เพื่อขจัดความรู้สึกว้าวุ่นใจ ปรัชญ์ภูมิจึงตัดสินใจโดดงานอีกวันมาที่คอนโดของณภัทร เขารู้ว่าชายหนุ่มจะยังอยู่ที่นี่ เพราะเคยบ่นไว้ว่าไม่อยากให้แม่เห็นแผล แต่เมื่อมาถึงและโทรตามให้เจ้าของห้องลงมารับ เขาก็ต้องหงุดหงิดที่ณภัทรยังตื่นไม่เต็มที่ ไม่ได้กินข้าวเช้า ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการกินยาเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมเพิ่งจะตื่นเอาป่านนี้ครับ”
“นี่เช้ามากสำหรับผมแล้วครับ ปกติผมตื่นเที่ยง ๆ บ่าย ๆ โน่น” ณภัทรพูดไปก็หาวไป
“แต่คุณน่าจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้หน่อย คุณต้องกินข้าวกินยาให้ตรงเวลา” ปรัชญ์ภูมิบ่นคนไม่รู้จักดูแลตัวเองยาวเป็นหางว่าว ไล่ให้ไปอาบน้ำขณะที่เขาทำมื้อเช้าง่าย ๆ ให้ ในใจยังรู้สึกหงุดหงิดไม่หาย ณภัทรทำเหมือนกับว่าแผลนั่นมันเล็กน้อยและไม่สนใจเลยว่าเขาพยายามจะดูแลและชดเชยให้ชายหนุ่มขนาดไหน
“คุณภูมิ”
“หืม” เขาหันหลังกลับ แต่เผลอขยับถอยหลังจนชนเข้ากับกระทะที่ตั้งอยู่บนเตา เพราะณภัทรนั้นเปลือยท่อนบน รูปร่างของเขาสมส่วนมีกล้ามเนื้อแน่นเป็นลอน
“โอ๊ะ ระวังครับ” ร่างสูงขยับรวดเดียวก็เข้าถึงตัวเขา
“ผมไม่เป็นไร ทำไมไม่แต่ง
“ผมต้องกลับแล้ว”ปรัชญ์ภูมิเปรยขึ้น หลังจากทั้งคู่นั่งดูหนังด้วยกันมาสามเรื่องรวด ถึงแม้จะบ่นเป็นหมีกินผึ้ง และเอาแต่บังคับให้เขากินยา แต่ท้ายที่สุดก็ยอมตามทุกอย่างที่ขอ จนมาติดอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นค่อนคืน“อย่าเพิ่งกลับเลยครับ ผมอยากปรึกษาเรื่องงานอีกหน่อย อยู่ต่อนะ”“คุณไม่ปวดหัวบ้างหรือไง”ณภัทรลังเลใจที่จะตอบ ถ้าบอกว่าปวด แทนที่จะเห็นใจแล้วยอมอยู่ต่อ ก็จะยิ่งไล่เขาไปนอน แล้วตัวเองจะได้กลับบ้าน แต่ถ้าบอกว่าไม่ปวด ก็อาจจะคิดว่าเขาโอเค แล้วกลับบ้านทันทีก็ได้“ว่าไงล่ะครับ” ถามหน้านิ่ง เหมือนคนกำลังจะหมดความอดทนเข้าไปทุกที“ปวดนิดหน่อย แต่งานก็ต้องทำ เหมือนคุณไงครับ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ยังต้องทำงาน แล้วก็ดูแลผมไปพร้อมกัน” เขาเลือกตอบกลาง ๆ ที่ฟังดูแล้วน่าเห็นใจนิด ๆ“รู้ว่าผมเหนื่อยก็ดี ไหนครับ สงสัยตรงไหนอีก รีบถามมา ผมจะได้รีบตอบแล้วรีบกลับ” เขาใจอ่อนอีกรอบณภัทรยิ้มกับตัวเอง เขาเริ่มรู้จุด
“ทำไมครับ ถ้าได้อยู่ข้างล่างแล้วมันจะตายเหรอ” เขายังท้าไม่หยุด ไม่รู้เพราะตัวเองก็ยอมไม่ได้ หรืออันที่จริงอยากให้ชายหนุ่มสติแตกแล้วลงมือทำสิ่งที่เขาต้องการกันแน่“ใช่” สีหน้าของปรัชญ์ภูมิดูออกว่าตื่นเต้นและสนใจในร่างกายของเขา ความมึนเมาทำให้ดวงตาที่เคยใสกระจ่างขุ่นมัว เยิ้มนิด ๆ และมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ ความรู้สึกว่าณภัทรดูเย้ายวนแต่ก็ถือดีจนอยากจะปราบให้ราบคาบชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในเสื้อที่เปิดอ้า เคล้นคลึงไปตรงจุดอ่อนไหวทั้งสองข้าง ก้มลงมาจูบแล้วบังคับให้เขาใช้ลิ้นด้วยอย่างคนเอาแต่ใจ การรุกอย่างหนักหน่วงทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด ได้แต่ยอมตามที่ถูกกระทำลงไป ถึงขนาดที่โดนปลดเสื้อและกางเกงออกจากตัวก็ยังไม่เอ่ยปากห้ามแม้สักนิด“สรุปว่าคุณอยู่ข้างล่างนะ” ปรัชญ์ภูมิพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนเหนือกว่าณภัทรเสียหน้าจึงพยายามดันตัวออก แต่ดิ้นได้ไม่นานฝ่ามือหนาที่ลากผ่านลำตัวเปลือยเปล่า ขาแกร่งที่คร่อมอยู่เหนือร่างของเขา ร่างกายบดเบียดเสียดสีกัน โดยเฉพาะตรงจุดสำคัญ มันก็ทำให้เรี่ยวแรงอ่อนลงทุกทีเขารู้สึกเสีย
ในค่ำคืนอันยาวนานที่ดูท่าจะไม่สิ้นสุดโดยง่าย โฮสต์คลับสุดหรูระดับแนวหน้าของประเทศและมีชื่อเสียงจนแม้แต่คนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองก็ยังต้องมาเที่ยวถึงที่นี่ ได้ทำการต้อนรับแขกมากมายจนเด็กโฮสต์ที่มีอยู่แทบจะถูกเลือกไปจนหมด ณภัทรเฝ้ามองลูกค้าหญิงที่เดินเข้ามาด้วยความพึงพอใจ ถึงแม้เขาจะเปิดโฮสต์คลับแห่งนี้แก้เบื่อเพราะไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ทำอะไร แต่มันกลับให้ผลตอบแทนอย่างดีเยี่ยมชนิดที่เขาคาดไม่ถึง จากที่คิดว่าเล่น ๆ เลยต้องทำเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาชายหนุ่มใช้เวลาทุกค่ำคืนไปกับสถานที่แห่งนี้ คอยดูแลตั้งแต่เรื่องการจัดโต๊ะไปจนถึงแขกคนสำคัญ บางครั้งที่เขาเบื่อมาก ๆ ก็มาเป็นโฮสต์เองเสียด้วยซ้ำถ้าหากเจอแขกน่าสนใจ และถึงแม้คลับจะมีกฎห้ามมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกค้า แต่ถ้านอกรอบและนอกสถานที่แห่งนี้เขามักจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ก็คอยย้ำกับเด็กหนุ่มในสังกัดทุกคนว่าอย่าให้มีอะไรเสียหายมาถึงคลับเป็นพอ กฎมันก็คือกฎ คือหลักที่วางไว้เป็นแนวทาง แต่ในทางปฏิบัติใครกันที่จะทำตามกฎได้ตรงเป๊ะทุกข้อ ในความเป็นจริงความพอใจของทั้งสองฝ่ายต่างหากละที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดแม้กระทั่งตัวของณภัทรเอง หากเขาเกิดถู
“แหม ๆ ถ้าฉันรู้จักคุณน้อยกว่านี้ ฉันคงหลงคุณตายเลย” เธอตอบกลับพร้อมหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน“คุณก็เคยหลงไม่ใช่เหรอ” เจ้าของคลับสุดหล่อเย้ากลับ แล้วยกแก้วในมือขึ้นจิบช้า ๆ ทุกการขยับเคลื่อนไหวของเขาช่างดูเร้าอารมณ์ผู้พบเห็นโดยที่เขาไม่ต้องจงใจโปรยเสน่ห์ใส่ใคร ๆ เลยคนถูกถามทำตาเป็นประกาย หัวเราะน้อย ๆ แล้วแสร้งตัดพ้อ “ฉันยังหลงอยู่ต่างหาก แต่คุณทำเป็นมองไม่เห็น คุณร้ายเกินกว่าที่ฉันจะจับให้อยู่ค่ะภัทร ฉันเลยไม่พยายามต่อก็เท่านั้น”การได้พูดคุยหยอกล้อกับณภัทรคล้ายกับการเล่นเกมประลองปัญญา ทั้งสนุก ตื่นเต้น เพราะคนที่ไม่แน่นอนอย่างเขาทำให้คาดเดาอะไรไม่ถูก“ผมไม่ได้ร้าย แต่ผมแค่โง่ที่ไม่เลือกคุณ ภาวนาว่าอย่าให้มีคนโง่แบบผมเยอะเกินไปก็พอ เดี๋ยวเขาจะพลาดอะไรดี ๆ ไป” เขาพูดเอาใจก่อนจะโอบเอวเธอไปนั่งบนโซฟากำมะหยี่ ห่างจากจุดอื่นเล็กน้อย ซึ่งเป็นมุมที่มองเห็นการแสดงโชว์บนเวทีพอดี เขาฉลาดพอที่จะเก็บลูกค้าชั้นดีอย่างหล่อนไว้ และเธอก็ไม่เคยทำตัวงี่เง่าหรือสร้างปัญหางี่เง่าจุกจิกอย่างบรรดาลูกค้าสาว ๆ ไฮโซคนอื่น ๆ ที่ชอบเข้ามาวางท่าและใช้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่นเพราะถือว่าตนมีอำนาจของเงินที่จะฟาดหัวใค
การเข้าถึงตัวเขาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเย็นเช่นกัน หากเป็นลูกค้าคนอื่นอาจจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ค่อนข้างจะง่ายดายเพราะเขาสั่งพนักงานไว้แล้วว่าถ้าเธอถามถึงเขาให้บอกได้ทันที และทุกครั้งเธอก็ไม่เคยถามหาคนอื่น พนักงานทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดีและยังนึกแปลกใจว่าผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรถึงทำให้ณภัทรสนใจได้“ครับคุณภัทร”พนักงานคล้อยหลังไปได้ไม่เท่าไหร่ หญิงสาวเจ้าของเครื่องดื่มก็มุ่งตรงมาทางนี้แล้ว“ต้องจ่ายเท่าไหร่คะ ถึงจะได้นั่งกับคนนี้” เธอยิ้มหวานก่อนจะโน้มตัวเท้าแขนกับโต๊ะแล้วยื่นหน้ามาใกล้จนเกือบชิด “จ่ายเป็นตัวของพริมเองนี่รับมั้ย”ณภัทรยิ้มออกมากับท่าทางยั่วเย้าของหญิงสาวก่อนจะลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างเอาใจ“ผมไม่อยากจะปฏิเสธคนสวยนะครับ แต่คำตอบก็คือขอคิดดูก่อน”พริมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แกล้งส่งค้อนให้ชายหนุ่มด้วยท่าทางแง่งอนที่ดูจะไม่เป็นจริงเป็นจังนัก แล้วจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แต่ก็ยังไม่วายบ่นเขาอีกเล็กน้อย“คุณนี่เล่นตัวจริง ๆ วันนี้ฉันยิ่งเบื่ออยู่”เขาไม่ถือสากับคำบ่นและท่าทางเสียอารมณ์ของคนตรงหน้า ตรงกันข้าม กลับทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่เธอต้องการ
“เต้นกันอยู่นี่ ยังคิดเรื่องงานอีกนะคะ” หญิงสาวเรียกร้องความสนใจด้วยการเอาตัวมาเบียดชิดกับร่างสูง ก่อนจะใช้มือสองข้างโน้มคอของอีกฝ่ายลงมาหา“ว่าไงคะ” เธอช้อนสายตามองนัยน์ตาฉ่ำปรือ“คุณเมาแล้ว” เขาพูด แต่ก็ไม่ได้ดันร่างเล็กออก ได้แต่โอบประคองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ร่วงลงไปกองกับพื้นแน่การกระทำของเขาสร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับสาว ๆ ในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก และดูเหมือนเธอจะรู้ดี เลยแกล้งทำตัวอ่อนอยู่ในอ้อมกอด ซบใบหน้าอยู่กับแผงอกกว้างณภัทรยิ้มอย่างรู้เท่าทันแต่ไม่ได้ว่าอะไร เธอร้ายนัก เธอไม่ได้ยั่วยวนเขา แต่จงใจยั่วลูกค้าสาวคนอื่น ๆ เขาจึงยินยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความบันเทิงเล็ก ๆ ให้กับเธอ แถมเขาก็ยังสนุกด้วยเหมือนกัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า การที่เขาปล่อยให้ทั้งคู่แนบชิดกันอยู่แบบนั้น มันจะนำเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง“เฮ้ย มึงทำอะไรน้องกูวะ ปล่อย!”แรงกระชากจากด้านหลังทำเขาเซไปเล็กน้อย ถึงจะไม่ล้มแต่มันก็น่าหงุดหงิดที่โดนใครก็ไม่รู้เข้าถึงตัว“อะไรกันวะ”เขาหันกลับมาเอาเรื่องคนที่มาหาเรื่องถึงในถิ่นของตัวเอง แล้วก็ต้องพบกับชายหนุ่มตัวสูงที่มีหน้าตาดีพอ ๆ กับตัวเองยืนทำหน้าถ
“ถ้าพริมอยากมา พริมก็มาหาผมได้ทุกเมื่อนะ ไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นหรอก พริมโตและบรรลุนิติภาวะแล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ผมจะรอนะครับ” เขาโปรยยิ้มใส่หญิงสาว แล้วส่งสายตาท้าทายไปให้ชายตรงหน้า“ไอ้…” คำด่าเกือบจะหลุดรอดออกมา แต่ก็ยั้งเอาไว้ได้ ก่อนจะกระชากมือเขาออกจากมือน้องสาวสุดรักอย่างแรงณภัทรยิ้มกวนประสาทอีกรอบ เขาชอบที่จะได้เห็นอีกฝ่ายโกรธ และสงสัยว่าถ้าหากเขายังยุ่งเกี่ยวกับพริมาอยู่อีก ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เขารู้โดยสัญชาตญาณว่านี่อาจจะเป็นเรื่องสนุกระดับชาติเลยทีเดียว ซึ่งโอกาสอย่างนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ และมันอาจจะทำให้ความเบื่อหน่ายที่สั่งสมอยู่ถูกบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้าง“อ้อ…เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นพี่ชายพริมใช่มั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยที่พูดจาไม่สุภาพ ใครจะรู้ล่ะครับ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นเร็ว ๆ นี้ เราอาจจะได้เกี่ยวข้องกันผ่านทางพริมก็ได้” ณภัทรเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกดอกแล้วคอยมองปฏิกิริยาโต้กลับของชายหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อแล้วมันก็ได้ผล ปรัชญ์ภูมิเดือดจัดขึ้นมาอีกรอบ “กูไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนฉวยโอกาสอย่างมึงหรอก ขอโทษด้วย”ณภัทรถึงกับต้องกลั้นขำเลยทีเดียว การยั่วให้ชายตรงหน
ความดื้อด้านเกินรับมือของน้องสาว ทำให้ปรัชญ์ภูมิแทบจะเป็นประสาทตายทุกวัน ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่เดินโซซัดโซเซขึ้นบันไดหนีเขาด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเข้าใจดีว่าทำไมพริมาถึงกลายเป็นคนแบบนี้เรื่องมันเริ่มจากการที่สองคนพี่น้องสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นไม่ถึงสามเดือนพ่อก็เอาคนอื่นมาแทนที่ โดยที่น้ำตาของน้องสาวเขายังไม่หายเหือดแห้งไปเท่าไรนัก มิหนำซ้ำผู้หญิงที่พ่อนำเข้ามาในบ้านจงใจเป็นปฏิปักษ์กับลูกเมียเก่าอย่างพวกเขาชัดเจน แต่เสแสร้งตีบทแม่เลี้ยงแสนดีต่อหน้าพ่อเท่านั้น พอลับหลังกลับหาเรื่องรังควาญสารพัด พอพวกเขาตอบโต้กลับ ก็กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นเด็กก้าวร้าว ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่ปรารถนาดีแล้วอยากผูกมิตร พ่อก็ดันเชื่อและหลงในความกลับกลอกนั่นและไม่ใส่ใจเขากับน้องอีกเลย ตั้งแต่นั้นเขาจึงนับเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่สำหรับพริมา และพริมาเองก็เช่นกันที่คอยเติมเต็มความอ้างว้างของคำว่าครอบครัวให้กับเขา สองพี่น้องจึงรักและห่วงใยกันมากสำหรับปรัชญ์ภูมิแล้ว พ่อจะรักหรือชอบใครใหม่เขาไม่มีปัญหา แต่คนคนนั้นต้องไม่พยายามจะแย
“ทำไมครับ ถ้าได้อยู่ข้างล่างแล้วมันจะตายเหรอ” เขายังท้าไม่หยุด ไม่รู้เพราะตัวเองก็ยอมไม่ได้ หรืออันที่จริงอยากให้ชายหนุ่มสติแตกแล้วลงมือทำสิ่งที่เขาต้องการกันแน่“ใช่” สีหน้าของปรัชญ์ภูมิดูออกว่าตื่นเต้นและสนใจในร่างกายของเขา ความมึนเมาทำให้ดวงตาที่เคยใสกระจ่างขุ่นมัว เยิ้มนิด ๆ และมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ ความรู้สึกว่าณภัทรดูเย้ายวนแต่ก็ถือดีจนอยากจะปราบให้ราบคาบชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในเสื้อที่เปิดอ้า เคล้นคลึงไปตรงจุดอ่อนไหวทั้งสองข้าง ก้มลงมาจูบแล้วบังคับให้เขาใช้ลิ้นด้วยอย่างคนเอาแต่ใจ การรุกอย่างหนักหน่วงทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด ได้แต่ยอมตามที่ถูกกระทำลงไป ถึงขนาดที่โดนปลดเสื้อและกางเกงออกจากตัวก็ยังไม่เอ่ยปากห้ามแม้สักนิด“สรุปว่าคุณอยู่ข้างล่างนะ” ปรัชญ์ภูมิพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนเหนือกว่าณภัทรเสียหน้าจึงพยายามดันตัวออก แต่ดิ้นได้ไม่นานฝ่ามือหนาที่ลากผ่านลำตัวเปลือยเปล่า ขาแกร่งที่คร่อมอยู่เหนือร่างของเขา ร่างกายบดเบียดเสียดสีกัน โดยเฉพาะตรงจุดสำคัญ มันก็ทำให้เรี่ยวแรงอ่อนลงทุกทีเขารู้สึกเสีย
“ผมต้องกลับแล้ว”ปรัชญ์ภูมิเปรยขึ้น หลังจากทั้งคู่นั่งดูหนังด้วยกันมาสามเรื่องรวด ถึงแม้จะบ่นเป็นหมีกินผึ้ง และเอาแต่บังคับให้เขากินยา แต่ท้ายที่สุดก็ยอมตามทุกอย่างที่ขอ จนมาติดอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นค่อนคืน“อย่าเพิ่งกลับเลยครับ ผมอยากปรึกษาเรื่องงานอีกหน่อย อยู่ต่อนะ”“คุณไม่ปวดหัวบ้างหรือไง”ณภัทรลังเลใจที่จะตอบ ถ้าบอกว่าปวด แทนที่จะเห็นใจแล้วยอมอยู่ต่อ ก็จะยิ่งไล่เขาไปนอน แล้วตัวเองจะได้กลับบ้าน แต่ถ้าบอกว่าไม่ปวด ก็อาจจะคิดว่าเขาโอเค แล้วกลับบ้านทันทีก็ได้“ว่าไงล่ะครับ” ถามหน้านิ่ง เหมือนคนกำลังจะหมดความอดทนเข้าไปทุกที“ปวดนิดหน่อย แต่งานก็ต้องทำ เหมือนคุณไงครับ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ยังต้องทำงาน แล้วก็ดูแลผมไปพร้อมกัน” เขาเลือกตอบกลาง ๆ ที่ฟังดูแล้วน่าเห็นใจนิด ๆ“รู้ว่าผมเหนื่อยก็ดี ไหนครับ สงสัยตรงไหนอีก รีบถามมา ผมจะได้รีบตอบแล้วรีบกลับ” เขาใจอ่อนอีกรอบณภัทรยิ้มกับตัวเอง เขาเริ่มรู้จุด
เพื่อขจัดความรู้สึกว้าวุ่นใจ ปรัชญ์ภูมิจึงตัดสินใจโดดงานอีกวันมาที่คอนโดของณภัทร เขารู้ว่าชายหนุ่มจะยังอยู่ที่นี่ เพราะเคยบ่นไว้ว่าไม่อยากให้แม่เห็นแผล แต่เมื่อมาถึงและโทรตามให้เจ้าของห้องลงมารับ เขาก็ต้องหงุดหงิดที่ณภัทรยังตื่นไม่เต็มที่ ไม่ได้กินข้าวเช้า ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการกินยาเลยด้วยซ้ำ“ทำไมเพิ่งจะตื่นเอาป่านนี้ครับ”“นี่เช้ามากสำหรับผมแล้วครับ ปกติผมตื่นเที่ยง ๆ บ่าย ๆ โน่น” ณภัทรพูดไปก็หาวไป“แต่คุณน่าจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้หน่อย คุณต้องกินข้าวกินยาให้ตรงเวลา” ปรัชญ์ภูมิบ่นคนไม่รู้จักดูแลตัวเองยาวเป็นหางว่าว ไล่ให้ไปอาบน้ำขณะที่เขาทำมื้อเช้าง่าย ๆ ให้ ในใจยังรู้สึกหงุดหงิดไม่หาย ณภัทรทำเหมือนกับว่าแผลนั่นมันเล็กน้อยและไม่สนใจเลยว่าเขาพยายามจะดูแลและชดเชยให้ชายหนุ่มขนาดไหน“คุณภูมิ”“หืม” เขาหันหลังกลับ แต่เผลอขยับถอยหลังจนชนเข้ากับกระทะที่ตั้งอยู่บนเตา เพราะณภัทรนั้นเปลือยท่อนบน รูปร่างของเขาสมส่วนมีกล้ามเนื้อแน่นเป็นลอน“โอ๊ะ ระวังครับ” ร่างสูงขยับรวดเดียวก็เข้าถึงตัวเขา“ผมไม่เป็นไร ทำไมไม่แต่ง
“แต่การให้น้องผมมาที่คอนโดคุณนี่ ผมไม่ชอบความคิดนี้เท่าไหร่นะ” เขาหรี่ตามองอย่างไม่ชอบใจนัก“ก็ยังจะหวงได้ทุกเวลาสินะ พริมอยากมาหาคุณ ไม่ใช่ผม”“มาบ่อยหรือเปล่า”“ผมไม่เคยให้ใครมาเลยต่างหาก” ภัทรตอบเรียบ ๆ ก่อนจะมองตรงมาที่เขาปรัชญ์ภูมิอาจจะสรุปโดยเข้าข้างตัวเองสุด ๆ ว่าเขาคือข้อยกเว้นของคนที่หวงชีวิตส่วนตัวอย่างณภัทร แต่เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตัวเองถึงได้สิทธิ์มานอนค้างและนั่งหัวโด่อยู่นี่ ถึงอย่างไรก็ตาม ความคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ก็ทำให้เขารู้สึกพอใจแปลก ๆ“ไม่ถามหน่อยเหรอครับว่าทำไมคุณถึงได้โอกาสนี้”“ใช้คำว่าโอกาสเชียว?”“สำหรับคนอื่นมันเป็นโอกาสนะครับคุณ ใคร ๆ ก็สงสัยว่าเตียงผมนุ่มแค่ไหน”แทนที่จะมองคำพูดนั้นเป็นสองแง่สองง่าม แต่ปรัชญ์ภูมิกลับรู้สึกว่ามันฟังดูอวดดีและเหมือนเด็กที่อยากจะขิงว่าตัวเองเจ๋งมากกว่า เขาก็เลยหัวเราะออกมาแทน“ทำไมคุณชอบหัวเราะเยาะผม” เจ้าตัวทำหน้าบึ้ง“ก็เพราะคุณตลกน่ะสิ ผมไม่อยากรู้หรอกว่าเตียงคุณนุ่มแค่ไหน เพราะผมชอบเตียงของตัวเองมากที่สุดแล้ว”“นั่นก็คือคำเปรียบเทียบที
ปรัชญ์ภูมินั่งอยู่ในห้องซึ่งใช้เป็นที่นอนเมื่อคืนนี้ เขามองไปรอบ ๆ ห้องของณภัทรในตอนที่มีสติครบถ้วน มันดูสะอาดและเป็นระเบียบกว่าที่คิดเอาไว้ ด้วยความที่ผลุนผลันออกไปแต่เช้า เลยไม่เห็นว่าผู้ชายแบบณภัทรก็รู้จักแต่งห้องด้วยงานศิลปะสวย ๆ รูปถ่ายหลากหลายทั้งรูปวิว อาคารบ้านเรือนและธรรมชาติเป็นเหมือนกัน แถมยังเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีหลากหลายอีกต่างหาก ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ช่างต่างกับห้องของเขาสุดขั้ว“สำรวจห้องผมเสร็จหรือยังครับ” เจ้าของห้องพูดเจือรอยยิ้ม“คุณอยู่เงียบ ๆ ดีกว่า เจ็บหัวแล้วยังไม่เจียมอีก” เขาหันไปทำหน้าดุ ก่อนจะขยับเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวยาวแล้วจับใบหน้าชายหนุ่มพลิกไปมา“ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก” ความห่วงใยจากผู้ชายเย็นชาทำให้ณภัทรทำตัวไม่ถูก เขารู้ว่าปรัชญ์ภูมิไม่ได้จงใจรุก“ชู่วว” ชายหนุ่มส่งเสียงห้าม เอานิ้วชี้จุ๊ปาก เขม้นมองแผลที่หมอแปะผ้าก๊อซไว้อย่างเรียบร้อย ราวกับจะหาจุดผิดพลาดจากคนที่ทำอาชีพดูแลคนป่วยมาทั้งชีวิต ซึ่งก็แน่นอนว่าด้วยการเย็บไม่กี่เข็มและใส่ยาเรียบร้อย มันไม่มีสิ่งผิดพลาดใดทั้งนั้น มีแต่เจ้าตัวนั่นแ
พริมากำลังเล่าให้เขาฟังเรื่องที่เธอลงเรียนการออกแบบเสื้อผ้าด้วยเสียงกระตือรือร้น แต่แล้วมันก็หยุดลงโดยฉับพลัน หญิงสาวเขม้นมองคนที่เพิ่งเดินตรงมาจากลานจอดรถก่อนจะถอนหายใจเสียงดังณภัทรมองตามเธอไป เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใครเมื่อดูจากสีหน้าของพริมา“ยัยเด็กนรก” เธอสบถ“ลูกเลี้ยงพ่อคุณสินะครับ”“ทำไมไม่ใช้คำว่าน้องปลอม ๆ ของฉันล่ะคะ”“เพราะคุณไม่มีทางยอมรับเธอเป็นน้องแน่”คำตอบของเขาสร้างรอยยิ้มให้เธอ แต่แล้วมันก็เลือนหายไปอีก เมื่อหญิงสาวคนนั้นเดินรี่มาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งเอ่ยทักทายด้วยท่าทางที่ เสแสร้งจนแม้แต่ณภัทรเองยังอดที่จะรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา“จะกลับแล้วเหรอพริม น่าเสียดาย เราอยากกินข้าวกับพริมอยู่พอดี ก็เราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันในบ้านเลยนี่นา”“แต่ฉันไม่อยากกินข้าวกับเธอ” พริมาตัดบท “แล้วเวลาอยู่ข้างนอก ก็ไม่ต้องทำเป็นรู้จักฉันด้วย เข้าใจมั้ย”“โธ่ ทำไมเธอต้องร้ายกาจตลอดเวลาด้วยล่ะ” หญิงสาวทำตาละห้อย ก่อนจะเบนสายตามามองเขาแล้วสิ่งที่ณภัทรเห็นมาตลอดชีวิตก็สว่างวาบในดวงตาคู่นั้น
เช้าวันต่อมาณภัทรได้รับข้อความสั้น ๆ จากคนที่เขาให้ไปนอนที่คอนโดเป็นคำขอบคุณและบอกว่าออกจากห้องมาแล้วโดยไม่ได้ทำห้องเละเทะ มันเป็นคำพูดที่กระชับแต่ไม่ได้เย็นชาเหมือนเวลาอื่น ๆ ของเจ้าตัวเท่าไหร่ เขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินลงมาข้างล่างเพื่อรับประทานมื้อเช้ากับแม่“ทำไมวันนี้มานอนบ้านได้ล่ะลูก” มารดาร้องทักโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารเขาเดินเข้าไปจูบแก้มนางอย่างเอาใจก่อนจะเลื่อนตัวนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ให้เพื่อนยืมคอนโดใช้หนึ่งคืนครับ”ผู้เป็นแม่เลิกคิ้ว “เพื่อนคนไหนกัน”“ผมมีเพื่อนเยอะแยะ” เขาบอกปัดและแม่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก ถึงแม้จะสงสัยว่าเขาให้ใครใช้สถานที่ส่วนตัวซึ่งหวงนักหวงหนาก็ตามเมื่อรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อย เขาก็ได้รับสายจากพริมา ถามแกมขอร้องว่าถ้าเผื่อเขาจะว่างมาช่วยเธอแก้เบื่อ ซึ่งเขาก็อยากจะเจอเธออยู่พอดี จึงตอบตกลงในทันที เขาอยากจะรู้เรื่องครอบครัวอันวุ่นวายของทั้งสองคนให้มากขึ้นอีกนิด หลังจากเหตุการณ์ที่ปรัชญ์ภูมิเมาแล้วหลุดปากพูดออกมา ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้รู้อะไรลึกนัก แต่พ่อที่โมโหกับการที่
ดูเหมือนชายหนุ่มอีกคนจะอ่านความคิดเขาออก “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่จิบเท่านั้นแหละ”“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” เขาพึมพำตอบจากนั้นทั้งสองคนก็ตั้งต้นกินอาหารมื้อเล็ก ๆ โดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เสร็จแล้วก็เริ่มชิมไวน์ตัวแรกก่อน แต่ปรัชญ์ภูมิเห็นว่ามันแพงเกินกว่าจะเอามาขายในสถานที่แบบนี้ อย่างไวน์ชาโต แต่พอณภัทรอธิบายถึงรายรับที่เขาได้แต่ละคืน หรือลูกค้าบางคนที่เสียเงินค่าเครื่องดื่มเป็นแสน เขาก็คิดว่าจะชาโต หรือชาดอนเนย์ คลับนี้ก็ขายได้ทั้งนั้นจากไวน์ก็เปลี่ยนเป็นตระกูลวิสกี้ซึ่งเขาไม่ใคร่จะชอบนัก มีครั้งหรือสองครั้งที่ณภัทรหัวเราะเมื่อเขาทำหน้าเหยเกตอนดื่มมันลงไป ชายหนุ่มให้เขาล้างปากด้วยวอดก้ารัสเซียจิบหนึ่ง แต่มันเหมือนการซ้ำเติมมากกว่า“แค่ก ๆ อันนี้แย่” ปรัชญ์ภูมิดันน้ำสีใสแจ๋วแต่พิษสงร้ายกาจออกห่างจากตัว“งั้นอันนี้มั้ย” ยื่นแก้วสีอำพันให้ แต่รอยยิ้มกลับไม่น่าไว้ใจสักนิด“คุณจะมอมผมเหรอ” ปรัชญ์ภูมิถาม รู้สึกว่าตัวเองพูดช้าลง ปากหนัก หัวก็หน่วง มองภาพซ้อน ๆ กันจนดูไม่ค่อยรู้เรื่อง และทุกอย่างเริ่มหมุนติ้ว เขารู้ตัวดีว่าจะเมาจึงดันแก้วนั้น
เป็นเวลาเย็นเกือบเลิกงาน ตอนที่ปรัชญ์ภูมิได้รับสายจากณภัทรให้ไปเจอกัน เขากำลังนั่งคุยกับแผนกบัญชีอยู่เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น ในตอนแรก เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาเลยตั้งใจจะไม่รับสาย แต่วายร้ายอย่างณภัทรมีหรือจะยอม ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็โทรหาเลขาฯ ของเขาแทน“คุณต้องการอะไรกันแน่ครับ” เขาจำต้องโทรกลับไป แล้วปล่อยให้ลูกน้องกลับบ้านก่อน“ผมกำลังเลือกรายการสินค้าที่จะสั่งจากคุณอยู่ แต่ผมมีคำถามสองสามข้อจะถามคุณ” เสียงของณภัทรแจ่มใสจนเขานึกสงสัยว่าการคุยเรื่องงานมันสนุกขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน“ถามว่า…”“คุณเคยชิมไวน์ของตัวเองมั้ย ในระดับราคาไม่เกินสองพันแต่รสชาติโอเคควรจะเป็นตัวไหนครับ”“ผมรู้ในเรื่องเรทราคาเป็นอย่างดี ส่วนรสชาติ จากที่เราได้เก็บตัวอย่างมา ผมคิดว่า…”“เดี๋ยวนะ!” ชายหนุ่มขัดทั้งที่เขายังพูดไม่จบ “คุณจะบอกผมว่าคุณไม่เคยชิมไวน์ของตัวเองมาก่อนงั้นเหรอ”“มันไม่ใช่ไวน์ของผมครับ” เขาแก้ พยายามจะไม่ฉุนเฉียว “และผมก็นำเข้ามาเยอะมาก จะให้ชิมทั้งหมดคงไม่ไหว”“จริงดิ ถ้าเป็นผมนะ ได้มาราคาก็ถูก จะชิมให้หนำใจเลย”“ผมไม่ได้มีนิสัยห