียงกริ่งหน้าห้องของฉันดังขึ้น ทำให้ฉันต้องรีบหยุดคิดเรื่องของออสติน แล้วหันมาสนใจเรื่องตอนนี้ทันที
“มึงเป็นอะไรรึป่าว” ทันทีที่ฉันเปิดประตูเสียงของยัยฮันน่าก็ถามฉันขึ้นอย่างไม่รอช้า
“ป่าว…กูไม่ได้เป็นอะไร” ฉันตอบไปแล้วเดินกลับเข้ามานั่งบนโซฟาตัวเดิม ก่อนที่เพื่อนสาวทุกคนจะเดินตามเข้ามานั่งกับฉันด้วย
“ทำไมมึงถึงไม่ไปหาพวกกูหรือว่ามึงตั้งใจจะหลบหน้าไอ้ติน” ยัยเดียถามพร้อมมองหน้าฉันอย่างรอฟังคำตอบ โชคดีที่ไอรินเอาแต่นั่งเงียบไม่ค่อยจะถามอะไรเซ้าซี้เหมือนกับยัยเดียกับยัยฮันน่า ไม่งั้นฉันคงจะต้องปวดหัวมากกว่านี้แน่
“ป่าว…กูแค่จะกลับไปอยู่บ้านก็เลยไม่ได้ไปหาใคร อีกไม่นานก็จะเปิดเทอมแล้ว” ฉันตอบไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่ความจริงแล้วเรื่องที่จะกลับไปอยู่บ้านมันก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นแหละ ปิดเทอมเกือบสามเดือนฉันก็เอาแต่คิดถึงเรื่องออสติน พอคิดแล้วก็เข้าไปดูไอจีออสตินกับแฟนอยู่ตลอด จนฉันแทบจะไม่ได้ทำอะไร เพราะมัวแต่คิดเรื่องของคนอื่นอยู่แบบนี้
“เอาน่าาา…มึงอย่าไปคิดอะไรมาก เดี๋ยววันนี้กูจะพาไปคลายเครียดเอง” ยัยฮันน่ารีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“จะไปไหน…กูไม่อยากไป” ฉันรีบปฏิเสธไป เอาจริงๆ ฉันไม่อยากไปไหน อยากนอนอยู่ห้องเงียบๆ คนเดียวมากกว่า
“ไม่ได้! วันนี้มีกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่มา ของมันต้องมีมึงรู้มั้ย” ยัยเดียพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เออใช่…จะเปิดเรียนมันต้องมีกระเป๋าคอลฯใหม่ จะใช้ใบเดิมไม่ได้” ตามด้วยเสียงของยัยฮันน่าที่ดูตื่นเต้นไม่ต่างกันเมื่อได้พูดถึงกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่
“กูเห็นร้านโพสต์ลงไอจี สวยๆ ทั้งนั้น” ยัยเดียพูดพร้อมกับยกโทรศัพท์ที่มีรูปกระเป๋าแบรนด์ดังโชว์อยู่
“อร๊ายยย~ เงินในบัญชีกูสั่นไม่ไหวแล้ว” ยัยฮันน่าดูดี๊ด๊าขึ้นมาทันที
“แล้วใครไปบ้าง” ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ก็ไปกันแค่นี้แหละ พวกผู้ชายจะไปทำไมให้เกะกะ” ยัยเดียตอบแบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก
“ไป! ลุก! รีบไปแต่งตัวเลยมึงอะ” ยัยฮันน่าหันมาเร่งฉันอย่างเร็ว คงจะรีบไปใช้เงินแหละ
“เออ…ไปก็ไป” สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องใจอ่อน ยอมไปกับพวกมันอยู่ดี ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ
@ห้างสรรพสินค้าพอมาถึงห้างฯ ยัยเดียกับยัยฮันน่าก็ชวนกันถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีกันแบบรัวๆ เรียกได้ว่าไปที่ไหนก็ต้องเช็กอินให้คนทั้งโซเชียลได้รับรู้ แถมยังตั้งแคปชั่นเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ไปไหนมาไหนเป็นชาติอีกด้วย‘พาเพื่อนรักมาเปิดหูเปิดตา’หลังจากถ่ายรูปลงไอจีกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ยัยฮันน่าก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าช็อปกระเป๋าแบรนด์ดังที่เล็งเอาไว้ทันทีกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ถูกตั้งโชว์เอาไว้ตรงกลางร้านอย่างสวยงาม ซึ่งเวลานี้มันคือสวรรค์ของผู้หญิงอย่างฉันจริงๆ ทำเอาฉันลืมเรื่องออสตินไปอย่างสนิทใจ นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้ออกมาช็อปปิ้งอะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนสายตาของฉันก็แพรวพราวไปหมด กิเลสก็เกิดขึ้นมาทันที“ฉิบหายแล้วงานนี้ สวยทุกสีเลยว่ะ” เสียงยัยฮันน่าที่กำลังลองสะพายกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่อยู่ก็พูดขึ้น สวยทุกสีเลยจริงๆ ตัดสินใจยากแน่งานนี้“สวยจริง เอาคนละสีไปเลยมั้ย เผื่อวันไหนเบื่อจะได้เปลี่ยนกันใช้” ฉันรีบพูดขึ้น เมื่อเห็นว่ากระเป๋ามีอยู่สี่สีพอดี“เออ…ความคิดดี” ยัยเดียรีบเห็นด้วยทันที ก่อนจะหันไปสนใจเลือกกระเป๋ากับยัยฮันน่าต่อ“รินไม่เอานะ” ยัยรินรีบปฏิเสธขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะไม่อยากเ
หลังจากที่ซื้อของเสร็จก็กลับมาที่คอนโดฉันเหมือนเดิม พอมาถึงยัยเดียกับยัยฮันน่าก็พูดเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีอย่างไม่รีรอ“กูว่ามันไม่ใช่แล้ว แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วแหละ” ยัยเดียพูดขึ้นอย่างกับคนที่กำลังใช้ความคิดอยู่“กูก็คิดแบบมึงแหละ แบบนี้มันตั้งใจที่จะมาหาเรื่องกันชัดๆ” ตามด้วยเสียงของยัยฮันน่า ที่พูดเรื่องนี้กันทีไรก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยตลอดเลย (ทั้งๆ ที่คุยกันมาตลอดทาง พอมาถึงก็พูดเรื่องเดิมกันอยู่อีก)“ใช่! แค่เรื่องซื้อกระเป๋าเหมือนกันกูก็ว่ายังพอทนนะ แต่นี่ดันเดินมาพูดจาหาเรื่องมึงที่ร้านเสื้อผ้าอีก” ยัยเดียพูดพร้อมกับหันหน้ามามองฉันด้วยแววตาที่จริงจัง“ถ้าไม่เห็นว่านางเป็นแฟนของไอ้ตินนะ กูเดินไปจิกหัวตบนานแล้ว” ยัยฮันน่าพูดขึ้นมาอย่างโมโห“ใจเย็นๆ ก่อน” ยัยไอรินรีบห้ามเพื่อนสาวทั้งสองคนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มพูดไปไกล และคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนกันแล้ว“กูไม่ใช่แม่พระแบบมึงนะที่จะได้ใจเย็นๆ แล้วให้อภัยคนทั้งโลกได้” ยัยฮันน่ายังคงพูดต่ออย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาดับความร้อนที่มีอยู่ในใจทุกคนต่างก็ดื่มให้กับอารมณ์หงุดหงิดที่มีอยู่
นั่งดื่มกันไปซักพักสถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นไปทุกที ทุกคนเอาแต่นั่งดื่มกันไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยซักคำ ออสตินก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ปรึกษาอะไรเพื่อนเลย จนฉันเองทำตัวไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉัน เหตุการณ์มันก็เลยแย่แบบนี้“กูกลับก่อนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่จะลุกขึ้น ทุกคนต่างก็มองก็มาที่ฉันอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ ฉันก็จะกลับแบบนี้“นั่งลง” ออสตินบอกพร้อมกับดึงแขนฉันให้นั่งลงที่เดิม (อยู่ๆ ใจฉันก็สั่นขึ้นมาซะงั้น นานแล้วนะที่ออสตินไม่ได้แตะตัวฉันแบบนี้) ฉันมองหน้าออสตินด้วยความแปลกใจ (นี่มันไปกินยามาผิดรึป่าววะเนี่ย!)“มึงจะกลับทำไม กลับไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมาหรอก” ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ ตามสไตล์ จนฉันไม่กล้าพูด ไม่กล้าถามอะไร“งี่เง่าอีกแล้วเหรอวะ” อยู่ๆ ไอ้วินก็หันมาถามออสติน จนฉันงงไปหมดแล้ว ฉันก็นั่งของฉันอยู่เฉยๆ นี่จะมาว่าฉันงี่เง่าหรอ!“อืม” นี่ก็อีกคน ตอบสั้นๆ ไปแบบไม่คิดอะไรเลยซักนิด แล้วยังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ฉันไม่ทนหรอกนะจะมาว่าฉันงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้!“กูไม่ได้งี่เง่านะ” ฉันหันไปสะกิดแขนไอ
ฉันกับเพื่อนๆ เดินออกมาถึงลานจอดรถ ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนต่างก็เมากันไปบ้างแล้ว กว่าจะเดินออกมาได้ก็ใช้เวลากันพอสมควร เพราะคนในผับค่อนข้างเยอะ จนแทบจะไม่มีทางเดินออกมาแต่พอมาถึงก็เจอกับพวกผู้ชายขับรถมาจอดรออยู่หน้าลานจอดรถแล้ว“มีรถสามคัน จะไปคันไหนรีบเลือกเลย” ไอ้วินที่เปิดกระจกรถค้างไว้รีบพูดขึ้น พร้อมกับมีรถอีกสองคันจอดต่อท้ายอยู่ คงจะไม่พ้นที่จะเป็นรถของไอ้เกอร์ กับรถของออสตินหรอก“เออๆ แป๊บนึงๆ” ยัยฮันน่าหันไปบอกไอ้วิน ก่อนที่จะหันมาตกลงกันว่าใครจะไปรถคันไหนกันบ้าง“มึงไปกับไอ้เกอร์” ยัยเดียหันไปบอกยัยรินที่เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา“รินไปกับวินดีกว่า” ยัยรินที่ยืนเงียบอยู่ก็รีบปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นมาทันที ทำเอาต่อมสงสัยฉันทำงานอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ทำไมยัยรินถึงไม่อยากจะไปกับไอ้เกอร์ขนาดนั้น แบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรกันแน่นอน ฉันต้องรู้ให้ได้“ทำไม หรือว่ามึงสองคนมีเรื่องอะไรกัน” ยัยเดียถามขึ้นอย่างไม่รอช้า ทำเอาทุกคนต่างมองหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ“ปะ ป่าว…รินไปก็ได้” ยัยรินอ้ำอึ้ง เหมือนตอนแรกอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับไม่พูด (ยอมง่ายๆ ซะงั้น) ทำเอาฉันเซ็
นั่งดื่มกันไปได้สักพักออสตินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเครื่องด้วยความหงุดหงิดแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของไอ้เกอร์จะดังขึ้นมา“ใครโทรมาวะ” ยัยเดียถามขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่ทุกคนกำลังดูหนังด้วยกันอยู่“ไม่ต้องรับ” ยังไม่ทันที่ไอ้เกอร์จะได้ตอบอะไร เสียงออสตินก็ดังขึ้นมาแต่สายตายังคงจ้องมองทีวีอยู่ตอนแรกทุกคนดื่มกันไป ดูหนังกันไปในห้องรับแขก แต่ตอนนี้ทุกคนกลับหันมาให้ความสนใจไอ้เกอร์แทน จะมีก็แต่ออสตินที่ยังดูหนังอยู่อย่างไม่สนใจเหตุการณ์นี้“มึงจะไม่ให้กูรับสายจริงๆ เหรอ” ไอ้เกอร์หันไปถามออสตินทันที ปกติจะเห็นออสตินรับสายนางตลอดนะ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่อยากจะรับสายนางก็ไม่รู้“มึงลองรับสายดูสิ แล้วมึงจะเข้าใจ” ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และยังคงไม่หันมามองเพื่อนๆ“ครับน้องมุข” ไอ้เกอร์ไม่รอช้ารีบกดรับสายทันที มันคงอยากจะรู้แหละว่านางโทรมาทำไม ทุกคนต่างเงียบและตั้งใจฟังกันอย่างพร้อมเพรียง (ไม่ค่อยจะสอดรู้สอดเห็นซักเท่าไหร่หรอก)(พี่เกอร์อยู่กับพี่ตินรึป่าวคะ) ปลายสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับคนกำลังร้องไห้อยู่“อยู่ครับ” ไทเกอร์คนดีบอกไปตามตรง ไม่มีการโกหกแต่อย่างใ
ตึกๆ หัวใจของฉันเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอกเมื่อริมฝีปากหนาเลื่อนไปยังซอกคอพร้อมกับขบเม้มอย่างหื่นกระหาย เบาบ้างแรงบ้างแต่ทุกสัมผัสมันช่างเสียวซ่านและรู้สึกดีสุดๆ“อะ อืมมม” ฉันเอียงคอรับสัมผัสอย่างรู้งาน ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เราสองคนหลงลืมสถานะของตัวเองไปชั่วขณะ เร่งเร้าอารมณ์ช่วยกันทำในสิ่งที่ร่างกายกำลังต้องการอย่างหื่นกระหาย ฉันต้องการเขาและเขาเองก็เหมือนจะต้องการฉันเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราสองคนจึงช่วยกันสนองความต้องการให้กันและกันอย่างไม่มีใครยอมใครฉันที่เป็นฝ่ายนั่งคร่อมอยู่บนตักของออสตินได้เป็นฝ่ายรุกบ้าง ฉันซุกไซ้ซอกคอแกร่งดูดเม้มสลับข้างไปมาเหมือนที่เขาทำกับฉัน แล้วก็ช่วยจัดการถอดเสื้อยืดสีดำที่สวมอยู่ออกอย่างช่ำชอง ทั้งๆ ที่ฉันเองก็ไม่เคยทำมาก่อนถึงจะไม่เคยทำ ก็ใช่ว่าจะอ่อนต่อโลกจนไม่รู้อะไรเลย ฉันผลักหน้าอกแกร่งให้นอนราบกับโซฟา จากนั้นก็ก้มลงไปปรนเปรอคนใต้ร่างด้วยริมฝีปากลากเลียวนไปทั่วหน้าอกแกร่ง จูบเน้นบริเวณยอดอกจนคนใต้ร่างเริ่มสั่นเกร็งเบาๆ สายตาคมมองทุกการกระทำของฉัน แอบเขินเหมือนกันนะ แต่ความอยากมันมากกว่าขณะที่ฉันกำลังสนุกกับการสัมผัสร่างกำยำ มือหนาก็ล้วงเข้ามาใน
“ดีขึ้นรึยัง”คำถามนิ่งๆ ของออสตินแต่ทำฉันใจสั่นไปหมด หรืออาจจะเป็นสายตาที่เขามองมามันดูอ่อนโยนและห่วงใย จนฉันรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ“อืม” ฉันพยักหน้าตอบและลองขยับตัวดู จริงๆ มันก็ไม่ได้เจ็บแล้ว แค่รู้สึกสึกอัดก็เท่านั้นพอเห็นฉันมีท่าทางอึดอัด ใบหน้าหล่อก็ก้มลงไปขบเม้มยอดอกเร้าอารมณ์ให้กับฉัน“ซี๊ดดดดด” เสียวจนลืมเจ็บไปเลยค่ะท่านผู้ชม ฉันนอนครวญครางบนเตียงกว้างปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสอันเร้าร้อนของผู้ชายที่แอบรักเร้าอารมณ์ให้ฉันหลายนาทีเอวหนาก็เริ่มทำหน้าที่ขยับเข้าออกในจังหวะเนิบนาบแต่เสียวซ่านไปทุกอนู ตอนนี้ฉันหลงใหลอยู่ในภวังค์แห่งความเสียวจนยากจะถอน ไม่รู้ว่าเซ็กส์มันดีหรือเป็นเพราะคนที่มีเซ็กส์ด้วยถึงทำให้ฟินได้ขนาดนี้ฉันเลื่อนมือไปโอบรัดแผ่นหลังกว้างอย่างโหยหา ตักตวงความอบอุ่นจากร่างกำยำ ที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กอดอีกมั้ย“อ๊า! ไม่ต้องเกร็ง”ออสตินบอกเสียงกระเส่าอยู่ที่ร่องอกของฉัน เขาขย้ำเต้าของฉันทั้งสองข้างและดูดมันสลับข้างไปมาไม่หยุด พอฉันเริ่มปรับตัวและผ่อนคลายลง เอวหนาก็กดกระแทกในจังหวะที่เร็วขึ้นฉันไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าตอนนี้มันเสียวม
พอมาถึงห้องฉันก็เดินเข้าไปอาบน้ำด้วยสภาพที่เหม่อลอย อย่างกับคนไม่มีสติ สมองก็มีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา ส่วนยัยฮันน่าก็กระโดดขึ้นเตียงราวกับเตียงตัวเองหลังจากฉันอาบน้ำเสร็จยัยฮันน่าก็นอนหลับไปแล้ว ฉันขึ้นไปนอนข้างๆ มัน ตั้งใจจะนอนหลับให้ลืมเรื่องที่ปวดใจ แต่ก็ได้แต่พลิกซ้ายพลิกขวา จะนอนก็นอนไม่หลับ ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเข้าไปส่องไอจี แล้วสิ่งแรกที่เห็นคือโพสต์ของเด็กนั่นที่แท็กออสติน‘ต่อไปหนูจะไม่งี่เง่าแล้ว ขอบคุณที่ทนกับความงี่เง่าของหนู…รักนะคะ’ฉันวางโทรศัพท์ลงอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวดก็วิ่งเข้ามาในใจ มันจุกมันหน่วงไปหมดทั้งใจเขาคืนดีกันเขายังรักกันดีส่วนฉันก็แค่ส่วนเกินสินะหึ! แกมันโง่เองที่คิดว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกัน ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองที่ทำอะไรโง่ๆ ลงไป จะโทษว่าเป็นเพราะความเมาก็ไม่ได้หรอก เพราะฉันเต็มใจที่จะทำแบบนั้น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คงจะมีแต่ตัดใจ และถอยออกมา..หนึ่งอาทิตย์ต่อมาฉันนั่งดูซีรี่ย์มาตลอดทั้งอาทิตย์ ดูจนไม่รู้ว่าจะดูอะไรแล้ว เวลาแต่ละวันก็เดินช้าซะเหลือเกิน ทุกอย่างวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ออสตินรู้ว่าฉันชอบตอนน
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงพี่สาวของไข่มุขก็บอกอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยน้องสาว แต่ก็ต้องหาวันว่างๆ แล้วค่อยนัดกันอีกที เพราะวันนี้ไข่มุขเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะไปกินข้าวกันวันนี้คงจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ทุกคนก็ตกลงเห็นด้วย ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่พี่สาวของไข่มุขจะขอตัวกลับเพื่อพาน้องสาวไปพัก“ไปหาอะไรกินกันมั้ยวะ หิวแล้ว” ฮันน่าพูดขึ้นเพราะกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็เป็นช่วงเย็นพอดี ก็ทำเอาทุกคนหิวไม่ต่างกัน“ดีเหมือนกัน กูก็เริ่มหิวแล้ว” ตามด้วยเสียงนาเดียพูดขึ้นที่ดูท่าจะหิวไม่ต่างกัน“ไปก็ไป” กวินตามใจสาวๆ อย่างขัดไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปด้วย มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ สาวๆ ยิ่งเอาแต่ใจกันอยู่ด้วย“จะไปกินร้านไหนวะ” คริสตัลถามขึ้นอย่างไม่รอช้า“ไปร้านอาหารแถวคอนโดมึงก็ได้ กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ” ฮันน่ารีบตอบทันทีดูท่าแล้วน่าจะหิวหนักกว่าใครคนอื่น“งั้นก็ไปเจอกันที่ร้านxxx” ออสตินที่รู้จักร้านอาหารที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี ก็รีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือคริสตัลแล้วเดินจูงมือเธอตรงไปที่รถทันที“อีคริสมันไม่ได้ตาบอดนะ ทำไมต้องจั
ออสตินกับคริสตัลมาถึงยังสถานที่ที่ไข่มุขบอกเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่มากันครบหมดทุกคน เพราะคริสตัลได้โทรบอกเพื่อนให้ออกมาช่วยกันก่อนที่เธอจะออกมา“ทำไมไม่เห็นมีใครเลยวะ” นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้าย มองขวาอย่างสำรวจซอยเปลี่ยวที่เงียบและไร้ผู้คนจนดูน่ากลัว“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจนทุกคนหันไปมองหน้ากัน คิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไข่มุกแน่ๆเอี๊ยด!เสียงรถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะปรากฎร่างกายกำยำของชายชุดดำสามคนที่กำลังเดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปกระชากหญิงสาวที่อยู่กับชายชุดดำอีกคนให้รีบเดินตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่“รีบเดินหน่อยสิวะ!” ชายชุดดำที่ดูน่ากลัวตะคอกบอกไข่มุขเสียงดัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง“ขึ้นไปอยู่บนรถกันก่อนนะ” ออสตินบอกกับคริสตัลด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเป็นอันตราย“เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” กวินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พร้อมกับมีออสตินและไทเกอร์เดินตามมาด้วยสาวๆ รีบวิ่งขึ้นไปอยู่บนรถอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครบ่นเลยซักคำ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับไปจนหมด ตอนนี้ภายในห้องก็มีแค่คริสตัลกับออสตินเพียงสองคน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยกับหญิงสาวเลยซักคำ“หิวมั้ย” คริสตัลถามขึ้นเมื่อบรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบเกินไป“….”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ภายในห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่เหมือนเดิม“ออกไปหาอะไรกินมั้ย” หญิงสาวยังคงถามต่อ พยายามถาม พยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ก็ไม่เป็นผล“….”ไม่ว่าเธอจะถาม จะพูดอะไร ชายหนุ่มเอาแต่งอนไม่ยอมตอบเธอเลยซักอย่าง“เป็นอะไร…” คริสตัลเดินเข้าไปถามชายหนุ่มใกล้ๆ แต่ออสตินก็เงียบ ไม่สนใจ แถมเขายังเดินหนีเข้าไปอาบน้ำอีกด้วยคริสตัลรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มนั้นล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“รีบออกมาน๊าาา” คริสตัลไม่ยอมแพ้ ถึงจะเข้าไปในห้องน้ำด้วยไม่ได้ เธอก็ตะโกนบอกเขาเสียงดังอย่างไม่ลดละความพยายามลงเลยซักนิดออสตินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวหนาเอาไว้ร่างหนาเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่สนใจ ถึงแม้เธอจะเดินตามง้อเขาแทบจะทุกฝีก้าวก็ตาม“หายงอนเถอะนะ” คริสตัลพูดพร้อมกับโอบกอดเอวหนา
สองวันต่อมาคริสตัลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้อง ฮันน่ากับกวินก็นั่งกินขนมกันอยู่ไม่ไกล ส่วนไอรินกับไทเกอร์ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องของคริสตัลได้กลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนไปแล้ว จะขาดก็แต่นาเดียที่ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาซักที“ดูอะไรอยู่เหรอ” ออสตินถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คริสตัลอย่างเคยชินเหมือนที่เคยทำอยู่ตลอด“ก็ดูไปเรื่อยแหละ” คริสตัลตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองออสตินก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเล่นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ“ถามอะไรหน่อยสิ” ร่างหนาถามขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว รอดูว่าเธอจะหันมามองเขาอีกหรือเปล่า“อะไรเหรอ” หญิงสาวถามออกมา แต่เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยซักนิด“ไม่คิดอะไรจริงเหรอ” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงหนุนตักหญิงสาวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมกับถามเธอออกมา“คิดเรื่องอะไร” คริสตัลก้มมองหน้าออสตินนิ่งๆ ก่อนที่เธอจะถามออกมา พร้อมกับทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังถามเรื่องอะไรอยู่“ก็เรื่องที่ไข่มุขยังมาวนเวียนมาอยู่แบบนี้ไง” ออสตินถามไปด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดมากเรื่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่ที่ออสตินกับคริสตัลเปิดตัวว่าคบกันออกสื่ออย่างเป็นทางการ ชีวิตของทั้งสองคนก็ดูมีความสุขมากขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างก็สบายใจไปด้วย ไม่มีอะไรที่จะอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ออสตินได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคริสตัลอย่างถาวร เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากจะย้ายไปอยู่ในห้องที่ชายหนุ่มเคยอยู่กับแฟนเก่ามาก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจและตามใจหญิงสาวทุกอย่างตลอดทั้งอาทิตย์ออสตินกับคริสตัลก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาคลุกอยู่ที่ห้องของคริสตัลเป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน“เรื่องน้องมุขเป็นไงบ้างวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย“ก็โดนตามขู่อยู่เหมือนเดิมแหละ” ไทเกอร์ตอบไปด้วยท่าทางนิ่งๆ“แรกๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านางจะโดนคุกคามจริงๆ นึกว่านางสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจซะอีก” ฮันน่าพูดออกมาตามตรง เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่วันนั้นกูไปเห็นมากับตา แม่งโดนทำลายด้วย โชคดีที่เข้าไปช่วยทัน” ไทเกอร์พูดถึงวันที่เอาเงินไปแล้วเห็นว่าไข่มุขกำลังโดนขู่ โชคดีที่เขาเอาเงินไปให้เธอทันเวลาพอ
เข้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก่อนหลังจากที่เพิ่งจะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ถ้าเขาไม่รับก็กลัวว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่นเสียก่อน“มีอะไรวะ” ออสตินถามเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น ทั้งๆ ที่ในใจเขาตอนนี้อยากจะด่าออกไปให้มันจบๆ(ฮ่าฮ่าฮ่า) ไม่มีเสียงพูดตอบกลับใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของไทเกอร์ที่ดังขึ้นมาอย่างพอใจ ก่อนที่ปลายสายจะกดวางสายไปเอง“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างก็แล้วกัน” ออสตินพูดออกมาด้วยความโกรธที่โดนแกล้งตอนเช้าแบบนี้ ชายหนุ่มรีบปิดเครื่องแล้วนอนกอดร่างบางต่อทันที“มีอะไรเหรอ” คริสตัลงัวเงียถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของออสติน“ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอขาวอย่างไม่รอช้า“อือออ…ขอพักก่อนได้มั้ย” หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะพึ่งจะได้พักเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง“นอนพักเลย…เดี๋ยวทำเอง” ออสตินกระซิบบอกที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย หญิงสาวได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่มีแม้แรงจะห้าม จึงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจตัวเองร่างหนาทาบทับร่างสวยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักครั้งใหม่กับเธออีกครั้ง..ช่ว
ออสตินเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคริสตัลกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พอได้อยู่กันสองคนในสถานะที่เปลี่ยนไปจากเพื่อน ทั้งสองคนก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนแล้วสายตาคมก็เหลือบไปเห็นหมอนกับผ้าห่มที่วางอยู่บนโซฟาข้างๆ เตียงนอน คงจะเป็นเจ้าของห้องที่เตรียมเอาไว้ให้แน่ๆ ชายหนุ่มไม่สนใจโชฟา เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงพลางเช็ดผมไปด้วย“พรุ่งนี้วันหยุด อยากไปเที่ยวที่ไหนมั้ย” เป็นคำถามที่สุดแสนจะธรรมดาแต่กลับทำให้คนฟังใจสั่นได้“ทำไม จะชวนไปเดทเหรอ” คริสตัลแกล้งถามด้วยท่าทางกวนๆ กลบเกลื่อนอาการประหม่า“ใช่ เดทแบบจริงจัง”“แล้วที่ผ่านมาไม่จริงจังเหรอ”“ก็จริงจังมาตลอด แต่มีบางคนไม่เคยจะมองเห็น”ชายหนุ่มเอาผ้าเช็ดผมคล้องคอตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลานไปหาหญิงสาวที่อยู่หัวเตียงอย่างช้าๆ“ตกลงไปคุยอะไรกันมา ยังไม่เล่าเลยนะ” คริสตัลถามไปแก้เขิน ตอนนี้ร่างกำยำมาถึงตัวเธอแล้ว“หึงเหรอ”“ใครหึง มีอะไรต้องหึง” เพราะเธอรู้เรื่องหมดแล้วไงหล่ะ“ถ้าไม่หึง ก็แสดงว่าเขิน ดูสิหน้าแดงหมดเลย” ชายหนุ่มจับแก้มหญิงสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เล่ามาได้แล้ว ”คนเขินแทบบ้าแ
ทางด้านหนุ่มๆ ที่ไม่ได้ไปเดินห้างกับสาวๆ ก็พากันเข้ามาที่สนามแข่งรถของกวิน“กูว่ารถคันนี้ดูเหมาะกับมึงนะ”กวินป้ายยาเพื่อนทันทีที่เห็นรถเข้ามาใหม่ และเป็นสไตล์ที่เพื่อนชอบ“เหรอ” ออสตินถามกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ ตามสไตล์ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้สึกสนใจรถตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าโรงจอดรถที่บ้านมันเต็มลิมิตจนไม่มีที่จะจอด เขาคงซื้อไปแล้ว“ซื้อเอาไว้ซักคันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” กวินพูดสนับสนุนเพื่อนไม่ยอมหยุด“มึงจะบอกให้มันซื้อไปอีกทำไม รถมันเยอะกว่ารถที่อยู่โชว์รูมมึงอีก” ไทเกอร์พูดแทรกขึ้นทันทีในขณะที่สามหนุ่มกำลังคุยเรื่องรถกันอยู่ หญิงสาวที่หายหน้าหายตาไปหลายวันก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ทุกข์ใจ“พี่ติน” ไข่มุขเอ่ยชื่อออสตินเสียงเบา บ่งบอกถึงความกระดากอายอยู่ไม่น้อย“มีอะไร” ออสตินถามกลับไปตามมารยาท เมื่อเห็นอีกฝ่ายใบหน้าดูเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด“มุขขอคุยกับพี่ตินหน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวมองหน้าออสตินอย่างอ้อนวอน“อืม” ออสตินตอบไปเพียงสั้นๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินนำออกไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านออสตินเดินตามหญิงสาวออกไป เพราะดูแล้วเธอคงจะมีเรื่องลำบากใจอะไรซักอย่าง ที่จะมาขอให้เขาช่วย“มี
การเผื่อใจเริ่มมีเปอร์เซ็นต์เป็นจริงเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อหลายวันที่ผ่านมาออสตินทำดีกับคริสตัลอยู่ตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก แต่ในระหว่างนี้ก็ทำเอาหญิงสาวอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าพี่หมอหายไปไหน ไม่เห็นติดต่อมาหลายวันแล้ว พอเธอเข้าไปดูไอจีก็ไม่เห็นว่าพี่หมอจะอัพเดตอะไร ล่าสุดที่ลงก็เป็นรูปตั๋วหนังที่ไปดูกับเธอ ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เคลียร์กัน“ตกลงมึงจะเอายังไงกับพี่หมอวะ” เสียงนาเดียถามขึ้น ในตอนที่ผู้ชายไม่ได้อยู่ด้วย“นั่นดิ! น่าเสียดายคนดีๆ แบบพี่หมออะ” ตามด้วยฮันน่าที่พูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางเสียดายสุดๆ“ถ้าเสียดายมึงก็ไปจีบสิ!” นาเดียรีบแนะนำแบบติดตลก ไม่คิดว่าเพื่อนจะคิดจริง“เป็นความคิดที่ดี เดี๋ยวกูจะใช้ร่างกายรักษาแผลใจให้พี่หมอเอง” ฮันน่าทั้งพูด ทั้งทำท่าเซ็กซี่แบบสุดๆ“พักก่อนค่ะเพื่อน กูแค่พูดเล่น แล้วมึงก็ไม่ใช่เสปคพี่หมอ”นาเดียพูดดับฝันเพื่อนทันที“แต่กูจริงจังนะ”“ปล่อยให้พี่หมอไปเจอคนที่ปกติเถอะ” นาเดียพูดอย่างสงสารพี่หมอ“แล้วกูไม่ปกติตรงไหนวะ” ฮันน่ารีบเถียงทันที สวยขนาดนี้ รวยขนาดนี้ ไม่ปกติตรงไหน“ทุกตรงค่ะ” นาเดียดับฝันของฮันน่าอีกครั้