“ผมต้องกลับแล้ว”
ปรัชญ์ภูมิเปรยขึ้น หลังจากทั้งคู่นั่งดูหนังด้วยกันมาสามเรื่องรวด ถึงแม้จะบ่นเป็นหมีกินผึ้ง และเอาแต่บังคับให้เขากินยา แต่ท้ายที่สุดก็ยอมตามทุกอย่างที่ขอ จนมาติดอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นค่อนคืน
“อย่าเพิ่งกลับเลยครับ ผมอยากปรึกษาเรื่องงานอีกหน่อย อยู่ต่อนะ”
“คุณไม่ปวดหัวบ้างหรือไง”
ณภัทรลังเลใจที่จะตอบ ถ้าบอกว่าปวด แทนที่จะเห็นใจแล้วยอมอยู่ต่อ ก็จะยิ่งไล่เขาไปนอน แล้วตัวเองจะได้กลับบ้าน แต่ถ้าบอกว่าไม่ปวด ก็อาจจะคิดว่าเขาโอเค แล้วกลับบ้านทันทีก็ได้
“ว่าไงล่ะครับ” ถามหน้านิ่ง เหมือนคนกำลังจะหมดความอดทนเข้าไปทุกที
“ปวดนิดหน่อย แต่งานก็ต้องทำ เหมือนคุณไงครับ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ยังต้องทำงาน แล้วก็ดูแลผมไปพร้อมกัน” เขาเลือกตอบกลาง ๆ ที่ฟังดูแล้วน่าเห็นใจนิด ๆ
“รู้ว่าผมเหนื่อยก็ดี ไหนครับ สงสัยตรงไหนอีก รีบถามมา ผมจะได้รีบตอบแล้วรีบกลับ” เขาใจอ่อนอีกรอบ
ณภัทรยิ้มกับตัวเอง เขาเริ่มรู้จุด
“ทำไมครับ ถ้าได้อยู่ข้างล่างแล้วมันจะตายเหรอ” เขายังท้าไม่หยุด ไม่รู้เพราะตัวเองก็ยอมไม่ได้ หรืออันที่จริงอยากให้ชายหนุ่มสติแตกแล้วลงมือทำสิ่งที่เขาต้องการกันแน่“ใช่” สีหน้าของปรัชญ์ภูมิดูออกว่าตื่นเต้นและสนใจในร่างกายของเขา ความมึนเมาทำให้ดวงตาที่เคยใสกระจ่างขุ่นมัว เยิ้มนิด ๆ และมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ ความรู้สึกว่าณภัทรดูเย้ายวนแต่ก็ถือดีจนอยากจะปราบให้ราบคาบชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในเสื้อที่เปิดอ้า เคล้นคลึงไปตรงจุดอ่อนไหวทั้งสองข้าง ก้มลงมาจูบแล้วบังคับให้เขาใช้ลิ้นด้วยอย่างคนเอาแต่ใจ การรุกอย่างหนักหน่วงทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด ได้แต่ยอมตามที่ถูกกระทำลงไป ถึงขนาดที่โดนปลดเสื้อและกางเกงออกจากตัวก็ยังไม่เอ่ยปากห้ามแม้สักนิด“สรุปว่าคุณอยู่ข้างล่างนะ” ปรัชญ์ภูมิพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนเหนือกว่าณภัทรเสียหน้าจึงพยายามดันตัวออก แต่ดิ้นได้ไม่นานฝ่ามือหนาที่ลากผ่านลำตัวเปลือยเปล่า ขาแกร่งที่คร่อมอยู่เหนือร่างของเขา ร่างกายบดเบียดเสียดสีกัน โดยเฉพาะตรงจุดสำคัญ มันก็ทำให้เรี่ยวแรงอ่อนลงทุกทีเขารู้สึกเสีย
ณภัทรไม่ได้เจอปรัชญ์ภูมิมาสามสี่วันแล้ว นับตั้งแต่เรื่องนั้นเกิดขึ้น ทุกครั้งที่เขาโทรไป จะต้องได้รับข้ออ้างว่างานยุ่งทุกรอบ เมื่อเขาเอางานมาอ้างบ้าง บอกว่าอยากจะคุยสรุปและจ่ายเงินทั้งหมด ชายหนุ่มก็โยนเรื่องไปให้เลขาฯ จนเขาขี้เกียจจะตาม แต่ถึงอย่างไรคนอย่างเขาไม่เลิกราง่าย ๆ หรอก ไม่ใช่เขาแคร์คนแบบนั้นเสียเมื่อไหร่ แต่เขาแค่หมั่นไส้ ตอนทำละก็สนุกนัก แต่พอได้สติกลับปล่อยเบลอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครจะไปยอมหลังจากนอนพักและผล็อยหลับไป จนกระทั่งตื่นขึ้นมากลางดึก ทั้งคู่ก็ทำกันอีกรอบ เพราะแบบนั้น เขาถึงมั่นใจว่าในครั้งหลัง ปรัชญ์ภูมิมีสติครบถ้วน ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่สามารถอ้างได้ว่าเมา คนเมามาก ๆ ไม่มีทางตื่นตัวได้หรอก มีแต่ฟุบหลับเท่านั้นแหละแบบนี้ไง เขาถึงได้โกรธตอนชายหนุ่มตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วเอ่ยแค่คำว่าขอโทษ ก่อนจะผลุนผลันออกไปจากห้อง ขอโทษบ้าบออะไร ตอนทำก็มีความสุขกันทั้งคู่ คนอย่างปรัชญ์ภูมิจึงสมควรโดนเขาดัดนิสัยสักที แต่เขาคงหลงลืมไปข้อหนึ่ง ที่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นค่อนข้างหนักหนาต่อจิตใจสำหรับผู้ชายแท้ ๆ อย่างปรัชญ
“ผมเปล่า” ปฏิเสธแต่สายตากลับเสไปมองที่อื่น“ผมดูเหมือนเด็กอนุบาลหรือไง” ณภัทรเดินไปดักหน้า“อะไรครับ”“ก็ผมดูเหมือนเด็กห้าหกขวบเหรอ คุณถึงได้ตีหน้าซื่อตอบว่าไม่ได้หลบหน้าผม ทั้งที่จริงคุณทำแบบนั้นมาหลายวันแล้ว ทำไม คุณคิดว่าผมจะพูดเรื่องคืนนั้นหรือไง แล้วถ้าผมพูด มันจะทำไมครับ” เขาร่ายยาวเป็นชุดปรัชญ์ภูมิกะพริบตาถี่ อับจนด้วยคำพูด ใช่ เขาจงใจหลบหน้า เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับณภัทรนั้นอยู่เหนือการควบคุม และเขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองได้ทำแบบนั้นลงไปเขาใช้เวลาครุ่นคิดกับตัวเองมาหลายวัน เขาสับสนไปหมด เขาได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะว่าถ้ายอมรับ มันหมายความว่าเขาไม่ใช่ชายแท้ใช่มั้ย แต่เขามั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาไม่เคยมองหรือนึกพิศวาสผู้ชายด้วยกันมาก่อน แต่ทำไม…เขาเองก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่ง แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่เขากลับไม่รังเกียจสิ่งที่เกิดขึ้นเลย“ว่าไงครับ” ณภัทรไม่ยอมเลิก
ที่ห้องวีไอพีในคลับสุดหรูของณภัทร ขณะนี้บรรยากาศออกจะตึงเครียดสักหน่อย ชายหนุ่มกับหญิงสาวกำลังจ้องตากัน แล้วหญิงสาวก็โพล่งถามสิ่งที่ตนสงสัยขึ้น“คุณกับพี่ชายฉันมีอะไรกันหรือเปล่า” พริมามองณภัทรผ่านขอบแก้วเครื่องดื่มที่ถือไว้ในมือ ดวงตาของเธอจ้องเขม็งอย่างคาดคั้น หลังจากที่วันนั้นเข้ามาเจอฉากเด็ดของพี่ชายและผู้ชายที่ตัวเองเคยหวังว่าจะได้ครอบครองความจริงเขาเลือกที่จะไม่ตอบก็ได้ เพราะในชีวิตนี้มันไม่มีใครจะมาบังคับคนอย่างณภัทรได้ แต่เมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ เขาก็คิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะบอกเธอตามตรง ไม่แน่ว่าเขาอาจยืมมือเธอทำอะไรได้บ้าง หรือแม้แต่ขอความช่วยเหลือในเรื่องที่เกี่ยวกับปรัชญ์ภูมิ“มันก็อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ”“คือคุณคบกับพี่ภูมิ...ไม่ล่ะ เป็นไปไม่ได้” เธอส่ายหน้ารัว ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้หรืออะไร แต่…มันน่าเหลือเชื่อเกินไป“ไม่เชิงคบ”“แค่เซ็กซ์เหรอ”“ก็ประมาณนั้นครับ” เขายักไหล่ ด้วยไม่อาจหาคำอธิบายที่ดีกว่านี้ได้
“คุณนี่ร้ายกาจจริง” เหมือนจะเป็นคำชมมากกว่าเพราะมุมปากชายหนุ่มยกขึ้นและระบายยิ้มออกมา“ว่าฉันก็เหมือนการที่คุณว่าตัวเองนั่นแหละ” เธอสวนทันควัน “ฉันยินดีจะช่วยคุณ ถ้าตราบใดที่การช่วยนั้นไม่ทำให้พี่ภูมิเสียใจ คุณก็แค่อย่าเล่นแรง และตกลงกับเขาให้ดีว่าวันนึงคุณจะหมดสนุก หรือไม่แน่พี่ภูมิเองอาจจะเป็นฝ่ายหมดก่อน แล้วทั้งคู่ก็เลิกแล้วต่อกัน ตกลงมั้ย”พริมาดูจะเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างเหลือเชื่อ แต่นั่นก็ดีแล้ว“ตกลงครับ”ทั้งคู่จับมือกันเป็นเชิงสัญญา นั่งคุยอยู่สักพักเขาก็ลุกเดินไปหาลูกค้าคนอื่น เผื่อว่าเมื่อคนเย็นชาเข้ามาที่ร้าน จะได้เห็นเขาพูดคุยสนิทสนมอยู่กับแขก แล้วถ้าเขาจะรู้สึกอะไรไหม เราก็จะได้รู้กัน“ในที่สุดคุณก็เลิกทำตัวติดหนึบกับแม่นั่นซักที” ลูกค้าสาวที่เขาเคยต้อนรับขับสู้บ่อย ๆ ทำกระเง้ากระงอด เขาเลยรีบนั่งลงข้างเธอบนโซฟาที่ไม่ได้ใหญ่นัก ทั้งคู่จึงใกล้ชิดกันจนร่างเล็กแทบจะเกยขึ้นมาบนตัก เขาไม่ชอบใจแต่ก็ปั้นยิ้มตีเนียนจนคนมองไม่ออกเพราะเธอคนนี้อาจทำให้อะไร ๆ มันง่ายขึ้น“พริ
“ก็สนิทกับพวกนั้นเกินหน้าที่ไง แล้วที่ทำเป็นเมินผมด้วย” ชายหนุ่มย่างสามขุมเข้ามาหาแล้วกดเขาไว้กับโซฟา “อยู่ในห้องแบบนี้ ดูซิว่ายังจะเมินกันได้อยู่มั้ย”ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวซุกเข้ามาตรงซอกคอของเขา ก่อนจะไล่ขบกัดเป็นแนว สลับกับดูดเม้มราวกับเป็นการลงโทษ ณภัทรพยายามพลิกตัวออก แต่อาจเพราะแรงโกรธที่ผลักดันให้อีกฝ่ายมีแรงเหลือเฟือมาทับเขาไว้ไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังเปลี่ยนมาจูบแล้วกัดริมฝีปากล่างจนเขาได้รสเลือดในปาก“โอ๊ย” ณภัทรร้องด้วยความหงุดหงิด เขาจะแพ้ปรัชญ์ภูมิอีกรอบหรือไงวะ“ร้องให้ตายไปเลยสิ” ปรัชญ์ภูมิไม่เสียเวลาถอดเสื้อ รีบเอื้อมมือลงไปปลดเข็มขัดแล้วเตรียมจะดึงกางเกงของณภัทรลงทันที“ถ้าอยากนัก ผมเล่นด้วยก็ได้ แต่เลิกอยากเอาชนะซะที” เขากระชากเสื้อปรัชญ์ภูมิจนกระดุมแทบขาดติดมือด้วยความโมโหไม่แพ้กัน“ผมไม่ได้อยากเอาชนะ แต่เพราะคุณแพ้ผมเมื่อครั้งที่แล้ว คุณก็ต้องยอมตลอดไป” คราวนี้เขาถอดกางเกงตัวเองบ้างณภัทรกระถดตัวหนี รู้ว่าถ้าไม่รีบฉวยโอกาสตอนนี้ เขาได้อยู่ใต้ร่า
เหตุการณ์เมื่อคืนกลายเป็นว่าพริมาเห็นพี่ชายตัวเองลากณภัทรออกไป เธอมองดูอยู่ตั้งแต่ต้น แต่ก็ไม่ได้เข้ามาขัด ซ้ำยังรอจนสองคนเสร็จธุระเพื่อที่จะได้คุยซักถามเรื่องราวกับพี่ชายให้รู้เรื่อง เธอตื่นเต้นอยากรู้แทบบ้า แต่เขากลับใช้ไม้ตายเดิม ๆ คือตีหน้าขรึมไม่พูดอะไร ทำเหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น แต่พริมาซึ่งรู้นิสัยของเขาดีอยู่แล้วชิงพูดขึ้นมาก่อน“ถ้าพี่ภูมิจะข้องแวะกับภัทรก็ทำได้เลย ไม่ต้องกลัวพริมจะคิดมากหรอกค่ะ”ปรัชญ์ภูมิหยุด มองหน้าน้องสาว แต่ยังไม่พูดอะไรออกมา คล้ายว่าไม่รู้จะพูดอะไร หรือพูดไม่ออกมากกว่า เพราะเขาเองก็แทบตั้งตัวไม่ได้เหมือนกัน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับเขามันยากยอมรับจริง ๆ และเขาก็ไม่อยากยอมรับด้วยเมื่อเห็นว่าพี่ชายหยุดและรอรับฟังคนเป็นน้องจึงพูดต่อ “พริมกับภัทรเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ จริงอยู่ที่ตอนแรกพริมถูกใจเขา เพราะเขาน่าสนใจออกขนาดนั้นจริงมั้ยล่ะคะ”เธอขยิบตาให้พี่ชายเล็กน้อยและแอบเห็นว่าใบหูขาวจัดเข้มขึ้น“พริมเลยพยายามเข้าหาเขา แต่พอได้พูดคุยกันบ่อยเข้า และรู้จักกันมากขึ้น พริมไม่คิดว่าจะได้อะไร
ตอนแรกผู้เป็นบิดาดูท่าจะไม่ยอม แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของลูกชาย เขาจึงถอนหายใจ เงยหน้ามองภรรยา “ที่รัก คุณช่วยไปเอาชาให้ผมทีนะ”“ค่ะ” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจจะออกจากห้องเลยสักนิด“ผมเพิ่งบอกพ่อไปว่าม่านดาวน่าจะมีส่วนในการโกงบริษัท แต่พ่อกลับมอบอำนาจให้เธอเซ็นเอกสารสำคัญ” เขาตรงเข้าเรื่อง เมื่อเธอออกไปแล้ว“แกแค่สงสัย และฉันก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้ว ถึงจะยังไม่ได้เบาะแสอะไรมากกว่าที่แกเอามาให้ แต่ก็ไม่มีชื่อของม่านดาวโผล่ออกมาเลย”“พ่อก็ยอมรับออกมาเองนี่ครับว่ายังไม่ได้เบาะแสมากพอ เพราะงั้นพ่อจะสรุปว่าเธอบริสุทธิ์ไม่ได้”“แกต้องการอะไรจากฉันฮะ ฉันพยายามจะทำให้ครอบครัวของเราเดินหน้าต่อไปได้ แต่แกกับยัยพริมก็คอยแต่จะเอาตัวเองมาขัดขวางทุกอย่าง ตอนนี้แกอยากจะยัดเยียดข้อหาใส่เมียของฉัน แกเป็นอะไรนักหนา” เสียงที่พูดออกมากเกรี้ยวกราดและดังก้องไปทั้งห้องจนเขาแปลกใจที่พ่ออารมณ์เสียง่ายกว่าเมื่อก่อน ราวกับว่าการแตะต้องม่านดาวทำให้พ่อระเบิดง่ายกว่าปกติ“ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ครอบครัวของผม และจะไม่มีวันเป็น” เขาย้อนกลับทันที
“พ่อคะทำไมถึงห้ามพริม” เธอถามถึงตอนที่พ่อหยุดเธอไว้ก่อนที่เธอจะเล่าความจริงอีกเรื่องให้พี่ชายฟัง“ตอนนี้เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ ให้พี่เราได้พักผ่อนแล้วฟื้นตัวได้เต็มที่ก่อน”“แต่ว่าพ่อ…”“พ่อไม่เป็นไร ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะ”พริมามองสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงไปมากของบิดา ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพราะสังขารที่ร่วงโรยไปตามไว แต่มันไม่ใช่ พ่อถูกนังปีศาจวางยาพิษสะสมจนร่างกายอ่อนแรง นอกตากนี้ยังวางยากล่อมประสาทอ่อน ๆ ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้พ่อเกรี้ยวกราดใส่พวกเธอที่เป็นลูกแท้ ๆ และเห็นดีเห็นงามกับนังนั่นเสมอ มันทำอย่างแนบเนียนกะรอวันที่กำจัดเธอและพี่ออกไปได้ และพ่อตายลง พวกมันจะได้เสวยสุขบนทรัพย์สมบัติทั้งหมด นึกแล้วยิ่งแค้นไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่เมื่อสองวันก่อนอาการของพ่อกำเริบจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล นังนั่นยังมีหน้าทำเป็นเสแสร้งเข้าไปดูแลเอาอกเอาใจพ่อ และใส่ไฟเธอกับพี่ชายเป็นการใหญ่ แค่ความจริงแล้วคงลุ้นอยากให้พ่อตายจนตัวสั่น มันเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะเลยเริ่มแผนการขั้นสอง คือการกำจัดพี่ชาย หลังจากนั้นคงไม่พ้นตัวเธอ แต่แผนที่วางไว้เสียดิบดีก
ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลย่อมเป็นสถานที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ปรัชญ์ภูมินั่งอยู่บนเตียง ความรู้สึกยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก หลังออกมาจากห้องที่ถูกพยาบาลเข็นเข้าไปและทำอะไรมากมายบนตัวเขา ในขณะที่ความคิดก็จดจ่ออยู่กับเรื่องเดียวว่าณภัทรเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้เขาจะถูกตีหลายแผล หมอบอกว่ามีอาการช้ำใน แต่โชคดีไม่มีกระดูกตรงไหนหัก และก็ไม่ได้เลือดไหลจนหมดตัวเหมือนกับที่ณภัทรเป็นเขานั่งมองจอโทรทัศน์ที่พริมาเปิดไว้ให้ สรุปแล้วเธอถูกจับไปจริง แต่ขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ คนร้ายพยายามให้เธอคิดว่ามันคือโกดังร้างแล้วพูดออกมาให้เขาเข้าใจผิด เมื่อเขาออกมาตามน้อง มันจะได้ล่อจับแล้วจัดฉากให้เขาขับรถด้วยความเร็วจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโชคยังดีที่เขาไม่ได้ถูดยัดเข้าไปในรถทั้งที่ยังโดนมัดมือเพราะณภัทรให้เพื่อนตำรวจหาพริมาเจอก่อน แล้วตัวเองก็รีบออกมาตามหาเขาเพื่อส่งข่าว ความจริงแล้วถ้าเขาไม่รีบร้อนลงจากรถ ก็คงจะได้รับข้อความของณภัทรแล้วขับรถกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แทนที่จะตกเป็นเหยื่อง่าย ๆ และที่สำคัญณภัทรคงไม่ต้องโดนแทงเลือดท่วมขนาดนี้จากความพยายามที่จะช่วยเขา“
ระหว่างที่คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี โทรศัพท์ก็สั่นครืด ๆ เขาจึงรีบหยิบมาดู‘เตรียมเงินให้พร้อม มาคนเดียว อย่าแจ้งตำรวจ จะนัดสถานที่อีกที’เขามองข้อความบนจอ เหลือบมองชายชุดดำซึ่งก้มมองมือถืออยู่เช่นกัน อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่ามันคือคนที่จับน้องสาวเขาไว้แล้วส่งข้อความมาเขาแทบจะทนรอให้มันกลับเข้าไปด้านในไม่ไหว เขาควานหาสิ่งที่พอจะเป็นอาวุธได้จากเบาะหลัง แต่ไม่เจออะไรเลย จึงลองเปิดลิ้นชักหน้า เห็นมีดพกเล่มหนึ่งเลยหยิบติดมือมาด้วย ดีกว่าเข้าไปตัวเปล่า จากนั้นก็ ค่อย ๆ ย่องลงจากรถ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นมันแน่ผู้ชายคนนั้นกำลังเปิดประตูโกดัง ขณะที่เขากำลังจะออกวิ่ง แต่กลับมีอะไรหนัก ๆ ฟาดลงมาที่หลังเต็มแรง“โอ๊ย! ”เขาทรุดลงกับพื้น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะกลิ้งหลบเมื่อท่อนไม้ฟาดลงมาอีกครั้ง ความเจ็บจากการถูกทุบเมื่อครู่ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง ตอนพยายามลุกขึ้น ขาถึงได้อ่อนเปลี้ยและโดนถีบซ้ำลงไปกับพื้นอีกรอบ“มึงมาหาน้องสาวเหรอ” มันกระชากคอเสื้อเขาขึ้น “แต่เสียใจด้วยนะ น้องมึงไม่ได้อยู่ที่นี่”“ใครส่งมึงมา ต้องการอะไร
“ผมอยากออกไปตามหาน้อง”“แต่มันดึกมากแล้วนะ คุณจะตามยังไง”“ก็ดีกว่านั่งเฉย ๆ แบบนี้นั่นแหละ เมื่อกี้พริมบอกว่าอยู่ที่โกดัง ในละแวกนี้จะมีโกดังที่ไหนบ้าง”“ถ้างั้นเดี๋ยวผมดูให้นะ”ณภัทรเดินไปหยิบไอแพดแล้วเปิดแผนที่เพื่อสำรวจหาโกดังหรือที่เก็บของขนาดใหญ่“ตอนพริมถูกจับและเพื่อนคุณโทรมาบอกมันก็เพิ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เพราะงั้นมันคงเอาพริมไปขังในที่ที่ไกลกว่านี้ไม่ได้” เขาวิเคราะห์พร้อมกับหาความเป็นไปได้ในแต่ละจุด“ตรงนี้หรือเปล่า” เขาซูมแผนที่“แต่ฝั่งทางนี้ก็มีเหมือนกันนะ” ณภัทรหมุนอีกด้านให้ดู“ผมจะลองไปทีละที่ก็แล้วกัน” ปรัชญ์ภูมิเลื่อนดูไปรอบ ๆ เผื่อจะเจอโกดังอื่นอีก แต่ก็ไม่มีอะไรพอจะเข้าเค้า เขาจึงลุกขึ้น เตรียมจะออกไปทันที แต่ถูกรั้งแขนไว้“เดี๋ยวก่อนภูมิให้ผมไปด้วย เผื่อผมช่วยอะไรคุณได้บ้าง”คำขอของณภัทรทำให้เขาชะงักไป ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ความช่วยเหลือมากไปกว่านี้ อันที่จริงณภัทรก็ช่วยเขาเอาไว้มากแล้ว“ไม่เป็นไรคุณรออยู่นี่แหละ”“แล้วถ้าคุณกำลังจะโดนโจรฆ่าตาย ใครจะช่วยล่ะ”เขายิ้ม “ถ้าผ
ข่าวที่ปรัชญ์ภูมิได้รับจากเพื่อนทำให้เขาเกือบจะคลั่งตาย มันไม่มีทางที่คนคนหนึ่งอยู่ดี ๆ จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย พริมาอาจจะชอบเที่ยวดึกดื่น แต่เขาจะยังติดต่อน้องได้เสมอ แต่จากความพยายามเมื่อครู่ โทรศัพท์ของพริมาไม่มีสัญญาณหรือไม่ก็ปิดเครื่อง เขาจึงไม่สามารถติดต่อน้องได้ แล้วไอ้การที่เพื่อนบอกว่าเธออาจจะโดนลักพาตัวยิ่งทำให้เขาแทบจะเป็นประสาทด้วยความห่วงน้อง“ภูมิ” ณภัทรเอื้อมมือมาแตะไหล่ให้เขาใจเย็นลงตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะออกไปพบและหารือกับเพื่อน แต่ณภัทรแนะนำว่าถ้าหากพริมถูกลักพาตัวไปแล้วเขาออกไปข้างนอกคนเดียว ก็อาจจะตกเป็นเป้าได้ ทั้งคู่จึงยังนั่งอยู่ด้วยกันในคอนโด และติดต่อกับคนอื่นผ่านโทรศัพท์แทน“อะไรคือสิ่งที่ทำให้เพื่อนคุณคิดว่าพริมถูกลักพาตัวไป” เวลานี้ณภัทรคนที่ขี้เล่นขี้แกล้งดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเรื่องใด ๆ กลับมีสติและควบคุมอารมณ์มากกว่าเขาทั้งที่ห่วงพริมาไม่แพ้กัน“มันโทรไปเตือนพริมไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ยังคุยไม่จบก็ได้ยินเสียงร้องของพริม จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป สายหลุด โทรกลับก็ไม่ติดแล้ว เหมือนที่ผมลองเมื่อกี้นั่น
ปรัชญ์ภูมิตอบคำถามด้วยความเงียบแบบที่เป็นมาเสมอ และเขาก็เบื่อเกินกว่าจะซักไซ้ แต่ไม่อยากกลับเข้าไปในร้าน เลยเดินไปทางลานจอดรถเงียบ ๆ“กลับกับผม รถคุณก็จอดไว้นั่นแหละ”น้ำเสียงนั่นไม่ใช่คำสั่ง ณภัทรจึงยอมไปนั่งบนรถของชายหนุ่มแต่โดยดี แล้วทั้งสองก็มุ่งตรงกลับคอนโดโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ความจริงก็คือถ้าพูดอะไรให้อารมณ์เสียตอนขับรถ มันก็คงจะไม่ดีนัก“ผมขอโทษที่อารมณ์เสียใส่” จู่ ๆ ปรัชญ์ภูมิก็โพล่งขึ้นขณะอยู่ในลิฟต์“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องยอมรับว่าชอบเล่นสนุกแกล้งคุณจนคุณอารมณ์เสียบ่อย ๆ” ณภัทรตอบแต่ก็อดเติมคำต่อท้ายไม่ได้ “แต่ผมไม่ผิดนะ”ชายหนุ่มมองหน้าเขาแล้วยอมรับออกมาอย่างง่ายดายจนเขาแปลกใจ“อืม ผมผิดเองแหละ”“อะไรครับ อย่ามาตัดพ้อ”“ฮื่อ ถึงแล้วก็รีบไปอาบน้ำ อย่ามัวพูดมาก” ปรัชญ์ภูมิดันหลังเขาเข้าห้องนอน แต่ตัวเองถอยกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น“ทำงานหรือคุยกับเพื่อนอีกแล้วเหรอ” เขาตะโกนถาม“แป๊บเดียวครับ”เขายักไหล่ ป่วยการจะห้ามคนบ้างานให้เลิกทำงานโดยสิ้นเชิง เพราะนี่ก็ถือว่าลดลงจากปกติมามากแล้วเขาหยิบผ
ข้อเสนอเรื่องแผนการอันแหลมคมของณภัทรได้รับการยอมรับจากปรัชญ์ภูมิ ช่วงสองสามวันมานี้ แทนที่จะไปทำงาน ชายหนุ่มเลยทำเหมือนตัวเองลาหยุดพักร้อน และใช้คอนโดของคนต้นคิดเป็นแหล่งกบดานหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็ยังไม่ตัดขาดจากบริษัทเสียทีเดียว เขายังรับสายโทรศัพท์จากเลขาฯ อยู่บ้าง ตอบอีเมลและคุยกับทนายบริษัทซึ่งเป็นเพื่อนและคนที่รู้ถึงการฉ้อโกงทุกอย่าง“วันนี้ผมจะไปคลับนะ”“ทำไมต้องไปบ่อย ๆ” ปรัชญ์ภูมิถาม เงยหน้าจากจอโทรศัพท์มามองด้วยสายตาไม่ชอบใจ“เมื่อก่อนผมก็ไปทุกวัน” ณภัทรหยิบกระเป๋าสตางค์มาใส่กระเป๋ากางเกง “กลับดึกหน่อยนะครับ”“ทำไม คุณไม่ไปแค่สองสามวันแล้วร้านจะเจ๊งเลยเหรอ”“ไม่เจ๊งหรอกครับ แต่ผมต้องเข้าไปตรวจความเรียบร้อย ก็เหมือนคุณไง ขนาดปากบอกว่าจะหยุด แต่ก็เช็กเมลอยู่เรื่อย ๆ”“เพื่อนผมเตือนอะไรแปลก ๆ ผมเลยยังวางมือไม่ได้ซะทีเดียว”“หืม?”“แค่ผมไม่ได้เข้าบริษัทสี่วัน และไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ไหนนอกจากพริม บัญชีที่ติดลบก็ขึ้นตัวแดงมากกว่าเดิม แม่เลี้ยงแสนรักของผมอยู่ที่บริษัททั้งวัน และใช้เวลากับผู้
“มาแล้ว! สวัสดีจ้ะภูมิ” คนเป็นแม่สาวเท้าถี่ ๆ เข้ามาหา เสียงทักทักทายของนางร่าเริง รอยยิ้มหวานสดใสนั้นเหมือนณภัทรอย่างไม่ผิดเพี้ยนจนเขาถึงกับอึ้งไป“แม่ครับ ภูมิจะตกใจเอานะ” ลูกชายยั้งแม่ตัวเองเอาไว้“สวัสดีครับ” ปรัชญ์ภูมิทักทายเจ้าของบ้านทั้งที่ยังตั้งตัวไม่ได้“หน้าตาดีจริง ๆ คิดว่าดีกว่าลูกชายแม่อีกนะเนี่ย ตาภัทรช่างมีรสนิยม” นางหัวเราะคิกคักเหมือนสาววัยแรกรุ่น“แม่ ผมบอกแล้วไงว่าภูมิไม่ใช่แฟน” เขารีบแก้ความเข้าใจผิดของแม่ก่อนที่จะเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่ก็ยังไม่วายลอบมองชายหนุ่มมาดขรึมก่อนหน้าเขาบอกกับแม่ว่าเพื่อนจะแวะมา เพราะเขาชวนให้มาลองชิมขนมที่แม่กำลังทำอยู่ เพียงแค่นั้นผู้เป็นแม่ที่รู้ใจลูกชายดีที่สุดก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที นางไม่เกี่ยงว่ารสนิยมของลูกชายจะเป็นแบบไหน ขอเพียงลูกชอบและมีความสุขก็เพียงพอแล้ว นับได้ว่านางเป็นแม่ที่รักและเข้าใจลูกมากจริง ๆคำปฏิเสธที่ไม่ค่อยจะเต็มปากของลูกชายทำให้นางมองค้อนอย่างหมั่นไส้ “เหรอ แต่ก็จะเป็นในตอนหลังใช่มั้ย” นางยังไม่ลดความพยายาม ก่อนจะหันมามองหน้าปรัชญ์ภูมิ “ใช่มั้ยภูมิ”คนถู
ตอนแรกผู้เป็นบิดาดูท่าจะไม่ยอม แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของลูกชาย เขาจึงถอนหายใจ เงยหน้ามองภรรยา “ที่รัก คุณช่วยไปเอาชาให้ผมทีนะ”“ค่ะ” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจจะออกจากห้องเลยสักนิด“ผมเพิ่งบอกพ่อไปว่าม่านดาวน่าจะมีส่วนในการโกงบริษัท แต่พ่อกลับมอบอำนาจให้เธอเซ็นเอกสารสำคัญ” เขาตรงเข้าเรื่อง เมื่อเธอออกไปแล้ว“แกแค่สงสัย และฉันก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้ว ถึงจะยังไม่ได้เบาะแสอะไรมากกว่าที่แกเอามาให้ แต่ก็ไม่มีชื่อของม่านดาวโผล่ออกมาเลย”“พ่อก็ยอมรับออกมาเองนี่ครับว่ายังไม่ได้เบาะแสมากพอ เพราะงั้นพ่อจะสรุปว่าเธอบริสุทธิ์ไม่ได้”“แกต้องการอะไรจากฉันฮะ ฉันพยายามจะทำให้ครอบครัวของเราเดินหน้าต่อไปได้ แต่แกกับยัยพริมก็คอยแต่จะเอาตัวเองมาขัดขวางทุกอย่าง ตอนนี้แกอยากจะยัดเยียดข้อหาใส่เมียของฉัน แกเป็นอะไรนักหนา” เสียงที่พูดออกมากเกรี้ยวกราดและดังก้องไปทั้งห้องจนเขาแปลกใจที่พ่ออารมณ์เสียง่ายกว่าเมื่อก่อน ราวกับว่าการแตะต้องม่านดาวทำให้พ่อระเบิดง่ายกว่าปกติ“ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ครอบครัวของผม และจะไม่มีวันเป็น” เขาย้อนกลับทันที