นั่งดื่มกันไปซักพักสถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นไปทุกที ทุกคนเอาแต่นั่งดื่มกันไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยซักคำ ออสตินก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ปรึกษาอะไรเพื่อนเลย จนฉันเองทำตัวไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉัน เหตุการณ์มันก็เลยแย่แบบนี้
“กูกลับก่อนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่จะลุกขึ้น ทุกคนต่างก็มองก็มาที่ฉันอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ ฉันก็จะกลับแบบนี้
“นั่งลง” ออสตินบอกพร้อมกับดึงแขนฉันให้นั่งลงที่เดิม (อยู่ๆ ใจฉันก็สั่นขึ้นมาซะงั้น นานแล้วนะที่ออสตินไม่ได้แตะตัวฉันแบบนี้) ฉันมองหน้าออสตินด้วยความแปลกใจ (นี่มันไปกินยามาผิดรึป่าววะเนี่ย!)
“มึงจะกลับทำไม กลับไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมาหรอก” ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ ตามสไตล์ จนฉันไม่กล้าพูด ไม่กล้าถามอะไร
“งี่เง่าอีกแล้วเหรอวะ” อยู่ๆ ไอ้วินก็หันมาถามออสติน จนฉันงงไปหมดแล้ว ฉันก็นั่งของฉันอยู่เฉยๆ นี่จะมาว่าฉันงี่เง่าหรอ!
“อืม” นี่ก็อีกคน ตอบสั้นๆ ไปแบบไม่คิดอะไรเลยซักนิด แล้วยังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ฉันไม่ทนหรอกนะจะมาว่าฉันงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้!
“กูไม่ได้งี่เง่านะ” ฉันหันไปสะกิดแขนไอ้วิน แล้วพูดกับมันให้รู้เรื่อง
“อะไร มึงเป็นอะไร ใครไปว่ามึง” ไอ้วินตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยซักนิด
“ก็ที่มึงพูดกับไอ้ตินอะ” ฉันยังคงถามต่อ เพราะยังไงฉันก็คิดว่ามันหมายถึงฉันแน่ๆ ที่ว่างี่เง่า
“ก็ไม่ได้ว่ามึง กูหมายถึงแฟนไอ้ตินมันนู้น”
เพล้ง! หน้าแตกแบบที่หมอไม่รับเย็บเลยฉัน สำคัญตัวผิดนึกว่าหมายถึงตัวเอง อายไอ้วินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วเนี่ย แต่เดี๋ยวนะ มันใช้คำว่า ‘งี่เง่าอีกแล้ว’ แบบนี้ก็แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเป็นแบบนี้สินะ หรือว่าออสตินมันจะเคยปรึกษาเรื่องแฟนกับพวกผู้ชายมาแล้ว
“กูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” ยัยฮันน่าพูดขึ้นอย่างจริงจัง นี่มันจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย
“ดีอะไรของมึงอีก” ไอ้เกอร์ที่อยากรู้ก็ถามขึ้นมา
“ก็เมื่อก่อนตอนที่ไอ้ตินมันยังไม่มีแฟน พวกเราก็ไปเที่ยวไปดื่มกันจนเมาอย่างสนุก ไม่ต้องมามัวคอยคิดถึงความรู้สึกใคร” ยัยฮันน่าพูดขึ้นทำเอาฉันคิดถึงตอนนั้นเลย ไปไหนไปกันสนุกกันสุดๆ
“ก็จริงนะ เมื่อก่อนเมาจนกลับห้องไม่ได้ แต่ก็โคตรมีความสุขเลยว่ะ” ยัยเดียก็พูดเสริมยัยฮันน่าตลอด เข้ากันได้ทุกเรื่องเลยจริงๆ
“กูก็ว่างั้นแหละ” ตามด้วยเสียงไอ้เกอร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล
ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องอดีตเป็นเสียงเดียวกัน ทำเอาฉันอดคิดไม่ได้ เมื่อก่อนฉันกับออสตินสนิทกันมาก มากจนทำเอาฉันเผลอคิดไปไกล ออสตินชอบมานอนค้างที่ห้องฉันบ่อยๆ จนคนอื่นคิดว่าฉันกับออสตินเป็นแฟนกัน แต่เราก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันซักครั้ง คงจะมีแค่ฉันนี่แหละที่คิดเกินเลยไปไกลคนเดียว
“กูไปห้องน้ำก่อนนะ” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย” ยัยเดียหันมาถามฉันด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” ฉันตอบไปสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไป
อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา ดื่มทีไรทำเอาฉันคิดมากทุกทีเลย ระหว่างทางเดินก็ทำให้ฉันคิดไปถึงเหตุการณ์หลายอย่างตอนที่สนิทกับออสตินมากๆ ตอนนั้นออสตินเคยถามคำถามฉันเอาไว้ว่า…
‘ถ้าวันนึงกูมีแฟน มึงจะทำยังไง’ ออสตินถามขึ้นในวันที่มานอนค้างที่ห้องฉัน
‘กูก็ยินดีกับมึงไง’ ตอนนั้นฉันตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าออสตินคงจะถามเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
‘จริงเหรอ’ แต่ออสตินก็ยังคงถามย้ำอีกครั้ง อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด
‘จริงสิ เรื่องแบบนี้กูก็ต้องยินดีด้วยอยู่แล้ว’ ฉันตอบไป เพราะไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
ความคิด ความรู้สึกเก่าๆ ต่างก็ผุดเข้ามาในหัวฉัน แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้คิดอะไรต่อก็มีคนถามฉันขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาฉันหลุดจากภวังค์ความคิดทันที
“โอเคมั้ย” ยัยรินถามฉันด้วยความเป็นห่วง คงจะกลัวฉันคิดมากมั้งก็เลยเดินตามฉันมาเข้าห้องน้ำ
ฉันมีเพียงความเงียบให้กับคำถามของยัยริน ถ้าจะบอกไปว่าไม่โอเค ฉันก็กลัวว่าเพื่อนจะหมดสนุก เพราะมัวแต่มาเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน ฉันก็เลยทำได้เพียงแค่เงียบ
“เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับคริส คริสไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องไปคิดมากหรอก” อยู่ๆ ยัยรินก็พูดขึ้นมา ทำเอาฉันแทบจะร้องไห้ ไม่คิดเลยว่ายัยรินจะพูดปลอบใจและเข้าข้างฉันขนาดนี้ คงจะมีแค่ยัยรินนี่แหละที่คิดแบบนี้
“ขอบใจมึงมากนะ แต่กูจะกลับแล้ว” นับวันฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาเข้าไปทุกที อยู่ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
“เรื่องนี้มันไม่มีใครผิด มันไม่มีใครเป็นตัวปัญหาหรอก คริสก็ไม่ผิดที่รักติน” ยัยรินยังคงพูดปลอบใจฉันต่อ ฉันซึ้งจนแทบจะร้องไห้
“จริงเหรอ” ฉันถามกลับอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่ฉันไม่ผิดจริงๆ เหรอ
“ถ้าจะผิด ก็คงจะผิดที่ไม่บอกทุกอย่างให้เร็วกว่านี้” ยัยรินยังคงพูดต่อ
“บอกให้เรื่องทุกอย่างมันแย่เหรอ” ฉันอยากจะร้องไห้ หมดกันสภาพฉันตอนนี้
“ที่เรื่องมันแย่ เพราะว่าตินแคร์คริสมากไง มันก็เลยทำให้ตินมีปัญหากับแฟน”
ฉันตกใจกับคำพูดของยัยริน ตอนนี้ตาฉันโตอย่างกับไข่ห่าน ปกติยัยรินเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ทำไมอยู่ๆ ยัยรินถึงได้พูดแบบนี้หรือว่ายัยรินจะไปรู้เรื่องอะไรมานะ แบบนี้มันต้องถามให้รู้เรื่อง!
“พูดมาให้หมดเลยนะ มึงไปรู้เรื่องอะไรมา” ฉันรีบถามกลับพร้อมกับจ้องหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ ยัยรินก็เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไร
“เสร็จรึยัง ไปต่อห้องไอ้ตินกัน” ยังไม่ทันที่ยัยรินจะได้พูดอะไร เสียงยัยฮันน่าก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาฉันอยากจะพายัยรินวิ่งออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่มันก็ติดตรงที่ฉันทำไม่ได้
“อะไรกันอีก” ฉันหันไปถามอย่างหงุดหงิด
“ก็พวกนั้นชวนไปต่อห้องไอ้ติน” ยัยเดียที่เดินมาด้วยกันก็พูดขึ้น คงจะหมายถึงพวกผู้ชายละมั้ง
“ไปกันเถอะ” เป็นยัยรินที่รีบตอบก่อนใคร คงจะกลัวที่ฉันถามค้างเอาไว้ละมั้ง
“ไปๆ เดี๋ยวอีกหน่อยผับปิดคนจะวุ่นวาย” ยัยฮันน่าพูดก่อนจะเดินนำออกไป
ฉันมองหน้ายัยรินด้วยสายตาที่คาดโทษสุดๆ ไปรู้อะไรมาทำไมไม่บอกฉันให้หมดนะ แล้วที่บอกว่าออสตินแคร์ฉัน สรุปแคร์ยังไงฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย คิดแล้วก็ปวดหัว
ฉันกับเพื่อนๆ เดินออกมาถึงลานจอดรถ ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนต่างก็เมากันไปบ้างแล้ว กว่าจะเดินออกมาได้ก็ใช้เวลากันพอสมควร เพราะคนในผับค่อนข้างเยอะ จนแทบจะไม่มีทางเดินออกมาแต่พอมาถึงก็เจอกับพวกผู้ชายขับรถมาจอดรออยู่หน้าลานจอดรถแล้ว“มีรถสามคัน จะไปคันไหนรีบเลือกเลย” ไอ้วินที่เปิดกระจกรถค้างไว้รีบพูดขึ้น พร้อมกับมีรถอีกสองคันจอดต่อท้ายอยู่ คงจะไม่พ้นที่จะเป็นรถของไอ้เกอร์ กับรถของออสตินหรอก“เออๆ แป๊บนึงๆ” ยัยฮันน่าหันไปบอกไอ้วิน ก่อนที่จะหันมาตกลงกันว่าใครจะไปรถคันไหนกันบ้าง“มึงไปกับไอ้เกอร์” ยัยเดียหันไปบอกยัยรินที่เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา“รินไปกับวินดีกว่า” ยัยรินที่ยืนเงียบอยู่ก็รีบปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นมาทันที ทำเอาต่อมสงสัยฉันทำงานอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ทำไมยัยรินถึงไม่อยากจะไปกับไอ้เกอร์ขนาดนั้น แบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรกันแน่นอน ฉันต้องรู้ให้ได้“ทำไม หรือว่ามึงสองคนมีเรื่องอะไรกัน” ยัยเดียถามขึ้นอย่างไม่รอช้า ทำเอาทุกคนต่างมองหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ“ปะ ป่าว…รินไปก็ได้” ยัยรินอ้ำอึ้ง เหมือนตอนแรกอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับไม่พูด (ยอมง่ายๆ ซะงั้น) ทำเอาฉันเซ็
นั่งดื่มกันไปได้สักพักออสตินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเครื่องด้วยความหงุดหงิดแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของไอ้เกอร์จะดังขึ้นมา“ใครโทรมาวะ” ยัยเดียถามขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่ทุกคนกำลังดูหนังด้วยกันอยู่“ไม่ต้องรับ” ยังไม่ทันที่ไอ้เกอร์จะได้ตอบอะไร เสียงออสตินก็ดังขึ้นมาแต่สายตายังคงจ้องมองทีวีอยู่ตอนแรกทุกคนดื่มกันไป ดูหนังกันไปในห้องรับแขก แต่ตอนนี้ทุกคนกลับหันมาให้ความสนใจไอ้เกอร์แทน จะมีก็แต่ออสตินที่ยังดูหนังอยู่อย่างไม่สนใจเหตุการณ์นี้“มึงจะไม่ให้กูรับสายจริงๆ เหรอ” ไอ้เกอร์หันไปถามออสตินทันที ปกติจะเห็นออสตินรับสายนางตลอดนะ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่อยากจะรับสายนางก็ไม่รู้“มึงลองรับสายดูสิ แล้วมึงจะเข้าใจ” ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และยังคงไม่หันมามองเพื่อนๆ“ครับน้องมุข” ไอ้เกอร์ไม่รอช้ารีบกดรับสายทันที มันคงอยากจะรู้แหละว่านางโทรมาทำไม ทุกคนต่างเงียบและตั้งใจฟังกันอย่างพร้อมเพรียง (ไม่ค่อยจะสอดรู้สอดเห็นซักเท่าไหร่หรอก)(พี่เกอร์อยู่กับพี่ตินรึป่าวคะ) ปลายสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับคนกำลังร้องไห้อยู่“อยู่ครับ” ไทเกอร์คนดีบอกไปตามตรง ไม่มีการโกหกแต่อย่างใ
ตึกๆ หัวใจของฉันเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอกเมื่อริมฝีปากหนาเลื่อนไปยังซอกคอพร้อมกับขบเม้มอย่างหื่นกระหาย เบาบ้างแรงบ้างแต่ทุกสัมผัสมันช่างเสียวซ่านและรู้สึกดีสุดๆ“อะ อืมมม” ฉันเอียงคอรับสัมผัสอย่างรู้งาน ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เราสองคนหลงลืมสถานะของตัวเองไปชั่วขณะ เร่งเร้าอารมณ์ช่วยกันทำในสิ่งที่ร่างกายกำลังต้องการอย่างหื่นกระหาย ฉันต้องการเขาและเขาเองก็เหมือนจะต้องการฉันเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราสองคนจึงช่วยกันสนองความต้องการให้กันและกันอย่างไม่มีใครยอมใครฉันที่เป็นฝ่ายนั่งคร่อมอยู่บนตักของออสตินได้เป็นฝ่ายรุกบ้าง ฉันซุกไซ้ซอกคอแกร่งดูดเม้มสลับข้างไปมาเหมือนที่เขาทำกับฉัน แล้วก็ช่วยจัดการถอดเสื้อยืดสีดำที่สวมอยู่ออกอย่างช่ำชอง ทั้งๆ ที่ฉันเองก็ไม่เคยทำมาก่อนถึงจะไม่เคยทำ ก็ใช่ว่าจะอ่อนต่อโลกจนไม่รู้อะไรเลย ฉันผลักหน้าอกแกร่งให้นอนราบกับโซฟา จากนั้นก็ก้มลงไปปรนเปรอคนใต้ร่างด้วยริมฝีปากลากเลียวนไปทั่วหน้าอกแกร่ง จูบเน้นบริเวณยอดอกจนคนใต้ร่างเริ่มสั่นเกร็งเบาๆ สายตาคมมองทุกการกระทำของฉัน แอบเขินเหมือนกันนะ แต่ความอยากมันมากกว่าขณะที่ฉันกำลังสนุกกับการสัมผัสร่างกำยำ มือหนาก็ล้วงเข้ามาใน
“ดีขึ้นรึยัง”คำถามนิ่งๆ ของออสตินแต่ทำฉันใจสั่นไปหมด หรืออาจจะเป็นสายตาที่เขามองมามันดูอ่อนโยนและห่วงใย จนฉันรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ“อืม” ฉันพยักหน้าตอบและลองขยับตัวดู จริงๆ มันก็ไม่ได้เจ็บแล้ว แค่รู้สึกสึกอัดก็เท่านั้นพอเห็นฉันมีท่าทางอึดอัด ใบหน้าหล่อก็ก้มลงไปขบเม้มยอดอกเร้าอารมณ์ให้กับฉัน“ซี๊ดดดดด” เสียวจนลืมเจ็บไปเลยค่ะท่านผู้ชม ฉันนอนครวญครางบนเตียงกว้างปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสอันเร้าร้อนของผู้ชายที่แอบรักเร้าอารมณ์ให้ฉันหลายนาทีเอวหนาก็เริ่มทำหน้าที่ขยับเข้าออกในจังหวะเนิบนาบแต่เสียวซ่านไปทุกอนู ตอนนี้ฉันหลงใหลอยู่ในภวังค์แห่งความเสียวจนยากจะถอน ไม่รู้ว่าเซ็กส์มันดีหรือเป็นเพราะคนที่มีเซ็กส์ด้วยถึงทำให้ฟินได้ขนาดนี้ฉันเลื่อนมือไปโอบรัดแผ่นหลังกว้างอย่างโหยหา ตักตวงความอบอุ่นจากร่างกำยำ ที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กอดอีกมั้ย“อ๊า! ไม่ต้องเกร็ง”ออสตินบอกเสียงกระเส่าอยู่ที่ร่องอกของฉัน เขาขย้ำเต้าของฉันทั้งสองข้างและดูดมันสลับข้างไปมาไม่หยุด พอฉันเริ่มปรับตัวและผ่อนคลายลง เอวหนาก็กดกระแทกในจังหวะที่เร็วขึ้นฉันไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าตอนนี้มันเสียวม
พอมาถึงห้องฉันก็เดินเข้าไปอาบน้ำด้วยสภาพที่เหม่อลอย อย่างกับคนไม่มีสติ สมองก็มีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา ส่วนยัยฮันน่าก็กระโดดขึ้นเตียงราวกับเตียงตัวเองหลังจากฉันอาบน้ำเสร็จยัยฮันน่าก็นอนหลับไปแล้ว ฉันขึ้นไปนอนข้างๆ มัน ตั้งใจจะนอนหลับให้ลืมเรื่องที่ปวดใจ แต่ก็ได้แต่พลิกซ้ายพลิกขวา จะนอนก็นอนไม่หลับ ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเข้าไปส่องไอจี แล้วสิ่งแรกที่เห็นคือโพสต์ของเด็กนั่นที่แท็กออสติน‘ต่อไปหนูจะไม่งี่เง่าแล้ว ขอบคุณที่ทนกับความงี่เง่าของหนู…รักนะคะ’ฉันวางโทรศัพท์ลงอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวดก็วิ่งเข้ามาในใจ มันจุกมันหน่วงไปหมดทั้งใจเขาคืนดีกันเขายังรักกันดีส่วนฉันก็แค่ส่วนเกินสินะหึ! แกมันโง่เองที่คิดว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกัน ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองที่ทำอะไรโง่ๆ ลงไป จะโทษว่าเป็นเพราะความเมาก็ไม่ได้หรอก เพราะฉันเต็มใจที่จะทำแบบนั้น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คงจะมีแต่ตัดใจ และถอยออกมา..หนึ่งอาทิตย์ต่อมาฉันนั่งดูซีรี่ย์มาตลอดทั้งอาทิตย์ ดูจนไม่รู้ว่าจะดูอะไรแล้ว เวลาแต่ละวันก็เดินช้าซะเหลือเกิน ทุกอย่างวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ออสตินรู้ว่าฉันชอบตอนน
“เดี๋ยวๆ คริส แม่งงไปหมดแล้ว ชุดเราก็ได้มาแล้วไม่ใช่เหรอลูก” พอเดินออกมาได้ซักพัก แม่ฉันก็ถามฉันขึ้นมาอย่างงงๆ พลางทำหน้านึกคิด“ใช่ค่ะ” ฉันตอบไปแบบนิ่งๆ อย่างรู้สึกผิดที่โกหกแม่ไปแบบนั้น“คริสมีเรื่องอะไรรึป่าวหรือว่ามีปัญหาอะไรกับเพื่อนมั้ย” แม่ถามฉันขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง“ไม่มีค่ะ” ฉันก้มหน้าก้มตาตอบแม่ไป โดยที่ฉันไม่กล้าที่จะมองหน้าแม่ (อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมาซะงั้น)“จริงเหรอ ปกติคริสไม่เคยเดินหนีออกมาแบบนี้นะ” แม่ยังคงถามต่อ แต่ก็จริงอย่างที่แม่พูดแหละ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะแม่” ฉันยังคงยืนยันคำตอบเดิม แถมยังพูดไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่นัก“แม่ไม่เชื่อหรอก” แม่มองฉันด้วยสายตาจับผิด และไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดฉันถึงกับนิ่งพูดอะไรไม่ออก ไม่ว่าจะพูดไปยังไง แม่ก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี“แม่เลี้ยงคริสมาเองกับมือ ทำไมแม่จะไม่รู้นิสัยลูกตัวเองล่ะ” แม่พูดอย่างรู้ทัน แต่มันก็จริงอย่างที่แม่พูดมานั่นแหละ“คือคริสมีเรื่องอึดอัดใจนิดหน่อยค่ะ” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ฉันก็เลยตัดสินใจพูดออกมา“มีอะไรก็พูดกับแม่ได้นะ” แม่ก็ยังเป็นห่วงฉันไม่เปลี่ยน (ความเป็นแม่อะนะ)“คือตอนนี้คร
BOY FRIEND PART_18เฮ้อ! พอเดินออกมาได้ซักพัก ฉันก็รีบนั่งลงบนม้านั่งที่อยู่ในสวน ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่านซักเท่าไหร่ ก่อนที่ฉันจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“งานอะไรน่าเบื่อชะมัดเลย” ฉันบ่นขึ้นมาอย่างลืมตัว ฉันลืมไปเลยว่ามีคนมาด้วย (เห็นเงียบๆ ฉันก็นึกว่าฉันมาคนเดียว)“ขอโทษที่คริสพูดตรงเกินไปนะคะ คือคริสไม่ชอบงานแบบนี้ค่ะ” ฉันหันไปบอกพี่คีรินที่กำลังมองหน้าฉันด้วยท่าทางอึ้งๆ อยู่ ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูกเลย ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ“ไม่เป็นไรครับ พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน” พี่คีรินบอกฉันพร้อมรอยยิ้ม ยิ้มแบบนี้อีกแล้วนะ จะทำให้ฉันหลงรอยยิ้มนี้ไปถึงไหนกัน หรือว่าพี่คีรินจะชอบที่ฉันเป็นคนพูดตรงๆ ถึงได้ยิ้มให้ฉันแบบนี้ตลอดเลยนะ (เข้าข้างตัวเองไปอี๊ก!)“พี่คีย์ไม่ต้องเอาใจคริสตามที่แม่บอกก็ได้นะคะ ทำตัวตามสบายเลย หรือว่าจะไปเดินเล่นที่ไหนก่อนก็ได้นะคะ อีกซักครึ่งชั่วโมงค่อยเข้าไปในงานพร้อมกันก็ได้” ฉันพูดไปตามความจริง ฉันไม่อยากทำให้พี่คีย์ลำบากใจกับเรื่องนี้ และจะได้แฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่ายด้วย“พี่ไม่รู้จะไปไหน ขอนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยได้มั้ยครับ” พี่คีรินยังคงยิ้มให้ฉัน (คนอะไรดูดีไปหมดเลยนะ)“ไ
หลังจากที่เดินกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง ฉันก็อยู่กับแม่จนถึงเวลาที่งานเลี้ยงได้จบลง นี่แหละนะเค้าถึงบอกว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ซึ่งก็เป็นเวลาที่ฉันรอคอยมาตลอดตั้งแต่เดินเข้ามาในงานแล้ว“กลับบ้านกันค่ะแม่ รถมาจอดรอแล้ว” ฉันบอกแม่เมื่อเห็นรถของที่บ้านมาจอดรออยู่ด้านหน้างานแม่ฉันพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินขึ้นไปนั่งบนรถ ตามด้วยฉันที่นั่งลงเบาะข้างๆ แม่ยังไม่ทันที่รถจะได้ขับออกไป อยู่ๆ พี่คีรินก็วิ่งมาเคาะกระจกรถ จนฉันต้องเปิดประตูรถออกไปดู วิ่งมาขนาดนี้ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ดูสิเหงื่อซึมไปทั้งหน้าเลย“พี่คีย์มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันรีบเดินลงจากรถ แล้วถามออกไปอย่างสงสัย ทำไมอยู่ๆ พี่คีรินถึงได้วิ่งมาแบบนี้“พี่ขอเบอร์หนูได้มั้ย” พี่คีรินไม่พูดเปล่า รีบยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันทันทีฉันอ้ำอึ้งไม่กล้าปฏิเสธ พอจะหันไปหาแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่แม่กลับยิ้มให้ฉันอย่างสนับสนุน และเชียร์พี่คีรินอย่างเห็นได้ชัด“ผมขออนุญาตนะครับคุณน้า ผมอยากคุยกับน้องจริงๆ ครับ” พี่คีรินเห็นฉันไม่ตอบ ก็รีบหันไปขออนุญาตแม่ฉันอย่างไม่รอช้า“จ้ะ!” แม่เองก็รีบอนุญาต โดยที่ไม่ปรึกษาฉันเลยซักนิดฉันนิ่งไปในใจตอนนี้คิ
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงพี่สาวของไข่มุขก็บอกอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยน้องสาว แต่ก็ต้องหาวันว่างๆ แล้วค่อยนัดกันอีกที เพราะวันนี้ไข่มุขเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะไปกินข้าวกันวันนี้คงจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ทุกคนก็ตกลงเห็นด้วย ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่พี่สาวของไข่มุขจะขอตัวกลับเพื่อพาน้องสาวไปพัก“ไปหาอะไรกินกันมั้ยวะ หิวแล้ว” ฮันน่าพูดขึ้นเพราะกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็เป็นช่วงเย็นพอดี ก็ทำเอาทุกคนหิวไม่ต่างกัน“ดีเหมือนกัน กูก็เริ่มหิวแล้ว” ตามด้วยเสียงนาเดียพูดขึ้นที่ดูท่าจะหิวไม่ต่างกัน“ไปก็ไป” กวินตามใจสาวๆ อย่างขัดไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปด้วย มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ สาวๆ ยิ่งเอาแต่ใจกันอยู่ด้วย“จะไปกินร้านไหนวะ” คริสตัลถามขึ้นอย่างไม่รอช้า“ไปร้านอาหารแถวคอนโดมึงก็ได้ กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ” ฮันน่ารีบตอบทันทีดูท่าแล้วน่าจะหิวหนักกว่าใครคนอื่น“งั้นก็ไปเจอกันที่ร้านxxx” ออสตินที่รู้จักร้านอาหารที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี ก็รีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือคริสตัลแล้วเดินจูงมือเธอตรงไปที่รถทันที“อีคริสมันไม่ได้ตาบอดนะ ทำไมต้องจั
ออสตินกับคริสตัลมาถึงยังสถานที่ที่ไข่มุขบอกเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่มากันครบหมดทุกคน เพราะคริสตัลได้โทรบอกเพื่อนให้ออกมาช่วยกันก่อนที่เธอจะออกมา“ทำไมไม่เห็นมีใครเลยวะ” นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้าย มองขวาอย่างสำรวจซอยเปลี่ยวที่เงียบและไร้ผู้คนจนดูน่ากลัว“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจนทุกคนหันไปมองหน้ากัน คิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไข่มุกแน่ๆเอี๊ยด!เสียงรถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะปรากฎร่างกายกำยำของชายชุดดำสามคนที่กำลังเดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปกระชากหญิงสาวที่อยู่กับชายชุดดำอีกคนให้รีบเดินตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่“รีบเดินหน่อยสิวะ!” ชายชุดดำที่ดูน่ากลัวตะคอกบอกไข่มุขเสียงดัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง“ขึ้นไปอยู่บนรถกันก่อนนะ” ออสตินบอกกับคริสตัลด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเป็นอันตราย“เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” กวินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พร้อมกับมีออสตินและไทเกอร์เดินตามมาด้วยสาวๆ รีบวิ่งขึ้นไปอยู่บนรถอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครบ่นเลยซักคำ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับไปจนหมด ตอนนี้ภายในห้องก็มีแค่คริสตัลกับออสตินเพียงสองคน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยกับหญิงสาวเลยซักคำ“หิวมั้ย” คริสตัลถามขึ้นเมื่อบรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบเกินไป“….”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ภายในห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่เหมือนเดิม“ออกไปหาอะไรกินมั้ย” หญิงสาวยังคงถามต่อ พยายามถาม พยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ก็ไม่เป็นผล“….”ไม่ว่าเธอจะถาม จะพูดอะไร ชายหนุ่มเอาแต่งอนไม่ยอมตอบเธอเลยซักอย่าง“เป็นอะไร…” คริสตัลเดินเข้าไปถามชายหนุ่มใกล้ๆ แต่ออสตินก็เงียบ ไม่สนใจ แถมเขายังเดินหนีเข้าไปอาบน้ำอีกด้วยคริสตัลรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มนั้นล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“รีบออกมาน๊าาา” คริสตัลไม่ยอมแพ้ ถึงจะเข้าไปในห้องน้ำด้วยไม่ได้ เธอก็ตะโกนบอกเขาเสียงดังอย่างไม่ลดละความพยายามลงเลยซักนิดออสตินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวหนาเอาไว้ร่างหนาเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่สนใจ ถึงแม้เธอจะเดินตามง้อเขาแทบจะทุกฝีก้าวก็ตาม“หายงอนเถอะนะ” คริสตัลพูดพร้อมกับโอบกอดเอวหนา
สองวันต่อมาคริสตัลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้อง ฮันน่ากับกวินก็นั่งกินขนมกันอยู่ไม่ไกล ส่วนไอรินกับไทเกอร์ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องของคริสตัลได้กลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนไปแล้ว จะขาดก็แต่นาเดียที่ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาซักที“ดูอะไรอยู่เหรอ” ออสตินถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คริสตัลอย่างเคยชินเหมือนที่เคยทำอยู่ตลอด“ก็ดูไปเรื่อยแหละ” คริสตัลตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองออสตินก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเล่นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ“ถามอะไรหน่อยสิ” ร่างหนาถามขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว รอดูว่าเธอจะหันมามองเขาอีกหรือเปล่า“อะไรเหรอ” หญิงสาวถามออกมา แต่เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยซักนิด“ไม่คิดอะไรจริงเหรอ” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงหนุนตักหญิงสาวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมกับถามเธอออกมา“คิดเรื่องอะไร” คริสตัลก้มมองหน้าออสตินนิ่งๆ ก่อนที่เธอจะถามออกมา พร้อมกับทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังถามเรื่องอะไรอยู่“ก็เรื่องที่ไข่มุขยังมาวนเวียนมาอยู่แบบนี้ไง” ออสตินถามไปด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดมากเรื่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่ที่ออสตินกับคริสตัลเปิดตัวว่าคบกันออกสื่ออย่างเป็นทางการ ชีวิตของทั้งสองคนก็ดูมีความสุขมากขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างก็สบายใจไปด้วย ไม่มีอะไรที่จะอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ออสตินได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคริสตัลอย่างถาวร เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากจะย้ายไปอยู่ในห้องที่ชายหนุ่มเคยอยู่กับแฟนเก่ามาก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจและตามใจหญิงสาวทุกอย่างตลอดทั้งอาทิตย์ออสตินกับคริสตัลก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาคลุกอยู่ที่ห้องของคริสตัลเป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน“เรื่องน้องมุขเป็นไงบ้างวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย“ก็โดนตามขู่อยู่เหมือนเดิมแหละ” ไทเกอร์ตอบไปด้วยท่าทางนิ่งๆ“แรกๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านางจะโดนคุกคามจริงๆ นึกว่านางสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจซะอีก” ฮันน่าพูดออกมาตามตรง เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่วันนั้นกูไปเห็นมากับตา แม่งโดนทำลายด้วย โชคดีที่เข้าไปช่วยทัน” ไทเกอร์พูดถึงวันที่เอาเงินไปแล้วเห็นว่าไข่มุขกำลังโดนขู่ โชคดีที่เขาเอาเงินไปให้เธอทันเวลาพอ
เข้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก่อนหลังจากที่เพิ่งจะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ถ้าเขาไม่รับก็กลัวว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่นเสียก่อน“มีอะไรวะ” ออสตินถามเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น ทั้งๆ ที่ในใจเขาตอนนี้อยากจะด่าออกไปให้มันจบๆ(ฮ่าฮ่าฮ่า) ไม่มีเสียงพูดตอบกลับใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของไทเกอร์ที่ดังขึ้นมาอย่างพอใจ ก่อนที่ปลายสายจะกดวางสายไปเอง“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างก็แล้วกัน” ออสตินพูดออกมาด้วยความโกรธที่โดนแกล้งตอนเช้าแบบนี้ ชายหนุ่มรีบปิดเครื่องแล้วนอนกอดร่างบางต่อทันที“มีอะไรเหรอ” คริสตัลงัวเงียถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของออสติน“ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอขาวอย่างไม่รอช้า“อือออ…ขอพักก่อนได้มั้ย” หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะพึ่งจะได้พักเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง“นอนพักเลย…เดี๋ยวทำเอง” ออสตินกระซิบบอกที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย หญิงสาวได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่มีแม้แรงจะห้าม จึงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจตัวเองร่างหนาทาบทับร่างสวยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักครั้งใหม่กับเธออีกครั้ง..ช่ว
ออสตินเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคริสตัลกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง พอได้อยู่กันสองคนในสถานะที่เปลี่ยนไปจากเพื่อน ทั้งสองคนก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนแล้วสายตาคมก็เหลือบไปเห็นหมอนกับผ้าห่มที่วางอยู่บนโซฟาข้างๆ เตียงนอน คงจะเป็นเจ้าของห้องที่เตรียมเอาไว้ให้แน่ๆ ชายหนุ่มไม่สนใจโชฟา เขาเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงพลางเช็ดผมไปด้วย“พรุ่งนี้วันหยุด อยากไปเที่ยวที่ไหนมั้ย” เป็นคำถามที่สุดแสนจะธรรมดาแต่กลับทำให้คนฟังใจสั่นได้“ทำไม จะชวนไปเดทเหรอ” คริสตัลแกล้งถามด้วยท่าทางกวนๆ กลบเกลื่อนอาการประหม่า“ใช่ เดทแบบจริงจัง”“แล้วที่ผ่านมาไม่จริงจังเหรอ”“ก็จริงจังมาตลอด แต่มีบางคนไม่เคยจะมองเห็น”ชายหนุ่มเอาผ้าเช็ดผมคล้องคอตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลานไปหาหญิงสาวที่อยู่หัวเตียงอย่างช้าๆ“ตกลงไปคุยอะไรกันมา ยังไม่เล่าเลยนะ” คริสตัลถามไปแก้เขิน ตอนนี้ร่างกำยำมาถึงตัวเธอแล้ว“หึงเหรอ”“ใครหึง มีอะไรต้องหึง” เพราะเธอรู้เรื่องหมดแล้วไงหล่ะ“ถ้าไม่หึง ก็แสดงว่าเขิน ดูสิหน้าแดงหมดเลย” ชายหนุ่มจับแก้มหญิงสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เล่ามาได้แล้ว ”คนเขินแทบบ้าแ
ทางด้านหนุ่มๆ ที่ไม่ได้ไปเดินห้างกับสาวๆ ก็พากันเข้ามาที่สนามแข่งรถของกวิน“กูว่ารถคันนี้ดูเหมาะกับมึงนะ”กวินป้ายยาเพื่อนทันทีที่เห็นรถเข้ามาใหม่ และเป็นสไตล์ที่เพื่อนชอบ“เหรอ” ออสตินถามกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ ตามสไตล์ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้สึกสนใจรถตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าโรงจอดรถที่บ้านมันเต็มลิมิตจนไม่มีที่จะจอด เขาคงซื้อไปแล้ว“ซื้อเอาไว้ซักคันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” กวินพูดสนับสนุนเพื่อนไม่ยอมหยุด“มึงจะบอกให้มันซื้อไปอีกทำไม รถมันเยอะกว่ารถที่อยู่โชว์รูมมึงอีก” ไทเกอร์พูดแทรกขึ้นทันทีในขณะที่สามหนุ่มกำลังคุยเรื่องรถกันอยู่ หญิงสาวที่หายหน้าหายตาไปหลายวันก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ทุกข์ใจ“พี่ติน” ไข่มุขเอ่ยชื่อออสตินเสียงเบา บ่งบอกถึงความกระดากอายอยู่ไม่น้อย“มีอะไร” ออสตินถามกลับไปตามมารยาท เมื่อเห็นอีกฝ่ายใบหน้าดูเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด“มุขขอคุยกับพี่ตินหน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวมองหน้าออสตินอย่างอ้อนวอน“อืม” ออสตินตอบไปเพียงสั้นๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินนำออกไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านออสตินเดินตามหญิงสาวออกไป เพราะดูแล้วเธอคงจะมีเรื่องลำบากใจอะไรซักอย่าง ที่จะมาขอให้เขาช่วย“มี
การเผื่อใจเริ่มมีเปอร์เซ็นต์เป็นจริงเพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อหลายวันที่ผ่านมาออสตินทำดีกับคริสตัลอยู่ตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก แต่ในระหว่างนี้ก็ทำเอาหญิงสาวอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าพี่หมอหายไปไหน ไม่เห็นติดต่อมาหลายวันแล้ว พอเธอเข้าไปดูไอจีก็ไม่เห็นว่าพี่หมอจะอัพเดตอะไร ล่าสุดที่ลงก็เป็นรูปตั๋วหนังที่ไปดูกับเธอ ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เคลียร์กัน“ตกลงมึงจะเอายังไงกับพี่หมอวะ” เสียงนาเดียถามขึ้น ในตอนที่ผู้ชายไม่ได้อยู่ด้วย“นั่นดิ! น่าเสียดายคนดีๆ แบบพี่หมออะ” ตามด้วยฮันน่าที่พูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางเสียดายสุดๆ“ถ้าเสียดายมึงก็ไปจีบสิ!” นาเดียรีบแนะนำแบบติดตลก ไม่คิดว่าเพื่อนจะคิดจริง“เป็นความคิดที่ดี เดี๋ยวกูจะใช้ร่างกายรักษาแผลใจให้พี่หมอเอง” ฮันน่าทั้งพูด ทั้งทำท่าเซ็กซี่แบบสุดๆ“พักก่อนค่ะเพื่อน กูแค่พูดเล่น แล้วมึงก็ไม่ใช่เสปคพี่หมอ”นาเดียพูดดับฝันเพื่อนทันที“แต่กูจริงจังนะ”“ปล่อยให้พี่หมอไปเจอคนที่ปกติเถอะ” นาเดียพูดอย่างสงสารพี่หมอ“แล้วกูไม่ปกติตรงไหนวะ” ฮันน่ารีบเถียงทันที สวยขนาดนี้ รวยขนาดนี้ ไม่ปกติตรงไหน“ทุกตรงค่ะ” นาเดียดับฝันของฮันน่าอีกครั้