“เดี๋ยวๆ คริส แม่งงไปหมดแล้ว ชุดเราก็ได้มาแล้วไม่ใช่เหรอลูก” พอเดินออกมาได้ซักพัก แม่ฉันก็ถามฉันขึ้นมาอย่างงงๆ พลางทำหน้านึกคิด“ใช่ค่ะ” ฉันตอบไปแบบนิ่งๆ อย่างรู้สึกผิดที่โกหกแม่ไปแบบนั้น“คริสมีเรื่องอะไรรึป่าวหรือว่ามีปัญหาอะไรกับเพื่อนมั้ย” แม่ถามฉันขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง“ไม่มีค่ะ” ฉันก้มหน้าก้มตาตอบแม่ไป โดยที่ฉันไม่กล้าที่จะมองหน้าแม่ (อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมาซะงั้น)“จริงเหรอ ปกติคริสไม่เคยเดินหนีออกมาแบบนี้นะ” แม่ยังคงถามต่อ แต่ก็จริงอย่างที่แม่พูดแหละ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะแม่” ฉันยังคงยืนยันคำตอบเดิม แถมยังพูดไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่นัก“แม่ไม่เชื่อหรอก” แม่มองฉันด้วยสายตาจับผิด และไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดฉันถึงกับนิ่งพูดอะไรไม่ออก ไม่ว่าจะพูดไปยังไง แม่ก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี“แม่เลี้ยงคริสมาเองกับมือ ทำไมแม่จะไม่รู้นิสัยลูกตัวเองล่ะ” แม่พูดอย่างรู้ทัน แต่มันก็จริงอย่างที่แม่พูดมานั่นแหละ“คือคริสมีเรื่องอึดอัดใจนิดหน่อยค่ะ” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ฉันก็เลยตัดสินใจพูดออกมา“มีอะไรก็พูดกับแม่ได้นะ” แม่ก็ยังเป็นห่วงฉันไม่เปลี่ยน (ความเป็นแม่อะนะ)“คือตอนนี้คร
BOY FRIEND PART_18เฮ้อ! พอเดินออกมาได้ซักพัก ฉันก็รีบนั่งลงบนม้านั่งที่อยู่ในสวน ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่านซักเท่าไหร่ ก่อนที่ฉันจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“งานอะไรน่าเบื่อชะมัดเลย” ฉันบ่นขึ้นมาอย่างลืมตัว ฉันลืมไปเลยว่ามีคนมาด้วย (เห็นเงียบๆ ฉันก็นึกว่าฉันมาคนเดียว)“ขอโทษที่คริสพูดตรงเกินไปนะคะ คือคริสไม่ชอบงานแบบนี้ค่ะ” ฉันหันไปบอกพี่คีรินที่กำลังมองหน้าฉันด้วยท่าทางอึ้งๆ อยู่ ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูกเลย ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ“ไม่เป็นไรครับ พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน” พี่คีรินบอกฉันพร้อมรอยยิ้ม ยิ้มแบบนี้อีกแล้วนะ จะทำให้ฉันหลงรอยยิ้มนี้ไปถึงไหนกัน หรือว่าพี่คีรินจะชอบที่ฉันเป็นคนพูดตรงๆ ถึงได้ยิ้มให้ฉันแบบนี้ตลอดเลยนะ (เข้าข้างตัวเองไปอี๊ก!)“พี่คีย์ไม่ต้องเอาใจคริสตามที่แม่บอกก็ได้นะคะ ทำตัวตามสบายเลย หรือว่าจะไปเดินเล่นที่ไหนก่อนก็ได้นะคะ อีกซักครึ่งชั่วโมงค่อยเข้าไปในงานพร้อมกันก็ได้” ฉันพูดไปตามความจริง ฉันไม่อยากทำให้พี่คีย์ลำบากใจกับเรื่องนี้ และจะได้แฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่ายด้วย“พี่ไม่รู้จะไปไหน ขอนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยได้มั้ยครับ” พี่คีรินยังคงยิ้มให้ฉัน (คนอะไรดูดีไปหมดเลยนะ)“ไ
หลังจากที่เดินกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง ฉันก็อยู่กับแม่จนถึงเวลาที่งานเลี้ยงได้จบลง นี่แหละนะเค้าถึงบอกว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ซึ่งก็เป็นเวลาที่ฉันรอคอยมาตลอดตั้งแต่เดินเข้ามาในงานแล้ว“กลับบ้านกันค่ะแม่ รถมาจอดรอแล้ว” ฉันบอกแม่เมื่อเห็นรถของที่บ้านมาจอดรออยู่ด้านหน้างานแม่ฉันพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินขึ้นไปนั่งบนรถ ตามด้วยฉันที่นั่งลงเบาะข้างๆ แม่ยังไม่ทันที่รถจะได้ขับออกไป อยู่ๆ พี่คีรินก็วิ่งมาเคาะกระจกรถ จนฉันต้องเปิดประตูรถออกไปดู วิ่งมาขนาดนี้ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ดูสิเหงื่อซึมไปทั้งหน้าเลย“พี่คีย์มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันรีบเดินลงจากรถ แล้วถามออกไปอย่างสงสัย ทำไมอยู่ๆ พี่คีรินถึงได้วิ่งมาแบบนี้“พี่ขอเบอร์หนูได้มั้ย” พี่คีรินไม่พูดเปล่า รีบยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันทันทีฉันอ้ำอึ้งไม่กล้าปฏิเสธ พอจะหันไปหาแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่แม่กลับยิ้มให้ฉันอย่างสนับสนุน และเชียร์พี่คีรินอย่างเห็นได้ชัด“ผมขออนุญาตนะครับคุณน้า ผมอยากคุยกับน้องจริงๆ ครับ” พี่คีรินเห็นฉันไม่ตอบ ก็รีบหันไปขออนุญาตแม่ฉันอย่างไม่รอช้า“จ้ะ!” แม่เองก็รีบอนุญาต โดยที่ไม่ปรึกษาฉันเลยซักนิดฉันนิ่งไปในใจตอนนี้คิ
ตลอดทางที่ฉันขับรถมามหาลัยฉันเอาแต่คิดว่าจะต้องทำตัวยังไงดี เปิดเรียนวันแรกถ้าเป็นเมื่อก่อนมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่สำหรับตอนนี้มันคงไม่ใช่แล้วนานแล้วนะที่ฉันไม่ได้เจอเพื่อนๆ แต่ก็ยังมีคุยกันบ้าง เหมือนจะดีใจที่จะได้เจอแต่สุดท้ายก็ได้แค่เหมือน พอฉันคิดถึงออสตินกับแฟนทีไร ก็ทำเอาฉันเซ็งขึ้นมาทุกทีเลย ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องทำตัวแบบไหน แต่ถ้าจะให้ฉันทำตัวเหมือนเดิมมันก็คงจะทำไม่ได้แล้วแหละ ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันมาไกลขนาดนี้แล้วพอจอดรถเสร็จฉันก็เดินตรงไปหาเพื่อนที่โต๊ะประจำทันที“กว่าจะมาได้นะมึง” มาถึงยัยเดียก็บ่นให้ฉันอย่างไม่รอช้า“คนสวยก็งี้แหละ” ฉันตอบแล้วนั่งลงข้างยัยริน ถือว่าโชคยังดีที่ออสตินยังไม่มา แต่ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรออสตินกับแฟนเด็กนั่นก็เดินตรงมาที่โต๊ะ“สวัสดีค่ะ” พอมาถึงยัยเด็กนั่นก็ยกมือขึ้นไหว้ทักทายทุกคน ยกเว้นฉัน!“มุขซื้อขนมปังร้านดังมาฝากค่ะ” พูดจบยัยเด็กนั่นก็ยื่นขนมปังให้กับทุกคน ยกเว้นฉันอีกตามเคย จ้ะ!“นี่ของพี่เดียค่ะ” เด็กนั่นพูดพร้อมกับยื่นขนมปังให้กับยัยเดีย แต่ก็ไม่รู้อะไรซะแล้ว…“พี่ไม่ชอบกินขนมปัง” พูดจบยัยเดียก็หันไปคุยเรื่องอื่นกับยัยฮันน่า ทำเอานาง
“นั่นไง แอบมาเดทกับผู้ชายก็ไม่บอกเพื่อน” ยัยฮันน่าพูดขึ้นแล้วนั่งลงข้างพี่หมออย่างรวดเร็ว“มึงนี่ก็ร้ายไม่เบานะ” ตามด้วยเสียงยัยเดียที่นั่งลงข้างพี่หมออีกฝั่ง ส่วนยัยรินก็นั่งลงข้างฉัน โชคดีที่พวกผู้ชายไม่ได้เดินเข้ามาด้วย“นี่พี่คีย์…พี่หมอคะนี่ยัยฮันน่า ยัยเดีย แล้วก็ยัยรินค่ะ” ฉันแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน ก่อนจะนั่งกุมขมับให้กับการกระทำของยัยเดียกับยัยฮันน่า ทำอะไรไม่เกรงใจพี่หมอเลยซักนิดส่วนพี่หมอก็ยิ้มทักทายทุกคน ทำเอาพวกมันนั่งเขินบิดตัวไปมาเฮ้อ! ฉันล่ะเหนื่อยใจจริงๆ“ชื่อพี่คีย์…แต่มึงเรียกว่าพี่หมอเหรอ” ยัยฮันน่าหันมาถาม แล้วมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง“เอ่อ…ก็พี่เค้าเรียนหมอใกล้จะจบแล้วไง” ฉันตอบไปอย่างอ้ำอึ้ง“งั้นกูก็จะเรียกพี่หมอแบบมึง จะได้ดูสนิทกัน หวังว่าพี่หมอคงไม่โกรธนะคะ” ยัยฮันน่าหันไปถามพี่หมอพร้อมรอยยิ้ม“เดียก็ขอเรียกพี่หมอด้วยอีกคนนะคะ” ตามด้วยยัยเดียที่หันไปขออนุญาตจากพี่หมอ ตอนนี้พี่หมอนั่งมองหน้ายัยเดียกับยัยฮันน่าสลับกันไปมา“ได้ครับ เอาตามที่ทุกคนสะดวกเลย” พี่หมอตอบทั้งสองคนพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาฉันอายกับการกระทำของเพื่อนๆ เลย“พี่หมอหล่อแล้วยังใจดีอีกอะมึง” ยัยเดี
“สนุกมั้ยครับ” พี่หมอถามขึ้นมาในตอนที่เดินออกมาจากโรงหนัง“สนุกค่ะ” ฉันตอบไปตามความจริง จนฉันเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงฉากตลกในหนัง บางทีพี่หมออาจจะเครียดจากเรื่องเรียน จากเรื่องงานที่โรงพยาบาล จนต้องหาหนังตลกดูเพื่อผ่อนคลายความเครียดอยู่ๆ ฉันรู้สึกเหมือนมีใครกำลังมองมาที่ฉัน ฉันรีบหันไปมองหน้าพี่หมอ ก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่หมอที่มองหน้าฉันอยู่“พี่หมอมองหน้าคริสทำไมคะ หรือว่ามีอะไรติดหน้าคริสคะ” ฉันถามขึ้นอย่างสงสัย พร้อมกับเอามือจับหน้าตัวเองอย่างงงๆ เมื่อพี่หมอเอาแต่จ้องหน้าฉัน“ไม่มีครับ” ไม่เพียงแค่พูดแต่พี่หมอยังยิ้มให้ฉัน“แล้วพี่หมอมองหน้าคริสทำไมคะ” ฉันยังคงถามคำถามเดิมเมื่อพี่หมอมองหน้าฉันอย่างไม่ละสายตา“คือพี่ไม่เคยเห็นหนูยิ้มแบบนี้เลยซักครั้ง หนูรู้ตัวรึป่าวว่าตอนที่หนูยิ้มน่ารักกว่าตอนที่หนูหน้าบูดอีกนะ” พี่หมอพูดด้วยสายตาที่จริงจังและจริงใจ“คะ” ประโยคที่พี่หมอพูดทำเอาฉันทำตัวไม่ถูกเลย“ต่อไปนี้หนูต้องยิ้มบ่อยๆ นะครับ” พี่หมอยังคงบอกฉันต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ใช่พี่หมอตัวจริงมั้ยคะหนิ” ฉันแกล้งถามติดตลกไป ทั้งๆ ที่ตอนนี้ฉันเขินจนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว“ตัวจริงสิครับ” พี่หมอต
ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างคนที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง แม้เจ้าของห้องจะเดินหนีไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าชายหนุ่มจะเดินออกจากห้องไปเลยซักนิดมือหนาลูบใบหน้าตัวเองไปมาอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หญิงสาวอยู่กับชายอื่น จนชายหนุ่มทนไม่ไหวต้องเดินตามหญิงสาวเข้าไปในห้องนอนทันที“แล้วมึงจะหนีหน้ากูแบบนี้ไปตลอดเหรอ” ออสตินพยายามพูดหาเรื่องเพื่อที่จะได้คุยกับคริสตัลต่อ“อะไรของมึงอีกวะ” คริสตัลถามกลับอย่างเหลืออดการที่เธอหนีมันก็แปลว่าเธอไม่อยากจะให้ออสตินกับแฟนมีปัญหากัน แบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมเขาถึงได้คอยแต่จะตามมาหาเรื่องเธออยู่ตลอดเลยนะ“ถ้ามึงเลิกชอบกู แล้วมึงไม่ได้คิดอะไรกับกูแล้ว มึงก็ต้องไปกับเพื่อนได้” ออสตินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงท้าทาย เพราะคิดว่าคริสตัลยังคงชอบตัวเองอยู่ และคงไม่มีทางเลิกชอบได้เร็วขนาดนี้ไม่มีเสียงตอบรับ คริสตัลยืนนิ่งไม่รู้จะพูดอะไร เธอพยายามพาตัวเองออกห่างเพื่อทำใจและยังไม่พร้อมที่จะเห็นออสตินอยู่กับแฟนในตอนนี้ แค่นี้หัวใจเธอก็บอบช้ำมากพอแล้ว“หรือว่ามึงยังคิดอะไรกับกูอยู่ มึงถึงไม่กล้าไป” ออสตินยังคงพูดอย่างท้าทายไม่เปลี่ยน เพรา
พอมาถึงผับพวกเราก็รีบเดินตรงไปยังโต๊ะประจำที่เจ้าของผับอย่างไทเกอร์จองไว้ให้ ซึ่งเป็นโต๊ะที่วีไอพีสุดๆเมื่อมาถึงโต๊ะก็เจอไอ้เกอร์กับไอ้วินนั่งรอกันอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นภาพที่เซอร์ไพรส์แบบสุดๆ ปกติพวกมันไม่เคยจะมานั่งรอซักครั้ง มีแต่จะมาช้ากันเป็นชั่วโมง“มึงว่าไอ้ตินจะมากับแฟนมั้ยวะ” เสียงยัยฮันน่าหันไปถามไอ้วินที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงมันจะถามเบาๆ แต่ฉันก็ยังได้ยินอยู่ดี“มึงอยากรู้มึงก็ถามมันเองดิ” ไอ้วินตอบมาอย่างกวนๆ ทำเอาฉันที่นั่งรอฟังคำตอบอยู่ด้วยทำหน้าเซ็งไม่ต่างจากคนถามอย่างยัยฮันน่าเลยซักนิด“เออ! เดี๋ยวกูถามมันเองก็ได้!” ยัยฮันน่าบอกไปอย่างไม่แคร์พร้อมกับสะบัดหน้าหนีอย่างอารมณ์เสีย“มันมาคนเดียว…” เป็นไทเกอร์ที่พูดแทรกขึ้นมา ทำเอาทุกคนต่างก็หันไปมองเป็นตาเดียวกันด้วยความสงสัย“มึงรู้ได้ยังไง” เป็นเสียงยัยเดียที่ถามขึ้นมาก่อนใคร ซึ่งก็เป็นคำถามที่ทุกคนต่างก็อยากจะรู้เหมือนกัน“ก็กูเป็นคนบอกมันเองว่าไม่ต้องพาแฟนมาด้วย” ไอ้เกอร์ตอบอย่างนิ่งๆ แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม“มึงทำได้ถูกใจกูมาก มึงนี่สุดยอดเพื่อนดีเด่นจริงๆ” ยัยฮันน่าพูดอย่างพอใจ พร้อมกับปรบมือให้ไทเกอร์ที่ทำได้ถูกใจเพื่อนๆ
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงพี่สาวของไข่มุขก็บอกอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยน้องสาว แต่ก็ต้องหาวันว่างๆ แล้วค่อยนัดกันอีกที เพราะวันนี้ไข่มุขเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะไปกินข้าวกันวันนี้คงจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ทุกคนก็ตกลงเห็นด้วย ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่พี่สาวของไข่มุขจะขอตัวกลับเพื่อพาน้องสาวไปพัก“ไปหาอะไรกินกันมั้ยวะ หิวแล้ว” ฮันน่าพูดขึ้นเพราะกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็เป็นช่วงเย็นพอดี ก็ทำเอาทุกคนหิวไม่ต่างกัน“ดีเหมือนกัน กูก็เริ่มหิวแล้ว” ตามด้วยเสียงนาเดียพูดขึ้นที่ดูท่าจะหิวไม่ต่างกัน“ไปก็ไป” กวินตามใจสาวๆ อย่างขัดไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปด้วย มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ สาวๆ ยิ่งเอาแต่ใจกันอยู่ด้วย“จะไปกินร้านไหนวะ” คริสตัลถามขึ้นอย่างไม่รอช้า“ไปร้านอาหารแถวคอนโดมึงก็ได้ กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ” ฮันน่ารีบตอบทันทีดูท่าแล้วน่าจะหิวหนักกว่าใครคนอื่น“งั้นก็ไปเจอกันที่ร้านxxx” ออสตินที่รู้จักร้านอาหารที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี ก็รีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือคริสตัลแล้วเดินจูงมือเธอตรงไปที่รถทันที“อีคริสมันไม่ได้ตาบอดนะ ทำไมต้องจั
ออสตินกับคริสตัลมาถึงยังสถานที่ที่ไข่มุขบอกเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่มากันครบหมดทุกคน เพราะคริสตัลได้โทรบอกเพื่อนให้ออกมาช่วยกันก่อนที่เธอจะออกมา“ทำไมไม่เห็นมีใครเลยวะ” นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้าย มองขวาอย่างสำรวจซอยเปลี่ยวที่เงียบและไร้ผู้คนจนดูน่ากลัว“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจนทุกคนหันไปมองหน้ากัน คิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไข่มุกแน่ๆเอี๊ยด!เสียงรถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะปรากฎร่างกายกำยำของชายชุดดำสามคนที่กำลังเดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปกระชากหญิงสาวที่อยู่กับชายชุดดำอีกคนให้รีบเดินตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่“รีบเดินหน่อยสิวะ!” ชายชุดดำที่ดูน่ากลัวตะคอกบอกไข่มุขเสียงดัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง“ขึ้นไปอยู่บนรถกันก่อนนะ” ออสตินบอกกับคริสตัลด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเป็นอันตราย“เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” กวินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พร้อมกับมีออสตินและไทเกอร์เดินตามมาด้วยสาวๆ รีบวิ่งขึ้นไปอยู่บนรถอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครบ่นเลยซักคำ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับไปจนหมด ตอนนี้ภายในห้องก็มีแค่คริสตัลกับออสตินเพียงสองคน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยกับหญิงสาวเลยซักคำ“หิวมั้ย” คริสตัลถามขึ้นเมื่อบรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบเกินไป“….”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ภายในห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่เหมือนเดิม“ออกไปหาอะไรกินมั้ย” หญิงสาวยังคงถามต่อ พยายามถาม พยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ก็ไม่เป็นผล“….”ไม่ว่าเธอจะถาม จะพูดอะไร ชายหนุ่มเอาแต่งอนไม่ยอมตอบเธอเลยซักอย่าง“เป็นอะไร…” คริสตัลเดินเข้าไปถามชายหนุ่มใกล้ๆ แต่ออสตินก็เงียบ ไม่สนใจ แถมเขายังเดินหนีเข้าไปอาบน้ำอีกด้วยคริสตัลรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มนั้นล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“รีบออกมาน๊าาา” คริสตัลไม่ยอมแพ้ ถึงจะเข้าไปในห้องน้ำด้วยไม่ได้ เธอก็ตะโกนบอกเขาเสียงดังอย่างไม่ลดละความพยายามลงเลยซักนิดออสตินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวหนาเอาไว้ร่างหนาเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่สนใจ ถึงแม้เธอจะเดินตามง้อเขาแทบจะทุกฝีก้าวก็ตาม“หายงอนเถอะนะ” คริสตัลพูดพร้อมกับโอบกอดเอวหนา
สองวันต่อมาคริสตัลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้อง ฮันน่ากับกวินก็นั่งกินขนมกันอยู่ไม่ไกล ส่วนไอรินกับไทเกอร์ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องของคริสตัลได้กลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนไปแล้ว จะขาดก็แต่นาเดียที่ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาซักที“ดูอะไรอยู่เหรอ” ออสตินถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คริสตัลอย่างเคยชินเหมือนที่เคยทำอยู่ตลอด“ก็ดูไปเรื่อยแหละ” คริสตัลตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองออสตินก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเล่นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ“ถามอะไรหน่อยสิ” ร่างหนาถามขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว รอดูว่าเธอจะหันมามองเขาอีกหรือเปล่า“อะไรเหรอ” หญิงสาวถามออกมา แต่เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยซักนิด“ไม่คิดอะไรจริงเหรอ” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงหนุนตักหญิงสาวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมกับถามเธอออกมา“คิดเรื่องอะไร” คริสตัลก้มมองหน้าออสตินนิ่งๆ ก่อนที่เธอจะถามออกมา พร้อมกับทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังถามเรื่องอะไรอยู่“ก็เรื่องที่ไข่มุขยังมาวนเวียนมาอยู่แบบนี้ไง” ออสตินถามไปด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดมากเรื่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่ที่ออสตินกับคริสตัลเปิดตัวว่าคบกันออกสื่ออย่างเป็นทางการ ชีวิตของทั้งสองคนก็ดูมีความสุขมากขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างก็สบายใจไปด้วย ไม่มีอะไรที่จะอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ออสตินได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคริสตัลอย่างถาวร เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากจะย้ายไปอยู่ในห้องที่ชายหนุ่มเคยอยู่กับแฟนเก่ามาก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจและตามใจหญิงสาวทุกอย่างตลอดทั้งอาทิตย์ออสตินกับคริสตัลก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาคลุกอยู่ที่ห้องของคริสตัลเป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน“เรื่องน้องมุขเป็นไงบ้างวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย“ก็โดนตามขู่อยู่เหมือนเดิมแหละ” ไทเกอร์ตอบไปด้วยท่าทางนิ่งๆ“แรกๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านางจะโดนคุกคามจริงๆ นึกว่านางสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจซะอีก” ฮันน่าพูดออกมาตามตรง เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่วันนั้นกูไปเห็นมากับตา แม่งโดนทำลายด้วย โชคดีที่เข้าไปช่วยทัน” ไทเกอร์พูดถึงวันที่เอาเงินไปแล้วเห็นว่าไข่มุขกำลังโดนขู่ โชคดีที่เขาเอาเงินไปให้เธอทันเวลาพอ
เข้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก่อนหลังจากที่เพิ่งจะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ถ้าเขาไม่รับก็กลัวว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่นเสียก่อน“มีอะไรวะ” ออสตินถามเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น ทั้งๆ ที่ในใจเขาตอนนี้อยากจะด่าออกไปให้มันจบๆ(ฮ่าฮ่าฮ่า) ไม่มีเสียงพูดตอบกลับใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของไทเกอร์ที่ดังขึ้นมาอย่างพอใจ ก่อนที่ปลายสายจะกดวางสายไปเอง“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างก็แล้วกัน” ออสตินพูดออกมาด้วยความโกรธที่โดนแกล้งตอนเช้าแบบนี้ ชายหนุ่มรีบปิดเครื่องแล้วนอนกอดร่างบางต่อทันที“มีอะไรเหรอ” คริสตัลงัวเงียถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของออสติน“ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอขาวอย่างไม่รอช้า“อือออ…ขอพักก่อนได้มั้ย” หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะพึ่งจะได้พักเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง“นอนพักเลย…เดี๋ยวทำเอง” ออสตินกระซิบบอกที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย หญิงสาวได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่มีแม้แรงจะห้าม จึงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจตัวเองร่างหนาทาบทับร่างสวยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักครั้งใหม่กับเธออีกครั้ง..ช่ว
ออสตินเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคริสตัลกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พอได้อยู่กันสองคนในสถานะที่เปลี่ยนไปจากเพื่อน ทั้งสองคนก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนแล้วสายตาคมก็เหลือบไปเห็นหมอนกับผ้าห่มที่วางอยู่บนโซฟาข้างๆ เตียงนอน คงจะเป็นเจ้าของห้องที่เตรียมเอาไว้ให้แน่ๆ ชายหนุ่มไม่สนใจโชฟา เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงพลางเช็ดผมไปด้วย“พรุ่งนี้วันหยุด อยากไปเที่ยวที่ไหนมั้ย” เป็นคำถามที่สุดแสนจะธรรมดาแต่กลับทำให้คนฟังใจสั่นได้“ทำไม จะชวนไปเดทเหรอ” คริสตัลแกล้งถามด้วยท่าทางกวนๆ กลบเกลื่อนอาการประหม่า“ใช่ เดทแบบจริงจัง”“แล้วที่ผ่านมาไม่จริงจังเหรอ”“ก็จริงจังมาตลอด แต่มีบางคนไม่เคยจะมองเห็น”ชายหนุ่มเอาผ้าเช็ดผมคล้องคอตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลานไปหาหญิงสาวที่อยู่หัวเตียงอย่างช้าๆ“ตกลงไปคุยอะไรกันมา ยังไม่เล่าเลยนะ” คริสตัลถามไปแก้เขิน ตอนนี้ร่างกำยำมาถึงตัวเธอแล้ว“หึงเหรอ”“ใครหึง มีอะไรต้องหึง” เพราะเธอรู้เรื่องหมดแล้วไงหล่ะ“ถ้าไม่หึง ก็แสดงว่าเขิน ดูสิหน้าแดงหมดเลย” ชายหนุ่มจับแก้มหญิงสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เล่ามาได้แล้ว ”คนเขินแทบบ้าแ
ทางด้านหนุ่มๆ ที่ไม่ได้ไปเดินห้างกับสาวๆ ก็พากันเข้ามาที่สนามแข่งรถของกวิน“กูว่ารถคันนี้ดูเหมาะกับมึงนะ”กวินป้ายยาเพื่อนทันทีที่เห็นรถเข้ามาใหม่ และเป็นสไตล์ที่เพื่อนชอบ“เหรอ” ออสตินถามกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ ตามสไตล์ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้สึกสนใจรถตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าโรงจอดรถที่บ้านมันเต็มลิมิตจนไม่มีที่จะจอด เขาคงซื้อไปแล้ว“ซื้อเอาไว้ซักคันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” กวินพูดสนับสนุนเพื่อนไม่ยอมหยุด“มึงจะบอกให้มันซื้อไปอีกทำไม รถมันเยอะกว่ารถที่อยู่โชว์รูมมึงอีก” ไทเกอร์พูดแทรกขึ้นทันทีในขณะที่สามหนุ่มกำลังคุยเรื่องรถกันอยู่ หญิงสาวที่หายหน้าหายตาไปหลายวันก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ทุกข์ใจ“พี่ติน” ไข่มุขเอ่ยชื่อออสตินเสียงเบา บ่งบอกถึงความกระดากอายอยู่ไม่น้อย“มีอะไร” ออสตินถามกลับไปตามมารยาท เมื่อเห็นอีกฝ่ายใบหน้าดูเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด“มุขขอคุยกับพี่ตินหน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวมองหน้าออสตินอย่างอ้อนวอน“อืม” ออสตินตอบไปเพียงสั้นๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินนำออกไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านออสตินเดินตามหญิงสาวออกไป เพราะดูแล้วเธอคงจะมีเรื่องลำบากใจอะไรซักอย่าง ที่จะมาขอให้เขาช่วย“มี
การเผื่อใจเริ่มมีเปอร์เซ็นต์เป็นจริงเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อหลายวันที่ผ่านมาออสตินทำดีกับคริสตัลอยู่ตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก แต่ในระหว่างนี้ก็ทำเอาหญิงสาวอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าพี่หมอหายไปไหน ไม่เห็นติดต่อมาหลายวันแล้ว พอเธอเข้าไปดูไอจีก็ไม่เห็นว่าพี่หมอจะอัพเดตอะไร ล่าสุดที่ลงก็เป็นรูปตั๋วหนังที่ไปดูกับเธอ ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เคลียร์กัน“ตกลงมึงจะเอายังไงกับพี่หมอวะ” เสียงนาเดียถามขึ้น ในตอนที่ผู้ชายไม่ได้อยู่ด้วย“นั่นดิ! น่าเสียดายคนดีๆ แบบพี่หมออะ” ตามด้วยฮันน่าที่พูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางเสียดายสุดๆ“ถ้าเสียดายมึงก็ไปจีบสิ!” นาเดียรีบแนะนำแบบติดตลก ไม่คิดว่าเพื่อนจะคิดจริง“เป็นความคิดที่ดี เดี๋ยวกูจะใช้ร่างกายรักษาแผลใจให้พี่หมอเอง” ฮันน่าทั้งพูด ทั้งทำท่าเซ็กซี่แบบสุดๆ“พักก่อนค่ะเพื่อน กูแค่พูดเล่น แล้วมึงก็ไม่ใช่เสปคพี่หมอ”นาเดียพูดดับฝันเพื่อนทันที“แต่กูจริงจังนะ”“ปล่อยให้พี่หมอไปเจอคนที่ปกติเถอะ” นาเดียพูดอย่างสงสารพี่หมอ“แล้วกูไม่ปกติตรงไหนวะ” ฮันน่ารีบเถียงทันที สวยขนาดนี้ รวยขนาดนี้ ไม่ปกติตรงไหน“ทุกตรงค่ะ” นาเดียดับฝันของฮันน่าอีกครั้